Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
Review : Atomic Blonde (เรารู้แต่เราก็ทำเป็นไม่รู้แล้วเค้าก็รู้ว่าเรารู้แต่เค้าก็ทำเป็นไม่รู้ว่าเรารู้!!!)

Reply
Vote
# Mon 7 Aug 2017 : 6:44PM

Slashmeplease
member
หลังเขา รุ่นที่ 3
Since 25/7/2010
(2337 post)
Review : Atomic Blonde (เรารู้แต่เราก็ทำเป็นไม่รู้แล้วเค้าก็รู้ว่าเรารู้แต่เค้าก็ทำเป็นไม่รู้ว่าเรารู้!!!)

กำกับ : David Leitch (John Wick)

หนังจากหนึ่งในสองผู้กำกับ John Wick ภาคแรก ที่พอมาภาคสองเขาก็ตัดสินใจปล่อยให้เพื่อนฉายเดี่ยวส่วนตัวเองเลือกที่จะมากำกับ Atomic Blonde นี้แทน ซึ่งดูเผินๆก็คล้ายกับจะเป็น John Wick เวอร์ชั่นที่เปลี่ยนตัวเอกเป็นผู้หญิงเท่านั้น แต่ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้ยังมีดีมากกว่าที่คุณคิด มาดูกันครับว่าผมคิดอย่างไรกับ Atomic Blonde



เรื่องราวใน Atomic Blonde ส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่เยอรมันในยุคสงครามเย็น โดยเล่าถึง Lorraine Broughton (Chalize Theron) สายลับ MI-6 ที่ถูกส่งมายังเยอรมันเพื่อที่จะมาสมทบกับสายลับ David Percival (James Mcavoy) ในการชิง “The List” ซึ่งเป็นรายชื่อของสายลับแทบทุกคนในยุโรปที่หลายๆประเทศทั้งรัสเซีย, สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส รวมไปถึงอังกฤษต่างก็ต้องการมันจนถึงกับส่งเหล่าสายลับจากประเทศตัวเองมาแย่งชิงกัน ทาง MI-6 ยังต้องการ The List เพราะมันจะสามารถระบุตัวสายลับสองหน้ารหัส “Satchel” ที่ทรยศจนทำให้สายลับ MI-6 เสียชีวิตไป 1 นายด้วย Lorraine จะทำสำเร็จหรือไม่ แล้วสุดท้าย Satchel จะเป็นใคร ติดตามได้ใน Atomic Blonde ครับ



สำหรับผมนั้น Atomic Blonde เป็นหนังที่สนุกเกินคาดเลยทีเดียวครับ โดยหนังจะเป็นอารมณ์ของหนังสายลับที่มีการหลอกลวง หักหลัง และหักเหลี่ยมเฉือนคมกันตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งสำหรับคนที่ชอบแนวที่จะต้องคิดตามเยอะๆก็จะได้สนุกไปกับการพยายามเดาตัวคนทรยศของหนังเรื่องนี้ แต่มันก็เป็นดาบสองคมได้เช่นกันเพราะหนังดูยากขึ้นจาก John Wick มากครับ เดี๋ยวคนนั้นหักหลังคนนี้ เดี๋ยวคนนี้รู้ว่าคนนี้หักหลังแต่ทำเป็นไม่รู้ คนนี้ก็รู้ว่าคนนี้รู้แต่ทำเป็นไม่รู้ บางทีมึนได้เหมือนกัน ภรรยาผมนี่สะกิดถามแทบทุกสามนาทีว่าคนนี้เป็นใคร 5555 ติดอีกอย่างนึงคือผมแอบคิดว่าหนังมันแอบมี Plothole อะนะ แต่ผมอาจจะพลาดเองก็ได้เพราะถูกสะกิดทุก 3 นาที ._. และแน่นอนว่าสิ่งที่หลายคนคาดหวังจากอดีตผกก. John Wick ก็คือฉากบู๊นั่นเอง ซึ่งฉากบู๊ในเรื่องนี้ก็ดูสนุกมากครับ แต่จะต่างจาก John Wick ที่เน้นท่วงท่าสวยๆ มาเรื่องนี้จะได้อารมณ์ดิบขึ้น รุนแรงขึ้น เลอะเทอะเประเปื้อนขึ้นหน่อย ซึ่งผมชอบครับมันส์สะใจดีทีเดียว หนังยังมีทีเด็ดคือฉากบู๊ลองเทคสุดเจ๋งที่ยาวโคตรๆ แถมยังมันส์โคตรๆอีกด้วย แค่ฉากนั้นฉากเดียวผมว่าคุ้มค่าตั๋วแล้วครับ



ด้านงานภาพนั้นมีการเล่นเฉดสีคล้าย John Wick 1 แต่รู้สึกว่าเรื่องนี้จะยกระดับความจัดจ้านขึ้นไปอีกระดับ สำหรับผมนั้นถือว่างานภาพมีสไตล์ที่สวยงามดีทีเดียว (ยังไม่รวมฉากลองเทคนั้นอีกที่วิสัยทัศน์ด้านฉากบู๊สุดยอดมาก) การแสดง ขุ่นแม้ Chalize Theron เล่นได้เท่หืน่าเกรงขามดูเป้นนางพญามาก แฟนผมถึงกับพยายามไปหาซื้อเสื้อโค้ตมาใส่อยากเท่ห์แบบขุ่นแม้ (ร้อนตายชัก) ส่วน James Mcavoy นั้นก็ทำได้ดี ทำให้ตัวละครของเขามีความน่าสนใจขึ้นมาอีกมากและยังแอบขโมยซีนในบางฉากอีกด้วยครับ สุดท้ายดนตรีประกอบ หนังเลือกที่จะใส่เพลงยุค 80s เข้ามาเป้นส่วนใหญ่เพื่อให้เข้ากับช่วงเวลาของหนังที่เป็นปี 1989 แต่ถึงแม้ว่าการใส่เพลงยุค 80s จะเป็นอะไรที่เกลื่อนมากๆกับหนังฮอลลีวู้ดในยุคนี้แต่ผมว่า Atomic Blonde ก้สามารถใช้ดนตรีได้อย่างฉลาดทำให้ตัวเองโดดเด่นขึ้นมาได้ จังหวะการใส่ดนตรีเข้ามานั้นเก๋ไก๋ลงตัวมากๆอีกทั้งยังมีการเล่นเสียงหนักเบาให้เข้ากับสถานการณ์ในฉากอีกด้วย ด้านการเลือกเพลงนั้นก็ดีมากๆ ไม่ได้สักแต่ว่าเลือกเพลงดังๆมาใส่แบบไม่เข้ากับหนัง (เหมือน Suicide Squad…) แต่ความไพเราะและความลงตัวนั้นเจ๋งเป้งจริงๆ อีกทั้งเพลง End Credit ยังเป็นเพลงที่ผมชอบมากๆอีกด้วย คะแนนตรงนี้ให้เยอะมากจริงๆครับกับดนตรีประกอบ

สรุป : หนังดูยากนิดๆแต่สนุก จัดจ้าน ฉากบู๊มันส์สะใจ ผมชอบกว่า Dunkirk อีก เหอๆ

คะแนน : 8.3/10 (A) ชอบครับ

Reply
Vote




1 online users
Logged In :