ย้อนมอง Evo Japan 2019

พึ่งจบไปเมื่อคืนกับ Evo JP 2019 เราลองมาทบทวนกันหน่อยดีกว่าวันเกิดอะไรขึ้นบ้างในงานนี้

ประการแรกเลยปีนี้ตัวงานนั้นถูกย้ายไปจัดที่จังหวัดฟุกุโอกะ แน่นอนว่าเหตุผลในการย้ายจากเมืองหลวงไปจัดที่จังหวัดฟุกุโอกะบนเกาะคิวชูนั้นนอกจากเจ้าของงานแล้วก็คงไม่มีใครรู้ แต่ถ้าให้ผมเดาก็คงเป็นเรื่องของงบประมาณสนับสนุนนั่นแหละครับ

สืบเนื่องจากตัวงานเมื่อปีที่แล้วนั้นขาดทุนยับเพราะว่าไม่สามารถเก็บค่าสมัครจากทางผู้เข้าแข่งขันได้ การจัดงานในปีต่อไปถ้าจะให้อยู่รอดก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาสปอนเซอร์เข้ามาช่วยซับพอทในเรื่องการเงิน ซึ่งตัวผมเคยคุยเรื่องนี้กับผู้รู้ก็พอจะได้คำชี้แนะมาว่า

ทางภาครัฐของประเทศญี่ปุ่นนั้นในแต่ละจังหวัดหรือเมืองจะมีงบสนับสนุนการจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อใช้โปรโมตจังหวัดหรือเมืองนั้นๆอยู่ ซึ่งทางภาครัฐนั้นก็แทบจะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดจากข้อมูลที่ได้มา เท่าที่ทราบก็มีทั้งภาคเอกชนและประชาชนไปขอความร่วมมืออยู่บ่อยๆเป็นเรื่องปกติครับ ผมเลยคิดว่าอาจจะเป็นเพราะจุดนี้รึเปล่าตัวงาน Evo JP ถึงได้ย้ายมาจัดที่ฟุกุโอกะแทน ตรงนี้เป็นเพียงการเดาของผมเองล้วนๆครับเพราะผมยังมองไม่ออกถึงแรงจูงใจอื่นๆที่ทำให้ย้ายจากเมืองหลวงไปจัดที่ต่างจังหวัดบนเกาะคิวชู ยกเว้น Mr.Wiz ก็อยากเที่ยวอยากเปลี่ยนบรรยากาศเอง

แต่ถึงอย่างไรก็ตามไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน จังหวัดฟุกุโอกะก็น่าเป็นที่ๆน่าเที่ยวน่าอยู่ เพราะการคมนาคมสะดวกไม่แพ้เมืองหลวงอย่างโตเกียว แต่ผู้คนไม่แออัด สถานที่ท่องเทียวเชิงวัฒนธรรมก็เยอะ งานเทศการต่างๆก็มีมาก ใครมีโอกาสก็ลองแวะเวียนไปเที่ยวดูครับ

เรื่องต่อมาคือเรื่อง Production ต้องยอมรับว่าปีนี้นั้นทำออกมาได้ดีกว่าปีที่แล้วมากๆ ทุกอย่างเมื่อออกสู่จอมอนิเตอร์แล้วดูสวยงามยกระดับจากเดิมไปหมด ความรู้สึกที่ทั้งแออัดและฉุกละหุกแบบเมื่อปีที่แล้วก็ไม่มีให้เห็น การตัดเข้าช่วงโฆษณาในช่วงพักเบรกก็โอเคขึ้นกว่าเดิมครับ ดีกว่าต้องมาทนฟังผู้บรรยายพยายามขายบะหมี่ถ้วย 20-30 นาทีแบบปีก่อนเยอะเลย โดยภาพรวมแล้วด้าน Production นั้นผมคิดว่าเป็นด้านที่พัฒนาได้เยี่ยมที่สุดการจัดงานครั้งนี้แล้วครับ

เนื้อหาของงาน สิ่งที่ทำให้ Evo JP นั้นดูแตกต่างจากงานต้นฉบับอย่างเห็นได้ชัดคือเรื่องของ line-up เกมที่อยู่บน main stage แน่นอนว่ารสนิยมของผู้เล่นชาวญี่ปุ่นนั้นแตกต่างจากผู้เล่นในชาติตะวันตกอยู่มาก เกมที่อยู่บน main stage นั้นจึงเป็นเกม anime เสียส่วนใหญ่ เราจึงได้เห็นเกม Million Arthur: Arcana Blood เกมจากค่าย Square Enix บน เวที main stage ของปีนี้แทนเกมยอดฮิตอย่าง Super Smash Bros Ultimate

พอพูดถึง main stage ในปีนี้ก็มีเรื่องวุ่นๆเกิดขึ้นกับการโชว์ของเกม DOA6 ซึ่งสร้างเรื่องราวและปมหลายๆอย่างให้ขบคิด และสร้างวาทกรรม " core value" ขึ้นมา

ผมคิดว่าเพื่อนๆน่าจะพอรับรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกันมาบ้างแล้ว ในส่วนตัวแล้วผมคงไม่ขอพูดอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่จากเหตุการครั้งนี้มันก็ทำให้ได้เห็นมุมมองและทัศนคติของแต่ละฝ่ายได้ชัดเจนขึ้น ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

จบงานแล้วคิดว่าโดยรวมหลายๆคนน่าจะมีความสุขกันเพราะนอกจากจะดูชมทัวร์นาเมนต์มันส์ๆแล้ว หลายๆเกมก็มีการประกาศทั้ง DLC และข้อมูลสำคัญๆออกมา

ไม่ว่าจะเป็น
- Amy จาก Soul Calibur 6

- Tekken7 กับการปล่อยกำหนดการที่แน่นอนของ Julia Chang กับ Negan(28 ก.พ)

- Dead or Alive 6 กับการยืนยันว่าเราจะได้เล่น Mai Shiranui และอีกหนึ่งตัวละครที่ยังไม่เปิดเผยจากเกม King of Fighters

- BlazBlue: Cross Tag Battleประกาศ DLC รวดเดียวสี่ตัวละคร

- SNK Heroines Tag Team Frenzy ประกาศออกเวอร์ชั่น PC

แน่นอนในเมื่อมีคนสมหวังแล้วก็ย่อมต้องมีคนผิดหวัง

เริ่มต้นด้วยเกม Samurai Spirits ที่ปล่อยให้แฟนๆรอเก้อในงานนี้

แฟน Guilty Gear เองก็เช่นกันที่ยังไร้วี่แววข่าวสารของภาคใหม่

ก๊วน SFV ที่ถึงแม้จะทำใจกันมาตั้งแต่ตอนที่คุณโอโนะประกาศว่าจะไม่มางานแล้วก็ตาม แต่เอาเข้าจริงๆก็อดห่วงไม่ได้กับสถานะการณ์ของซีซั่นสี่ที่ยังไร้ทิศทางเช่นนี้

และนี่คือภาพโดยรวมของ Evo Japan นี้ปีนี้ครับส่วนในปีหน้านั้นจะจัดที่ไหนเอาไว้มาลุ้นกันครับ