ชัดเจน! สื่อญี่ปุ่นเผยหลักฐานกองทัพญี่ปุ่นใช้ ‘ก๊าซพิษ’ ในสงครามรุกรานจีน
.
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (7 ก.ค.) สื่อมวลชนรายใหญ่ของญี่ปุ่นเผยแพร่หลักฐานอันมิอาจหักล้างได้ว่า “กองทัพญี่ปุ่นเคยใช้ ‘ก๊าซพิษ’ ในการทำสงครามรุกรานแผ่นดินจีน”
.
สำนักข่าวเกียวโดนิวส์รายงานว่าเซยา มัตสึโนะ (Seiya Matsuno) นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นค้นพบ “รายงานการสู้รบเชิงละเอียด” ซึ่งบันทึกการใช้อาวุธเคมีของกองทัพญี่ปุ่นในจีน
.
มัตสึโนะกล่าวว่านับเป็นครั้งแรกที่มีการค้นพบหลักฐานอันมิอาจหักล้างได้ ซึ่งชี้ว่า “กองกำลังก๊าซพิษของญี่ปุ่นบันทึกการใช้แก๊สกัดกร่อน (erosive gas) และเอกสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ด้วยตัวเอง”
.
“หลักฐานที่ค้นพบน่าจะเป็นแค่ ‘ยอดภูเขาน้ำแข็ง’ ของการคลี่คลายสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสนามรบรุกรานจีน” มัตสึโนะกล่าว “ต้องมีการสะสางความจริงและเรียนรู้จากมันเพื่อป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”
.
รูปภาพจากมัตสึโนะเผยว่า “กองพันที่ 5 ของกองกำลังก๊าซพิษญี่ปุ่นยิง ‘ระเบิดแดง’ และ ‘ระเบิดเหลือง’ จำนวน 231 และ 48 ลูก ขณะสู้รบในมณฑลซานซีทางตอนเหนือของจีน เมื่อเดือนกรกฎาคม 1939”
.
“ระเบิดแดง” นั้นสามารถรบกวนการทำงานของอวัยวะในระบบทางเดินหายใจ ส่วน “ระเบิดเหลือง” ส่งผลให้ผิวหนังและเยื่อเมือกบุผิวเน่าเปื่อย โดยบันทึกยังระบุว่า “ระเบิดเหลืองมีประสิทธิภาพดีเยี่ยม”
.
ด้านหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นโตเกียวชินบุนรายงานเมื่อวันจันทร์ (8 ก.ค.) ว่าเพื่อรักษาความลับสุดยอด “กองทัพญี่ปุ่นเก่า” จะเรียกระเบิดบรรจุแก๊สกัดกร่อนว่า “ระเบิดเหลือง” และ “ระเบิดแดง”
.
รายงานระบุว่าสำหรับระเบิดบรรจุก๊าซไฮโดรเจนไซยาไนด์ (Hydrogen cyanide) อันเป็นพิษร้ายแรงสูงจะถูกเรียกว่า “ระเบิดน้ำตาล” และระเบิดแก๊สน้ำตาจะถูกเรียกว่า “ระเบิดเขียว”
.
โตเกียวชินบุนแจกแจงว่าช่วงสงครามรุกรานจีน ญี่ปุ่นจัดตั้งฐานผลิตก๊าซพิษในฮิโรชิมาและโอคุโนชิมะ และขนส่งก๊าซเหล่านั้นไปยังจังหวัดฟุกุโอกะเพื่อการบรรจุระเบิด ก่อนส่งถึงสนามรบในจีน
.
ทั้งนี้ เซยา มัตสึโนะ ผู้เผยแพร่หลักฐานชิ้นใหม่ล่าสุด เป็นนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นสมัยใหม่ ซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยเมจิในปี 2010
.
มัตสึโนะที่สนใจเกี่ยวกับอาวุธเคมีและชีวภาพของญี่ปุ่นวางแผนเขียนบทความบรรยายรายละเอียดและวิเคราะห์หลักฐานที่เขาค้นพบล่าสุด เพื่อตีพิมพ์ลงเซไค (Sekai) วารสารรายเดือนของญี่ปุ่นด้วย