Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
รีวิวเดโม Biohazard 7 เวอร์ชั่น VR จากงาน Tokyo Game Show 2016
Master_Vivi at 2016-09-19 21:13:58 , Reads (28157), Comments (22) , Source :


 

กลับมาอีกครั้งกับ Biohazard 7 ภาคใหม่ล่าสุด หลังจากเปิดตัวไปในงาน E3 ที่ผ่านมา หลังจากนั้นได้มีการปล่อยเดโมทีเซอร์ Beginning Hour ออกมาให้ทดลองกัน ก็จะพอจะทราบได้บ้างว่า สิ่งที่ทีมงาน Capcom ต้องการจะสื่อคืออะไร ที่จากที่เห็นได้ชัดๆ คือ กลับมาเป็นแนว Survival Horror ในแบบที่เหมือนกับภาค 1 ถึง 3 อีกครั้ง นั่นก็ทำให้ที่ทำให้เกิดกระแสตอบรับจากเกมเมอร์หน้าเก่าหน้าใหม่ทั้งในด้านบวกและด้านลบ เพราะบางคนก็ไม่ถูกกับเกมแนวเดอะช็อคสยองขวัญซักเท่าไหร่ (ทั้งที่จุดกำเนิดมันเป็นเกมแนวนั้น) ยิ่งไปกว่านั้นที่ทำให้โลกออนไลน์เดือดพล่านเพราะตัวเกมมีการนำเสนอในรูปแบบมุมมอง “บุคคลที่ 1” (First Person) และเปิดเผยเพิ้มเติมว่าตัวเกมจะรองรับกับ PlayStation VR โดยสามารถเล่นได้ทั้งเกมตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งก็มีทั้งคนที่ชอบและคนที่ไม่ชอบ สงสัยในทิศทางของตัวเกมภาคนี้ ทำให้วลีติดปากว่า “มันไม่ใช่ไบโอฮาซาร์ด” อันที่จริงมันก็ไม่ได้แปลกซะทีเดียว เพราะเมื่อหลายปีที่แล้วตอนที่เปิดตัวไบโอสี่ ตอนแรกเริ่มก็มีกระแสตอบรับออกมาในลักษณะเดียวกันว่า (ซอมบี้หายไปไหน มุมมองแบบเก่ามันหายไปไหน ปริศนาหากุญแจผลักรูปปั้นไปไหน เป็นต้น อันที่จริงการเปลี่ยนแปลงของไบโอฮาซาร์ด คาดว่าไม่ว่าจะออกมาอย่างไรก็คงจะมีแนวโน้มที่จะมีคนติติง อาจจะเพราะต่างคนต่างชอบคนละแบบไป แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าแนวทางการโปรโมทของภาคนี้ก็ชวนล่อเป้า เพราะโผล่มาตอนแรกในงาน  E3 เมื่อกลางปี ทำเอาทุกคนตกใจสงสัยว่าไปแอบทำมาตอนไหน ประกาศวันนี้จะออกอีกหลังจากนี้ไม่กีเดือน และสิ่งที่เปิดเผยออกมา ดูลึกลับ บัดนี้ยังไม่ได้เห็นอะไรมากมายเท่าไหร่ ไม้รู้แม้กระทั่งตัวเอกหลัก ตัวละครเก่า ตอนนี้มีการเปิดเผยตัวละครที่ถูกอ้างว่าเป็นตัวประกอบ เปิดเผยตัวร้ายไม้เห็นอะไรเชื่อมไปยังภาคเก่าก่อนโยงอย่างชัดเจน จนทำให้คนหลายคนเริ่มสงสัยว่า นี่มันไม่ใช่ไบโอฮาซาร์ด (อีกแล้ว) ล่าสุดทางทีมงานก็ได้เปิดเผยเพิ่มเติมเล็กน้อยจากเทรลเลอร์ที่งาน TGS ที่ผ่านมา ก็พอจะเห็นได้ว่ามันก็มีฉากสู้ ยิงปืนได้ และล่าสุดเดโม Beginning Hour ยังได้อัพเดทเล็กน้อย (น้อยมาก) ที่บอกสื่ออ้อมๆ ว่าเกมนี้มีกระสุนปืนนะและต้องมีปีนด้วย ส่วนตัวก็ไม่ทราบว่าการตลาดของ Capcom ต้องการเล่นตลกอะไรกับลูกค้าที่กำลังรอซื้อรอเล่น แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้คิดว่าคงไม่ต้องเอาไปเปรียบเที่ยบกับเกมอย่าง Outlast หรือ P.T. (ที่อันที่จริงไม่น่าจะเรียกว่าเป็นเกมได้ด้วยซ้ำ) เพราะมันไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน

หลังจากนอกเรื่องมานาน เข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ ผมได้มีโอกาสได้ไปทดลองเล่นเดโมเกม ที่มีชื่อตอนว่า “Lantern” ในงาน TGS เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในฐานะสื่อ (อู้งาน) จาก Gconhub เดโมในงานจะมีสองเวอร์ชั่น คือแบบธรรมดา และแบบ VR ซึ่งต้องเอาตั๋วจองเวลาล่วงหน้าในงานก่อน เนื่องจากในฐานะสื่อก็เลยได้เข้าตัวงานก่อนคนทั้วไปกว่าครึ่งชั่วโมง เลยเดินตัวปลิวไปหยิบบัตรคิวได้เลย และอยากบอกว่ามันหมดทันทีในไม่กี่นาทีที่ประตูเปิดให้คนทั่วไปเข้ามา แต่ก่อนอื่นอยากบอกให้ฟังก่อนว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของ Biohazard 7 ที่ได้เอาประสบการณ์ VR มาให้ลองในงาน ก่อนหน้าได้เดโมตัว Beginning Hour ก็มีแบบ VR ในงาน E3 และตัวเดโม Lantern ก็ได้ให้ทดลองเล่นก่อนหน้านี้แล้วในงาน Gamescom ที่ผ่านมา และอีกครั้งในงาน TGS ครั้งนี้ ระหว่างที่ลองเล่นก็แอบเห็นมีคนที่เล่นแล้วก็ดูกลัว สีหน้าท่าทางหวาดวิตก มีน้องผู้หญิงคนนึงท่าจะกลัวมากตอนที่ตกใจเผลอถอด PS VR กระเด็นออกจากหัวแต่ก็มีทีมงาน (พริตตี้) มารับทัน ทำให้ถึงคิวได้ลองแล้วเลยแอบตื่นเต้นนิดหน่อย หรืออาจจะเพราะมีพริตตี้คนหนึ่งวิ่งมาสลับแทนที่หลังจากเราบอกจะเล่นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษเนื่องจากคงจะภาษาอังกฤษเป๊ะที่สุด พริ้ตตี้คนนี้มีหน้าทีดูแลซัพพอร์ททุกอย่าง ทางนักข่าวหนวดของเราอาสาขอถ่ายภาพตอนผมและพริตตี้ตอนเล่นแทน พริตตี้ได้ใส่ PSVR ให้ผม พร้อมบอกให้ปรับระยะโฟกัสที่ตาให้มันชัดเจน จากที่ผมสังเกต ตัวเกมรันด้วยเครื่อง PlayStation 4 ตัวแรก (ไม่ใช่ Pro) หลังจากนั้นพริตตี้ก็สวมหูฟังและจับจอยมายัดใส่มือให้ ทำให้คิดว่าอันที่จริงแล้วการเล่น PSVR ในกรณีอยู่คนเดียว เราต้องเอาจอยและหูฟังมาใกล้ในระยะที่มือเราจับใส่ได้เอง เพราะมันค่อนข้างจะลำบากหลังจากใส่ไปแน่นพอดีโฟกัสได้แล้วจะไม่เห็นอะไรในโลกภายนอกเลย

หลังจากนั้นจะมีการจูนตำแหน่งจุดกลางของจอโดยการกดปุ่ม option ค้างไว้ จากนั้นเราต้องหันหัวเพื่อเล็งมุมมองไปยังจุดรอยเลือดสีแดงบนล่างซ้ายขวา เพื่อปรับจูน PSVR หลังจากเสร็จแล้วเราจะได้ทดลองเดิน การบังคับเดินจะคล้ายกับของเวอร์ชั่นปกติที่เคยลองใน Beginning Hour โดยการเคลื่อนที่จะใช้อนาล็อคด้านซ้าย กดปุ่มอนาล็อค L3 ลงเพื่อวิ่ง กดปุ่มอนาล็อค R3 ลงเพื่อนั่ง สามเหลี่ยมเปิดเมนู วงกลมกดเลือกตกลง แต่ที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นปกติอย่างเห็นได้ชัดคือ การหมุนมุมกล้อง โดยเฉพาะตัวเวอร์ชั่น TGS ที่ทาง Capcom บอกว่าได้ปรับแต่งใหม่ เพราะได้รับฟีดแบคกลับไปอย่างหนาหูจากคนที่ทดลงในงาน E3 และ Gamescom ว่า “เล่นแล้วมันเวียนหัว” เลยเป็นโจทย์ของทางทีมงานที่ต้องปรับปรุงการคอนโทรลมุมมองในเวอร์ชั่น VR เพื่อแก้ปัญหาเรืองนี้ การเปลี่ยนมุมมองคือใช้แกนอนาล็อคขวาเหมือนเวอร์ชั่นปกติ แต่มันเป็นการหมุนมุมมองแค่ในแนวระนาบกับพื้นเท่านั้น และเป็นการหมุนองศาสั้นๆ เป็นเสต็บ จะอธิบายอีกแบบ คือคล้ายกับ quick turn ที่เกมหลายเกมในเกมสมัยนี้ใช่เพื่อหันหลังกลับอย่างรวดเร็วเพื่อลด motion หรือความหน่วงจากการเคลื่อนมุมกล้อง แต่ใน Biohazard 7 ผมขอเรียกมันว่าหมุนแบบไว หรือ quick rotate หละกัน เพราะแทนที่จะเป็นการกลับมุมมอง 180 องศาแบบ quick turn แต่ quick rotate จะหมุนเป็นสเต็บรอบตัวเราประมาณ 15-20 องศา (ตามความรู้สึกผมเอง)  อ้าว… แล้วการมองบนล่างทำยังไง? ก็โยกหัวขึ้นลงมองชะโงกเอียงคอตามสบาย หรืออยากหันหัวมองหลังแบบเร็วๆ ด้วยก็ได้

เอาหละครับก่อนเริ่มพริตตี้ได้เข้ามากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูว่า "ถ้ากลัว มึนหัว ไม่ไหวให้บอกนะคะ" และขอก่อนว่าบอกว่าผมเองพื้นฐานเป็นคนที่จิตแข็งกับหนังผีหรือเกมสยองขวัญมากๆ เลยไม่กลัวคำขู่ของพริตตี้เท่าไหร่ เริ่มมาเราจะได้เล่นเกมเพลย์จากวีดีโอแบบ found footage หรือ VHS คล้ายกับม้วนวีดีโอในเดโม Beginning Hour แต่เดโม Lantern นั้นได้นำเสนอผ่านมุมมองสายตาของตัวละครหญิงที่ชื่อว่า Mia ที่กำลังกระเสือกกระสนหนีอะไรบางอย่างอยู่ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันถ้าคิดตามความเป็นจริงคือ “มันเป็นวีดีโอที่อัดมาได้อย่างไร?” เพราะมันน่าจะเป็นมุมมองจากสายตามากกว่าจะเป็นมุมมองของกล้องวีดีโอ แต่ที่ช็อคมากกว่านั้นคือ ความละเอียดของกราฟิกที่ลดคุณภาพลงมากเหลือเกิน จนมันแทบแตกละเอียดจนรู้สึกเหมือนเป็นละเกมกับตัวปกติ หรือเหมือนกับเป็น Biohazard 7 เป็นเวอร์ชั่นที่เพอร์ตลงคอนโซลเจนที่แล้วซะอย่างไรอย่างนั้น แต่เอาเถอะครับอย่าเพิ่งคิดมากเลย ตามหลักของการทำเกมสำหรับ VR ในปัจจุบัน จะเห็นข้อจำกัดหลายอย่างโดยเฉพาะการโปรแกรมมิ่ง ต้องใช้ทรัพยากรมากเพื่อรันอะไรมากมายมากกว่าปกติและคงเฟรมเรทลื่นหัวแตกที่ 60 fps  มันก็ต้องแลกกับภาพที่ถูกลดทอนลงไป เพื่อให้ได้ประสบการณ์แปลกใหม่ในการเล่นเกม เกมจะเริ่มตรงที่สะพานไม้หน้าบ้านหลังโทรมๆ หลังหนึง จากนั้นมีคำอธิบายภารกิจหลัก บอกว่า “ให้หนี” หนีอะไรหละครับ? ผมก็มัวแต่ชื่นชมกราฟิกภาพป่า สะพาน เชิงเทียนอันสวยงามอยู่ พอหันหลังเท่านั้นเจอคุณแม่ ของบ้าน Baker ผู้น่ารัก ที่ภายหลังรู้ว่าชื่อมากาเรต แต่ผมขอเรียกว่า “ขุ่นแม่” หละกันครับง่ายดี ขุ่นแม่วิ่งตะโกนมึมมัมๆ ถือโคมไฟวิ่งทะยานเข้าหาเรา จะรออะไรครับ! ใส่เกียร์สุนัขวิ่งเข้าบ้านเลยครับ เข้าไปในบ้านแล้วจะเอาไงต่อดี ความรู้สึกแรกมันรู้สึกว่าห้องเป็นห้องที่มีมิติความเป็นห้องจริงๆ  บรรยากาศวังเวงเหมือนกับกระท่อมบ้านของลิซ่า เทรเวอร์ของ Biohazard ภาคแรก ผมเลยลองหาประตู หาทางหนีเองเพราะตัวเกมไม่ได้บอกตรงๆ ว่าต้องเข้าประตูไหน แมัแรกๆ จะไม่ชินกับกราฟิกของโลกเสมือนนี้ แต่ไม่เกินนาทีก็เริ่มจะอินกับมัน ผมรู้สึกได้ว่าเหมือนเราอยู่ในสถานการณ์จริงจนลืมชมกราฟิกไป จากนั้นระหว่างที่หนีก็ต้องหาประตู ตามหลืบ ซอก ขอบผนัง แต่ที่แน่ๆ ประสบการณ์ที่จะหาได้ในตัวเกมเวอร์ชั่น VR เท่านั้นคือ การที่เราสามารถหลบในที่กำบังแต่สามารถเอียงหัวเอียงตัวเองออกไปเพื่อแอบส่อง (peaking) หรือหารูเพื่อส่องหาศัตรูอยู่ไหนหรือไปหรือยัง การเอียงหัวดูเพื่อแอบมองมันเหมือนตอนเราเล่นซ่อนหาเอามากๆ ตื่นเต้นมากมาย

แต่เดโมนี้มันมีจุดที่เราสามารถ Game over ได้ง่ายๆ แบบ one hit kill ถ้าเราไปตัดสินใจไปหลบผิดที่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหลังจากตายก็สามารถเริ่มใหม่ได้ทันทีจากจุดเช็คพ้อยต์ใกล้ ผมสังเกตว่าหลังจากเริมใหม่รอบสอง ส่วนมากจะสามารถเล่นผ่านกันได้ง่ายขึ้น เพราะจาก การเดินของขุ่นแม่ ผมไม้ได้รู้สึกถึงความ intelligence เท่าไหร่ อย่างน้อยก็ในเดโมตัวนี้ มันเหมือนกับมันถูกกำหนดไว้แล้วว่าศัตรูต้องเดินไปทางไหน ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่า ตัวเกมที่จะออกมาขายนั้นจะเป็นแบบนี้ไหม? หรือมันจะมีเฉพาะตอนที่เราเล่นเกมในช่วงดู VHS footage ก็คงต้องรอดูกันต่อไปอีกครั้ง ผมเองก็คาดหวังให้มีอะไรมากกว่านี้ ในเรื่องการออกแบบบอส หรือศัตรู หรือการต่อกรกับมัน เพราะอย่าลืมว่าเกมนี้มันสู้ได้ไม่ได้หลบอย่างเดียว มันสู้ได้! เพิ่มเติม สิ่งที่ชอบอีกอย่างสำหรับเวอร์ชั่น VR คือ การรับรู้ทิศทางหรือตำแหน่งจากความสัมพันธ์ระหว่างเสียงกับการใช้ VR เช่นตอนที่เราหลบอยู่ใต้ถุนบ้านโดยที่ขุ่นแม่เราเดินอยู่ด้านบนและกระทืบเท้าอย่างอย่างโมโหโทโสอยู่นั้น ตอนนั้นรู้สึกได้ว่า เสียงมันมาจากด้านบนเราของจริงๆ นอกจากนี้ ความรู้สึกของการได้อยู่ในสภาพความกว้างความแคบสเมือน เช่นตอนที่เราขยับผ่านซอกใต้ถุนบ้านก็รู้สึกว่ามันเป็นรูปทรงนั้น มันแคบและอึดอัดจริงๆ

ตอนท้ายเกมเราจะโดนขุ่นแม่จับตัวได้และหลังจากตื่นขึ้นมาเราจะเข้าฉากฉากโต๊ะอาหารที่เราเคยเห็นในเทรลเลอร์ แต่ฉากนี้อยากบอกว่าประสบการณ์ตอนที่ดูเทรลเลอร์มันไม่เท่าไหร่ ตอนที่เล่นกับ PSVR มันสุดยอดมากมาย เพราะตอนเราจะนั่งบนโต๊ะอาหารร่วมกับสมาชิกครอบครัว Baker คราวนี้มากันหมด พ่อแม่ลูกที่เต็มไปด้วยซากศพ ไส้ เครื่องใน ขนาดความละเอียดต่ำ ผมยังรู้สึกสะอิดสะเอียน ฉากนี้ พริตตี้เรากำชับว่าให้จับจอยนิ่งๆ แน่นๆ และวางมือไว้ที่หน้าตักตัวเอง เพราะเราโดนมัดมือไว้กับเก้าอี้ไปไหนไม่ได้ จะเห็นได้ว่าการจัดระเบียบร่างกายให้เหมือนกับตัวละครในเกมตอนนั้นจะให้ประสบการณ์ที่สมจริงขึ้น ระหว่างนั้นเราได้แต่มองรอบๆ ขุ่นลูกก็โยนอะไรไมรู้ใส่เรา แต่ผมจำได้ว่าผมโยกหลบด้วยปฎิกิริยาอัตโนมัติ หลังจากนั้นคุณพ่อหมัดหนักของเราก็มีปากมีเสียงกับขุ่นลุกเลยจับมีดไปสับแขนสั่งสอนขุ่นลูกหวังให้เข็ดหลาบ หลังจากนั้นคุณพ่อพยายามเอาเครื่องในมาป้อนใหเรากิน แน่นอนว่าภาพจาก VR มันเป็นสามดี คือรู้สึกว่ามันเอามายัดตรงหน้าเราเลย มันใกล้มาก มันปฎิเสธไม่ได้เลยครับที่ผมกลัวและต้องหรี่ตากับฉากนี้ หลังจากนั้นตัวละครเราจะไม่กินและคายออกมาบนโต๊ะ ทำให้คุณพ่อหมัดหนักหันกับไปจับมีดเดินเข้ามาแทงปากเรา เพื่อแหกปากให้เรากินให้ได้ ช่างเป็นความวิปริตที่ตื่นเต้นอะไรขนาดนี้ จบเดโม Lantern ที่ตรงนี้ครับ

โดยสรุปแล้วตัวเดโมจากที่ลองน่าจะประมาณ 15 นาทีได้ หลังจากที่เล่นจบแล้วพริตตี้ก็ถอดเอา PSVR ออก รู้สึกว่าได้กลับสู่โลกปกติ ความรู้สึกหลังเล่นไม่มึนนะครับ แต่แอบงงๆ นิดนึงมากกว่าในวินาทีแรกๆ ที่ถอดออกมา คือไม่แน่ใจว่าการปรับมุมกล้องใหม่ในครั้งนี้จะเป็นการตอบโจทย์การแก้ปัญหาความมึนงงจากมุมกล้องแล้วหรือยัง แต่บอกได้ว่าผมเองยังโอเคครับกับการเล่นเดโมเวอร์ชั่นนี้ แต่ต้องบอกเลยว่าเกมที่มีให้ลองในงาน Biohazard 7 เป็นเกมเดียวของ PSVR ที่เราจะได้เล่นโดยบังคับและหมุนมุมมองตัวละครไปพร้อมกันได้อิสระ อีกทั้งเป้าหมายของตัวเกมจริงคือทีมงานต้องการจะให้เล่นได้ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบเกม หลังจากตัวเกมจริงวางจำหน่ายแล้วทางทีมงาน Gconhub ขอรีวิวสองรอบแยกกันระหว่างแบบธรรมดาที่จัดองค์ประกอบกราฟิกเต็มสตรีม และรีวิวของแบบ VR ที่มันให้ประสบการณ์ใหม่ที่หาไม่ได้เลยในเวอร์ชันปกติครับ

ขอแปะวีดีโอตอนเล่น Lantern แบบ VR ที่ทาง Capcom อัดมาจากงานครับ

 


แสดงความคิดเห็น
4 more comments >>
ความละเอียดภาพเทียบกับ Oculus Rift ต่างกันเยอะไหมครับ
View all 6 comments >
วีต้าทีวี
ถ้าให้เทียบกับ HTC Vive นี่ความละเอียดต่ำกว่า เห็นเม็ดพิกเซลชัดกว่า Vive

แต่พวกนี้ต้องลองเล่นเองครับ เพราะหลายๆคน รวมถึงผมและพีวีวี่เวลาเล่น VR เล่นไปซักพักจะลืมเรื่องกราฟิกไปเลย อินไปกับโลกในเกมแทน

Like : zKINGz, Master_Vivi, Ped4728
เรื่องความละเอียดจริงๆจะบอกว่า มันดีกว่า rift หรือ vive ก็ได้นะครับ เพราะถ้าเอาตามเลข resolution มันน้อยกว่าก็จริง (แต่ไม่มากนะ) แต่ความละเอียดของเม็ด pixel ของ psvr จะดีกว่า

ถ้าเคยลองพวก rift หรือ vive หรือแม้แต่จอ 2k ของ gear vr จะเห็นสิ่งที่เรียกว่า screen door effect ครับ คล้ายๆกับเวลามองผ่านพวกมุ้งลวด คือเป็นตาราง pixel จางๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งอันนี้หลายๆคนเชื่อว่า ถ้าเป็นจอ 4k มันจะหายไป แต่ psvr นี่ต้องบอกว่า "ไม่มี screen door effect" เลยครับผม แต่ถึงยังไง ก็ยังคงเห็นความเป็นเหลียม pixel อยู่บ้างด้วย resolution ของมันเองครับ (จริงๆเชื่อว่า ถ้าใช้พวกเทคโนโลยี anti-aliasing เนี่ย อาจจะช่วยตรงนี้ได้นะ แต่ก็คงต้องเครื่องแรงอีก จากเสปกของ ps4 ตอนนี้ แค่ fps ระดับนี้ก็คงเต็มกลืนแล้วจริงๆ)

ส่วนตัวได้ลอง vr มาหลายอัน พูดเลยว่า เพราะการที่ psvr ไม่มี screen door effect นี่แหละ ทำให้ผมว่ามันเป็น vr ที่ดีที่สุดในตอนนี้เลย มันทำให้รู้สึกถึงคำว่า virtual reality จริงๆ ต่างจาก vr เจ้าอื่น ที่ยังรู้สึกเหมือนมีมุ้งลวดมาบังตา

edit:: อธิบายเพิ่มเติมครับ จอ vr ของ psvr นั้นใช้ sub-pixels แบบ rgb ต่อ pixel ครับ ซึ่งจอ vr เจ้าอื่นจะเป็น rg bg ในสอง pixel อธิบายง่ายๆคือ ความหนาแน่นของเม็ด pixel นึง ของ psvr จะมี 3 sub-pixels ส่วน vr เจ้าอื่นจะเป็น 2 sub-pixels ต่อ 1 pixel ครับ ถ้าวัดจำนวนของ sub pixel ก็คือ ความหนาแน่นของเม็ด pixel ของ psvr ก็จะเยอะกว่าเจ้าอื่นเลยครับ

psvr = 1920x1080x3 = 6,220,800 sub-pixels
vr เจ้าอื่น = 2160x1200x2 = 5,184,000 sub-pixels

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เลขที่ว่ามีผลต่อการเห็น screen door effect เฉยๆ การประมวลผลอะไร ก็คงตามจำนวน pixel ที่ปรากฏบนหน้าจอนั่นแหละครับ
Like : zKINGz, Marnburapa, Master_Vivi, Hut, stillenigma, HellIsMyHome
หืมผมนึกว่า oculus, vive ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่อง screen door effect เท่าไหร่ ปรากฏว่า psvr ดันทำได้ดีกว่าซะงั้น
ตามท่านบน rgbg ที่เป็น rg แล้วไปยืม bg จากพิกเซลข้างๆมาใช้เขาเรียกว่า pentile matrix ครับ
ซึ่งจอ OLED ของ samsung ใช้มาเนิ่นนานตั้งแต่ galaxy s ตัวแรก เหตุผลคือ
ตาคน sensitive กับสีเขียวสุดเลยมี subpixel เขียวเยอะ ส่วน subpixel สีฟ้ามันมีปัญหาเรื่องอายุการใช้งาน
นอกจากเป็น full rgb แล้วจอของ psvr ตามที่ตอนมี dev ขึ้นมาพูดให้ฟังงานไหนสกงานยังบอกอีกว่า
มันไม่ใช่เหมือนจอปกติทั่วไปที่ ppi จะเท่ากันทั่วทั้งจอ แต่ ppi ส่วนกลางๆจอสูงกว่า
พูดง่ายๆคือจะทำให้พิกเซลไปอัดแน่นตรงส่วนกลางจอมากกว่าส่วนขอบๆจอ แต่จริงึเปล่าคงต้องรอ teardown
---------------------
แต่ยังไงส่วนตอนเรนเดอร์ resolution สูงกว่าก็ยังได้เปรียบกว่า sample มันเยอะกว่าอ่ะนะ แต่ก็ไม่ได้ต่างกันเยอะ เทียบกับ vive กับ rift นอกนั้นต้องไปตัดสินที่ lens, sw ด้วย อย่าง rift, vive นั้น resolution เท่ากันจริง แต่ rift ตัวหนังสือมันจะคมกว่าของ vive (ไม่ได้ลองเองนะครับ ลองเปิดหาเอาได้เลยมีคนถ่ายมาเทียบอยู่)
เคยไปลองที่พาราก้อนใครจะว่าจอไม่ชัดอะไรยังไงไม่รูู้ รู้แต่ว่า VR นี่มันโดนใจผมมากมายครับเวลาเล่นมันคนละเรื่องกับตอนเล่นผ่านจอจริงๆนะ ถ้าเกิดอนาคตมี psvr รุ่นอัพเกรดมาคงดีไม่น้อย แต่ก็ไม่ค่อยอยากให้มีเพราะจะซื้อช่วงต้นๆๆปีหน้า... ถ้าขืนมีตัวอัพเกรดมา หลังเดาะแน่นอน
View all 2 comments >
ถ้ามันจะออกตัวใหม่ผมว่าอย่างน้อยก็ปีสองปีอะ คงไม่หลังหักหรอกครัช (นี่บอกตัวเองด้วยเพราะคิดจัดต้นปีเหมือนกัน)
อาจจะมาเป็น psvr slim อะไรแบบนี้ครับ เเล็กลง เบาลง ภาพคมขึ้น ราคาถูกลงแบบการมาของ slim/ps4 pro
สงสัยได้จัด
ภาคนี้แหละจะมาปฎิวัติวงการเกมทั้งโลก
นึกว่าจะไม่มีคอมเม๊นนั้นซะแล้วlol
รอ haunted ground 2จาก cap หมู cap หมูดันเอาฟิลลิ่งนั้นมาใส่ในเกม vr แล้วบอกre7 ซะงั้น ถ้าได้เกมเพลย์ยอดเยี่ยมในการหนีแบบ haunted ground นี่อยากเล่นขึ้นมาเลย ยังไงก็เก็บตังไว้สิ้นปีรอซื้อ vr และเกม
ตาสะดุดกับพุงพริตตี้โดยไม่ได้ตั้งใจ
Like : jiji
View all 1 comments >
ผมไม่ได้ต้องการสืออะไรเลยนะ
Like : b4lmung
Hut
ก่อน Capcom จะตัดสินใจทำภาค 7 เป็น FPS คงลองกันมาพักใหญ่แล้วล่ะ ยิ่ง Feedback แรงยิ่งต้องทำให้ดีออกมาสู้ นี่ถ้ามีอาวุธลับปลดล๊อคเป็นดาบซามูไร Onimusha ฟันฉับเดียวตาย เอาเงินผมไปเลยแคป
รูป thumbnail ไม่เจริญหูเจริญตาเลยครับ เห็นแล้วกินข้าวไม่ลง เปลี่ยนได้มั้ย >_>
มันจะออกมาเป็นแนว bioshock infinite burial at sea ep2 เปล่าครับ ที่เล่นเป็น elizabeth มีอาวุธแต่ก็ต้องย่องๆ หลบๆ ซ่อนๆ เอาทั้งเกม