Captain America: Civil War ( 2016 ) บทวิจารณ์��าพยนตร์โดย FallsDownz
"กรอบหรือกฏระเบียบของสังคมอาจเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่กฏระเบียบที่ริดรอนสิทธิ เสรีภาพ ก็ไม่อาจจะเรียกว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องได้"
Captain America: Civil War (2016) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz
เมื่อนึกถึงระยะเวลาการรอคอยของคอหนังและแฟนๆ Marvel สำหรับช่วงเวลาที่แสนสำคัญอย่าง Captain America: Civil War แล้ว อาจเรียกได้ว่าการรอคอยครั้งนี้ เป็นการรอคอยที่คุ้มค่าที่สุดก็เป็นได้
เพราะไม่ว่าจะมองในด้านใด Civil War ก็ดูจะเป็นภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่ที่ยอดเยี่ยม น่าทึ่ง สมกับความคาดหวังของแฟนๆเสียไปหมดทุกส่วน
เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายครบถ้วน ตั้งแต่ ตื่นเต้น ตระการตา เคร่งเครียด ไปจนถึงการสอดแทรกมุขตลกมาให้ได้ฮากันเรื่อยๆตามสไตล์ Marvel ที่สำคัญคือภาพรวมทั้งหมดที่สนุกจนลืมเวลาไปเลยทีเดียว
ซึ่งองค์ประกอบอันแสนสำคัญที่ต้องยกเครดิตให้อย่างเต็มใจก็หนีไม่พ้นผู้กำกับสองพี่น้องแอนโทนี่ รุสโซ่ และโจ รุสโซ่ ที่สร้างสรรค์ผลงานการกำกับอันแสนล้ำเลิศเอาไว้ในภาพยนตร์เรื่องนี้
ไม่ว่าจะเป็นการกำกับฉากแอ็คชั่นที่อลังการงานสร้าง การออกแบบฉาก และวางคิวตัวละครต่างๆที่ยอดเยี่ยม สร้างสรรค์
ความสามารถที่จะรักษาความสำคัญของทุกๆตัวละครในภาพยนตร์ให้ใกล้เคียงกัน ทำให้แต่ละตัวละครมีฉากที่โดดเด่นเป็นของตัวเองทุกตัว ทั้งๆที่ Civil War เต็มไปด้วยตัวละครมากมายเหลือเกิน
และจุดที่สำคัญที่สุด ก็คือความรู้ ความเข้าใจในตัวละครแต่ละตัวอย่างถ่องแท้ ไม่ว่าจะเป็นบุคลิก ทัศนคติ ไปจนถึงพลังและความสามารถของแต่ละตัว ทำให้สามารถที่จะดึงศักยภาพของทุกๆตัวละครออกมาได้อย่างเต็มที่
ด้านตัวละครใหม่ สไปเดอร์แมน และแอนท์แมน เรียกได้ว่าน่าทึ่งและเข้ากับทีม Avengers เดิมได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่แบล็ค แพนเธอร์ยังรู้สึกแปลกๆอยู่บ้าง โดยเฉพาะสำเนียงการพูดของนักแสดง แต่ในด้านหนึ่งปัญหาจุดนี้ก็น่าจะมาจากพื้นฐานของตัวละครที่พยายามให้เหมือนกับฉบับหนังสือการ์ตูน คงจะต้องปรับตัวและรอดูกันต่อไป
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่สองพี่น้องรุสโซ่นั้น พยายามหาทางให้ทีม Avengers มาปะทะกันตามเนื้อเรื่องของ Civil War และก็พยายามอย่างมากที่จะสอดแทรกการสะท้อนแนวความคิดเรื่อง สิทธิ เสรีภาพและอิสรภาพ เข้าไปพร้อมๆกัน ซึ่งถ้าหากนับถึงความเยอะและองค์ประกอบที่มากมาย ถือว่าทำได้ดีมากแล้ว
แต่การจับปลาสองมือในครั้งนี้ ก็นำมาซึ่งการสูญเสียโอกาสของตัวภาพยนตร์เองอยู่บ้าง ที่ไม่อาจจะดำเนินไปถึงจุดสูงสุดในด้านใดด้านหนึ่งได้เลย เนื่องจากต้องสลับสับเปลี่ยนและแบ่งเวลาให้กันและกันอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในด้านของการสะท้อนแนวคิด ที่ดูเหมือนว่ายิ่งเวลา 2 ชั่วโมง 27 นาที ผ่านไปมากเท่าไร แนวคิดเหล่านี้ก็เริ่มที่จะเลือนลาง และจางหายไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น
สุดท้ายแล้ว ถึงแม้ว่า Captain America: Civil War จะสูญเสียบางสิ่งระหว่างทางไปบ้าง แต่บทสรุปในท้ายที่สุด ก็ไม่อาจเป็นอื่นใดได้นอกจากความยอดเยี่ยมในทุกๆด้าน โดยเฉพาะการกำกับของสองพี่น้องรุสโซ่ที่ผู้กำกับภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่ทั้งหลายควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
--ภาพรวม--
- เต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์ครบถ้วน ตั้งแต่สนุก ตื่นเต้น ตระการตา เคร่งเครียด ไปจนถึงตลกตามสไตล์ Marvel
- หลายสิ่งอย่างยอดเยี่ยมได้ จากการกำกับของสองพี่น้องรุสโซ่
+ กำกับฉากแอ็คชั่นได้ตระการตา เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์
+ เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงบุคลิก ทัศนคติและพลังของแต่ละตัวละคร
+ สามารถที่จะรักษาความสมดุลของบทบาทหลากหลายตัวละครได้อย่างดี ทุกตัวละครต่างมีฉากเท่ห์ๆเป็นของตัวเอง
- ตัวละครใหม่อย่างสไปเดอร์แมนนั้นโคตรเจ๋ง แอนท์แมนก็ยอดเยี่ยม เข้ากับทีมได้อย่างน่าทึ่ง ในขณะที่แบล็ค แพนเธอร์อาจจะต้องรอดูไปก่อน
- ตัวภาพยนตร์พยายามที่รักษาจุดสำคัญสองจุดไปพร้อมๆกัน ซึ่งถ้าหากคำนึงถึงความยากก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมแล้ว แต่แน่นอนว่าการจับปลาสองมือก็นำมาสู่การเสียโอกาสที่ไม่มีจุดใดจุดหนึ่งไปสู่จุดสูงสุดได้
Final Score: [ 8 / 10 ]
Related News
Popular News
แสดงความคิดเห็น
ส่วนตัวหลังจากได้ดูเเล้วผมให้7.5นะ
ดูได้เรื่อยๆ กับเรื่องหนังเอาซูเปอร์ฮีโร่มายำเอามาปล่อยของรวมๆกัน ตอนเเรกก่อนดูคาดว่าน่าจะดราม่ากว่านี้สักหน่อย เนื้อเรื่องเข้าใจง่ายพอสมควร(ไม่ต้องคิดตามหรือตีความอะไรมากมายเหมือน ฮีโร่อย่างเเบทเเมน ของ โนเเลนที่ทำไว้ ส่วนตัวผมชอบเเนวๆนี้สุดละ ดราม่าเยอะดี )ไม่ถึงกับซับซ้อนมากนัก ตามเเนวทางของหนังของมาเวล อาจเพราะมันมีฮีโร่หลายตัวมั้งผมเลยดูไม่อินกับเรื่อง ดราม่าในเรื่องยังไม่ข้นพอเเบบภาค 2 ในเเคป3ภาคผมชอบภาค2สุดละ (นานาจิตตัง อะนะ)
(ใครดู IMAX มาช่วยรีวิวให้หน่อยจ้า อยากไปดูอีกซักรอบ)
แต่รำคาญอย่างนึง
กัปตันแม่มเหี้ยมากกกกกก ตรรกกะโคตรป่วยยยย
ส่วนตัวให้ 8.5/10 การเล่าเรื่องดี มีรายละเอียด แอ็คชั่นจัดเต็ม
##################################################################################################
อันนี้แตกประเด็น ไม่เกี่ยวกับหนังดีหนังห่วยนะครับ แต่จะขอพูดเรื่องนัยยะของหนังนะครับ
ส่วนตัวมองว่านี่มันหนังรีพับลิกันจ๋าเลย นั่งดูไปนี่หน้าโดนัลล์ ทรัมป์ลอยมาเป็นพักๆเลย
หนังมันมี Hidden Agenda (จริงๆก็ไม่แฝงนะ ค่อนข้างโต้งๆเลย) ว่า อเมริกายิ่งใหญ่เหนือชาติอื่น (ในแบบหลงตัวเอง)
ก็ตามสโลแกนของโดนัลด์ ทรัมป์ "Make America Great Again!"
ประเทศโซโคเวีย = โคโซโว +ซีเรีย และอเวนเจอร์สก็คืออเมริกานั่นเอง
แน่นอนหนังเป็นมายาคติแบบอเมริกัน ก็นำเสนอในมุมมองว่าอเมริกามองประเทศอื่น และความเดือดร้อนของประเทศอื่นยังไง
อเวนเจอร์สพร้อมรับความผิดพลาดที่ทำให้พลเมือง+ประเทศอื่นฉิบหาย
แต่อย่างที่บทพูดของซีโม่บอก โซโคเวียมันเป็นรัฐล้มเหลวมันมีคนตายเยอะแยะอยู่แล้ว
และอเวนเจอร์สน่ะ เข้าไปปราบเหล่าร้ายนะ เป็นตำรวจโลกผู้พิทักษ์สันติภาพของโลก ทำไมต้องมาระแวงอเวนเจอร์สด้วยล่ะ ?
และก็นำมาซึ่งการล้างแค้นอเมริกา เอ้ย! ล้างแค้นอเวนเจอร์ส จากพวกผู้ร้ายที่คิดเอาคืนอเวนเจอร์ส
(แบบเดียวกับผู้ร้ายใน London Has Fallen ที่คิดจะทำลายอเมริกา)
ในขณะที่ BVS แฝงนัยยะเรื่องศาสนา
ซูเปอร์แมน =พระเยซู , หอกของแบทแมน =ลองกินูส, ดูมส์เดย์ส =บาปของมนุษย์ที่สืบทอดโดยสายเลือดตามความเชื่อในศาสนาคริสต์ (ใช้สัญลักษณ์คือเลือดของเล็กซ์) และจบที่พระเยซูทรงสละชีวิตไถ่บาป
ส่วนบทคนโรคจิตของเล็กซ์ ลูเธอร์ใน BVS ที่แฟนๆมองว่าเป็นความแปลกใหม่
แต่จริงๆเป็นตัวละครคนวิกลจริตที่คลั่งศาสนาที่มีอยู่ดาดเดื่อนทั่วไปในพวกหนังนัวร์ หนังสยองขวัญ ทั้ง Seven หรืออย่าง See No Evil
และเช่นเดียวกันตัวร้ายอย่างซีโม่สำหรับแฟนๆอาจมองว่าแปลกใหม่สำหรับหนังฮีโร่
แต่ตัวละครแบบนี้มีอยู่กลาดเกลื่อนในหนังสงคราม ผู้ก่อการร้าย ส่วนตัวดูแล้วนึกถึงผู้ร้ายในหนังเรื่อง The Peacemaker (1997) ที่แบกความทุกข์ทนจากการสูญเสียครอบครัวและพยายามล้างแค้นอเมริกา
จริงๆมีอีกหลายเรื่องที่มันแฝงไว้ในหนัง แต่ก็ประมาณนี้แหละเท่าที่นึกออกตอนนี้ ส่วนตัวมองว่าหนังน่าจะถูกจริตกับคนอเมริกันเอามากๆ แบบเดียวกับที่คนอเมริกันชื่นชอบ American Sniper (พระเอกส่องเด็กอยู่ แล้วพึมพำว่า อย่าเก็บปืนมานะไอ้เด็กเปรต ๆ เก็บปืนขึ้นมาทำไมวะ" แล้วก็เหนี่ยวไก เปรี้ยง! โดยที่หนังนำเสนอว่าการกระทำของพระเอกมันไม่ผิดนะ มันถูกต้องแล้ว นี่แหละฮีโร่ปกป้องประเทส ปกป้องโลก)
และถ้าเทียบกันเฉพาะในส่วนของนัยยะ (อย่างที่บอกว่าไม่พูดถึงเรื่องหนังดี หนังห่วย สนุก ไม่สนุกนะ) หนัง CW ดีกว่า BVS เยอะในแง่ของนัยยะแฝง ของ BVS นี่มีนัยยะแฝงเรื่องศาสนาก็จริง แต่ แล้วไงล่ะ ? พี่จะบอกอะไร ? สรุปหนังจะบอกแค่จงศรัทธาในพระเยซู+พระเจ้าต่อไป ซึ่ง CW ก็ไม่ได้ทิ้งปมคำถาม หรือเล่นกับประเด็นนี้อะไรมากหรอก เพราะหนังมันอธิบายแก้ต่างการกระทำของอเมริกาไว้ทุกอย่างอยู่แล้ว เพียงแต่วิธีการอธิบายในส่วนที่เป็นนัยยะ+สัญลักษณ์ พวกนี้ CW เรียบเรียงมาดี 1-2-3-4 ภาษาหนังดี เข้าใจง่าย สื่อความหมายได้ดี
ต่อด้วยการอธิบายกลุ่มอเวนเจอร์เป็นแบบตัวแทนของกลุ่มสงครามกลุ่มหนึ่ง ต่างจากอเวนเจอร์ในภาคหลักที่เป็นซุปเปอร์ฮีโร่ทำให้บทตัวละครดูเป็นมนุษย์มนามากขึ้น
ถ้าเอาเนื้อหาโดยรวมตัดชื่อซีวิลวอร์ออกก็เป็นอะไรที่สนุกมาก แต่ทางกลับกันชื่อภาคใช้อีเว้นท์ที่เหล่าฮีโร่ยกโขยงไปตายกัน แต่ในหนังไม่มีแม้แต่คนเดียว มิหนำซ้ำฮีโร่รายได้อันดับหนึ่งของค่ายดูจะเป็นตัวร้ายจริงซะมากกว่า
ของดอร์นออฟจัสติสที่ว่าแปลกตอนซูเปอร์แมนไปนอนในโรงแล้ว ซีวิลวอร์อันนี้แปลกกว่าที่ไม่มีใครตายกันเลย
ตอนแรกคนชมว่า BVS นั้นเนื้อหาหนัก ตรงที่เล่ามุมมองด้านความสูญเสีย ว่าขณะที่พวกฮีโร่ตีกัน มันมีคนเจ็บ คนตาย คนพิการ ที่ได้ผลกระทบนะ
แต่พอ CW ฉาย เอ๊ะ หนังก็นำเสนอมุมมองตรงส่วนนี้เหมือนกันนะ แถมเล่นหนักกว่า คือขยี้ตรงประเด็นนี้เลย ตั้งแต่เปิดคลิปย้ำๆเลยว่าเหตุการณืแต่ละที่ที่ผ่านมามันมีปชช.สูญเสียกันเยอะ
.
เรื่องความตายของตัวละคร ผมว่ามาเวลไม่กั๊กนะครับ เพราะ
แบบไม่เสียดายตัวละคร จะเสียดายทำไมในเมื่อตัวละครมีเยอะ ใช้ไม่หมดไม่สิ้นอยู่แล้ว
ในขณะที่ BVS แทงกั๊กตัวละครมากเกินไปจนน่าเสียดาย
อย่างตอนเปิดเรื่องที่เป็นใครก็ไม่รู้ตาย แค่ลูกน้องในบริษัทของเวนย์
ตอนดูตัวอย่างก็นึกว่าคนที่ตายในตึกจะเป็นโรบิ้นที่บุกไปช่วยปชช. หรือตัวละครสำคัญอย่างลูเซียส ฟ็อกซ์อะไรงี้
แต่เข้าใจว่า CW มันเป็นหนังสำหรับคนดูทั่วไป (หนังของดิสนี่ย์ที่เด็กต้องดูได้) เลยไม่ได้มีตัวอะไรตาย
แค่เล่นประเด็นความสูญเสียของปชช.ที่ได้รับจากอเวนเจอร์สนี่ก็ถือว่าหนักมากแล้ว
(หรือใช้คำว่า"ดาร์ค"แบบที่คนชอบเรียกกัน ส่วนนี้ทำให้หนัง CW หม่นซีเรียสที่สุดในตระกูลหนังอเวนเจอร์ส)
เรื่องกั๊กตัวละครนี้ มาเวลจัดเต็มและนำเสนอได้ดีครับ เพราะความที่ CW มันไม่กั๊กนี่แหละครับ
ยกตัวอย่างการนำเสนอ Black Panther ใน CW ใช้เวลาแค่ห้านาทีอธิบายตัวละครนี้เสร็จเลย
รวมถึงตัวละคร Spider-Man ด้วย คือคนที่ไม่เคยรู้จักฮีโร่ของมาเวลก็เข้าไปดูหนังเรื่องนี้ได้รู้เรื่อง
(แต่ด้วยความที่เป็นหนังภาคต่อเลยไม่ต้องปูพื้น อธิบายตัวละครอื่นๆที่มีมาในภาคก่อน)
คนที่ชอบพูดว่า คิดว่า BVS หรือ DC แย่ที่ไม่สร้างหนังเดี่ยวของฮีโร่คนอื่นๆปูออกมาก่อน
ลองย้อนดู CW ที่นำเสนอ Black Panther เป็นตัวอย่างครับ
(หรือลองไปดู Justice League : War ครับ คือถึงไม่มีหนังเดี่ยวปูพื้นมาก่อน แต่หนังก็เล่าเรื่องอธิบายตัวละครทุกตัวให้คนดูรู้จักและเข้าใจได้)
ซึ่ง BVS มันเล่าเรื่องแบบกั๊กๆไว้มากเกินไปครับ (ใครว่ามันเล่าเรื่องเยอะเกินไป)
คือไม่รู้จะกั๊กไว้ทำไมทั้งๆ DC เองก็มีวัตถุดิบเยอะ มีตัวละครให้เอามาใช้เยอะเป็นกระตั๊ก แต่ดันไปกั๊กไว้
จริงๆถ้า DC ไม่กั๊กโน่นนี่ เล่าเรื่องไปเลยหนังสองเรื่องนี้จะมีอะไรคล้ายกันกว่านี้ครับ
ยกตัวอย่าง Black Panther