Final Fantasy XIV: Heavensward สกิลของอาชีพเก่าใหม่ จะเป็นอย่างไรบ้างมาดูกัน
จากงาน Letter from the Producer Live part XXI ที่ผ่านมา ทีมงานเกม Final Fantasy XIV ได้เปิดเผยข้อมูลสกิลใหม่ ๆ ที่จะมาให้ใช้กันใน Expansion ต่อไปของเกมที่ชื่อ Heavensward สรุปรายละเอียดของแต่ละอาชีพได้ดังนี้ครับ
Paladin:
- สกิลคอมโบใหม่นอกจาก Savage Blade และ Riot Blade ท่าใหม่นี้จะโจมตีเป็น DoT (Damage over time) ทำให้การเล่นคอมโบขณะเป็น Main Tank หรือ Off Tank หลากหลายขึ้น (เดิมมีท่าหากินอยู่คอมโบเดียว...)
- สกิลใหม่ "Divine Veil" สร้างบาเรียที่เป้าหมายระยะเวลาหนึ่ง ขณะนั้นหากเป้าหมายได้รับเวทย์ฟื้นพลัง จะทำให้สมาชิกรอบเป้าหมายได้รับบาเรียด้วย
- มีการเพิ่มความสามารถด้านการใช้โล่ป้องกันการโจมตีมากกว่าเดิม
- นอกจากนี้จะยังเสริมความสามารถด้านการป้องกันที่ส่งผลให้ปาร์ตี้ด้วย
Warrior:
- สกิลใหม่ "Deliverance" เป็น stance ใหม่สำหรับใช้โจมตี โดยขณะใช้จะสามารถสะสม stack ของบัฟใหม่ที่เรียกว่า Abandon ได้ด้วย เมื่อเปลี่ยน stance เป็น Defiance บัฟ stack เดิมจะคงอยู่ สามารถสลับบัฟ Wrath-Abandon ได้ โดยสกิลที่ใช้ stack ของ Abandon มีสกิลที่ใช้ฟื้น HP ตัวเองอยู่ด้วย
- สกิลใหม่ "Raw Intuition" รับการโจมตีที่มาจากด้านหน้าแบบ parry 100% แต่การโจมตีที่มาจากด้านข้างหรือด้านหลังจะกลายเป็น Critical Hit ทั้งหมด
Dark Knight:
- สกิล Darkside เป็น stance สำหรับโจมตี โดยขณะใช้จะโจมตีได้รุนแรงขึ้น แต่จะกิน MP ไปเรื่อย ๆ และไม่สามารถรับผลที่ช่วยฟื้นฟู MP จากปาร์ตี้ได้ ทั้งนี้จะมีสกิลที่ใช้สำหรับฟื้นฟู MP ตนเองอยู่ จึงควรบริหาร MP ให้ดี
- สกิล Grit เป็น stance สำหรับป้องกัน ก็มาตรฐานสกิลสำหรับแทงค์คือทำให้โจมตีแล้วสร้าง enmity ได้มากขึ้น ใน stance นี้จะสามารถฟื้นฟู MP จากปาร์ตี้ได้แล้ว ฉะนั้นการสลับไปมาระหว่าง stance จึงเป็นสิ่งสำคัญตามสถานการณ์
- สกิล Living Dead ท่าสำหรับรับการโจมตีหนัก ๆ คล้ายสกิล Holmgang ของ Warrior
- อาชีพนี้ไม่มีสกิลโจมตีระยะไกลจำพวกปาโล่ปาขวานปาหอกเหมือนอาชีพอื่น แต่จะมีสกิลที่กระโดดเข้าไปทั้งตัวเลย
- อาชีพ Dark Knight สามารถครอสสกิลจาก class Gladiator และ Marauder มาใช้ได้
Monk:
- ตามมาตรฐานวิธีเล่นอาชีพนี้ก็คือการเลี้ยงบัฟ Greased Lightning III เอาไว้ ความสามารถใหม่นี้สามารถนำบัฟตรงนี้มาใช้ได้ เช่นในกรณีที่ไม่สามารถโจมตีหรือทำอะไรเพื่อเลี้ยงบัฟเอาไว้ ก็นำบัฟนี้ไปใช้กับสกิลอื่นก่อนได้ ดีกว่าปล่อยให้บัฟหายไปเปล่า ๆ
- ระบบใหม่ Chakra โดยสามารถสะสมได้ 5 stacks และนำ stack เหล่านี้มาใช้โจมตีอย่างรุนแรง หรือใช้ฟื้นฟู TP ก็ได้ โดย Chakra นี้สามารถนำมาใช้คอมโบร่วมกับ Greased Lightning III เพื่อทำดาเมจได้อีกด้วย
Dragoon:
- สกิลใหม่ "Blood of the Dragon" ที่จะทำให้สามารถต่อคอมโบ Thrust ท่าที่ 4 ได้
- แต่จะมีสกิลโจมตีที่รุนแรงอื่น ที่ทำให้ผลของ Blood of the Dragon หายไปด้วย
- มีการปรับปรุงอนิเมชันของท่า Jump (อีกแล้ว)
Ninja:
- นินจาไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากเป็นพิเศษ
- เพิ่มสกิลที่ทำให้ยืดระยะผลของ Huton ทำให้สามารถไปใช้คาถานินจาอื่น ๆ เพื่อทำดาเมจเพิ่มได้
- มีสกิลใหม่ที่ใช้สำหรับช่วยจัดการ Enimity ในปาร์ตี้ได้ นับว่าเป็นประโยชน์กับแทงค์ในทีมมากในยามที่ Enmity ในทีมกำลังรวน
- เพิ่มท่าโจมตีที่ขึ้นกับทิศทางแบบอาชีพอื่น ๆ เพราะตอนนี้การโจมตีของนินจาค่อนข้างอิสระเกินไป
Bard:
- เพลงใหม่ "The Wanderer’s Minuet" เพลงนี้จะพิเศษกว่าเพลงอื่น ๆ ที่สามารถใช้ทับกับเพลงอื่นได้ เพลงจะยกเลิก auto-attack และโจมตีอย่างรุนแรงด้วยการชาร์จยิงแทน โดยการชาร์จยิงนี้จะมีหลอดร่ายด้วย นั่นคือจะไม่สามารถวิ่งไปชาร์จยิงไปในขณะใช้เพลงนี้ เพลง The Wanderer’s Minuet ไม่ใช้ MP เหมือนเพลงอื่น ๆ
- สกิลใหม่ "Sidewinder" เป็นท่าโจมตีที่เพิ่มประสิทธิภาพของ DoT จากสกิลก่อนหน้าที่ใช้สกิลนี้
Machinist:
- โรลของอาชีพนี้จะคล้ายกับ Bard แต่วิธีการเล่นและหลักการต่างกันค่อนข้างมากเลยทีเดียว
- สกิล Reload เมื่อใช้จะได้ 5 stack ของ ammunition (กระสุนปืน) การบริหารจังหวะการใช้กระสุนและรีโหลดจึงเป็นสิ่งสำคัญ การรีโหลดไม่จำเป็นต้องรอให้กระสุนหมด สามารถโหลดกระสุนขณะที่มีอยู่แล้วเพื่อเพิ่มพลังโจมตีได้อีกด้วย
- นอกจากนี้ยังมีสกิล Quick Reload ที่จะโหลดกระสุนเพียงหนึ่งนัด ไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน
- สกิลต่าง ๆ ก็จะมีรูปแบบการใช้งานร่วมกันแบบต่าง ๆ เช่น ยิงนัดที่ 1 เพิ่มโอกาสบูสต์ให้นัดที่ 2 แล้วยิงนัดที่ 2 ก็จะเพิ่มโอกาสบูสต์ให้นัดที่ 3 เป็นต้น
- นอกจากนี้ยังมีสกิลอื่น ๆ เช่น Wildfire ที่ชาร์จแล้วแล้วโจมตีออกไปอย่างรุนแรง หรือปล่อย Turret ที่ส่งผลต่อปาร์ตี้ เป็นต้น
Black Mage:
- สกิลใหม่ "Ley Lines" วางวงเวทย์ลงที่พื้น ทำให้ได้สถานะ Haste เมื่ออยู่ในวงนี้ สามารถเคลื่อนที่อยู่ในวงนี้ได้ แต่หากออกนอกวง วงเวทย์นี้จะหายไป
- สกิลใหม่ "Sharp Cast" ทำให้เวทย์ต่อไปที่ใช้จะติด Proc แน่นอน 100% (เวทย์ Fire และ Thunder)
- สกิล ใหม่ "Enochian" เรียนเมื่อเลเวล 60 เมื่อใช้จะได้บัฟเป็นระยะเวลา 30 วินาที ในระยะบัฟนี้หากมีสถานะ Astral Fire หรือ Umbral Ice อยู่จะสามารถทำให้ใช้เวทย์ Fire IV หรือ Blizzard IV ได้ และระยะเวลาของบัฟสามารถขยายออกไปได้เมื่อใช้ Blizzard IV แต่ระยะเวลาบัฟต่อไปจะลดลงทีละ 5 วินาที (30, 25, 20...)
Summoner:
- Summoner มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก จะสามารถยัดเวทย์ Bio, Bio II และ Miasma ได้ในครั้งเดียว โดยการแลก stack ของ Aetherflow รวมถึงสกิลใหม่ที่จะได้ตอนเลเวล 60 จะทำให้ rotation ของการเล่นเปลี่ยนไปแน่นอน
- สกิล Tri-Disaster เดิมเปลี่ยนชื่อเป็น "Tri-Bind" เพราะความสามารถเดิมไม่เข้ากับชื่อ ขณะที่ "Tri-Disaster" จะเป็นสกิลใหม่ที่ใช้สำหรับยัดเวทย์ DoT สามเวทย์ที่กล่าวไว้ข้างต้นนั่นเอง
- ทีมงานตัดสินที่จะยังไม่เพิ่ม egi ในเวลานี้ แต่เลือกที่จะเพิ่มแนวทางการเล่นด้วยการเพิ่มสกิลก่อน แต่กระนั้นทีมงานก็มีแผนจะให้ผู้เล่นสามารถปรับแต่งรูปร่าง egi รวมถึง Carbuncle ของตัวเองได้
- สกิลใหม่ "Dreadwyrm Trance" สืบเนื่องจาก rotation ปัจจุบันของอาชีพนี้คือ ระหว่างรอ Aetherflow คูลดาวน์ 60 วินาที 30 วินาทีแรกใช้ไปกับสกิล DoT จากนั้นก็รอเฉย ๆ อีก 30 วินาที ในช่วงหลังนี้เองเป็นแนวคิดให้เกิดสกิลนี้ โดยผลของสกิลคือการอัญเชิญพลังของ Bahamut ผู้เล่นจะสามารถสะสม stack ของ Bahamut Aether เพื่อใช้ในสกิลต่าง ๆ ได้
White Mage:
- เนื่องด้วย White Mage คืออาชีพที่ออกแบบมาสำหรับฮีลโดยเฉพาะ สกิลใหม่ ๆ จึงมาช่วยหนุนจุดนี้มากยิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มสกิลบางส่วนมาอุดในส่วนที่ขาด
- สกิลใหม่ "Asylum" สร้างพื้นที่ฟื้นฟูพลังให้กับสมาชิกปาร์ตี้ที่อยู่ในพื้นที่นี้
- สกิลใหม่ "Assize" สกิลที่ใช้ฟื้นฟูพลังและโจมตีได้ในเวลาเดียวกัน
- เพิ่มท่า instant heal นอกจาก Benediction แต่จะเป็นเวอร์ชันที่ฮีลเบาลง
- เพิ่มเวทย์ Stone III และ Aero III เป็นเวทย์โจมตีหลักและสำหรับทำ DoT
- เดิมมีเพียง White Mage เท่านั้นที่สามารถใช้ Protect แบบเพิ่มพลังป้องกันเวทย์มนต์ได้ การมาของฮีลเลอร์อาชีพที่สาม จึงมีการปรับสมดุลจุดนี้ให้อาชีพอื่น ๆ ก็ใช้ Protect ได้เต็มประสิทธิภาพได้เช่นกัน
Scholar:
- สกิลใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามาเน้นการวางแผนจังหวะการใช้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะในการสู้บอส ฉะนั้นในการลุยดันเจี้ยนจึงอาจจะเห็นความเปลี่ยนแปลงไม่มาก
- สกิลใหม่ "Idomitability" สกิลใหม่ที่จะช่วยเสริมให้ Scholar ฮีลหมู่ได้ดีกว่าเดิม จากเดิมทีอาชีพนี้ค่อนข้างจะอ่อนเรื่องการฮีลหมู่
- สกิลใหม่ "Deployment Tactics" ท่านี้จะขยายเอฟเฟคของ Adloquim กับ Eye for an Eye จากเป้าหมายไปให้กับเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ในระยะด้วย
- สกิลใหม่ "Emergency Tactics" ผลของ Adloquium จากบาเรียจะเป็นเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟู HP แทน
- สกิลใหม่ "Dissipation" สละแฟรี่เพื่อเสริมพลังเวทย์มนต์
Astrologian:
- พื้นฐานของอาชีพนี้จะมี 2 stance คือ "Diurnal Sect" (Tsukiyomi - อ่านจันทรา) และ "Nocturnal Sect" (Hoshiyoshi - อ่านดารา) แบบแรกคือเน้นฮีลแบบ White Mage แบบหลังเน้นฮีลและบาเรียแบบ Scholar
- Astrologian will have a high barrier move, similar to what you may have seen from Y’shtola.
- สกิลต่าง ๆ ที่ใช้ ผลที่ได้จะต่างกันออกไปตาม stance ที่ใช้อยู่ ฉะนั้นการเล่นจึงควรฝึกให้เชี่ยวชาญ stance อันใดอันหนึ่งก่อน แล้วจึงฝึกอีกอย่างหนึ่ง
- ตัวอย่างสกิล จะมีสกิลบาเรียแบบที่ Y’shtola ใช้ในเนื้อเรื่องด้วย
- การจั่วไพ่จะเป็นแบบสุ่ม ผลที่จากการ์ดแต่ละใบก็จะต่างกันออกไป มีตั้งแต่เสริมพลังโจมตี เพิ่มสถานะ Haste รวมถึงลดดาเมจ
- หากจั่วได้ไพ่ใบที่ไม่ต้องการ มีสกิล Royal Road ที่ส่งไพ่นั้นคืนสำรับ แล้วเสริมความสามารถให้ไพ่ใบต่อไปที่จะจั่วขึ้นมา
- นอกจากนี้ยังมี Shuffle ส่งไพ่ใบที่จั่วมานั้นกลับเข้ากอง แล้วจั่วใบใหม่แทน นับเป็นอาชีพที่สนุกตรงที่ต้องวางแผนการใช้ไพ่แต่ละใบที่จั่วขึ้นมาในสถานการณ์ต่าง ๆ
Final Fantasy XIV: Heavensward มีกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 23 มิถุนายนนี้ และสำหรับผู้ที่ pre-order จะได้รับสิทธิ์ early access ตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน
Related News
Popular News
แสดงความคิดเห็น