ตัวตลก กับตัวเอกชัดๆ

อย่ามาว่า Ubisoft ที่รักของผมนะ

ความ Woke ไม่ใช่แค่เรื่องตัวละครที่มีความหลากหลาย แต่มันเน่าหนอนไปถึงข้างใน

ทีมงานจะต้องมีความหลากหลายไม่เน้นคุณภาพงาน วิธีคิดความสร้างสรรค์เกมคือจะเอาเรื่องความหลากหลายเป็นที่ตั้งไม่ใช่เอาความสนุกเป็นที่ตั้ง

มันต้องเน่าถึงขั้นขั้นแหละถึงจะสามารถผลิตผลงานที่อิหยังะแบบนี้ออกมาได้

ก็แอบคิดอยู่ ตั้งแต่ยุคโซนี่บีม(เหมือนจะมาตอนโควิดระบาดพอดี) โซนี่เลียไข่มะกันจนเกินงามละ

ยุคเพลสามไปเพลสี่นี่คือพีคทั้งเทคโนโลยี แล้วก็เซอร์วิสเอาใจลูกค้าสุดๆ

ทุกวันนี้ที่ยังไม่จัดเพลห้าเพราะนโยบายอะไรแบบนี้ด้วยแหละนะ

หมดยุคก็ไม่ได้หมายความว่าความคิดจะเปลี่ยนนี่สิ

ผมมองว่าหลาย ๆ บ. เกมตอนนี้ ได้ผู้บริหารที่เหมือนไม่เข้าใจธุรกิจของตัวเองดีพอแฮะ คือเขาเข้าใจธุรกิจแหละ แต่กับเรื่องเกมเหมือนจะไม่ใช่ เพราะการตัดสินใจหลาย ๆ อย่างเหมือนไม่ได้เข้าใจเลยว่าลูกค้าของตัวเองต้องการอะไร

เดี๋ยวก็เจอวาทกรรม
เราไม่ใช่ target audience อย่ามาบ่น ไม่ต้องเล่น

เพราะเกมส์เขา target modern audience

ซึ่งพวกนี้จริงๆอะนะ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนช่วง 20 ตอนเขามาเสนอโปรเจคไรพวกนี้ เขาบอกว่าทำเพื่อขยายฐาน กับ จับลูกค้าใหม่เพิ่มจาก กลุ่มลูกค้าเก่า

แล้วพวกนักลงทุน พวกการตลาด วิเคราะห์เขาก็เห็นดีเห็นงามด้วย ไม่กระทบกลุ่มลูกค้าเก่า

แต่พอทำไปทำมา มันกลายเป็นว่าที่บอกขยาย กลายเป็นไล่กลุ่มเก่า แล้วจะเอามาแทนที่

คำถามคือ นักลงทุน มันรู้ไหม
คำตอบคือ ไม่ เพราะพวกบริหาร พวกที่กำหนดทิศทาง มันไม่ไปบอกหรอก
พอฉิบหายกฺข้ออ้าง

ว่าไป เวลาคุยไรพวกนี้ แล้วเวลาเจอคนพูดมั่วๆ โคตรเห็นลิ้นไก่เลว แต่ก็ไม่อยากจะไปขัดไร ปล่อยให้หลอกตัวเองไปนั่นแหละดีแล้ว

ตลาด กับ ผู้บริโภค มันจะกำหนดแนวทางที่ควรเปฺ็นเอง

มันน่าอายอยู่นะครับ ที่เกมกู้หน้าโซนี่มาจากทีมอะโซบิ ซึ่งมากจาก แจแปนสตูดิโอ ด้วยคน 60 คน 3 ปี ที่ถูกสั่งปิดไป
เกมที่มุ่งเน้น ลงทุนมากมายล้มไม่เป็นท่าเลย หวังว่าจะคิดได้ครับ

ห๊ะ....นี่ชุดเสียเงินหรอ

มันก็ต้องทำแหละครับ
การทำสื่อเราต้องเน้นเข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลายๆรูปแบบ >>> diversity ที่ควรจะเป็น

อย่างตลาดเกมส์มันโตๆช่วงโควิด มันก็มีโจทย์แบบกลุ่มลูกค้าใหม่เป็นไง จะดึงเข้ามาได้ไง
มันเลยไปลง dei กันนั่นแหละ เพราะเป็นกลุ่มที่ตลาดนี้ไม่เคยเล่นมาก่อน และมันเป็นเทรนด์ช่วงนั้นพอดีในตะวันตก

ส่วนพวกสื่ออื่น ถ้ามันไปไม่รอด มันก็ต้องเพลาแต่ไม่หายไปแน่นอน จับปลาหลายตัวดีกว่าจับปลาบางตัว

แต่อย่างใดก็ต้องรักษาฐานลูกค้าเก่าตัวเองพร้อมสร้างฐานลูกค้าใหม่เอาไว้ด้วยอะครับ >>> equity ที่ควรจะเป็น

ซึ่งถ้ากลุ่มลูกค้าที่ทำตลาดแล้วมันไม่เวิคคือไม่มี ส่งผลให้ไม่โต
ก็จะเป็นแบบภาพข้างล่างนี่แหละครับ

หลายเกมที่ไม่เจ๊งก็มีมาก มี element ความหลากหลายทั้งนั้น
แต่ข้อดีของเกมมันกลบจนไม่สังเกตกัน ถึงมีคนสังเกต ก็เป็นแค่ดราม่ากระปอดกระแปด

- Overwatch
- Apex Legends
- Last of Us
- Spider-Man 2
- GOW Ragnarok
- BG3
- ER: Shadow of The Erdtree

อยู่ที่การนำเสนอ

นิยามคำว่า woke คนเดี๋ยวนี้ก็ไม่เหมือนกันอีก ดั้งเดิมมันไม่ใช่คำด่า

เกมส์ที่ว่ามามันแค่มีกลิ่นนะผมว่า พวก dei เขาไม่ได้พอใจแค่นั้นหรอก เพราะคนเล่นแล้วก็แล้วไป ไม่ได้ใส่ใจประเด็นทางการเมืองของพวกเขา ไอ้ที่ฝรั่งเขาเรียกว่า อาเจนด้าป่ะ เขาต้องการกลิ่นแรงๆแบบเต็มตัวอย่าง ค่อนขอด ที่ dei มาเต็มแบบไม่แค่บิ้วตี้แสตนดาร์ดเลยซักนิด กับเกมส์อย่างดัสบอร์น ที่ใส่อาเจด้าของพวกเขามาเต็ม แน่นอนพอใส่มากเต็ม ก็เจ้งยับหมา ก็อย่างที่หลายคนพูด เมิงทำเกมส์ให้ใครเล่นวะ

ความหลากหลายมันมีได้ครับ diversity เนี่ย หลายเกมก็มี (คือมันไม่ใช่จะมาหลากหลายแค่กับ humanoid character นะ) ก็คงต้องดูว่าทำไมหลายเกมถึงไม่ backfire ขนาดนี้ หรือบางทีก็ไม่มี
ผมชอบพูดยกตัวอย่าง อย่าง Fortnite คือ cosmetic มันก็มีความหลากหลาย ก็ต้องดูว่าทำไมมันถึงไม่โดนขนาดนี้ อย่างแรกคือมันมีความหลากหลายจริงๆ สวย หล่อ เท่ ผช ผญ (ในเชิง biology) ผอม อวบ อ้วน ผิวขาว ผิวดำ ผิวด่าง ขาเล็ก ขาใหญ่ มันมีตัวเลือกเยอะ ใครอยากได้แบบไหนก็พอจะมีให้
ประเด็นคือเขาก็ต้องการความหลากหลายก็เลยใส่มาแค่นั้นแหละ ไม่ใช่อ้าง "ความหลากหลาย" เพื่อใส่ hidden agenda อะไรเข้ามาแล้วยัดมาซะเยียดแตะต้องไม่ได้เลย จะโดนหาว่าเหยียด ว่าชายแท้ อะไรต่อมิอะไรก่อนแล้ว คือต้องอย่าลืมว่า คุณพยายามขับดันเรื่องพวกนี้ให้สังคม ความหมายนัยๆของมันคือ คุณต้องพยายามให้เขายอมรับให้ได้ไปเรื่อยๆจากความคิดของเขาเอง ง่ายๆคือคุณต้องหาคนเข้าร่วมแนวคิดนี้กับคุณให้ได้ แต่สิ่งที่พวกนี้ทำกลับกลายเป็นว่า ผลักไสคนที่ยังไม่พร้อมยอมรับแนวคิดที่คุณพยายามผลักดัน(อาจจะแค่ตอนนี้)ออกไปเป็นศัตรู สรุปแล้วถามว่ามันจะมีคนยอมรับแนวคิดคุณเพิ่มได้สักแค่ไหน
ผมให้นิยามพวกนี้นี่แหละพวก Woke คือพยายามจะให้คนอื่นยอมรับแนวคิดตัวเอง เวลาเดียวกันตัวเองกลับไม่เปิดรับในแนวคิดของใครเลย แถมทำตัวเป็นศัตรูกันไปเลยซะอีก กลับกลอก ขัดแย้ง ในตัวเอง

มันก็ไม่เชิงอยู่ที่การนำเสนอหรอกครับ เพราะเกมที่ woke อยากได้คือมันต้องมีเรื่องพวกนี้นำหน้าชัดเจน ถ้าที่ woke พอใจมันก็จะเสนอได้แต่แนว concord dustborn เนี่ยแหละ

พวกเกมข้างบนนี่ผมว่า woke แค่ให้กลุ่มตัวเองแทรกซึมเข้าไปเป็นไฮดร้า กระจายไปแต่ละภาคส่วนเพราะนโยบายจ้างงานแบบ DEI แต่ยังไม่แสดงตัวชัดเจนไม่ได้อาจจะมีหัวหน้าคนเก่าอยู่มันเลยยังออกตัวแรงได้ไม่เยอะเกมมันเลยยังไม่เละ แถมผมว่า last of us กับ spider man ที่ใส่ woke มาแอบเยอะนี่กินบุญเก่าเยอะอยู่นะครับตอบรับดีแต่ก็โดนด่าเยอะอยู่

last of us นี่ แอบบี้ขัดเจนช่วงนั้นนี่ผมยังโกรธไม่หายไล่แบนเกม service เพียบ นินจานมอะไรพวกนี้ แต่ใน last of us2 ดันมีฉากแอบบี้ใส่กันซะงั้น ดูแล้วจะอยากจะขะย้อนของเก่า

spider man2 นี่นักเขียนก็ self inser ตัวเองกับ mary jane หนักอยู่นะครับ ดีว่าไม่ใช่ตัวละครหลัก แต่ก็บังคับให้เล่นนานอยู่แถมบทปีเตอร์ผมนี่ อย่างหนักใจ spider man นี่ผมก็ไม่ได้ซื้อ day one ส่วนหนึ่งก็เพราะแมรี่เจนเนี่ยแหละ

BG3 นี่ยอมครับ diversity ที่ดีจัดได้หมด ผมมองว่าไม่ woke มากนะอยู่ในเกณฑืรับได้ออกแนว fetish ไรพวกนี้มากกว่าด้วยซ้ำ แต่ ฺฺBG3 นี่ทำให้เห็นความเอียงของ journalist กับนัก review แต่ละเจ้าชัดเจนเลยครับ ถ้าเกมจากตะวันออกไม่ว่าจะ jap chi kor ทำเกมมีรสนิยมเฉพาะแบบ BG3 ออกมานี่โดนด่าโดนแบนเละแล้ว พอมาจากตะวันตกนี่อวยกันยับ

ถ้ายังไม่ patch กันไปแล้วนะ พวกผลงานที่เติมความหลากหลายลงไปจะมีนายทุนให้งบพัฒนามาด้วยครับ ถ้าไม่ใส่ใจคำด่าอะไรมาก ได้เงินมาก็ down grade ผลงานนั้น มันแทบจะกำไรตั้งแต่ยังไม่เสร็จเลย คนหลงซื้อก็ถือเป็นโบนัสไปอีก

คือ 150m นี่ก็ว่าเยอะล่ะสำหรับเกมส์แบบนี้ ล่ะโหมดแค่นี้ 400-600m ล่ะเวลาพัฒนา8ปี เนี่ย ต้องได้เกมส์ระดับ cod โหมดเกมส์ตันๆ เดสตินี่ภาคใหม่ pvp pve พร้อมๆ ไม่ก็ระดับ gta 5แล้ว ไอ้ที่ลือว่าเพราะการจ้างงานการทำงานของบุคลากรที่มาจากนโยบาย dei มันแพงกว่าคนธรรมดานี่ สงสัยจะจริงล่ะมั้ง

ผมว่าข่าวเต้าอ่ะ มันเว่อเกินจริงไปมาก GTA5 ยังไม่ถึง 300 เลย

ถ้าใช้งบเยอะตามที่ตั้งไว้แล้วไม่ได้ไปละเลงกับการตลาด มันมีอีกกรณีคือ ไปจ้างคนเยอะแบบเกินความต้องการในธุรกิจจริงๆ ก็ได้ครับ

พอคนยิ่งเยอะการพัฒนายิ่งช้า เพราะวันๆ ก็ประชุมฉ่ำแทบไม่ได้ทำงานก็ได้ครับ สมมุติไปแตกเป็น SM BA TL BA BD SE CM COO แยกเป็นอีกหลายหน่ออีกหลายกลุ่มแทนที่จะวิ่งไปหา Dev ตรงๆ อันนี้งบบานปลายแน่นอนครับ

ต่อให้เรื่อง 400 ล้านเป็นเรื่องจริง ระดับโซนี่ เงินแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกครับ PS5 pro ออกเมื่อไหร่ก็ได้เดี๋ยวเงินคืนมาละ

ช่วงนี้ข่าวมันขายได้
มีใครลืออะไรนิดเดียว Youtuber ทุกคนพร้อมใจกันลงข่าวหมด

ไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่เกม F2P อื่นมันสนุกกว่า ทำไมเราต้องจ่ายเงินมาเล่นเกมที่สนุกน้อยกว่า
เป็น Hero shooter ที่ไม่มีอัลติ พอแพ้แล้วแพ้ยาว ไม่มีท่าแก้สถาณการณ์อีก

แถมพอเกมมันคนเล่นน้อย สภาพโดยรวมมันก็เลยเน่าตาม
มีโหมดนึงที่สู้เป็น round ไม่มี spawn ใหม่
คนปั่น rank พอเกมเริ่มมันก็โดดลงเหวตายให้จบ round เลย แพ้ชนะยังไงก็ได้แต้มปั่นถ้วย ....

ข้อเสียค่อนข้างเยอะเลยครับ เกมช้าไป ยิงกันตายยาก แถมบาล้านท์ตัวละครไม่ดี สายสไนป์บางตัวปืนมีกระสุนแค่ 1 นัด ยิงแล้วต้องรีโหลดทันที แล้วมันยิงใครนัดเดียวไม่ตาย จะสู้ต่อยังไงนี่คือปัญหาหลัก แถมโหมดของเกมมีน้อยและไม่ส่งเสริมการเล่นเป็นทีมอีก เพราะสุดท้ายมันวัดกันที่จำนวนการ kill แทบจะทั้งหมด

ค่าบำรุงเซิฟเวอร์ ค่าทำคอนเทนท์ซัพพอร์ทเกมส์ต่อๆไป ค่าจ้างพนักงาน เงินทั้งนั้นนะครับที่จะเสีย ขนาดตอนให้เล่นฟรีทดสอบคนยังเล่นไม่ถึงพัน ล่ะเกมส์มันออนไลน์เต็มรูปแบบ หาห้องนานหาคนไม่ได้ ใครมันจะไปเล่นครับ ปิดไปนั่นแหละ เจ็บแต่จบ

อนาถจริงครับ

มีเครดิทที่ผู้ก่อตั้งเคยทำเกม Destiny มาก่อนล่ะครับเลยหลอกนักลงทุนได้

เห็นว่าที่ดีดเพราะเร่งออก เลยใช้ outsource ผลาญงบ

แต่ 400m นี่ก็เกินไป ผมว่าไม่น่าจริงเท่าไหร่
น่าจะ 100-250m มากกว่า

---

ส่วนเรื่องที่เละ
ถ้ามันเป็นแบบที่ป้า laura แกว่า วัฒนธรรมในองค์กรมันพัง

มันก็แก้ไรไม่ได้หรอก จนกว่าคนในองค์กรจะรู้ตัว
อย่างที่คลิปตา โมริอาตี้บอกว่าหนึ่งในสาเหตุมาจากเรื่อง toxic positivity ถือว่าตัวเองเป็นค่ายใหญ่ คิดว่าทำไรคนก็เล่น

สุดท้ายตู้ม เป็น โกโก้ครั้นชี่

จะแก้ ก็ต้องลดอำนาจคนทำให้เกิดวัฒนธรรมแปลกๆในองค์กร แล้วหาคนที่กล้าขัดกล้าชนมาค้ำ ให้คนที่เขาอยากพูดแต่พูดไม่ได้กล้าแสดงความเห็น

แต่ป้า laura ก็ทักอยู่ ถ้าคนในวงการเก่งๆ เวลาเจอไรแบบนี้ อยู่ไม่นานหรอก เขาชิงหนีก่อนแล้ว
ทำให้ไม่รู้ภายในจะมีคนเก่งพอ หรือจะยอมเสียเวลามาแก้ตรงนี้

หนทางที่เป็นได้ดีสุดคือ โซนี่อาจปรับโครงสร้าง หรือจัดระเบียบใหม่แหละ

ส่วนโปรไฟล์คนทำเกมส์นี้มันเละไปแล้ว ถ้าออกคงได้เปลี่ยนสายงาน
ก็คงอยู่กับพี่นี่ยาว อยู่กับว่านี่จะเก็บไว้หมดไหม หรือเก็บเฉพาะพวก talents พอ

แบบไมที่โอน เดฟเก่งๆให้ขึ้นตรงกับ msft เพื่อรั้งเอาไว้

พวกคลั่ง DEI มันไม่เคยทำอะไรสมเหตุสมผลอยุ่แล้วครับ ถ้ามันสมเหตุสมผลมีความคิดเชิงตรรกะจริงๆ เกมมันคงไม่ออกมาสภาพแบบนั้น

ที่โซนี่ไปซื้อก็เพราะโซนี่มันก็คลั่งไม่แพ้กัน ถ้าคนสติดีๆที่รู้จักว่าการขายเกมๆนึงมันควรมีอะไรเป็นจุดขายบ้างมาเห็นสภาพเกม สภาพตัวละครในเกม ไม่มีใครเอาหรอกครับนอกจากคนที่คลั่งวาระทางการเมืองแบบเดียวกัน

แต่ไม่ได้แปลว่าไอ้ข่าวเต้ามานี่มันเป็นเรื่องจริงนะครับ 400 ล้านเหรียญนี่ผมว่ามันมากเกินไป แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงนี่คือต้องคลั่งสุดๆถึงยอมลงเงินไปขนาดนั้นได้

ผมไม่ค่อยเชื่อไอเรื่อง 400 ล้านเท่าไรนะ แต่คิดว่าใช้ทุนเยอะแหละ แต่ไม่น่าเยอะขนาดนั้น