Gone Girl ( 2014 ) Movie Review by FallsDownz
Gone Girl ( 2014 ) Movie Review by FallsDownz
"อีกหนึ่งผลงานการกำกับของเดวิด ฟินเชอร์ที่พาเราเข้าไปสู่โลกและสังคมอันเสแสร้งหลอกลวง"
ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เรียกได้ว่า เป็นผลงานชิ้นล่าสุดจากผู้กำกับที่เก่งกาจมากๆคนหนึ่งของฮอลลีวู้ดอย่างเดวิด ฟินเชอร์เจ้าของผลงานการกำกับอย่าง Se7en , Fight Club , Zodiac ,The Social Network และ The Girl with the Dragon Tattoo ซึ่งฟินเชอร์นั้นถือได้ว่าเป็นผู้กำกับท่านหนึ่งที่โดดเด่นในการเล่าเรื่องเอาเสียมากๆ ไม่ว่าจะด้วยลูกเล่นที่ใช้กับผู้ชมหรือใช้ในการอธิบายสิ่งต่างๆในภาพยนตร์ของเขาก็ช่างเล่าเรื่องออกมาได้อย่างน่าสนใจและน่าติดตาม จนทำให้ภาพยนตร์ของเขาที่แทบจะทุกเรื่องมักจะเป็นแนวสืบสวนสอบสวนหรือแนว "ใครเป็นคนทำ" กลายเป็นภาพยนตร์ที่รู้สึกสนุกและน่าค้นหาทุกครั้งที่ได้ชม
ภาพยนตร์เรื่อง Gone Girl ก็ว่าด้วยเรื่องราวของนิคที่อยู่มาวันหนึ่งภรรยาของเขาก็กลับหายตัวไปอย่างปริศนา และด้วยการเสนอข่าวอันหนักหน่วงของสื่อต่างๆ ทำให้เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกรเสียเอง
Gone Girl ก็เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่ใช้การเล่าเรื่องอันยอดเยี่ยมของเดวิด ฟินเชอร์ได้แทบจะสมบูรณ์แบบอีกครั้ง ด้วยการเล่าเรื่องตัดสลับระหว่างมุมมองของแต่ละตัวละครอย่าง ตัวพระเอก ตัวภรรยา และตัวนักสืบ ซึ่งทำให้ภาพยนตร์นำเสนอเรื่องราวออกมาได้อย่างกว้างขวาง น่าสนใจ ผ่านมุมมองและความคิดอันแตกต่างของแต่ละตัวละคร ถึงแม้ว่าวิธีการเล่าเรื่องเช่นนี้อาจจะไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่ซักเท่าไรนักก็ตาม
โดยหลักๆแล้วนี้คือภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของสื่อและเสียดสีสังคมอันเสแสร้งของอเมริกันอย่างหนักหน่วง เช่นการพูดถึงสื่อที่มักจะนำเสนอแต่สิ่งที่ผู้ชมหรือผู้เสพสื่อต้องการจะชมเพื่อสร้างกระแส โดยไม่ใส่ใจว่าข้อมูลนั้นอาจจะเป็นเท็จหรือข้อมูลเพียงด้านเดียว ส่วนในด้านของสังคมเองก็เป็นคนป้อนคำสั่งในการนำเสนอสิ่งต่างๆแก่สื่อและพวกเขายังต้องการที่จะได้ยินหรือได้เห็นในสิ่งที่พวกเขาต้องการจะเห็นหรือในสิ่งที่พวกเขาเชื่อเท่านั้นถึงแม้ว่าสิ่งๆนั้นมันอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงเลยก็ตาม
แต่ก็ต้องพูดเลยว่า Gone Girl ก็ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่จะสมบูรณ์แบบเสียทีเดียว มันยังคงมีบางด้านที่อยู่เพียงระดับพอใช้ได้เท่านั้น เช่นผลงานการแสดงนำของสองนักแสดงอย่าง เบน แอฟเฟล็ก กับ โรซามันด์ ไพค์ที่อยู่ในระดับไม่ได้น่าประทับใจอะไร รวมถึงทั้งคู่เองก็ไม่ได้ให้เคมีที่เข้ากันซักเท่าไรนัก
นอกจากนั้นหลังจากที่ตัวภาพยนตร์เปิดเผยแล้วว่าใครเป็นคนทำ ตัวภาพยนตร์ก็มีความน่าสนใจน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่ามันก็พยายามที่จะดึงผู้ชมด้วยวิธีอื่นก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้เพียงพอกับสิ่งที่มันสูญเสียไปซักเท่าไรนัก ยิ่งผนวกกับตัวละครบางตัวที่ค่อนข้างจะมีตรรกะอันประหลาดซึ่งทำให้น้ำหนักของตัวภาพยนตร์ลดลง ก็ทำให้ท้ายเรื่องของภาพยนตร์รู้สึกน่าเบื่อไปบ้างอย่างน่าเสียดาย
ในท้ายที่สุด Gone Girl ก็อีกหนึ่งผลงานการกำกับของเดวิด ฟินเชอร์ที่พาเราเข้าไปสู่โลกและสังคมอันเสแสร้งหลอกลวง ด้วยการเล่าเรื่องและบทภาพยนตร์อันน่าติดตามทำให้มันกลายเป็นภาพยนตร์ที่สนุก น่าค้นหาอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้นำมาซึ่งการแสดงอันยอดเยี่ยมน่าจดจำ หรือการนำเสนออะไรที่แปลกใหม่นัก แต่นี้ก็เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ชื่นชอบภาพยนตร์สืบสวนด้วยประการทั้งปวง
Final Score : [ B + ]
---------
อ่านบทวิจารณ์เก่าๆ ติดตามบทวิจารณ์ใหม่ๆและติดตามแฟนเพจได้ที่นี้ครับ :)
[Link]
[Link]
"อีกหนึ่งผลงานการกำกับของเดวิด ฟินเชอร์ที่พาเราเข้าไปสู่โลกและสังคมอันเสแสร้งหลอกลวง"
ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เรียกได้ว่า เป็นผลงานชิ้นล่าสุดจากผู้กำกับที่เก่งกาจมากๆคนหนึ่งของฮอลลีวู้ดอย่างเดวิด ฟินเชอร์เจ้าของผลงานการกำกับอย่าง Se7en , Fight Club , Zodiac ,The Social Network และ The Girl with the Dragon Tattoo ซึ่งฟินเชอร์นั้นถือได้ว่าเป็นผู้กำกับท่านหนึ่งที่โดดเด่นในการเล่าเรื่องเอาเสียมากๆ ไม่ว่าจะด้วยลูกเล่นที่ใช้กับผู้ชมหรือใช้ในการอธิบายสิ่งต่างๆในภาพยนตร์ของเขาก็ช่างเล่าเรื่องออกมาได้อย่างน่าสนใจและน่าติดตาม จนทำให้ภาพยนตร์ของเขาที่แทบจะทุกเรื่องมักจะเป็นแนวสืบสวนสอบสวนหรือแนว "ใครเป็นคนทำ" กลายเป็นภาพยนตร์ที่รู้สึกสนุกและน่าค้นหาทุกครั้งที่ได้ชม
ภาพยนตร์เรื่อง Gone Girl ก็ว่าด้วยเรื่องราวของนิคที่อยู่มาวันหนึ่งภรรยาของเขาก็กลับหายตัวไปอย่างปริศนา และด้วยการเสนอข่าวอันหนักหน่วงของสื่อต่างๆ ทำให้เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกรเสียเอง
Gone Girl ก็เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่ใช้การเล่าเรื่องอันยอดเยี่ยมของเดวิด ฟินเชอร์ได้แทบจะสมบูรณ์แบบอีกครั้ง ด้วยการเล่าเรื่องตัดสลับระหว่างมุมมองของแต่ละตัวละครอย่าง ตัวพระเอก ตัวภรรยา และตัวนักสืบ ซึ่งทำให้ภาพยนตร์นำเสนอเรื่องราวออกมาได้อย่างกว้างขวาง น่าสนใจ ผ่านมุมมองและความคิดอันแตกต่างของแต่ละตัวละคร ถึงแม้ว่าวิธีการเล่าเรื่องเช่นนี้อาจจะไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่ซักเท่าไรนักก็ตาม
โดยหลักๆแล้วนี้คือภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของสื่อและเสียดสีสังคมอันเสแสร้งของอเมริกันอย่างหนักหน่วง เช่นการพูดถึงสื่อที่มักจะนำเสนอแต่สิ่งที่ผู้ชมหรือผู้เสพสื่อต้องการจะชมเพื่อสร้างกระแส โดยไม่ใส่ใจว่าข้อมูลนั้นอาจจะเป็นเท็จหรือข้อมูลเพียงด้านเดียว ส่วนในด้านของสังคมเองก็เป็นคนป้อนคำสั่งในการนำเสนอสิ่งต่างๆแก่สื่อและพวกเขายังต้องการที่จะได้ยินหรือได้เห็นในสิ่งที่พวกเขาต้องการจะเห็นหรือในสิ่งที่พวกเขาเชื่อเท่านั้นถึงแม้ว่าสิ่งๆนั้นมันอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงเลยก็ตาม
แต่ก็ต้องพูดเลยว่า Gone Girl ก็ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่จะสมบูรณ์แบบเสียทีเดียว มันยังคงมีบางด้านที่อยู่เพียงระดับพอใช้ได้เท่านั้น เช่นผลงานการแสดงนำของสองนักแสดงอย่าง เบน แอฟเฟล็ก กับ โรซามันด์ ไพค์ที่อยู่ในระดับไม่ได้น่าประทับใจอะไร รวมถึงทั้งคู่เองก็ไม่ได้ให้เคมีที่เข้ากันซักเท่าไรนัก
นอกจากนั้นหลังจากที่ตัวภาพยนตร์เปิดเผยแล้วว่าใครเป็นคนทำ ตัวภาพยนตร์ก็มีความน่าสนใจน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่ามันก็พยายามที่จะดึงผู้ชมด้วยวิธีอื่นก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้เพียงพอกับสิ่งที่มันสูญเสียไปซักเท่าไรนัก ยิ่งผนวกกับตัวละครบางตัวที่ค่อนข้างจะมีตรรกะอันประหลาดซึ่งทำให้น้ำหนักของตัวภาพยนตร์ลดลง ก็ทำให้ท้ายเรื่องของภาพยนตร์รู้สึกน่าเบื่อไปบ้างอย่างน่าเสียดาย
ในท้ายที่สุด Gone Girl ก็อีกหนึ่งผลงานการกำกับของเดวิด ฟินเชอร์ที่พาเราเข้าไปสู่โลกและสังคมอันเสแสร้งหลอกลวง ด้วยการเล่าเรื่องและบทภาพยนตร์อันน่าติดตามทำให้มันกลายเป็นภาพยนตร์ที่สนุก น่าค้นหาอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้นำมาซึ่งการแสดงอันยอดเยี่ยมน่าจดจำ หรือการนำเสนออะไรที่แปลกใหม่นัก แต่นี้ก็เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ชื่นชอบภาพยนตร์สืบสวนด้วยประการทั้งปวง
Final Score : [ B + ]
---------
อ่านบทวิจารณ์เก่าๆ ติดตามบทวิจารณ์ใหม่ๆและติดตามแฟนเพจได้ที่นี้ครับ :)
[Link]
[Link]
Popular News
แสดงความคิดเห็น
ผมว่าความห่างเหินที่สัมผัสได้เป็นสื่งที่หนังต้องการจะสื่อ
ผมว่า โรซามันด์ ไพค์ นี่แหละแสดงได้ดีมากๆเลยนะยิ่งช่วงหลังของเรื่องนี่ ชีแบบจิตๆใช้ได้เลย
ได้ข่าวว่า นางมีโอกาสลุ้นเข้าชิงนำหญิงปีนี้ด้วยนิ
ชอบบทที่มันฟาดหัวตัวละครแบบนี้แหละ ชำแหละความด้อยค่าในมนุษย์ โดยเฉพาะในระบบครอบครัว แบบสามี-ภรรยา (ประเภทที่สามีด้อยกว่าภรรยา เกิดการสูญเสียความมั่นใจในตัวเองจนสุดท้ายก็ทนไม่ไหว), จิกกัดการทำหน้าที่ของสื่อ การใช้สื่อเป็นเครื่องมือ, การเสพข่าวชนิดที่คิดว่าทุกอย่างแม่งจริงไปหมด, การยึดติดกับความคิดว่าผู้หญิงนั้นแสนอ่อนแอ
และโดยเฉพาะการแสดงของ โรซามันด์ ไพค์ ชอบมากๆ สีหน้าเรียบๆ กับดวงตาที่จ้องมองแบบดูดเราเข้าไปในหลุมกลวงในใจอันยากจะคาดเดาได้เนี่ย (ฉากจบปิดหนังได้แบบนรกในใจมาก เจ๋งจริงๆ)
A ค่ะเรื่องนี้
เรื่องนี้ "A = Perfect "
ฉากจบปิดหนังได้แบบนรกในใจมาก เจ๋งจริงๆ
A ค่ะเรื่องนี้
ตรงนี้แหละที่ผมคิดว่าเป็นปัญหา
ชีวิตคู่ก็เป็นแบบนี้แหละ
และ ต้องทนอยู่กัยยัยนั่นงั้นหรือ
ทรงพลังครับเรื่องนี้