50 ชั่วโมงไม่ไปถึงไหน 100 ชั่วโมงนี่ยัง complete ไม่ได้ครึ่งเกมอีกเหรอเนี่ย (นับเป็น %) จบแล้วก็ยังไม่ถึง 50% ของตัวเกม...โอ้ชีวิตนี่มันอะไรกันนักกันหนา รีวิวเกมใหญ่ ๆ ว่ายากแล้ว นี่ทั้งใหญ่ทั้งเยอะ พอเลย ไม่รีวิวละ มาคุยกันเล่น ๆ ดีกว่า เพื่อนสมาชิกผู้อ่านอย่าฟ้องเจ้าของเวบนะครับ

ภาคภาษาอังกฤษที่จะวางจำหน่ายในภายหลังชื่อ Xenoblade Chronicles X ตัว X หรือครอสไม่ได้ใส่ต่อชื่อท้ายเกมเพื่อความแนวเฉย ๆ แต่ตัวอักษรมีความหมายว่าสิ่งที่ลึกลับพิศวงรอคอยการพิสูจน์ (เช่น X-files, Mr.X, สารโคตรทรหด X, สาวสวยคนนั้นกำลังทำการทดลอง XXX เป็นต้น)

คุยเรื่องอะไรก่อนดี...เอาเรื่องภาพละกัน ธรรมดาเราคุยเรื่องนี้กันก่อนซะเป็นส่วนใหญ่

ตัวอย่างภาพจากผู้เล่นใน Miiverse ถ้าไม่ขี้เกียจคลิกแบบที่ผมมึนว่าจะเลือกภาพไหนมาลงดี ไปดูที่กระทู้ OT ของ Neogaf นะครับ ภาพสวย ๆ ภาพตลก ๆ เยอะมาก ยิ่งออกจอใหญ่ ๆ นี่อื้อหือ แตกเละ...ไม่ใช่ละ สวยจนน้ำตาไหล

http://www.neogaf.com/forum/showthread.php?t=1037185

ตัวอย่าง กฏของกระทู้เขาห้ามสปอยล์แอเรียอื่น เลยได้แค่ข้างเมือง แต่แค่นี้ก็สวยเทพแล้ว
นอกจากนี้ก็จะเป็นป่า, ทะเลทราย ฯลฯ ล้วนแต่อู้วหูว ว้าว ยิปปี้~ XXX ทั้งนั้น

ก็...คุณภาพของภาพมันประมาณ "ทำลง Wii U ไปได้ยังไงเนี่ย!?" สวยทุกเม็ด มองได้ไกลสุดลูกหูลูกตา แถมไอ้ที่อยู่ไกล ๆ ก็เดินไปได้ด้วยแล้วมองย้อนกลับมาอีกที โหว้!!! ญี่ปุ่นทำเกม open world สวย ๆ แบบนี้ก็เป็นด้วย! เอาเข้าจริงมันก็สวยมาตั้งแต่ Xenoblade ภาคแรกแล้วนะ คนที่เล่น Emulator แล้วปรับลบเหลี่ยม เพิ้มขนาดเป็น 1080p นี่จะรู้ซึ้งเลย ของแบบนี้มันไม่ได้ขึ้นกับฮาร์ดแวร์เฉย ๆ แต่อยู่ที่อาร์ตแล้วก็คุณภาพของทีมสร้างมากกว่า งานเทกเจอร์กับปลูกหญ้านี่ก็ถือว่าค่าย Monolith Soft ที่ทำเกมนี้เซียนมาก ๆ ตั้งนานแล้ว ทีมสร้างบอกว่าเกมนี้ฉากกว้างถึง 400 ตารางกิโลเมต ซึ่งถ้าเข้าใจไม่ผิดก็คือมากกว่า GTAV หรือ The Witcher 3 ที่กำลังจะวางจำหน่ายอีก จะบ้าพลังกันไปถึงไหน นอกจากนี้มุมกล้องก็ค่อนข้างยืดหยุ่นซูมใกล้ไกลหรือเอากล้องลอยขึ้นไปเหนือหัวเป็นโดรนได้ไว้สำหรับสำรวจพื้นที่ของสภาพแวดล้อมคล้ายกับที่เราใช้โดรนในโลกจริงนี่ล่ะ ทำให้ไม่ว่ามุมไหนของเกมก็เป็นมุมเหมาะถ่ายภาพวิวได้ทั้งนั้นด้วย

ทีนี้ปัญหาก็จะตกอยู่กับ Wii U ที่เป็นเครื่องสเปคเจนที่แล้วละ อย่างที่หลายคนสังเกตว่าหน้าตาตัวละครนี่ค่อนข้างออกมาตุ๊กตามาก ถึงจะสร้างตัวละครของเราเองได้ให้ออกมาดูดี (และโนตม) กว่าพวก NPC ได้ก็เถอะ แต่ก็ยังไม่พ้นหน้าตุ๊กตาจ๋าอยู่ดี อันนี้ก็ไม่รู้ว่าทีมสร้างคิดถึง Xenosaga (HD remaster when?) หรือจำต้องลดโพลิกอนโมเดลตัวละครลงแล้วไปเน้นที่ฉากมากกว่า อันนี้ส่วนตัวแล้วเฉย ๆ นะ ถือว่าอย่างน้อยก็พัฒนามากกว่าหน้าแบน ๆ จาก Xenoblade โมชั่นก็ทำได้ค่อนข้างโอเคและหลากหลาย ตัวละครมีท่าต่อสู้กับอีโมชั่นเยอะมาก แล้วก็เคลื่อนไหวได้สวยงามพอสมควร ระบบฟิสิกส์ การวิ่ง กระโดด ว่ายน้ำ ก็อัพเกรดจาก Xenoblade ด้วย แต่ถ้ามองโลกในแง่ร้ายก็คือยังออกมาไม่สมจริงเท่าไรนักแต่มันไม่กระทบเกมเพลย์ก็ไม่รู้จะบ่นไปทำไมเนาะ

ทางด้านเทคนิค ต่อเนื่องจากย่อหน้าที่แล้วคือเกมมันเกินสเปค Wii U เพราะงั้นลืม anti aliasing หรือการลบเหลี่ยมลบหยักไปได้เลย ในระดับ 720p นี่ไม่เห็นชัดขนาดแทงตาทะลุแต่ก็สังเกตได้ง่าย ปัญหาการโหลดเทกเจอร์ไม่ทันจากการที่เกมมันกว้างเกินแล้วเขาไม่ต้องการให้เราเห็นฉาก now loading ก็แก้ไขด้วยการโหลดตัว DLC free ขนาด 10gb จาก eShop ซึ่งผู้เล่นที่ซื้อแบบโหลดลง HDD อยู่แล้วจะไม่เจอปัญหาข้อนี้ ส่วนที่น่าทึ่งอีกอย่างคือเฟรมเรตของเกมนิ่งมาก รักษาระดับ 30 ได้ตลอดเวลาทั้งที่สวยออกขนาดนี้

ต่อไปเรื่องเพลง เรื่องนี้ชอบ ไม่พลาดที่จะคุยแน่

ซาวาโนะ ฮิโรยูกิ (Gundam Unicorn, Titan, A/Z, Kill la Kill) ตอนแรกก็กลัวอยู่นะว่าจะอลังการงานสร้างมันทุกเพลงจนหูชา ก็เล่นเปิดแต่เพลงแนวนั้นในวิดีโอตัวอย่าง แต่พอมาฟังจริง ๆ แล้วก็โอเคนะ มีป็อบ มีร็อค มีแรปหลายแนวผสมกันไป ธรรมดาก็ทราบว่าเป็นพวกชอบลองหลาย genre แต่เน้น epic ไว้ก่อน เปิดคลอเป็นแบ็คกราวน์ไม่แหลมออกมาฟังสบาย ๆ เพราะ ๆ ซึ้ง ๆ ก็มี ส่วนที่อยากให้อลังก็อลัง (ตามหาแมวหลงเปิดเพลงอลังนี่คือมุก?) ใช้ได้...แต่ส่วนตัวชอบที่มากันหลาย ๆ คนจาก Xenoblade ภาคแรกมากกว่า ต้องขอโทษแฟน ๆ ซาวาโนะด้วย ...คุณชิโมมุระหนีไปแต่ง FF15 แล้ว (ความจริงอันนั้นแต่งดองไว้ตั้งแต่ปี 2008-2009 แล้วมั้ง)

นักพากย์ก็จ้างมาอย่างเยอะ ตัวละครที่เราสร้างเองก็ปาเข้าไปเกิน 10 คนได้แล้ว ตัวละครก็มีเยอะ ฉากเนื้อเรื่องที่ต้องคุยกันก็ทั้งเยอะทั้งยาว ท่านประธานอิวาตะ ณ นินเทนโดเห็นใบค่าจ้างคงจะเป็นลม ไอ้ที่เคยตะโกนแข่งกันสร้างความน่ารำคาญให้คนเล่นเมื่อภาคที่แล้วก็ลดโทนลง ความหลากหลายก็มีมากขึ้น เกมนี้บทพูดถือว่าเยอะพอสมควรด้วย ท่านประธานคงจะจ่ายตรงนี้บานจริง ๆ นั่นแหละ...

แต่ซาวน์ของเกมนี้ออกไม่ครบถึง 5.1 นะ เท่าที่อ่านมาน่าจะได้แค่ Stereo คิดว่าอาจจะเพราะความจุแผ่น (ตัวเกมเกือบเลย 25gb)

ในส่วนของเนื้อเรื่องจะไม่สปอยล์ เพราะตัวเกมนี่เต็มไปด้วยจุดหักมุม จุดพลิก จุด deep เยอะ (ตามสไตล์ของผู้กำกับคนนี้) บรรยากาศดูเป็นอนิเมญี่ปุ่นมากกว่า Xenoblade นิดหนึ่ง อย่างที่บอกไปว่าหลายอย่างย้อนให้นึกไปถึง Xenosaga เฉพาะอย่างยิ่งฉากเนื้อเรื่องกับฉากคุยกันแบบยาวววววววววววววววเหยียด ฉากตัวละครหรือหุ่นสู้กันเท่ ๆ โดย Xenoblade X นั้นเล่าเรื่องผ่านทางสายตาของตัวละครที่เราสร้างเองแทนตัวเราเองเสีย 90% ของเกม จะไม่ใช่เกมแนวฝั่งนี้ปะทะฝั่งตรงข้ามแบบปกติ แต่เน้นโฟกัสไปที่การเอาตัวรอดหรือการสำรวจโลกใหม่บนดาวเคราะห์ที่ไม่รู้จักเสียมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีศัตรูหรืออะไรทำนองนั้น แต่งานหลักไม่ใช่การตบตีใคร แต่เป็นเจ้าหน้าที่ทำสารคดีจาก National Geographic ต่างหาก! อันนี้จะบอกอีกทีในส่วนของเกมเพลย์

ทางด้านตัวละครก็ค่อนข้างโอครับ ไม่มีปัญหาอะไร คู่เด็กสาวรินกับไอ้มันฝรั่งทัตสึก็ส่งมุกกันน่ารักดี  เกมนี้เน้นตัวละครหญิงแกร่งด้วยหลายตัวเลย โดยเฉพาะผู้การเอลม่า so badass so ลึกลับ ถ้าไม่ได้เล่นตัวละครที่สร้างเองก็จะเล่นอาเจ๊นี่ล่ะ เท่ดี แล้วก็ Xenoblade X มีตัวละครที่มีบทเยอะแบบบ้าคลั่งมากไปหน่อยทั้งเนื้อเรื่องหลักและเนื้อเรื่องเสริม (ตัวละครในปาร์ตี้ประมาณ 10 คน อื่น ๆ อีกเกือบ 30-40) บางทีก็มึนเหมือนกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เข้าใจว่าคอนเซปต์ของเกมคือ "การสร้างโลกที่สมจริง" ไม่ใช่ "พระเอกปะทะผู้ร้าย" เพราะฉะนั้นคนเล่นจะรู้สึกเป็นคนเล็กในโลกหญ่แบบนี้ก็ไม่น่าแปลกอะไร

ทีนี้ก็เกมเพลย์ ตัวเกมมันละเอียดมากจนผู้เล่นนี่ต้องชินกับเกม jRPG หรือเกมที่มีรายละเอียดเยอะ ๆ หน่อยถึงจะพอเข้าใจหมดนะ อันนี้แหละปัญหาเลยเพราะว่าถ้าให้อธิบายหมดจริง ๆ ผมต้องขออีกประมาณ 10 ย่อหน้าได้ มันไม่ใช่เกม RPG ปกติหรือเกมทำเควสที่จำลองมาจากพวกเกมออนไลน์แบบที่พวกค่ายเกมเล่นง่ายชอบทำกันซะเป็นส่วนใหญ่ Xenoblade X คือการจำลองการสร้างโลกและเป็นส่วนร่วมในโลกนั้น ซึ่งในข้อนี้เราจะได้เจอบ่อยใน wRPG หรือเกมทางฝั่งตะวันตกแต่ไม่ใช่ทางฝั่งญี่ปุ่นแน่ แล้วจะทำได้ดีแค่ไหนเรามาดูกัน (แต่คนรีวิวย่อได้ไม่ดีแน่)

เริ่มจากตัวละครของเรา เจ้าหน้าที่จากช่อง Discovery มาสำรวจดาวเคราะห์มิร่าเอาไปออกรายการกระจกหกด้าน (เกิดทันมั้ย?) แต่งเนื้อแต่งตัวใส่อาวุธพัฒนาอาชีพ custom มันเข้าไป เบื่อ ๆ ก็สามารถเปลี่ยนไปเล่นตัวละครพรรคพวก (ที่ต้องมานั่ง custom ให้อีก) เกิดเบื่อหน้าเบื่อเพศตัวเองก็เปลี่ยนได้ด้วยอีกแน่ะ (กว่าจะทำได้ต้องท้ายเกมนะ) หลังจบบทที่ 6 ก็จะได้หุ่นมาขับแว๊น จบบทที่ 10 หุ่นบินได้ฟินเลยเรา อารมณ์ที่บินสูงลิ่วแล้วส่องลงมาเห็นแผนที่แทบทั้งเกมอะไรประมาณนี้

อย่างที่กล่าวไปว่าเน้นสำรวจโลก เพราะฉะนั้นตัวเกมจะมี % บอกเลยว่าคนเล่นเก็บไปเท่าไรแล้ว อันนี้คือสวรรค์ของนักสำรวจ ทุกย่างก้าวที่เจอสถานที่ใหม่ได้ไอเท็มใหม่ รู้จักแอเรียหรือศัตรูใหม่ ๆ ตัวเกมจะมีรางวัลให้ตลอดครับ รวมถึงการทำเควส การสังกัด union ด้วย (เช่นกลุ่มล่าศัตรู กลุ่มหาของมาพัฒนาบริษัทอาวุธชุดป้องกัน กลุ่มช่วยชาวบ้าน ฯลฯ เป็นต้น) มีอะไรให้ทำเยอะขนาดที่ว่า 100 ชั่วโมงแล้วยังรู้สึกว่าเล่นไปไม่ถึงไหนได้เลย แต่เท่าที่รู้มาคน speed run จบเกมได้ภายใน 45 ชั่วโมงครับ ด้วย % ของเกมที่ 24% 

รบบต่อสู้ก็ค่อนข้างละเอียดมากด้วยความหลากหลายของท่า (Arte) สกิลที่ตัวละครใส่ ชุด อาวุธ อาชีพ แถมดันสู้ด้วยหุ่นได้อีก ตัวเขาตัดหางพวกมอนสเตอร์ได้อีก ฯลฯ แต่บาลานซ์นี่ไม่ต้องไปใส่ใจ ทุกอย่างทำเพื่อความสนุกอย่างเดียวครับ เอาตัวละครเทพ ๆ ไปไล่แกล้งศัตรูตัวเล็ก ๆ หรือถ้าศัตรูลับระดับยาก (โอเวิร์ด) ตัวไหนมันเก่งนักเราก็ต้องทำตัวละครให้เก่งกว่าหรือสู้ให้ถูกต้อง ความหลากหลายเหล่านี้ทำให้เกมไม่น่าเบื่อด้วย

ทางด้านระบบออนไลน์ก็ไม่ได้เน้นมากมายอย่างที่คิดกันตอนเกมเผยตัวแรก ๆ เราสร้างตัวละครแล้วทิ้งไว้ให้คนอื่นใช้ ไปทำเควสที่ทำได้เฉพาะออนไลนืทำกับคนอื่น ฯลฯ อะไรพวกนี้ ไม่ต่อเน็ตเล่นก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ ถ้าต่อเน็ตเล่นก็ไม่เหงา มีข้อความคนอื่นมาให้อ่าน มีการปราบศัตรูในจำนวนที่กำหนดไปด้วยกันแบบสุ่ม หาของด้วยกัน (แต่เล่นแบบตัวใครตัวมัน) หรือจะเข้าล็อบบี้ไปลุยแบบเป็นปาร์ตี้ ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนที่เพิ่มมูลค่าให้กับตัวเกมที่ผู้เล่นเลือกเสพได้ตามใจชอบ

ส่วนของ end game ที่ให้ทำหลังจบผมยังไม่ไปเล่นตรงนนั้นนะ แต่พอเข้าใจโครงสร้าง และกำลังนั่งเล่นอยู่ระหว่างที่รีวิวนี่ล่ะ ยังไงมันก็เป็นโบนัสสำหรับคนอยากเล่นให้คุ้มอยู่แล้ว คนที่เล่นเอาเนื้อเรื่องเอาความฟินจากที่รอมานานเฉย ๆ เล่นให้พอจบผมก็คิดว่าน่าจะพอใจกันทุกคนนะ ยกเว้นว่าไม่ชอบทำเควสจริง ๆ X มันเน้นให้ปั่นเควสยิ่งกว่าภาคแรกหลายร้อยเท่าได้

บินสิครับ บิน

นี่ผมลืมพูดอะไรไปหรือเปล่า? สารภาพว่าตั้งแต่วันที่ 28 เมษายนถึง วันที่ 8 คือวันที่ลงรีวิวนี้ชีวิตผมไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยนะ บก. นิตยสาร PLAY มาลากตัวกลับไปทำรีวิวก็ยังไม่ได้เริ่ม...หัวเราะชีช้ำ (ตอนมีนาคมออกมาแล้ว เพราะจะย้ายงานกลัวทำเกี่ยวกับเกมได้ไม่ดีพอ แค่นี้ก็นั่งเทียนมั่วนิ่มซะเยอะละ) ได้โดดไปดู Avenger บ้างกับกินเนื้อย่างไปสองรอบ โอ้ มาย ไลฟ์

ปล. 18 ชม. ต่อวัน 10 วันซ้อน ไม่ใช่สถิติใหม่นะ เคยบ้ากว่านั้น

ลืมอะไรก็ช่างมันละกัน 9.9 คะแนน

นี่แหละ หลักไมล์ใหม่ที่วงการ jRPG ต้องการ นี่แหละแนวทางที่ jRPG ควรจะเดิน

ไม่ให้ 10 เพราะว่า

- คนแต่งเพลงคือซาวาโนะคนเดียวมันน่าเบื่ออะ ดันเคยตัวกับ Xenoblade ที่คนแต่งหลายคน แล้ว X นี่ขนาดแนวฟรุ้งฟริ้งไปด้วย ถ้าเป็นชิโมมุระ หรืออุเอมัตสึหรือมิซุดะ ฯลฯ เหล่านี้ถึงโซโล่แต่ก็ฟรุ้งฟริ้งได้ (เข้าใจฟีลนี้กันมั้ย? ไม่เข้าใจ? ..........)

- ตัวละครเสริมหลายตัวบทอ่อน อันนี้เข้าใจว่าคนเขียนบท 3 คน ต้องไปเน้นที่ตัวละครที่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักก่อน แล้วเกมนี้ตัวละครกับเนื้อเรื่องย่อย ๆ พี่ก็เยอะซะ ภาคต่อไปลดมิติพวกตัวละครไม่สำคัญบ้างก็ได้ แล้วไปเน้นแก๊งหลักแบบตูมเดียวอลังการสะใจไปเลยเพ่

- ไม่ได้อะไรกับเกมทำเควสหรือเกมแต่งตัวละครให้สวยงามและเทพที่สุดเพื่อไปตีมอนสุดโหด แต่ X นี่ก็เยอะเกินไป เยอะระดับชั่วโมงเล่นเป็นเกมออนไลน์เลย (ประมาณ 300 ชม.++) ส่วนตัวประทับใจ Xenoblade มากกว่าเรื่องความสมดุลระหว่างเนื้อเรื่องกับเควส

- มีคนพนันกันว่าผมจะให้ 10

อย่าไปซีเรียสกับคะแนนนักเลย เกมเทพก็บอกว่าเทพสิ! จะ 7-10 ก็พอสนุกกันได้หมดนั่นล่ะ แต่ต่ำกว่านั้นต้องคิดก่อนซื้อนะ...

ขอไปลุยต่อละ เจอกันใหม่ภาคภาษาอังกฤษ 

ล้างตา

(Click to expand)