Menu
Home
News
Space
N
Market
Forum
Feed
ทั้งหมด
ทั่วไป
เกม
อนิเม / มังงะ
ซื้อขาย
บทสรุป
แจ้งปัญหา
[--mobilemenu--]
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ขอลิ้งยืนยันใหม่
ลืมรหัส
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
[email protected]
หรือ
[email protected]
This thread is locked
ทั้งหมด
>
ทั่วไป
กระทู้การเมือง ��าค 6 (แจ้งล่วงหน้าว่ากระทู้การเมืองจะปิดชั่วคราวในเวลา 15...
#การเมือง
Tweet
Reply
Vote
#
Fri 20 Jan 2017 : 7:41PM
"MnemoniC"
member
Since 2015-12-08 01:43:55
(5799 post)
Jobjab wrote:
คดีครูต่างจากคดีลูกเหลิมยังไงอ่ะ
คดีนั้นพยานก็กลับคำให้การในชั้นศาลทีหลังเหมือนกัน แต่คดีนั้นหลุด คดีนี้ไม่รอด
อันนี้คือข้อมูลที่หาได้ครับ
หลายคนคงตกใจกับข่าวลือ “นายสมัคร สุนทรเวช” นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เซ็นคำสั่งอนุมัติให้ “นายดวง อยู่บำรุง” บุตรชายคนเล็กของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กลับเข้ารับราชการในสังกัดสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมกับคืนยศ (ร.ต.) ให้กับ นายดวง ตามที่นายดวง อดีตจำเลยคดีฆ่า ด.ต.สุวิชัย รอดวิมุต หรือดาบยิ้ม ได้เสนอเรื่องไป
จากข่าวลือ สำหรับคนชื่อ สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ผู้นี้ หลายคนคงเชื่อว่า ข่าวลือชิ้นนี้ต้องเป็นจริง ประกอบกับเป็นความหวังสูงสุดของผู้เป็นพ่อ อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ต้องการทำทุกอย่างเพื่อลูก
ส่วนข่าวลือ จะเป็นข่าวจริงหรือไม่ นายดวง หรือนายดวงเฉลิม เขาเป็นใคร? มาจากไหน? ทำไม จึงกลับเข้าสู่ราชการทหารได้อีกครั้ง คดีความที่เป็นข่าวใหญ่ และจบลงเพียงแค่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เหตุผลอะไร จึงทำให้เขาพ้นผิด และเขาได้รับอิสระภาพ ก่อนกลับมายิ่งใหญ่ในรัฐบาล “สมัคร-เฉลิม”
เราลองย้อนไปเตือนความทรงจำกันอีกสักครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ ทีมข่าวอาชญากรรมได้ไปตามดูคดีดังมาแล้วครั้งหนึ่ง และพบว่าประชาชนผู้รักความยุติธรรมจำนวนมากยังให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวคดีความของคนตระกูลอยู่บำรุง
29 ต.ค.2550 ถือเป็นวันครบรอบวันตาย ครบ 6 ปี ของ ด.ต.สุวิชัย รอดวิมุต หรือ “ดาบยิ้ม” ตำรวจกองปราบปราม ที่ถูกยิงด้วยอาวุธปืน 6.35 มม.เสียชีวิตภายในคลับทเวนตี้ ผับ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค ถ.รัชดาภิเษก เมื่อกลางดึกของวันที่ 29 ต.ค.2544
“คดีฆ่าดาบยิ้ม” ถือเป็นคดีสะเทือนขวัญที่ถูกสังคมจับจ้องมากที่สุดในขณะนั้น เพราะผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ และตกเป็นผู้ต้องหาลั่นไกฆ่า คือ “ดวงเฉลิม อยู่บำรุง” ลูกชายคนเล็กของ “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” นักการเมืองคนดังย่านฝั่งธน หลังเกิดเหตุ “ดวงเฉลิม” หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม้ตำรวจจะระดมกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักย่านบางบอน และบ้านนักการเมืองท้องถิ่น ที่คาดว่า “ดวงเฉลิม” จะไปหลบกบดานอยู่หลายรอบแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบแม้แต่เงา
แต่ด้วยพฤติการณ์หลบหนี และภาพลักษณ์ของ “ครอบครัวอยู่บำรุง” ในขณะนั้น ทำให้ “ดวงเฉลิม” ตกเป็นจำเลยของสังคมอย่างปฏิเสธไม่ได้ ขณะเดียวกัน คะแนนความสงสารถูกเทไปให้กับ นางสุพัตรา และ ด.ช.กิติศักดิ์ รอดวิมุต ภรรยาหม้าย และลูกชายดาบยิ้ม ซึ่งต้องขาดเสาหลักของครอบครัว
ฝ่าย “ยอดคุณพ่อ” อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม ก็ออกหน้าปกป้องลูกชายแบบเต็มตัว ทั้งยืนยันนั่งยันและนอนยันทุกวันว่า “ดวงเฉลิม” ไม่ได้หนีไปไหนแค่หลบไปตั้งตัวเพราะกลัวจะไม่ปลอดภัย ส่วนคนที่ยิงดาบยิ้มตาย คือ “ไอ้ปื๊ด” คนสนิทผู้ติดตามลูกชาย แต่พนักงานสอบสวนกลับไม่ได้ให้ความสนใจนำมาเป็นสาระสำคัญของคดี
“ดวงเฉลิม” หายตัวไปกว่าครึ่งปีก่อนจะไปโผล่เข้ามอบตัวที่สถานทูตไทยในมาเลเซีย เมื่อเช้าวันที่ 2 พ.ค.2545 ก่อนถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดี ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แต่ไม่มีการตั้งข้อหาร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงาน” ทำให้พนักงานสอบสวนถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคนในวงการตำรวจด้วยกันมากพอสมควร หลังจากนั้น พนักงานอัยการก็ส่งฟ้อง “ดวงเฉลิม” กับพวกอีก 2 คน ประกอบด้วยนายกฤษพัฒน์ จาตุรานนท์ และนายสุพจน์ แสงอนันต์ เป็นจำเลยต่อศาลอาญา ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย ส่วนนายวันเฉลิม อยู่บำรุง พี่ชายคนกลาง และพ.ต.ต.ศราวุฒิ สกุลมีฤทธิ์ อดีตสารวัตร 191 ถูกฟ้องเป็นจำเลยในความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และช่วยเหลือให้ผู้กระทำผิดมิให้ถูกจับกุม
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม ก็ไม่ยอมละความพยายามง่ายๆ นำตัว “ไอ้ปื๊ด” หรือนายเฉลิมชนม์ บุริสมัย เข้ามอบตัวอีกรอบ แต่ก็ถูกเมินอีกตามเคย เนื่องจากในทางการสืบสวนของตำรวจขณะนั้น เห็นว่า “ไอ้ปื๊ด” ไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้องกับคดี
ต่อมาคดี “ฆ่าดาบยิ้ม” ก็เข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล โดยเริ่มสืบพยานโจทก์นัดแรกเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2545 โดยพนักงานอัยการนำนางสุพัตรา ขึ้นเบิกความเป็นพยานโจทก์ปากแรก ต่อด้วยพยานสำคัญอีกหลายปากไม่ว่าจะเป็น พ.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผกก.1 ป. ,ร.ต.อ.วิวัฒน์ บุญชัยศรี รอง สว.ผ.5 กก.2 ป., ส.ต.ต.ทศพล อ่อนพันธุ์ ตำรวจประจำกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191), น.ส.นฤมล วงศ์เสือ, นายสมภพ สุภิษะ, น.ส.ทิฐินันท์ ฤทธิวัฒนะพงศ์ ซึ่งล้วนแต่อยู่ในคลับทเวนตี้ ผับ ขณะเกิดเหตุ ทำให้ผู้สันทัดกรณีในวงการกฎหมายหลายคนเชื่อกันว่างานนี้ “ดวงเฉลิม” รอดยาก
ส่วนแนวทางการการต่อสู้คดีของทีมทนายความจำเลย ที่นำโดยทนายมือดี “สมหมาย กู้ทรัพย์” มุ่งนำสืบพยานพุ่งเป้าไปที่ประเด็นแสงไฟในคลับทเวนตี้ คืนเกิดเหตุ เพื่อชี้ให้ศาลเห็นว่าพยานโจทก์ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า “ดวงเฉลิม” เป็นผู้ลั่นไกยิงดาบยิ้ม นอกจากนี้ยังมีพยานปากสำคัญอย่าง พล.ต.ต.วิชิต สมาธิวัฒน์ ผบก.นต.แพทย์ผู้ทำการชันสูตรพลิกศพ เบิกความหักล้างพยานโจทก์ในประเด็นวิถีกระสุน เนื่องจากบาดแผลจากหน้าผากด้านขวา ลงไปทะลุท้ายทอยด้านซ้าย เป็นไปได้ยากที่ “ดวงเฉลิม” จะยืนประจันหน้ากับ “ดาบยิ้ม” ขณะลั่นไกสังหารตามคำให้การของพยานโจทก์
สุดท้าย “ศาลอาญา” พิจารณาพยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วมีคำพิพากษายกฟ้อง!?! นายกฤษพัฒน์ จาตุรานนท์ นายสุพจน์ แสงอนันต์ และนายดวงเฉลิม อยู่บำรุง เนื่องจากพยานโจทก์ขัดแย้งกันในสาระสำคัญอย่างสิ้นเชิงไม่มีน้ำหนักให้เชื่อว่าจำเลยทั้ง 3 คน ร่วมกันฆ่า ด.ต.สุวิชัย อีกทั้งผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ก็ไม่สามารถทำให้ศาลเชื่อได้โดยปราศจากข้อสงสัยได้ว่าจำเลยที่ 5 คือ นายดวงเฉลิม อยู่บำรุง เป็นคนยิงผู้ตายจนเสียชีวิต จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
คำพิพากษา “ยกฟ้องดวงเฉลิม” ทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมาย เพราะสังคมได้พิพากษาไปแล้วว่า “ดวงเฉลิม” คือ “ฆาตกร” มิหนำซ้ำต่อมาพนักงานอัยการมีความเห็นไม่สมควรยื่นอุทธรณ์ จำเลยทั้ง 5 โดยให้เหตุผลว่า ที่ศาลชั้นต้นอ้างไว้ในคำพิพากษามีความสมเหตุสมผลแล้ว โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับผลการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ เรื่องวิถีกระสุนและระยะห่างระหว่าง ผู้ตายกับผู้ยิงที่จะต้องเป็นลักษณะการกดปากกระบอกปืนประชิด ซึ่งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงได้ เช่นเดียวกับนางสุพัตรา ภรรยาหม้ายของดาบยิ้มที่ยอมถอยไม่ยื่นอุทธรณ์เช่นกันทำให้คดีถูกปิดลงแค่ในศาลชั้นต้นเท่านั้น
ย้อนกลับมาดูชีวิตของครอบครัวเหยื่อสังหาร หลังเวลาผ่านไป 6 ปี “สุพัตรา รอดวิมุต” เผยว่าเธอและลูกชาย ยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านพักย่านแหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เมื่อขาดเสาหลักของครอบครัวไป เธอกับลูกชายก็ต้องเหนื่อยกันมากขึ้น โดยเธอได้รวบรวมเงินช่วยเหลือและเงินบริจาคตอนจัดงานศพ “ดาบยิ้ม” และเงินเก็บส่วนตัวได้ก้อนหนึ่ง นำไปซื้อรถบรรทุก 10 ล้อได้ 1 คัน เอาไปฝากวิ่งขนส่งร่วมกับบริษัท ดาริกาทรานสปอร์ท ของเพื่อนสนิทเก็บรายได้จากค่าเช่ามาเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว เมื่อรวมกับเงินบำนาญของดาบยิ้มอีกจำนวนหนึ่งก็พอจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไม่ลำบาก ส่วนลูกชายตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาจักษุแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี ชีวิตครอบครัวขณะนี้ถือว่ามีความสุขตามอัตภาพ และไม่คิดจะกลับไปทวงถามหาความเป็นธรรมจากใครอีก
คดี “ฆ่าดาบยิ้ม” ถือเป็นคดีสะเทือนขวัญ ที่มีการฆ่ากันจริงๆ ตายกันจริงๆ แต่กลับไม่ได้ “ฆาตกรตัวจริง” มาลงโทษ ถึงวันนี้เวลาผ่านมากว่า 6 ปีแล้ว “ไอ้ปื๊ด” ที่ ร.ต.อ.เฉลิม อ้างว่าเป็นมือปืนตัวจริงตอนนี้อยู่ที่ไหน?! มีใครสนใจจะนำตัวมาดำเนินคดีหรือไม่ ?! หรือเป็นแค่ตัวละครที่ ร.ต.อ.เฉลิม อุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อแก้ข้อกล่าวหาให้ลูกชาย และสุดท้าย การตาย(ฟรี) ของ “ดาบยิ้ม” ก็เป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่า บางครั้ง “กระบวนการยุติธรรม” ก็ไม่สามารถอำนวยความยุติธรรมให้กับทุกๆ คนได้...
มิหนำซ้ำ วันนี้เกิดข่าวลือ “ลุงหมัก” เซ็นรับ “หลานดวง” อดีตจำเลยคนสำคัญกลับเข้ารับราชการทหารอีกครั้ง... นี่หรือประเทศไทย????
จาก MGR Online
เหตุการณ์คร่าวๆคือคนร้ายในคดีตอนแรกเป็นคนสนิทลูกชายเฉลิม แต่ตำรวจไม่รับเรื่องในขั้นตอนเข้ามอบตัว เพราะตรวจสอบแล้วว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับคนที่อยู่ในเหตุการณ์ จากการตรวจสอบพยานโจทก์ทั้งหมด
จึงถึงขั้นตอนพิจารณาของศาลที่มีลูกเฉลิมเป็นจำเลยที่ห้า จากการพิจารณาคดีเสร็จสิ้น หลักฐานทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ห้าเลย ศาลจึงได้ทำการยกฟ้องจำเลยที่ห้า และภรรยาดาบยิ้มก็ไม่ได้สู้คดีต่อจึงจบที่เพียงศาลชั้นต้น
มันต่างกับคดีครูตรงที่วิธีพิจารณาคดีมันไม่สอดคล้องกับผู้เสียชีวิตของลูกเฉลิม ส่วนของครูเป็นการจับแพะที่ตบแต่งสำนวนก่อนถึงการพิจารณา แต่ทั้งสองกรณีนี้มีจุดสังเกตุสงสัยตรงที่ว่า ก่อนถึงการพิจารณาของคดีเป็นข้อมูลที่ถูกต้องมาจากขั้นตอนการสอบสวนแล้ว
บวกกับหลักฐานต่างๆแล้วตัดสินให้เป็นผลออกมา แต่กรณีครูแพะสำนวนชัดเจนแม้จับผิดคน ส่วนลูกเฉลิมหลักฐานไม่หนักแน่นพอมัดตัวจำเลยครับ
*เพิ่มเติม*การที่ถึงกระบวนการขั้นตอนพิจารณาคดี เมื่อไปถึงขั้นตอนนั้นจริงๆกันแล้ว ส่วนใหญ่การพิจารณาหลักฐานข้อมูลต่างนานา จะอยู่ในมือผู้พิพากษาไปทำการบ้านแล้วส่วนหนึ่ง
หากมีการนำเบิกพยานหรือข้อมูลลบล้างของทั้งสองฝ่าย อาจมีการเลื่อนการตัดสินคดีเพื่อให้เวลาทั้งสองฝ่ายหาหลักฐานมายันกันอีกครั้งหนึ่ง
ขั้นตอนการตัดสินของศาลจึงเป็นอะไรที่จะเกิดความผิดพลาดได้ไม่ง่าย รวมถึงขั้นตอนการทำข้อมูลของตำรวจแผนกต่างๆก่อนถึงในชั้นศาลครับ คดีครูแพะค่อนข้างจะแตกต่างจากคดีลูกเฉลิมพอสมควรครับ
[Edited 2 times "MnemoniC" - Last Edit 2017-01-20 20:02:53]
Reply
Vote
Related Thread
กระทู้การเมือง ��าค 6 (แจ้งล่วงหน้าว่ากระทู้การเมืองจะปิดชั่วคราวในเวลา 15...
สนทนาประสาการเมือง ��าค 5.2
สนทนาประสาการเมือง��าค 5
Popular Thread
ประกาศ Danmachi ss5
Like a Dragon Gaiden: The Man Who Erased His Name คะแนนรีวิว
ยังอยากหากินกับบุญเก่าเหมือนเดิม Blizzard เผย มีความคิดจะนำ World of Warcraft ลงเครื่องเกมคอนโซล
KOF XV DLC|HINAKO SHIJO|Trailer
1 online users
Logged In :
member
Since 2015-12-08 01:43:55
(5799 post)