ถึงแม้ว่าสุดยอดภาพยนตร์ฮีโร่ตบกันแห่งปีของทางฝั่ง DC อย่าง Batman v Superman: Dawn of Justice จะเปิดตัวทั่วโลกสูงถึงกว่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐในสัปดาห์แรก แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่าสัปดาห์ที่สองกลับน่าเป็นห่วง ด้วยตัวเลขที่ตกลงมาถึง 69.1%



ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์คาดว่า เมื่อรวมทุนสร้าง 250 ล้านเข้างบประมาณโปรโมทภาพยนตร์ต่างๆแล้ว สุดท้ายแล้ว Dawn of Justice อาจจะทำกำไรให้ค่าย Warner Bros. น้อยกว่า Man of Steel เสียอีก

"Batman v Superman เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ใช้ทุนสร้างสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา เมื่อวางจำหน่ายลง Home Video ทีวี และการขายสินค้าต่างๆแล้ว มันจะทำกำไรให้กับ Warner Bros. ประมาณ 278 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งนั้นน้อยกว่า Man of Steel ซึ่งคาดกันว่าสตูดิโอทำกำไรไปกว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ นี้เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าทาง Warner Bros. ยังต้องทำการบ้านอีก เพื่อให้ส่วน DC Comics นั้นกลายเป็นธุรกิจภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่อย่างที่ต้องการ" - นักวิเคราะห์จากเว็บไซต์ Bloomberg กล่าว

"ผมเข้าใจว่านั้นคงเป็นอะไรที่น่าผิดหวังทีเดียว ทางค่ายคงหวังว่าจะทำ Box Office ได้สูงพอๆกับ Avengers: Age of Ultron จากที่ Batman v Superman มีตัวละครที่โด่งดังมากที่สุดของ DC รวมตัวถึง 3 คนในเรื่องเดียวกัน"



Avengers: Age of Ultron ของ Marvel ทำรายได้จากทั่วโลกไป 1,405 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ Batman v Superman: Dawn of Justice ทำรายได้จากในอเมริกาไป 273 ล้านเหรียญสหรัฐในขณะที่ทั่วโลกอีก 450 ล้าน รวมกัน 723 ล้านเหรียญสหรัฐครับ

ref: [Link]

ก็ค่อนข้างน่าผิดหวังอ่ะแหละ นึกว่าจะแตะถึงพันล้านได้ หลังจากนี้ก็ทำการบ้านหนักๆหน่อยละ แซ็คก็อาจจะทบทวนตัวเองด้วยว่าส่วนตัวเหมาะกับการกำกับหนังเนื้อหาหนักๆเยอะๆแบบนี้ไหม เพราะผลมันออกมาแล้วว่าเล่าเรื่องได้ไม่ดีเอาจริงๆ สำหรับฉากแอ็คชั่นนี้เฮียแกทำมาดีจริง น่าคิดว่าหนังตัวละครอื่นๆของ DC แนวหนังอาจจะเหมาะกับเฮียแกมากกว่าก็ได้ ถ้าไม่ไหวก็ถอยเถอะก่อนจะพากันจมทั้งลำ ให้ ผกก คนอื่นที่เอาอยู่มาจับแทนดีกว่าครับ

ทำไมคนชอบคิดกันว่าหนังทำเงิน 700-800 ล้านคือหนังเจ๊ง? เหมือนตอน Mockingjay Part 2 หลายคนก็ว่าเป็นหนังเจ๊ง คือจริงๆมันกำไรนะนั่น หนังมันแบ่งเป็นสองภาคยิ่งได้กำไร


กรณีของ Warner Bros. ถ้าย้อนไปดูหนังในค่ายทั้งหมดในปีที่ผ่านมาถือว่าประสบสภาวะค่อนข้างแย่ ตั้งแต่ต้นปี-ท้ายปี
- Jupiter Ascending ทุนสร้าง 176 ล้าน ทำเงินในบ้าน 47 ล้าน รายได้รวมทั่วโลก 183 ล้าน
- Pan ทุนสร้าง 150 ล้าน ทำเงินในบ้าน 35 ล้าน รายได้รวมทั่วโลก 128 ล้าน
- In the Heart of the Sea ทุนสร้าง 100 ล้าน ทำเงินในบ้าน 25 ล้าน รายได้รวมทั่วโลก 93 ล้าน (อันนี้หนังดีนะครับ)
- Mad Max: Fury Road ทุนสร้าง 150 ล้าน ทำเงินในบ้าน 153 ล้าน รายได้รวมทั่วโลก 378 ล้าน (ขนาดหนังดีขึ้นหิ้งกวาดคำชมนะครับ)
ฯลฯ


แล้วเดี๋ยวจะมี TarZan 2016 อีก ทายผลลัพธ์ล่วงหน้าได้เลย


ทีนี้ถ้าย้อนกลับมาดูรายได้ของ BVS เนี่ย ต้องบอกว่า Warner ค่อนข้างพอใจนะครับ ต่อจากนี้ Warner จะโฟกัสไปที่ DC มากขึ้น และจะเลิกลงทุนสูงๆกับดปรเจ็คที่ไม่ใช่ภาคต่อดังๆ หรือแบรนด์ดังๆ ถามว่า Warner จะปลดแซ็คออกมั๊ย อะไรทำให้คุณคิดยังงั้นครับ



ปล.เรื่องรายได้นี่มันพูดยากนะครับ การตลาดมันซับซ้อน ขนาด Gods of Egypt ที่รายได้ต่ำเตี้ยเร่ยดิน ผู้สร้าง+สตูดิโอยังบอกว่าได้กำไรตั้งแต่ก่อนหนังฉายแล้ว +ค่าคืน VAT ที่จะได้คืนอีก

ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะ800ล้านรึเปล่า เเต่ ตอนนี้วอนเนอร์น่าจะ กลับไปทำการบ้าน เเละยังวางเเผนดำเนินหนังDC ต่อด้วย (เเถมยังไม่ลด หนังในลิสของdcอีก เเถมเพิ่มสองเรื่องด้วยไม่ใช่ลด โครตนับถือเลย) เเละผมว่า เเซ็คน่าจะต้องมีคนช่วยกำกับเเล้วหล่ะ จากเเหล่งข่าวที่อ่านมา ว่าวอเนอร์จะเพิ่มคนช่วยเขียนด้วยหนิ

จักรวาลdcผมเชื่อว่ามันยังไปต่อได้อีกยังไม่ ตายเเค่ตรงนี้หรอก(รึเปล่าว่ะ)

แนวหนังตลาดsoomingออกมาเร็วด้วยแหละ เร็วกว่าSW7เปนอาทิตย์

แน่นอนมันกำไร (เจ๊งก็บ้าแล้ว) แต่เป็นตัวเลขที่เขาพอใจหรือเปล่ามันก็อีกเรื่องแหละ ความคาดหวังของ Warner Bros. มันไม่ใช่แค่ขอแค่ไม่ขาดทุนหรือได้กำไรนิดหน่อย ถ้าคู่แข่งทำได้หลัก 1000ล้าน นั้นก็คือสิ่งที่ Warner ต้องการ(ไอ้การมีคำว่าล้านเหรียญสหรัฐต่อท้ายหลักร้อยกับพันมันต่างกันไกลมากเลยนะ) และคำว่า Superman, Batman มันเป็นอะไรที่ Warner น่าจะมันใจว่ามันมีมูลค่าทางเม็ดเงินมากกว่า captain america, Ironman ถ้าไม่แตะพันล้านผมว่า Warner Bros. มันแอบเซ็งชัว

มันอ๊อนอ่อนที่จะมาตีกันเพราะเรื่องแค่นี้ Batman v Superman จริงๆนะ

ผมรักหนังเรื่องนี้มากๆ สู้ๆนะเพิ่งเริ่มสตาร์ทอาจจะลำบากหน่อย เพราะเค้าจ่ายไปด้วยการปูจักรวาล เหมือนเป็นการลงทุนมากกว่า

ไม่ใช่เรื่องแค่นี้หรอกครับสำหรับคนธรรมดาที่มองเอเลี่ยนคนนึงที่มึพลังพอจะทำลายโลกนี้ได้ด้วยความกังวล แล้วก็ไม่ใช่เรื่องแค่นี้สำหรับฮีโร่คนนึงที่ยึดคุณธรรมอย่างมากจากคำสอนของพ่อแล้วมองการกระทำนอกกฎหมายและโหดร้ายของคนๆนึง

ตัวหนังอาจจะเล่าเรื่องไม่ดีพอ ตัดต่อโดดไปมา เลยบางทีทำให้จุดที่ต้องการสื่อได้รับไม่เต็มที่ เพราะแบบนี้แหละที่น่าเป็นห่วงอนาคตของ DCCU ถ้ายังเป็นแบบนี้เรื่อยๆคนจะหมดศรัทธาลงไปจนทำให้รายได้ลดลงจากที่ตอนนี้คิดกันว่า 700-800 ล้านเยอะแล้วล่ะนะ นี่อย่าลืมนะครับว่านี่คือหนังที่มีฮีโร่ระดับบิ๊กทรีของฝั่ง DC ออกมาในเรื่องนี้ยังทำรายได้แตะพันล้านไม่ได้ในเวลาที่หนังฮีโร่กำลังบูมถึงขีดสุดในช่วงนี้ แล้วฮีโร่ระดับรองลงมาอย่าง Aquaman/Cyblog/The Flash คนจะคาดหวังได้อย่างไร แล้วรายได้จะลดลงขนาดไหน (เช่น Avengers รายได้ 1.4 พ้นล้าน Cap2 700 ล้าน/Iron Man 580 ล้าน)

ความประทับใจแรกสำคัญที่สุดแล้วครับในการไปต่อ ยกตัวอย่างไอรอนแมนฮีโร่เกรด B ที่เป็นหนังเปิดฤกษ์ให้ MCU ทำให้กระแสหนังฮีโร่มา ตัวนักแสดงดัง ผู้กำกับสร้างชื่อ ฮีโร่มาร์เวลระดับเกรด B อัพเป็นเกรด A หนังทำรายได้เกินความคาดหมาย และสามารถส่งต่อไปยังหนังของตัวละครอื่นได้อย่างแข็งแรง บวกกับหนังที่ทำมาในระดับที่ดีถึงดีมากอย่างต่อเนื่อง(ถึงช่วงหลังจะมีแป้กให้เห็นบ้าง) เลยทำให้เกิดสาวก+แฟนบอยเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด

แต่กลับแบทแมนหรือซุปเปอร์แมนที่มีใครบ้างไม่รู้จักกลับทำได้ระดับแค่พอใช้ได้ วอร์เนอร์ก็ต้องเริ่มคิดแล้วครับถึงทิศทางของหนังที่จะเป็น ตัวบท(ไม่มีปัญหาผมว่าน่าสนใจ) ตัวนักแสดง(ไม่มีปัญหาอีกคัดมาดีเลย) ตัวผกก(นี่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่เลย) ไอ้เรื่องจะปลดอ่ะ วอร์เนอร์อาจจะไม่ปลดหรอกครับ แต่ตัว ผกก เองที่ต้องรู้ตัวครับว่าเอาหนังอยู่ไหม ถนัดไหมหนังแนวที่ทำแล้วจะทำออกมาได้ดีไหม(ผลลัพธ์มีให้เห็นแล้ว) หรือจะดื้อทำต่อไปแล้วหนังก็ออกมาแบบนี้เรื่อยๆจนเป็นผลเสีย DCCU และชื่อเสียงตัวเองด้วยในฐานะผู้กำกับ (เรื่องนี้ผมนับถือจอด วีดอนครับที่ขอออกไปหลังจาก AOU เพราะหนังมันทำมาแย่มากแกคงรู้ตัวละว่าเอาไม่อยู่แล้ว) อย่างไรก็ต้องรอฟังข่าวคราวของค่ายนี้ต่อไป

ปล.แต่บทบู๊เว่อร์วังนี่ยกให้เฮียแกจริงๆ เฮียแกเอาอยู่ แต่ช่วงอธิบายความ ขยายความกลับตกม้าตาย น่าเสียดาย

ผมว่าหลายคนมองรายได้ BOX OFFICE แบบต้องทำเงิน 1000ล้าน+ ถึงจะประสบความสำเร็จ ซึ่งมันคนละแบบกับที่ผู้สร้างมอง ไปดูอันดับหนังทำเงินสิครับ มันมีหนังที่แตะพันล้านกี่เรื่องกัน แน่นอนใครๆก็อยากให้หนังตัวเองทำเงินเยอะๆ แต่ในโลกความจริง ในแง่ธุรกิจ ในแง่ของตัวสินค้าเค้าประเมินตัวเลขกันตามความเป็นไปได้จริงๆครับ อันนี้ผมพูดมาหลายเรื่องก่อนหน้านี้ละ ก่อนหน้านี้ก็ม็อคกิ้งเจย์ แต่คนก็เถียง มันต้องทำเงินเยอะๆ บลาๆๆ

อันนี้ว่าไปตามFACT ไม่ใช่แบบคิดเอาเองนะครับที่ผมเห็นข่าวก่อนหนังฉายคือฝ่ายการตลาดของ WARNER วิเคราะห์ว่าหนังจะทำเงินมากกว่า MAN OF STEEL แต่จะได้น้อยกว่า THE DARK KNIGHT และหลังรายรับได้เกิน 500-600ล้านผู้บริหารออกมาพอใจกับตัวเลข และไม่กังวลกับตัวเลขวีคเอน2 ที่ลดลง และแสดงคห.ว่าขอให้ดูที่ตัวเลขสุดท้าย (ตอนนี้ 720ล้านแซง WINTER SOLDIER และ AMAZING SPIDER-MAN 2 ไปแล้ว หลังวีคเอน3 หนังอาจจะแซง DEAD POOL ที่ตอนนี้ได้ 750ล้าน ซึ่ง BVS น่าจะอยู่ประมาณ 10-15วีคเอน ถ้าจะถึงพันล้านได้ก็คงแบบหืดขึ้นคอ) อันนี้ FACTมันมาแบบนี้ และตอนนี้แผนของ WARNER จะหันไปโฟกัสหนังที่แบรนด์แข็งๆอย่างเดียว เช่นDC เพราะอันอื่นทำแล้วเจ๊ง

รายได้น่ะแซง แต่หักต้นทุนแล้วเหลือเท่าไหร่อีกเรื่อง ถ้าจะเอาไปเปรียบกับเดดพูล เดดพูลทุนสร้างน้อยมากนะ ยังทำได้ขนาดนั้น ฮีโร่ก็ไม่ได้ดังอะไร คนทั่วไปรู้จักแบท ซุปกันอยู่แล้ว หนังก็ทุ่มทุนสร้างมหาศาล โปรโมทรัวๆ แรงอวยกระจุยกระจาย ถ้ารายได้รวมยังแพ้เดดพูลนี่ โคตรน่าผิดหวังอ่ะ

ที่อเมริการายได้เท่าไหร่จากการฉายหนังให้หารสองแล้วจะเป็นตัวเลขที่ค่ายหนังได้รับจริงๆ ไม่รวมพวกลิขสิทธิ์ของที่ระลึกของเล่นต่างๆจากตัวหนัง

ตอนนี้เฉพาะอเมริกา 270÷2=135 ล้านดอลลาร์ บอร์ดของwarnerได้คืนมาเท่านี้ในอเมริกาก็น่าพอใจแล้วล่ะ แล้วเปอร์เซ็นจากทั่วโลกก็ต้องเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 200-250 ล้าน และถ้ารวมลิขสิทธิ์ต่างๆของโลโก้ BVS warnerจะได้รับเลขเงินเข้าบริษัทตอนนี้ก็ต้องมีราวๆ 550-600ล้านดอลลอร์ กำไรเห็นๆหนังฉายยังไม่ข้ามเดือนเลย

ไม่ใช่กับทุกเรื่องหรอกครับที่ว่าทำเงินพันล้านถึงจะประสบความสำเร็จ อยู่ที่หัวเรื่องของแต่ละเรื่องละครับ อย่าง สตาร์วอส์ อเวนเจอส์ ทรานฟอร์มเมอส์ เดอะฟาส ฯลฯ(เดดพูลนี่ถึงไม่ถึงถือว่าเกินคาดมาก) ไรพวกนี้ครับคือมองอย่างไรก็น่าถึง BvS ก็น่าจะอยู่ในจุดเดียวกันได้ ซึ่งผมก็คิดว่าสาเหตุก็มาจากหลายเรื่องทั้งตัวหนังเอง คะแนนรีวิว คำวิจารณ์ต่างๆ ซึ่งคิดว่ามีผลกระทบต่อรายได้ทั้งสิ้น แทนที่จะทำให้คนเสียเงินเข้าไปดูได้ 2-3 รอบได้ อาจจะรอบเดียวจบรวมถึงเสียงบอกต่อกันอีก ส่วนหนังที่แบ่งพาร์ทนี่เข้าใจได้อยู่แล้วครับ ถึงรายได้แต่ละภาคจะลดลงแต่ก็ทำเงินได้อยู่ดีซึ่งก็เป็นผลดีต่อธุรกิจ แต่มันก็ทำให้หนังพักหลังๆเลยหั่นซอยซะยิกไปหมดจนหนังแต่ละภาคเหลือแต่น้ำให้ดู

ส่วนการประเมินของฝ่ายการตลาดผมก็ไม่มีข้อมูลในส่วนนี้ก็คงไม่พูดอะไร ถ้าผู้บริหารตั้งเป้าไว้แค่นั้นจริงๆก็น่าน้อยใจแทนแฟนๆจริงๆครับแต่ได้กำไรเข้าบริษัทก็ถือว่าดีล่ะนะ(หรือไม่ก็ใจดีสู้เสือไป) สำหรับรายได้ตอนนี้ผมว่าจะทำให้ถึง 850-900 ล้านผมก็ว่ายังน่าจะหืดขึ้นคอ เพราะที่ว่าหนังน่าจะยืนถึง 10-15 สัปดาห์นี่อย่าลืมนะครับว่า Civil War เองก็จะเข้าต้นเดือนหน้าซึ่งมีผลกระทบอย่างมากแน่ๆครับ(เดดพูลนี่ถือว่าโชคดีมากๆที่ไม่มีหนังใหญ่มากมาชนเก็บกินได้ยาวๆ) จริงๆวอร์เนอร์มองช้าไปครับสำหรับการสร้างจักรวาลหนัง DC แต่ก็ยังไม่สาย อาจจะติดหนังแบทแมนไตรภาคของโนแลนด้วยส่วนนึงซึ่งส่งต่อไม่ได้อยู่แล้วเพราะจบในภาค พอจบก็รีบเร่งเครื่องเลยจนยัดเนื้อหาจนเพียบไปหมดในหนังเรื่องเดียวเพื่อส่งต่อ แต่ส่วนตัวทำมาก็ดูอยู่แล้วครับ หวังไว้ด้วยกับหนังแนวฮีโร่อีกโทนนึงได้เปลี่ยนอารมณ์กับทางฝั่งมาร์เวล(ซึ่งกำลังเอียนมากๆทั้งรูปแบบหนังและเหล่าแฟนบอย) BvS สำหรับผมก็ไม่ได้เกลียดแต่ก็ไม่ได้ประทับใจและไปพูดกับเพื่อนเต็มปากได้มันสนุก อีกเรื่องของปีอย่าง Suicide Squad ซึ่งความเสี่ยงสูงกว่าเรื่องนี้ก็รอชมครับว่าจะไปในทิศทางที่ดีหรือเปล่า

ซ้ำครับ

ต้องแยกให้ดีนะครับ ระหว่าง ตัวเลขที่ประเมิน(คาดหวังสูงสุด-ต่ำสุด) กับ รายได้ที่เกินคาด กับรายได้ล้มเหลว

ผู้สร้างน่ะใครมันก็อยากให้หนังทำเงินเยอะๆครับ หลวงพี่แจ๊สได้ 500ล้านเอามั๊ย เอาสิแต่ความเป็นจริงมันทำได้มั๊ยว่าอีกเรื่อง ในความเป็นจริงหวังเท่าไหร่ ได้เกินกว่าที่หวังก็คือเกินคาด Fast7 จูราสสิค สตาร์วอร์7 เดดพูล พวกนี้ได้เกินคาดนะครับ ไม่มีใครคิดว่า Fast7 จะทำรายได้ขนาดนี้นะครับ หนังทำเงินถล่มทลายมาก กลับกันถ้า Fast7 ทำเงิน 600-700ล้านคิดว่าผู้สร้างจะเสียใจมั๊ยครับ ก็ยังจะได้เห็น FAST 8 อยู่ดี

อันนี้เราต้องมองว่าหนังมันก็คือสินค้าชนิดนึง ทำแล้วขายได้กำไรในระดับที่คุ้มค่าการลงทุน คนลงทุนรู้สึกพอใจ ก็จบ มองแบบเศรษฐศาสตร์ครับ กำไร=รายรับ-ต้นทุน แค่นั้นจบ ในแง่บริหาร กำไรใช้วัดความสำเร็จ ทำให้มีทุนสำรองในการพัฒนาธุรกิจต่อไป ในสายตาของผู้บริหารจึงมองคนละแบบกับแฟนหนังครับ

เรื่องบทห่วย ในสายตาของผู้สร้าง มองตัวเลขเป็นเป้าหมายครับ ใครจะสนว่าหลวงพี่แจ๊สบทห่วย สนแค่การตอบรับจากผู้บริโภค แต่รับฟังความเห็นจากผู้บริโภคมาปรับปรุงพัฒนาสินค้าต่อ อันนี้เราพูดประเด็นรายได้ของสตูดิโอนะครับ คนละเรื่องกับใครจะชอบ-เกลียดหนัง