มีอยู่สองอย่างที่ติดอยู่ในหัวระหว่างที่กำลังจะเขียน หนึ่งเลยคือชื่อเกม (และชื่อตัวเอก) มันอ่านว่าอะไรกันแน่ เข้าใจว่าคนส่วนใหญ่จะ "ชานเต้" กัน แต่เอาเข้าจริงมันก็อ่านว่า "ชานตี้" ได้นะแบบ - ชานตี้ยักษ์จีนี่ในตะเกียง - แต่ที่แน่ ๆ ไม่ได้อ่านว่า "ชานตาเอ้" แน่ ใครอ่านแบบนี้เดี๋ยวหยิกเลย สรุปแล้วเดี๋ยวจะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบด้วยการใช้ Shantae ทับศัพท์ไปเลยละกัน
เรื่องที่สอง ส่วนตัวแล้วคนเขียนไม่ชอบแนว Metroidvania ครับ ก็คือแนว 2D platform แบบนี้นี่จะไปทางสายร็อคแมนอะไรแบบนี้มากกว่า คือเข้าด่านแล้วก็ตรงไปหาบอสโดยระหว่างทางมีความลับเป็นหย่อม ๆ ไป ไม่ใช่แบบด่านใหญ่ ๆ เป็นแอเรียแล้วความลับพี่มีทุกมุมอะไรแบบนี้ ต้องมานั่งจด นั่งจำ นั่งย้อนกันตาแหกไม่ชอบเลย แต่ทว่าในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมานี้รู้สึกว่าตัวเองจะเล่น Metroidvania มากกว่าแพลตฟอร์มปกติเสียอีก Shantae ก็เป็นหนึ่งในเกมเหล่านั้น (ที่ประทับใจที่สุดขอเสนอ Ori and the Blind Forest) ก็เลยตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมถึงเล่นได้
คำตอบก็คือเพราะเกมพวกนี้มันเทพอะดิ! ก็เล่นแล้วสนุกอะ!!!
รีวิวด้วยเวอร์ชั่น PC
**ที่เลือกเล่นของ PC ไม่ลังเลเพราะเข็ดจาก Shovel Knight คอนโทรลเลอร์ PS4 มี input lag แบบเห็นได้ชัดเลยเวลาที่จะต้องโดดแบบแม่น ๆ หรือเล่นแบบ speed run เกมไหนโดนหนามทีเดียวตายตกหลุมครั้งเดียวตายจะไม่เล่นของ PS4 อีกแล้ว....... (ที่รู้เพราะเป็นสาวก ซื้อมันทั้ง PC ทั้ง PS4)
อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า Shantae เป็นเกมแพลตฟอร์ม ทีนี้ในสองภาคก่อนเนี่ย (Risky's Revenge, The Pirate's Curse) จะผสมผสานความเป็น Metroidvania พอประมาณคือจำเป็นต้องมีเมนูแผนที่ มีพัซเซิ่ลตรงนั้นตรงนี้ มีต้องฟาร์มเก็บเงินอัพเกรดตัวละคร ฯลฯ แต่สำหรับผลงานล่าสุดอย่าง Half-Genie Hero ก็ลดขนาดตรงส่วนนั้นลงไปเน้นให้กลายเป็นเกมลุยด่านแบบทีเดียวจบมากขึ้น แม้หลายครั้งอาจจะยังต้องย้อนด่านเก่าไปเก็บของหรือทำเควสสำคัญเพื่อปลดล็อคความสามารถพิเศษให้เกมไปต่อได้ แต่ประเด็นหลักก็ยังอยู่ที่ลุยด่านแบบตรงไปตรงมาแล้วสู้บอสที่สุดทางมากกว่าอยู่ดี อันนี้ส่วนตัวค่อนข้างแปลกใจอยู่ ถ้าให้เดาก็อาจจะอยู่ตรงที่งบไม่ได้มากพอที่จะทำแผนที่ฉากซับซ้อนในขณะที่ตัวเกมเปลี่ยนถ่ายยุคสมัยจาก SD เป็น HD อันนี้ก็ไว้รอดูภาคต่อไปละกัน
ซึ่งความสามารถที่ว่าก็เป็นเบสิคง่าย ๆ อย่างแปลงร่างเป็นลิงเกาะกำแพงได้ แปลงร่างเป็นค้างคาวบินได้ แปลงร่างเป็นปูว่ายน้ำได้ เป็นต้น แล้วก็มีพวกเวทมนตร์อย่างยิงไฟบอล กางบาเรีย เติมเลือดตัวเอง ประมาณนี้ ใช้ง่ายเข้าใจง่าย ที่ยากอยู่ตรงที่ "ต้องไปใข้ตรงไหน" ถึงจะผ่านด่านหรือเจอความลับ โอเคล่ะว่าคำใบ้ที่ตัวละครให้มาค่อนข้างชัดเจน แต่ถ้าอ่านไม่ออกเลยหรือวางสมองไว้นอกศีรษะตอนเล่นนี่ก็อาจจะมีงงไม่ใช่น้อย (และก็จะไม่จบเกมเอา)
จุดที่อยากจะติมีอยู่จุหนึ่งคือถ้าไม่นับเควสทางผ่านเกมที่ต้องใช้สมองคิดบ้างจากคำใบ้ของ NPC ตัวเกมง่ายมาก นอกจากศัตรูปกติจะอ่อนแอระดับสะกิดนิดหน่อยก็ตายกันหมดแล้ว ถ้ามีหัวใจเยอะ ๆ + มีบิกินี่เกราะนี่ยืนแลกกับบอสแบบไม่ต้องหลบเลยแทบทุกตัวตั้งแต่ต้นยันจบ มันมาก (ประชด) มองโลกในแง่ดี คิดเสียว่าให้เด็กที่ไม่ใช่สายเด็กเถื่อนเล่นจนจบได้ละกัน
ก่อนอื่นเลย ถึงจะรู้กันมาก่อนตั้งแต่เปิดตัวแล้วว่า Shantae ภาคนี้จะเปลี่ยนจาก pixel art ทั้งเกมเป็นแบบ 2D Vector แทนสำหรับตัวละครส่วนฉากก็จะเป็นแบบ 3D เนียน ๆ กันไป เปลี่ยนแบบนี้ก็ไม่ว่าครับ เข้าใจว่า pixel art ในยุค HD มันใช้เงินเยอะกว่า จะไปรีไซเคิลก็ไม่ใช่ละ สมัยนี้จอทีวีจอคอมขั้นต่ำก็ 720p-1080p แล้ว ต้องพัฒนากันบ้าง ไอ้ 2D Vector เนี่ยถ้าทำไม่ดีคุณภาพอนิเมชั่นหรือโมชั่นตัวละครนี่จะประมาณแฟรชเกมหรือเกมมือถือทุนต่ำ ๆ น่าเกลียด ซึ่งไม่ใช่ในเคสของ Shantae ครับ อันนี้เคลื่อนไหวนุ่มนวลกลมกลืน ดีไซน์ก็ดีดูกันเพลินไปเลย
พูดแล้วก็ไม่รู้จะตลกหรือจะเศร้าดี เกมทุนไม่ถึงล้าน $ อย่าง Shantae หรือ Shovel Knight ทำทุกอย่างได้ดีกว่า 3.8 ล้าน $ อย่าง Mighty No.9 ได้แทบทุกประการ โดยเฉพาะกราฟิคแบบ Shantae ภาคนี้มันควรจะเป็นภาพตอนเกมเสร็จแล้วของ MN9 ไม่ใช่เหรอเนี่ย 2D วาดมือสวย ๆ + ฉากสวย ๆ แบบนี้เนี่ย! เฮ้ย!!! แล้วร็อคแมนนี่จะทำแค่นี้ไม่ได้หรือไง?! fffffffuu
เหลือบไปมอง Bloodstained: Ritual of the Night ...5.5 ล้าน $ ...ขอให้จำเริญ ๆ
สรุปแล้วรู้สึกมีบุญเหลือเกินที่ยังได้เล่นอะไรที่อยู่ในระดับ Shantae แล้วก็เกมอินดี้ดี ๆ เกมอื่น ๆ แนวเดียวกันที่ไม่ได้เอ่ยชื่อมา ณ ตรงนี้
เปรียบเทียบให้ดู
...
แล้วก็...
Mighty "อุบาทว์สรึด" No.9
ก็ตามนั้นครับที่เหลือก็คือสวย ๆ งาม ๆ แบบ 60fps (ของ WiiU กับ Vita ก็น่าจะทำถึง?) ซาวน์แทร็คก็เทพไม่ใช่น้อย น่าเสียดายที่ว่าเงินสมทบทุนใน Kickstarter ไปไม่ถึง full voice กับมีฉากอนิเมตอนเนื้อเรื่อง
ในส่วนพล็อตของเกมก็เน้นเรียบง่ายครับ ไม่ว่าภาคไหนก็เน้นช่วยชาวบ้าน ใครทำตัวไม่ดีก่อความวุ่นวายก็ไปสต็อพให้เลิกทำ แล้วก็มีพัฒนาการของตัวละคร (ขาประจำ มาทุกภาค) บ้างตรงนั้นตรงนี้ แล้วก็ยิงมุกเล่น meme เล่นมุกวงในใส่กัน+ใส่ผู้เล่น (ถ้าใครมีความรู้เรื่องเกมเยอะ ๆ ก็อาจจะ "อ้อ!" ในหลาย ๆ จุด)
ตัวเกมหลักใช้เวลาประมาณ 5-10 ชั่วโมงจบ คือ...วัดให้แบบเป๊ะไม่ได้เพราะเผลอเปิดเกมทิ้งไว้นาน :P ทั้งนี้ทั้งนั้นเข้าใจว่าเดี๋ยวมี DLC ตัวละครมาเพิ่มแน่นอนล่ะหนึ่งอย่าง แล้วถ้าเกมขายดีมาก พวกเนื้อเรื่อง Bonus Chapter ก็อาจจะมีมาเพิ่มอีกฟรี ๆ ก็เลยคิดว่าถ้าถึงตอนนั้นก็น่ากลับมาเล่นอีกรอบนะ
เปรียบเทียบ ขนาด = คุณภาพเกม
Mighty No. 9 = มดจิ๋วตัวน้อยมองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น
Shantae: Half-Genie Hero = ท่านพ่อช้าง
แพลตฟอร์มชั้นดีอีกเกม 8.7/10 คะแนน คุณภาพเกินราคา ไปหามาเล่นเสียเถิด
อ่านชื่อกลางเจ๊แล้วสะดุ้งเลย ~v~
ได้ลายเส้นคนวาดร๊อคแมนซีโร่ มาแล้ว ค่อยยังชั่วหน่อย ดูน่ารักน่ากอดกว่ากันเยอะเลย
Summa cum laude แปลว่าเกียรตินิยม อันดับหนึ่งครับ ไม่ใช่ชื่อตัวละคร
ในประโยคคือ เค้าจะโม้ประมาณ ชั้นท้้งสวยทั้งเก่งทั้งฉลาด
homecoming queen เทียบได้กับดาวโรงเรียน miss tassel town คือเหมือนแปลว่า ธิดาประจำตำบลอ่ะคับ
ปล. ตัวละครชื่อ Holly Lingerbean
https://www.youtube.com/watch?v=EOPtDknFwtI
ตอนใกล้จบ มีอ่านออกเสียงให้ฟัง