Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
Mockingjay Part 1 Movie Review by FallsDownz

<<
<
1
Reply
Vote
# Thu 20 Nov 2014 : 7:15PM

FallsDowns
staff

Since 12/6/2011
(4906 post)
The Hunger Games : Mockingjay Part 1 Movie Review



"Mockingjay Part 1 ยังคงเป็นภาพยนตร์ในชุด The Hunger Games ที่เราหลงรักและชื่นชอบ แต่การหั่นมันออกมาเป็นสองตอนดูเหมือนจะกระทบตัวภาพยนตร์มากกว่าแค่ต้องรอ Part 2 อีกหนึ่งปี"

บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz


The Hunger Games ณ ตอนนี้ก็เรียกได้ว่ากลายเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่มีต้นแบบมาจากนวนิยายและประสบความสำเร็จไปทั่วโลกอย่างไม่ต้องสงสัย คล้ายๆกับ Harry Potter หรือ Twilight ที่ทั้งสองเรื่องหลังก็จบลงไปกันเรียบร้อยแล้ว มันเป็นภาพยนตร์ชุดที่เรียกได้ว่าฮิตขนาดกลายเป็นกระแสอะไรบางอย่างที่วัยรุ่นทั่วโลกจะต้องพร้อมใจกันจับมือไปดูถ้าหากไม่อยากคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่องในวันรุ่งขี้นเลยทีเดียวเชียว

ซึ่งในคราวนี้ตัวภาพยนตร์ชุดนี้ก็ได้ก้าวมาสู่ภาคที่สาม ซึ่งตามหนังสือควรจะเป็นภาคสุดท้ายอย่าง Mockingjay นั้นเอง แต่แน่นอนว่าตัวภาพยนตร์ก็อดไม่ได้ที่จะต้องตามเทคนิคทางการตลาดที่กำลังฮอตฮิตในขณะนี้ด้วยการหั่นเป็นสองตอน Part 1 กับ Part 2 แบบ Harry Potter and the Deathly Hallows หรือ Twilight Saga Breaking Dawn ซึ่งการทำเช่นนี้ใน Mockingjay ดูเหมือนจะกระทบตัวภาพยนตร์มากกว่าที่คาดคิดเอาไว้พอสมควร

The Hunger Games 3 : Mockingjay Part 1 ว่าเรื่องราวต่อเนื่องจากใน The Hunger Games : Catching Fire แคทนิสได้ทำลายเกมลงในภาคที่แล้ว จึงทำให้เกิดกระแสลุกฮือขึ้นมาอย่างรุนแรง ในขณะที่เธอได้มาอาศัยอยู่ในเขตที่ 13 เธอจึงถูกขอร้องให้มาเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้ของกลุ่มต่อต้านแคปปิตอล ท่ามกลางความกดดันอันใหญ่หลวง สถานการณ์อันรุนแรง และตัวพีต้าที่ถูกแคปปิตอลจับตัวไป แคทนิสจะสามารถผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายนี้ไปได้หรือไม่ ?

Mockingjay Part 1 ต้องพูดก่อนเลยว่าไม่ใช่ภาพยนตร์ที่แย่แต่อย่างใดเลย มันยังคงเป็นภาพยนตร์บทสรุปของ The Hunger Games ที่เราหลายๆคนหลงรักและชื่นชอบ แต่ในเมื่อ Part 1 ก็เป็นจุดเริ่มต้นของภาคจบและภาคสรุปทุกๆสิ่งอย่างแล้ว ผู้เขียนก็คาดหวังเอาไว้ว่ามันจะปูทางไปสู่ Part 2 อย่างประทับใจได้บ้าง ยิ่งโดยเฉพาะในภาค Catching Fire ที่ตัวผู้กำกับฟรานซิส ลอว์เรนซ์ทำผลงานเอาไว้ได้ยอดเยี่ยมมาก ก็ยิ่งทำให้ความคาดหวังสูงยิ่งขึ้นไปอีก

อย่างที่บอกไปแล้วว่าปัญหาที่ผู้เขียนคิดว่าร้ายแรงที่สุดของ Mockingjay Part 1 เลยก็คือ การหั่นหนังสือเพียงเล่มเดียวออกมาเป็น 2 Part ซึ่งมันทำให้การกำกับของตัวฟรานซิส ลอว์เรนซ์เองถูกจำกัดลง จากการที่ตัวเขาเคยเล่าเรื่องอย่างน่าสนใจ น่าตื่นเต้นในภาคก่อนๆ ก็ต้องถูกบังคับให้เล่าช้าลงเนื่องจากมิเช่นนั้นมันจะไปทับเวลาที่จะเอาไปใส่ใน Part 2 พาเอา Part 1 ในครั้งนี้รู้สึกน่าเบื่อและยืดยาดในหลายๆฉากที่ตัวภาพยนตร์พยายามจะยืดเรื่องมากจนเกินไปทั้งๆที่บางทีก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจขนาดนั้น

นอกจากนั้นจุดที่ผู้เขียนรู้สึกได้เลยว่าหายไปและเป็นจุดที่สำคัญมากๆของตัวภาพยนตร์ชุดนี้ก็คืออารมณ์ของการประลองกันในเกมแบบในภาคแรกหรือภาคสอง การประลองหรือ"เกม"ในภาพยนตร์ชุดนี้ เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าทำให้ตัวชุดภาพยนตร์โดดเด่นและแตกต่างออกมาจากภาพยนตร์ที่มีต้นแบบมาจากนวนิยายเรื่องอื่นๆที่คล้ายคลึงกันอย่างเห็นได้ชัด เฉกเช่น Divergent ใช่มันยังคงพูดถึงโลกแบบดิสโธเปีย เสียดสีสังคมและการต่อต้านอยู่เช่นเคย แต่เมื่อ The Hunger Games ได้ใส่เรื่องราวของโลกแห่งเกมเข้ามามันก็ได้ทำให้ตัวมันเองน่าสนใจขึ้นมาอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องราวของการเอาชีวิตรอด ในการเอาใจผู้สนับสนุนนอกเกมเพื่อที่พวกเขาจะได้ส่งของมาให้ในเกม ความเชื่อใจ การทรยศ การเอาชีวิตรอดและโดยเฉพาะการที่ผู้ชมรู้ดีว่าจะต้องมีภัยอันตรายมากระทบตัวละครอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกเอาใจช่วยและตื่นเต้นไปพร้อมๆกับตัวละคร ซ้ำยังด่านต่างๆก็ยังมีลูกเล่นที่น่าสนใจและเพิ่มความเข้มข้นของตัวเกมได้เป็นอย่างดีอีกด้วย นี้เป็นจุดที่ทำให้ภาพยนตร์ชุด The Hunger Games โดดเด่นอย่างแท้จริง ด้วยเกมที่กดดัน จริงจังและเคร่งเครียด ที่ภัยอันตรายจะมาจากทางใดก็ได้ และภัยอันตรายนี้ก็ถูกห่อหุ้มด้วยโลกภายนอกเขตต่างๆและแคปปิตอลที่อันตรายไม่แพ้กันอีกชั้นหนึ่ง

ซึ่งอารมณ์ ความรู้สึกและสิ่งเหล่านี้มันได้หายไปหมดใน Mockingjay Part 1 เหลือเพียงแต่เรื่องราวของการต่อต้าน สงครามและความรักอันสุดแสนจะน่าเบื่อ ซ้ำซาก ทั้งๆที่พูดเลยว่าตัวผู้เขียนไม่เคยประทับใจการเล่าเรื่องในโลกภายนอกเขตต่างๆรวมถึงแคปปิตอลของผู้กำกับฟรานซิส ลอว์เรนซ์เลยตั้งแต่ภาคแรกๆ คือน่าสนใจแต่เทียบอะไรไม่ได้กับตอนที่เขากำกับฉากช่วงที่อยู่ในเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคสองที่การเล่าเรื่องและปูเรื่องในโลกภายนอกดูจะเป็นจุดอ่อนแอที่สุดของภาค แล้วเมื่อใน Mockingjay Part 1 มันถูกยัดเข้ามาเต็มๆ 2 ชั่วโมงแบบตัดเรื่องราวของเกมออก มันก็เหมือนการเอาเปลือกนอกของผลไม้ที่ไม่สำคัญเท่ากับเปลือกในมาให้เรารับประทานแทนที่จะให้เนื้อในที่ทำให้ตัวผลไม้เอร็ดอร่อยและน่าทานอย่างแท้จริงมาให้

ถึงกระนั้นก็ตามตัวนักแสดงนำอย่างเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ก็ยังคงรับบทแคทนิส เอเวอร์ดีนได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเคยถึงแม้ว่าตัวบทอาจจะไม่ได้ดีซักเท่าไรนักก็ตาม และโดยเฉพาะในภาคนี้ที่แฟนๆหลายคนก็คงจะจับตานักแสดงอย่างฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟฟ์แมนมากเป็นพิเศษ เนื่องจากเขาซึ่งเป็นนักแสดงมากฝีมือคนหนึ่งในโลกได้จากพวกเราไปแล้วในต้นปีที่ผ่านมานี้ ยังถือว่าเป็นที่โชคดีของตัวผู้สร้างที่ในช่วงนั้นตัวภาพยนตร์ Part 1 ได้ถ่ายทำในส่วนของเขาจบลงไปแล้ว เราก็คงจะต้องมาดูกันอีกทีว่าใน Part 2 จะกระทบต่อตัวภาพยนตร์มากน้อยแค่ไหน คาดว่าก็อาจจะต้องใช้เทคนิคดิจิตอลเข้าไปแทนที่กันไป


ในท้ายที่สุด The Hunger Games 3 : Mockingjay Part 1 ก็ยังคงเป็นภาพยนตร์ในชุด The Hunger Games ที่เราหลงรักและชื่นชอบ แต่การหั่นมันออกมาเป็นสองตอนดูเหมือนจะกระทบตัวภาพยนตร์มากกว่าแค่ต้องรอ Part 2 อีกหนึ่งปี ด้วยบทส่วนที่ถูกหั่นออกมาทั้งซ้ำซากจำเจและไม่น่าสนใจ ส่วนการกำกับของฟรานซิส ลอว์เรนซ์เองก็อืดอาดยืดยาดจนจะพาหลับ ยังไงก็ตามนี้ก็ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่แฟนๆไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ถึงกระนั้นผู้เขียนก็คงได้แต่หวังว่าใน Part 2 ทุกอย่างจะลงตัวและจบลงได้อย่างสวยงามมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้

Final Score : [ B ]


ติดตามบทวิจารณ์ใหม่ๆในอนาคต และอัพเดทข่าวหรือตัวอย่างวงการภาพยนตร์/เกมได้ที่แฟนเพจเลยครับผม :)
[Link]
[Link]


# Sat 22 Nov 2014 : 4:21PM

St.Valentinus
member
ลามกมากค่ะ
Since 8/3/2006
(14728 post)
ผมว่าหนังใช้ได้นะครับ แต่ส่วนตัวคิดว่าดร็อปจากภาค 2 ไป แต่ก็คงเพราะไม่มีเกมแล้วด้วย

แต่อย่างว่า จะบอกว่าเพราะอย่างนั้นก็ไม่ถูกนัก เพราะเกมมันถูกทำลายไปแล้ว แถมภาคนี้ธีมมันแนวปลุกระดมมากกว่า

ปล. ตอนแคตนิสร้องเพลงนี่ขนลุกมากครับ ทั้งตอนในเรื่องทั้งเนื้อเพลงเลย กลับมาต้องมาหาเปิดฟังซ้ำอีก
[Edited 1 times St.Valentinus - Last Edit 2014-11-22 16:21:37]

# Sat 22 Nov 2014 : 4:31PM

ArcherAi
member

Since 29/12/2006
(15455 post)
Part1 นี่ทำมาเพื่อปูเรื่องจริงๆ... เลยไม่ค่อยมีจุดพีคยันตอนจบ... Part2 น่าจะจัดเต็มมั้ง

# Sat 22 Nov 2014 : 6:11PM

toranin
member

Since 19/8/2008
(10420 post)
ฮังเกอร์เกมส์ก็คือตอนที่บุกถล่มแคปิตอลครับ ถือว่าเป็นฮังเกอร์เกมส์ของจริง ครั้งแรกที่แคทนิสอาสาเปรียบเหมือนสอบกลางภาค ตอนกลับไปเล่นครั้งที่สองที่ถล่มสนามแข่งเปรียบเหมือนสอบไล่ ตอนบุกไปถล่มแคปิตอลคือสอบของจริง สอบใหญ่เพื่อจบการศึกษา

แต่หนังมันถูกหั่นออกเป็นสองภาค อารมณ์มันก็เลยหายไป และผมไม่รู้ว่ามันจำเป็นต้องหั่นหนังออกเป็นสองภาคไหม ?
คำตอบน่าจะเป็นเรื่อง


# Sat 22 Nov 2014 : 10:51PM

Wisut Lone-Wolf
member

Since 10/4/2011
(3013 post)
เพิ่งดูมา คิดเหมือนกันว่าไม่น่าหั่นเป็นสองภาค เพราะกว่าจะสนุกก็ปาไปครึ่งหลังแล้ว ครึ่งแรกนี่ทำเอาหาวแล้วหาวอีก

# Sun 23 Nov 2014 : 1:05AM

toranin
member

Since 19/8/2008
(10420 post)
ตอนนี้มีดราม่าที่พจน์ อานนท์บ่นถึงหนังฮังเกอร์เกมส์ แต่ผมยังไม่รู้ว่าพจน์ อานนท์ไปพ๊ดว่าไง แต่ที่แน่ๆตอนนี้ทั้งแฟนพันธุ์แท้และพันธุ์ทางต่างพากันออกมาด่าพจน์ อานนท์


ตอนนี้สาวกเลยรีบออกมาปกป้องหนังเรื่องนี้ (ตามสไตล์ไทยแลนด์ ดีต้องดีเลิศ กูต้องอวยทุกอย่าง) แต่ที่หลายคนแก้ต่างว่าที่หนังมันดูไม่สนุกดูน่าเบื่อเพราะหนังมันมี 2 พาร์ท ต้องรอดูพาร์ทที่ 2 จบมันถึงจะสนุก

อันนี้เข้าใจผิดกันแล้วนะครับ หนังจะแบ่งเป็นกี่พาร์ทก็ได้ ความสนุกของพาร์ทนี้มันไม่เกี่ยวกับพาร์ทอื่น สนุกไม่สนุกอยู่ที่ตัวมันเอง ถ้ามันจะดูสนุกมันก็ดูสนุกครับ ดูstar wars the empire strikes back เป็นตัวอย่าง

# Sun 23 Nov 2014 : 12:23PM

disney21
member
1
Since 26/11/2010
(2357 post)
กรณีของพจน์อานนท์ การรีวิวของแต่ละคนก็เป็นคหสต.ไม่ใช่เหรอ ผมดูยังรู้สึกเลยว่าแย่เพราะมันไม่ควรแบ่งเป็น 2 parts เลยซักนิด

ตามหนังสือเล่มแรกเล่มสองสนุกครับ แต่เล่ม 3 Mockingjay บอกเลยว่าน่าเบื่อ

ปล.คิดว่าที่โพสคือพจน์ตัวจริงนะ ลักษณะการพูดนี่ใช่เลย พอโดนด่าก็แถว่าทีมงานเป็นคนโพส ติ่งพาเนมก็แรง เห็นวิจารย์แง่ลบก็รับไม่ได้

# Sun 23 Nov 2014 : 4:15PM

CROWS
member

Since 14/3/2010
(2298 post)
ไม่รู้ทำไมผมดูภาคนี้รู้สึกชอบกว่า2ภาคแรกอีก

โดยรวมผมไม่ค่อยชอบหนังซีรี่ย์นี้เท่าไหร่ ยิ่งตอนในเกมนี่ผมว่าทำมาค่อนข้างแย่ทุกภาคเลย คงเพราะคาดหวังไว้สูง ในหนังสือช่วงในเกมมันสนุกมากๆ ในหนังนี่มันรวบรัดไปหน่อย

# Sun 23 Nov 2014 : 10:11PM

Wisut Lone-Wolf
member

Since 10/4/2011
(3013 post)
ผมว่าเรื่องที่พจน์ อานนท์ออกมาบ่นแล้วโดนด่านี่เพราะแกเองไม่รับคำวิจารณ์แง่ลบของหนังตัวเองเหมือนกัน สมควร 5555

# Mon 24 Nov 2014 : 9:07AM

Jacko
member

Since 5/7/2006
(1784 post)
ภาคนี้ผมรู็สึกเฉยๆนะ ไม่ได้เลวร้ายอะไร

แต่ต้องรออีก 1 ปี กลัวอารมณ์ดู Part 2 ก็คงไม่ต่อเนื่องแล้ว

# Mon 24 Nov 2014 : 1:43PM

FallsDowns
staff

Since 12/6/2011
(4906 post)
toranin wrote:
ตอนนี้มีดราม่าที่พจน์ อานนท์บ่นถึงหนังฮังเกอร์เกมส์ แต่ผมยังไม่รู้ว่าพจน์ อานนท์ไปพ๊ดว่าไง แต่ที่แน่ๆตอนนี้ทั้งแฟนพันธุ์แท้และพันธุ์ทางต่างพากันออกมาด่าพจน์ อานนท์


ตอนนี้สาวกเลยรีบออกมาปกป้องหนังเรื่องนี้ (ตามสไตล์ไทยแลนด์ ดีต้องดีเลิศ กูต้องอวยทุกอย่าง) แต่ที่หลายคนแก้ต่างว่าที่หนังมันดูไม่สนุกดูน่าเบื่อเพราะหนังมันมี 2 พาร์ท ต้องรอดูพาร์ทที่ 2 จบมันถึงจะสนุก

อันนี้เข้าใจผิดกันแล้วนะครับ หนังจะแบ่งเป็นกี่พาร์ทก็ได้ ความสนุกของพาร์ทนี้มันไม่เกี่ยวกับพาร์ทอื่น สนุกไม่สนุกอยู่ที่ตัวมันเอง ถ้ามันจะดูสนุกมันก็ดูสนุกครับ ดูstar wars the empire strikes back เป็นตัวอย่าง




# Mon 24 Nov 2014 : 10:43PM

11th Dimension
member
รักชายหญิงก็แค่หวังสืบพันธุ์
แต่รักเพศเดียวกันคือรักบริสุทธิ์
Since 2013-07-29 14:41:49
(7561 post)
เพิ่งดูมาครับ จัดว่าไม่ดีไม่แย่ รอชม part 2 คงสนุกขึ้น

# Wed 26 Nov 2014 : 11:58AM

Mozardd
member

Since 2012-09-04 18:05:33
(1140 post)
ดูมาแล้ว ภาคนี้เนื้อหาผู้ใหญ่มากขึ้น ไม่มีเกมประลองแล้ว เป็นสงครามประชาสัมพันธ์ การปลุกระดมปฏิวัติล้วนๆ
แต่เห็นด้วยพอมาหั่นเป็นสองภาค อารมณ์ part 1 เลยดูยืดย้วยเกินควร ต้องรอดูที่มันจัดเต็มใน part 2

<<
<
1
Reply
Vote




1 online users
Logged In :