มันก็ต้องทำแหละครับ
การทำสื่อเราต้องเน้นเข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลายๆรูปแบบ >>> diversity ที่ควรจะเป็น

อย่างตลาดเกมส์มันโตๆช่วงโควิด มันก็มีโจทย์แบบกลุ่มลูกค้าใหม่เป็นไง จะดึงเข้ามาได้ไง
มันเลยไปลง dei กันนั่นแหละ เพราะเป็นกลุ่มที่ตลาดนี้ไม่เคยเล่นมาก่อน และมันเป็นเทรนด์ช่วงนั้นพอดีในตะวันตก

ส่วนพวกสื่ออื่น ถ้ามันไปไม่รอด มันก็ต้องเพลาแต่ไม่หายไปแน่นอน จับปลาหลายตัวดีกว่าจับปลาบางตัว

แต่อย่างใดก็ต้องรักษาฐานลูกค้าเก่าตัวเองพร้อมสร้างฐานลูกค้าใหม่เอาไว้ด้วยอะครับ >>> equity ที่ควรจะเป็น

ซึ่งถ้ากลุ่มลูกค้าที่ทำตลาดแล้วมันไม่เวิคคือไม่มี ส่งผลให้ไม่โต
ก็จะเป็นแบบภาพข้างล่างนี่แหละครับ

หลายเกมที่ไม่เจ๊งก็มีมาก มี element ความหลากหลายทั้งนั้น
แต่ข้อดีของเกมมันกลบจนไม่สังเกตกัน ถึงมีคนสังเกต ก็เป็นแค่ดราม่ากระปอดกระแปด

- Overwatch
- Apex Legends
- Last of Us
- Spider-Man 2
- GOW Ragnarok
- BG3
- ER: Shadow of The Erdtree

อยู่ที่การนำเสนอ

นิยามคำว่า woke คนเดี๋ยวนี้ก็ไม่เหมือนกันอีก ดั้งเดิมมันไม่ใช่คำด่า

เกมส์ที่ว่ามามันแค่มีกลิ่นนะผมว่า พวก dei เขาไม่ได้พอใจแค่นั้นหรอก เพราะคนเล่นแล้วก็แล้วไป ไม่ได้ใส่ใจประเด็นทางการเมืองของพวกเขา ไอ้ที่ฝรั่งเขาเรียกว่า อาเจนด้าป่ะ เขาต้องการกลิ่นแรงๆแบบเต็มตัวอย่าง ค่อนขอด ที่ dei มาเต็มแบบไม่แค่บิ้วตี้แสตนดาร์ดเลยซักนิด กับเกมส์อย่างดัสบอร์น ที่ใส่อาเจด้าของพวกเขามาเต็ม แน่นอนพอใส่มากเต็ม ก็เจ้งยับหมา ก็อย่างที่หลายคนพูด เมิงทำเกมส์ให้ใครเล่นวะ

ความหลากหลายมันมีได้ครับ diversity เนี่ย หลายเกมก็มี (คือมันไม่ใช่จะมาหลากหลายแค่กับ humanoid character นะ) ก็คงต้องดูว่าทำไมหลายเกมถึงไม่ backfire ขนาดนี้ หรือบางทีก็ไม่มี
ผมชอบพูดยกตัวอย่าง อย่าง Fortnite คือ cosmetic มันก็มีความหลากหลาย ก็ต้องดูว่าทำไมมันถึงไม่โดนขนาดนี้ อย่างแรกคือมันมีความหลากหลายจริงๆ สวย หล่อ เท่ ผช ผญ (ในเชิง biology) ผอม อวบ อ้วน ผิวขาว ผิวดำ ผิวด่าง ขาเล็ก ขาใหญ่ มันมีตัวเลือกเยอะ ใครอยากได้แบบไหนก็พอจะมีให้
ประเด็นคือเขาก็ต้องการความหลากหลายก็เลยใส่มาแค่นั้นแหละ ไม่ใช่อ้าง "ความหลากหลาย" เพื่อใส่ hidden agenda อะไรเข้ามาแล้วยัดมาซะเยียดแตะต้องไม่ได้เลย จะโดนหาว่าเหยียด ว่าชายแท้ อะไรต่อมิอะไรก่อนแล้ว คือต้องอย่าลืมว่า คุณพยายามขับดันเรื่องพวกนี้ให้สังคม ความหมายนัยๆของมันคือ คุณต้องพยายามให้เขายอมรับให้ได้ไปเรื่อยๆจากความคิดของเขาเอง ง่ายๆคือคุณต้องหาคนเข้าร่วมแนวคิดนี้กับคุณให้ได้ แต่สิ่งที่พวกนี้ทำกลับกลายเป็นว่า ผลักไสคนที่ยังไม่พร้อมยอมรับแนวคิดที่คุณพยายามผลักดัน(อาจจะแค่ตอนนี้)ออกไปเป็นศัตรู สรุปแล้วถามว่ามันจะมีคนยอมรับแนวคิดคุณเพิ่มได้สักแค่ไหน
ผมให้นิยามพวกนี้นี่แหละพวก Woke คือพยายามจะให้คนอื่นยอมรับแนวคิดตัวเอง เวลาเดียวกันตัวเองกลับไม่เปิดรับในแนวคิดของใครเลย แถมทำตัวเป็นศัตรูกันไปเลยซะอีก กลับกลอก ขัดแย้ง ในตัวเอง

มันก็ไม่เชิงอยู่ที่การนำเสนอหรอกครับ เพราะเกมที่ woke อยากได้คือมันต้องมีเรื่องพวกนี้นำหน้าชัดเจน ถ้าที่ woke พอใจมันก็จะเสนอได้แต่แนว concord dustborn เนี่ยแหละ

พวกเกมข้างบนนี่ผมว่า woke แค่ให้กลุ่มตัวเองแทรกซึมเข้าไปเป็นไฮดร้า กระจายไปแต่ละภาคส่วนเพราะนโยบายจ้างงานแบบ DEI แต่ยังไม่แสดงตัวชัดเจนไม่ได้อาจจะมีหัวหน้าคนเก่าอยู่มันเลยยังออกตัวแรงได้ไม่เยอะเกมมันเลยยังไม่เละ แถมผมว่า last of us กับ spider man ที่ใส่ woke มาแอบเยอะนี่กินบุญเก่าเยอะอยู่นะครับตอบรับดีแต่ก็โดนด่าเยอะอยู่

last of us นี่ แอบบี้ขัดเจนช่วงนั้นนี่ผมยังโกรธไม่หายไล่แบนเกม service เพียบ นินจานมอะไรพวกนี้ แต่ใน last of us2 ดันมีฉากแอบบี้ใส่กันซะงั้น ดูแล้วจะอยากจะขะย้อนของเก่า

spider man2 นี่นักเขียนก็ self inser ตัวเองกับ mary jane หนักอยู่นะครับ ดีว่าไม่ใช่ตัวละครหลัก แต่ก็บังคับให้เล่นนานอยู่แถมบทปีเตอร์ผมนี่ อย่างหนักใจ spider man นี่ผมก็ไม่ได้ซื้อ day one ส่วนหนึ่งก็เพราะแมรี่เจนเนี่ยแหละ

BG3 นี่ยอมครับ diversity ที่ดีจัดได้หมด ผมมองว่าไม่ woke มากนะอยู่ในเกณฑืรับได้ออกแนว fetish ไรพวกนี้มากกว่าด้วยซ้ำ แต่ ฺฺBG3 นี่ทำให้เห็นความเอียงของ journalist กับนัก review แต่ละเจ้าชัดเจนเลยครับ ถ้าเกมจากตะวันออกไม่ว่าจะ jap chi kor ทำเกมมีรสนิยมเฉพาะแบบ BG3 ออกมานี่โดนด่าโดนแบนเละแล้ว พอมาจากตะวันตกนี่อวยกันยับ

ถ้ายังไม่ patch กันไปแล้วนะ พวกผลงานที่เติมความหลากหลายลงไปจะมีนายทุนให้งบพัฒนามาด้วยครับ ถ้าไม่ใส่ใจคำด่าอะไรมาก ได้เงินมาก็ down grade ผลงานนั้น มันแทบจะกำไรตั้งแต่ยังไม่เสร็จเลย คนหลงซื้อก็ถือเป็นโบนัสไปอีก