"เข้าใจปัญหาฐานทหาร #ว้าแดง รุกล้ำเขตแดนไทย
ตลอดสองวันที่ผ่านมามีข่าวปรากฏหลายครั้งว่ามีฐานทหารว้าแดงในพื้นที่ดอยหัวม้า ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งรุกล้ำอธิปไตยของไทย และมีข่าวว่ากองทัพไทยต้องการให้ทหารว้าแดงถอนกำลังออกไป จนถึงมีกระแสข่าวว่ามีการเตรียมแผนปฏิบัติการในกรณีที่ต้องมีการปฏิบัติการทางทหารจริง ๆ
ประเด็นนี้มีเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจบางประเด็น คือ
----------------
1. อย่างแรกคือเส้นเขตแดนจะถือว่าเป็นเส้นเขตแดนอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อมีการปักปันเขตแดนตามกระบวนการ แน่นอนว่าถ้าวัดจากแนวสันปันน้ำก็จะค่อนข้างเห็นได้ชัดว่าเส้นเขตแดนของใครอยู่ที่ไหน แต่ถ้าตราบใดยังไม่มีการปักปันเขตแดนให้เสร็จสิ้น เส้นนั้นจะเป็นเพียงเส้นที่แต่ละฝ่ายอ้างสิทธิ คือไทยอ้างสิทธิตามเส้นที่ไทยลาก เมียนมาร์อ้างสิทธิ์ตามเส้นที่เมียนมาร์ลาก แต่ยังไม่ถือว่าเป็นเส้นเขตแดนอย่างแท้จริงตามกฎหมาย
ดังนั้นแม้ดูจากสันปันน้ำจะค่อนข้างชัด แต่ตราบใดที่พื้นที่ไหนยังไม่มีการปักปันเขตแดนก็ยังถือว่าเป็นพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนกันอยู่
2. กำลังทหารมีหน้าที่ดูแลรักษาเขตแดน แน่นอนว่าถ้าเขตแดนพื้นที่ไหนมีการปักปันครบแล้วก็สามารถปฏิบัติการตามแนวทางของกฎหมายได้เลย แต่ถ้ายังเป็นพื้นที่ทับซ้อน แม้จะได้ไม่หมายความว่ากำลังทหารทำอะไรไม่ได้ แต่ก็จะมีข้อจำกัดบางประการที่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะยังไม่ทราบว่าพื้นที่นั่นเป็นอธิปไตยของใคร ย้ำอีกครั้ง เพราะแม้จะอ้างอิงตามหลักสนธิสัญญาหรือสันปันน้ำ แต่ถ้าพื้นที่ใดยังไม่ปักปัน เส้นเขตแดนก็จะเป็นเส้นอ้างสิทธิเท่านั้น
----------------
3. จากข้อเท็จจริงนี้ ทำให้ในหลายกรณีมีฐานของกองทัพประเทศเพื่อนบ้านที่ดูเหมือนว่าจะรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย ที่ต้องใช้คำว่าดูเหมือนว่าเพราะแม้จะดูแล้วน่าจะเป้นเขตแดนไทย แต่ยังไม่ได้ปักปัน ดังนั้นยังถือว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน แต่ในทางกลับกัน ก็มีหลายกรณีที่มีฐานของกองทัพไทยที่ดูเหมือนว่าจะรุกล้ำเข้าไปในเขตแดนของประเทศเพื่อนบ้านเช่นกัน เพราะยังเป็นพื้นที่ทับซ้อนอยู่
4. ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ การประกาศเส้นเขตแดน การแจ้งกับประเทศเพื่อนบ้านว่ามีกองกำลังรุกล้ำ การส่งจดหมายเตือน การส่งจดหมายประท้วง ล้วนเป็นการยืนยันสิทธิในการอ้างสิทธิเหนือดินแดนหรือเส้นเขตแดนของไทยทั้งสิ้น ซึ่งกรณีนี้มีการดำเนินการอยู่เป็นระยะจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและนอกกระทรวงกลาโหม หรือผ่านกลไกชายแดนต่าง ๆ เช่น คณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (Township Border Committee : TBC), คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC), คณะกรรมการระดับสูง (High Level Committee : HLC) หรือ คณะกรรมการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee: JBC) เป็นต้น ตามแต่บริบท อำนาจหน้าที่ และบทบาทของกระทรวงหรือหน่วยงานต่าง ๆ
----------------
5. ดังนั้นการที่มีฐานของกองกำลังต่างชาติเข้ามาในดินแดนของไทย ถ้าตรงนั้นเป็นพื้นที่ทับซ้อนหรือยังไม่ได้ปักปันเขตแดน ก็ถือว่าจะดำเนินการโดยใช้กำลังผลักดันเลยก็ได้ หรือจะใช้กลไกทางการทูตและการติดต่อสื่อสารต่าง ๆ ก็ได้ ไม่ได้ถือว่ากระทบต่อการอ้างสิทธิของไทยแต่อย่างใด ซึ่งหมายถึงว่า ต่อให้ฐานของว้าแดงตั้งอยู่มาเป็นสิบปีแล้ว แต่ถ้าไทยมีการใช้กลไกชายแดนต่าง ๆ ในการประท้วงหรือส่งหนังสือ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ไทยเสียเปรียบในแง่กฎหมายแต่อย่างใด
6. แต่ในทางกลับกัน แม้จะเป็นพื้นที่ทับซ้อน การผลักดันออกไม่ว่าจะด้วยการทูตหรือกำลังทหาร ก็สามารถทำได้ทั้งสิ้น ซึ่งต้องแล้วแต่รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาตามสถานการณ์ แน่นอนว่าถึงจะเป็นพื้นที่ทับซ้อน แต่ถ้าเราปล่อยให้เขาอยู่มาได้เป็นสิบปีโดยที่ไม่ได้กระทบอะไร ก็อาจจะไม่ได้จำเป็นจะต้องเร่งรีบใช้กำลังให้ฐานนี้ออกจากพื้นที่ เพราะอาจจะกลายเป็นว่าทางประเทศเพื่อนบ้านก็อาจตอบโต้โดยใช้กำลังกับฐานอื่นของไทยที่ดูเหมือนว่าจะรุกล้ำเขตแดนเช่นกัน
7. ซึ่งตรงนี้เราไม่ทราบว่า ฐานของหว้าแดงที่อยู่มาหลายปีแล้ว ทำไมต้องเร่งรัดเอาคืนตอนนี้ เพราะเราก็ยังไม่ทราบว่าจะมีการเร่งรัดเอาคืนหรือไม่ หรือถ้ามีการเร่งรัดเอาพื้นที่คืน จะเป็นการใช้วิธีใด เป็นการทูตหรือใช้กำลังทหาร ซึ่งข้อเท็จจริงตรงนี้มีข้อมูลน้อยเกินไปที่จะวิเคราะห์ได้
----------------
8. อย่างไรก็ตาม เราค่อนข้างเข้าใจไปในทางที่ว่า ไม่ได้มีใครปล่อยปะละเลยหรืออะไร แต่ในพื้นที่ทับซ้อนหรือพื้นที่ที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดน มีหน่วยงานราชการที่ทำหน้าที่ดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งการดำเนินการเหล่านั้น ย้ำอีกครั้งว่าไม่ได้หมายถึงจะต้องทำสงครามหรือเปิดปฏิบัติการทางทหารในทุกกรณีแต่อย่างใด
9. แต่ถ้ามีปัจจัยใดที่ทำให้รัฐบาลหรือกองทัพต้องการให้ฐานทหารว้าแดงตรงนั้นออกไปในเร็ว ๆ นี้ และการเจรจาอื่น ๆ ไม่สามารถยุติข้อขัดแย้งได้ การใช้กำลังทางทหารก็ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะทำได้ ซึ่งก็อาจจะเป็นแค่การใช้กำลังของหน่วยที่เกี่ยวข้องคือกองทัพภาคที่ 3 หรืออาจใช้กำลังผสมของกองทัพบกหรือกองทัพอากาศก็ได้เช่นกัน ปัจจัยที่จะทำให้การปฏิบัติการประสบความสำเร็จคือการแบ่งปันการข่าวระหว่างหน่วยงานและเหล่าทัพ และการวางแผนปฏิบัติการร่วม ซึ่งถ้าประเทศไทยมีระบบเสนาธิการร่วมก็จะทำให้การปฏิบัติการมีประสิทธิภาพมากขึ้น
10. แต่พิจารณาด้วยสายตาแล้ว ถ้าต้องใช้กำลังทหารในการยึดคืนพื้นที่นี้จริง ๆ ก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงกำลังรบของกองทัพไทยในปัจจุบัน"

ที่มา: https://www.facebook.com/share/p/15PaWwnfjZ/