Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
Classic Review : Blade Runner (1982)

Reply
Vote
# Wed 4 Oct 2017 : 4:39PM

Slashmeplease
member
หลังเขา รุ่นที่ 3
Since 25/7/2010
(2337 post)
Classic Review : Blade Runner (1982)

กำกับ : Ridley Scott (Alien, Gladiator, The Martian)

ไม่รู้จะเกริ่นอะไรมาก ในโอกาสที่ Blade Runner 2049 ที่เป็นภาคต่อกำลังจะเข้าฉาย ผมที่ไม่เคยดูภาคเก่าก็เลยไปหามาดูสักหน่อย ก็น่าจะทราบกันดีว่าภาคเก่านั้นถือเป้นงานคลาสสิกขึ้นหิ้งมานานแล้ว เป็นติ่ง Ridley Scott อยู่พอดีด้วย มาดูกันครับว่าผมคิดอย่างไรกับ Blade Runner



Blade Runner เล่าถึงโลกมนุษย์ในปี 2019 ซึ่งบริษัท Tyrell Corp ได้ทำการผลิตมนุษย์เทียมที่เรียกว่า Replicant ที่มีความแข็งแรงและมีสมองที่ปราดเปรื่องกว่ามนุษย์ไว้ใช้แรงงานทาส โดยมีกฎหมายว่า Replicant ต้องทำงานใช้แรงงานในอาณานิคมนอกโลกเท่านั้น ห้ามลงมาบนพื้นโลกเป็นอันขาดมิฉะนั้นจะต้องถูกตามล่าโดยหน่วยตำรวจที่มีชื่อว่า Blade Runner แต่เมื่อมี Replicant ถึง 4 ตนได้ขโมยกระสวยอวกาศกลับมายังพื้นโลกและได้จัดการBlade Runner ฝีมือดีไปหนึ่งคน Rick Deckard (Harrison Ford)Blade Runner ฝีมือดีจึงถูกเรียกตัวมาจัดการกับ Replicant เหล่านี้ แต่พวก Replicant มีจุดประสงค์อะไรถึงเสี่ยงตายกลับมาบนโลกนี้ หาคำตอบได้ใน Blade Runner ครับ



ผมคิดว่า Blade Runner นั้นเป็นหนังที่น่าทึ่งมากๆ ทั้ง World ของมันที่ล้ำและมีเอกลักษณ์สุดๆและปรัชญาแห่งความเป็นมนุษย์ที่แสนจะลึกซึ้ง ซึ่งต้องยกความดีให้ Philip K Dick ด้วยแต่ Ridley ก็ถ่ายทอดมันออกมาได้ดีมากๆเช่นกัน (สังเกตว่า Ridley มีมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่อง Android, มนุษย์เทียมต่างๆ ทั้งใน Blade Runner นี้และในแฟรนไชส์ Alien) หลายๆอย่างในหนังถูกใช้เป็นรากฐานให้กับหนังไซไฟในยุคต่อๆมา และก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังคงเอกลักษณ์ที่จะเจอใน Blade Runner เท่านั้นโดยที่หนังยุคต่อๆมาไม่สามารถจะเลียนแบบได้ บางฉากที่รู้สึกว่ากำลังจะดรอปแล้ว ไม่น่าจะทำได้ถึงกลายเป็นทำได้ดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นฉาก Romance ที่ให้อารมณ์อันหลากหลาย ทั้งสับสน โกรธเกรี้ยว จนกลายเป็นความเสน่ห์หา ฉากการต่อสู้สุดท้ายที่กลายเป็นแนวสยองไปเลย และบทสรุปของมนุษย์ดัดแปลง Roy ที่แสนจะลึกซึ้งและทรงพลัง หลายอย่างในหนังนั้นมาก่อนกาลมากๆจริงๆ บางองค์ประกอบนั้นหนังสมัยนี้ยังทำได้ไม่ถึงด้วยซ้ำ เป็นหลักฐานยืนยันอีกเรื่องว่า Ridley เป็นนักทำหนังชั้นครู และเมื่อเขาท็อปฟอร์มเขาก็สามารถสร้างงานในระดับ Masterpiece ออกมาได้ขอยกให้เป้นหนังขึ้นหิ้งอีกเรื่องหนึ่งไปคู่กับ The Shining ที่เป็นงานชั้นครูอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว หากจะหาข้อติของหนังก็อาจจะเป็นความเนือยของมันที่ใครหวังจะมาดูหนังบู๊ไซไฟก็อาจจะผิดหวังเอาได้เพราะจริงๆมันเป็นหนัง Noir ยุคอนาคตมากกว่า และฉากสู้ที่อาจจะไปเน้นภาพชอตสวยๆและสัญลักษณ์ต่างๆแทนที่จะให้ดูฉากบู๊สนุกๆ ซึ่งหากหวังอะไรแบบนั้นไว้ก็คงจะผิดหวังครับ (แต่ผมไม่มีปัญหานะ ชอบ 555)



งานภาพนั้นเทพมากๆ ทั้งการเล่นแสงสีและมุมกล้อง ประกอบกับการออกแบบโลก Cyberpunk อันเป็นเอกลักษณ์ ขอบอกว่างามหยดย้อยจนเกือบลืมฟังบทสนทนาเสียหลายฉาก อีกทั้ง Special Effect ต่างๆก็เนียนอย่างเหลือเชื่อ มีที่ดู Off แค่บางอย่างเท่านั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่หนังเมื่อ 35 ปีก่อน ดนตรีประกอบนั้นก็ยอดเยี่ยม Sound แบบ Ambient เข้ากับงานไซไฟดีเหลือเกิน มีความไพเราะและยังมีเอกลักษณ์ที่คงอยู่ได้มาเป็นสิบๆปี ได้ยินซาวนด์แบบนี้ปุ๊บ Blade Runner แน่นอน สุดท้ายคือการแสดง Harrison Ford เอาเข้าจริงบทของเขาค่อนข้าง Typical นะมีซีนที่เป็น Romance ที่รู้สึกว่ามีอะไรๆอยู่บ้าง แต่ Rutger Hauer ในบท Roy นี่เจ๋งมาก การแสดงมีมิติและมีเอกลักษณ์สุดๆ ยิ่งฉากท้ายๆนี้เล่นได้ทั้งน่ากลัวและซีนอารมณ์สุดท้ายก็มีพลังมากๆ เจ๋งจริงๆครับ

สรุป : ด้วยประเด็นเมสเสจอันลึกซึ้ง โลกไซไฟที่ออกแบบมาได้อย่างโคตรเจ๋ง และงานสร้างที่ทั้งประณีตและล้ำโลกมากๆ ทำให้ขึ้นทำเนียบหนึ่งในหนังที่ชอบที่สุดตลอดกาลไปแล้วครับกับ Blade Runner เห็นว่ากระแสรีวิวภาคใหม่ก็เทพมาก อยากดูเร็วๆแล้วสิ

คะแนน : 9.2/10 (S) ชอบมากครับ

Reply
Vote




1 online users
Logged In :