เนื่องจากปีนี้เป็นปีที่ 8 ของซีรียร์ Hatsune Miku: Project Diva  ดังนั้นทาง SEGA เองก็เลยเข็นเอาเกม Hatsune Miku: Project Diva X ออกมาขายเอาใจแฟนๆ   ซึ่งเกมนั้นก็มีสิ่งที่ปรับปรุงเพิ่มจากภาคก่อน  รวมไปถึงสิ่งที่น่ารำคาญเพิ่มขึ้นมาด้วยครับ

ก่อนอื่นมาพูดถึงสิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดในภาคนี้กันก่อน นั่นก็คือ Live Quest Mode ซึ่งกลายเป็น Mode การเล่นหลักของเกมในภาคนี้ (แทนที่ Free Play Mode)  ซึ่ง Mode นี้จะให้อารมณ์คล้ายๆ กับเกม Taiko ตีกลอง ที่มีเนื้อเรื่อง  รวมไปถึงมีองค์ประกอบของ Elements ธาตุต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง

สำหรับเนื้อเรื่องของ Live Quest Mode นั้น ก็ไม่มีอะไรน่าดึงดูด  บางทีเวลาเล่นเพลงนั้นจบพวก Vocaloid ก็จะมีพูดคุยกับเรานิดหน่อย  เช่น ตื๊อขอเอาของขวัญ  ซึ่งเราก็ต้องเลือกของขวัญที่จะไปประเคนให้ถูก  ไม่งั้นค่าความสัมพันธ์ลดฮวบฮาบ  

ส่วนรูปแบบเควสนั้นก็ไม่มีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษ  เท่าที่เล่นมาก็ไม่มีบอสให้ตี มีแต่เควสเก็บแต้ม  เควสอีเวนท์คอนเสิร์ต  และเควสที่เกี่ยวข้องกับเพลง เช่น ทำ Challenge  โน้ตแบบ High Speed ให้ผ่าน เท่านั้น   

ในส่วนของ Elements ธาตุนั้น  ในเกมจะแบ่งประเภท Elements ทั้งหมด 5 ธาตุ นั่นก็คือ Neutral, Cute, Cool, Beauty, Chaos  ตามแนวเพลงเลย  เช่นถ้าเพลงที่อยู่ในธาตุ Cute ก็จะเป็นเพลงแนวน่ารักๆ คิกขุ ท่าเต้นก็มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้ง   นอกจากนี้โมดูลคอสตูมต่างๆ ก็มีธาตุของตัวเอง  (เช่นหูแมว หางหมากระดุ๊กกระดิ๊ก ก็จะเป็นธาตุ Cute เป็นต้น   นอกจากนี้ตัวโมดูลคอสตูมต่างๆ ยังมี Skill เฉพาะตัว  เช่น บางชุดคอสสตูมถ้าใส่แล้วโอกาสดรอปไอเท็มจะเพิ่มขึนอะไรงี้ 

กลับมาเรื่องธาตุของคอสตูมกันต่อ   บางคนอาจจะถามว่าพวกคอสตูม แต่งสวยมีธาตุไว้ทำไม   คำตอบคือ การคิดคะแนนใน Mode นี้ จะใช้คะแนนที่เรียกว่าคะแนน Voltage สุดท้ายหลังจบเพลง เพื่อตัดสินว่าเพลงไหนเราผ่านไม่ผ่าน  (หมายความว่าถ้ากดโน้ตเฟลติดๆ กันก็ไม่สน ดูคะแนนสุดท้ายอย่างเดียว) ถ้าเราใส่โมดูลธาตุที่ตรงกับธาตุของเพลง ก็จะได้รับโบนัสเพิ่มเข้าไปอีก 10-20% ก็ว่าไป   ซึ่งบางเควส  ไอเท็มพวกนี้ก็มีผลอย่างมากว่าเควสจะผ่านไม่ผ่าน   ยกตัวอย่างเช่น เควสนึงที่ผมเล่น  ผมใช้มิกุใส่ชุดธรรมดา ไม่ใส่ออปชั่นเครื่องประดับเพิ่มธาตุอะไรเลย   กดโน้ตแบบ Perfect แต่ก็ยังผ่านเพลงนั้นคาบเส้น  นี่ถ้าพลาดนิดหน่อยนี่ก็คือไม่ผ่านเลย   

หลายคนอาจคิดว่า แล้วทำไมต้องเล่น Live Quest Mode  คำตอบง่ายๆ คือ....ถ้าคุณไม่เล่น Live Quest Mode คุณจะไม่สามารถปลดล็อคเพลงใหม่ๆ รวมไปถึงชุดคอสตูม ไอเท็มแต่งห้องได้เลย  มันก็เหมือนกับทีมงานยัดเยียดบังคับบีบมือให้เราต้องเล่น Mode นี้ไปโดยปริยายนั่นเอง

อ้อ  สำหรับโมดูลชุดคอสตูมถ้าเรากด Chance Time ผ่าน  ก็จะมาฉากแปลงร่าง เปลี่ยนชุดคอสตูมใหม่ให้เห็นกันในเกมเลย   ข้อเสียอีกอย่างคือคือ ตัว Vocaloid ที่ใช้ก็จะใส่ชุดนั้นในเพลงต่อๆ ไป ถ้าเราอยากให้ตัว Vocaloid ใส่ชุดที่เราชอบ ก็ต้องไปเปลี่ยนชุดกลับอีก 

ต่อมามาพูดถึง Diva room กันบ้าง  ในเกมภาคนี้เหมือนจะยัดเยียด Diva room เป็นฐานบัญชาการ  เมนูหลักต่างๆ เช่น Live Quest, Free Play, AR Portrait  ของตัวเกมจะมาอยู่ในห้องนี้  

ซึ่งเท่าที่ลองเล่นมาตัว Diva room ในภาคนี้มีข้อจำกัดเยอะพอสมควร   เช่นในภาคก่อนๆ Diva room ของ Vocaloid แต่ละตัวจะแยกห้องกัน สามารถจัดห้อง จัดไอเท็มเองได้   แต่ภาคนี้มันรวมกันอยู่ในห้องเดียว  จัดห้องเองก็ไม่ได้   มินิเกมลูบหัวก็ไม่มีให้เห็นแล้ว

สำหรับ Free Play Mode ภาคนี้ก็คล้ายๆ กับภาคที่แล้ว ก็คือเล่นเพลงที่ปลดล็อคแล้วได้อย่างอิสระ ไม่มี Skit เนื้อเรื่องมุ้งมิ้งมาป่วนใจ (อย่างไรก็ตามเพลงต่างๆ จะเล่นได้ก็ต้องปลดล็อคเพลงด้วยการเล่น Live Quest Mode ก่อนอยู่ดี)  วิธีการเล่น และการตัดสินว่าเพลงไหนจะผ่านไม่ผ่านก็เหมือนกับภาคที่แล้วๆ  

ในส่วนของ Setting เราจะไม่สามารถปรับแต่ง Skin ได้อีกแล้ว โดนเอาออก (สงสัยขาย DLC ไม่ออก)   แต่เราสามารถปรับแต่งชุดตอนแปลงร่าง และ Stage เวทีที่ให้มิกุเต้นได้แทนครับ

ทีนี้มาพูดถึงเรื่องเพลงและ PV กันบ้าง เพลงเซ็ตลิสต์ในภาคนี้จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 30 เพลง  น้อยกว่าสองภาคที่แล้ว (f, f2nd) ซะอีก  ก็น่าผิดหวังพอสมควร  (แต่เพลงโดนนะ)    นอกจากนี้ในส่วนของ PV นั้น เพลงทั้งหมดทั้งหมดจะเป็นเวทีคอนเสิร์ติแบบกว้างๆ ให้หนูมิกุมาเต้น    ซึ่งมันก็มีข้อดีอย่างที่บอกเมื่อกี้ว่าเราสามารถ Custom stage เลือกเวทีใน Free Play mode ได้   ข้อเสียคือมันไม่ได้อารมณ์ PV เหมือนเพลงในภาคเก่าๆ  เช่นเพลง Hello, Worker และ Two Breaths Walking (二息歩行)    คือแบบว่าให้อารมณ์เหมือนกำลังเต้นในคอนเสิร์ตมากกว่า

อื่นๆ

- ในส่วนของเกมเพลย์ภาคนี้เพิ่มโน้ต Rush รัวปุ่มเหมือนเกมตีกลอง แต่ถ้าโน้ตไม่แตกก็ไม่เป็นไรนะ มีผลแค่คะแนนที่ได้
- Edit mode ก็ดูเหมือนว่าเอาเพลง MP3  Import มาใส่ในเกมไม่ได้แล้วนะ 

สรุป

- เพลงน้อย (แต่เพราะมุ้งมิ้งดีนะ)

- PV ออกแนวเต้นบนเวทีคอนเสิร์ต

- ยัดเยียด Live Quest Mode กับคนเล่น  ทำระบบเกมให้ยุ่งยากขึ้นกว่าเก่า 

- ตัดฟีเจอร์หลายๆ ที่มีในภาคที่แล้วออกไป