ยาวนิด ช่วยอ่านเช่นกันนะครับ

[รัฐบาลยังคง “มั่วแล้ว” “มั่วอยู่” และ ”มั่วต่อ” ดึงดันจะเดินหน้ารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเจ้าปัญหานี้]
.
ตัวแทนรัฐบาลเข้าใจประเด็นผิดไปไกล แล้วก็ยังคงมีความพยายามที่จะบิดเบือนข้อมูลและพยายามทำให้การรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในรอบนี้เกิดขึ้นให้ได้ แต่ยังดีหน่อยที่ตัวแทนรัฐบาลออกมาชี้แจงในรอบนี้ไม่มีการปฏิเสธอำนาจของนายกฯในการยกเลิกการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดรอบนี้กว่า 3,600 MW แล้ว นั่นหมายความว่า นายกฯมีอำนาจเต็มในการที่จะยับยั้งการรับซื้อพลังงานสะอาดในรอบนี้ที่มันมีปัญหา!
.
ผมขอโต้แย้งในทุกประเด็นที่ทางตัวแทนฝ่ายรัฐบาลยกมา ดังนี้ครับ
.
ประเด็นแรก “มั่วแล้ว”: เรื่องของการที่ประเทศไทยต้องเพิ่มสัดส่วนของพลังงานสะอาด พรรคประชาชนยืนยันและสนับสนุนในเรื่องนี้มาตลอด แต่รัฐบาลมีทางเลือกอื่นอย่าง Direct PPA ที่จะทำให้ประเทศไทยเพิ่มสัดส่วนของพลังงานสะอาดได้เหมือนกัน แต่ “ไม่ส่งผลกระทบ” ต่อประชาชนที่จะต้องมาจ่ายค่าไฟแพงเกินกว่าที่ควรจะเป็น ถ้าจะอ้างว่าการรับซื้อพลังงานสะอาดเข้าระบบอย่างที่รัฐทำอยู่นี้เพื่อดึงดูดการลงทุนทั้ง Data Center, Semiconductors หรือ อุตสาหกรรมอื่นๆ ท่านได้มีโอกาสไปถามผู้ประกอบการที่อ้างหรือยังว่า ต้องการไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในรูปแบบใด เพราะถ้าไปดูนโยบายของสหภาพยุโรป, บริษัท data center หรือแม้แต่ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เขาไม่กล้าซื้อไฟจากโครงการไฟฟ้าสีเขียวแบบที่รัฐบาลกำลังจะทำกัน ผมเคยอภิปรายในประเด็นนี้ไปตั้งแต่ มาตรา 152 รอบที่ผ่านมา (รูปแนบ 1) หลายๆอุตสาหกรรมก็เข้ามาชี้แจงในกรรมาธิการการพลังงานว่าอยากให้ผลักดัน Direct PPA มากกว่า เพราะตอบโจทย์ต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมมากกว่า ในเรื่องนี้ รัฐบาลมีวิธีที่ดีกว่าแต่ ไม่ยอมทำ !
.
ประเด็นที่สอง “มั่วอยู่”: เรื่องราคารับซื้อที่รัฐบาลกำหนด อย่างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ 2.20 บาท/หน่วย นั้นก็ยังคงแพงเกินกว่าที่ควรจะเป็น กพช.ได้มีการกำหนดราคารับซื้อนี้มาตั้งแต่ปี 2565 ปัจจุบันผ่านไป 2 ปี ก็ยังมีมติให้ใช้ราคารับซื้อเดิม เท่านั้นยังไม่พอทุกโครงการที่มีแผนจะเกิดขึ้นจากนี้ไปจนถึงปี 2573 ก็ยังคงจะกำหนดให้ใช้ราคารับซื้อเดิมราคานี้ นั่นหมายความว่าโครงการที่จะถูกสร้างในปี 2573 จะขายไฟในราคาที่คิดตั้งแต่ปี 2565 ไปอีก 25 ปี ทั้งๆทีความเป็นจริง ราคาต้นทุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าลดลงทุกไป (เปิดโพสต์ก่อนๆผมได้ครับ แนบผลการวิจัยให้แล้ว) เหตุใดรัฐบาลถึงไม่มีการคำนวณราคารับซื้อใหม่ เปิดให้มีการประมูลราคารับซื้อ รวมไปถึงแบ่งการประมูลออกเป็นรอบย่อยๆหลายๆรอบและมีการกำหนดราคารับซื้อใหม่ที่มันลดลงในทุกๆรอบ แบบนี้เค้าเรียกว่ามีวิธีที่ถูกกว่า แต่ไม่ยอมทำ! ถ้าไม่เรียกว่าจงใจเอื้อกำไรให้คนที่ได้สัมปทานสูงเกินจริง จะให้เรียกว่าอะไร?
.
ประเด็นสุดท้าย “มั่วต่อ”: ข้ออ้างที่ว่าเคยเปิดให้มีการประมูลราคารับซื้อเข้ามาเรียบร้อยแล้วแต่เผชิญปัญหาที่ว่า มีผู้เข้าร่วมเสนอราคาที่ต่ำจนเกินไปจนไม่สามารถสร้างโรงไฟฟ้าได้จริงตามกำหนด จึงเป็นสาเหตที่ทำให้รัฐบาลต้องล็อคราคาให้กับเอกชน ไม่ยอมให้มีการแข่งขัน เหตุผลนี้เป็น ”เหตุผลที่สิ้นคิด” และทำการบ้านไม่รอบคอบสิ้นดี รัฐบาลมีอีกหลายวิธีในการที่จะแก้ไขหรือลงโทษคนที่ผิดเงื่อนไขจนไม่สามารถก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ตามกำหนด ไปตั้งแต่การประกาศรายชื่อสำรองออกมา การเพิ่มบทปรับให้กับผู้ที่กระทำผิด การห้ามเข้าร่วมการประมูลของทางภาครัฐ มาตรการต่างๆเหล่านี้สามารถช่วยในการกำกับคนที่ไม่ทำตามสัญญากับทางภาครัฐได้ทั้งสิ้น ดังนั้นรัฐบาลควรจะไม่ยกทำมาเป็นเหตุผลที่นำมาอ้างเพื่อไม่เปิดการประมูลแข่งขันด้านราคาและทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟแพงเกินกว่าที่ควรจะเป็นแบบนี้
.
ผมคาดหวังเป็นอย่างยิ่งครับว่ารัฐบาลต้องเลิกที่จะให้ข้อมูลที่มีความบิดเบือนแบบนี้กับประชาชนสักที นายกรัฐมนตรีแพรทองธารคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถยับยั้งแก้ไขปัญหานี้ หยุดยั้งการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในรอบ 3,600 เมกะวัตต์นี้ได้
#ค่าไฟแพง #พรรคประชาชน

เมื่ออดีต