ส่วนตัวไม่ได้เป็นแฟน อ.ชินไคนะครับ แค่เคยดูงานเก่าๆอย่างพวกเสียงเพรียก,เหนือเมฆา ในยุคที่แกสร้างชื่อมาด้วยงานภาพขั้นเทพแถมสร้างด้วยตัวคนเดียว แล้วก็มา 5cm จากน้ัน Skip มา Kimi no na wa (Kotonoha no Niwa,Hoshi wo Ou Kodomo ไม่ได้ดู)
ตอนเห็นเปิดตัวเรื่องนี้ค่อนข้างสนใจมากเพราะเป็นคนชอบพวกธีมที่เกี่ยวกับท้องฟ้าอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ถึงขั้น Hype อะไรมากมาย พอไปดูจริงต้องยอมรับว่าคอนเซ็ปแกปูมาดีจริงๆ แต่ที่เหลือสำหรับผมคือเฉยๆครับ งานภาพยอมรับว่าดีจริงๆ แต่ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันโดดเด่นกว่าคนอื่นเหมือนสมัย 10 กว่าปีก่อนแล้ว อาจจะเพราะเทคโนโลยีการสร้างมันก้าวหน้าจนทำให้งานภาพระดับนี้มันไม่ใช่ระดับที่ต้องร้องว้าวอีกแล้ว ส่วนเพลงเพราะดีครับ แต่ด้วยระดับความพีคสมัย Kimo no Na wa มาถึงเรื่องนี้สำหรับผมมันยังข้ามไปไม่พ้นจริงๆ ตรงจุดนี้ถือว่าน่าเสียดายเพราะตัวเพลงความหมายดีมากๆ ส่วนเนื้อเรื่องและเมสเสจที่ผมตีความได้มันก็เป็นสิ่งที่ผมเห็นและสัมผัสได้ในบ่อยๆในสื่อญี่ปุ่นทั่วๆไป ที่สำคัญมีหลายๆส่วนที่ผมรู้สึกว่ามันดึงมาจาก Kimo no Na wa มากเกินไป คือผมเข้าใจนะว่าการเลือกเอาผลงานมันประสบความสำเร็จมันก็เป็นการเซฟที่สุด แต่ผมเชื่อว่าหลายๆนก็อยากจะเห็นอะไรที่มันสดใหม่มากกว่าเห็นสิ่งเดิมๆ แถมดันเป็นเรื่องก่อนหน้าด้วย
แต่สำหรับผมที่ไม่เห็นด้วยกับหลาย ๆ คนคือที่บอกเหมือน Kimi no na wa นี่แหละ แค่โทนของเรื่องผมก็ว่าคนละแนวแล้ว เรื่องนี้ผมว่ามันเรียลมาก ในขณะที่คิมิออกแนว upbeat มีแต่คนดี ๆ ในเรื่อง เป็นต้น แล้วก็ในเรื่องถึงจะเล่นมุกความเชื่อของทางชินโต เหมือนคิมิ แต่ก็ใช่ว่ามันจะเหมือนคิมิซะแบบลอกกันมาก็ไม่ใช่
แต่ก็อย่างที่ว่าแหละครับ ดีไม่ดี สนุกไม่สนุกแล้วแต่คน แต่สำหรับผมมันค่อนข้างจะ related กับพล็อตเรื่องหรือได้รับอะไรมาจากตัวหนังผมก็ว่าไปตามนั้นครับ เพราะผมเองมาทำงาน เรียน ใช้ชีวิตอยู่ญี่ปุ่นได้ทุกวันนี้ก็เพราะดู Kimi no na wa นี่แหละ EDIT: นิด ๆ ถ้าผมดูแค่รอบเดียวแล้วให้คะแนนปุปหลังดูจบเลยผมก็คงให้ 8 เหมือนกันแหละ แต่เพราะได้ดู 2 รอบแล้วมานั่งคิดต่อ ให้เวลาสมองตัวเองในการคิดผมเลยคิดว่ามันดีกว่า 8 มากครับ
[Edited 1 times Taitoru - Last Edit 2019-07-24 17:33:29]
Thu 25 Jul 2019 : 11:48AM
Sage member
Since 13/4/2009
(1417 post)
การที่หลายคนรวมถึงผมรู้สึกว่ามันมีองค์ประกอบเหมือน Kimi no Na wa ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยครับ เพราะ
ตั้งแต่ประเด็นหลักที่เล่นกับเรื่องปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติโดยมีเซ็ตติ้งเป็นโลกจริงๆที่ไม่ได้กำหนดมาว่าเป็นโลกต่างมิติหรือโลกที่มีเรื่องปรากฏการ์ณแบบนี้เป็นปกติ ดังนั้นถ้าตัดพ้อยที่ว่า Kimi no Na wa = ความเชื่อด้ายแดง Tenki no Ko = ฮาเระอนนะ รวมถึงที่มาที่ไปของแต่ละเหตุการณ์ สิ่งที่เห็นมันก็คือพล็อตเดิม การดำเนินเรื่องที่เริ่มจากพระ/นางเข้าไปพัวพันกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ => เริ่มส่อเค้าลางไม่ดี => เกิดมหันตภัยทางธรรมชาติ => นางเอกเข้าไปพัวพัน => พระเอกตามไปช่วย => แยกจากกัน => กลับมาพบกันอีกครั้ง ซึ่งสิ่งที่ผมและเชื่อว่าหลายๆคนอยากเห็นนั้นมันควรจะเป็นสิ่งสดใหม่หรือมีจุดที่คาดไม่ถึงมากกว่าจะได้เห็นอะไรเดิมๆแบบนี้ครับ เพราะเอาจริงๆถึงช่วงกลางเรื่องผมก็เดาสิ่งที่จะเกิดต่อไปได้แล้ว
ประเด็นหลักที่ตัดสินใจมาพิมพ์ก็เพราะเห็นกระแสที่ค่อนข้าง Hype กันแรงมากๆด้วยความประทับใจจาก Kimi no Na Wa และชื่อของชินไค แต่ทั้งนี้ต่อให้คนทำคนเดียวกัน แต่หนังมันคนละเรื่องดังนั้นจึงไม่จำเป็นว่ามันจะต้องดีเสมอไป ไม่อย่างนั้นหนัง Ghibli ของมิยาซากิ ฮายาโอะคงติดอันดับหนังทำรายได้สูงสุดไปแล้วทุกเรื่อง เพราะงั้นก็อยากให้ไปดูด้วยความรู้สึกกลางๆครับ เพราะ Hype มากถ้าดูแล้วผิดหวังจะพาลเซ็งไปซะเปล่าๆ (เหมือน 1 ในคนที่ไปดูกับผม) เพราะผมก็ค่อนข้างมั่นใจจากการคุยกับคนรอบๆตัวว่ารอบนี้เสียงจะไม่ได้เทไปทางบวกแรงๆเหมือน Kimi no Na wa แน่ แต่สุดท้ายก็ยังย้ำอีกรอบครับว่าดูแล้วชอบไม่ขอบอันนี้แล้วคนเลย เคารพความคิดเห็นทุกคนครับ
ปกหนังของชินไคก็เล่นพล็อตเล่นประเด็นแบบนี้หรือคล้าย ๆ แบบนี้ทุกเรื่องนี่ครับ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนเพิ่งมาจะมาบ่นมามีปัญหากันเอาตอนนี้ สงสัยเพราะ kimi no na wa หรือเปล่า แล้วหลายคนก็ไม่เคยดูเรื่องเก่า ๆ ของชินไค?
เพียงแค่ว่า Tenki no ko กับ Kimi no na wa พล็อตที่ว่ามันดูอลังการเป็นเรื่องใหญ่เป็นอุปสรรคใหญ่กว่าเรื่องก่อน ๆ ของชินไคแค่นั้นเอง ถ้าจะบอกว่าสองเรื่องนี้เหมือนกัน ผมว่ามีอย่างเดียวที่เหมือนกันคือเอาความเชื่อชินโตมาใช้เหมือนกันนี่แหละ
หนังเรื่องไหนไม่ว่าใครสร้างมันก็มี trope อยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะ kimi no na wa หรือหนังของ ghibli หนังที่มิยาซากิทำก็ตาม แต่การที่เอา trope เดิม ๆ มาใช้ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันแย่ มันอยู่ที่การเอา trope มาใช้ได้ดีแค่ไหน Kimi no na wa ก็เป็นตัวอย่างที่ดี ถึงจะมี trope มีใช้ cliche อยู่เต็มไปหมดแต่ก็ยังสนุก หนังยังออกมาดีได้ สำหรับคนที่ดูหนังดูซีรีส์มาเยอะโดยเฉพาะของญี่ปุ่นผมว่าก็น่าจะเข้าใจได้ไม่ยากนะถึงเรื่องนี้
สำหรับผม Tenki no ko ถึงจะใช้ trope เดิม ๆ ของชินไคแต่มันมีหลาย ๆ อย่างแตกต่างกับ Kimi no na wa เยอะพอที่จำทำให้ผมกล้าพูดว่ามันต่างกันได้ และนั่นเป็นเหตุผลที่ผมถึงบอกว่าเวลาไปดู Tenki no ko อย่าไปคาดหวังว่าจะได้ดู Kimi no na wa 2 หรืออะไร เพราะมันต่างกันเยอะ เพราะว่าถ้าจะบอกว่า Tenki เหมือน Kimi งั้นหนังของชินไคก็คงเหมือนกันทุกเรื่องแหละครับ เพราะมาแนวเดิม ๆ ตลอด
แต่ Tenki no ko มันมีการ execution ที่ดีการผจญภัยระหว่างทางก่อนจะไปถึงเป้าหมายมันทำได้สนุกไม่แพ้ Kimi เลยในความคิดผม
เรื่องดูสองรอบนี่ผมก็ไม่ได้บอกว่าทุกคนต้องดู 2 รอบหรือหนังต้องดู 2 รอบอย่างร้อยถึงจะเข้าใจนะ ที่ผมบอกว่าผมต้องดูสองรอบเพราะว่าดูรอบแรกผมเก็บได้ไม่หมดเพราะ 1 ญป ยังไม่แข็งแรงขนาด n2 n1 , 2 คือรอบแรกผมเข้าไปในโรงช้า หนังฉายไปแล้ว 5 นาทีได้ ผมเลยอยากดูอีกรอบ อีกอย่างคือผมว่า Tenki no ko เข้าใจง่ายกว่า Kimi no na wa เยอะ เพราะ คิมิเอาเรื่องเวลามาเล่น ตัวทำคนดูสายแคชชวลงงเลย
เรื่องโฆษณาก็อย่างที่บอกไปอะ สำหรับผมมันไม่ได้เตะตาอะไรขนาดนั้น ผมเฉย ๆ บางอันผมก็คิดว่าตลกดี ประเด็นคือ Kimi no na wa หนังมันประสบความสำเร็จแบบล้นหลามมาก พอชินไคได้ทำเรื่องใหม่ ใคร ๆ ก็อยากเอาแบรนด์ตัวเองมาโฆษณา ไม่ก็ทางโตโฮ คอมมิคเวฟอยากได้เงินล่ะมั้ง
เรื่องความ Hype นี่ผมก็ยังไม่เห็น hype มากนะ เพียงแต่ใคร ๆ ที่เคยดู Kimi no na wa มาแล้วชอบหรือเป็นแฟนชินไคอยู่แล้วก็คง hype อยู่แล้ว จะไปห้ามบอกว่าอย่า hype ก็คงยาก ส่วนตัวผมแนะนำอย่างสองอย่างคือ ความคาดหวัง คาดหวังสูง หรือ คาดหวังว่าหนังเรื่องนี้จะสนุก ผมจะไม่ห้ามอะหรือบอกว่าไม่ดีอะเพราะผมคิดว่าหนังเรื่องนี้มันสนุกจริง ๆ ถ้าใครชอบ kimi no na wa ผมก็คิดว่าน่าจะชอบ tenki no ko เหมอืกัน ที่ผมอยากให้เวลาดูหรือก่อนไปดูเรื่องนี้อย่าคาดหวังว่า Tenki no ko จะเหมือน Kimi no na wa หรือเอาสองเรื่องนี้มาเปรียบเทียบกันมากกว่า แล้วแบบมานั่งเซ็งว่าทำไมไม่เห็นดีเหมือน kimi ไม่เห็นเดินเรื่องเหมือน kimi ธีมเรื่องไม่เห็นเหมือน kimi ฯลฯ
member
Since 13/4/2009
(1417 post)