Don't Breathe ( 2016 ) - วิจารณ์��าพยนตร์โดย FallsDownz
หลังจากสร้างความหฤหรรษ์จากผลงานสุดโหดแต่โคตรมันส์อย่าง Evil Dead ฉบับรีเมคในปี 2013 มาแล้ว ผู้กำกับ เฟเด อัลวาเรซ เตรียมพิสูจน์ความสามารถให้เราได้เห็นอีกครั้งในผลงานระทึกเรื่องใหม่ที่จะทำให้คุณต้องกลั้นหายใจ Don't Breathe
แม้ตัวตัวบทจะดูพื้นๆไปบ้าง แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผลงานสุดระทึกเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสอดแทรกลูกเล่นต่างๆลงไปในภาพยนตร์ คล้ายกับ Evil Dead ฉบับรีเมค ซึ่งเป็นอะไรที่น่าติดตามของ อัลวาเรซ เสียจริงๆ
การนั่งชม Don't Breathe เปรียบเสมือนการที่เราเดินเข้าไปในความมืดมิด ที่ยิ่งเราถลำลึกลงไปมากเท่าไร ลูกเล่นและความระทึกก็ยิ่งทวีคูณ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องผ่านการเคลื่อนไหวของกล้องที่เลื้อยรับไปมาระหว่างสิ่งของและตัวละครต่างๆได้ไม่ขาดตอน การสลับความได้เปรียบเสียเปรียบของตัวละครอย่างชาญฉลาดผ่านเทคนิคที่ผสมเข้ากับเรื่องราวได้ลงตัว หรือจุดหักมุมที่มาอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว
ที่เหนือยิ่งไปอีกขั้นก็คือการที่ Don't Breathe สามารถที่จะท้าทายและตั้งคำถามถึงศีลธรรมสิ่งผิดถูกไม่ใช่แค่ต่อตัวละคร แต่ยังต่อผู้ชมที่กำลังชมอยู่โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว ทำให้เราต้องย้อนกลับมาตั้งคำถามกับความนึกคิดและความรู้สึกของเราเมื่อเรื่องราวทั้งหมดได้จบลง
เหล่าทีมนักแสดงก็ทำหน้าที่ได้ค่อนข้างดีแม้จะไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก แต่สิ่งที่ปฏิเสธได้ยากคือความเหมาะสมของตัว สตีเฟน แลงก์ ในบทบาทนี้ ซึ่งทำให้เรานึกภาพตัวละครนี้รับบทโดยนักแสดงคนอื่นได้ยากลำบากนัก
ถึงแม้จะรู้สึกเสียดายที่ Don't Breathe ขาดความโหดซะใจแบบ Evil Dead ไปเนื่องจากตัวเรื่องราวที่เกิดขึ้นและเทคนิคการถ่ายทำ แต่ในขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็นำมาซึ่งองค์ประกอบในการเซอร์ไพรซ์ผู้ชมแบบใหม่ ทำให้บทสรุปของภาพยนตร์เรื่องนี้น่าประทับใจไปโดยปริยาย
Final Score: [ 7.5 ]
แม้ตัวตัวบทจะดูพื้นๆไปบ้าง แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผลงานสุดระทึกเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสอดแทรกลูกเล่นต่างๆลงไปในภาพยนตร์ คล้ายกับ Evil Dead ฉบับรีเมค ซึ่งเป็นอะไรที่น่าติดตามของ อัลวาเรซ เสียจริงๆ
การนั่งชม Don't Breathe เปรียบเสมือนการที่เราเดินเข้าไปในความมืดมิด ที่ยิ่งเราถลำลึกลงไปมากเท่าไร ลูกเล่นและความระทึกก็ยิ่งทวีคูณ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องผ่านการเคลื่อนไหวของกล้องที่เลื้อยรับไปมาระหว่างสิ่งของและตัวละครต่างๆได้ไม่ขาดตอน การสลับความได้เปรียบเสียเปรียบของตัวละครอย่างชาญฉลาดผ่านเทคนิคที่ผสมเข้ากับเรื่องราวได้ลงตัว หรือจุดหักมุมที่มาอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว
ที่เหนือยิ่งไปอีกขั้นก็คือการที่ Don't Breathe สามารถที่จะท้าทายและตั้งคำถามถึงศีลธรรมสิ่งผิดถูกไม่ใช่แค่ต่อตัวละคร แต่ยังต่อผู้ชมที่กำลังชมอยู่โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว ทำให้เราต้องย้อนกลับมาตั้งคำถามกับความนึกคิดและความรู้สึกของเราเมื่อเรื่องราวทั้งหมดได้จบลง
เหล่าทีมนักแสดงก็ทำหน้าที่ได้ค่อนข้างดีแม้จะไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก แต่สิ่งที่ปฏิเสธได้ยากคือความเหมาะสมของตัว สตีเฟน แลงก์ ในบทบาทนี้ ซึ่งทำให้เรานึกภาพตัวละครนี้รับบทโดยนักแสดงคนอื่นได้ยากลำบากนัก
ถึงแม้จะรู้สึกเสียดายที่ Don't Breathe ขาดความโหดซะใจแบบ Evil Dead ไปเนื่องจากตัวเรื่องราวที่เกิดขึ้นและเทคนิคการถ่ายทำ แต่ในขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็นำมาซึ่งองค์ประกอบในการเซอร์ไพรซ์ผู้ชมแบบใหม่ ทำให้บทสรุปของภาพยนตร์เรื่องนี้น่าประทับใจไปโดยปริยาย
Final Score: [ 7.5 ]
Popular News
แสดงความคิดเห็น
กลั้นหายใจตามจังหวะหนังจริงๆ
กลายเป็นว่าระหว่างดูหนังไปก็คิดไปว่า นี่เรากำลังเอาใจช่วยคนทำไม่ดีอยู่เหรอ?? สิ่งที่ทุกคนในหนังทำมันไม่ถูกต้องเลยแต่เพราะทั้งหมดมีแรงขับเคลื่อนที่ทำให้ต้องทำแบบนั้น กลายเป็นเห็นใจและเอาใจช่วยเพราะไม่อยากเห็นใครต้องสูญเสียไปมากกว่านี้
ตลกตัวเองเหมือนกัน
ที่หยุดกึกตามตัวละคร เอาใจช่วยลุ้นไปได้ขนาดนี้
โดนใจมาก