ชมและบ่นไปเรื่อย กับตำนานดาบศักดิ์สิทธิ์ ภาคที่ 5 “นิมิตของพฤกษาแห่งพลัง” : Visions of Mana

Play time ปัจจุบัน : ราว 30+ชม.
อยู่ในบทที่ 6 Mode Hard ระบบ PS5

อยู่กับเกมนี้มา ถ้าเป็นบุคคลน่าจะเรียกได้ว่าเกินขอบเขตความคุ้นเคยเข้าขั้นสนิทแล้ว จึงพอที่จะบรรยายความรู้สึกที่มีต่อเกมนี้ได้บ้าง

เกริ่นๆ : ณ อาณาจักร ที่รู้จักกันในชื่อ คี‘ดีล ว่าด้วยผู้พิทักษ์วิญญาณหนุ่มซึ่งมีหน้าที่ปกป้องคนรักสาวผู้ถูกรับเลือกให้เป็น “ทานแห่งธาตุไฟ” (เดาความหมายจากซับอังกฤษแบบนี้ตรงตัวไปหรือเปล่าไม่รู้ แต่น่าจะตรงกับบริบทเนื้อเรื่องแล้ว จะเป็นผู้ถือครองพลังแห่ง…บลาๆ มันดูไม่ตรงจุดประสงค์ 555 ) ตำแหน่ง Death flag ที่ต้องเดินทางเพื่อถวายวิญญาณตัวเองบวงสรวงแด่พฤกษามาน่าทุกๆสี่ขวบปีเพื่อรักษาพลังที่จะปกป้องโลกจากภัยร้าย หากมิเป็นเช่นนั้นแล้ว บ้านเมืองซึ่งอยู่ภายใต้ความดูแลของวิญญาณแห่งธาตุนั้นๆ จะพบกับภัยพิบัติ จึงเกิดเป็นเรื่องราวการผจญภัยในดินแดนเทพนิยาย เพื่อค้นหาความหมายของการใช้ชีวิต พิชิตแมพเก็บน้ำเชื่อมให้น้องหมี ขี่มี๊(หมี+ม้า)ท่องโลกไฮแฟนตาซี โดยไม่ซีว่าจะส่งเพื่อนไปตุย LOL

เกมเพลย์ : แอคชั่นสวมบทบาทผจญภัยในแผนที่กึ่งโลกเปิด ระบบการต่อสู้ไม่ซับซ้อน ไอ้ที่ซับซ้อนคือระบบอบิลิตี้ และ มูฟ ต่างๆ ซึ่งพอทำให้เลือกได้หลากหลาย มันเลยเกิดเส้นทางในการบิลด์อัพตัวละครได้เยอะมาก การจัดทีมจัดแผน เพื่อเอาชนะมอนสเตอร์ตามธาตุต่างๆที่แพ้ทางกันจะทำให้เกมง่ายขึ้นระดับหนึ่งเลย นอกจากธาตุแล้ว มอนสเตอร์ต่างๆจะแพ้ทางอาวุธ แบ่งเป็นประเภท ฟัน หรือ ทุบ ด้วย เกมจะเก็บข้อมูลให้เราศึกษาศัตรูในเมนูอยู่แล้ว ชาเลนจ์ไหนที่ผ่านยากๆลองเข้าไปดูว่าศัตรูแพ้ทางอะไรก่อนได้ เพราะในชาเลนจ์มันล็อกชนิดมอนสเตอร์แน่นอน เกมมีระบบแทคติค สำหรับเซ็ต AI เพื่อนเราด้วยนะครับ แต่ไม่ซับซ้อนขนาดระบบแกมบิท บน FFXII แต่ก็เป็นประโยชน์ทีเดียว และเกมเพลย์นี่แหละที่ประครองความประทับใจในเกมภาคนี้ไว้เลยสำหรับผมนะ

งานภาพ / เสียง / ดนตรีประกอบ : จุดเด่นของซีรี่ย์นี้ตั้งแต่ ภาค 2 มาคือกราฟฟิคสีสันสดใส …สีจัดเลยดีกว่า และ เพลงประกอบที่ไพเราะ ซึ่งจะชัดมากขึ้นในภาคสาม ส่วนตัวเริ่มเล่น ภาคสาม ก่อนเลยในปี 1995 จะ 30 ปีแล้ว แต่ถ้าหยิบออริจินัลขึ้นมาเล่น มันยังคงสวยงามเสมอ ออลไทม์GOAT โดยเฉพาะเพลงประกอบ มันยังหลอนหูผมมาตลอด 30 ปีไม่ว่าจะเป็นเพลงในแมพ ที่ราบสูงมอลแบร์ , เพลงธีมของบีสต์คิงดอม ยังฮัมเพลงได้อยู่เสมอ มาในภาคนี้ กราฟฟิคยังสวยงามเหมือนเดิม เล่นบน PS5 โหมด
กราฟฟิคลื่นจนประทับใจ (ยกเว้นคัทซีนมีFPSร่วง) แต่ดนตรีประกอบ ผมยังไม่เจอที่ต้องใจแมพไหนเลยยกเว้นเพลงธีมตอน Intro เกม เสียงเอฟเฟคต่างๆ ฟัน ทุบ ยิง ระเบิด เสียงลม สะใจดีครับ ด้านเสียงพากย์ผมไม่ชอบอังกฤษสั้นๆเลยมันส่งอารมณ์ไม่ถึง แต่เล่นอังกฤษนะ เพราะเวลาคัทซีนบางทีลุกไปโน่นนี่ยังฟังออก ไม่ต้องคอยอ่าน ถ้าเล่นอีกรอบจะลองปรับเป็นพากย์ญี่ปุ่นน่าจะได้อารมณ์กว่า

ผมจะไม่แตะเนื้อเรื่องก่อนนะครับเพราะยังไม่จบ แต่ถามว่ามัน อิหยังวะไหม ? ช่วงแรกเป็นแน่ครับ
เกมเรท M แถมเตือนว่านี่เป็นเกมแบบ Hi Fantasy นะ มันเลยต้องปรับความเข้าใจเราไปอยู่ในบริบทของโลก คี‘ดีล ดู มันก็พอเข้าใจได้บ้าง เนื้อเรื่องจะเริ่มน่าติดตามมากขึ้นหลังเรื่อยๆอยู่ครับ ใช้คำว่า Slow Burn เท่ห์ๆได้มั้ย ? เพราะมันแทบหลับอยู่ช่วงแรกๆ พอจะตื่นเต้นมาได้บ้าง ก็บทที่ 4 แล้ว เกือบ ครึ่งเกม ><

สรุป : ถ้าเป็นแฟนมานา ยังงัยก็คุ้มค่า ค่าตัว 1,990 และการรอคอย 15 ปีครับ แต่ถ้าเป็นแฟนหน้าใหม่ คอนเทนต์ของเกมก็เรียกว่าคุ้มค่าอยู่ดีแม้บางอย่างอาจจะไปไม่สุดทางที่ควรจะเป็นก็ตาม ผมว่าภาคนี้เรียกแขกได้นะ อาจจะเสมอตัว ไม่ถึงกับทอน แต่ไม่หล่นแน่นอน ถ้าชอบเกมแอคชั่นสวมบทบาสไตล์Traditionalญี่ปุ่นแบบนี้ เอนจอยกับมันได้แน่ครับ แต่ถามว่าเกมอื่นในแนวทางใกล้ๆกันเขาทำไปล้ำหน้ากว่าไหม ก็ต้องตอบว่า …ใช่และมีเยอะเลยครับ ! ฮ่าๆๆๆ

สรุปอีกทีในฐานะแฟน ถ้าภาคสาม ออริจินัล คือ GOAT ของเกมแนวทางนี้ , ภาคนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้นครับ แต่ดีกว่า สามรีเมคแน่ๆคับ

ไม่ให้คะแนนนะครับเรื่องความชอบนานาจิตตัง

เอนจอยกับการละเล่นค้าบ