Menu
Home
News
Space
N
Market
Forum
Feed
ทั้งหมด
ทั่วไป
เกม
อนิเม / มังงะ
ซื้อขาย
บทสรุป
แจ้งปัญหา
[--mobilemenu--]
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ขอลิ้งยืนยันใหม่
ลืมรหัส
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
[email protected]
หรือ
[email protected]
ทั้งหมด
>
บทสรุป
[PS3] Tales of Graces f (ToGf) - ร่วมสุมหัวเบิกทางสู่อนาคต[Walkthrough ]
Tweet
Reply
Vote
#
Thu 2 Dec 2010 : 8:41AM
Next
member
Since 2/12/2005
(4452 post)
Walkthrough Part4
- เมื่อกลับมาถึงท่าเรือซาเวทและจบอีเวนท์แล้ว จะเอาโซฟีเข้าสู้ไม่ได้ ให้กลับเข้าเมืองซาเวท
- เข้าไปในโรงแรมและพักที่นั่น
- กลับไปที่ท่าเรือ แล้วไปยัง ออล เรยู (オル・レイユ)
- ออกจากเมืองไปยังเซเบิล อิโซเร (セイブル・イゾレ) และไปยังหน้าศูนย์วิจัยของเมือง
- เข้าไปภายในศูนย์วิจัย และสำรวจที่แท่นตรงกลาง ซึ่งจะมีอีเวนท์ลงไปห้องข้างล่าง
- กลับไปยังท่าเรือ และนั่งไปยังท่าเรือเบลานิค (ベラニック南の港 )
- ออกจากท่าเรือไปทางขวาเรื่อยๆ ซึ่งจะกลับเข้าเขตเมืองแลนท์
- เดินผ่าประตูกั้นชายแดนมาเล็กน้อย แล้วใช้ทางแยกทางขวามือเพื่อเข้าสู่่ถ้ำริมชายฝั่งทะเล (海辺の洞窟)
- เดินเข้าไปยังลานกว้างที่มีจุดเซฟอยู่ใกล้ๆแอ่งน้ำ สำรวจที่กำแพงหินอีกฟากหนึ่งซึ่งจะเห็นเป็นรอยแปลกๆอยู่ จะเปิดเข้าไปข้างในได้ และพบอากาศยาน ชาโทล
- ออกจากถ้ำและกลับไปยังเมืองแลนท์ (ラント) ซึ่งจะพบอีเวนท์อีก
- ไปที่บ้านของอัสเบล และเข้าไปที่ห้องของอัสเบล (ขวาบน)
- เมื่อทุกคนแยกออกจากกลุ่มแล้ว ให้ไปยังห้องทำงาน (ซ้ายล่าง)
- กลับไปที่ห้องอัสเบล แล้วทุกคนจะกลับเข้าทีมอีกที จากนั้นให้ออกมาพบอีเวนท์ที่หน้าบ้านอีกที
- จากนั้นให้กลับไปที่เบลานิค (ベラニック) จะคุยกับคาเมะนินที่หน้าบ้านเพื่อมาเบลานิคเลย หรือจะเดินเอาก็ได้
- เมื่อมาถึงเบลานิค ให้เข้าไปที่ถ้ำด้านบนของเมือง แะเมื่อเข้าไปจนถึงจุดที่มีทหารยืนกันอยู่ ให้เลี้ยวขวาออกไปอีกทาง
Story Synopsis
ที่ท่าเรือซาเวท เชเรียและฮิวเบิร์ทกำลังพยายามรักษาอาการบาดเจ็บของโซฟีซึ่งยังคงหมดสติอยู่ เมื่อฟื้นขึ้นมาเธอก็ดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมาน ทั้งร่างเหมือนจะส่งแสงเรื่อๆออกมา เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งเธอก็มองไม่เห็นอะไรเลย เชเรียและฮิวเบิร์ทพยายามรักษาต่อก็แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย ทุกคนจึงพาโซฟีไปหาที่พักก่อน
ในห้องพักในโรงแรมของซาเวท อาการของโซฟีได้สงบลงแล้ว ปาสคาลได้เอ่ยถึงความสงสัยของเธอที่ว่าโซฟีอาจจะไม่ใช่มนุษย์แบบคนอื่น ดังนั้นอาการที่โซฟีเป้นอยุ่นันมนุษย์คงไม่สามารถรักษาได้ นั่นทำให้อัสเบลโกรธ เพราะจะเป็นมนุษย์หรือไม่ก็ตาม แต่ความทรมานที่เห็นอยู่นั้นก็เป้นเรื่องจริง
ปาสคาลก็บอกว่าเธอก็หมายถึงเรื่องนั้น และบอกถึงตอนที่เธอไปหาข้อมูลที่ห้องแห่งความทรงจำในหมู่บ้านอันมัลเทีย ซึ่งมีข้อความที่พูดถึงฟอโดร่า และโปรโตสเฮส ซึ่งเป็นชื่อที่ริชาร์ดใช้เรียกโซฟีก่อนหน้านี้ ซึ่งหากนั่นเป็นจริงก็หมายความโซฟีมาจากฟอโดร่านั่นเอง แต่ก็ติดที่ไมรู้ว่าริชาร์ดพูดจริงหรือเปล่า และบันทึกที่ได้อ่านนั้นก็เป็นของที่เก่ามากแล้วด้วย ทำให้ไม่รู้สถานที่ตั้งของฟอโดร่า แต่ก็น่าจะเป็นไปได้ที่จะหาฟอโดร่าได้เจอ
ทุกคนเห็นด้วยที่จะไปฟอโดร่าด้วยกัน มาริคก็ถามถึงสาเหตุของอาการบ้าคลั่งของริชาร์ด ซึ่งปาสคาลก็คาดว่าริชาร์ดคงเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า "แลมด้า" ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะทางใด พวกเธอก็ต้องไปที่ฟอโดร่าเพื่อค้นหาความจริงอยู่ดี ซึ่งปาสคาลอยากจะไปที่ห้องแห่ความทรงจำอีกครั้ง แต่พัวซอนก็เดินเข้ามาพร้อมกับท่านป้าแห่งอันมัลเทีย ซึ่งท่านป้าก็บอกว่าเรื่องที่ปาสคาลต้องการจะค้นหานั้นไม่อยู่ในห้องแห่งความรู้ของหมู่บ้านอันมัลเทีย แต่อยู่ที่อีกที่หนึ่งซึ่งชาวอันมัลเทียเคยอาศัยมาก่อนที่จะด้ย้ายมาอยู่ที่นี่กันหมด ที่แห่งนั้นจึงถูกผนึกเอาไว้ ซึ่งคือเมืองเซเบิล อิโซเรนั่นเอง
พัวซอนได้อาสาที่จะคอยดูและโซฟีให้จนกว่าทุกคนจะกับมาพร้อมทางรักษา ทุกคนจึงตัดสินใจไปที่ท่าเรือเพื่อไปยังเซเบิล อิโซเร แต่ก่อนที่จะขึ้นเรือ พัวซอนก็พยุงโซฟีมาหาทุกคน เพราะเธอบอกว่าอยากจะไปกับทุกคนด้วยและจะพยายามไม่เป็นตัวถ่วงของทุกคน พัวซอนได้มอบสารจากเฟนเดลถึงสตราต้า เธอยังได้มอบเครื่องมือสื่อสารให้กับปาสคาลเพื่อใช้ส่งข่าวหากมีอะไรเกิดขึ้นด้วย
เรือได้เทียบท่าที่ออล เรยู ซึ่งทหารสตราต้าก็มาล้อมทุกคนเอาไว้ทันที เพราะทุกคนมากับเรือของเฟนเดลที่มีปัญหากันมาก่อน แต่เมื่อได้เห็นฮิวเบิร์ท เหล่าทหารก็ถอนตัวกลับไป และฮิวเบิร์ทยังได้รู้จากนายทหารว่าประธานาธิบดีดาวิดได้เดินทางมาที่นี่เพื่อดูสถานการณ์ของนรังไหมที่เกิดขึ้น และตอนนี้อยู่ที่เมืองเซเบิล อิโซเร
ทุกคนไปที่นั้นและพบดาวิดที่หน้าศูนย์วิจัย ฮิวเบิร์ทได้มอบสารจากเฟนเดลให้กับท่าน ทำให้ได้รู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ฮิวเบิร์ทยังได้แจ้งว่าพวกเขามาที่เมืองนี้เพื่อค้นหาบันทึกความทรงจำของอันมัลเทีย ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจใช้เพื่อต่อต้านริชาร์ดได้ นักวิจัยได้บอกว่าพวกเขาได้พบสถานที่แห่งนั้นข้างใต้ศูนย์วิจัย และสามารถคลายผนึกได้ก็จริง แต่ก็ไม่มีใครสามารถใช้งานอะไรข้างในได้เลย ซึ่งประธานาธิบดีก็อนุญาตให้เข้าไปลองดูกันได้ โดยที่เขากับนักวิจัยก็จะขอเข้าไปด้วย
พวกเขาลงไปยังข้างใต้ศูนย์วิจัยซึ่งเป็นห้องบันทึกความทรงจำอีกแห่ง ปาสคาลเปิดใช้งานเครื่องทันที เมื่อค้นหาข้อมูลซักพักเธอก็บอกถึงเรื่องที่ทำให้ทุกคนแปลกใจ ดาวดวงนี้มีนั้นทะเลล้อมรอบอยู่ทุกทิศ และการจะผ่านทะเลนั้นออกไปได้นั้นก็ต้องมียานที่ชื่อว่า "ชาโทล" ซึ่งหากมุ่งหน้าเป็นแนวทะแยงสู่ทะเลภายนอกนั้นทันทีที่ออกตัว ก็น่าจะสามารถพุ่งผ่านออกไปได้ และยาน"ชาโทล" ที่ว่านั้นก็อยู่ที่ถ้ำริมชายฝั่งทะเลของแลนท์นั่นเอง
ทันทีที่ออกมานอกศูนย์วิจัย ทหารคนหนึ่งก็รีบวิ่งมาแจ้งประธานาธิบดีว่าทัพเรือที่มุ่งหน้าไปยังรังไหมได้ถูกศัตรูโจมตี ไม่ใช่จากเฟนเดลหรือสตราต้า แต่เป็นเหล่าปีศาจที่ออกมาจากรังไหมทันทีที่ทัพเรือได้เข้าไปไกล้ ซึ่งนอกจากปริมาณที่มากแล้ว แต่ละตัวก็เก่งกาจเกินกว่าที่ทหารจะรับมือกันได้ง่าย ดาวิดจึงสั่งให้ปิดท่าเรือทั้งหมด และให้เฉพาะเรือของกองทัพแล่นออกไปได้เท่านั้น ส่วนพวกอัสเบลได้อาศัยเรือของทัพเรือ เพื่อโดยสารไปยังเฟนเดล และกลับเข้าเขตเมืองแลนท์ในที่สุด
พวกอัสเบลได้พบประตูลับริมผาหินภายในถ้ำ และพบกับโรงจอดยานชาโทล ปาสคาลได้ลองตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆและเห็นว่ายานอยู่ในสภาพดี และยังพบว่าที่สตราต้าและเฟนเดลนั้นมีอุปกรณ์ยิงคลื่นพลังอยู่ฝั่งละที่ หากยิงพลังงานจากสองแห่งนั้นพร้อมกันก็จะสามารถแหวกทะเลที่ล้อมดาวดวงนี้ได้ และชาโทลก็จะพุ่งผ่านรูนั้นไปได้ ปาสคาลได้ลองเปิดการทำงานของระบบทั้งหมดดู แต่ก็พบว่าอุปกรณที่อยู่ฝั่งเฟนเดลนั้นไม่ทำงาน ซึ่งคงต้องไปที่นั่นเพื่อตรวจสอบอีกที ปัญหาอีกหนึ่งก็คือการจะส่งยานออกไปนั้น จะต้องมีคนหนึ่งอยู่ที่นี่เพื่อทำการปล่อยยาน ซึ่งคนที่จะทำได้ก็ต้องมีความรู้พอตัว ซึ่งฟูริเอ พี่สาวของปาสคาลน่าจะทำได้ แต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าจะขอร้องให้มาช่วยได้หรือเปล่า ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องหลังจากนี้
เมื่อออกมาจากโรงเก็บยาน นกส่งสารสรพัวซอนก็บินมาแจ้งว่าปีศาจที่ออกมาจากรังไหมเริ่มอาละวาดไปทั่ว จนแม้แต่เฟนเดลก็ได้สั่งปิดท่าเรือแล้ว จากนั้นเธอก็ได้ส่งข้อความตอบกลับไป พบดีกับที่ฝูงปีศาจได้บินผ่านทุกคน และทิศทางที่พวกมันมุ่งไปนั้นก็คือเมืองแลนท์
ภายในเมืองนั้นเต็มไปด้วยความโกลาหลจากเหล่าปีศาจมากมาย อัสเบลได้เข้าไปช่วยบารี่สู้กับพวกมัน ส่วนคนอื่นๆก็ถูกล้อมเอาไว้หมด โซฟีได้ก้าวออกมาแะใช้พลังของตนกำจัดปีศาจไปหมดในพริบตาเดียว แต่ก็ทำให้อาการของเธอทรุดลงทันตาเห็น พวกเขาจึงรีบพาเธอไปพักผ่อนที่บ้านก่อน
ขณะที่โซฟีพักผ่อน อัสเบลและฮิวเบิร์ทได้ไปพบกับบารี่, เครี่ และเรมอนที่ห้องทำงาน เขาได้ขอบคุณทุกคนที่ช่วยปราบปีศาจให้ และรู้สึกเป็นหนี้โซฟีที่ช่วยเหลือพวกเขาจนตัวเองต้องเป็นแบบนั้น ซึ่งอัสเบลบอกว่าไม่ใช่เพราะพวกบารี่ ซึ่งอัสเบเองก็กำลัจะไปที่แห่งหนึ่งเพื่อหาทางช่วยเธอ
เมื่อเดินผ่านหน้ารูปของครอบครัว อัสเบลได้คิดถึงเรื่องพ่อ และตอนที่ตัวเองออกจากบ้านเพราะอยากเป็นอัศวิน เพื่อปกป้องผู้อื่น แต่ทั้งหมดนั้นก็ยังไม่เพียงพอ เขาสงสัยว่าพ่อเคยคิดอย่างไรกับการที่ต้องใช้ชีวิตในฐานะเจ้าเมือง และตายในฐานะนั้น เครี่ แม่ของพวกเขาได้เดินเข้ามาบอกว่าอัสต้อนเองก็เหมือนกับอัสเบล เขาจะคิดเสมอว่าจะทำอย่างใรเพื่อคนอื่น และหากคนอื่นสิ้นหวัง เขาก็จะพยายามเป็นกำลังให้ การที่อัสเบลและฮิวเบิร์ทออกไปจากบ้านนั้น พ่อของพวกขาเป็นคนที่เป็นห่วงมากที่สุด เพราะว่าพ่อเป็นคนที่พูดไม่เก่งจึงไม่สามารถสื่อความรู้สึกถึงลูกๆทั้งสองคนได้ ตอนนี้พวกเขาก็คงจะยังมีความข้องใจอะไรอยู่ แต่เครี่ก็เชื่อว่าลูกๆของเธอซึ่งมีสายเลือดของอัสต้อนจะสามารถค้นหาคำตอบได้ และเธอก็อยากให้กำลังใจพวกเขาให้มุ่งหน้าไปตามทางที่พวกเขาเชื่อต่อไป
未開の雪道
(แดนหิมะรกร้าง)
Discovery
: 氷沈花 (แผน่น้ำแข็งซึ่งจะต้องใช้ทางเดินทางขวามือจากซากโบราณน้ำแข็ง)
Item
: 魔法カルタNo.18 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
- เดินไปตามทาง ซึ่งจะพบทางเข้าซากโบราณน้ำแข็ง (มีคาเมะนินไว้ให้คอยเติมเสบียงด้วย)
- หากอยากจะเก็บเลเวลหรือปั้มหินตีบวกอาวุธ จุดนี่จะเหมาะสมที่สุด เพราะมีจุดเกิดศัตรูใกล้ๆคาเมะนินสองตัว หากใช้ Dark Bottle ก็จะสามารถเดินวนไปวนมาแถวนั้น สู้ได้ไม่รู้จบ และเติมเสบียงได้ง่าย
雪に閉ざされた遺跡
(ซากโบราณซึ่งถูกปิดผนึกไว้ด้วยน้ำแข็ง)
Discovery
: 故郷への想い (ประตูขวาหลังจากเข้ามาทีแรก), 朽ちた機械の墓場 (อ่านต่อข้างล่าง)
- ในห้องแรก ให้เข้าประตูกลางและลงไปกดเปิดสวิตช์พลังงานข้างล่างก่อน
- ประตูฝั่งซ้ายแะขวา จะต้องหมุนหัวลูกศรให้หันไปหาประตู เพื่อให้พลังงานเข้าไปได้ก่อน (ทั้งด่านจะเป็นแนวนี้หมด)
- เข้าประตูกลางข้างบนและไปตามทางเรื่อยๆ ถึงจุดแยกพลังงานแรก ซ้ายจะไปเก็บของ ขวาจะเป็นทางไปต่อ
- จุดแยกพลังงานที่สอง ขวาไปเก็บของ ซ้ายไปต่อ
- ไปตามทางเรื่อยๆ จนถึงจะแยกพลังงานที่สาม (A) ไปทางซ้ายก่อน
- เจอจุดแยกพลังงานที่สี่ ซ้ายจะไปเก็บ Discovery ขวาบนไปต่อ
- เข้าไปจนถึงประตูใหญ่ ให้หันหัวลูกศรเข้าหาประตูเช่นเคย แล้วเดินย้อนกลับไปจุด A
- จุด A ใ้ห้ไปทางขวาบ้าง เจอจุดแยกพลังงานที่ห้า ขวาไปเก็บของ ซ้ายไปต่อ
- ถึงหน้าประตูแล้วก็หันลูกศรชี้เข้าไปเช่นเคย แล้วผ่านประตูเข้าไป
- ถึงห้องใหญ่ หากเบนพลังงานไปทางขวาก็จะไปเก็บของ
- ทำให้พลังงานทั้งสองสายชี้ไปหาประตูข้างบนให้ได้ เดินเข้าไปแล้วจะเจอกับบอส ポリュカルポス (มีโทรฟี่ปราบในหนึ่งนาที ポリュカルポス1分撃破)
- ออกมานอกซากโบราณแล้วจะสู้กับมอนสเตอร์ข้างนอก เสร็จแล้วให้เดินย้อนกลับไปที่ถ้ำริมชายฝั่งทะเล (จะใช้คาเมะนินก็ได้อีกเช่นกัน)
- เข้าไปยังถ้ำที่พบยานชาโทล และพบอีเวนท์อีกที แล้วให้ออกมา ใช้ทางออกข้างล่าง และเมื่อเจอจุดแยกแรกก็ให้เลี้ยวไปทาวซ้าย จะพบอีเวนท์กับเชเรีย
- เสร็จแล้วก็ให้กลีบไปที่ยานอีกครั้ง เมื่ออีเวนท์จบอีกครั้ง ให้ออกมาอีกที คราวนี้ให้ใช้ทางออกซ้ายบน จะต้องสู้กับปีศาจอีกกลุ่ม
- กลับไปที่ชาโทลอีกที จะเข้าอีเวนท์ออกบินสู่ฟอโดร่า (フォドラ)
Story Synopsis
ก่อนจะถึงที่หมาย พัวซอนก็ได้ส่งข่าวมาบอกว่าเธอได้ไปหาฟูริเอเพื่อพยายามอธิบายเรื่องที่ปาสคาลต้องการคนมาควบคุมการปล่อยยานชาโทลให้ฟังแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ไม่อยู่ที่ศูนย์วิจัย แต่พัวซอนก็ได้ทิ้งจดหมายไว้แล้ว ซึ่งปาสคาลก็คิดว่าถ้าฟูริเอไม่มาจริงๆ เธอก็คงต้องหาทางแก้ระบบส่งยานให้สามารถควบคุมจากในยานได้ แต่นั่นก็ต้องหลังจากจัดการเปิดระบบยิงหลังงานที่นี่ก่อน
เมื่อเปิดระบบพลังงานได้แล้ว ทุกคนก็รีบกลับไปยังโรงจอดยานชาโทล พัวซอนได้รออยู่ที่นั่นแล้วและขอให้ตัวเองได้ช่วยเหลือการปล่อยยานแทนฟูริเอ ซึ่งทำให้ปาสคาลใจแป้วไปเหมือนกันที่สุดท้ายแล้วพี่สาวของเธอก็ไม่ได้มา ทั้งสองคนเริ่มลงมือเตรียมการปล่อยยานซึ่งต้องใช้เวลาอยู่บ้าง ซึ่งเชเรียได้เดินออกไปข้างนอก
เชเรียรู้สึกกังวลถึงเรื่องที่กำลังจะขึ้นยานเพื่อฝ่าทะเลที่ล้อมรอบโลกออกไป รวมถึงดาวที่เป็นที่มาขอวโซฟี ซึ่งเธอก็กลัวบ้าง แต่นั่นก็เพื่อโซฟี ซึ่งเป็นคนสำคัญที่ทำให้เธอได้พบกับทุกคนอีก ถึงตอนเป็นเด็กเชเรียจะเห็นว่าเป็นคู่แข่งก็ตาม ทั้งโตกว่าและแข็งแรงกว่ามาก ตอนแรกก็คิดว่าเป็นคนแปลกๆ แต่พอคิดว่ามาจากอีกฟากหนึ่งของดวงดาวแล้วก็คงไมแปลกที่จะทำอะไรแบบนั้นได้ อัสเบลเองก็คิดแบบนั้น ต่ไม่ว่าจะมาจากที่ไหน เรื่องที่โซฟีเป็นคนสำคัญของพวกเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลง และพวกเขาก็จะไม่ยอมให้เรื่องจบลงแบบนี้แน่นอน
ในที่สุด การเตรียมการปล่อยยานก็เสร็จสิ้น ระบบต่างๆถูกเปิดอย่างสมบูรณ์ พัวซอนได้เริ่มนับถอยหลังเตรียมปล่อยยาน แต่ก่อนทุกคนจะได้เข้าไปรอนยาน เสียงปีศาจก็ดังออกมาจากข้างนอก ซึ่งการเตรียมปล่อยยานได้เริ่มไปแล้วและยากที่จะหยุดได้ ทุกคนจึงต้องไปต้านปีศาจเหล่านั้นก่อน และก็ได้ความช่วยเหลือจากบารี่และทหารของแลนท์ พวกอัสเบลจึงสามารถกลีบไปเตรียมตัวในชาโทลได้
เมื่อยานชาโทลถูกปล่อยออกไป อีกฟากหนึ่งของแท่นปล่อยก็มีปีศาจจำนวนมากดักรออยู่ แต่ฟูริเอก็มาพร้อมกับอสูรทดลองจำนวนมากมายของเธอ และเข้าเปิดทางให้ยานชาโทลสามารถผ่านออกไปได้ พัวซอนได้สั่งยิงพลังงานจากฐานทั้งสองที่เฟนเดลแะสตราด้า ซึ่งได้บรรจบกันตรงกลางเป็นลำเดียวและเจาะทะลุทะเลที่ล้อมรอบดาวได้สำเร็จ ยานชาโทลพุ่งผ่านรูนั้นออกสู่อวกาศ และมุ่งหน้าสู่ดาวสีแดงขนาดยักษ์เบื้องหน้า
13号地区 (เขตที่ 13)
Discovery: 秘密基地 (ทางเดินทางใต้จากจุดที่ชาโทลตก)
Item: 魔法カルタNo.21 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
- ตอนนี้จะกลับไปที่เมืองอื่นๆไม่ได้แล้ว หากอยากซื้อของหรือพัก ก็สามารถสำรวจเครื่องในชาโทลได้
- จากจุดตก ให้เดินไปทางซ้ายมือเรื่อยๆ ผ่านทางแยกแรกไปก่อน ซึ่งจะพบกับจุดวาร์ปเข้าเมืองเทลอสแอสทิว) อยู่อีกฝั่ง
テロスアステュ (เทลอสแอสทิว)
Discovery: 大きなオケ (เครื่องจักรกลางชั้น 1F), 緑の希望 (ห้อง 記録区 ที่ชั้น 2F), 魔法カルタNo.39 (ห้อง 居住区 ชั้นใต้ดิน)
Items: ナモナキハナの種 (ชั้นใต้ดิน), 熱血の魔導書 (หีบในโรงเก็บชาโทลชั้นใต้ดิน - ห้องทางเหนือ ใส่รหัส エフィネア)
- ในเมือง ให้ใช้ลิฟท์ (มีซ้ายกับขวา) ลง ไปชั้นใต้ดิน (地下1階) เข้าห้องทางตะวันตก จะพบเอเมโรด (エメロード)
- ออกจากเมืองแล้วเดินย้อนไปยันจุดยานตก แต่เมื่อพบแยกแรกให้เดินเข้่าทางด้านบนแทน จะพบทางวาร์ปเข้าศูนย์วิจัยโคเนล
コーネル研究施設 (ศูนย์วิจัยโคเนล)
Discovery: 古ぼけた積み木 (ชั้นใต้ดิน 2 -地下2階 สำรวจทางขวาบนของห้องทดลอที่เจออีเวนท์แรก), タルロウX (ชั้นใต้ดิน 3 ห้องทางขวาบน)
Items: 置換の魔導書 (ชั้นใต้ดิน 1 ห้องทางซ้ายล่าง)
- เข้ามาภายใน เดินจนถึงจุดที่มีประตูกั้น ให้เข้าทางวาร์ปใกล้ๆนั้นเพื่อกดสวิตช์เปิด
- เมื่อผ่านประตูมาจะพบห้องสองห้อง A และ B ซึ่งแต่ละห้องจะมีแบตเตอรี่สองก้อน ให้สำรวจเอามาก่อนก้อนหนึ่งจาก A
- หน้าห้อง B จะมีแท่นให้สำรวจเพื่อวางแบตเตอรี่ จากนั้นให้กลับไปที่ห้อง A เพื่อเอาแบตอีกก้อนมาด้วย
- เข้าลิฟท์ใกล้ๆห้อง B จะลงไปยังชั้นใต้ดิน 1 เดินไปจนเจอประตู เข้าทางวาร์ปใกล้ๆเพื่อลงไปเปิดสวิตช์
- วางแบตเตอรี่ที่แท่นหน้าลิฟท์ตัวต่อไป ใช้ลิฟท์กลับไปชั้น 1 เพื่อเอาแบตเตอรี่ก้อนใหม่จากห้อง B แล้วให้ลงไปยังชั้นใต้ดิน 1 แล้วลงไปชั้นใต้ดิน 2 ทันที
- เข้าไปจนถึงห้องทดลองแรก จะพบอีเวนท์
- เดินต่อมาจนถึงลิฟท์ตัวต่อมา วางแบตเตอรี่แล้วขึ้ลิฟท์กลับไปชั้น 1 หยิบแบตเตอรี่จาก B มาอีกที กลับเข้าลิฟท์ลงมายังชั้นใต้ดิน 3
- เดินจนเจอประตูขวาง เข้าจุดวาร์ปไปเปิดสวิตช์อีก
- วางแบตเตอรี่เข้าลิฟท์ ลงไปยังชั้นใต้ดิน 4 ได้เลย
- ถึงจุดเซฟแล้วจะพบห้องทดลองที่สอง จะพบอีเวนท์และมีภาพฉายของแต่ละคนออกมา สำรวจภาพของแต่ละคน และเมื่อสำรวจภาพของริชาร์ด จะต้องสู้กับบอส แลมด้า (ラムダ) มีโทรฟี่ "ปราบแลมด้าในหนึ่งนาที" (ラムダ1分撃破!)
- ย้อนกลับไปที่ห้องทดลองที่ 1 ชั้นใต้ดิน 2 แล้วโซฟีจะกลับเข้าร่วมทีมอีกครั้ง
- ขึ้นลิฟท์กลับมาชั้น 1 และออกจากศูนย์ทดอง
- เดินออกมาและใช้เส้นทางตะวันออก เพื่อเข้าไปยังเขตที่ 66
Story Synopsis
ยานชาโทลได้ลงจอดอย่างไม่งามนักบนดาวฟอโดร่า ทันทีที่ออกมาจากยาน ทุกคนก็ไม่เห็นอะไรอื่นนอกจากพื้นดินสีแดงที่แตกระแหงและความแห้งแล้งไร้ซึ่งสีเขียวของต้นไม้ บนฟ้าไกลออกไปปาสคาลเห็นดาวที่ทุกคนพึ่งจากมาอยู่ลิบๆ ซึ่งเธอเองก็ไม่แน่ใจว่ายานชาโทลจะสามารถบินขึ้นอีกได้หรือเปล่า แต่ถ้าพบที่ๆสามารถรักษาโซฟีได้ ก็อาจจะหาทางซ่อมยานได้ ทุกคนจึงมุ่งหน้าไปยังสิ่งปลูกสร้างที่ลอยอยู่กลางอากาศที่อยู่ไกลออกไปในระยะสายตา
ภายในนั้นซึ่งเป็นเมืองที่ไร้ผู้คนอยู่เลย ทุกคนได้เห็นร่างเล็กๆร่างหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ ซึ่งทีแรกอัสเบลก็นึกว่าเป็นโซฟีเพราะมีลักษณะคล้ายๆกัน ทันทีที่ปาสคาลลองแตะๆดู ร่างนั้นก็สลายกลายเป็นอณูแสงไปหมด พวกเขายังได้พบอีกคนนึงยืนอยู่ไกลๆ และได้วิ่งนำพาพวกเขาเข้าไปในห้องหนึ่งซึ่งมีผู้หญิงผมสีเขียวคนนึงนอนอยู่บนแท่น
เชเรียได้ลองตรวจสอบดูและก็ไม่พบว่ามีสัญญาณชีพเลย แต่ก็ไม่เหมือนว่าตายแล้วเช่นกัน ตอนนั้นเธอคนนั้นก็ลืมตาตื่นขึ้น เมื่อเธอได้ยินว่าพวกอัสเบลมาจากดาวอีกดวง เธอก็ถามว่าพวกเขาได้ทำลายเขตแดนออกมาจากเอฟีเนียได้หรือ ทำให้ทุกคนงงกับชื่อที่เคยได้ยิน
เธอยังได้ถามอีกว่าทำอย่างไรจึงทำลายเขตแดนออกมาได้ ซึ่งปาสคาลได้ตอบว่าบรรพบุรุษของเธอได้สร้างยานชาโทลเพื่อให้ออกมาได้ เมื่ออีกฝ่ายได้ยินเช่นนั้นก็รู้ว่าปาสคาลเป็นชาวอันมัลเทีย ซึ่งทำให้ปาสคาลคิดว่าชาวอันมัลเทียมีส่วนเกี่ยวข้องกับฟอโดร่าหรือเปล่า
เธอคนนั้นได้แนะนำตัวเองว่าชื่อ "เอเมโรด" และบอกว่าตัวเองคงหลับไปนานมากถึงเป็นพันปี ซึ่งที่จริงเธอคาดว่าจะหลับไปจนกว่าความวุ่นวายบนดาวดวงนี้จะสงบเท่านั้น อัสเบลได้ถามเอเมโรดว่ารู้จักโซฟีหรือไม่ ซึ่งเธอก็ตอบว่านั่นคือโปรโตสเฮสและบอกว่าดูจะเสียหายมาก ทำให้เชเรียแปลกใจที่เอเมโรดใช้คำพูดแบบนั้น
เอเมโรดได้บอกว่าโปรโตสเฮสไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นมนุษย์เทียมที่ชาวฟอโดร่าได้ทำการวิจัยขึ้นเพื่อการสู้รบเรียกว่า "ฮิวมานอยด์" หรือสิ่งที่ทำเลียนแบบมนุษย์ ทำให้ฮิวเบิร์ทหายแปลกใจที่โซฟีไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อเจ็ดปีก่อนเลย แต่สำหรับอัสเบลแล้วโซฟีก็คือโซฟี เขาจึงถามเธอถึงวิธีการรักษา
เธอได้บอกว่าโปรโตสเฮสมีระบบรักษาตัวเองซึ่งตอนนีิ้ดูเหมือนจะหยุดทำงาน และการจะซ่อมแซมนั้นก็ต้องไปยังศูนย์วิจัยฮิวมานอยด์ แต่ภายนอกนั้นดูเหมือนจะวุ่นวายยิ่งกว่าก่อน ทำให้ทุกคนอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ อาการของโซฟีเองก็ไม่ดีนัก และถึงจะซ่อมแซมได้เธอก็ไม่อาจรับประกันว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก แต่อัสเบลก็ยังยืนยันที่จะช่วยโซฟีเพื่อเธอเป็นเพื่อนของพวกเขา
ที่ศูนย์วิจัยฮิวมานอยด เอเมโรดได้พาทุกคนไปยังห้องวิจัยแรกซึ่งมีเครื่องกลที่เหมือนกับที่เคยฉายภาพโซฟีเมื่อก่อนหน้านี้ เธอได้เปิดใช้งานระบบซึ่งปาสคาลก็ได้เห็นว่ามีชื่อของ "แลมด้า" ปรากฏออกมาอีก เอเมโรดบอกว่านั่นเป็นชื่อของฝันร้ายของพวกเธอ ซึ่งแต่เดิมนั้น แลมด้าเป็นรูปแบบชีวิตที่พวกเธอพบโดยบังเอิญระหว่างทำการวิจัยลัสตาเรีย และ "ศาสตราจาร์ยโคเนล"ได้ทำการวิจัยที่ศูนย์วิจัยนี้ แลมด้ามีความสามารถที่น่าประหลาดใจหลายอย่าง และอันหนึ่งก็คือการให้กำเนิดปีศาจออกจากร่างกาย ซึ่งพวกปีศาจเหล่านั้นได้ทำให้เกิดความวุ่นวายบนฟอโดร่า และทำให้เกิดความวิบัติที่เป็นอยู่ที่ในตอนนี้
ตอนนั้น เครื่ิองฉายภาพก็แสดงภาพของรังไหมให้ดู ซึ่งเป็นรังไหมแบบเดียวกับที่กำลังก่อตัวบนเอฟีเนีย เอเมโรดได้บอกว่าหลังจากสร้างหายนะบนฟอโดร่าแล้ว แลมด้าก็ได้หลบไปยังเอฟีเนีย พวกเธอจึงได้สร้างฮิวมานอยด์ที่สามารถต่อต้านแลมด้าได้และส่งตามไปที่เอฟีเนียเช่นกัน ซึ่งนั่นก็คือตัวตนที่แท้จริงของโปรโตสเฮสที่พวกเขาเรียกว่าโซฟี แต่พวกของเธอซึ่งตามไปด้วยก็ได้แจ้งกลับมาว่าภารกิจนั้นไม่สำเร็จ เธอจึงต้องยอมสละเพื่อนๆเพื่อผนึกแลมด้า โดยการผนึกเอฟีเนียทั้งดวงไว้ภายใต้เขตแดนนั้น
ขณะกำลังจะไปต่อกันนั้น ร่างของโซฟีก็เริ่มมีอณูแสงลอยออกมา เอเมโรดบอกว่าการสลายตัวได้เริ่มขึ้นแล้ว สิ่งที่กำลังเรืองแสงอยู่นี้ก็คืออณูสสารขนาดเล็กที่รวมตัวกันเป็นร่างของโปรโตสเฮส แต่ละอณูนั้นมีขนาดเล็กกว่าเม็ดทราย แต่เมื่อรวมกันมากๆเข้าก็สามารถกลายเป็นร่างมนุษย์ได้
ตอนนั้น ร่างของอัสเบล เชเรีย และฮิวเบิร์ท ก็มีอณูแสงลอยออกมาบ้าง ซึ่งเอเมโรดมองด้วยความแปลกใจ พร้อมบอกว่านี่เป็นอณูแบบเดียวกับของโปรโตสเฮส ซึ่งดูเหมือนจะเกิดจากการแบ่งสสารจากโปรโตสเฮสไปให้พวกเขา ตัวของโซฟีนั้นเกิดจากการก่อตัวของสสารเพื่อให้ได้ร่างมนุษย์ และมีความสามารถในการรักษาและฟื้นตัวเช่นกัน แต่การแบ่งสสารนั้น จะเป็นการแบ่งแยกอณูของร่างกายตัวเองไปไว้กับสิ่งอื่น ซึ่งในกรณีนี้ สิ่งอื่นที่ว่าก็คือทั้งสามคนนั่นเอง ซึ่งเอเมโรดได้ถามว่าโซฟีเคยทำสิ่งดังกล่าวให้พวกเขาหรือเปล่า ทำให้พวกอัสเบลนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเจ็ดปีก่อนขึ้นมา
เอเมโรดพูดด้วยความฉงน เพราะการแบ่งสสารซึ่งตรงข้ามกับการก่อตัวของสสารนั้เกิดขึ้นได้ยากมาก ซึ่งหากผิดพลาดขึ้นมา ตัวโปรโตสเฮสก็อาจจะไม่สามารถกลับคืนสภาพได้อีกเลยก็ได้ ปาสคาลได้ถามถึงความสามารถในการฟื้นตัวของอณูสสารนั้นในกรณีที่ถูกแบ่งไปอยู่ในสิ่งรองรับอื่น เอเมโรดก็คาดว่าสิ่งรองรับอื่นนั้นก็คงจะได้ความสามารถในการฟื้นตัวนั้นไปด้วยเช่นกัน ปาสคาลจึงคิดได้ว่าโซฟีอาจจะแบ่งชีวิตของตัวเองออกเป็นสามส่วนเพื่อช่วยชีวิตของพวกอัสเบลก็ได้ พวกเขาจึงเข้าใจว่าเจ็ดปีก่อนนั้นโซฟีไม่ได้หายไปไหน แต่อยู่ในตัวพวกเขานั่นเอง ซึ่งที่พวกเขามีพลังเหมือนกับโซฟีก็คงเพราะเรื่องนี้เช่นกัน
ปาสคาลได้ถามเอเมโรตถึงสภาพของอณูสสารในเวลานี้หากเกิดการแบ่งสสารอีกจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งคำตอบก็คืออณูสสารจะไม่สามารถกลับไปรวมตัวกันเพื่อสร้างร่างเนื้อไ้ด้อีก ซึ่งเอเมโรดก็นึกอยู่ในใจว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่โปรโตสเฮสจะทำเรื่องแบบนี้ด้วยการตัดสินใจของตัวเอง
เมื่อถึงห้องวิจัยหลัก เอเมโรดก็ให้พวกเขาพาโซฟีขึ้นไปนอนบนเตียงทดลอง เธอได้เปิดระบบตัวสอบอาการปกติในร่างโปรโตสเฮส ซึ่งโซฟีก็เหมือนจะรู้สึกตัวขึ้นมา แต่ก็กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อณูสสารส่วนหนึ่งลอยออกจากร่างและไปจำแลงเป็นร่างของเธอ และคนอื่นๆ และแสดงออกถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อคนนั้นๆ แต่กับริชาร์ด ร่างจำแลงเธอกลับสู้กับเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย เธอพึมพัมชื่อของแลมด้าออกมา ก่อนที่อณูสสารของเธอจะก่อตัวกลายเป็นร่างของปีศาจที่พวกอัสเบลเคยเจอเมื่อสมัยยังเด็ก เอเมโรดตกตะลึงเมื่อเห็นว่าสิ่งนั้นก็คือแลมด้า
เมื่อร่างจำแลงของแลมด้าถูกปราบลง อณูแสงก็กลับเข้าสู่ร่างของโซฟีและทำให้เธอได้สติพร้อมอาการบาดเจ็บต่างๆที่หายดีเป็นปลิดทิ้ง แต่เธอก็ยังมีความสับสนถึงเรื่องหน้าที่ที่เธอต้องทำ ซึ่งเอเมโรดได้โซฟีไปเข้ากระบวนการรื้อฟื้นความทรงจำเสียก่อน ทำให้โซฟีสามารถจำได้ถึงหน้าที่ของตนที่ต้องกำจัดแลมด้า แต่หน้าที่นั้นก็ดูจะผลักดันเธอจนผิดสังเกตุ
ตอนนั้น เครื่องกลก็ฉายภาพของฉายวัยกลางคนในชุดนักวิจัยคนนึงกับเด็กอีกคน ซึ่งเขาเรียกเด็กคนนั้นว่าแลมด้าและมีท่าทางอ่อนโยนกับเด็กคนนั้นมาก ทำให้ทุกคนงงเพราะดูยังไงเด็กคนนั้นก็เป็นมนุษย์ ซึ่งเอเมโรดก็ยืนยันว่าแลมด้าไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสิ่งที่สามารถใช้ร่างเนื้อของสิ่งอื่นได้ ทำให้คิดกันได้ว่าบางทีริชาร์ดอาจจะถูกแลมด้าเข้าสิงอยู่ ซึ่งถ้าล้มแลมด้าได้ ก็อาจจะช่วยริชาร์ดได้
โซฟีเองยังสับสนระหว่างหน้าที่ของตนกับสิ่งที่ต้องทำจริง เพราะเธอต้องกำจัดแลมด้า แต่ตอนนี้แลมด้าก็คือริชาร์ด ซึ่งเอเมโรดก็บอกเธอว่าหน้าที่ของโซฟีก็คือการกำจัดแลมด้าโดยไม่ต้องสนใจถึงว่าแลมด้าใช้ใครเป็นร่างอยู่ แต่อัสเบลแย้งขึ้นมา เพราะเขารู้ว่าโซฟีไม่อยากจะสู้กับริชาร์ด เขาเชื่อว่าริชาร์ดยังไม่ได้ถูกแลมด้ากลืนไปอย่างสมบูรณ์ และขอให้เธออย่าคิดว่าเป็นเรื่องของตัวเองคนเดียว เพราะทุกคนก็อยู่ที่นี่กับเธอด้วย
ปาสคาลได้เริ่มคิดถึงการหาทางเจาะทะลวงเข้าไปในรังไหมเพื่อหาตัวริชาร์ด ซึ่งเอเมรอดก็บอกว่าสามารถดัดแปลงยานชาโทลให้สามารถทำงานนั้นได้ แต่ก็ต้องใช้ชิ้นส่วนพิเศษซึ่งถูกเก็บไว้ในฐานทัพบาจิสเท่านั้น นอกจากนั้นที่นั่นก็อาจมีทางทำให้มาริคและปาสคาลสามารถใช้พลังของโซฟีได้เหมือนกับพวกอัสเบลด้วย
66号地区 (เขตที่ 66)
Discovery: 叶わぬ願い (ทางแยกทางขวามือก่อนจะเข้าสู่บริเวณฐานบาจิส)
Item: 魔法カルタNo.28 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
คำเตือน: ความยากของศัตรูแถวนี้จะเริ่มโดดขึ้นอีกครั้ง โปรดระวัง
- เดินไปตามทางเรื่อยๆ หากเดินไปทางตะวันออกสุดโดยไม่เลี้ยวก็จะพบ Discovery
- ทางขวาบนสุด จะพบฐานทัพบาจิส
バシス軍事基地 (ฐานทัพบาจิส)
Discovery: 階級章, アンマルチアの鍵 (อ่านด้านล่าง)
Items: 強運の魔導書 (อ่านด้านล่าง)
- ภายในจะมีกลไกบล็อกที่สามารถสำรวจเพื่อเลื่อนซ้ายขวาได้ และในบางห้อง เมื่อเลื่อนบล็อกหนึ่งแล้ว บล็อกที่สีเดียวกันก็จะขยับด้วย
- ห้องบล็อกแรก เลื่อนบล็อกล่างไปทางขวา
- ห้องบล็อกสอง เลื่อนบล็อกด้านหน้าลงมาข้างล่าง
- ห้องบล็อกสาม เลื่อนบล็อกมาทางซ้ายสองครั้ง แล้วไปต่อทางขวา สำรวจลิฟท์ขึ้นมาข้างบน
- จะพบห้องบล็อกสี่ เลื่อนบล็อกซ้ายสุดลงล่างสุด ส่วนบล็อกสองอันที่เหลือให้ขยับไปทางขวาอันละหนึ่ง
- ออกไปทางซ้ายเพื่อเก็บ Discovery 階級章 แล้วกลับมาทางขวาเข้าประตูที่อยู่ใกล้ๆ (เคยโดนบล็อกบังไว้)
- พบห้องบล็อกที่ห้า เลื่อนบล็อกล่างสุดไปซ้ายสุด และบล็อกอันกลางไปขวาสุด แล้วอ้อมไปทางขวา จะพบลิฟท์เพื่อขึ้นต่อไปอีก
- เข้าห้องไปพบห้องบล็อกที่หก เลื่อนบล็อกที่มีอันเดียวไปทางซ้ายสามครั้ง และใช้ประตูทางซ้ายเดินออกไป (ถ้าไม่มีทางไป ให้ไปเช็คที่ห้องบล็อก 5 อีกที บล็อกเชื่อมกันอยู่)
- ห้องบล็อกที่เจ็ด (บล็อกแนวตั้งหนึ่ง แนวนอนสอง) เลื่อนบล็อกแนวนอนอันบนไปทางขวาสองครั้ง ส่วนอันล่างก็ให้เลื่อนมาทางซ้าย ให้เท่ากับบล็อกบน ส่วนบล็อกแนวตั้งให้เลื่อนขึ้นไป แล้วให้ไปทางขวา ขึ้นลิฟท์ไปข้างบน
- มาทางซ้ายพบห้องบล็อกแปด เลื่อนบล็อกแนวตั้งอันขวาขึ้นไป แล้วเข้าประตูที่อยู่ข้างบน
- พบ Discovery アンマルチアの鍵 และห้องบล็อกแปด
- เลื่อนบล็อกอันบนมาทางซ้ายหนึ่งครั้ง อันล่างไปทางขวาหนึ่งครั้ง
- ออกไปทางซ้าย ไปจนถึงทางแยกแล้วเดินลงล่าง จะกลับมายังห้องบล็อกแปด ให้เข้าประตูฝั่งขวามือ
- จะพบจุดเซฟ แต่หากเข้าไปไม่ได้ให้กลับไปเช็คที่ห้อง 6 และ 9
- เข้าไปแล้วจะต้องสู่กับบอส ケントゥリオ (มีลูกน้องและสามารถเรียกลูกน้องเพิ่มได้)
- ใช้จุดวาร์ปบนพื้นกลับออกมาที่เขต 66 แล้วเดินย้อนไปที่เขต 13 แล้วยิงยาวกลับเทลอสแอสทิว
- จุดเซฟหน้าเทลอสแอสทิว จะมีสกิทซึ่งอัสเบต้องดวลเดียวกับมาริค (จะแพ้ก็ได้เพราะสามารถลองใหม่ได้อีก แต่ถ้าชนะทีเดียวเลยจะได้สกิทครบกว่า)
- กลับเข้าเทลอสแอสทิว ไปยังโรงเก็บชาโทลชั้นใต้ดืน 1F (地下1階) หลังจบอีเวนท์แล้วให้คุยกับเอเมโรดเพื่อขึ้นยาน
Story Synopsis
Story Synopsis
ภายในฐานทัพบาจิสซึ่งเป็นที่ๆชาวฟอโดร่าสร้างให้เพื่อเป็นฐานทัพในการสู้กับปีศาจที่เกิดจากแลมด้า ปาสคาลได้สังเกตุเห็นสิ่งที่ส่องแสงออกมาระหว่างที่โซฟีกำลังใช้พลังของตนต่อสู้กับฮิวมานอยด์ที่อยู่ในนั้น เมื่อเธอได้ฟังเอเมโรดอธิบายว่าสิงที่ตามหา "เดริคคอร์" นั้นเป็นโลหะที่มีธาตุที่สามารถต่อต้านแลมด้าได้ และจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกับพลังของโซฟี ปาสคาลก็เลยถือโอกาสไปเปิดเครื่องจักร และสร้าง "เดริสบิท" ออกมาตามที่เอเมโรดพึ่งอธิบายไปโดยไม่ผิดเพี้ยน ทำให้เจ้าตัวประทับใจกับสายเลือดอันมัลเทียคนนี้มาก
นอกจากนั้น ปาสคาลยังได้สร้างแหวนอีกคู่หนึ่งจากวัตถุดิบที่เหลือ เธอได้ส่งอันหนึ่งให้กับมาริค (ทำให้เชเรียตกใจ เพราะนึกว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่เธอนึกไม่ถึงอยู่) และบอกว่าแหวนนี้น่าจะช่วยให้ทั้งสองคนสามารถใช้พลังงานได้เหมือนกับพวกอัสเบล ซึ่งก็ไม่ผิดพลาดจากที่เธอคาดไว้เลย
เอเมโรดอยากจะถามเรื่องของเอฟีเนียจากทุกคน เธอเคยคิดว่าทั้งที่นี่และเอฟีเนียคงจะพินาศไปพร้อมๆกันแล้ว แต่ก็ผิดไปถนัด เพราะเอฟีเนียกลับมีมนุษย์และสิ่งมีชีวิตต่างๆอยู่มากมาย ทำให้เธอใจชื้นที่เหล่าชีวิตที่เคยมีอยู่ที่นี่ ตอนนี้ได้ปรากฏอยู่บนอีกที่หนึ่งแล้ว แต่เธอก็ไม่มั่นใจว่าจะเป็นอย่างไรต่อในเมื่อมีแลมด้าอยู่ด้วย
อัสเบลได้อธิบายว่าแลมด้าได้ดูดกลืนเอเรสจากบัลกิเนสเคลียสไปหมดแล้ว และตอนนี้ก็ได้สร้างรังไหมอยู่บนสถานที่ที่สามารถลงไปถึงลัสตาเรียที่อยู่ ณ ใจกลางของเอฟีเนีย ซึ่งเอเมโรดก็บอกถึงจุดมุ่งหมายสูงสุดของแลมด้าก็ืคือการรวมตัวกับลัสตาเรีย รังไหมนั้นเป็นการเตรียมการในขั้นสุดท้ายก่อนที่แลมด้าจะลงไปยังลัสตาเรีย เพื่อจะได้ "จุติใหม่" เปลี่ยนแปลงร่างเนื้อที่ตนใช้อยู่ในตอนนี้ ให้สามารถรวมตัวกับลัสตาเรียได้ง่ายขึ้น
หากแลมด้าสามารถรวมตัวกับลัสตาเรียได้ เอฟีเนียก็จะกลายเป็น "ภาชนะ" ใหม่ของแลมด้า และจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่ในที่สุด หรือจะพูดว่าเอฟีเนียจะกลายเป็นแลมด้าก็ได้ ซึ่งบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกเพราะเอเรสทั้งหมดได้สูญสิ้นไปหมดแล้ว เอฟีเนียจะกลายเป็นดาวที่ตายแล้วเหมือนฟอโดร่าในตอนนี้
เมื่อกลับไปที่เทลอสแอสทิว ยานชาโทลก็ได้ถูกเก็บกู้กลับเข้าไว้ที่โรงเก็บยานแล้ว เอเมโรดก็ได้ติดตั้งเดริสบิทเข้ากับส่วนหัวของยานเป็นที่เรียบร้อย และเธอยังได้ขอไปยังเอฟีเนียกับทุกคนด้วยเพราะเธอคิดว่าเป็นหน้าที่ของเธอในฐานะชาวฟอโดร่าที่จะได้กำจัดแลมด้า ซึ่งอัสเบลก็ไม่ปฏิเสธคำร้องขอนั้น
ラムダ繭 (ดักแด้ของแลมด้า)
Discovery: 石の心臓 (จุดเซฟที่สอง)
Items: 鍛冶の魔導書 (ทางออกทางขวามือของห้องปริศนาที่สาม),
- ออกจากชาโทล (เป็นจุดพักและซื้อของด้วย) ไปทางขวาจนถึงจุดแยกเข้าห้องสองห้อง ให้ไปทางขวา จะเป็นจุดลงไปข้างล่าง
- เดินไปตามทางด้านซ้าย จะพบจุดที่สามารถกลับขึ้นไปด้านบนได้ ให้เดินทะลุต่อไปทางซ้าย
- ไปตามทางจนถึงจุดเซฟที่สอง และไปต่อจนถึงห้องปริศนาแรก (มีจุดสีแดงน้ำเงินอยู่เยอะๆ)
- สำรวจจุดแดงใกล้ๆ แล้วลงมาสำรวจจุดน้ำเงินข้างล่าง
- เดินขึ้นไปสำรวจจุุดน้ำเงินด้านบน แล้วต่อด้วยจุดแดงซ้ายบน แท่นลอยจะมาต่อเป็นทางข้ามไปอีกฝั่ง
- ไปถึงทางแยกแล้วเข้าห้องซ้ายล่าง จะเจอปริศนาที่สอง
- สำรวจจุดน้ำเงินใกล้ๆ แล้วไปที่จุดแดงซ้ายล่าง ตามด้วยจุดแดงและน้ำเงินด้านซ้ายบนตามลำดับ
- สำรวจจุดแดงและน้ำเงินด้านบน แล้วแท่นลอยจะลอยไปอีกฟาก
- กลับออกไปทางขวา แล้วเข้าห้องซ้ายบน ออกมาทางซ้ายแล้วเข้าห้องขวาบน จะตกลงไปยังปริศนาที่สาม
- สำรวจจุดน้ำเงินด้านบน (ใกล้ๆ) แล้วขึ้นไปสำรวจจุดแดงและน้ำเงินทางซ้าบนตามลำดับ
- ลงมาสำรวจจุดแดงและน้ำเงินที่ด้านล่างสุด จะสร้างทางเชื่อมไปอีกฝั่งได้
- สำรวจจุดแดงและน้ำเงินทางฝั่งขวาตามลำดับ แล้วออกไปทางซ้าย เข้าจุดตกลงไปอีกชั้น
- ออกมาทางขวา แล้วกลับไปที่ห้องซ้ายล่าง ซึ่งเป็นห้องปริศนาที่สอง จะมีทางเชื่อมข้ามไปอีกฝั่งได้แล้ว
- เข้าไปตามทางจนสุด จะเข้าอีเวนท์และสู้กับบอส ริชาร์ด (リチャード)
- ชนะแล้วเจออีเวนท์อีกหน่อย จากนั้นจะสู้กับเอเมโรด (エメロード) ต่อทันที
- หลังจากกลับขึ้นมาที่ยานชาโทล ให้เลือกบินไปที่เมืองแลนท์ (ラント) และไปยังห่องทำงานเจ้าเมืองในบ้านอัสเบล
- เมื่อทุกคนออกไปจากลุ่ม ให้ออกไปหน้าบ้านเพื่อเจออีเวนท์อีกที แล้วกลับเข้าห้องทำงาน
- ออกจากเมืองไปทางเหนือ และไปยังเนินเขาแลนท์ (ラントの裏山) เดินไปยังทุ่งดอกไม้ด้านใน
- จบอีเวนท์แล้วกลับเข้าเมืองแลนท์ ทุกคนจะแยกออกจากกลุ่มอีกที และอัสเบลจะไปอยู่ในห้องของตัวเอง
- ไปที่ห้องทำงานคุยกับฮิวเบิร์ท
- ไปที่สะพานข้ามแม่น้ำคุยกับมาริค (จะคุยกับโซฟีที่หน้าบ้านก่อนก็ได้ แต่ถ้าคุยสุดท้ายจะมีอีเวนท์มากกว่า)
- ไปที่ลานกลางเมือง คุยกับปาสคาล
- ทางซ้ายของประตูทิศเหนือ พบอีเวนท์ของเชเรีย
- กลับไปคุยกับโซฟีที่หน้าบ้าน
- กลับเข้าห้องนอน สำรวจเตียงเพื่อพักผ่อน
- กลับขึ้นยานชาโทล (กด R3) แล้วเลือกไปยังด่านสุดท้าย ガルディアシャフト
Story Synopsis
ยานชาโทลพาทุกคนกลับสู่เอฟีเนีย และพุ่งทะลวงผ่านเปลือกนอกของรังไหมไปได้ โซฟีรู้สึกได้ว่าแลมด้านั้นอยู่ข้างล่างลึกลงไป เอเมโรดได้บอกว่ารังไหมนี้ถูกสร้างเพื่อเป็นเปลือกคุ้มครองแลมด้า และภายในจะเต็มไปด้วยปีศาจที่เกิดจากแลมด้ามากมาย แต่เธอเองก็ประหลาดใจที่พบว่าภายในนี้นั้นมีรูปแบบชีวิตต่างๆอยู่มากมาย แสดงว่าแลมด้าได้เปลี่ยนแปลงไปจากที่เธอคิดไว้มาก หากสามารถเอาสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากแลมด้าไปควบคุมโดยมนุษย์ได้ บางทีการจะสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นใหม่ที่ฟอโดร่าก็น่าจะเป็นไปได้ ทำให้เธอตัดสินใจที่จะทำบางสิ่ง
เมื่อลงไปถึงข้างล่างสุด พวกเขาก็ได้พบริชาร์ดที่นั่น แต่ในรูปแบบที่เปลี่ยนไปจนเหมือนกับเป็นปีศาจ อัสเบลพยายามจะเข้าไปคุยโดยดี แต่ก็หลีกเลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้ ทันทีที่หยุดเขาไว้ได้สำเร็จไอสีดำก็ลอยออกมาจากร่างนั้นรวมกันกลายเป็นมวลสารสีดำ ก่อนจะกลายเป็นรูปร่างของคนเล็กๆ
โซฟีก้าวเข้าไปหาสิ่งนั้น เธอหันมาเหลือบมองคนอื่นๆครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มใช้พลังของตนและกล่าวลาทุกคน เพราะการจะกำจัดแลมด้านั้นเธอก็จะต้องหายไปด้วยเช่นกัน แต่ประกายสายฟ้าจากผู้ที่คาดไม่ถึงก็พุ่งเข้าโจมตีเธอบาดเจ็บ เป็นเอเมโรดนั่นเอง ซึ่งเธอบอกว่าเป็นการหยุดการสลายตัวที่โซฟีกำลังจะทำ โซฟีพุ่งเข้าไปโจมตีใส่ แต่ก็โดนดีดกลับมาอีก
โซฟีได้ถามว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้ ทั้งที่คนที่สร้างเธอมาเพื่อให้ใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อสลายแลมด้านั้นก็คือเอเมโรด ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมรับว่าสร้างโปรโตสเฮสมาเพื่อการนั้นอยู่แล้ว แต่ตอนนี้นั้นไม่จำเป็นแล้ว เพราะแลมด้าได้กลายเป็นสิ่งที่ไม่ควรถูกสลายไปแล้ว เธอหันไปหาร่างของแลมด้าและเรียกให้มันเข้ามาสู่ร่างของเธ
เอเมโรดรู้สีกได้ถึงพลังที่ออกมาจากภายในร่าง เธอจะใช้พลังในการสร้างชีวิตใหม่ของแลมด้ารวมกับความรู้ของเธอเพื่อคืนชีวิตและความหวังให้กับฟอโดร่าอีกครั้ง และในที่สุดแผนการฟื้นคืนฟอโดร่าของเธอก็จะสำเร็จในที่สุด แต่เดิมเอฟีเนียก็ถูกสร้่างขึ้นเป็นดาวตัวแทนของฟอโดร่า เพราะความวุ่นวายบน เอเรสทั้งหมดจึงถูกย้ายมาไว้ที่นี่ และตัวเอกของเรื่องนี้ก็คือเธอ ในที่สุดเธอก็จะกลายเป็นพระเจ้าผู้ควบคุมทั้งฟอโดร่า ทั้งเอฟีเนีย และแลมด้่า
แม้จะคิดว่าปราบเธอลงได้แล้ว แต่พลังของเอเมโรดก็แผ่พุ่งขึ้นมาอีกจนเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด เธอรู้สึกลำพองใจที่สามารถควบคุมแลมด้าได้ แต่จู่ๆเสียงของเธอก็เปลี่ยนไป เป็นแลมด้านนั่นเอง มันไม่ยอมให้เธอควบคุมมันต่อไปได้อีก และระเบิดร่างของเอเมโรดจนแหลกเป็นเสี่ยงๆ
แลมด้าได้เป็นอิสระอีกครั้ง คราวนี้มันกลับสู่รูปลักษณ์ของเด็กเหมือนที่พวกอัสเบลเคยเห็นมาก่อน ริชาร์ดซึ่งรู้สึกตัวแล้วก็ยื่นมือเข้าหา เรียกให้แลมด้ากลับเข้าหาเขาอีกครั้ง และกลับสู่สภาพของร่างรวมกับแลมด้า โดยไม่รอช้า เขาต่อยพื้นอย่างรุนแรงจนพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ พื้นด้านล่างมีแสงสีเขียวพุ่งแทรกขึ้นมา นั่นเพราะทางเข้าสู่ลัสตาเรียได้เปิดออกแล้ว เพดานและพื้นโดยรอบเริ่มพังลงมา แต่โซฟีก็ยังจะพยายามเข้าไปโจมตีแลมด้าอีกจนแอัสเบลต้องลากเธอออกมา
ทุกคนออกมาจากที่แห่งนั้นด้วยนานชาโทลที่ร่วงหล่นลงมาพอดี โซฟียังคงยืนยันที่จะไปกำจัดแลมด้าทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าต้องเอาชีวิตตัวเองเข้าแลก ทุกคนอยากที่จะหาทางอื่นที่จะไม่ต้องเจอกับเรื่องน่าเศร้าเช่นนั้น แต่โซฟีก็ว่าไม่มีทางอื่นอีก พวกอัสเบลไม่มีทางที่จะปราบแลมด้าได้ ทำให้อัสเบลโมโหที่เธอคิดว่ามีแต่ตัวเองที่ทำได้จนไม่ฟังอะไรเลย
เพื่อวางแผนและคิดหาหนทาง ทุกคนจึงกลับไปตั้งหลักที่แลนท์ เชเรียได้ดึงตัวโซฟีไปคุยกันที่นอกบ้านกันสองคนก่อน เธอดีใจที่โซฟียังไม่ได้จากไป ซึ่งหากตอนนั้นโซฟีปราบแลมด้าได้จริงก็คงไม่มีโอกาสแบบเวลานี้ และคงจะเศร้ามาก ทำให้โซฟีถามว่าเชเรียจะเศร้าหรือหากเธอไม่อยู่ เชเรียจึงลองให้คิดดูว่าหากพวกเธอไม่อยู่โซฟีจะรู้สึกอย่างไร ทำให้เธอพอจะเข้าใจขึ้นบ้าง นั่นรวมถึงอัสเบลที่จะเศร้าที่สุด เลยทำให้เขาโกรธแบบนั้น
เชเรียได้บอกว่าในอดีตตอนที่โซฟีไม่อยู่ อัสเบลก็เคยเป็นแบบตอนนี้ พอมาคิดดีๆแล้วเธอถึงเข้าใจว่าตอนนั้นเขาคงไม่ได้โกรธแต่คงเศร้าและเสียใจมาก แต่เพราะแสดงออกไม่เก่งเลยดูเหมือนกับโกรธแบบนั้น ซึ่งโซฟีเองก็เหมือนกัน เชเรียบอกให้ไปคุยกับอัสเบลดูซักทีจะได้เข้าใจว่าทำไมอัสเบลถึงโกรธทั้งๆที่เศร้าแบบนั้น
พอดีกับที่อัสเบลออกมาตามหาพอดี เชเรียจึงชิ่งขอตัวไปเปิดโอกาสให้ทั้งสองคนได้คุยกัน อัสเบลบอกว่าถึงโซฟีจะว่าไม่มีทางอื่นที่จะปราบแลมด้าได้อีก แต่เขาก็จะไม่ยอมแพ้ เพราะเขาเห็นว่าโซฟียังมีสิ่งที่อยากทำและอยากรู้อีกมากมาย เธอบอกว่าเธออยากเห็นดอกคุโระโซฟีกลายเป็นดอกไม้แห่งสายลม ซึ่งอัสเบลก็เน้นว่ายังมีสิ่งที่เธออยากเห็นอีกมากมาย เธอจึงยังตายไม่ได้ โซฟีจึงรู้สึกดีใจที่รู้ว่าเขาไม่ได้โกรธเธอ สำหรับเธอแล้ว เธออยากให้เขาหัวเราะทั้งตอนนี้และตลอดไป
ガルディアシャフト (กัลเดียแชฟท์)
Discovery: 巨大ドリル, 忘れられた存在
Items: 鉄壁の魔導書
- จากยาน เดินเข้าจุดวาร์ปตรงกลาง เดินต่อไปเรื่อยๆและเข้าลิฟท์ทางขวาสุด
- เดินมาถึงจุดที่มีลิฟท์สองตัวใกล้ๆกัน ให้ใช้ตัวล่างเพื่อลงไปเก็บ アリトモス・コア (อาริโทมอส คอร์) ก้อนแรก แล้วกลับมาเข้าลิฟท์ตัวซ้ายมือ
- เดินไปตามทางจนถึงโซนที่มีพื้นสลับสีเรียงกันเป็นตาราง ซึ่งตรงนี้ต้องเดินสลับสีเรียงกันไปเรื่อยๆ (เช่นแดง เหลือง น้ำเงิน แดง เหลือง น้ำเงิน) หากเดินผิดก็จะถูกวาร์ปกลับช่องแรก ไม่ก็เจอศัตรู
- จากช่องแรก (ไม่นับลิฟท์) เดินลง - ขวา - ลง - ขวา - ขึ้น - ขวา - ขึ้น - ขวา - ขึ้น - ซ้าย - ซ้าย - ขึ้น จะเก็บหีบได้หมด และได้ アリトモス・コア ก้อนที่สอง
- กลับมาที่ช่องแรก เดินลง - ขวา - ลง - ขวา - ขึ้น - ขวา - ขึ้น - ขวา - ขึ้น - ซ้าย - ขึ้น - ขวา - ขวา จะถึงลิฟท์ และช่องแรกกับช่องสุดท้ายจะกลายเป็นจุดวาร์ปเชื่อมถึงกันโดยตรงได้
- ขึ้นลิฟท์มา จะสู้กับบอส パウォル สองตัว แล้วเดินไปลงลิฟท์ต่อ
- เดินมาจนเจอลิฟท์สองตัว ใช้ตัวล่าง ไปสำรวจชุดซากสิ่งของและใส่ アリトモス・コア จะกลายเป็นบอส プロートン จะไม่สู้ก็ได้ แต่บอสเหล่านี้ซึ่งมีหกตัว จะให้อาวุธสุดยอดเท่าที่จะหาได้ก่อนจบเกม ส่วนตัวนี้จะให้ アルゴ・イリス ซึ่งเอาไปทำดาบของอัสเบล
- ย้อนกลับมาขึ้นลิฟท์ และใช้ลิฟท์ตัวซ้าย เดินไปเรื่อยๆจนเจอโซนที่มีจุดเซฟ ให้ใช้ลิฟท์ทางขวา
- ลงไปแปะ アリトモス・コア เพื่อสู้กับ デウテロン และจะได้ ゴッドウェポン ของโซฟี
- กลับไปที่จุดเซฟ เดินไปขึ้นที่อยู๋โซนล่างของฉาก จะเจอโซนพื้นสลับสีช่วงที่สอง
- (เฉพาะเส้นทางเก็บของสำคัญ) จากช่องแรกไม่รวมลิฟท์ เดิน ขึ้น - ซ้าย - ขึ้น - ขึ้น - ซ้าย - ขึ้น - ขึ้น - ซ้าย - ลง - ลง (ได้ アリトモス・コア อันที่สาม) - ลง - ลง - ซ้าย - ขึ้น - ขึ้น - ซ้าย - ขึ้น - ซ้าย แล้วเข้าลิฟท์
- เดินไปเก็บ Discovery 巨大ドリル ที่เห็นด้านบน แล้วเดินเข้าจุดวาร์ปอันต่อไป จะเข้าสู่โซนใหม่ ส่วนจุดวาร์ปที่ใช้ จะสามารถวาร์ปกลับไปที่ชั้นบนสุดได้
- ในโซนนี้ เราต้องเอาผลึกสีต่างๆ ไปวางลงบนแท่นของมันเอง ซึ่งจะเป็นการเชื่อมทางใหม่ๆให้ไปต่อได้ แต่จะมีลูกกลมสองสีขวางทางอยู่ด้วย ต้องใช้เครื่องบังคับหมุนพวกมันให้ไปพ้นทาง
- จากทางเดินหลัก (จุดที่วาร์ปลงมาทีแรก) ให้ไปฝั่งซ้ายมือ จะมีเครื่องหมุนลูกกลมสีเขียว สำรวจสองครั้งเพื่อหมุนไปสองที
- เดินไปทีี่จุดวาร์ปสองอันด้านบน เข้าอันซ้าย จะเก็บ アリトモス・コア ได้ เดินเข้าไปอีกหน่อย และให้เก็บผลึกสีเขียวจากแท่นสีชมพู
- กลับไปที่จุดหมุนสีเขียว หมุนหนึ่งครั้ง
- ไปที่จุดวาร์ปด้านบนอีก คราวนี้ไปทางขวา วางผลึกสีเขียวไว้ที่แท่นสีเขียว และจะได้ผลึกสีเหลืองมาแทน เดินต่อมาทางซ้ายล่าง เข้าจุดวาร์ปไป แล้วเข้าจุดวาร์ปทางขวาอีกที
- ไปทางขวาสุด วางผลึกสีเหลืองบนแท่นสีเหลือ และได้ผลึกสีชมพูมา และใกล้ๆจะมีจุดหมุนลูกสีส้มอยู่ แต่ยังไม่ต้องสนใจ
- เดินย้อนไปที่จุดหมุนสีเขียว หมุนมันอีกสองครั้ง
- เข้าจุดวาร์ปด้านบนอันขวา เอาผลึกสีชมพูไปวางที่แท่นสีชมพู แล้วเข้าจุดวาร์ปที่อยูใกล้ๆกัน
- แปะ アリトモス・コア เพื่อสู้กับ テタルトン และได้ クリスタイガー ของเชเรีย
- กลับไปที่จุดหมุนสีเขียว หมุนมันไปอีกที
- เข้าจุดวาร์ปด้านบนอันซ้าย เพื่อเดินกลับไปที่จุดหมุนสีส้ม หมุนหนึ่งครั้ง
- เดินย้อนกลับเข้าจุดวาร์ปไปทีหนึ่ง และไปทางขวาสุด เพื่อแปะ アリトモス・コア เพื่อสู้กับ トリトン และเก็บ ロザリオペイン ของฮิวเบิร์ท
- กลับเข้าจุดวาร์ปทางซ้ายมือสุด และเดินไปทางซ้ายบน เพื่อเข้าวาร์ปเข้าโซนต่อไป
- โซนนี้ก็เช่นเดียวกับโซนที่แล้ว แต่หนักกว่าเพราะมีถึงห้าสี โดยที่ทางเดิน/จุดวาร์ปจะแยกเป็น 12 ทางตามเข็มนาฬิกา (ขอเรียกตามเข็มนาฬิกาเพื่อความสะดวก)
- ไป 1 นาฬิกา เพื่อเก็บผลึกม่วงจากแท่นดำ
- ไป 4 นาฬิกา เก็บ アリトモス・コア
- ไป 5 นาฬิกา สำรวจจุดหมุนสีฟ้าหนึ่งครั้ง
- ไป 2 นาฬิกา วางผลึกม่วงใส่แท่นม่วง และเก็บผลึกฟ้ากลับมา
- ไป 7 นาฬิกา วางผลึกฟ้าใส่แท่นฟ้า เก็บผลึกแดงกลับมา
- ไป 5 นาฬิกา สำรวจจุดหมุนสีฟ้าหนึ่งครั้ง
- ไป 8 นาฬิกา สำรวจจุดหมุนสีเหลือหนึ่งครั้ง
- ไป 11 นาฬิกา วางผลึกแดงใส่แท่นแดง เก็บสีขาวกลับมา
- ไป 6 นาฬิกา วางผลึกขาวใ่ส่แท่นขาว เก็บสีดำกลับมา
- ไป 1 นาฬิกา วางผลึกดำใส่แท่นดำ
- ไป 10 นาฬิกา ขวาสุดแปะ アリトモス・コア เพื่อสู้กับ ヘクトン และได้ ウロボロス ของปาสคาล
- ไป 9 นาฬิกา ซ้ายสุดแปะ アリトモス・コア เพื่อสู้กับ ペンプトン และได้ アンダーテイカー ของมาริค (ตรงนี้จะต้องไปเก็บ アリトモス・コア มาจากโซนถัดไปก่อน แล้วค่อยย้อนมาที่นี่อีกที)
- ขึ้นไป 12 นาฬิกา และสู้กับบอส プロセルピナ 2 ตัว จากนั้นให้เข้าจุดวาร์ปไป
- จากจุดวาร์ป (สามารถวาร์ปกลับไปยังโซนต่างๆก่อนหน้านี้ได้) เข้าจุดวาร์ปด้านซ้าย แล้วเดินลงมาเข้าจุดวาร์ปข้างล่าง จะเก็บ アリトモス・コア อันสุดท้ายได้ ให้ย้อนไปสู้กับ ペンプトン ที่บอกไว้ด้านบนก่อนก็ได้
- ไปตามทางเรื่อยๆ จะได้สู้กับบอส リチャード
- จากนั้นจะต้องสู้กับบอสสุดท้าย ラムダ・アンゲルス (แลมด้า อันเกลส์) และเข้าสู่ Ending....
Story Synopsis
[spoiler]
ทุกคนได้ประชุมและสรุปสถานการณ์กันว่าตอนนี้แลมด้ากำลังเตรียมตัวเพื่อรวมตัวกับลัสตาเรียอยู่ ซึ่งถ้าถึงตอนนั้นแล้วก็คงจะหยุดได้ยาก ปาสคาลพูดถึงตอนที่เอเมโรดรวมตัวกับแลมด้า ซึ่งแลมด้าก็ได้แยกออกมาจากร่างของริชาร์ดแล้ว ถ้าสามารถทำได้อีกครั้งก็อาจจะช่วยริชาร์ดได้
โซฟีบอกว่ามีสิ่งที่ต้องทำก่อนที่จะไปที่นั่น การไปยืนต่อหน้าลัสตาเรียนั้นก็เหมือนกันการเข้าไปในตัวของแลมด้าซึ่งอาจจะถูกแนงกดดันจากจิตของแลมด้าทำลายเอาได้ ทุกคนจึงต้องไปทำการเตรียมตัวก่อน โดยที่ต้องไปที่ทุ่งดอกไม้ที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งนั้น เพราะที่นั่นเป็นจุดรวมของเอเรสทั้งหลาย ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ที่นั่นมีดอกไม้บานตลอดปี ก่อนหน้านี้หลังจากที่เธอสู้กับแลมด้าครั้งสุดท้่ายโซฟีก็หลับไหลอยู่ที่นั่น เพราะว่าเธอเสียเอเรสไปมาก ที่ทุ่งดอกไม้ โซฟีได้รวมรวมเอเรส ณ ที่แห่งนั้นและแบ่งปันให้กับทุกคนซึ่งจะช่วงให้สามารถรับมือกับแลมด้าได้ อัสเบลได้ขอให้เธอสัญญาว่าจะไม่ลงมือทำอะไรด้วยตัวคนเดียว เพราะพวกเขาทุกคนก็อยู่กับเธอด้วย
Tales of Graces, FIN.
[Edited 11 times Next - Last Edit 2011-2-7 14:56:48]
Reply
Vote
Popular Thread
ประกาศ Danmachi ss5
Like a Dragon Gaiden: The Man Who Erased His Name คะแนนรีวิว
ยังอยากหากินกับบุญเก่าเหมือนเดิม Blizzard เผย มีความคิดจะนำ World of Warcraft ลงเครื่องเกมคอนโซล
KOF XV DLC|HINAKO SHIJO|Trailer
1 online users
Logged In :
member
Since 2/12/2005
(4452 post)