Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
หลัง gen 7th เป็นต้นมา ทั้ง ms ทั้ง sony ก็พัฒนากันแบบ play safe ตลอด

Reply
Vote
# Fri 12 Jun 2020 : 11:11AM

FIRST
member

Since 9/5/2006
(2391 post)
เอาจริงๆกระบวนการเล่นเกม ผมว่าทุกคนคงรู้แล้วว่า องค์ประกอบในการเล่นที่มัน practical ที่สุด คือสบายและเล่นได้นาน มันคือ จอย (หรือเมาส์กับคีย์บอร์ด) + TV (หรือ monitor) จะ kinect VR PS camera มันเป็น gimmick ที่เจ๋งนะ แต่มันเหนื่อย มันเล่นนานๆไม่ได้ บางคนอาจเวียนหัว แถมหลายๆอย่างเราต้องจ่ายแพงขึ้น อันนี้พูดได้เต็มปากเพราะเล่นมาเกือบทุกแบบแล้ว (รวมถึงพวก nintendo labo, ringfit, อุปกรณ์เสริม Wii อีกหลายๆอย่างๆ เครื่อง console ก็เล่นมาเกือบหมดละ)

ผมว่าการที่เขามาลงทุนกับจุดที่คนเล่น enjoy คือศักยภาพของเครื่องให้มันแรงๆ มันสามารถสร้างเกมส์ในแบบที่ไม่เคยสร้างได้มาก่อนนะถูกแล้ว เกมส์ภาพสวยขึ้น รายละเอียดเยอะขึ้น สมจริงขึ้น โหลดเร็วขึ้น ผู้พัฒนามีอิสระในการทำเกมส์มากขึ้น มันดีมากเลยนะ

ให้มาใส่ระบบอื่นๆขำๆเป็น gimmick สุดท้ายมันมักลงเอยด้วยการที่ไม่มีคนใช้ ยกตัวอย่าง ระบบ Gyro หรือ ไฟ LED บนจอย, Touchpad ทั้งหลายทั้งแหล่เป็นต้น

ขนาด switch ที่ผมว่า Design มันสุดยอดมากๆ เอาจริงๆก็ไม่ใช่ทุกเกมส์ที่จะดึงศักยภาพออกมาได้หมด ขนาดมันสลับจาก Docking mode มาเป็น Handheld ได้นี่ผมแทบกราบ ผมยังไม่ค่อยได้่ใช้เลย ด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ไม่ค่อยได้เล่นตอนออกจากบ้านเท่าไหร่ (หลายท่านอาจจะใช้นะครับ อันนี้จาก ปสก ส่วนตัว)

สำหรับ PS กับ Xbox ของพวกนี้มัน Nice to have คือมีก็ดีนะ แต่ไม่มีก็ไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ เพราะกลุ่มลูกค้าเค้าไม่ได้ต้องการ ส่วนของ Nintendo เป็นอะไรที่ควรมีเพราะ กลุ่มลูกค้าที่เป็น target คือ Casual + Hardcore Gamer เป็นตลาดใหญ่กว่าตลาดของ PS กับ Xbox ที่เน้น Hardcore gamer เป็นส่วนมาก ตลาด Casual Gamer อาจจะต้องการเครื่องเล่นเกมส์ที่ตอบโจทย์ Life Style การเล่นเกมที่ไม่ต้องคิดเยอะ อยากเล่นก็เปิดเล่นได้ อยากเอาไป party ก็ทำได้ เป็นอุปกรณ์ออกกำลังกายก็ได้ด้วย เกมส์หลายเกมส์เช่น Animal Crossing ก็เน้นเล่นอวดบ้าน อวดเกาะแข่งกันใน Social Network หรือ จะพกพาไปไหนด้วย ก็ดูเป็นเครื่องเล่นเกมส์เก๋ๆ ที่แบบดูเข้าถึงง่าย ไม่ทำให้คนถือดู Nerd หรือ Geek ไป ในขณะที่ Hardcore Gamer คือ ฉันมาเล่นเกมส์เรื่องอื่นฉันไม่สนใจ ขอ performanceดีๆ ขอภาพสวยๆ ลื่นๆ HDR สีสันกระฉูด 60 fps การ control เกมส์แบบลื่นไหล RPG ก็ขอซับซ้อน grind กันโหดๆ เข้าถึงยากหน่อย Action มันๆ รั่วปุ่มกันกระจาย เนื้อเรื่องเข้มๆ เสพ content กันหนักๆ เห็นไหมครับ 2 กลุ่มนี้มันแตกต่างกันนะครับ (ไม่ได้เหมารวมนะ บางคนอาจจะเป็นทั้ง 2 กลุ่มก็ได้ แต่ว่าถ้านึกถึงตัวแทนของแต่ละกลุ่มลูกค้า ที่นึกออกก็เป็นแบบนี้)

สรุป สุดท้ายนี้ feature ต่างๆที่มันมีหรือไม่มี มันก็มาจากลูกค้าเนี่ยแหละครับ เวลาพัฒนา product สักตัว ใครๆก็อยากใส่ Feature ลงไปเยอะๆ มีอันนี้ก็เจ๋งดีนะ อันนั้นก็เจ๋งดี ปัญหาคือ ใส่มาแล้วลูกค้าได้ใช้มันรึเปล่า ลูกค้า Happy กับมันจริงๆหรือเปล่า Fucntion นี้มีแล้วแพงขึ้นแต่ไม่ได้ใช้จะมีทำไม? หรือจริงๆแล้วถ้าไม่ใส่เอาเวลากับทรัพยากรต่างๆไปพัฒนาไอ้สิ่งที่ลูกค้าเค้าต้องการให้มันดีที่สุดจะคุ้มกว่ารึเปล่า

จะเลือกแบบไหนต้องถามก่อนว่า ไอ้ของที่คุณจะทำคุณทำมาขายใคร? ถ้าตอบได้คุณจะรู้ว่าจริงๆแล้วเค้าอยากได้อะไร แล้วคุณควร design product ออกมาแบบไหนครับ เราไม่สามารถทำทุกอย่างได้เพราะทรัพยากรในโลกมีจำกัด โดยเฉพาะเงินและเวลา
[Edited 1 times FIRST - Last Edit 2020-06-12 11:25:12]
View all 1 comments >
Fri 12 Jun 2020 : 12:44PM

FIRST
member

Since 9/5/2006
(2391 post)
ิขอเสริมอีกเรื่องครับพอดีคิดว่าน่าสนใจ คือเกมส์ Console จริงมันคือธุรกิจ Platforming เนอะ ถ้าเอาง่ายๆคือสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยคือ คุณเหมือนเป็นเจ้าของตลาดที่ให้คนเข้ามาซื้อขายของในตลาดของคุณ โดยคนซื้อก็คือ ผู้เล่นเกมส์ คนขายก็คือ ผู้พัฒนาเกมส์ สินค้าในตลาดก็คือ เกมส์ต่างๆนั่นเอง

หมายความว่า การพัฒนาเครื่องเกมส์ Console นั้น Stakeholder หรือ ผู้เกี่ยวข้องใน Platform นี้ไม่ได้มีแค่ ผู้เล่นเกมส์ครับ แต่จะรวมถึงผู้พัฒนาเกมส์ด้วย

ในฐานะเจ้าของ Platform หรือเจ้าของตลาดเราก็คงอยากให้ตลาดของเราครึกครื้นถูกไหมครับ มีคนเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในตลาดเยอะ คนซื้อก็ Happy เพราะมีสินค้าดีๆวางขายในตลาดเยอะ คนขายก็ Happy เพราะลูกค้าเข้ามาซื้อของเยอะ ขายของได้เยอะ คนขายก็ Happy ดังนั้น

ดังนั้นเจ้้าของ Platform ก็ควรจะทำให้ Platform เข้าถึงได้ง่าย ใช้งานสะดวก มีของคุณภาพดีเยอะๆ คนมาขายของใน Platform ก็มีอิสระทำอะไรได้ง่าย ไม่ซับซ้อน สามารถผลิตของคุณภาพดีมาขายได้ พอมีของคุณภาพดีคนก็เข้ามาซื้อของเยอะ คนมาซื้อของเยอะ คนก็อยากมาขายของใน Platform นี้เยอะ เป็น Loop ไปเรื่อยๆ (Model ธุรกิจพวก Platform อื่นๆ เช่น Amazon Facebook Lazada Shopee จริงๆก็ใช้หลักการคล้ายๆแบบนี้เลยครับ)

ถ้ายังงงๆ ลองจินตนาการดูนะครับว่าถ้า
1. ตลาดของคุณเข้าถึงได้ยากมาก หาที่จอดยาก รถติด คนซื้อก็ไม่อยากมาซื้อถูกไหมครับ คนขายจะมาขายก็ลำบาก ฉันไปตลาดอื่น (console อื่น/PC ) ดีกว่าไหม เปรียบได้กับ console ราคาแพงคนเข้าถึงยาก ต้องจ่ายเงินซ้ำซ้อนเยอะๆ หรือหาซื้อได้ยาก เป็นต้น
2. ตลาดเก็บค่าแผงในราคาแพง จะเข้ามาขายของต้องทำกฏระเบียบมากมาย ผู้ขายในตลาดน้อย คุณภาพก็ไม่ได้ดีอะไรมาก คนซื้อก็ไม่อยากซื้อ คนขายก็อยู่ไม่ได้ เปรียบได้กับ การพัฒนาเกมส์ลง console ทำได้ยาก ผู้พัฒนากว่าจะสร้างออกมาแต่ละเกมส์ใช้เวลา 4-5 ปีขึ้นไป ต้นทุนในการพัฒนาก็สูงตาม เจ้าของ console เก็บค่าส่วนแบ่งการขายแพง สู้ไปทำขายใน PC ดีกว่าไหม ทำให้ไม่มีเกมส์ดีๆวางจำหน่าย สุดท้ายซื้อเครื่องมาตั้งเฉยๆให้ฝุ่นจับ

[Edited 2 times FIRST - Last Edit 2020-06-12 12:51:54]


Reply
Vote




5 online users
Logged In :