Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
ทำไมเค้าถึงมี ค่านิยมว่า อ้วน ไม่หนักหัวใคร อ้วนที่ตัวเอง ทั้งๆที่

Reply
Vote
# Thu 30 Sep 2021 : 11:36PM

ผู้ชมโทรทัศน์
member

Since 2014-11-04 11:54:10
(1659 post)
ถ้าอ้วนจนเป็นโรคอ้วนนั้นเป็นปัญหาสุขภาพโดยตรงต่อผู้อ้วนเองอย่างปฏิเสธไม่ได้
ผมขอไม่พูดถึงปรัชญาของลัทธิ Woke SJW ว่าด้วยสิทธิทางร่างกายต่างๆนาๆ เพราะผมไม่เห็นด้วยเรื่องที่จะให้ความอ้วนเป็น Beauty standard มันค่อนข้างขัดสร้างค่านิยมที่ผิดในแง่สุขภ
าพที่ดี ถ้าไม่นับนัก Sumo อาชีพ หรือพวกที่ต้องการที่อ้วนเพราะแฟนชั่นหรือต้องการอะไรบ้างอย่าง
แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่า คนอ้วนจะสวยจะหล่อ ไม่ได้ แค่พวกเขาพวกเธอต้องยอมรับว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพ และตัองพยายามลดน้ำหนัก
แต่จากที่ผมอ่านดูแล้วที่ จกขท.กล่าวว่า คนอ้วนที่เห็นแก่ตัวไม่มองว่าการอ้วนนั้นเป็นโทษช่างมีทัศนคติที่ผิดเพี้ยน
ปัญหาน่าจะมาจากการสื่อสาร
ลองนึกภาพเวลาเราไปหาหมอ แล้วต้องการบอกให้เรานั้นลดน้ำหนัก เขาจะพูดกับเราอย่างไร
"คุณรู้ไหมการที่คุณอ้วนนั้นภาระสังคม เปลื้องพลังงานไฟฟ้า เพิ่มค่าเสื่อมถอยให้เตียงโรงบาล เวลาเกิดอุบัติเหตุจะแบกคุณคนแบกหลังหักเสียชีวิตก่อน คุณต้องลดความอ้วนเดียวนี้ อย่าบอกว่าทำไม่ได้เพราะการที่อ้วนมันเจตนารมณ์ของคุณ ดูคนไข้คนนั้นสิไม่กี่เดือนเขาก็ลดน้ำหนักได้"
นั้นไม่น่าจะใช่ประโยคที่ดีสำหรับการชักชวนในการลดความอ้วนเท่าไหร่นัก
และในโลกความเป็นจริงที่เราอยู่นั้น การลดความอ้วนนั้นไม่ง่าย ซึ่ง Level ของความยากในการลดนั้นขึ้นอยู่กับปัจเจกบุคคล
สำหรับผมแล้วปัจจัยมีดังนี้
-สรีระ ร่างกายและการเผาพลาญ แคลอรี่ ร่างกายคนเรานั้นไม่เหมือนกันมากกว่าภายนอก ภายในเองก็ไม่เหมือนเช่นกัน
คนที่เผาแคลอรี่ได้เยอะก็จะลดเร็วกว่า คนที่น้ำหนักเยอะขาเล็กการออกกำลังแบบ Cardio ก็จะทำได้จำกัดอาจจะนำพาสู่ข้อเข่าเสื่อม หรือคนๆนั้นการมีโรคประจำตัวบ้างอย่างเช่น หอบหืด
ด้วยข้อจำกัดบางอย่างทางร่างกายของปัจเจกบุคคลจึงทำให้ระยะเวลาลดความอ้วนช้าเร็วไม่เท่ากัน
-การจัดสรรเวลาในการออกกำลังกาย แล้วแต่อาชีพของปัจเจกบุคคลเลยว่าจะว่างตอนไหน หรือต่อให้ว่างอาจจะมีกิจกรรมบ้างอย่างที่พวกเขาต้องทำหรือจำเป็นต้องทำ ไม่ว่าจะเป็นงานอดิเรกเล่นดูหนัง เล่นเฟช อ่านหนังสือ ปลูกประการัง เวลาเราทำงานอดิเรกนั้นจิตใต้สำนึกก็ไม่เคยที่คิดเลยต้องออกกำลังกาย
-การควบคุมอาหาร แน่นอนว่าทุกคนนั้นรู้แล้วว่าไม่กินจุจิก กินข้าวน้อยลง แต่ทว่าเรื่องการ กินจุจิกและการทานข้าวเยอะจนทำให้อ้วนนั้นเป็น นิสัย และ ความใหญ่ของกระเพาะอาหาร เป็นปัจจัยที่ควบคุมยากอยู่ในระดับจิตใต้สำนึก หรือบ้างคนอาจจะเป็นการกินแก้เครียดจนติดเป็นนิสัย
หากคนที่ไม่เข้าใจหลักลดน้ำ แล้วไปอดอาหารมั่วๆจะเป็นโรคกระเพาะได้
- พื้นที่ในการออกกำลังกาย การออกกำลังกายในห้องแคบๆก็ทำได้แต่หลายๆคนก็คงไม่ชอบนัก การออกกำลังกายในพื้นเป็นกว้างอย่างฟิชเน็ตหรือสวนสาธารณะ เป็นสิ่งที่ผู้คนปราณา แต่ทว่าเดินทางไปถึงสำหรับบ้างคนที่บ้านอยู่ไกล หรืออยู่ใกล้ก็รถติดบรรลัย ก็อาจจะทำหมดแรงจูงใจในการเดินทางได้ ซึ่งการที่คนอ้วนจะออกกำลังกายที่บ้านได้นั้นจะต้องมีวินัยสูง
-โรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า โรคเครียด ซึ่งมีผลต่อการกำลังกาย บ้างคนแม้เป็นโรคซึมเศร้าก็สามารถออกกำลังกายได้ แต่บ้างคนไม่สามารถทำได้เลย
- การจัดการเวลานอน เรื่องนี้ควบคุมยากกว่าที่คิดและมีผลต่อการออกกำลังกายมาก สำหรับคนอ้วนที่ชินกับการนอนดึก ตี 1 ตี 2 บ้างคนแค่เร็วขึ้นมาอีก ชั่วโมงก็หลับยาก พอหลับบากก็นอนไม่พอจะส่งผลการออกกำลังกายได้น้อยไม่มีแรง และการนอนดึกส่งต่อ Growth hormone ที่มีส่วนช่วยในการเผาพลาญพลังงาน และซ่อมแซมร่างกาย ระหว่างนอนหลับก็หลั่งออกมาน้อย
สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกว่าการลดความอ้วนให้ประสบความสำเร็จค่อนข้างยากตามปัจเจกบุคคล แต่ละคนนั้นมีพื้นหลังที่ไม่เหมือนกันซึ่งเป็นอุปสรรคในการลดน้ำหนัก และจริงๆแล้วพวกเขาก็ไม่ได้อยากจะอ้วนจนเป็นโรคอ้วนแต่อย่างใด
จขกท. อาจจะลดน้ำหนักได้ง่าย เพราะด้วยแรงจูงใจที่ไม่อยากเป็นภาระสังคม แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าคนอ้วนทุกคนจะรู้สึกชื่นชอบกับแรงจูงใจนี้ และนำมาเป็นปรัชญาในการผลักดันลดน้ำหนักตัวเอง








Reply
Vote




1 online users
Logged In :