Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
Final Fantasy XV Review **featuring Kanann**
ray at 2016-12-06 06:24:54 , Reads (47357), Comments (67) , Source : 7

 

คือยังไงก็มาช้าอยู่แล้ว เลยขอเป็นบทความกึ่งรีวิวกึ่งความประทับใจกับ FFXV ละกัน

 

ง่ายๆสั้นๆ FFXV คือเกมที่ถูกเร่งตัดจบแบบเดียวกับ MGSV แต่สมบูรณ์ตรงที่มีฉากจบและฉากสุดท้ายเป็นเรื่องเป็นราว แต่ครึ่งแรกกับครึ่งหลังเหมือนคนละเกม ใช้ทีมคนละทีมทำ ครึ่งแรกเป็นเกมกึ่งโอเพ่นเวิร์ล ในขณะที่ครึ่งหลังเป็นเนื้อเรื่องตรงดิ่ง แบบเร่งสปีด โดยตัดเอาเหตุการณ์สำคัญๆหลักๆของเกมออกเกือบหมด O_O

 

สำหรับครึ่งแรกที่บอกว่าเป็นกึ่งโอเพ่นเวิร์ล เพราะรู้สึกได้ว่าเหมือนทีมงานอยากจะทดลองไอเดียสร้าง FF ภาคแรกให้กลายเป็นโอเพ่นเวิร์ล แต่ติดกับปัญหาข้อจำกัดหลายอย่าง จนเป็นที่มาของข้อจำกัดแปลกๆหลายอย่าง ที่ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าเราได้ท่องโลกกว้างของ FFXV เสียทีเดียว และโลกที่เราได้ท่องเที่ยวนั้น เอาจริงๆก็เป็นเหมือนส่วนเล็กๆของแผนที่ทั้งหมด ตามเนื้อเรื่องเกมน่าจะมีสเกลที่ใหญ่กว่านี้ แต่เราจะใช้เวลาไปกว่า 20-30 ชั่วโมงกับการขับรถไปมาในจุดๆเดิมเสียมากกว่า

 

ที่น่าสนใจคือ FFXV นำเสนอวิธีการเล่นแมปแบบกว้างแบบใหม่ ถ้าเปรียบเทียบกับเกม Open World อื่นๆที่ออกมาก่อนหน้านี้ โฟกัสหลักจะอยู่ที่ตัวเรา โดยเกมจะใส่เอารูปแบบยานพาหนะต่างๆที่ช่วยให้การเดินทางสะดวกและเร็วขึ้น (มากกว่าเดินเท้าโดยตรง) โดยการเดินทางจะยังอยู่บนโลกอันนั้น ส่วนนึงเพื่อกระตุ้นให้ผู้เล่นต้องผ่านส่วนต่างๆ และสร้างความน่าสนใจกับการค้นหาส่วนต่างๆของแผนที่ ไม่ว่าจะเป็นฉากลับ หรือฉากนอกเส้นทางหลังที่ผู้เล่นสามารถเลือกที่จะลองไปค้นหาเองได้

 

แต่ FFXV กลับสร้างเลเยอร์การเดินทางแยกออกมาจากตัวจากแผนที่ นั่นคือการเดินทางด้วยรถยนตร์ ซึ่งถ้าให้เดา ทางทีมสร้างต้องการจะโฟกัสไปที่ธีม Road Trip ของเพื่อนทั้ง 4 เป็นหลัก ซึ่งถือว่าเป็นเป้าหมายที่ชัดเจน แต่มันกลับทำให้สิ่งที่ทางทีมงานต้องการให้เป็นฉากเปิดกว้างของเกม กลายเป็นเสมือนฉากหลังที่ทำหน้าที่เพียงแค่จุดผ่าน ให้เราจอดรถเพื่อลงไปทำธุระ แล้วก็กลับมาขึ้นรถไปต่อเท่านั้น ตัวฉากจึงไม่ได้ทำหน้าที่เสมือนฉาก open world แบบที่ควรจะเป็นเท่าไหร่นัก นี่ยังไม่นับว่าบนฉากเองก็มีมอนสเตอร์อยู่แบบกระจัดกระจายห่างกันมากๆ และส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงแค่ฉากเปล่าๆ ไม่ได้มีอะไร

 


เกมน่าจะนับสถิติระยะเวลาขับรถนะ น่าจะไม่ต่ำกว่า 1 ชม

 

ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ข้อจำกัดบางอย่างที่ทีมงานใส่เข้ามา นัยว่าเหมือนจะจำลองความสมจริงของการเดินทาง แต่มันกลับสร้างความจุกจิกมากเกินไป จนการผจญภัย ที่ส่วนใหญ่จะมีแค่การไล่เก็บเควสซ้ำๆ ขาดความไหลลื่นไปอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งโดยเฉพาะกับช่วงแรกๆ ไม่ว่าจะเป็นการต้องมาคอยพะวงเรื่องเติมน้ำมัน การพะวงว่าตอนค่ำจะไม่สามารถเดินทางได้ (จนกกว่าจะเลเวล 30 หรือไม่งั้นก็ต้องขับเอง) หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ใส่มาเพื่อเพิ่มอารมณ์ร่วมให้กับธีม” road trip เช่นการหยุดถ่ายรูป หรือรายละเอียดอย่างอื่นที่พร้อมจะหยุดและดึงความสนใจผู้เล่นออกจากเป้าหมายหลักที่ต้องการ นั่นคือการทำเควส จนหลายทีก็อดหงุดหงิดไม่ได้ และไม่นับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด นั่นก็คือระยะเวลาในการนั่งรถ ซึ่งบางครั้งผู้เล่นอาจจะต้องรอเป็นหลายนาที เพื่อเดินทางจากจุดนึงไปจุดนึง ถึงแม้ว่าบางครั้งเกมจะช่วยร่นระยะเวลาให้เร็วขึ้นด้วยการเสนอ fast travel ให้ แต่เงื่อนไขก็ไม่ได้ชัดเจนว่าต้องแบบไหน เพราะบางครั้งการเดินทางกลับไปกลับมาจุดเดิม ก็ไม่มีให้เลือก 

 

การอัพเลเวลของเกมนี้ทำได้เฉพาะตอนนอนเท่านั้น (ไม่ว่าจะตั้งแคมป์หรือนอนโรงแรม) โดยสถานที่แต่ละแบบก็มีข้อดีต่างกัน อย่างสถานที่บางแห่ง ถ้าเรายอมที่จะจ่ายเงินมากหน่อย ค่าประสบการณ์ที่ได้ระหว่างเกมก็สามารถเอามาคูณเพิ่มได้ โดยค่าประสบการณ์ในเกมนี้หลักๆได้มาจากการสุ้มอนสเตอร์ หรือทำเควส (ไม่ว่าจะเป็นเควสย่อย หรือเควสเนื้อเรื่อง) โดยการทำเควสจะให้ปริมาณค่าประสบการณ์ที่มากกว่า นอกจากนี้เวลาตั้งแคมป์ ยังมีระบบทำอาหาร ที่เราสามารถเอาไอเทมที่เก็บได้ระหว่างเกมมาปรุงเป็นเมนุชนิดต่างๆ ซึ่งให้ผลลัพต่อสเตตัสที่ไม่เหมือนกัน และจะคงอยู่กับตัวละครเราระยะนึงในเช้าวันถัดไป




เวทย์ภาคนี้ไม่ใช้ MP แต่ต้องคอยกดดูดเอาตามฉาก และมีให้แค่ 3 แบบ

 

ถ้าให้พูดจริงๆ ต้องยอมรับอย่างนึงว่า FFXV นำเสนอวิธีการดำเนินเกม ( JRPG ) ในรูปแบบใหม่ มีไอเดียใหม่ๆหลายอย่างที่ใส่เข้ามาในเกมนี้ น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่า ไอเดียมันเยอะเกินไป และพอเอามาผสมกัน บวกกับข้อจำกัดบางอย่าง ทำให้มันไม่ค่อยลงตัว และหลายๆครั้งค่อนข้างจะขัดใจพอสมควร

 

อ้อ สิ่งนึงที่ชอบคือระบบต่อสู้ในเกมนี้ แม้ว่าหลายครั้งอาจจะติดมั่วบ้าง เพราะเกมหมุนกล้องไปมาค่อนข้างเร็ว แต่ในฐานะคนที่ชอบเล่นเกมแอคชั่นด้วยอยู่แล้ว ถือว่าโอเคเลย แม้ว่าระบบเวทจะค่อนข้างเหมือนลูกเมียน้อยอยู่บ้าง และวิธีการใช้งานก็ค่อนข้างลำบาก แต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรมากมาย ระบบ Ascension ก็เหมือน Sphere Grid เวอร์ชั่นมินิ ที่แบ่งหมวดให้เลือกอัพได้ว่าจะเน้นอันไหนมาก่อน (มากกว่าเป็นหลัก เพราะแต่ละบอร์ดจะค่อนข้างเล็กๆ)

 

และที่น่าเสียดายคือเมื่อผ่านไปครึ่งเกม ไอเดียทั้งหลายที่ว่ามานี้ ก็ไร้ประโยชน์ทันที เมื่อเกมตัดสินใจที่จะดึงผู้เล่นกลับเนื้อเรื่องหลัก ตั้งแต่แชปเตอร์ 9 เพราะหลังจากนั้น เราจะไม่สามารถกลับมาทำอะไรได้อีกเลย 



ใครอ่ะ

 

และครึ่งหลังของเกมที่มีแต่เนื้อเรื่องก็มีปัญหาของมัน ส่วนตัวไม่ได้ซีเรียสกับการดำเนินเป็นเส้นตรงมากนัก ถ้ามันเป็นช่วงที่จำเป็นต้องมีการโฟกัสเหตุการณ์สำคัญๆจริงๆ แต่ปัญหาที่สัมผัสได้คือ เนื้อเรื่องของ FFXV ถูกเล่าข้ามเยอะมาก ถ้าไม่นับว่าเราได้รับรู้เหตุการณ์ฉากหลังหลายๆอย่างมาจากสื่ออันอื่นเช่น anime หรือ เวอร์ชั่นหนัง เราจะแทบไม่รู้เลยว่ามีอะไรเกิดขึ้น เพราะเหตุการณ์ในเกมทั้งหมด อยู่ที่ฝั่ง Noctis อย่างเดียว เกิดอะไรขึ้นในเมือง ศัตรูหลักคือใคร มาทำอะไร แล้วอยู่ดีๆเป็นยังไง (อันนี้ขอข้าม ไม่อยากสปอย แต่คนที่เล่นจบแล้วจะเข้าใจว่าหมายถึงอะไร) ไม่มีการเล่าอะไรใดๆทั้งนั้น มีแค่ Interaction ระหว่าง Noctis กับ Ardyn จนส่วนตัวถึงกับงงว่าเหตุการณ์สำคัญๆมันหายไปไหนหมด ทุกอย่างโดนเร่งและตัดจนเหี้ยนไม่เหลือ โชคดีว่ายังพอมีฉากอีเว้นแบบอลังๆให้พอดูอยู่บ้าง จนยังทำให้รู็สึก่วาเล่นเกมญี่ปุ่นอยู่ แต่ส่วนตัวผิดหวังมากถึงมากที่สุด 

 

น่าเสียดาย

 

เพราะ FFXV มีทุกอย่างที่ควรจะมี ตัวละครที่น่าสนใจ ฉากแบ็คกราวด์ที่น่าสนใจ เหตุการณ์ที่มาที่ไปที่น่าสนใจ ทุกอย่างพร้อมที่จะสนับสนุนให้เกมนี้ทำเนื้อเรื่องออกมาได้ดราม่า ได้เทพ ได้โคตรประทับใจ แต่ดันตกม้าตาย เพราะสุดท้ายมันไม่ได้เล่าออกมาอย่างที่ควรจะเป็น ยิ่งกับเหตุการณ์บางอย่างที่จนป่านนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เหมือนกับว่ามันควรจะมีรายละเอียดเรื่องราวปลีกย่อยที่มากกว่านี่ แต่เหมือนเกมต้องถูกตัดจบ ด้วยการเลือกเอาเป็นจุดๆมาใส่เอา จนบางครั้งก็ยังงงๆ ว่าตัวละครแต่ละตัวมาถึงจุดนี้ ทำแบบนี้ ได้ยังไง เพราะอะไร ...

 


นางเอกตัวจริงของภาคนี้

 

 

เกมนี้มี OST ที่ทรงพลังเยอะมาก แต่มันไม่ได้ถูกเลือกใช้ในจุดที่ดีที่สุด แต่นั่นอาจจะเพราะการเล่าเรื่องแบบข้ามๆ มันเลยไม่มีจุดพีค จุดเดียวที่เกมเอามาใช้ได้ดีคือฉากอลังการเช่นมนอสูตร ที่ดึงเอาพลังของ Track ที่แต่งโดย Yoko ออกมาได้อย่างเต็มที่ ส่วนตัวนั่งฟัง OST ของ FFXV ซ้ำไปซ้ำมาเป็นสิบรอบก่อนเกมออก และปิดตาจินตนาการเอายังได้อารมณ์มากกว่า

 

สิ่งเดียวที่สัมผัสได้ และยังพอทำให้อินได้บ้าง คือความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสี่คน ที่ดูเหมือนจะเป็นจุดที่ได้รับการใส่ใจและโฟกัสมากที่สุด และคงเป็นจุดเด่นที่สุดของเกมนี้ และน่าจะเป็นไฟนอลที่สื่อความสัมพันธ์ของตัวละครเอกได้มากที่สุดแล้ว

 

อ้อ ลืมพูดไป แม้ว่าเนื้อเรื่องมันจะแหม่งๆพิกลพิการ แต่ก็รู้ได้ว่าทาบาตะ คงตัดเอาของเก่าที่ทำออกเกือบหมด เหลือมาแค่ตัวละครหลัก สี่ห้าตัว แต่เกมทั้งเกมถูก re-purpose ใหม่หมด แม้แต่ฉากเหตุการณ์ที่เห็นใน Trailer ตอนเปลี่ยนประกาศเปลี่ยนชื่อเกมก็ไม่มีในเกม คือไปหมดจริงๆ (ซึ่งส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาอะไร ถ้ามันทำออกมาดี ....)

 


ภาพนี้คงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่คุณจะได้จากเกมนี้ (ยกเว้นตัวละครบางตัวที่ดึงเอาดีไซน์มา)

 

 

ย้ำอีกที เสียดาย กลายเป็นว่าได้รับรุ้เรื่องราวและโลกของ FFXV จากการตามข่าว จากเทรลอเลอร์ จากสื่อชนิดอื่น มากกว่าตัวเกมจริงๆ ถึงแม้ FFXV จะไม่ใช่เกมที่แย่อะไรนัก แต่มันก็ไม่ได้จบแบบน่าจดจำเหมือนอย่างที่ควรจะเป็น

 

ข้อดี

  • OST โดย Yoko Shimomura
  • Character ตัวละครมีความน่าสนใจ

ข้อเสีย

  • การเดินทางด้วยรถ
  • เนื้อเรื่อง การเล่าเรื่อง การเล่าข้ามเกือบจะแทบทุกอย่าง
  • การดำเนินเกมแบบครึ่งๆกลางๆ

 

7/10

 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

รีวิวแจมโดย Kanann

 

10 ปีที่รอคอยไม่มีทางที่จะแย่ไปกว่า Final Fantasy XIII ได้...

 

เอาเข้าจริงหลายจุดก็ดันทำให้แย่กว่าได้แฮะ...เก่งจัง เผาซะเกรียมขนาดที่คนที่เล่นแค่ครึ่งเกมแรกจะสังเกตไม่ออกเพระามัวแต่ไปทำเควสขับรถเล่นกับจับกบกันเพลินจนลืมทำเนื้อเรื่องต่อ ซึ่งก็ดีแล้ว อยู่มันกับแค่ทำเควสนั่นล่ะ 50-60 ชั่วโมงไป ก่อนที่จะรู้ตัวว่าเนื้อเรื่องหลักมันไม่มีอะไรเลยจริง ๆ แถามเล่าแบบตัดไปตัดมาแบบไม่ดูหนังไม่ดูอนิเมนี่แทบไม่รู้เรื่องอาจมีด่ากัน ส่วนตัวแล้วผมไม่คิดมากนะ เล่นเกมไม่ค่อยเอาเนื้อเรื่อง รู้ว่าแค่จะไปตบกับใครก็โอเคแล้ว ส่วนตัวละครนอกจาก 4 หนุ่ม F4 ที่เหลือตัวประกอบหมดนี่ก็น่าเตะคนทำเหมือนกัน (สมัย XIII ไม่เข็ดเหรอฟระ?!) ยิ่งนิสัยเรามีนโยบายว่าถ้าเล่น jRPG จะไม่เอาตัวผู้เข้าตี้นี่เล่นไปก็รู้สึกภูมิแพ้กำเริบไป ถ้ามีโอกาสได้ทำภาคหน้าบริษัทไม่เจ๊งซะก่อนอย่าทำแบบนี้อีกล่ะ no women no life เฟร่ย...

 

แต่หลายจุดที่ตั้งใจทำก็ตั้งใจจริง ๆ จนอดสงสารไม่ได้ครับ คงจะทนเอาไปอยู่ในระดับต่ำกว่าแมพตรงปู๊ดดดทั้งเกม + ระบบบังคับกันแบบจูงจมูกสุด ๆ คงไม่ได้ โดยเฉพาะ OST ที่แต่งมาตั้งแต่สมัย Versus แล้วจับยัด ๆ ให้มันลงตัวใน XV นี่ก็อย่างเทพ อาหารแต่ละเมนูที่อุตส่าห์เสียเวลาปั้นให้สมจริงดูแล้วหิวตอนสี่ทุ่มเที่ยงคืนก็สุด ๆ ไปเลย

 

ยาเรยาเรดะเสะ!

 

 

ระบบสู้ก็สนุกดีครับ มั่วดี เพื่อนแทบไม่มีประโยชน์เลย แต่ก็ไม่มีบอสตัวไหนท้าทายอะไรมากมาย เล่น Easy ไม่รู้ แต่เล่นแบบ Normal ก็แค่ฟัน ๆ วอร์ปๆ ปาไอเท็มไป ม่วนแท้ ๆ ก็ไม่อยากพูดถึงมากครับ คือทั้งเกมนี่ก็วงกลมค้างสี่เหลี่ยมค้างเสีย 90% มันจะมีอะไรให้วิเคราห์มากมาย...

 

เอนจิ้น Luminous นี่เอาเข้าจริงก็ใช้ได้นะ ก็สวยอยู่ถึงจะมองไกล ๆ มีแต่เทกเจอร์ดินน้ำมันอุบาทว์จิตก็เถอะ เดี๋ยวรอดูตอนลง PC ว่าจะทำได้เริดหรูขนาดไหน ฉากเนื้อเรื่องมีน้อย CG มีน้อยรู้สึกมันไม่คุ้มลงทุนเท่าไร แถมตอน open world นี่อลังการสู้ "เกมนั้น" ของ Wii U ยังไม่ได้เลย (รอเล่นของ Switch อยู่น๊ะ!) มันเป็นไปได้ยังไง! หวังว่าคงมีโอกาสได้ใช้อีกไม่ได้โยนทิ้งบ่อขยะไปเสียก่อน

ปล. ดันเจี้ยนออกแบบโคตรดีแถมมีเยอะด้วย +++คะแนน

 

8.3/10 "ส่วนตัว" ชอบนะ เล่นไปฮาไป มีเวลา 3-4 ปีกับเงินทุนมากพอสมควรพี่ก็ยังอุตส่าห์ทำเกมได้ "แค่นี้" อนาคต FF ภาคหลักคงน่าดูชมพิลึก 

 

ถ้าให้แนะนำ jPRG (ตัดซีรีส์ Soulborne ออก) ที่เล่นแล้วรู้สึกดีกว่าเกมนี้ล่ะก็

 

ระบบสู้: Dragon's Dogma ดีแค่ระบบสู้นะ ที่เหลือ...

Open world: Xenoblade (หรือ Xenoblade X) อย่าเถียงเลย สองเกมนี้แหละดีสุดเล้าาา

เนื้อเรื่อง: Persona 5 เอาจริง Megaten ทุกภาคเนื้อเรื่องอร่อยหมด จะมีหรือไม่มี waifus ก็ตาม

OST: ให้ FFXV ชนะบ้างละกัน สงสาร

 

 

เราเป็น Strong woman ได้เพราะโด๊ปโซเดียมเกินขนาด!

(ระวังไตทะลุตายนะจ๊ะ)

 

หลอกดาวกันเห็น ๆ เลย หมี่ถ้วยบ้านป๊ะเอ็งสิชาชูมาเป็นแผ่น ๆ

 


แสดงความคิดเห็น
44 more comments >>
ค่ายนี้อย่าทำให้ DQ11 ห่วยนะ ยังดีที่ทีมทำคนละทีม
MJ
รีวิวคุณเรพูดทุกอย่างที่ผมอยากจะพูดเลยแฮะ ให้คะแนนในใจก็พอๆกัน
เมื่อคืนโดนสปอยในกระทู้นี้ อย่างเซ็ง -*-...
อ่านแล้ว แบบนี้ Game of the Year คงเป็น Uncharterd 4 สินะครับ

ตอนนั้นเห็นมีคนบอก UC4 กับ FFXV ไม่น่าออกปีเดียวกันเลย เดากันว่าเป็นเกมสุดยอดด้วยกันทั้งคู่

FFXV ตัวเกม เห็นเนื้อเรื่องบอกเล่าข้ามตอนท้าย ๆ เรื่อง น่าเสียดาย อุตสาห์ซื้อแผ่น Blu-ray KingsGlive มาด้วย สร้างนาน แต่ไหงเนื้อเรื่องตัดไป ตัดมา เล่าข้ามไปได้
อย่าโพสต์สปอยล์ในกระทู้รีวิวครับ ยังมีคนไม่ได้เล่นอยู่นะ

ทำให้ตอนนี้ภาค 12 เป็นภาคที่โอเคที่สุดสำหรับ gen ใหม่ ที่เล่นมา
Like : Philos-Shinji, GodSlaYeRz
View all 3 comments >
ทางนี้ก็รอ Remaster อยู่เลยครับ เป็นภาคที่ชอบชอบมากที่สุดรองจากภาค 6 แล้ว
รออยู่เช่นกันครับภาคนี้
ผมก็ชอบ 12 มากที่สุด ขนาดสมัยก่อนเล่นภาษาญี่ปุ่นยังจบได้ รู้สึกสนุกมาก ฉากใหญ่ ความลับเยอะ มนต์อสูรก็เยอะ ติดแต่ไม่เข้าใจเนื้อเรื่อง แต่ผมว่าทุกอย่างลงตัวหมด
ระบบ Xenoblade ไม่เห็นมีอะไรเลย แต่เกมดันสนุกมาก เนื้อเรื่องหักมุมไปมา เจอ FF15 เริ่มเกมก็ง่วงละ มัวแต่ยิงนก จับปลาจับกบ ถ่ายรูป ทำกับข้าววนไปเวียนมา
ผมชอบการเปลี่ยนแปลงมาสู่ action เต็มรูปแบบ และความเป็น open world แต่เควสต่างๆจะดูจำเจไปสักหน่อย
ส่วนตัวละครที่เล่นได้ ดูน้อยไป และดูคล้ายๆกันไปหน่อยนะ (น่าจะมีสาวๆ หรือพวกแนวสัตว์ประหลาด หรือหุ่นยนต์บ้าง)
การเล่าเรื่องและบรรยากาศ ผมถือว่ายังทำได้ดี ยังสามารถชักจูงให้รู้สึกอินไปกับเนื้อเรื่องและตัวละครได้
เกมเพลย์รู้สึกว่ายังมีจังหวะที่ไม่หนักแน่น ดูชุลมุนไปหน่อย อยากให้เน้นจังหวะที่ดุเดือดแบบ Bloodborne
พื้นที่ฉากในเกมมีมอนค่อนข้างน้อย เมืองก็มีน้อยไปหน่อยเทียบกับฟอร์มยักษ์และระยะเวลาสร้างที่ยาวนาน
ผมถือว่ายังอยู่มาตราฐานของ Final ไม่ได้แย่ ไม่ได้ดีเลิศ
เป็น Final ที่สนุกที่สุดที่ผมเคยสัมผัสมา (ไม่ได้อวย ผมเป็นแฟน Bloodborne)
คะแนน 8.5
เพิ่งเล่น FF ครั้งแรกของเกมซีรี่ส์นี้ (จบแล้ว ... เก็บเควสที่เหลือ)

- กราฟฟฟิกสวยมากๆ

- บอยแบนด์ทั้ง 4 กวน แนวดี

- ชอบมากๆๆๆ สนุกมากๆๆๆๆ ครับ ให้ 9.5 คะแนน


*** ตัด .5 เพราะ CH13 / มุมกล้องฮาๆ 55555 / ต้นไม้บังเวลาต่อสู้
เกมAdv ตกปลา ทำกับข้าว ขับรถ หาวิวถ่ายรูป ชิลล์~