Review : The Beguiled (คันหู ไม่รู้เป็นอะไร)

กำกับ : Sofia Coppola (Lost in Translation, Marie Antoinette, The Bling Ring)

หนังเรื่องล่าสุดของ Sofia Coppola ที่มีกระแสรีวิวที่ใช้ได้เลยทีเดียว บางคนเอาไปเทียบกับ Gone Girl แต่ผมว่ามันคนละแนวกันอะนะ เนื่องจากค่อนข้างจะจับพลัดจับผลูไปดูเลยไม่รู้จะเกริ่นอะไรมาก ไปดูเรื่องย่อกันดีกว่า 5555 (รีวิวมีสปอยเล็กน้อยนะครับ แต่ผมว่านิดเดียวแหละ)



เรื่องราวเกิดขึ้นในอเมริกาช่วงสงครามกลางเมือง สิบโท Mcburney (Colin Farrel) ทหารฝ่ายเหนือที่ได้รับบาดเจ็บที่ขากำลังนอนรอความตายอยู่ในป่า โชคดีที่มีนักเรียนของโรงเรียนกุลสตรี Martha ที่ตั้งอยู่ในป่าบริเวณนั้นได้ผ่านมาพบพอดีจึงได้พาเขากลับมายังโรงเรียนแห่งนี้ Mcburney ที่บาดเจ็บหนักที่ขาจำเป็นต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงเรียนหญิงล้วนแห่งนั้นอย่างช่วยไม่ได้ แต่การที่ชายหนุ่มต้องอยู่ท่ามกลางสาวๆเป็นเวลานานมหกรรมความคันและความริษยาจึงได้เริ่มต้นขึ้น ._.



พล็อตเรื่องนี่พอเขียนมาแบบนี้แล้วยังกะการ์ตูนฮาเร็ม 555 แต่จริงๆแล้วคนละแนวเลยครับ โดยผมคิดว่า The Beguiled เป็นหนังที่แสดงด้านมืดของทั้งเพศหญิงและเพศชายออกมาได้เป็นอย่างดี (ครับ มีของเพศชายด้วย) โดยในครึ่งแรกอาจจะเน้นไปที่ฝ่ายหญิงมากกว่า เหล่าสาวๆที่อยู่ด้วยกันมานานอย่างมีความสุข เมื่อมีตัวแปรเข้ามาคือชายหนุ่มเพียงคนเดียวในบ้านทำให้ความสัมพันธ์ต่างๆค่อยๆเปลี่ยนไป ทั้งความใคร่ ความหึงหวง ความอิจฉาริษยา แต่การแสดงออกส่วนใหญ่จะค่อนข้าง Subtle มากๆจนบางคนที่ไม่คุ้นเคยกับจริตจะก้านต่างๆของผู้หญิงอาจจะสังเกตไม่ออกเลยทีเดียว ซึ่งหนังก็ Maintain ความ Subtle นี้ไปตลอดทั้งเรื่องแต่ก็ทำให้น่าสนใจได้ตลอดรอดฝั่ง หนังสามารถมีความ Minimal แต่ก็สร้างอารมณ์ความสนุกต่างๆได้ทั้งความตลกและอารมณ์ระทึกขวัญได้อย่างดี โดยฉากที่ผมชอบมากๆคือฉาก “ร่วมโต๊ะอาหาร” ทั้งสองครั้ง ที่พอต่างเวลาต่างวาระแล้วอารมณ์เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว จนมาถึงฉากในช่วงท้ายที่แสดงด้านมืดของฝ่ายชายออกมาที่เป็นการเปลี่ยนอารมณ์อย่างรุนแรง แสดงให้เห็นถึงการแสดงออกด้านมืดของฝ่ายชายที่แตกต่างจากผู้หญิงมาก และสุดท้ายหนังก็จบลงด้วยบทสรุปเชิงสัญลักษณ์ที่ผมคิดว่าสามารถนำไปพูดคุยตีความกันได้อีกครับ



งานภาพค่อนข้างสวยมากทีเดียวครับ ทัศนียภาพชานเมืองและในป่าของอเมริกาบวกกับมุมกล้องและการเล่นแสงเงาฟุ้งๆทำให้ได้ซีนงามๆมากมายถึงแม้ว่าโลเคชั่นจะมีอยู่ที่เดียวก็ตาม หนังมีการใช้เพลงประกอบน้อยมาก เพลงที่ออกมาส่วนใหญ่เป็นการเล่นสดหรือร้องโดยตัวละครเอง แต่ผมก็คิดว่ามันไพเราะใช้ได้ทีเดียวและยังเข้ากับบรรยากาศของเรื่องอีกด้วยครับ สุดท้ายการแสดง โอ้ ทำได้ดีกันหลายคนเลยครับ Colin Farrel อันนี้กึ่งๆเล่นเป็นตัวเองอะนะ 555 แต่ดีก็คือดีครับ Nicole Kidman ตัวละครของเธอค่อนข้างมี Conflict อยู่ในตัว มีความซับซ้อนในระดับหนึ่ง แต่เธอก็ถ่ายทอดได้ดี แถมยัง Subtle ดีอีกด้วย จะติดนิดหนึ่งที่สำเนียงชาวใต้ยังไม่ตลอดรอดฝั่งเท่าไหร่ Kirsten Dunst ผมเริ่มชอบการแสดงของเธอตั้งแต่ Melancholia ละ รู้สึกว่ามีของกว่าที่คิด สำหรับ The Beguiled นี้ไม่โหดเท่าเรื่องนั้นแต่ก้เป็นตัวละคร Key ตัวหนึ่งและมีซีนอารมณ์ที่ดีครับ สุดท้ายน้อง Elle Fanning โอว จริตจะก้านสุดยอดมาก ยั่วเมืองสุดๆ เสน่ห์ล้นเหลือจริงๆครับ อนาคตน่าติดตามจริงๆครับ

สรุป : ถึงแม้จะเป็นหนังที่ค่อนข้าง Minimal ไม่ค่อยเล่นใหญ่เท่าไหร่ แต่ก็น่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง อีกทั้งยังมีประเด็นเมสเสจให้ขบคิด น่าจะถูกใจคอหนังอยู่ครับ

คะแนน : 8.1/10 (A) ชอบครับ

ผมเฉยๆแฮะ ดู ตย ไปรอบเดียวตอนมาใหม่ๆ

ตอนไปดูในโรงนี่จำ ตย ไม่ได้แล้ว ไปดูเพราะดารานำหญิงเลย

จบแล้วเฉยๆ ปกติหนังแนวๆนี้มันน่าจะมีอะไรพลิกผันมากกว่านี้รึเปล่าก็ไม่รู้ อ้าวจะจบก็จบซะงั้น

มีตับๆๆกับสาวๆทั้ง7ไหมครับ

เคยดูเวอร์ชั่นไทยสมัยก่อนไหมครับ (พิศวาสซาตาน) ถ้าเทียบกันแล้วเป็นอย่างไรบ้าง เคยดูของไทยสร้างก็ถือว่าแรงพอสมควรเลย