Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
Review : Metal Gear Solid V
ray at 2015-09-11 06:41:57 , Reads (41078), Comments (37) , Source :

 
 
ก่อนอื่น ต้องออกตัวก่อนว่า ไม่ใช่แฟนพันธ์แท้ซีรี่ส์นี้ แต่มีโอกาสได้เล่นภาคหลักจนจบทุกภาคตั้งแต่ MGS ของ Playstation จนภาค MGS V ของ Playstation 4 ดังนั้นผมจึงพอมีแบ็คกราวด์สำหรับเกมนี้ระดับนึง 
MGS V ถือเป็นภาคสุดท้ายในซีรี่ส์ Metal Gear Solid ทั้งในส่วนของเรื่องราว ที่จะเชื่อมต่อโลกของ Metal Gear ทั้งหมดเข้าด้วยกัน ในส่วนของผู้กำกับที่อยากจะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นแล้ว และในส่วนของบริษัทผู้พัฒนาที่ดันอยากจะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นนอกจากวีดีโอเกมเหมือนกัน, MGS V จึงเปรียบเสมือนเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายกลายๆ จาก Hideo Kojima สู่แฟนๆซีรี่ส์นี้
เกม MGS V ถูกออกแบบใหม่ให้กลายเป็นเกมในรูปแบบ Open World โดยรูปแบบหลักๆคือผู้เล่นมีอิสระในการเดินทางไปยังจุดต่างๆในเกม เพื่อทำมิชชั่น
 
หลังจากเริ่มเกมจริงๆไปได้ซักพัก จนเมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่ เกมจะมีลิสของมิชชั่นที่จะให้ทำขึ้นมา และเรามีอิสระระดับนึง ในการเลือกมิชชั่นที่จะเล่น และเลือกว่าจะนั่งฮ. ไปลงยังจุดที่ใกล้กับมิชชั่นนั้นที่สุด หรือเลือกเอาว่าจะเดินทางไปเองจากฉากในเกม (ขี่ม้า, ขับรถ หรือ วิ่งเอา) 
มิชชั่นมีให้เลือกสองแบบ คือมิชชั่นหลัก (ที่จะดำเนินเกมให้ไปสู่ฉากจบ) หรือมิชชั่นรอง ที่เอาไว้เล่นเพื่อเก็บสะสมแต้ม ไอเทม หรือตัวละคร แต่ว่ามิชชั่นรองบางอัน ก็ส่งผลให้เนื้อเรื่องเดินต่อไปได้เหมือนกัน โดยมิชชั่นทั้งสองแบบ ถ้าอันไหนขึ้นเป็นสีเหลือง แปลว่าเป็นมิชชั่นเนื้อเรื่อง แต่ถ้าสีขาวก็ถือว่าเป็นมิชชั่นทั่วไป
รูปแบบมิชชั่นโดยส่วนใหญ่จะค่อนข้างมีรูปแบบคล้ายๆกัน เช่นเข้าไปช่วยเหลือคน , เข้าไปลอบฆ่าศัตรู, เข้าไปลักพาตัว, หรือ เข้าไปเก็บไอเทมหรือไฟล์สำคัญ เพียงแต่เปลี่ยนโลเกชั่นไปเรื่อยๆเท่านั้น (บางมิชชั่นอาจจะกลับไปยังสถานที่เดิม แต่เปลี่ยนรูปแบบศัตรู) เฉพาะมิชชั่นเนื้อเรื่องบางอันเท่านั้น ที่จะมีรูปแบบพิเศษ และแตกต่างจากปกติ
โดยในระหว่างมิชชั่นนั้น เราสามารถออกจากมิชชั่นได้ตลอดเวลา เราสามารถเรียกฮ.มารับได้ตลอดเวลา และเราสามารถบินกลับฐานได้ตลอดเวลา เกมค่อนข้างให้อิสระกับผู้เล่นมากพอสมควร แต่อาจจะต้องทำใจว่า ทุกครั้งที่เราบินขึ้นลง เกมจะโชว์ฉากเรานั่งฮ. ขึ้นหรือลง ซึ่งเป็นฉากซ้ำๆประมาณ 1-2 นาทีตลอดเวลา ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะออกแนวสมจริง แต่ค่อนข้างซ้ำซากอยู่เหมือนกัน
 
อ้อ เวลาเข้ามิชชั่นหลัก หรือจบมิชชั่นหลัก ทุกครั้งจะขึ้นเครดิตผู้สร้างเสมอนะ คือดูชื่อ Hideo Kojima กันจนเบลอไปข้างนึงเลย ไหนๆ Konami ก็เอาเครดิต Kojima Production ออกจากปกไปซะละ
นอกจากระบบมิชชั่น ที่เป็นหัวใจหลักของเกมนี้ เกมยังมีระบบอื่น (ซึ่งเท่าที่ได้ยินคือทำมาแล้วกับภาค Peace Walker ของ PSP) เช่นการสะสมกำลังทหาร (โดยใช้วิธีเก็บจากมิชช่นเสริม หรือไปลักพาตัวเอาตามในเกม) ระบบสร้างฐานทัพ ที่ต้องเก็บเงื่อนไขบางอย่างให้ครบก่อน จึงจะค่อยๆสามารถเสริมฐานทัพให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ, ระบบส่งกำลังพลไปทำภารกิจเพื่อเอาของรางวัล, และอื่นๆ ซึ่งเยอะมาก แต่ขออนุญาตข้ามไปเลย เพราะว่ามันไม่ได้ส่งผลกับตัวเกมหลักโดยตรง 
 
ในระหว่างที่เล่นมิชชั่น เราสามารถเลือก บัดดี้ ได้ 1 คน/ตัว ซึ่งบัดดี้แต่ละ คน/ตัว ก็มีความสามารถที่แตกต่าง ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบที่เสริมให้เกมการเล่นในภาคนี้ มีความหลากหลายมากกว่าเดิมค่อนข้างมาก แต่ค่อนข้างเสียดายว่าด้วยความสามารถของบัดดี้แต่ละคน/ตัว ที่แตกต่างมากเกินไป ทำให้เกิดการรักพี่เสียดายน้องอยู่บ่อยๆ ดังนั้นผู้เล่นต้องเลือกเอาว่าอยากจะใช้ตัวช่วยแบบไหน ในการเล่นแต่ละมิชชั่น ซึ่งการใช้บัดดี้แต่ละครั้ง ก็จะเพิ่มเกจความสัมพันธ์ระหว่างเรากับบัดดี้นั้นๆด้วย (ซึ่งไม่แน่ใจว่าส่งผลอะไรรึเปล่า เพราะยังไม่เห็น ยกเว้นกับ quiet ที่มีผลต่อฉากจบ)
ระบบโดยหลักๆน่าจะมีประมาณนี้นะ จริงๆยังมีส่วนยิบย่อยอย่างอื่นอีก เช่น เราสามารถดักจับสัตว์ หรือเก็บผักตามฉากได้ เราสามารถอัพเกรต Fulton (บอลลูนที่ใช้เคลื่อนย้ายสิ่งของหรือคนทางอากาศ) เพื่อใช้เคลื่อนย้ายของต่างๆในฉากได้ ระบบสภาพอากาศที่ส่งผลถึงตัวเกมบางอย่าง แต่ขอไม่ใส่รายละเอียดทั้งหมด เพราะไม่งั้น เฉพาะพูดถึงระบบเกมอย่างเดียวคงล่อไปซักสามหน้า
 
ทีนี้ มาพูดถึงความรู้สึกในส่วนต่างๆของเกมบ้าง (และอาจจะมีบางส่วนสปอย แต่ไม่สามารถข้ามได้ เพราะส่งผลต่อความรู้สึกต่อเกมนี้เป็นหลักเลย)
ถึงแม้ว่าข้างบนจะบอกไปว่าเกมหลักเป็น Open World แต่เกมดันเลือกที่จะเปิดตัวด้วยฉาก Prologue ที่ยาวนานกว่า 1 ชั่วโมง โดยตลอด 1 ชั่วโมงนี้ เกมจะมีรูปแบบเป็นกึ่งคัทซีน กึ่งบังคับ ดังนั้นเราจะพบว่า เราจะได้บังคับตัวละครแป้บนึง แล้วเกมจะดึงกลับเข้าเรียลไทม์คัทซีน สลับไปสลับมาตลอดเวลา ซึ่งเป็นอะไรที่น่ารำคาญมาก บวกกับวิธีการนำเสนอบางอย่างที่ค่อนข้างเชย (เช่นการมองของตัวเอกไปรอบๆ เพื่อเห็นเหตุการณ์ ที่ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ) ทำให้รู้สึกว่า ฉากนี้น่าจะถูกทำในช่วงพัฒนาเกมสมัยแรกๆที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าจะให้เกมออกมาในรูปแบบไหน มันเลยกลายเป็นอะไรที่หลุดจากตัวเกมหลักไปเลย และมีรูปแบบที่ค่อนข้างแปลก
 
ซึ่งเหตุผลเดียวที่ทำให้การมีอยู่ของฉาก Prologue อันนี้น่าจะเป็นฉากจบลับ (ซึ่งอยู่ในมิชชั่นเนื้อเรื่อง แต่มีเงื่อนไขในการปลดล้อค ไม่ใช่เห็นกันง่ายๆ) และเป็นฉากจบที่แท้จริงของเกมนี้
พอเข้าตัวเกมในส่วน Open World แล้ว ผู้เล่นจะได้เล่นเกมแบบจริงๆ เพราะมีแต่เกมเพลย์เลย เนื้อเรื่องแทบจะกลายเป็นส่วนรอง ที่สำคัญคือแม้แต่ในมิชชั่นที่เป็นเนื้อเรื่อง ฉากคัทซีนเนื้อเรื่องที่โผล่เข้ามาก็มีไม่มากเท่าไหร่ เกมเลือกที่จะอธิบายเนื้อเรื่องบางส่วนผ่านระบบฟังเทปแทน (ซึ่งเราฟังได้ตลอดไม่ว่าจะอยู่ใน ฮ หรือในเกม) ซึ่งถือว่าค่อนข้างกลายเป็นคนละขั้ว สำหรับโลกของ Metal Gear ที่ปกติเกมจะตามเนื้อเรื่องมากกว่า 
สำหรับตัวเกมเพลย์แท้ๆเลยยังคงเป็น MGS ที่เรารู้จัก ไม่ว่าจะเป็นการย่อง ลอบฆ่า หรือระบบบังคับ (ซึ่งจริงๆยอมรับว่าภาคนี้ทำระบบบังคับได้คล่องตัว และดีกว่าเดิมมาก การเล่นในส่วนการบังคับตัวละครแทบไม่มีความติดขัดเลย) และน่าจะถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของเกมนี้เลยก็ได้
แต่น่าเสียดายที่ส่วนการเป็น Open World ของเกมนี้กลับไม่ได้ถูกใช้แบบเต็มประสิทธิภาพ แม้ว่าเกมจะออกแบบฉากให้มีขนาดที่กว้างขวางมาก แต่เวลาส่วนใหญ่ที่ใช้ กลับกลายเป็นการเดินทางไปยังจุดต่างๆ ผ่านทางโล่งๆ ที่ไม่มีอะไรเลย แรกๆการขี่ม้าข้ามภูเขาไกลๆอาจจะยังพอน่าตื่นเต้น แต่การต้องทำแบบนี้ซ้ำๆตลอดเกม (เนื่องจากเกมไม่มีระบบ Fast Travel ยกเว้นว่าเรียกฮ.มารับไปลงอีกจุด ซึ่งก็ต้องใช้เวลารอขึ้นฮ. รอฮ.ขึ้น รอฮ.ลง ...) ถือเป็นจุดอ่อนสำคัญ ที่ทำให้เกิดคำถามว่า การเป็น Open World อันนี้ เหมาะสมกับเกมแนวนี้จริงๆรึเปล่า เพราะสุดท้ายแล้ว เกมเพลย์จริงๆเกิดขึ้นเมื่อเราเดินทางไปถึงสถานที่ที่ทำมิชชั่นมากกว่า
ที่โหดกว่านั้นคือ ฉากออกแบบให้มีภูเขาขนาดใหญ่กั้นตลอดทาง หลายครั้งเราจึงพบว่าเราไม่สามารถเดินทางไปยังเป้าหมายตรงๆได้ แต่ต้องเดินทางอ้อมเส้นทางระยะยาวกว่าปกติ เพื่อไปยังเป้าหมาย สำหรับการเล่นมิชชั่นเนื้อเรื่องหลัก ยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่เป็นปัญหาหลักที่เจอระหว่างการไล่เก็บมิชชั่นเสริม ที่แต่ละจุดทำมิชชั่นอยู่ห่างกันคนละฝั่งแผนที่ จนบางครั้ง เราต้องใช้เวลาเดินทาง มากกว่าเวลาทำมิชชั่นจริงๆเสียอีก แม้ว่าระหว่างทางจะมีป้อมย่อยของศัตรูอยู่ประปราย แต่เชื่อว่าผู้เล่นส่วนใหญ่คงจะเลือกวิ่งข้ามไปเลย มากกว่าจะคอยเสียเวลาทำลายป้อมประปราย ซึ่งยิ่งจะทำให้สปีดของเกมช้าลงไปอีก
 
แต่ทั้งหมดก็ยังโอเค โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Chapter 1 ที่เกมยังคงมีฉากเหตุการณ์ในเกมทยอยใส่เข้ามาเรื่อยๆตามความคืบหน้าในการเล่นของเรา แม้ว่าฉากคัทซีนบางอย่างจะไม่ได้เข้ากับเกมหรือมิชชั่นที่กำลังเล่นโดยตรงซักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้หลุดโลกมากนัก และเกมก็จบเรื่องราวระหว่าง Big Boss และ Skull Face แบบค่อนข้างสมบูรณ์
ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อเข้า Chapter 2 และนั่นโชว์ให้เห็นถึปัญหาการตัดจบแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างแรก มิชชั่นครึ่งนึงของ Chapter 2 คือการเล่นมิชชั่นเดิมใน Chapter 2 ในความยากที่มากขึ้น (พร้อมเงื่อนไขบางอย่าง) อย่างที่สอง การนำเสนอเหตุการณ์ และ ตัวเกม แทบจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย และเป็นไปแบบค่อนข้างสะเปะปะ แถมเหตุการณ์ในเกมส่วนมาก เป็นเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆ ที่ดีไม่ดี เอาไปผสมลงใน Chapter 1 ได้ยังไม่รู้สึกแปลก ทำให้การเล่น Chapter 2 เป็นอะไรที่ขาดแรงบันดาลใจอย่างมาก 
ยิ่งไปกว่านั้นคือ เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าเล่นเกม Chapter 2 จบเมื่อไหร่ เพราะไม่มีอะไรบอกเลย และฉากจบที่แท้จริง ก็มีด้วยกันถึง 2 ตอน คือมิชชั่น 46 ที่ต้องทำเงื่อนไขหลายๆอย่างให้ครบจึงจะได้ดู (ซึ่งบอกได้เลยว่าผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่รู้แน่ๆ) และมิชชั่น 51 ที่ไม่มีในเกม! (ต้องดูวีดีโอที่มาจากแผ่น Special Edition เอา) สำหรับคนที่สนใจ สามารถดูได้ตามลิ้งค์นี้ครับ (สปอยแน่นอน)
 
ทั้งๆที่จริงแล้ว ถ้าดูจากแนวโน้วของเกมนี้ Chapter 2 น่าจะอธิบายอะไรหลายๆอย่าง และปิดเรื่องราวของภาคนี้ได้ด้วยความสมบูรณ์ แต่กลายเป็นว่าเราได้เกมที่สมบูรณ์ครึ่งนึง และเกมที่เกือบพิการอีกครึ่งนึง ทำให้การเล่นเกมนี้จนจบไม่ได้รู้สึกถึงจุดพีคตามที่ควรจะเป็น และด้วยการที่รูปแบบมิชชั่นค่อนข้างซ้ำซาก บวกกับการเดินทางในเกมที่โคตรไกล ทำให้การกลับไปเล่นเกมนี้ซ้ำเป็นอะไรที่ค่อนข้างยากลำบากเหมือนกัน
และนี่ไม่นับถึงจุดหักมุม (ที่อธิบายใน Mission 46) ที่เอาตรงๆคือ เงิบมากๆ และคนที่น่าจะรู้สึกแย่กับจุดหักมุมแบบนี้มากที่สุดคงหนีไม่พ้นแฟนเกมนี้
น่าเสียดาย ทั้งๆที่เกมเพลย์ทำออกมาได้ดี และเกมนี้มีแนวโน้มจะเป็นหนึ่งในจุดสุดยอดของ Hideo Kojima แต่ปัญหาที่แสดงให้เห็นค่อนข้างชัดเจนขนาดนี้ ทำให้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกหลายๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่มีคะแนนให้นะ เพราะคิดว่าอาจจะไม่แฟร์ซักเท่าไหร่
อ้อ นึกได้แล้วว่าลืมอะไร Fox Engine มีสองอย่างที่อยากจะพูด อย่างแรก ในส่วนของ Open world  เทพมาก ภาพสวยจริงอะไรจริง ระบบแสงดีมาก อย่างทีสอง อยากให้ไปปรับปรุงเรื่องเอฟเฟคบางอย่างที่ใช้บ่อยๆ เช่นเอฟเฟคไฟ เพราะจากที่เห็น เหมือน GIF ตัดแปะเลย ถือว่าช้อคเล็กๆ
 
ข้อดี
+ เกมเพลย์
+ ฉากเนื้อเรื่อง
+ กราฟฟิค 
+ ซาวแทรค
 
ข้อเสีย
- Chapter 2
- โอเพ่นเวิร์ล
- เนื้อเรื่อง
- Konami


(Click to expand)


แสดงความคิดเห็น
19 more comments >>
เนื้อเรื่องภาคนี้ผมว่าจืดสุดในซีรีย์แล้ว
ยิ่งจุดหักมุมตอนจบนี่ เดาออกตั้งแต่เริ่มเกมแล้ว
ความเป็น Openworld ของ MGSV สำหรับผมไม่ใช่ข้อเสียเลย แต่มันเป็นข้อดีสุดๆ เหมือนที่ Farcry 3 ทำมา ส่วนเรื่องมิชชั่นซ้ำซาก อันนี้คงต้องวัดตามแต่ความชอบของแต่ละบุคคลละ แต่สำหรับผมมันซ้ำๆกันก็จิง แต่วิธีการเลือกที่จะทำมันไม่ได้ซ้ำซากเลย มีหลายวิธีหลายแนวทางในการทำภารกิจมาก ทำให้ไม่รู้สึกน่าเบื่ออะไร ข้อเสียจิงๆสำหรับเกมนี้สำหรับผมก็คือเนื้อเรื่องที่ยังไม่สุด กั๊กไปเยอะพอควร
ray
พึ่งเห็นคอมเม้นเรื่อง Fast Travel ขอบคุณครับ พอดีตอนเล่นเกมนี้ ไม่ได้อ่านกระทู้ หรือบทสรุปอะไรเลย เล่นตามที่ตัวเกมมีให้มาตลอด เท่าที่ฟังเหมือนออกแนว easter egg มากกว่า เพราะไม่เห็นมีบอกอะไรในเกมเลย (หลายคนในบอร์ดต่างประเทศก็บ่นเหมือนกัน) แต่ส่วนมากระหว่างเล่นผมก็เลือกที่จะวางแผนเส้นทางไว้ แล้วก็ขี่ม้าไปแทนตลอด เพราะอย่างน้อยยังรู้สึกต่อเนื่องมากกว่า แต่พอเริ่มต้องเก็บเนื้อเรื่องเสริม ที่ต้องวิ่งกลับไปกลับมาฉากเดิม มิชชั่นคล้ายๆเดิมนี่ ยอมรับเลยว่าเบื่อเหมือนกัน

จริงๆมีหลายอย่างที่ผุดขึ้นในหัวเยอะมาก ระหว่างเล่น แต่ด้วยความที่เกมยาวจัด ตอนพิมพ์รีวิว เลยลืมไปบ้างบางส่วน แต่ส่วนสำคัญที่อยากเน้นเลยคงเป็นเรื่อง open world นั่นแล่ะ ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือการไม่มีอะไร เป็นพื้นที่ว่างซะมาก บวกกับด้วยความที่เกมนี้เป็นเกมแนวสายลับ ดังนั้นเกมเพลย์มันเลยไปโฟกัสที่ฐานศัตรูเกือบทั้งหมด ระหว่างทางเลยกลายเป็นแค่ วิ่งไปวิ่งมาข้ามฉากกว้างๆแค่นั้นเอง ยิ่งเจอกับสภาพแวดล้มคล้ายๆกัน ซ้ำๆกันเกือบตลอดทาง มันเลยกลายเป็นจุดอ่อนของเกมไปแทน น่าเสียดายว่า MGS V ไม่ได้ใช้ประโยชน์ของการเป็น open world มากเท่าที่ควร จะมีข้อดีก็ตรงที่พอถึงฐานแล้วทำให้เราสามารถเลือกที่จะเข้าได้หลายทางนั่นแล่ะ ถ้าเกมกระชับตรงนี้ให้มากขึ้น น่าจะดีกว่านี้

เสียดายครับ จริงๆเกมนี้ดีนะ เล่นสนุกด้วย แต่มันเหมือนกับว่าบางอย่างยังต้องใช้เวลาขัดเกลาให้ลงตัวกว่านี้ ยิ่งไอเคสแชปเตอร์ 2 นี่ (บวกฉากจบสุดท้ายแบบจริงๆ) เป็นอะไรที่แบบชัดเจนมาก โดยเฉพาะมิชชั่นตัดแปะ ชัดเจนมากว่าต้องรีบปิดงาน ถ้าได้ดูวีดีโอมิชชั่น 51 แล้วจะรู้สึกว่า ถ้ามันได้ทำออกมาจริงๆ คงจะอลังการงานสร้างมากๆ
View all 2 comments >
Fast Travel มีบอกตอนระหว่างโหลดนะครับ แต่ถ้าไม่ได้สนใจอ่านอาจจะไม่เห็นเพราะมันไม่ได้ใช้คำว่า Fast Travelด้วย
ฉากจบลับ ต้องทำเงื่อนไขอะไรครับ ขอบคุณครับ (รบกวนงดสปอยครับ)
ไม่รู้คนรู้กันหรือป่าว คือบางอย่างเราทำแล้วไม่จำเป็นต้องใช้ FT เลยทำภาระกิจเสริม เสร็จ ออกนอกเขตให้มันเช็คพอย แล้วก็กด back to ACC ก็ได้นะ ไม่ต้องเสียเงิน แล้วค่อยเลือกให้ว่าจะทำอะไรต่อ คนที่จับก็ได้ปกติ
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

ทำให้ตัดสินใจได้ว่า ไม่ต้องรีบซื้อเล่นก็ได้
ภาคนี้ผมขัดใจอย่างเดียว น่าจะมีฉากทหารสู้กันเหมือนภาค4 อันนี้มีแต่ทหารศัตรูอย่างเดียว มันเลยดูมีมิติเดียว เสียดายฉาก
Like : hokuken
บางทีผมก็รู้สึกว่า โคจิม่าบางครั้งแกก็พิธีการเยอะไปหน่อย ฉากขึ้นฮ.ลงฮ. นี่โครตน่าเบื่อแถมไอ้เครดิตแกนี่ขึ้นมาทุกตอน บางทีการจะเดินทางด้วย Fast travelเนี้ย มันควรจะเร็วมากกว่านี้ที่เสียเวลาต้องเข้าฐานศัตรูที่อยู๋ใกล้ที่สุด แถมบางทีเข้าไปไม่เนียน สุดท้ายก็ต้องบู๋มันทั้งหมดเพราะหงุดหงิด

และที่รู็สึกเฟล คือ ไม่ว่าจะทําอะไรทุกอย่างแม่มเสียเงินหมด ขนาดบางทีจะเรียกฮ.กลับฐานนี่ยังลังเล และสิ่งสําคัญคือมันเป็น open-world แต่ไม่ค่อยจะมีมินิเกมส์เลย



Like : hokuken
เท่าที่ผมรู้เกมส์ openworld ถ้ามันทำ 1080p 60fps ได้ ผมรู้อยู่เเล้วว่า ฉากมันต้องกว้างไม่ค่อยมีรายละเอียดมาก อย่าง m5 ก็เป็นไปตามนั้น ฉากกว้างเเต่โล่ง ค่อยมีรายละเอียด ตรงมิสซั่น ซึ่งเค้าก็ทำได้ เข้าท่านะ จัดสรรพลังเครื่องให้เข้ากับเนื้อเรื่อง ลอง mgs5 ไปทำเเล้วใส่รายละเอียดเเบบ witcher 3 ดิ ฟอคเอนจิ้นๆ ก็เถอะ ดีไม่ดี 900p 30fps ยังต้องลุ้นเลย สำหรับ ps4 x1
Like : !<-Joni->!
ข้อเสีย - โรยตัวจาก ฮ. ไม่ได้
ฉากจบลับ ต้องทำเงื่อนไขอะไรครับ (รบกวนงดสปอยนะครับ ขอบคุณมากครับ)
เห็นเค้าว่า ทุกคนบนเซอเวอร์ ต้องไม่มีใครมีอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำปะครับ ?