เกริ่นนำ
“เปรี้ยง” พลันเสียงปืนจาก กัฟรีโล ปรินซีป ลั่นขึ้นและกระสุนทะลุพระศอของ อาร์ชดยุก ฟรันซ์ แฟร์ดีนันด์ แห่งออสเตรีย ผู้เป็นมกุฎราชกุมารแห่งจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1914 จนพระองค์สิ้นพระชนม์ ณ เมืองซาราเยโว ก็เสมือนเอาเข็มไปทิ่มลูกโป่งของรัฐชาติต่างๆในยุโรปที่ถูกอัดไว้ด้วยแสงยานุภาพของสรรพาวุธนานาที่สะสมไว้จากพลังปฏิวัติอุตสาหกรรมและการค้าสมัยใหม่พร้อมกับกระแสการล่าอาณานิคมไปทั่วโลก พร้อมจะห่ำหั่นรัฐชาติเพื่อนร่วมทวีปกันให้ระเบิดออกจนกลายเป็นมหาสงครามแพร่ขยายไปทั่วโลกที่เรารู้จักในทุกวันนี้ว่า “สงครามโลกครั้งที่ 1” (หรือรู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า the Great War)
และแล้ว กระแสแห่งความขัดแย้งแพร่ลามไปอย่างรวดเร็ว รัฐชาติต่างๆต่างทะเลาะวิวาท แบ่งฝักฝ่ายผ่านระบบการทูตอันซับซ้อน กลายเป็นฝ่ายสัมพันธมิตรที่มีตัวละครหลักจักรวรรดิอังกฤษกับสาธารณรัฐฝรั่งเศสกับฝ่ายมหาอำนาจกลางที่นำโดยจักรวรรดิเยอรมัน
กระแสแห่งความขัดแย้งของผู้นำของแต่ละรัฐชาติต่างส่งผลกระทบต่อทุกสิ่งในชาติของตัวเอง รัฐชาติต่างรณรงค์การศึกเกณฑ์ราษฎรเข้าร่วมกองทัพเป็นทหารสู่แนวหน้าที่เต็มไปด้วยหลุมสนามเพลาะ ห่ากระสุนทั้งปืนเล็กและใหญ่ เพื่อฆ่าฟันกันอย่างโหดเหี้ยมกับมนุษย์ด้วยกันทั้งที่อาจไม่รู้จักที่ถูกเกณฑ์เข้าร่วมกองทัพของอีกชาติเช่นกัน เพียงเพราะถูกตราหน้าว่าเป็นอริราชศัตรูของชาติตน
กระแสแห่งความขัดแย้งมินำพาเห็นแก่มนุษย์หน้าไหนๆ มันพัดพาตัวเองไปถึงครอบครัวเล็กๆในชนบทของฝรั่งเศส ที่มีเอมิลชาวนาชาวฝรั่งเศสผู้ชีวิตเรียบง่ายลงแรงทำนากับคาร์ลลูกเขยเยอรมันที่แต่งงานกับมารีลูกสาวของตนจนมีทายาทตัวน้อยนามวิคเตอร์ เมื่อถึงคราฝรังเศสประกาศสงครามกับเยอรมัน พลเมืองเยอรมันในฝรั่งเศสกลายเป็นบุคคลไม่พึงประสงค์ของทางการและส่งเจ้าหน้าที่มาพาตัวคาร์ลพรากจากมารีและวิคเตอร์ที่ยังแบเบาะตามธรรมเนียมประเทศคู่สงคราม อนิจจา กระแสแห่งความขัดแย้งมินำพาสิ่งใดๆ มินำพากับทารกที่มิรู้เดียงสา มินำพากับภรรยาที่ร้องไห้โศกเศร้าสุดหัวใจ มินำพาแก่เอมิลพ่อตาที่ร่วมลงแรงในท้องนา กระชากครอบครัวเล็กๆออกจากกันเพียงเพราะต่างเชื้อชาติที่ต่างกัน
กระแสแห่งความขัดแย้งยังไม่หยุดยั้งนำพาโชคร้ายสู่ครอบครัวเล็กๆนี้ เอมิลถูกหมายเกณฑ์เข้ากองทัพแห่งฝรั่งเศส มารีถูกพรากจากบิดาที่ตนเองรักสู่แนวรบอีก นี้คือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยของคนเล็กๆที่มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ 4 คน เอมิลชาวนาที่ถูกเกณฑ์สู่กองทัพฝรั่งเศส, คาร์ลผู้เป็นลูกเขยที่ถูกผลักไสจากครอบครัวสู่กองทัพเยอรมัน, เฟรดดี้ทหารอเมริกันผู้กล้าหาญ และแอนนาชาวเบลเยี่ยมผู้อารีย์ที่รักษามนุษย์ที่บาดเจ็บทุกผู้ทุกหน้าที่พบเจอ คนเล็กๆทั้งสี่ที่จะมาถ่ายทอดมุมมองความโหดร้ายอย่างเหลือเชื่อของสงคราม ที่มนุษย์จะห่ำหั่นมนุษย์ด้วยกันด้วยอาวุธต่างๆอย่างมิปราณี ด้วยหัวใจที่ยิ่งใหญ่...ด้วยสายความผูกพันของครอบครัว...ด้วยความรัก...ด้วยความกล้าหาญ...และด้วยความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์แม้ในยามที่ลำบากถึงที่สุด
ภายใต้ผลงานจาก Ubisoft Montpellier ที่ชื่อว่า Valiant Hearts: The Great War
(จะพยายามแตะเนื้อหาของเรื่องให้น้อยที่สุดนะครับ ค่อยข้างมั่นใจว่าไม่ส่งผลต่ออรรถรสในการเล่นนัก และการรีวิวนี้เล่นเกมส์ในเวอร์ชั่น PS4 ส่วนภาพประกอบขอยกมาจากเว็บต่างๆในอินเตอร์เนต เนื่องจากขี้เกียจแคป :P ตัวเกมส์มีวางจำหน่ายสำหรับ PlayStation 3, PlayStation 4, PC, Xbox 360, Xbox One, iOS และ Android)
ภาพและเสียง
เกมส์ถูกรังสรรค์ขึ้นภายใต้เอนจิ้นเดียวกับ UbiArt Framework ที่เคยอยู่เบื้องหลังเกมส์ภาพ 2 มิติงามๆอย่าง Rayman Origins, Rayman Legends และ Child of Light ซึ่งเป็นผลงานของ Ubisoft Montpellier ที่ผ่านมาเช่นกัน ดังนั้น จึงหมดห่วงเรื่องความงามและความละเอียดของภาพ เกมส์นำเสนอด้วยภาพการ์ตูน 2 มิติคุณภาพสูง ดูเข้ากันกับองค์ประกอบศิลป์โดยรวม ที่มีการซูมเข้าออกของภาพว่าใกล้หรือไกล หรือการตัดภาพเหตุการณ์ในเกมส์ ในสีโลกหม่นๆของสงคราม ไม่ค่อยหลุดภาพแตกๆให้เห็น (ซึ่งถ้ามีก็ถูกกลบด้วยการเบลอภาพเรียบร้อยดี) จริงๆมีกราฟฟิคแบบ 3 มิติปะปนมาอย่างเนียนๆด้วยเทคนิคเชลเชดมิขัดหูขัดตาแต่อย่างใด
แม้การนำเสนอจะพยายามไม่ให้ภาพดูออกมาในลักษณะสยดสยองหรือ Gore มากนัก (ถึงจะมีภาพของศพที่หัว แขน ขา ฉีกขาด รวมถึงเลือดบ้างก็ตาม) แต่มันไม่ได้หมายความว่าจะสื่อความโหดร้ายของสงครามออกมาได้ ตรงกันข้าม ภาพของศพทหารที่กองเกลื่อนในสนามรบ โดย ผมกลับรู้สึกได้ถึงความโหดร้ายของสงครามได้จริงๆ
ด้านเสียง ดนตรีในเกมส์ก็เป็นไปในแนวเดียวกับภาพได้ดี บางช่วงมีการใช้ดนตรีคลาสสิคที่เรารู้จักกันดีประกอบการเล่น ซึ่งใครรู้จักอาจเป็นประโยชน์ในการเล่นและเพิ่มอรรถรสความเพลิดเพลินอีกนิดหน่อยอย่างฉากการขับรถหลบสิ่งกีดขวางของแอนนา นอกจากตรงนี้ผมอาจบอกอะไรได้ไม่มากเพราะไม่ได้ใช้เครื่องเสียงเทพแต่อย่างใด อาศัยเพียงหูฟังกากๆเสียบจากจอย PS4 นี่ละ นอกจากนี้คงต้องขอละไว้นะครับ
เกมเพลย์และเนื้อเรื่อง
ถึงจะเป็นเกมส์เกียวกับสงคราม แต่แทบไม่มีการยิงปืนหรือการต่อสู้เลย เนื้อแท้คือเกมส์ Puzzle เป็นหลักผสมการผจญภัยเกมส์หนึ่งนั้นเอง ซึ่งว่ากันจริงๆ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยยากเท่าไหร่พอผ่านไปได้เรื่อยๆ ซึ่งก็ทำมาค่อนข้างดี และสุนัขสงครามพันธุ์ Doberman pinscher ที่ได้พบคือเจ้าวอล์ทก็เป็นส่วนสำคัญในการเล่นอย่างมากเป็นระยะๆ ที่สำคัญผมว่าเจ้าวอล์ทถูกวาดออกมาพร้อมกับอากัปกริยาน่ารักมากเลย คนรักหมาต้องชอบแน่ๆ (ตาแบ้วมาก พอเกาพุงก็ร้องหงิงๆอย่างพึงใจ >W<)
แต่เมื่อผสมกับเนื้อเรื่องและการดำเนินเรื่องที่คิดมาอย่างดี มันทำให้ฉาก 2 มิตินำเสนอสิ่งต้องการออกมาได้อย่างยิ่งใหญ่ ได้เห็นสงครามที่ดุเดือดจริงๆ ได้สัมผัสถึงโศกนาฏกรรมที่เศร้าสร้อยและความสับสนจากการพลัดพรากและความตายของคนที่รัก ทั้งยังมีข้อเท็จจริงของประวัติศาสตร์ของเนื้อเรื่องในช่วงนั้นๆให้อ่านและไอเท็มลับให้เก็บสะสมไปตามทางสำหรับคนชอบค้นหา ซึ่งผมอยากให้มีโอกาสได้อ่านสิ่งเหล่านี้ไปพร้อมกันกับการเล่น เพราะทำมาดีจริงๆ ทำข้อมูลมาแน่นเปรี้ยะแต่ก็สรุปมาอย่างไม่ยืดยาว ไอเท็มลับที่เก็บได้ต่างมีที่มาจากประวัติศาสตร์จริงๆ ไม่ก็เป็นจดหมายของคนที่อยู่ในสงคราม สิ่งต่างๆต่างขับเน้นประสบการณ์ที่ได้รับจากเกมส์นี้อย่างน่าประทับใจ
ยกตัวอย่าง เช่น ข้อเท็จจริงจากผลของสงครามที่สร้างบาดแผลและการสูญเสียอวัยวะของผู้ที่โชคร้ายไปมากมาย การใช้อาวุธเคมีประหัตประหารกันจากใช้แก๊สคลอลีนที่เผาปอดของผู้ที่สูดดมเข้าไปให้ตายอย่างทุกข์ทรมาน หรือไอเท็มลับที่เก็บได้อย่างบัตร "แม่ทูนหัวสงคราม" ที่ทางการฝรั่งเศสใช้เป็นโยบายเพื่อขวัญกำลังใจแก่ทหารหาญที่กำพร้าไม่ให้รู้สึกโดดเดี่ยวในแนวหน้าของสงคราม แต่ให้รู้สึกเหมือนยังมีแม่ผู้ห่วงใยจากแนวหลังอยู่ บ้างก็พบจดหมายจากทหารของเยอรมันนายหนึ่งที่ตั้งใจส่งถึงคนที่เขารัก (แต่คงไปไม่ถึง) บรรยายถึงความงามระหว่างการเดินทางไปยังสมรภูมิว่านั้นคือนั้นสิ่งที่ทำให้การเดินทางไปสงครามของเขานั้นดูรื่นรมณ์ หาใช่การฆ่าฟันคนแปลกหน้าที่ทำไปด้วยความจำเป็นและภาระหน้าที่ของเขาไม่ เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้ค่อยๆขับเสริมประสบการณ์ที่ได้รับให้ตราตรึง และสะพรึงถึงความน่ากลัวของสิ่งที่เรียกว่าสงครามไปเรื่อยๆ แต่อารมณ์ขันในเกมส์ก็ยังพอมีใส่ไปให้มีรสชาติอื่นๆอยู่ไม่มากไม่น้อยไปอย่างมีชั้นเชิง บ้างก็ประชดประชันรสนิยมของแต่ละชาติ เช่น มุกคนฝรั่งเศสเขมือบบาร์แกตพลางซดไวน์ หรือนายทหารเยอรมันจิบไวน์ในท่าทางเชิงประชดประชันพลางสั่งเชลยให้รีบต้มไส้กรอกมาเสิร์ฟโดยไว เป็นต้น ดังนั้น อรรถรสจากการเสพสิ่งเหล่านี้ ผมไม่อยากให้ใครที่ได้สัมผัสเกมส์นี้พลาดไป ไม่เช่นนั้น มันคงเป็นเกมส์ Puzzle ภาพ 2 มิติสวยๆเกมส์หนึ่ง
สรุป
เท่าที่เล่นเกมส์มา มีน้อยเกมส์มากที่จะพูดถึงสงครามโลกครั้งที่ 1 แถมเกมส์ที่เกี่ยวกับสงครามก็เป็นแนวต่อสู้ประลองกันซะส่วนใหญ่ แต่ถ้าจะว่ากันตรงๆ เกมส์นี้ได้นำเสนอทั้งความบันเทิงจากการเล่น อารมณ์และความประทับใจจากเนื้อเรื่อง (แม้จะค่อนข้างวาดฝั่งเยอรมันเป็นวายร้างบ้าง ก็แน่ละ ทีมผู้พัฒนาเกมส์เป็นคนฝรั่งเศสนินะ) และความรู้ในข้อเท็จจริงข้อประวัติศาสตร์ ถือเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจากการเล่นเกมส์นี้ ถึงกับทำให้ผมลุกขึ้นอยากเขียนรีวิวถึงเกมส์นี้ แม้ข้อเสียอาจจะมีบ้าง อย่าง Replay Value ที่ไม่ค่อยมีนัก จบแล้วจบเลยยกเว้นจะย้อนไปเก็บไอเท็มลับต่างๆ
มันทำให้สัมผัสถึงสิ่งที่ผู้พัฒนาเกมส์นี้อยากบอกแก่โลกอย่างชัดเจนว่า
"ขอให้โลกนี้ไม่มีสงคราม"
9/10
ส่วนตัวผมยังไม่จบเลย เจอบัคเซฟหายไป2รอบ พอเลยครับ อย่างที่ว่าแหละreplay valueไม่มี ให้มาเล่น2-3รอบผมไม่ไหวอ่ะ แต่เกมสนุกจริง เคสผมนี่คงเรียกโคตรซวย
ชาว พระเอก สิ่งที่ทำมันผิดทางทหาร แต่ มันเป็นสิ่งที่ถูกทางมโนธรรม