Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
Review: Dark Souls III (PS4, X1, Win) *ไม่มีสปอยล์*
Kanann at 2016-03-30 00:05:33 , Reads (20572), Comments (25) , Source : 9.9

บอกไว้ก่อนตรงนี้เลยว่าคนรีวิวเป็นแฟนซีรีส์ Souls (Demon's Souls + Bloodborne ก็นับนะ) แบบเข้าเส้นเลือด มันต้องลำเอียงแน่ ๆ ยกตัวอย่างเช่นภาค 2 ที่ใครจะว่าห่วยแตกยังไงก็ชอบ คนรีวิวก็รู้ว่าข้อเสียมี สนุกไม่เท่าภาคแรกนะ แต่ก็ยังชอบ คิดว่ายังไงก็เล่นแล้วสนุกกว่าเกมอื่นล่ะ เข้าใจข้อเสียทุกประการที่คนบ่น ๆ แต่สุดท้ายก็เล่นไปซะหลายรอบแล้วก็ไม่ได้รังเกียจอะไรในข้อเสียของ 2 มากนัก ลำเอียงดีใช่มั้ยล่ะครับ 

เพราะฉะนั้นขอให้คะแนนล่วงหน้า รีวิวตามมาทีหลังละกัน

9.9 คะแนน

ทำไมต้อง 9.9? ทำไมให้น้อยกว่า Bloodborne

1. ผมชอบความสยองขวัญของ Bloodborne มาก ถึงจะไม่ใช่สาย Lovecraftian แต่ถ้าบรรยากาศใช่อารมณ์ใช่ล่ะก็จะชอบมากครับ ซึ่ง Dark Souls นี่ หลังจากภาค 1 ผ่านไปแล้วก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกสยึม ๆ เท่าไร เสียดายว่าเป็นแนว Gothic art ทั้งที น่าจะน่ากลัวและลึกลับมากกว่านี้หน่อยสักฉากสองฉากก็ยังดี แต่ภาคนี้ให้ความรู้สึกว่าทำเอาสวยอย่างเดียวครับ

2. ผมติดใจเลข 9.9 มันให้ความรู้สึกว่าจะสุดก็ไม่สุด จะถึงก็ไม่ถึง เอาไว้กวนชาวบ้านเล่น

เนตรแฟนบอยจบเพียบเท่านี้ ช่างเรื่องคะแนนเถอะ มันเป็นเพียงตัวเลข มาดูเนื้อหาของเกมดีกว่าครับว่ามีอะไรบ้าง

 

 

 

 

รีวิวด้วยเวอร์ชั่น PlayStation 4 

รูปที่เข้าข่ายสปอยล์ ผมจะย่อเป็นรูปเล็กไว้ท้ายบทความครับ

 

 

ก่อนอื่นเลยสำหรับผู้เล่นใหม่ที่ได้ยินคำล่ำลือมาว่าเกมนี้ยาก ใช้ครับยาก ยากมากพอสมควรด้วย เป็นเกม Action  RPG ประเภทที่พลาดทีตาย โดนศัตรูตบสองทีตาย จ้องหน้าบอสเฉย ๆ อยู่ดี ๆ วินาทีถัดมา อ้าว! ตายแล้ว ต้องเล่นกันแบบกดดันตัวเองหน่อยว่าห้ามชิลล์ เพราะความตายอยู่กับคุณทุกย่างก้าวจริง ๆ แถมหลังจากตายแล้วเกมยังลงโทษด้วยการเอา Souls ที่ทำหน้าที่ทั้งเงิน+exp ในเกมไว้ที่จุดที่เราตาย ต้องเดินจากจุดเซฟ (Bonfire) มาเก็บเอง ระหว่างเดินไปเก้บถ้าพลาดตายอีกก็หายหมด ซึ่งตรงจุดนี้คือจุดสะกัดดาวรุ่งคนเล่นใหม่ที่ถ้ารับไม่ได้ก็คงต้องเลิกเล่นไป ณ ตรงนี้เลย

ซึ่งถ้าผ่านมันมาได้ ถ้ารู้ว่าเรา ตายเพราะไปพลาดตรงไหน ชินว่าตายบ่อยนี่เรื่องปกติ รู้จักว่าฉากที่เราเล่นอยู่ในขณะนั้น รู้จักสู้ศัตรูแบบมีชั้นเชิงและแผนการมากกว่านี้ บริหารจัดการ Souls ที่เรามีอย่างถูกต้อง หรือเริ่มที่จะเข้าใจแนวทางกับกติกาและกลไลของเกม ก็จะเริ่มรู้สึกว่า "เกมมันเล่นได้" ไปเอง และแน่นอนว่าสนุกมากด้วย

ขอยืนยันด้วยเกียรติของลูกเสือเลยว่าตัวผู้รีวิวเองจัดเป็นประเภทคนมีฝีมือเล่นเกมเข้าขั้น "ห่วยแตก" คนหนึ่ง เล่นเกมยิง ๆ ไม่เคยได้ rank เล่นเกมไฟท์ติ้งยังเป็นขนมทานเล่นให้เด็ก 10 ขวบขบเคี้ยว (ถนัดอยู่แนวเดียวคือ platforming แบบ Rockman กับการเล่นมั่ว ๆ แบบดำน้ำกับเกมแนว RPG) แต่สำหรับ Dark Souls ที่ไม่ต้องไปแข่งกับใคร ถ้าทราบว่าจังหวะไหนต้องกลิ้งหลบ จังหวะไหนต้องยกโล่ขึ้นมากัน จังหวะไหนต้องฟัน หรือค้นพบว่าลองใช้ธนูหรือเวทมนตร์โกงศัตรูนิดหน่อย หรือถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็เรียกผู้เล่นคนอื่นมาช่วยเอาดื้อ ๆ แบบนี้เป็นต้นก็สามารถจบได้ครับ

อย่าไปเชื่อคำขู่ เชื่อผมนี่ เกมยากก็จริงแต่ไม่ได้ยากแบบโกงเราหรอก แค่ต้อง "เล่นดี ๆ ใจเย็น ๆ" ก็พอ

จบการแนะนำมือใหม่แต่เพียงเท่านี้ครับ ย่อหน้าต่อไปจะเริ่มบ่นละ

 

 

 

 

มาในส่วนภาพก่อน เพราะตรงนี้วิจารณ์ง่าย อาร์ตของ Souls ก็ยังสวยเช่นเคย ปราสาท สถาปัตยกรรม เกราะ ศัตรู บอส ฯลฯ เสนห์ทุกอย่างอยู่ครบ (ยกเว้นความสยองขวัญ...ชิส์) ไม่รู้ว่าไปก็อปการ์ตูน Berserk ตอนไหนมาใช้อีก แต่งดงามก็คืองดงามครับ เอา asset ของ Bloodborne มาใช้ตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้างแต่โมเดลตัวละครก็ไม่ได้สูงโย่งเป็นเปรตวัดกู้ อันนี้ค่อยยังชั่วขึ้นด้วย sky box ก็สวย ตอนเล่นอยู่นี่นั่งถ่ายรูปกันมันเลย (แล้วระหว่างถ่ายก็โดนศัตรูเข้ามาตุ๋ยตูดตาย)

ทว่าปัญหาเดียวกับ Bloodborne ก็ยังอยู่ เฟรมตก (จาก 30fps) เฟรม pacing กระตุกกึกกัก ๆ มีเหมือนเดิมครับ เกมเน้นค่อย ๆ สู้ศัตรูแบบ 1:1 ค่อย ๆ ลุย ค่อย ๆ สำรวจ แต่บางทีคนเราพลาดกันได้ เผลอไปลากศัตรูมาเป็นฝูงแบบกำลังวิ่งหนีม็อบอยู่นี่ เตรียมตัวได้เลย มันกระตุกแน่ บอสตัวไหนท่าอลัง ๆ หน่อยก็อาจจะเกมนิ่งไปเสี้ยววิให้เสียวเล่น อันนี้คนเล่นฝั่งคอนโซลก็ทำใจครับ ค่ายนี้ (From Software) ชั่วชีวิตมันเอาแค่นี้แหละ ต่อให้มีเงินจากโซนี่มาป้าบ เงินจากบันไดมาป้าบ ๆ ก็ทำได้แค่นี้แหละสำหรับคอนโซล ถ้าอยากจะเล่นแบบ 60fps (และไม่กินสเปคเท่าไรนัก) ก็ต้องไปทางฝั่ง PC ครับ อันนี้ผมจงใจเลี่ยงไม่พูดถึง Xbox ONE ไปเลยนะ แต่ชะตากรรมคงไม่ไกลกันมากและผ่านมาถึงจุดนี้ก็ควรจะเลิกบ่นกันได้แล้วด้วย

มีจุดที่ไม่ชอบมากอยู่จุดหนึ่งคือในฉากป่า มีใบไม้ร่วงเต็มไปหมด ทางทฤษฎีแล้วมันควรจะออกมาสวยนะ แต่กรุณาดู screenshot บรรทัดถัดไปนะครับ

 

 

 

สาบานว่าที่เป็นเกล็ด ๆ แบนติดพื้นอยู่คือ "ใบไม้"

 

.................................

แบนแต๊ดแต๋เหมือนกองอาเจียนแห้ง ๆ สีชมพูแดง...แต่ละก้าวไม่มีอะครับ ใบไม้กระเด็นขึ้นมา หรือ particle อะไรให้สมกับเป็นป่าเป็นหญ้า ไม่มีอะ แล้วอย่าให้พูดถึงสระบัวที่อยู่ใกล้ ๆ กันนะ แบบเดินลุยตัวทะลุเลยไม่มีน้ำไหลกระเพื่อมหรืออะไรทั้งสิ้น นี่คือแมปไม่ได้ QC ใช่มั้ย?

ที่เหลือก็ไม่มีอะไรมากครับ ศัตรูติดในกำแพง ตัวละครตกลงมาแล้วค้างกลางอากาศ จุดนั้นบ้างจุดนี้บ้างที่ไม่ได้เกลาให้ปราณีตเพียงพอ ซึ่งมาถึงยุคนี้สมัยนี้ก็คืดว่าคงจะมีแพทช์มาแก้ทีหลัง แต่ไม่มีก็ไม่เป็นปัญหาอะไรมากครับ เพราะนาน ๆๆๆๆๆ จะเจอที แล้วก็ไม่เรื่องมากตรงจุดนี้ เห็นเป็นเรื่องขำ ๆ เสียด้วยซ้ำ ยิ่งถ้าศัตรูโหด ๆ มันไปติดในกำแพงยิ่งชอบใจ ได้ตีฟรี

 

 

ยอมแพ้ กลับไปถ่ายรูปปราสาทต่อดีกว่า

 

 

เนื้อเรื่องก็ยังใช้วิธีการเล่าเหมือนเดิมครับคือเราต้องเก็บเล็กผสมน้อยกันเอาเองจากคำพูด NPC จากคำอธิบายของไอเท็ม ส่วนประเด็นหลักจะเป็นแค่ไปตามหา Lord of Cinder 5 คนกลับมานั่งบนบัลลังก์แล้วก็ บู้ม! ไม่สปอยล์!! NPC แต่ละตัวก็จะมีเควสไลน์เป็นของตัวเองซึ่งเราจะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ บางคน (เช่นคนรีวิว) ก็เป็นสายเก็บหมดทุกรายละเอียด ก็เล่นกันไป 50-60 ชั่วโมง บางคน (เช่นเพื่อนคนรีวิว) ไม่สนหน้าพระอินทร์พระพรหม เล่นแบบเร้งเต็มสปีด 20-30 ชั่วโมงก็ไปจิ้มหัวหน้าใหญ่จบเกมแล้ว

ซึ่งต้องขอสารภาพว่าตัวคนรีวิวไม่ได้เล่นซีรีส์ Souls เพราะสนใจเนื้อเรื่องหรือ lore ของตัวเกมเท่าไรนัก รู้ไว้ก็ดี แต่จะไปตามอ่านในวิกิหรือดูจากช่อง Youtube (VaatiVidya) เอาภายหลังเสียมากกว่า อันนี้ก็ขอบอกผู้เล่นใหม่ไว้เลยนะครับว่าถ้าไม่เข้าใจเนื้อเรื่องของเกมแนว Souls นั่นถือว่าปกติครับ ผู้สร้างเขาไม่ได้จะให้เข้าใจกันตั้งแต่แรกพบอยู่แล้ว ของแบบนี้อยู่กินกันก่อนแต่งดูใจกันยาว ๆ ถึงจะสามารถปะติดปะต่อได้

แต่ตัวสูตรสำเร็จมันก็มีอยู่นะ ในทั้ง 3 ภาคเลย (รวม Demon's Souls ด้วย) นั่นคือเราเป็น nobody ค่อย ๆ เหยียบศพพวกที่มาขวางไต่เต้าขึ้นไปสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็น epic man ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ เปรียบเทียบเหมือนเข้าทำงานแล้วค่อย ๆ เลื่อนตำแหน่งไปจนถึงเป็นประธานบริษัท ไม่ว่าจะเป็นประธานใจบุญ (ending A) หรือประธานเขี้ยวลากดิน (ending B, C, D) ก็ตามที ไม่มีอะไรพิเรนทร์ ๆ ซึ่งผิดกันกับ Bloodborne และเป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมผมชอบ Bloodborne มากกว่า เพราะมันพิเรนทร์กันตั้งแต่ต้นยันจบโดยไม่ต้องพึ่งเนื้อเรื่อง DLC ด้วยซ้ำ ส่วนนี้ให้เห็นว่าต่างคนต่างรสนิยมละกันครับ 

 

 

ตัวอย่างเหยื่อของการพยายามเข้าในเนื้อเรื่องด้วยตัวเอง

 

ซาวแทร็คของเกมนี้ส่วนใหญ่จะเน้นเงียบ ๆ เพลงในจุดที่เป็นที่พักของเราก็จะเน้นเปิดคลอไปเรื่อย ๆ ให้สบายใจว่ายืนตรงนี้ไม่มีการตุ๋ยจนตายเกิดขึ้นแน่นอน ระหว่างเดินลุยในฉากต่าง ๆ ก็จะไม่มีเพลงประกอบเลยให้สมกับเป็นเกมที่เน้นระวังตัว สำรวจค้นหา แล้วไปเปิดดังลั่นอีกทีตอนสู้บอส เพลงสู้บอสก็ so epic มากกว่าเดิม เพราะภาคนี้บอสเน้นว่าจะต้องมีหลายร่างมีการเปลี่ยนแพทเทิร์นในการต่อสู้ พอเริ่มซีเรียสขึ้นก็ขึ้นเพลงใหม่อัพเกรดความอลังไปตามบอส เป็นต้น

บางทีก็คืดนะ คุณ Sakuraba Motoi เวลาแต่งเพลง Tales แต่งเพลง Star Ocean แต่งเพลง Valkyrie Profile หรือเกมแนว jRPG ทั่วไป ๆ ทำไมมันฟังดูเหมือน ๆ กันไปหมด ไม่ค่อย sooooooooooo epic แบบที่มาแต่งใน Dark Souls เท่าไร ตอนมารับงานให้ From Software แอบโดนวางยาหรือเปล่า? แฟน ๆ คุณ Sakuraba ไม่โกรธนะ คือรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่ Dark Souls ภาคแรกแล้ว "ก็แต่งแบบที่ไม่ซ้ำซากได้นี่หว่า" << ในใจคิดเงี้ย

ทั้งนี้ทั้งนั้นโดยรวมชอบทุกเพลงครับ

 

 

 

 

ถ้ารีวิวอันนี้เทียบกับ Bloodborne บ่อยเกินไปต้องขออภัยด้วยนะครับ มันอดไม่ได้ เพราะทางทีมสร้างก็ดูเหมือนจะขยับไปทางนั้นเหมือนกัน โดยทำให้จัวหวะของเกมมันเร็วขึ้นตอนต่อสู้ การเคลื่อนไหวของตัวละคร (และศัตรู) ที่มีลีามากขึ้น ยืดหยุ่นขึ้น (แต่ด้วยเฟรมตกเป็นว่าเล่นก็...นะ) โอเคล่ะว่า Dark Souls ก็ยังมีการยกโล่ขึ้นมาป้องกัน ใส่เกราหะหนัก ๆ ศัตรูดีแล้วยืนนิ่งได้ไม่กระเทือน ซึ่งตัวคนรีวิวยังไม่ไปถึงจุดนนั้นนะ คือยังโดนตีแล้วโดน stun lock แล้วดนซ้ำอีกทีตายคาที่อยู่ถ้ากลิ้งหลบไม่ทัน เวทมนตร์กับธนูก็ยังโกงเกมได้เหมือนเดิม ซึ่งในส่วนของเวทมนตร์ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน (สังเกตจากผู้เล่นคนอื่นตอน co-op) แต่ธนูนี่เลโกลัสขึ้นมาก มีกลิ้งแล้วยิง ยิงรัว ยิงทีละหลายดอก โดนปรับจนเทพ+น่าเล่นขึ้นเยอะมาก พร้อม ๆ ไปกับการกลับมาของ MP ที่หายไปนานตั้งแต่แต่สมัย Demon's Souls (ในเกมจะเรียกว่า FP) โดยในส่วนของ FP นอกจากจะเป็นทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการใช้เวทแล้ว คนต่อสู้ระยะประชิดก็ยังได้ใช้ด้วยจากระบบใหม่ล่าสุดคือ "Weapon Arts"

ตัวระบบ Weapon Arts ก็คืออาวุธชนิดต่าง ๆ จะมีสกิลเป็นของตัวเองซึ่งถ้าใช้ไปก็คือ FP ลดเหมือนกับเวท ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็คือพวกธนูที่บอกว่ายิงรัวได้ยิงทีละหลายดอกกระจาย ๆ ได้ พวกนี้ใช้ FP ดาบซามุไรก็มีการเก็บเข้าฟักแล้วชักออกมาฟันศัตรูอย่างรวดเร็ว พวกขวานก็มีตะโกนเพิ่มพลังโจมตีให้ผู้เล่นชั่วขณะหนึ่ง เป็นต้น เพิ่มความหลากหลายให้แก่เกมเพลย์และให้คุณสมบัติพิเศษแก่อาวุธต่าง ๆ ให้มีหลากหลายขึ้น

ทางผู้รีวิวเอง ส่วนตัวแล้วยังคงติดในพวก Trick Weapon ใน Bloodborne มากกว่านะครับ มีแค่ 10 กว่าอาวุธ แต่ละอาวุธก็มีวิธีเล่นที่แตกต่างกันไปแบบชัดเจน ซึ่งในส่วนของ Dark Souls III นี่แค่ครึ่งเกมก็เจออาวุธใหม่ ๆ ไปหลายสิบอันแล้ว (แล้วก็เวทอีกหลายชนิค) เยอะมาก! เลือกเอาสไตล์ใครสไตล์มันเลย แต่เล่นไปก็คิดถึงดาบเลื่อยไป คืออันนั้นนอกจากฟันเร็วกว่าศัตรูแล้วยังแรงด้วย ใน Dark Souls ภาคนี้ รู้สึกว่าเราต้องช้ากว่าศัตรูเสี้ยววินาทีหนึ่งเป็นประจำสิน่า ไม่ต้องพูดถึงบอสเลยว่าจะตีเร็วกันไปไหน ไม่ได้ดวลกันมัน ๆ เลย ถ้าจะเพลย์เซฟสุดต้องกลิ้งหลบ 1 ครั้ง ตี 1 ที กลิ้งหลบ 1 ครั้ง ตี 1 ทีตลอด ;~; (เค้าไม่อยากตาย บอกแล้วว่าเล่นห่วย)

 

 

 

 

จุดที่แตกต่างจากภาคอื่นที่อยากจะพูดถึงอีกเรื่องหนึ่งก็คือ Dark Souls III มีขนาดฉาฏในแต่ละโซนเล็กลงครับ อันนี้เข้าใจมาว่าทางผู้สร้างเองจงใจจะให้เป็นแบบนี้คือ ตัวสเกลของแผนที่ที่เล็กลง แต่ในที่เล็ก ๆ นั้นมีอะไรซ่อนอยู่หรือมีศัตรูอยู่กันหนาแน่นขึ้น ทำให้ตอนเล่นรู้สึกว่าไปถึงตัวบอสเร็วกว่าที่เคยชิน ตัวทางลัดที่ทำหน้าที่ให้เราไปกลับระหว่างจุดสำคัญกับจุดเซฟหรือหน้าห้องบอสกับจุดเซฟก็อยู่ใกล้กันมากขึ้น จุดนี้ก็ทำให้ 3 แตกต่างจากภาคอื่นเล็กน้อย

ทางด้านการพัฒนาตัวละครก็เหมือนเดิม ค่าสเตตัสก็อัพตามที่คิดว่าดีก็แล้วกัน (สายประชิดก็ไป STR หรือ DEX เป็นต้น) ที่สำคัญจริง ๆ คือการตี+อาวุธที่ตัวเองถนัดเสียมากกว่า แล้วก็ฝีมือในการเล่นเฉพาะตัว+ความอดทนที่ว่าเกมนี้มันเน้นให้เราตายบ่อย ๆ แล้วเรียนรู้จากจุดผิดพลาดว่าทำไมถึงตาย อย่ายอมแพ้ อาวุธนี้ไม่ได้ลองอันใหม่ อยากเล่นเวทแต่ค้นพบตัวเองทีหลังว่าชอบฟันมากกว่าก็เปลี่ยนไปมาได้อย่างอิสระเสรี (ถ้าเผลออัพ INT เยอะไปแล้วเพราะตั้งใจว่าจะเล่นเวท ก็แก้ไขด้วยการทำอาวุธที่ใช้พลังเวทเป็นพลังโจมตีได้ครับ)

 

 

 

สรุปก็เป็นเกมที่ดีมาก ๆ เกมหนึ่งที่ทั้งผู้เล่นเก่าและผู้เล่นใหม่น่าจะถูกใจและไม่มีปัญหาอะไรกับมันนะครับ ยิ่งในสมัยที่รอบตัวเรามีเกมฟอร์มยักษ์ระดับที่ไม่ห่วยก็เล่นแป๊บ ๆ เบื่อเยอะแยะเต็มไปหมด แต่พวก Dark Souls อะไรนี่เล่นกี่รอบก็ไม่เบื่อจริง ๆ สมมติถ้าให้ไปอยู่ในห้องปิดตาย 10 ปีก็จะติดเอาซีรีส์นี้แหละไปเล่น ทางนี้ก็เล่นจบไปรอบก็อดใจไม่ไหวเล่นอีกรอบทันที + กับไปซื้อเวอร์ชั่น PC ที่จะออกตอนสงกรานต์ปีนี้แบบไม่ลังเลและไม่แคร์เลยว่ามันดูเปลืองเงิน

ต่อไปจะ Bloodborne 2 หรือ Dark Souls 4 ทีมไหนทำก็เอาครับ ไม่ต้องไปทงไปทำมันแล้ว Armored Core เกมอัลไล

 

 

จบรอบแรกที่ record นี้ เก็บอะไรต่อมิอะไรค่อนข้างครบอยู่นะ

เดี๋ยวหนีไปเล่นภาค PC แล้วจ้า

 

 

 



(Click to expand)


แสดงความคิดเห็น
7 more comments >>
ขอให้ใน PC อย่า Port การบังคับออกมาห่วยเลยนะ ; w ;
อ่านละยิ่งอยากเล่น 55
พูดซะอยากจะไป PC แต่เอาเงินมาลง PS4 แล้วนี่สิ T"T
บอสใหญ่โหดสมกับเป็นบอสใหญ่ไมครับ
View all 2 comments >
ยังไม่ได้เล่น แต่ดูคลิปแล้วโหดอยู่ครับ
Like : eak054
สู้ไปหลายรอบ บางรอบก็โหด บางรอบก็ง่อยครับ 5555
Like : eak054
รออยุ่เลย เขียนเพิ่มความ hype ได้ดีครับ หลังจากโดนทำลายเพราะ Jp launch กับ scumbag streamer leak ทั้้งหลาย

สรุปจากบทความ

gameplay : bloodborne > dark souls III
บรรยากาศ : bloodborne > dark souls III
เนื้อเรื่อง : bloodborne > dark souls III
ปริมาณคอนเท้น dark souls III >>> bloodborne

12 เมษาไวๆจิ
PTP
ภาคนี้ PvP อัพ rank กันมันส์ครับ วาง red sign ไว้โดนเรียกรัวๆ แถมคู่ PvP(ญี่ปุ่น) ก็ดูดีมีมารยาท ไม่กดยาระหว่างสู้เลยเล่นด้วยสนุก แพ้เป็นแพ้ไปไม่ต้องวิ่งตามพวกหนีซดยาให้เสียอารมณ์

ส่วนคนไม่ชอบ PvP ก็ยังสามารถฟาร์มของอัพ rank ได้จากศัตรู แต่โคตรแรร์ดรอปเลยละ

ส่วนฉากออกแบบได้สวยงามดี แต่ก็แลกมาด้วยเฟรมเรตที่ตกไปหลายฉากบนเครื่องคอนโซล ความยากของเกมก็ถือว่าง่าย มี bonfire เรื่อยๆ ตายไม่ต้องวิ่งไกลนัก บอสโดยรวมยากน้อยกว่าภาคแรก คือเล่นผ่านได้เรื่อยๆไม่ติดตัวไหนนานแบบอ้วนผอม แต่ก็มีตัวนึงที่ผมว่ายากจนหงุดหงิดต้องขอแรงเพื่อนถึงจะจัดการได้

เนื้อหาเกมก็ fan service แบบจัดเต็มตามประสาภาคปิดท้าย ใครชื่อชอบ demon's souls, dark souls ไม่ผิดหวังแน่นอน

เทียบกับ bloodborne ผมให้ dark souls 3 ชนะขาดในเรื่องความหลากหลายของ PvP build และระบบการเล่น มาเต็มกว่าไม่มีกั๊ก เล่น PvP กันยาวๆไปได้เลย
Like : 4Head
อยากเล่นแร้ว
ทำไมไม่60เฟรม ภาพไม่ต้องสวยก็ด้าย
ชอบรีวิวนี้ครับ

ขอแสดงความเห็นส่วนตัวหน่อย
เพราะหลังจาก bloodborne จบไปเมื่อปีก่อน แล้วมาจับ Ds3 รู้สึกว่า DS series จะมาถึงทางตันซะแล้ว
ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะครับ Ds คือเกมที่ดีที่สุดของชีวิตผม
Demon souls คือ ความประทับใจสุดๆครั้งแรก
Dark souls 1 คือ ความสมบูรณ์แบบ
Bloodborne คือ ความแปลกใหม่
แต่ภาค Ds3 ดูชืดๆเชยๆ ยังไงไม่รู้
เหมือนผมทาน ต้มยำ>>ผัดเผ็ด>> แล้วตบด้วยต้มจืด

เล่นแล้ว ยังไม่จบ

- สนุกมากเหมือนเดิม
- Boss มียากบ้าง ยากมากๆ บาง ยากโครต บ้าง
แล้วแต่ว่าเราถนัด หรือเล่นสายใหน อาวุธหรือสไตการเล่นทางเดียว ไม่ใช่จะแก้ทาง boss ได้ทุกตัว เค้าออกแบบมาให้ เราได้เล่นได้ลองทุกสายอยู่แล้ว ปรับเปลี่ยนอาวุะ เปลี่ยนเวท เปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าผมไปตามเหตุการ

- เนื้อเรื่อง ก็งงเหมือนเดิม ต้องงม ต้องอ่าน ต้องเดาเหมือนเคย

ก็เหมือนเดิมละนะ ---สนุกมากเหมือนเดิม---