Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
Review : Wonder Woman (ดี่แดดี๊แดวแดวแดว ดีแดวแดวแดว ดีแด๊วแด๊วแด๊ว ดีแด๊วแด๊วแด๊ว)

Reply
Vote
# Sat 3 Jun 2017 : 11:24PM

Slashmeplease
member
หลังเขา รุ่นที่ 3
Since 25/7/2010
(2337 post)
Review : Wonder Woman (ดี่แดดี๊แดวแดวแดว ดีแดวแดวแดว ดีแด๊วแด๊วแด๊ว ดีแด๊วแด๊วแด๊ว)

กำกับ : Patty Jenkins (Monster)

**รีวิวนี้ผมพิมพ์ในมือถือนะครับ หากมีพิมพ์ผิดก็ขออภัยด้วย และต้องขออภัยที่มีรูปน้อยด้วยครับ**



หนังเรื่องล่าสุดของจักรวาลฮีโร่ DC ที่หลังจากมีหนังที่รีวิวโดยรวมค่อนข้างแย่มา 2-3 เรื่องติดกัน Wonder Woman นี้ก็เป็นเหมือนความหวังล่าสุดของแฟนๆ DC ในปีนี้ที่จะมีหนังรีวิวดีๆกับเขาซะที และดูจากกระแสรีวิวที่ออกมาในช่วงแรกนั้นก็ดูเหมือนว่าจะทำสำเร็จแล้วครับ ไปดูกันว่าผมคิดอย่างไรกับ Wonder Woman

Wonder Woman เล่าถึง Diana (Gal Gadot) เจ้าหญิงแห่งชนเผ่าอเมซอน เผ่าพันธุ์นักรบอันเก่งกาจเหนือมนุษย์ ที่อาศัยอยู่ในเกาะอันสวยงามที่แอบแฝงจากสายตาของมนุษย์ แต่วันหนึ่ง Steve Trevor (Chris Pine) ทหารฝ่ายพันธมิตรก็ได้ขับเครื่องบินมาตกยังเกาะแห่งนี้และถูก Diana ช่วยชีวิตไว้ เขาได้เล่าให้ Diana ฟังเกี่ยวกับสงครามครั้งยิ่งใหญ่ในโลกภายนอกที่ได้แผ่กระจายไปทั่วโลก (สงครามโลกครั้งที่ 1) โดยที่มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายมากมาย จน Diana ไม่อาจนิ่งนอนใจ เธอได้จับอาวุธวิเศษของชนเผ่าขึ้นมาและก้าวเข้าสู่สนามรบด้วยความตั้งใจที่จะหยุดสงครามครั้งนี้ให้จงได้

ผมชอบหนังมากกกก 555 คือคิดไว้ว่ามันก็น่าจะดีแหละ แต่ไม่คิดว่ามันจะดีขนาดนี้ มาฟังผมสาธยายความดีของมันกัน 55 เริ่มที่ตัวละครก่อน ตัว Wonder Woman นี่ออกแบบคาแรคเตอร์มาได้อย่างดีมากกกก มีทั้งความมุ่งมั่น แข็งแกร่ง แต่ในขณะเดียวกันก็มีความ Naive ซึ่งมันทั้งน่ารักและกลายมาเป็นจุดอ่อนของเธอด้วยเหมือนกัน ซึ่งมันก็เปิดช่องให้ตัวละครพัฒนาได้ในภายหลัง ในขณะเดียวกันตัวละครอื่นๆก็ไม่ได้น้อยหน้าเลย ตัว Chris Pine นี้มีมิติและความน่าสนใจมากกว่าที่คิดไว้มาก ตัวร้ายก็ออกแบบได้ดีเหลือเชื่อ แม้แต่ตัวละครที่เรียกได้ว่าเป็นตัวประกอบก็มีการสร้างและปูพื้นที่ดีในระดับที่ถ้าเป็นหนังเรื่องอื่นคงถูกทิ้งไปแล้ว ตัวบทหนังยังตอบโจทย์ในด้านความสนุกได้ดีมาก ทั้งมุกตลกที่ตอนแรกปรามาสไว้ว่าแป้กกระจายแน่ๆแต่ที่ไหนได้ปล่อยมุกฮาก๊ากแบบไม่น้อยหน้าหนังมาร์เวลเลย ส่วนความสนุกของฉากบู๊นั้นก็ยังจัดหนักจัดเต็มเช่นเดิมครับโดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่วินาศสันตะโรมากๆ 555 แม้แต่ฉากในช่วงกลางเรื่องที่ Wonder Woman มาถึงลอนดอนเป็นครั้งแรกซึ่งถ้าเป็นเรื่องอื่นนี่จะเป็นช่วงเนือยไปแล้วแต่คาแรคเตอร์ความน่ารักตลกขบขันก็ทำให้มันดูสนุกได้เรื่อยๆไปตลอดรอดฝั่งได้ครับ และแม้แต่ซีนบีบอารมณ์ดราม่า ที่หนังฮีโร่/บล็อคบัสเตอร์มักจะทำได้แค่พอผ่านเท่านั้น แต่กับเรื่องนี้นั้นทำได้ถึงจนเกินมาตรฐานเรื่องอื่นๆไปไกลครับ

หนังยังมีเมสเสจที่น่าขบคิดต่อในหลายประเด็นด้วยกัน ทั้งเรื่อง Hope in Humanity และเรื่องการเชื่อมั่นในพลังของตนเอง มันเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ถ้าหากทุกคน Ignore ปัญหากันหมด สุดท้ายก็จะไม่มีใครทำอะไรเลย เชื่อเถอะครับว่าเรามีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงได้ และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยกับหนังเรื่องนี้คือประเด็น Feminism ครับ ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ทำได้ฉลาดทีเดียว Wonder Woman นั้นเป็นผู้หญิงเก่งที่พร้อมจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับผู้ชาย แต่ในขณะเดียวกันสิ่งที่เธอต้องการก็คือความเท่าเทียมที่แท้จริงโดยไม่จำเป็นจะต้องกดผู้ชายลงไปแต่อย่างใดครับ ซึ่งตัวละครชายในหนังเรื่องนี้ก็ยังมีฉากโชว์ฟอร์มเจ๋งๆอยู่ ไม่ต้องกลายเป็นตัวปัญญาอ่อนหรือเลวร้ายแบนราบกันไปหมดครับ หากจะหาข้อติในเรื่องบท ก็อาจจะเป็นซีนบู๊นี่แหละครับที่ถึงจะดูสนุกแต่ส่วนใหญ่มันก็เป็นการโชว์ฟอร์มฝ่ายเดียว กับการเบ่งพลังคอสโม่แข่งกันเสียมากกว่า กับความยาวของหนังที่ปาเข้าไป 2 ชม. 25 นาทีที่ถึงแม้มันจะดูสนุกตลอดทั้งเรื่อง แต่ผมเชื่อว่ามันน่าจะตัดต่อได้รวบรัดกว่านี้ได้ครับ

งานภาพนั้นดีมากครับ พวกเอฟเฟคต่างๆจะเห็นสไตล์ของ Zack Snyder อยู่ ซึ่งความอลังการนี่หายห่วงครับ อย่างไรก็ตามทัศนียภาพสวยๆและมุมกล้องที่น่าสนใจก็มีอยู่เช่นกัน เพลงประกอบนั้นขับเน้นอารมณ์ต่างๆได้ดีโดยเฉพาะช่วงท้ายเสริมได้ดีมากเลยทีเดียว Theme Wonder Woman โดย JunkieXL ก็ช่วยเสริมความเดือดให้ฉากบู๊ได้ดีมากครับ สุดท้ายการแสดง โอ้ววว Gal Gadot เล่นดีขึ้นจาก BVS มาก สมกับที่เป็นผกก.ที่เคยส่ง Chalize Theron ได้ออสการ์มา การแสดงอารมณ์ต่างๆหลากหลายขึ้นเยอะ แต่ก็แอบเห็นตำหนิบ้างไม่เป็นไรพยายามต่อไป (เรื่องความสวยนี่ชมกันเยอะแล้วเราจะไม่พูด ฉากที่ใส่แว่นนี่หัวใจแทบหยุด 555) ตัวละครอื่นๆก็ตามมาตรฐานนะครับ Chris Pine ยังคงกวนโอ๊ยปล่อยมุกเฉียบเหมือนเดิม แต่พอถึงซีนอารมณ์ก็ยังสอบผ่านครับ ส่วน Elena Alaya ในบท Dr.Poison ก็เล่นได้มีมิติดี ผมว่าคาแรคเตอร์เธอน่าสนใจดีนะ เสียดายที่บทสรุปสุดท้ายตัดจบไปหน่อย

สรุป : เป็นหนังฮีโร่ที่ชอบมากเป็นอันดับต้นๆเลย เผลอๆหนังปีนี้ที่ผ่านมาจะชอบสุดเลยมั้งเนี่ย

คะแนน : 8.7/10 (A+) ชอบครับ
[Edited 1 times Slashmeplease - Last Edit 2017-06-03 23:25:52]

Reply
Vote




1 online users
Logged In :