+ เนื้อเรื่องเหมือนภาค VII เป๊ะ ไม่มีปรับเปลี่ยนอะไรเลย ซึ่งตัว Original มันดีอยู่แล้ว มาเล่นซ้ำก็ยังสนุกได้อยู่ มีการเล่นมุกเฉพาะทางในวงการเกมเยอะ ถ้าคนเล่นพอมีความรู้ในด้านนี้อยู่บ้าง ก็จะสนุกยิ่งขึ้น รวมถึงมีระบบ Backlog และย้อนดูคัตซีนย้อนหลังได้ทั้งหมด
+ ตัวละครมีให้เลือกใช้เพียบ ทั้งตัวละครหน้าเก่าและหน้าใหม่ ลักษณะนิสัยก็แตกต่างกันไป เลือกอวยกันได้ตามใจชอบ
+ กราฟฟิคสวยขึ้น (หรือไม่ ขึ้นอยู่กับสายตาและสเปกคนเล่นละกัน...) เพราะมีการเปลี่ยนเอนจิ้นเกม หน้าตา Interface ก็เปลี่ยนใหม่หมด พอให้รู้สึกได้ว่าเหมือนเล่นเกมภาคใหม่
+ เพลงประกอบ เรายกให้เป็นภาคที่มี OST ดีที่สุดในซีรีส์เลย โดยเฉพาะเพลงสู้ ทั้งหลากหลายและติดหูมาก
+ Replay Value ภาคนี้น่าจะเรียกว่าสูงที่สุดในทุกภาคแล้ว เพราะมีเพิ่มระบบ Rank Challenge มา หลังจบเกมแล้ว เราสามารถปรับระดับความยากของดันเจี้ยนได้ Rank ยิ่งสูง บอสก็ยิ่งเก่ง ของที่ตกก็ดีขึ้น ที่สำคัญคือความสามารถของไอเท็มสวมใส่ถูกเปลี่ยนไปเป็นระบบสุ่มแล้ว (RNG) ไอเท็มชื่อเดียวกัน ค่า Stats หรือความสามารถอาจจะต่างกัน

- การเซฟเกมถูกเปลี่ยนไปใช้ระบบ Auto Save แทน ก็คือเหลือไฟล์เซฟไฟล์เดียวเลย อันนี้เรากำลังชั่งใจว่าจะให้เป็นข้อเสียดีมั้ย เพราะมันก็สะดวกดี ตีมอนตายหรือเก็บของ เกมก็เซฟเองเลย แต่โดยรวมเราอยากให้เป็นระบบเลือกปรับได้เอง ว่าจะ Manual หรือ Auto มากกว่า
- ฉากจบถูกตัดเหลือฉากจบเดียว ก็หมายถึงไม่ว่าเราจะเล่นยังไง ก็จะไปจบที่ True Ending หรือ Canon Ending แน่นอน ซึ่งน่าเสียดาย แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเพราะเกมเป็นระบบ Auto Save
- Text ยังคงมีคำผิดเพียบเหมือนเดิม ซึ่งดูแล้วยังคงไม่แก้ไขมาจากภาค VII...
- ตัวละคร DLC ใน VIIR หายหมด สาย DLC อาจไม่ถูกใจสิ่งนี้

รวมๆแล้ว VIIR คือ VII เวอร์ชั่นที่ไม่ได้เรียกว่า Remake อย่างเต็มปาก เพราะของเดิมมันดีอยู่แล้ว จุดประสงค์หลักของภาคนี้เหมือนแค่จะเพิ่มระบบ VR เข้ามามากกว่า ซึ่งข้อดีคือคนไม่มี VR ก็เล่นได้ (เราก็ไม่มี) ก็ถือว่าทำมาน่าสนใจ อารมณ์เหมือนได้เล่นฉาก Dating Sim แบบย่อยๆกับ 4 สาว CPU ส่วนอื่นๆ เนื้อเรื่อง เกมเพลย์ เราก็ยังสนุกกับมันอยู่ แม้ว่าจะเหมือนเล่นเกมซ้ำ แต่เอาจริงแล้ว ใครเคยเล่น VII มาก่อน จะผ่านภาคนี้ไปก็ไม่เสียหายอะไร ส่วนคนที่ไม่เคยเล่นทั้งคู่ ก็แนะนำเล่น VIIR ไปเลย

Score: 7/10

+ ตัวเนื้อเรื่องทำมาได้น่าสนใจในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะ Background ของตัวละครหลักแต่ละตัวที่เขียนมาได้ดี และช่วยส่งเสริมให้เนื้อเรื่องมีความเข้มข้นและน่าติดตามยิ่งขึ้น
+ ตัวละครหลักเกมนี้ โดยเฉพาะตัวละครหญิง 5 คน ถือเป็นเซ็ตที่เราชอบเป็นอันดับต้นๆ ในบรรดาเกม Compile Heart ที่เราเล่นมาเลย แม้ว่าลักษณะนิสัยจะดูจำเจตามสูตรสำเร็จของสไตล์เกมญี่ปุ่น แต่เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินไปถึงช่วงหนึ่ง เชื่อว่าหลายคนต้องคาดไม่ถึงแน่นอน (ทำไม? ต้องไปเล่นเองนะ :P )
+ เพลงประกอบเราคิดว่าอยู่ในระดับปานกลาง ไม่ดีไม่แย่ เพราะมีเพลงที่ติดหูเราอยู่เหมือนกัน ส่วนเสียงพากย์ เรียกได้ว่ายังเชื่อมือ Idea Factory ได้อยู่ ถ้าใครชอบทีมพากย์จากเกมเก่าๆ ของ IF ก็ไม่น่าต้องเป็นห่วงอะไรกับเกมนี้ (เสียง Eng ของ Amal นี่ก็คนเดียวกับ Uni จาก Neptunia)
+ ฉาก World Map / Dungeon ในเกมกว้างสะใจมาก แต่ก็มาพร้อมกับระบบ Fast Travel งานภาพ CG ทำมาได้ดี มีเซอร์วิสพอประมาณ (เซอร์วิสที่ว่านี่รวมไปถึงระบบความทนทานของเสื้อด้วย เวลาโดนศัตรูอัดเยอะๆ จนเสื้อพัง เสื้อจะขาดวิ่นเลย แฮ่กๆ) ส่วนฉากคุยก็ไม่ต่างอะไรกับเกม Visual Novel ในเวอร์ชั่นงานเนี้ยบ
+ Replay Value สูงมาก (เน้นฟาร์ม) มีระบบย้อนดู Cutscene Movie และฟังเพลงย้อนหลังได้ทั้งหมด

- ระบบเกมถือว่าเยอะมาก และไม่ค่อยเป็นมิตรกับผู้เล่นหน้าใหม่ (แม้แต่กับผู้เล่นที่พอมีประสบการณ์กับเกม JRPG) มีการอัด Tutorial ใส่หน้าผู้เล่นมาเป็นชุดชนิดไม่เกรงใจกัน แม้ว่าจะอ่านย้อนได้หมด แต่บางอย่างกลับไม่ลงรายละเอียดลึกพอ คำอธิบายความสามารถก็กำกวม เช่น Slightly increase / Significantly increase คือ รู้แหละว่าเพิ่มน้อย เพิ่มเยอะ แต่ความหมายที่ว่าเพิ่ม มันเท่าไหร่ล่ะ? กี่ %? และตัวเกมสามารถปรับระดับความยากเกมได้ แต่ในโหมดง่ายสุดจะติดข้อจำกัดบางอย่าง เช่น เลเวลสูงสุด ค่าความสัมพันธ์ตัวละครเพิ่มน้อย หรือเข้าดันเจี้ยนหลังจบเกมไม่ได้ ซึ่งเรามองว่ามันปิดกั้นกันเกินไปหน่อย ควรจะทำให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้เล่นสาย Casual และ Hardcore ไปจะดีกว่า เพราะบางคนอาจจะอยากเล่นดันเจี้ยนหลังจบเกมในโหมด Easy ก็ได้
- ระบบความสัมพันธ์ตัวละครที่เป็นตัวสร้างปัญหาให้กับผู้เล่นหลายคน โดยการเพิ่มค่าสัมพันธ์จากการทำเควสต์ ตอบคำถามตัวละคร และสอบสวนตัวละคร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่มีตัวชี้วัดค่าความสัมพันธ์ใดๆ บอก เหมือนบังคับให้ผู้เล่นลองผิดลองถูกเองอย่างเดียว และมันส่งผลโดยตรงกับฉากจบ ว่าง่ายๆ คือถ้าไม่มี Wiki / Guide บอก เราไม่มีทางกำหนดเส้นทางฉากจบได้เลย จึงทำให้ผู้เล่นที่คิดเก็บ Completion 100% จะไม่ถูกใจสิ่งนี้อย่างมาก
- เควสต์ในเกมค่อนข้างซ้ำซากจำเจ มีการบังคับให้ย้อนเส้นทางเดิมบ่อยครั้ง รวมถึงมีเวลาจำกัดอีก (เควสต์ในเนื้อเรื่องยังเข้าใจ แต่เควสต์หลังจบเกม แม้กระทั่งเควสต์ DLC ยังมีจำกัดเวลา... เพื่อ?) และที่เลวร้ายสุดคือมีบางเควสต์ที่มีการบอกสถานที่ชนิดไปคนละทาง เข้าใจว่าคงจะแปลมาผิด...
- ระหว่างวิ่งในฉาก เสียงหอบเหนื่อยตัวละครน่ารำคาญมาก ไม่รู้ใส่มาทำไม คือมันครางถี่เกินจนบางครั้งต้องเข้า Option ไปปิดเสียงตัวละคร...
- เกมมีปัญหา Frame Rate ชัดเจน ตอนสู้ครั้งแรกนี่อย่างลื่น แต่เล่นไปซักพักจะเห็นความ Lag เป็นเรื่องปกติ รวมถึง Error เกมเด้งด้วย ซึ่งเราเจอตอนหลังจบเกมไปแล้ว ก็ไม่รู้เกิดจากอะไร แต่โดนไป 4-5 ครั้ง หัวร้อนมาก
- Text ยังมีคำผิดให้เห็นประปราย ทั้งในบทสนทนาและในคำอธิบายสกิล

เกมนี้คือ Omega Quintet เวอร์ชั่นอัปเกรด ระบบแทบจะลอกกันมาเลย ใครเล่น OQ แล้วชอบ ควรจัด Dark Rose Valkyrie โดยไม่ต้องคิดนาน ถ้าใครไม่เคยเล่น แต่ชอบ JRPG สไตล์อนิเมะ / Visual Novel / จีบสาว และไม่ซีเรียสเรื่องเก็บ Achievement ก็มาลองเล่น DRV ได้ แต่ถ้าไม่ชอบหรือเฉยๆ กับ JRPG แนะนำให้รีบหนีเกมนี้ไปให้ไกล

Score: 6.5/10

+ ในส่วนของเนื้อเรื่องค่อนข้างเข้าใจง่าย แต่แอบแฝงด้วยจุดขบคิดตามตำนานความเชื่อลี้ลับของญี่ปุ่น มีการตัดสลับระหว่างสองตัวละครเอก แล้วไปบรรจบกันในช่วงท้าย รวมๆ เราว่าทำมาได้ดี เป็นเกมที่ไม่ได้มีบทพูดมากมาย แต่เป็นการ “พูดน้อย ต่อยหนัก” ที่ทยอยบิลท์อารมณ์ผู้เล่น ไปจนถึงหมัดฮุคในตอนจบที่สามารถเรียกน้ำตาได้ ที่สำคัญคือเกมนี้มีการใช้คำศัพท์ที่เข้าใจง่าย เหมาะกับการเล่นเพื่อฝึกภาษามาก
++ Graphic ทำออกมาได้สวยมากในแบบการ์ตูน ตัวละครสไตล์ Chibi รวมถึงภาพวาดแบบดินสอสี ทำมาได้ลงตัว ทั้งน่ารักและให้บรรยากาศที่สยองไม่เบา ในส่วนของตัวศัตรูก็มีรูปแบบที่หลากหลายและติดตาพอสมควร เรามอบให้เป็น 1 ในเกมที่เราชอบ Art มากเกมนึงที่เคยเล่นมาเลย
+ เสียงประกอบถือว่าจัดเต็มและสร้างความกดดันให้กับผู้เล่นได้ดี ที่สำคัญคือ BGM ตอนจบ ซึ่งเป็นเพลง BGM ที่มีเพลงเดียวของเกม แต่ไพเราะมาก
+ Replay Value ถือว่าอยู่ในระดับโอเค หลังเล่นจบแล้ว ผู้เล่นยังสามารถเดินสำรวจเมืองต่อได้ อีกทั้งยังมีเซอร์วิสจากตัวเกมภาคแรกด้วย ใครเคยเล่นภาคแรกมา น่าจะอมยิ้มกับส่วนนี้ไม่น้อย

- ตัวเกมมีบั๊กที่อาจสร้างความมึนงงให้กับผู้เล่น ที่เราเจอมาก็คือ โดนผีอัดตายแล้วภาพไม่ขึ้น จอดำ+เสียงยังค้างอยู่แบบนั้น กับบัคพื้นใน Map เขื่อนที่หายไปทั้งบางเลย (เราเจอใน PS4 นะ Platform อื่นไม่รู้)
- อันนี้เราไม่รู้ว่าจงใจให้เป็นแบบนี้รึเปล่า แต่เรารู้สึกเสียดายที่เกมไม่มีเสียงพากย์ เพราะเสียงพากย์มีส่วนสำคัญในการขยี้อารมณ์ผู้เล่นเลย ยิ่งในช่วงท้ายๆ เกม คือแบบปกติทำมาได้ดีมากแล้ว (ภายใต้ข้อจำกัดที่ไม่มีเสียงพากย์และตัวละครแบบ Chibi ตัวเล็กๆ ที่เวลาถ่ายทอดอารมณ์อะไรออกมา มันดูยากไปนิด) แต่ถ้าเพิ่มตรงนี้เข้าไป เราว่าจะสุดยอดมาก แอบเสียดาย...

ใครกำลังมองหาเกมสยองขวัญแบบน่ารักๆ สไตล์ญี่ปุ่น ไม่ต้องมองทางไหนไกลเลย แนะนำเกมนี้ เนื้อเรื่องดี คำศัพท์ง่าย ภาพสวย หลอนๆ ระบบไม่มากแต่ก็ไม่น้อย ความยาวเกม 10 ชั่วโมง+ กดซื้อเลย ป้ายยาตรงนี้ล่ะ

Score: 8/10

+ เนื้อเรื่องสไตล์สูตรสำเร็จของเกมภาษาของญี่ปุ่นทั่วไป ไม่มีอะไรซับซ้อน มีจุดหักมุม แต่เดาทางง่าย มีฉากเรียกน้ำตาเล็กน้อย และนำไปสู่บทสรุปที่ดีในระดับหนึ่ง รวมถึง Cutscene ย่อยที่แฝงไปด้วยแฟนเซอร์วิสกับมุกตลกแบบจัดเต็ม ที่มีส่วนช่วยส่งเสริมให้เนื้อเรื่องสนุกขึ้นอีกเป็นกอง
+ ตัวละครหลักน่าสนใจทั้งตัวหลักและตัวรอง ตัวเกมมีผสมผสานระบบทำค่าสัมพันธ์กับตัวละคร (Dating Sim) โดยใช้ตัวเอกเสมือนเป็นตัวแทนของผู้เล่นเอง ตรงนี้สามารถทำให้เรารู้สึกผูกพันธ์ไปกับตัวละครต่างๆ ได้อย่างไม่ยากนัก
+ Graphics อยู่ในระดับปานกลาง แต่ว่าไม่ได้ เกมนี้มันตั้งแต่สมัยเจน PS3 แล้ว แต่จุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือดีไซน์ตัวละคร โดยเฉพาะตัวละครหญิงถือว่าเป็นจุดแข็งของเกมนี้เลย อ. Tony ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ซื้อเกมมาแค่เสพตรงนี้ก็เกินคุ้มแล้ว
+ เพลงประกอบดีงามมาก เป็นอีก 1 ในเกม JRPG ที่เรารู้สึกว่าเพลงติดหูหลายเพลง รวมถึงเสียงพากย์ที่ทำมาได้ดีมาก คุณภาพเน้นๆ (เราฟังแต่เสียง Eng นะ Jap ไม่รู้ แต่น่าจะดีอยู่แล้วแหละ)

- จังหวะการเดินเรื่องเรารู้สึกว่ายังไม่ค่อยดี เนื้อเรื่องช่วงแรกน่าเบื่อไปหน่อย กว่าจะเริ่มสนุกก็ต้องเลยช่วงกลางเรื่องไปแล้ว อีกทั้งการปูเรื่องเกี่ยวกับหอคอยที่ไม่สามารถไปถึงได้ มีจุดลงที่ไม่ค่อยสร้างจุดพีคได้เท่าที่ควร หรือเราอาจจะหวังมากเกินไปมั้ง?
- เกมเพลย์ ระบบสู้เป็นแนว Action RPG ที่อาจดูน่าสนใจในช่วงแรกและเข้าใจง่าย แต่ยังเป็นระบบที่มีจุดบกพร่องอยู่ไม่น้อย การควบคุม AI ยังขาดความอิสระและมักทำอะไรขัดใจผู้เล่น ส่วนระบบบางอย่าง เช่น Bond Diagram เป็นระบบที่สร้างความงุงงงให้กับผู้เล่นได้มากพอสมควร เนื่องจาก Tutorial เกมอธิบายได้ไม่ดีเลย ขนาดเราไปเซิร์จอ่านเพิ่มตาม gamefaqs อะไรพวกนี้ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ คือเล่นจนจบเกม ไม่ได้ยุ่งกับไอ้ระบบนี้อ่ะ...
- ทั้งเกมมีเมืองเดียว ซึ่งเปรียบเหมือนเป็นฐานทัพของเรา ซื้อไอเทม ทำ Event อื่นๆ และระบบ Fast Travel เกมนี้คือเราสามารถวาร์ปกลับเมืองได้อย่างเดียว ถ้าจะไป Map หรือดันเจี้ยนไกลๆ ต้องเดินไปอย่างเดียว ไม่มีวาร์ป...
- มีเควสต์ให้ทำมากมาย สามารถทำวนได้ แต่ส่วนใหญ่ก็เควสต์ซ้ำๆ รูปแบบ หาของ ฆ่ามอนสเตอร์ ตามสูตร
- Frame Rate แย่มาก โดยเฉพาะในฉากต่อสู้ตอนใช้เวทมนตร์บางท่า คือเกิดอาการหน่วงแบบเห็นได้ชัด

อยากหาเกม JRPG ที่ไม่ค่อยดังแต่เนื้อเรื่องดี ตัวละครดี เพลงไพเราะ มีระบบจีบสาว เลือกฉากจบได้ เน้นการฟาร์ม เก็บถ้วยไม่ยาก ราคาไม่แรง เราขอแนะนำเกมนี้

Score: 6.5/10

++ ตัวเกมดำเนินเรื่องด้วย Cutscene ที่ยาวมาก ซึ่งมีความยาวรวมกันไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมงเลย การกำกับเนื้อเรื่องอัดแน่นไปด้วยคุณภาพ มีจังหวะการเล่าเรื่องที่เฉียบคม ตัวละครทุกตัวมีบทบาทที่น่าจดจำ ชิงไหวชิงพริบกันได้อย่างมีชั้นเชิง โลกไม่สวย ตีแผ่ชีวิตของเหล่ายากูซ่าได้ดี หลายๆ ฉากก่อนเข้าช่วงต่อสู้ จะมีการ Built Up อารมณ์ที่เข้มข้น ส่งผลให้ผู้เล่นเกิดความฮึกเหิมและอยากเอาใจช่วยให้คิริวตั๊นหน้าตัวร้ายให้จมดิน แต่ขณะเดียวกัน ช่วงผ่อนคลายก็ทำได้ดีเยี่ยม มีการแทรกมุกตลกที่กลมกล่อมเพื่อลดความตึงเครียดของเนื้อเรื่อง ตลอดเรื่องตั้งแต่ต้นยันจบ มี Moment ที่ต้องพูดถึงมากมาย มีฉากเรียกน้ำตาที่เราเชื่อว่ายิ่งถ้าคนที่ตามเล่นมาหมดทุกภาค จะต้องหวั่นไหวกับฉากเหล่านี้แน่นอน OK อันนี้คือแค่ส่วนของเนื้อเรื่องหลักนะ เดี๋ยวจะพูดต่อถึงเนื้อเรื่องเสริมหรือรอง
ในอีกจุดที่เราอยากชื่นชมมากๆ ก็คือเนื้อเรื่องเสริม หรือในเกมนี้จะเรียกว่า Sub Story เรียกได้ว่าเป็น 1 ในเกมที่มีเนื้อเรื่องเสริมที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยเล่นมา (ความประทับใจให้ประมาณ Nier ภาคแรก) มีการเอาใจใส่รายละเอียดดีมาก เสียงพากย์ก็ Full Voice ด้วย ตัวเนื้อเรื่องเสริมมีหลายรูปแบบ ไม่ได้ทำมาแบบขอไปที อีกทั้งยังมีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ หักมุมไม่แพ้เนื้อเรื่องหลัก แถมมีการเชื่อมโยงไปยังเนื้อเสริมอื่นๆ อีก ทำให้เรายิ่งประทับใจในส่วนของเนื้อเรื่องของเกมนี้มากขึ้นไปอีก
+ Graphics เป็นภาคแรกของเกม Yakuza ที่มีการเปลี่ยน Engine ใหม่ ซึ่งเรามองแล้วจัดว่าเป็นอีกเกมที่ภาพสวยมากใน PS4 รายละเอียดหน้าตาตัวละครจัดเต็มสุดๆ ฉากเมืองในเกมซึ่งจำลองมาจากสถานที่จริงอย่าง Kabukicho และ Onomichi ทำออกมาได้น่าทึ่ง ทั้งตัวละคร NPC ที่มีการเคลื่อนไหว การแสดงอากัปกิริยา แสงสี ป้าย ภาพโปสเตอร์ ความมีชีวิตชีวาของเมือง ให้ความรู้สึกเหมือนกับเรากำลังเดินเที่ยวอยู่ในญี่ปุ่นจริงๆ
+ เสียงประกอบ เราไม่ขัดใจอะไรกับเสียงพากย์เลย ทุกตัวละครเข้าถึงบทบาท บุคลิก และนิสัยใจคอได้อย่างน่าเชื่อถือ เพลงประกอบเองก็ทำมาได้ดี จังหวะลุยก็ปลุกเร้าอารมณ์ได้ดีเยี่ยม จังหวะผ่อน ดราม่าก็ใช้เพลงบรรเลงได้อย่างจับใจ เป็นอีก 1 เกมที่เราชอบกลับมาเปิดเพลงฟังซ้ำ
+ เกมเพลย์และความคุ้มค่าในการเล่นซ้ำ อยู่ในระดับมาตรฐานที่เกมแนว Open World จะมอบให้ มีเควสต์เสริมและมินิเกมให้ได้เล่นกันอย่างจุใจ พร้อมที่จะเผาเวลาผู้เล่นได้ดี (มีเกือบๆ 18+ ด้วย อย่างแจ่ม ขอบอก)

- เกมนี้จะเน้นหนักที่เนื้อเรื่องเกม และมี Cutscene ต่อเนื่องที่ค่อนข้างยาว ผู้เล่นที่ไม่ชอบนั่งดู Cutscene ยาวๆ อาจจะเบื่อได้ เพราะหากกดข้าม จะพลาดในจุดเด่นที่สุดของเกมนี้ไปทันที
- ระบบ Graphics ยังพอเห็นจุดบกพร่องในบางส่วน เช่น การโหลดไม่ทันของ Texture หรือการแสดงรายละเอียดที่ดูแปลกๆ เมื่อซูมดูใกล้ๆ รวมถึงระยะเวลาในการโหลดเมื่อย้ายแผนที่ ที่บางครั้งก็นานจนรำคาญ เพราะเนื่องด้วยภาคนี้เป็นการเปลี่ยน Engine ทำให้บางอย่างยังดูไม่ค่อยเข้าที่
- เกมเพลย์ในฉากต่อสู้ค่อนข้างสนุกและเพลิดเพลินในระดับหนึ่ง แต่บางครั้งอาจมีปัญหากับการหยิบจับตัวศัตรูหรือสิ่งของที่ต้องการ สมมติเราอยากจะคว้าคอศัตรู กลับกลายเป็นไปหยิบวัตถุตามพื้นแทน (อยู่ใกล้กัน) ความซวยก็จะมาตกกับคิริว ที่เตรียมโดนศัตรูสวนหน้าแหกได้ และเมื่อเล่นไปนานๆ เข้า อาจเกิดความเบื่อหน่ายในความซ้ำซากจำเจของมันได้

ชอบนั่งดู Cutscene ยาว ๆ เนื้อเรื่องดีมาก เกมเพลย์เข้าใจไม่ยาก มี Quick Time Event เท่ๆ เก็บ Achievement ไม่ยาก สไตล์ GTA ในเวอร์ชั่นญี่ปุ่น เราเชียร์ให้ลองเล่นเกมนี้ เป็นเกมที่อยากให้เล่นก่อนตายอีกเกม ถึงไม่เคยเล่นภาคเก่ามาก่อนซักภาคก็ไม่มีปัญหา ยังไงก็เข้าใจเนื้อเรื่อง แค่จะไม่อินในรายละเอียด

Score: 8/10