การพัฒนาเครื่องเกมส์ใหม่ๆ ในตอนนี้ แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงนอกจาก เร็วขึ้น แรงขึน แต่การเล่นแบบใหม่ๆ หรือฟังก์ชันใหม่ๆ ที่ทำให้ประสบการณ์การเล่นเปลี่ยนไปนั้น แทบไม่มีเลย จริงๆ สำหรับ sony ตั้งแต่ ps2 แทบจะพัฒนาแต่ เร็วขึ้น แรงขึ้น อย่างเดียว อย่างอื่นถือว่าน้อยมาก อย่าง x1 กับ ps4 นอกการเกมส์ exclusive แล้ว ในด้านประสบการ์การเล่นก็แทบจะเหมือนกันหมด
ทำให้ผมยังคงเก็บเครื่องเกมส์ gen 7th ซึ่งแต่ละเครื่องมีเอกลักษณ์ของตัวเองชัดเจนทั้ง ps3 x360 wii x360 มีเกมส์ kinect หลายเกมส์ที่ผมยังใช้เล่น และออกกำลังกาย ซึ่งหาเล่นเครื่องไหนไม่ได้อีก ส่วน wii ก็มีเกมส์ที่ใช้ wiimote แบบที่ใช้จอยแบบอื่นเล่นแทนไม่ได้ ส่วน ps3 ผมถือว่ามีคุณค่าน้อยสุดในบรรดา 3 เครื่อง แต่ผมยังเก็บไว้เล่นเกมส์ fps ที่ใช้จอย move ซึ่งเหมือนเป็น wii ที่ภาพ hd
ยังดีที่โลกนี้ยังมี nintendo อยู่ ซึ่งนำเสนอเครื่องเกมส์ที่แตกต่างทุกเจน สำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง แต่คอนเซ็ปท์ของแต่ละเจนก็ไม่เคยซ้ำกัน ไม่เคยทำแค่เร็วขึ้น แรงขึ้น

อันนี้กระทู้อวยนินป่าวค่ะ ก็ดีแล้วแยกตลาดกันไปอยากเล่นอันไหนมีตังซื้อเครื่องไหน รู้สึกเครื่องไหนตอบโจทย์ก็ซื้อค่ะ นี่เล่นคอนโซลเพราะจะมาเล่นเกมจุดประสงค์ของเครื่องมันคือเล่นเกมก็เล่นถ้าอยากออกกำลังกายเข้ายิมค่ะแค่นั้น

คนละตลาดกันเลย PS กับ Xbox มันเน้นตลาดนวัตกรรมภาพเกมสวยสมจริง เครื่องแรงๆ




ถ้าอยากรู้ว่ามันพัฒนาอะไรบ้างอย่างลึกๆ แนะนำดูนายอาร์มเขาอธิบายก็ได้ เข้าใจง่ายดี

นินเทนโด้สมัยก่อน ตอนที่ยิ่งใหญ่

บ้าพลังกราฟฟิกเหมือนกันครับ

แต่สู้ไม่ได้เลยเปลี่ยนแนวทางต่อสู้

และอีกอย่างเกมที่ขายดีของนินเทนโด้

ก็มันไม่จำเป็นต้องบ้าพลังด้วย

เล่น vr ยังคะ
ไม่ใช่ทุกคนจะต้องการลูกเล่นอะไรพิศดารมากมาย ต้องการแค่เกมดีๆ กราฟฟิก, เนื้อเรื่อง, ระบบในเกมสนุก
เกมเต้น, ออกกำลังกาย เล่นบางโอกาส จะให้มาเล่นออกแรงตลอดทุกการเล่นเกมก็ขี้เกียจ

นินเคยเน้นกราฟฟิคเช่น GC สุดท้ายสู้ไม่ได้ เลยสร้างเครื่องเน้นสร้างความแตกต่างออกเครื่อง will มาแล้วประสบความสำเร็จ ตั้งแต่นั้นก็เน้นออกเครื่องที่สร้างความแตกต่างตลอด ซึ่งก็น่าชื่นชมและยินดีด้วยที่ประสบความสำเร็จ แต่ยอมรับตั้งแต่ออกเครื่อง will มาก็ไม่เคยแตะเครื่องนินอีกเลย ความชอบมันต่างกัน ผมยังไงก็ชอบเล่นภาพอะเห็นภาพสวยๆมันก็ฟิน

PS5 นี่ไม่เรียก play safe แล้วครับ อย่างไป bet อนาคตไว้กับ ssd มากกว่า gpu ก็เรื่องนึงละ

play safe ตรงไหน? ps4 ก็มีข่าวว่าขายเครื่องในราคาที่ขาดทุนไม่ใช่เหรอ?

แล้ว ps5 ใส่ spec มาแรงซะขนาดนี้ คิดว่าจะให้ขายแพงเอากำไรแบบ iPhone ได้มั้ยละ..

เกมที่พัฒนาก็เหมือนกัน ยิ่งกราฟิคสมจริง ใช้โมแค็ป ยิ่งใช้ทุนสูง ถ้าขายไม่ดีก็อาจจจบเห่เลยนะ

ไหนละ play safe?

PS5 ไม่ได้ Play Safe ครับ...

Play Has No Limits

PS5 ไม่เพลย์เซฟแน่ ๆ ถ้าไปกางฟีเจอร์ที่โฆษณาดี ๆ

นอกจาก SSD ที่เร็ว ๆ โคตรจนต้องเปลี่ยนวิธีใช้พัฒนาเกมแน่ ๆ ตัวจอยก็ทำระบบสั่นแบบใหม่ที่ละเอียดขึ้น ไหนจะปุ่ม L2-R2 ที่เป็นให้มีแรงต้าน ซึ่งมันเปลี่ยนวิธีสัมผัสประสบการณ์การเล่นอยู่เหมือนกันนะ

แนวคิดนินฯ เรื่อง switch ไม่เถียงว่าเปลี่ยนวิธีเล่นเกมไปเลยนะ แต่ของ PS5 ไม่ใช่มีแค่เครื่องที่แรงกว่าเดิมแน่ ๆ ตอน PS3 เปลี่ยนเป็น PS4 ผมว่ายังพอเข้าใจได้ เพราะไม่ค่อยมีอะไรเพิ่มมาจริง ๆ นอกจากเครื่องที่ทำเกมได้ง่ายขึ้นแรงขึ้น จอยที่มีทัชแพทก็งั้น ๆ แต่สิ่งที่เปลี่ยนในยุค PS4 จริง ๆ คือระบบแชร์ภาพ-วิดิโอ (ซึ่ง Xbox ก็ทำพร้อมกันกับ sony และนินฯ ก็เดินตาม)

ผมเล่นเกมครับ ไม่ได้เล่นเครื่อง

เอาจริงๆกระบวนการเล่นเกม ผมว่าทุกคนคงรู้แล้วว่า องค์ประกอบในการเล่นที่มัน practical ที่สุด คือสบายและเล่นได้นาน มันคือ จอย (หรือเมาส์กับคีย์บอร์ด) + TV (หรือ monitor) จะ kinect VR PS camera มันเป็น gimmick ที่เจ๋งนะ แต่มันเหนื่อย มันเล่นนานๆไม่ได้ บางคนอาจเวียนหัว แถมหลายๆอย่างเราต้องจ่ายแพงขึ้น อันนี้พูดได้เต็มปากเพราะเล่นมาเกือบทุกแบบแล้ว (รวมถึงพวก nintendo labo, ringfit, อุปกรณ์เสริม Wii อีกหลายๆอย่างๆ เครื่อง console ก็เล่นมาเกือบหมดละ)

ผมว่าการที่เขามาลงทุนกับจุดที่คนเล่น enjoy คือศักยภาพของเครื่องให้มันแรงๆ มันสามารถสร้างเกมส์ในแบบที่ไม่เคยสร้างได้มาก่อนนะถูกแล้ว เกมส์ภาพสวยขึ้น รายละเอียดเยอะขึ้น สมจริงขึ้น โหลดเร็วขึ้น ผู้พัฒนามีอิสระในการทำเกมส์มากขึ้น มันดีมากเลยนะ

ให้มาใส่ระบบอื่นๆขำๆเป็น gimmick สุดท้ายมันมักลงเอยด้วยการที่ไม่มีคนใช้ ยกตัวอย่าง ระบบ Gyro หรือ ไฟ LED บนจอย, Touchpad ทั้งหลายทั้งแหล่เป็นต้น

ขนาด switch ที่ผมว่า Design มันสุดยอดมากๆ เอาจริงๆก็ไม่ใช่ทุกเกมส์ที่จะดึงศักยภาพออกมาได้หมด ขนาดมันสลับจาก Docking mode มาเป็น Handheld ได้นี่ผมแทบกราบ ผมยังไม่ค่อยได้่ใช้เลย ด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ไม่ค่อยได้เล่นตอนออกจากบ้านเท่าไหร่ (หลายท่านอาจจะใช้นะครับ อันนี้จาก ปสก ส่วนตัว)

สำหรับ PS กับ Xbox ของพวกนี้มัน Nice to have คือมีก็ดีนะ แต่ไม่มีก็ไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ เพราะกลุ่มลูกค้าเค้าไม่ได้ต้องการ ส่วนของ Nintendo เป็นอะไรที่ควรมีเพราะ กลุ่มลูกค้าที่เป็น target คือ Casual + Hardcore Gamer เป็นตลาดใหญ่กว่าตลาดของ PS กับ Xbox ที่เน้น Hardcore gamer เป็นส่วนมาก ตลาด Casual Gamer อาจจะต้องการเครื่องเล่นเกมส์ที่ตอบโจทย์ Life Style การเล่นเกมที่ไม่ต้องคิดเยอะ อยากเล่นก็เปิดเล่นได้ อยากเอาไป party ก็ทำได้ เป็นอุปกรณ์ออกกำลังกายก็ได้ด้วย เกมส์หลายเกมส์เช่น Animal Crossing ก็เน้นเล่นอวดบ้าน อวดเกาะแข่งกันใน Social Network หรือ จะพกพาไปไหนด้วย ก็ดูเป็นเครื่องเล่นเกมส์เก๋ๆ ที่แบบดูเข้าถึงง่าย ไม่ทำให้คนถือดู Nerd หรือ Geek ไป ในขณะที่ Hardcore Gamer คือ ฉันมาเล่นเกมส์เรื่องอื่นฉันไม่สนใจ ขอ performanceดีๆ ขอภาพสวยๆ ลื่นๆ HDR สีสันกระฉูด 60 fps การ control เกมส์แบบลื่นไหล RPG ก็ขอซับซ้อน grind กันโหดๆ เข้าถึงยากหน่อย Action มันๆ รั่วปุ่มกันกระจาย เนื้อเรื่องเข้มๆ เสพ content กันหนักๆ เห็นไหมครับ 2 กลุ่มนี้มันแตกต่างกันนะครับ (ไม่ได้เหมารวมนะ บางคนอาจจะเป็นทั้ง 2 กลุ่มก็ได้ แต่ว่าถ้านึกถึงตัวแทนของแต่ละกลุ่มลูกค้า ที่นึกออกก็เป็นแบบนี้)

สรุป สุดท้ายนี้ feature ต่างๆที่มันมีหรือไม่มี มันก็มาจากลูกค้าเนี่ยแหละครับ เวลาพัฒนา product สักตัว ใครๆก็อยากใส่ Feature ลงไปเยอะๆ มีอันนี้ก็เจ๋งดีนะ อันนั้นก็เจ๋งดี ปัญหาคือ ใส่มาแล้วลูกค้าได้ใช้มันรึเปล่า ลูกค้า Happy กับมันจริงๆหรือเปล่า Fucntion นี้มีแล้วแพงขึ้นแต่ไม่ได้ใช้จะมีทำไม? หรือจริงๆแล้วถ้าไม่ใส่เอาเวลากับทรัพยากรต่างๆไปพัฒนาไอ้สิ่งที่ลูกค้าเค้าต้องการให้มันดีที่สุดจะคุ้มกว่ารึเปล่า

จะเลือกแบบไหนต้องถามก่อนว่า ไอ้ของที่คุณจะทำคุณทำมาขายใคร? ถ้าตอบได้คุณจะรู้ว่าจริงๆแล้วเค้าอยากได้อะไร แล้วคุณควร design product ออกมาแบบไหนครับ เราไม่สามารถทำทุกอย่างได้เพราะทรัพยากรในโลกมีจำกัด โดยเฉพาะเงินและเวลา

เครื่องเกมเป็นแค่ทางผ่านครับ ผมดูที่ตัวเกมมากกว่า เกมไหนที่อยากเล่นก็ซื้อเครื่งนั้นมาเล่น

เอาจริงๆตั้งแต่ยุต Wii มานี่ผมประทับใจเครื่องคอนโซลฝั่งนินเทนโดน้อยสุดแล้ว
เหมือนทำฟังก์ชั่นมาหลอกขายคนไม่เคยเล่นเกมมากกว่า ผมซื้อ Wii มาถ้ามันเล่น GC ไม่ได้กับไม่มี FE ให้เล่นนี่จะเป็นเครื่องเกมที่ผมรู็สึกเสียดายเงินมากๆ เพราะมันไม่ได้ตอบโจทย์คนเล่นเกมจริงๆอะไรเลย เหมือนทำตลาดเน้นฉาบฉวย เครื่อง spec ต่ำๆไม่เน้นเสี่ยง แล้วฟลุกดังขึ้นมาแค่นั้น ดูยอดขายซอฟต์แวร์เกมเครื่องนี้ได้ ที่ขายได้จริงๆมีแต่เกมฝั่งนินเอง แล้วก็เป็นพวกเกมติดเครื่องที่นินเน้นทำตลาด

ซึ่งเอาจริงๆฟังก์ชั่นใหม่ๆที่ใส่มาใน ps4 เนี่ย ถ้าคนเล่นเกมจริงๆผมว่ามันว้าวพอสมควรนะ สำหรับผมว้าวกว่า Switch ที่ออกมาทีหลังอีก
- ปุ่ม Share ของ Ps4 สำหรับผมมันเจ๋งมากนะ คือเรารู้สึกอยากแชร์ไอ้ที่เราเล่นไปเมื่อกี้ให้เพื่อนดู แต่ไม่ได้ตั้งใจไว้ล่วงหน้า แค่กด Share แล้ว Save Video ก็จะเซฟ 15 นาทีล่าสุดมาให้ได้เลย ในขณะ Switch ออกมาทีหลังก็ลอกฟังก์ชันนี้มาแต่ห่วยกว่า เซฟได้ 30 วินาที บางทีแค่จะเซฟอะไรนิดหน่อยให้เพื่อนดูยังเซฟแบบเต็มๆไม่ได้เลย สั้นเกิน
- Streaming ในตัว อันนี้ก็เจ๋ง คือโอเคแหละโปรแกรม Streaming ในคอมยุคนั้นก็เริ่มมีแล้ว แต่ต้องลงเอง ต้องมานั่งเซ็ต แต่ของ ps4 นี่กดไม่กี่ทีก็แชร์ให้เพื่อนได้เสร็จสรรพ อารมณ์เหมือนนั่งเล่นเกมกับเพื่อนเลย เราก็เปิดไมค์คุยไป เพื่อนก็พิมพ์คุยกับเราดูเราเล่นไป ได้อารมณ์เหมือนนั่งเล่นเกมกับเพื่อนสมัยก่อนเลย
- Party ของ ps4 ทำให้เล่นเกมกับเพื่อนได้ง่าย คือมันดูธรรมดาไม่ได้แปลกใหม่ แต่มันลงตัว คือแค่เอาหูฟังที่แถมมาเสียบเข้าจอย แล้วสร้างห้อง เล่นเกมคุยกับเพื่อนได้เลย มัน SImple มาก ไม่ต้องมานั่งเปิดแอพบ้าบอในมือถือเพื่อที่จะคุยกับเพื่อน
- ระบบ Trophy ที่เพิ่มการหาข้อมูลได้เสร็จสรรพ คือระบบ Trophy เนี่ยมันเก่าแล้วแหละ บางคนก็ไม่ได้สนใจ แต่สำหรับสายที่ชอบเล่นเกมแบบ 100% น่าจะชอบกัน Ps4 นี่ถ้าเรากดดูรายชื่อแล้วเราไม่เข้าใจว่ามันทำยังไง หรือไม่รู้วิธีมันกดหาข้อมูลได้เลยนะ มันจะเด้งหน้าเว็บมาให้เลยเกี่ยวกับข้อมูลถ้วยนั้น แล้วยังมี What's new ที่เหมือนไทม์ไลน์ของ SNS ของเราและเพื่อนขึ้นมาให้ดูอีกว่าเพื่อนเราทำอะไร ได้ถ้วยอะไร เล่นเกมอะไร ซึ่งถ้าคนที่มีเพื่อนเล่นเกมด้วยกันนี่ยิ่งมัน เช่น ถามเพือนว่าเกมที่เพิ่งเล่นเนี่ยมันสนุกมั้ย หรือทำให้รู้ Progess ว่าเพื่อนเราเล่นไปถึงไหนแล้ว เวลาคุยเนื้อหาเกมนั้นๆก็สบายเลยไม่ต้องกลัวไปสปอยล์ เพราะเราเช็คได้ว่าเพื่อนเราเล่นไปถึงไหนแล้ว
- แอพอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับเกมครบครัน บางคนอาจจะเถียงแหละว่าเครื่องเกมก็เอาไว้เล่นเกมสิจะมีไปทำไม แต่สำหรับผมบางทีเปิดเครื่องเกมมาก็ไม่ได้เล่นเกมตลอดเวลา อยากมีพักบ้างหรือทำอะไรอย่างอื่นบ้าง ทุกวันนี้บางทีเล่น Switch อยู่ อยากดู Netflix ต้องมานั่งปิด Switch แล้วเปิด Ps4 เพื่อดูใน Netflix ในขณะที่ Ps4 แค่กด Home แล้วเปิด Netflix ได้เลย ไม่ต้องปิดแอพด้วยซ้ำ พอดูเสร็จก็สลับมานั่งเล่นต่อจากเดิมได้เลย แล้วผมใช้ SPotify อยู่แล้ว บางทีอยากฟังเพลงที่ไม่ใช่ในเกมก็กดเล่นได้เลย

play safe แน่นอน

ทั้งคู่มาเทรนด์เดียวกันเหมือนเครื่องฟอกอากาศ

ยิ่งรุ่นตัดช่องบลูเรย์ของ ps5 โคตร safe แอบซื้อมาตั้งได้โคตรเนียน