ในสูติบัตรก็เป็นเพศกำเนิดนะคะ มันเช็คได้ แต่ส่วนตัวเราไม่ได้อะไรกับคำนำหน้าในไทย เพราะแต่งงานกับคนอเมริกัน เปลี่ยนสัญชาติและคำนำหน้าที่นู่นเอา

อยากทราบความเห็นของคนไทยที่ไม่เห็นด้วย ว่ามีความเห็นยังไงกับนานาประเทศที่เปลี่ยนคำนำหน้าได้ เช่น อเมริกา อังกฤษ แคนาดา บราซิล เบลเยียม สวีเดน ฯลฯ ไกล้ๆก็ จีน ญี่ปุ่น อินโด ไม่เห็นว่ามันจะเป็นภัยวาระความวุ่นวายหลอกลวงระดับชาติ
ชาติเราขึ้นชื่อว่าเปิดกว้างสำหรับ LGBT แต่ต้องยอมรับว่าเปิดแต่เปลือก ไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมในด้านกฏหมาย ทำไมชาติเราถึงยังไม่สามารถทำได้ เพราะความไม่พร้อมของประชากรหรืออย่างไรคะ

เห็นว่าในนี้พอจะคุยเป็นเหตุเป็นผลได้หน่อย ไม่เหมือนตามคอมเมนท์ Facebook จั่วมาว่าอิพวกวิปริต ต้องเลี่ยงไกลๆค่ะ ไม่เกิดประโยชน์

ผมก็ไม่เห็นด้วยกับการเให้ปลี่ยนคํานําหน้าชื่อได้ เหตุผลง่ายๆก็เพราะเป็นการหลอกลวงคนอื่น แค่นั้นแหละ

แต่ถ้ามีการบัญญัติคำนำหน้าชื่อใหม่สำหรับพวก LGBT โดยเฉพาะก็อีกเรื่อง

เพศเราๆไม่ได้หาคู่ยากจนต้องลงทุนหลอกใครเลย ต่อให้ยังไม่แปลง แล้วคู่ครองรู้แต่แรก คือคนเลวๆมันก็มีแหละใช่ เหมือนทุกเพศ
ญ. หลอก ช. โอนเงินได้เป็นแสนเป็นล้าน, ช. เมียจะเลิกไม่ให้เลิก เอาปืนยิงตาย ฯลฯ

อยากรู้แง่มุมอื่นๆ นอกจากหลอกลวง ในเมื่อ solution เดียวในตอนนี้คือแต่งงานกับชาวต่างชาติ จากประเทศที่เปลี่ยนได้
ประเทศเหล่านั้นทำได้ แต่บ้านเรากลัวเอาไปหลอกลวงผู้ชาย สะท้อนว่าที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการหลอกลวง
มีอะไรมากกว่านี้มั้ยคะ หรือมีเท่านี้ ที่นี้ยังไม่พร้อม อยากเปลี่ยนหาคู่ครองต่างชาติเอา

- - คือ แต่งไปแล้วถึงไปเปลี่ยนใช่ไหมครับ

คือมันก็มีกรณีที่ ฝ่ายชายไม่รู้ ว่าแฟนตนเป็นผู้ชาย หรือฝ่ายหญิงไม่รู้ว่า แฟนตนเป็นผู้หญิงมาก่อน กรณีหลังยากหน่อยเพราะทอมแปลงเพศพื้นฐานน้อยคนนักที่จะเหมือนชายจริงๆ ต่างจากชายแปลงเป็นหญิง ปัญหาตรงนี้อาจจะรุนแรงมากในภายหลัง


ผมมองว่าการเปิดเสรี คือ ทุกคนยอมรับซึ่งกันและกัน ผมยินดีมากถ้าไทยเรา ชายสามารถจดทะเบียนกับชายได้ หญิงจดทะเบียนกับหญิงได้

การเปิดเสรีที่แท้จริงคือการยอมรับตัวตนที่แท้จริง ซึ่งเริ่มจากตนเองก่อน การที่ตนเองไม่ยอมรับเพศของตนเองแล้วจะให้คนอื่นมายอมรับได้อย่างไร

เกิดเป็นชาย ก็คือนาย เกิดเป็นหญิงก็คือ นาง นางสาว

ส่วนเราจะไปแปลงเพศหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของเรา เราตัดสินใจเองเมื่อบรรลุนิติภาวะไปแล้ว

คนที่เรารัก และรักเราก็ต้องทราบและยอมรับได้ ถ้าเขาทราบและรับไม่ได้ตรงนั้นก็เป็นสิทธิของเขา จริงไหมครับ

แล้วในส่วนของการทำงาน บริษัทเองก็ต้องทราบรายละเอียดตามความเป็นจริง ตรงนี้ก็เป็นสิทธิของเขา

การฉ้อโกงก็ส่วนนึง การหนีคดีก็ส่วนนึง เรื่องศาสนาก็มีส่วน


เพศที่สามในบ้านเราดีกว่าหลายประเทศมากมาย หลายคนก็พยายามเข้าใจ เสรีมากในระดับนึง

เชื่อผมอย่างนึงนะ ยิ่งเราอยากได้สิทธิเพิ่มมากเท่าใด สิ่งที่ตามมามันจะยิ่งทำให้แย่ลง LGBT มีทั้งคนชอบ ไม่ชอบ เฉย ๆ เข้าใจ และแอนตี้

ยิ่งเรียกร้องมาก กลุ่มที่เฉย ๆ จะหันไปเข้ากับแอนตี้ ซึ่งไม่ดีเลย ถ้าเปรียบเทียบกับม็อบ ก็คงเหมือนม็อบที่ฮ่องกงในตอนนี้คือ ได้คืบจะเอาศอก อาจจะไม่ขนาดนี้เพราะตอนนี้ LGBT คืบยังยังไม่คืบเลย


ควรจะดำเนินการทีละเป้าหมายก่อน อย่าเยอะ เป้าหมายแรก ที่คนทั่วไปพอรับได้คือ เพศเดียวกันแต่งงาน ชายจดทะเบียนกับชาย หญิงจดทะเบียนกับหญิง เอาตรงนี้ให้ได้ก่อน

ส่วนการเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อ ตรงนี้ทุกคนจะเริ่มกังวลมากขึ้นละ เพราะรู้สึกมันใกล้ตัวมากขึ้น ความระแวงทำให้เกิดความกลัว พอกลัวก็ต่อต้าน พอเริ่มต่อต้านก็จะเริ่มเกลียดชัง


จริง ๆ คำเฉพาะเพศที่ 3 ลึก ๆ ผมไม่อยากให้มีเพราะรู้สึกยิ่งแบ่งเขาออกไป ส่วนตัวจริง ๆ เลยก็คือ ใช้คำนำหน้าตามเพศที่คุณเกิด ยอมรับตัวเองก่อน แล้วให้คนที่เรารักยอมรับเรา ผมว่ามันจริงใจและสวยงามที่สุดแล้ว

เรื่องตรงนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน ถ้าความเห็นผมทำให้เข้าใจอะไรผิดไปก็ต้องขอโทษล่วงหน้าด้วยนะครับ

เข้าใจค่ะ

ใช่ค่ะ แต่งแล้วเป็น citizen แล้วจึงใช้สิทธิตามประเทศนั้นๆ

ปัญหาการหลอกในบ้านเราส่วนใหญ่เป็นผลพวงมาจาก โครงสร้างทางสังคมที่เป็นระบบเครือญาติ
จะมีคู่ครองทีพ่อแม่ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงต้องยอมรับ แม้ว่าจะมีการมีงานรับผิดชอบตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งพ่อแม่แล้วก็ตาม
สิ่งที่อยู่คู่กับคนเอเชีย ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ เพศชายหญิงเองก็ต้องเจอ พอเป็นเพศนอกจากนั้น ก็ต้องทบไปอีกตลบ กลัว เลือกที่จะโกหกแล้วจบไม่สวย
ซึ่งจริงๆถ้าเปิดเผยตั้งแต่แรก แล้วหาคนที่มีความพร้อม ยิ่งพวกระดับที่มองไม่ออก มันก็ไม่ได้ยากอะไรเลย
แต่ในแง่ของคำนำหน้าก็เกิดการเปรียบเทียบอีกว่า อ่าวแล้วประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกที่ทำได้ จีน, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, สิงคโปร์, อินโด พวกนี้ดันทำได้

เห็นด้วยว่าควรเปลี่ยนแปลงทีละเรื่อง แค่การจดทะเบียนสมรส ก็ยังมีแอนตี้ ทั้งๆที่ภาษีก็เสียเท่ากัน ไม่ได้มีทางไหนไปริดรอนสิทธิ์หรือทำอะไรให้คนพวกนี้เดือดร้อนเลย เพราะอยู่มาอย่างเคยชินกับความที่มันไม่เท่ากัน พอจะขึ้นมาเท่ากันก็เลยดูเยอะ

ถ้าถามโดยส่วนตัวก็เอาเรื่องการจดทะเบียนก่อนเถอะในไทย ซึ่ง พรบ.คู่ชีวิต มันยังไม่เหมือนกับคู่สมรส ในบางสิทธิของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ยึดโยงกับคำว่า คู่สมรส มันไม่ได้บัญญัติคำว่า คู่ชีวิต ไว้ จึงใช้สิทธิพวกนั้นไม่ได้ แต่ถือว่าเป็นก้าวแรกในด้านกฏหมาย