Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
Review : Independence Day : Resurgence by Slashmeplease (สนุกแบบมีตำหนิ)

Reply
Vote
# Fri 24 Jun 2016 : 6:27PM

Slashmeplease
member
หลังเขา รุ่นที่ 3
Since 25/7/2010
(2337 post)
Review : Independence Day : Resurgence

ผู้กำกับ : Roland Emmerich (Independence Day, Godzilla 1998, 2012)

สรุปสั้นๆ : สนุกลุ้นระทึกดีครับ แค่อย่าคิดมาก และอย่าสนใจ CG ไม่เนียนพวกนั้นนะ 555

Independence Day ภาคแรก เป็นหนังที่ทำให้ผมชอบดูหนังจริงจังครับ

แน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไปตัวหนังก็ไม่ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีนัก เป็นหนัง Blockbuster เรื่องหนึ่งที่ใช้ความอลังการเรียกคนดู มีความน้ำเน่าฮอลลีวู้ดจ๋าแถมอวยอเมริกาสุดๆ แต่สำหรับผมในวัยเด็กนั้นมันเป็นหนังที่สุดยอด ความน่าเกรงขามมหึมาของฝ่ายมนุษย์ต่างดาว ตัวละครเนิร์ดต๊อกต๋อยที่กลายมาเป็นฮีโร่คิดวิธีช่วยโลก การเสียสละของนักบินรุ่นปู่ ทำให้เด็กชาย Slash ในวันนั้นเกิดความประทับใจในหนังฮอลลีวู้ด และกลายมาเป็น “คนรักหนัง” คนหนึ่งมาจนถึงปัจจุบันครับ



Independence Day : Resurgence (ID4R) เล่าถึงโลกใน 20 ปีหลังเหตุการณ์ในหนังภาคแรก เหล่ามนุษย์ได้ร่วมมือกันฟื้นฟูความเสียหายจากสงครามมนุษย์ต่างดาว และได้นำเทคโนโลยีบางส่วนของพวกต่างดาวมาปรับใช้เป็นของตัวเอง โลกดูเหมือนจะกลับมาเป็นสถานที่อันสงบสุขอีกครั้ง แต่มนุษย์นั้นยังไม่รู้ว่า เหล่ามนุษย์ต่างดาวที่พวกเขาเอาชนะไปเมื่อ 20 ปีก่อนนั้นเป็นแค่ส่วนน้อย และกองกำลังเสริมที่แข็งแกร่งกว่าของพวกมันกำลังจะมายังโลกอีกครั้ง

ตัวพล็อตหนังในส่วนที่เป็นการต่อสู้กับมนุษย์ต่างดาวนั้นทำได้สนุกทีเดียว จุดขายของภาคแรกเช่นความยิ่งใหญ่อลังการให้ความรู้สึกสิ้นหวังของพวกต่างดาวยังทำได้ดี อีกอย่างที่ชอบคือ Homage ไปยังหนังภาคแรกที่ทำได้ถึงอารมณ์ ตัวละครเก่าแทบทุกตัวกลับมาในภาคนี้ยกเว้น Will Smith ครับ (และผมคิดว่าตัวละครที่ดีที่สุดในภาค 2 นี้ก็คือตัวละครเก่าตัวหนึ่งน่ะแหละ) แต่ยังมีพล็อตส่วนเล็กๆบางส่วนที่ยังไม่ค่อยสมเหตุสมผล ไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่ การเขียนบทสนทนาต่างๆก็ค่อนข้างธรรมดาไม่หวือหวาอะไร สุนทรพจน์ที่ภาคแรกทำไว้ดีมากภาคนี้เหมือนพยายามจะใส่เข้ามาอีกหลายครั้ง แต่เวิร์คแค่ครั้งเดียวแฮะ มุกตลกก็มีปล่อยมาเรื่อยๆครับแต่ขำบ้างไม่ขำบ้าง ขำหึๆซะเป็นส่วนใหญ่ครับ



และแน่นอนสิ่งที่หลายคนต้องการจากหนังเรื่องนี้คือ งานภาพ CG ใช่ไหมล่ะครับ แต่ขอบอกไว้เลยว่าถึงแม้จะมีการออกแบบ Scene ได้หวือหวาอลังการดีทีเดียว แต่งานภาพ CG กลับไม่เนียนอย่างไม่น่าให้อภัยเลยครับ ดูเป็นการ์ตูนหลายฉากมากๆ น่าผิดหวังจริงๆครับหนังฟอร์มระดับนี้น่าจะทำให้ดีกว่านี้หน่อย ยิ่งไปเทียบกับภาคแรกที่เป็นหนังงานภาพล้ำหน้ามากๆสำหรับยุคนั้น พอมาดูเรื่องนี้แล้วรู้สึกถอยหลังลงคลองยังไงไม่รู้ครับ

ส่วนดนตรีประกอบนั้น เพลง Theme ของภาคแรกที่เป็นเพลงที่ให้อารมณ์ความหวังของฝ่ายมนุษย์นั้นก็กลับมาอีกครั้งครับ แต่มาในช่วงหลังๆและรู้สึกยังไม่สอดคล้องอารมณ์เท่าไหร่ ส่วน Theme ภาคเก่าที่แสดงความยิ่งใหญ่น่ากลัวของพวกมนุษย์ต่างดาวนั้นภาคนี้กลับหายจ้อยครับ น่าเสียดายนะผมชอบ Theme นั้นมากเลย



ในเรื่องของการแสดง แน่นอนครับนี่เป็นหนังที่ไม่ค่อยจะหวังการแสดงกันอยู่แล้ว แต่พวกตัวละครเก่าๆที่เป็นดารารุ่นเก๋าก็ทำได้ดีนะครับ ผมชอบ Bill Pullman ที่เล่นเป็นอดีตประธานาธิบดี Whitmore มากเลย ส่วนตัวละครเด็กยุคใหม่ที่เล่นโดยดารารุ่นใหม่นั้นยังเฉยๆครับ มาโชว์ความหล่อสวยกันแค่นั้น

สรุป ผมสนุกกับหนังนะ สิ่งที่ทำให้ชอบภาคแรกก็ยังมีอยู่ ถึงแม้จะดรอปลงนิดๆ เป็นหนัง Popcorn ดูไม่คิดมากอยู่แล้วครับ อย่าไปเพ่ง CG มากก็แล้วกัน 555



คะแนน 7/10 (B) ครับ

*ของแถม เรื่องนี้มีสาวแจ่มถึงสองคนเลยทีเดียว ทั้ง Maika Monroe อดีตนักแสดงสาวจากเรื่อง It Follows และ Angelababy นักแสดงสาวชาวจีนครับ (คนหลังนี่ถูกใจผมมาก แหะๆ)



Reply
Vote




2 online users
Logged In :