ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติแม็คมาสเตอร์เยือนอัฟกานิสถานท่ามกลางคำถามในกลยุทธ์


H.R. McMaster

ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เข้าพบกับเจ้าหน้าที่ของอัฟกานิสถาน ในกรุงคาบูลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ท่ามกลางคำถามเกี่ยวกับแผนการบริหารภารกิจใหม่ของอัฟกานิสถาน ในประเทศอัฟกานิสถานหลังจากที่กองกำลังสหรัฐ ได้ปล่อยระเบิดขนาดใหญ่ใส่กับผู้ก่อการร้าย



การมาเยือนประเทศครั้งแรกของเจ้าหน้าที่อาวุโสระดับสูง เอช.อาร์.แม็คมาสเตอร์ เพียงไม่กี่วันหลังจากที่กองทัพสหรัฐฯ ได้จุดประกายการถกเถียงกันโดยเป็นเรื่องการทิ้งระเบิด จีบียู-43 เอ็มโอเอบี (อาวุธทิ้งระเบิดจากเครื่องบินขนาดใหญ่) ซึ่งเป็นหนึ่งในอาวุธที่ใหญ่ที่สุดในโลก เคยใช้ในการต่อสู้ในระหว่างการจัดการกลุ่มไอซิสในวันพฤหัสบดี ได้ถล่มกลุ่มก่อการร้ายในภาคตะวันออกของอัฟกานิสถาน



ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารกล่าวว่าการประท้วงเกิดขึ้น จากความต้องทราบยุทธวิธีทางการทหารเพียงอย่างเดียว แต่ก็นำไปสู่การคาดเดาว่าที่ปรึกษาด้านการป้องกันของทรัมป์ กำลังวางแผนที่จะขยายสงครามกับกลุ่มก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน



แม็คมาสเตอร์ได้เข้าพบประธานาธิบดีอัชราฟ กาห์นี และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอัฟกานิสถาน เพื่อหารือเรื่องความมั่นคงต่อต้านการก่อการร้ายการปฏิรูปและการพัฒนา แถลงการณ์ในบัญชีทวิตเตอร์ของพระราชวัง



ในการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับ"ดีส วีค"ของ เอบีซี ที่ออกอากาศในวันอาทิตย์ แม็คมาสเตอร์ได้กล่าวว่าในอดีตสหรัฐฯไม่ได้เป็นพันธมิตร ที่น่าเชื่อถือได้ในรัฐบาลของอัฟกานิสถาน เนื่องจากสหรัฐฯมักจะสนใจแต่กับกาห์นีตอนที่มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจไป
"ตอนนี้เรามีหุ้นส่วนในอัฟกานิสถานที่น่าเชื่อถือได้มากขึ้น และเราได้ลดระดับและขอบเขตของความพยายามของเราลงมาก เงินเดิมพันสูงนี่เป็นพรมแดนสมัยใหม่ ระหว่างความป่าเถื่อนและอารยธรรม "แม็คมาสเตอร์กล่าว



กองทัพสหรัฐเกือบ 9,000 คนประจำการอยู่ในอัฟกานิสถาน เพื่อฝึกและให้คำแนะนำแก่กองกำลังอัฟกานิสถาน ให้การสนับสนุนทางอากาศแก่ทหารบนพื้นดิน และสร้างหน่วยต่อต้านการก่อการร้าย ที่แยกกันซึ่งมุ่งเป้าไปยังรัฐอิสลามอัลกออิดะห์ และเครือข่ายการก่อการร้ายอื่น ๆ
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของสหรัฐฯในอัฟกานิสถาน กล่าวว่าเขาต้องการกองกำลังเพิ่มเติม "หลายพัน" เพื่อช่วยเหลือชาวอัฟกานิสถาน ในการฟื้นคืนชีพของตอลิบานและต่อสู้กับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบอื่นๆ แต่ยังไม่มีการประกาศแผนการอย่างเป็นทางการ



ข้อมูลจาก:NBC News
[Link]