[PS3] Tales of Graces f (ToGf) - ร่วมสุมหัวเบิกทางสู่อนาคต[Walkthrough ]
<<
<
1
2
3
4
5
6
>
>>
Reply
Vote
# Thu 2 Dec 2010 : 8:35AM

Walkthrough Part 1.
ラントの裏山 (ยอดเขาริมชายฝั่งทะเลของแลนท์)
- ทีมเริ่มต้นจะประกอบด้วย アスベル (อัสเบล) และ ヒューバート (ฮิวเบิร์ทในวัยเด็ก) ให้เดินตรงเข้าไปข้างใน (สามารถสำรวจน้ำพุเพื่อฟื้นพลังได้)
- ได้โซฟีเข้าร่วมทีม จากนั้นให้เดินย้อนกลับออกมาข้างนอก
北ラント道 (ทางเดินทิศเหนือของแลนท์)
Items: 魔法カルタNo.04 (สำรวจจุดสะท้อนแสงตามทาง มีโอกาส 10% ที่จะได้)
- เดินมาตามทางด้านตะวันออก จะกลับเข้าสู่เมืองแลนท์
ラント (เมืองแลนท์)
Items: エネミーブック (ในห้องของอัสเบล - ขวาบนของบ้าน), ディスカバリーブック (อีเวนท์)
Discovery: リンゴの木
- เดินเข้าเมืองแล้วเจออีเวนท์กับเชเรีย จากนั้นเชเรีย (วัยเด็ก) จะตามมาด้วย (ไม่ได้เข้าร่วมสู้)
- เดินไปทางขวาสุดของเมืองจะเจอบ้านหลังใหญ่ของอัสเบล คุยกับ フレデリック (เฟรเดริค) ที่หน้าบ้าน
- คุยกับบารี่ที่อยู่กลางสะพานกลางหมู่บ้าน จากนั้นเดินข้ามสะพาน แล้วเดินไปทางซ้าย
- เดินไปทางขวาสุด จะพบบ้านหลังใหญ่ของอัสเบล และพบกับบคนรับใช้ของตระกูลอยู่หน้าบ้าน
- เดินไปทางซ้ายจะพบต้นแอปเปิ้ล และได้ ディスカバリーブック และ Discovery リンゴの木
- เดินออกไปที่ทางออกด้านซ้ายมือ
西ラント道 (ทางเดินทิศตะวันตกของแลนท์)
Items: 魔法カルタNo.03 (แรนด้อมจากจุดสะท้อนแสงตามทาง)
Discovery: グミの木
Titles: 花の名の少女
- เดินไปตามทางเรื่อยๆ จะพบกับต้นกุมิ สำรวจเพื่อเก็บ Discovery Point
- เดินเลยไปอีกจนถึงานกว้าง คุยกับ かめにん (คาเมะนิน) แล้วจะสามารถใช้ระบบ デュアライズ ได้ (จะยังไม่ได้ ถ้าไม่ได้เก็บจุด Discovery ที่ผ่านมา)
- กลับเข้าเมืองแลนท์ แล้วไปยังบ้านของอัสเบล หลังอีเวนท์ เชเรียจะออกจากกลุ่ม
- คุยกับเชเรียจะพบกับซับอีเวนท์ (เฉพาะช่วงนี้เท่านั้น)
- เข้าไปในบ้าน ขึ้นห้องชั้นสองทางซ้ายเจอซับอีเวนท์
- ลงมาที่ชั้นหนึ่งห้องซ้าย คุยกับ アストン (อัสต้อน พ่อของอัสเบล และเป็นเจ้าเมืองแลนท์) เจออีเวนท์ยาวๆ โซฟีจะได้ฉายา 花の名の少女 (เด็กสาวผู้มีนามแห่งดอกไม้)
- เดินออกไปทางประตูใต้ (ข้ามสะพานลงไป) และต้องสู้กับศัตรู プレアリーイーグル
東ラント街道 (ทางเดินทิศตะวันออกของแลนท์)
Items: 魔法カルタNo.01 (แรนด้อมจากจุดเก็บของ)
Discovery: 煇石の欠片 (สำรวจหินบนแม่น้ำใกล้ๆทางเข้าออกของเมือง)
Story Synopsis
อัสเบล และฮิวเบิร์ท สองพี่น้องซึ่งมีบิดาเป็นเจ้าเมืองแห่งแลนท์ แอบแหกคอกคำสั่งห้ามของพ่อหนีออกมาเที่ยวบนภูเขา พวกเขาได้พบกับเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งนอนหลับไหลอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้บนเนินเขาที่อยู่ริมชายฝั่งทะเลของแลนท์ เธอซึ่งดูจะมีอายุมากกว่าพวกเขาทั้งสองจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใครและมาจากไหน ฮิวเบิร์ทเองก็ไม่คุ้นหน้าค่าตาเธอคนนี้ อัสเบลจึงอยากจะพาเธอกลับไปที่เมือง เผื่อว่าจะมีใครที่นั่นรู้จักเธอบ้าง
ที่เมืองนั้น ขณะที่อัสเบลกำลังคิดว่าจะทำยังไงกับเด็กผู้หญิงคนนี้ดี เชเรียซึ่งเป็นเพื่อนของพวกอัสเบลได้มาบังเอิญเจอเขาเข้าและวิ่งเข้ามาหาด้วยอาการไม่พอใจ แต่เพราะร่างกายที่อ่อนแอเลยมาได้แค่ครึ่งทาง เมืออัสเบลเข้าไปดูก็ถูกต่อว่า เพราะทั้งสองคนแอบออกที่เนินเขาซึ่งมีทุ่งดอกไม้ที่บานตลอดปีกันโดยไม่บอกเธอ แล้วอัสเบลก็นึกขึ้นได้ว่ามีเด็กสาวที่เขามาด้วย ทีแรกเชเรียก็สงสัยว่าเธอคนนี้จะเป็นแบบที่อัสเบลชอบหรือเปล่า แต่อัสเบลก็เอาตัวรอดไปได้โดยการให้ดอกไม้ที่เขาเก็บมาจากบนเนินเขานั้น เมื่อเด็กสาวผู้ไร้ความทรงจำเห็นว่าเชเรียดีใจที่ได้รับดอกไม้ เธอก็ส่งดอกไม้อีกดอกในมือเธอให้บ้าง ทำให้สามารถผูกมิตรกันได้
เชเรียเมื่อรู้ว่าเธอคนนั้นสูญเสียความทรงจำก็เลยบอกว่าน่าจะไปถามเฟรเดริคซึ่งเป็นลุงของเธอดู แต่เขาก็ไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเหมือนกัน ลงท้ายก็ต้องไปถามชาวบ้านจนทั่ว และได้ความมาว่าที่นอกเมืองฝั่งตะวันตกนั้นมีคณะนักแสดงมาพักอยู่ ซึ่งอาจจะได้เรื่องอะไรบ้างก็ได้ แต่ลงท้ายก็ยังล้มเหลว
เมื่อกลับเข้าเมือง ケリー (เครี่) แม่ของอัสเบลกำลังรออยู่หน้าบ้าน และบอกว่าแอสต้อนมีเรื่องจะพูดกับทั้งสองคน ทั้งยังเตือนว่าเชเรียมีร่างกายที่อ่อนแอ อัสเบลไม่ควรจะฝืนพาเธอไปเล่นอะไรมากนัก และก่อนที่อัสเบลจะได้แย้งอะไรกลับ ตัวเชเรียก็ไอออกมาอย่างต่อเนื่องจนต้องรียบกลับไปพักที่บ้าน ทำให้อัสเบลพูอะไรไม่ออก
อัสเบลเข้าไปหาพ่อของเขาซึ่งอยู่ในบ้าน ซึ่งเขาได้รับคำเตือนว่ากำลังจะมีแขกคนสำคัญจากนครหลวงมาพักที่นี่ อีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีความสำคัญมากในเมืองหลวง อัสต้อนไม่อยากให้อัสเบลก่อเรื่องวุ่นวายอะไรในช่วงนี้ ส่วนเรื่องของเด็กสาวที่อัสเบลพบ แต่อัสต้อนก็บอกว่าจะให้คนของเขาช่วยสืบหาข้อใูลให้เอง แต่อัสเบลก็ยังหัวรั้นไม่ยอมรับง่ายๆ และยืนกรานว่าตัวเองจะเป็นคนสืบหาความจริงเองก่อนจะเดินหนีออก เขาออกมาระบายความหงุดหงิดนอดบ้านและเห็นเชเรียที่แอบด้อมๆมองๆอยู่ เธอเข้ามาถามว่าเรื่องของเด็กหญิงคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง อัสเบลก็บอกว่าเขาจะเป็นคนสืืบหาตัวตนที่แท้จริงของเธอเอง และถ้ายังทำไม่ได้ก็จะทำไปตลอดชีวิต เชเรียจึงต้องโวบวายคัดต้านใหญ่ แต่ก็เปลี่ยนใจอัสเบลไม่ได้ จากนั้นพวกเขาจึงเริ่มคิดชื่อให้เธอ และลงท้ายที่ชื่อของดอกไม้ที่บานอยู่ ณ ที่ๆพวกเขาได้พบกัน "คุโรโซฟี" อัสเบลจึงตั้งชื่อให้เด็กสาวคนนั้นว่า "โซฟี"
ตอนนั้น อัสต้อนก็รีบร้อนออกไปพร้อมกับทหารจำนวนหนึ่ง ได้ความว่า "แขกคนสำคัญ" ที่ว่านั้นมาช้าเกินกำหนด จึงต้องออกไปตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ อัสเบลจึงตามออกไปดูและพบว่าพาหนะของแขกคนนั้นถูกปีศาจล้อมไว้อยู่ อัสต้อนเห็นลูกชายตัวแสบกำลังมา จึงบอกห้ามไม่ให้เข้ามาใกล้ แต่ด้วยนิสัยแบบอัสเบล เขาจึงยั่วเพื่อดึงดูดความสนใจของพวกปีศาจ ทำให้คนในรถสามารถหลบออกมาได้ แต่ก็ต้องถูกผู้เป็นพ่อดุด่าว่าทำอะไรไปโดยไม่ได้คิดว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งทำให้อัสเบลหงุดหงิดมาก และคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ラント (เมืองแลนท์)
- กลับไปที่บ้าน แล้วเดินไปทางขวาของบ้าน จะสามารถสำรวจเพื่อเข้าไปทางหน้าต่างได้
- พบกับริชาร์ด หลังจากอีเวนท์ ริชาร์ดจะเดินทางไปด้วย
- พาริชาร์ดไปที่ทุ่่งดอกไม้บนเนินเขา
ラントの裏山 (ยอดเขาริมชายฝั่งทะเลของแลนท์)
Discovery: 癒しの湧き水 (สำรวจที่น้ำพุ), 誓いの木 (สำรวจต้นไม้ใหญ่ริมผาที่ใช้ไต่กลับขึ้นมา)
- สู้กับ ビアス PS3: ถ้าสามารถจัดการได้ใน 1 นาที จะได้ Bronze Trophy
- จากนั้นจะสามารถใช้ริชาร์ดในฉากสู้ได้ ให้เดินตามทางกลับขึ้นมา หากเห็นว่ากำลังจะเดินตกผา ให้กด O รัวๆ
- เมื่อเดินเลยจุดเซฟไปเล็กน้อยก็จะต้องสู้กับ ベアバスタード 2 ตัว
- ไต่ต้นไม้กลับขึ้นมาข้างบน จากนั้นให้เดินทางกลับเมือง
ラント (เมืองแลนท์)
- หลังอีเวนท์ ริชาร์ดจะแยกตัวออกไป
- ออกจากเมืองทางประตูทิศใต้
Story Synopsis
อัสเบลซึ่งโดนพ่อดู จึงเกเรและเกิดความคิดว่าจะแอบเข้าไปหา "แขกตนสำคัญ" คนนั้นซึ่งก็เป็นเด็กเหมือนอัสเบล เมื่อปีนผ่านเข้าไปทางหน้าต่างก็ได้พบกับริชาร์ด อัสเบลพยายามชักชวนให้ริชาร์ดออกไปเล่นข้างนอกด้วยกัน แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ เะราัตลอดเวลาที่ผ่านมา ถ้ามีใครมาใกล้เขานั่นก็เพราะคนๆนั้นหวังสิ่งตอบแทน ตอนนั้นครูฝึกดาบของริชาร์ดชื่อ ビアス (เบียส) ก็เข้ามาบอกให้ริชาร์ดไปฝึกวิชาดาบ ซึงเจ้าตัวไม่มีอารมณ์อยากจะไป อัสเบลจึงออกหน้าไปแทน ในตอนแรกเบียสจะใช้มือเปล่าเพราะเห้นว่าไม่จำเป็นต้องเอาจริงกับเด็ก แต่อัสเบลก็ไม่อยากสูด้วย เพราะว่าอัศวินจะไม่าู้กับผู้ที่ไม่มีอาวุธ แต่เมื่อโดนหยามว่าอัสเบลกำลังกลัว เขาจึงกวัดแกว่งดาบเข้าใส่ แต่ด้วยประสบการณ์ที่ห่างกันมาก อัสเบลจึงทำอะไรไม่ได้มาก แต่อาศัยลูกฮึดพุ่งเข้าไปโจมตีใส่เบียสได้แบบถากๆ
เมื่อเห็นแบบนั้น เบียสจึงเริ่มคิดจะเอาจริงขึ้นบ้างโดยการใช้กรงเล็บที่เป็นอาวุธของเขา แต่ถูกขัดจังหวะโดยอัศวินอีกคนซะก่อน อัสเบลเองก็ประทับใจว่าอัศวินตัวจริงๆนั้นเก่งมาก และหวังว่าจะได้ประดาบกับเบียสอีกครั้ง อัศวินคนนั้นเมื่อรู้ว่าอัสเบลอยากเป็นอัศวิน จึงแนะนำให้เขาเข้าโรงเรียนฝึกอัศวินเพราะเขาเห็นว่าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์ในเชิงดาบ ขณะเดียวกันก็ตำหนิเบียสที่ทำตัวไม่สมเป็นอัศวิน และบอกว่าเขาจะเป็นครูฝึกดาบของริชาร์ดแทนนับจากวันพรุงนี้
เมื่อหนทางสะดวก อัสเบลและริชาร์ดจึงไปทีื่ทุ่งดอกไม้ในตอนแรกโดยมีโซฟีตามไปด้วย แต่มีแขกไม้ได้รับเชิญอีกคน เบียสที่แอบเดินตามมานั่นเอง ตอนนี้อัสเบลก็ได้รู้ว่า "ริชาร์ด" ก็คือ "ริชาร์ด" ที่เป็นเจ้าชายของอาณาจักรนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าเบียสมาเพื่อฆ่าริชาร์ด และสถานที่แห่งนี้ก็เหมาะสมมาก อัสเบลและโซฟีเข้าไปช่วยกันสู้เพื่อป้องกันริชาร์ด แต่ถึงแม้จะล้มเบียสลงได้ แต่ริชาร์ดที่อยู่ในอารามตกใจก็เผลอขยับเข้าใกล้หน้าผาโดยไม่รู้ตัวและพลัดตกลงไป โซฟีและอัสเบลรีบเข้าไปคว้าเอาไว้แต่ก็รับน้ำหนักไม่ไหว ต่างร่วงตกลงไปยังหาดทรายเบื้องล่างด้วยกันทั้งสามคน
เมื่อฟื้นขึ้นมา ริชาร์ดก็ได้มอบแหวนของเขาให้แก่อัสเบลเพื่อเป็นรางวัลที่ช่วยเขาเอาไว้ ซึ่งทำให้อัสเบลโกรธ เพราะที่เขาทำไปนั้นไม่ได้หวังซึ่งรางวัลใดๆ และก็ไม่ได้ทำเพราะริชาร์ดเป็นเจ้าชายด้วย หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันปีนป่ายขึ้นหน้าผากลับมาบนทุ่งดอกไม้ได้สำเร็จ ใกล้ๆกันนั้นมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งเติบโตอยู่ริมผา โซฟี,ริชาร์ดและอัสเบลจึงร่วมกันสลักชื่อไว้ร่วมกันบนผิวไม้นั้น เพื่อเป็นหลักฐานแห่งมิตรภาพที่เกิดขึ้นในวันนี้โดยมีแสงอาทิตย์ของวันใหม่เป็นพยาน จากนั้นไม่นาน เฟรเดริคและทหารยามหลายนานก็เข้ามาพบพวกเขาพอดี
ทันทีที่กลับถึงเมือง อัสต้อนก็เข้ามาตบหน้าอัสเบลเพราะได้ทำความผิดที่พาริชาร์ดออกไปเสี่ยงอันตรายข้างนอก ริชาร์ดจะช่วยออกหน้ารับความผิดไว้และยังบอกว่าอัสเบลเป้นผู้มีพระคุณของคน แต่ก็ไม่อาจลบความผิดที่แอบฝืนคำสั่งห้ามขึ้นไปบนเนินเขาได้ สุดท้ายอัสเบลจึงโดนคำสั่งกักตัวอยู่ในห้อง ตัวริชาร์ดก็ต้องเดินทางกลับนครหลวงเพราะอาการป่วยของกษัตริย์จู่ๆก็ทรุดหนักลง จากนั้น แอสตันก็เรียกให้ฮิวเบิร์ทเดินทางไปนครหลวงด้วยกัน ถึงอัสเบลจะอยากไปด้วยมากก็ทำไม่ได้เพราะอยู่ระหว่างโดนกักตัว
ก่อนที่จะจากกัน ริชาร์ดได้มอบแหวนวงที่เคยจะให้อัสเบลเป้นรางวัลเมื่อวันก่อน แต่ครั้งนี้นั้นเพื่อไว้ให้อัสเบลแสดงมันแก่ทหารแห่งวินดอลล์ และให้สัญญาว่าจะได้พบกันอีกแน่นอน ส่วนแม่ของอัสเบลก็ดูโศกเศร้ากับที่การฮิวเบิร์ทจะไปนครหลวงอย่างผิดสังเกตุ ด้วยนิสัยของอัสเบลแล้ว การจะทนโดนกักตัวอยู่ในห้องตลอดคงจะเป็นไปไม่ได้ เขาจึงขอให้โซฟีช่วย "เปิด" ประตูให้ ทั้งสองคนจึงเดินทางไปยังบาโลเนียด้วยกัน
東ラント街道 (ทางเดินทิศตะวันออกของแลนท์) + バロニアへの連絡港 (ท่าเรือไปบาโลเนีย)
Discovery: ウィンドル牛 (สำรวจวัวที่สีไม่เหมือนชาวบ้าน)
- เดินไปตามทางตะวันออก จนถึงท่าเรือ
- ถ้ายังไม่ได้ デュアライズ จะได้จากคาเมะนินที่ท่าเรือ
バロニア (บาโลเนีย) + 北バロニア道 (ทางเดินทิศเหนือของบาโลเนีย)
Discovery: 大翠緑石 (สำรวจศิลายักษ์), 免罪の水 (หลังเข้าโบสถ์ ให้สำรวจกำแพงด้านขวาภายในโบสถ์)
Item: 魔法カルタNo.02 (แรนด้อมจาจุดเก็บของบนทางเดินทิศเหนือ)
- เดินเข้ามาในเมืองจะพบเชเรีย เธอจะไปด้วย (ไม่ได้เข้าสู้)
- เดินไปถึงหน้าประตูปราสาท คุยกับทหาร
- ไปยังบัลกิเนสเคลียส์ (หินศิลายักษ์) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง จะพบอีเวนท์กับริชาร์ด
- เดินออกไปทางประตูทิศเหนือของเมือง ออกไปยัง 北バロニア道
- เดินขึ้นไปทางเหนือขึ้นไปบนเนินเขา
- เดินกลับเมือง ไปยังบริเวณหน้าโรงแรม พบกับอัสต้อนและฮิวเบิร์ท
- ริชาร์ดจะแยกตัวไปอีก ให้เข้าไปในโรงแรมแล้วนอนพัก เพื่อตื่นขึ้นมากลางดึก
- เดินไปที่โบสถ์ จะเข้าไปภายในได้
王都地下 (ทางใต้ดินแห่งนครหลวง)
- ไปตามเส้นทาง หลังพบจุดเซฟ ด้านในจะต้องสู้กับ バロンバット และ バット×2
ที่เมืองบาโลเนีย อัสเบลได้พบกับเชเรียที่มาหาหมอที่นี่พอดี เธอจึงตามเขาไปด้วย อัสเบลลองทำตามคำแนะนำของริชาร์ด และแสดงแหวนที่ได้รับมาให้กับทหารยามหน้าปราสาทดู ซึ่งก็ได้รับการบอกว่าให้ไปรอที่ของเมืองซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆกับศิลาบัลกิเนสเคลียสประจำอาณาจักรอยู่ ระหว่างที่กำลังตะลึงกับความใหญ่โตของหินนั้นและพยายามนึกถึงชื่อของมัน ริชาร์ดก็เดินเข้ามาตอบให้ว่าศิลายักษ์นี้ชื่อว่า "โกรอันดี้" และขอให้ไปที่เนินเขาทางเหนือของเมืองกับเขา ที่นั่น ริชาร์ดอวดทิวทัศน์ของอาณาจักรที่เขาชอบ และบอกว่าอยากสร้างประเทศที่ผู้คนไม่ต้องสู้รบกัน และยังบอกด้วยว่าที่กษัตริย์องค์ปัจจุบันประชวรนั้น ก็เพราะถูกยาพิษ และเขาซึ่งเป็นผู้ที่ต้องสืบทอดบัลลังก์ต่อก็คงเป็นเป้าหมายต่อไปด้วย
เมื่อกลับมาที่เมือง ขณะที่เดินผ่านหน้าโรงแรม อัสเบลก็บังเอิญเจอหน้าอัสต้อนและฮิวเบิร์ทเข้าพอดี พึงจะหลบไปก็ไม่มีความหมายเขาเลยต้องยอมเข้าไปหาแต่โดยดี แต่กลับผิดคาดแอสตันกลับไม่ได้ดุว่าเรื่องที่หนีออกมาอะไรเป็นพิเศษ มีเพียงฮิวเบิร์ทที่ดูซึมๆไป จากนั้นริชาร์ดได้ขอตัวกลับไปก่อน และบอกว่าคืนนี้ให้มาพบกันที่หน้าโบสถ์ เขาจะพาทุกคนเข้าไปเที่ยวในวังโดยผ่านเส้นทางลับ
คืนนั้น อัสเบล, โซฟี, เชเรีย และฮิวเบิรท์ตื่นขึ้นกลางดึกและออกไปตามที่ได้รับนัดเอาไว้ แต่แม้จะรอนานเท่าใด ริชาร์ดก็ไม่มาซักที อัสเบลซึ่งอยู่เฉยไม่ได้ก็เดินมองไปทั่ว และได้พบรูเล็กๆบนประตูโบสถที่พวกเขาพอจะลอดเข้าไปภายในได้ ภายในนั้นพวกเขาพบกับทางใต้ดินที่มืดมิด โซฟีรู้สึกว่าที่นี่อันตรายและบอกให้ทุกคนรีบออกไป แต่ก็ห้ามอารมณ์อยากผจญภัยอัสเบลไว้ไม่ได้
เมื่อเดินเข้าไปถึงลานกว้างภายใน ทุกคนก็เห็นว่ามีร่างของคนนอนสลบอยู่ ริชาร์ดนั่นเอง โซฟีและอัสเบลรีบเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่โดยที่ไม่มีใครคาดคิด ร่างดำมืดของปีศาจที่น่ากลัวก็ปรากฏที่เบื้องหลังของเชเรียและฮิวเบิร์ท ไม่ทันจะได้ทำอะไร ทั้งสองคนก็โดนทำร้ายอย่างรุนแรงจนกระเด็นไปคนละทิศละทาง อัสเบลวิ่งเข้าไปสู้ด้วยความโกรธ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทั้งยังโดนแทงทะลุลำตัวอย่างรุนแรงจนลอยขึ้นไปกระแทกเพดานและร่วงตกลงมา เมื่อเห็นดังนั้น ร่างของโซฟีก็มีอณูแสงลอยออกมา เธอวิ่งเข้าใส่ร่างของปีศาจนั้นด้วยความโกรธเกรี้ยว ถึงตรงนี้ ภาพเบื้องหน้าของอัสเบลก็มืดลง...
ยามที่สติกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เขาก็เห็นโซฟีในสภาพที่สะบักสะบอมกำลังประคองเขาอยู่ แต่ก็ดูเหมือนว่าเธอจะจัดการปีศาจตัวนั้นได้แล้ว แต่แล้ว... ขณะที่กำลังเบาใจ ร่างของโซฟีก็พลันสะดุ้งเฮือกขึ้น ที่ท้องของเธอนั้นถูกแทงทะลุจากด้านหลังด้วยมือของปีศาจที่นึกว่าสิ้นฤทธิไปแล้ว บาดแผลนั้นสาหัส แต่โซฟีก็ยังยันกายลุกขึ้นยืน และโผนเข้าหามันอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ยังไม่ทันจะวิ่งไปถึงตัวมัน ร่างของเธอหายไปพร้อมแสงสว่างวาบ....
เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งหนึ่ง อัสเบลก็อยู่บนเตียงที่คุ้นเคยในห้องของเขาแล้ว แอสตั้นบอกว่าทุกคนนั้นปลอดภัย แต่เมื่อถามถึงเด็กสาวคนนั้น กลับได้รับคำตอบมาว่า
"เด็กคนนั้นตายไปแล้ว"
อัสเบลตกตะลึงและเสียใจมาก เพราะการกระทำของเขาทำให้เกิดการสูญเสียครั้งนี้ขึ้น อัสเบลจึงอยากจะไปขอโทษเชเรียและฮิวเบิร์ท ทว่าเขากลับต้องตกใจซ้ำอีก
"เวลานี้ บ้านสกุลแลนท์ไม่มีบุตรชายนามว่า ฮิวเบิร์ท แลนท์อีกแล้ว"
อัสเบลได้รู้ว่าฮิวเบิร์ทได้ถูกส่งไปเป็นบุตรบุญธรรมของสกุล "ออสเวลล์" แห่งอาณาจักรสตราด้า และเขาก็ไม่พอใจในการตัดสิินใจของอัสต้อนในครั้งนี้ เขาจะไม่สืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านสกุลแลนท์ และจะออกจากบ้านไปเพื่อเข้าเรียนในโรงเรียนฝึกอัศวินของนครหลวง เพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งและสามารถปกป้องทุกๆคนได้ เขาหนีออกมาจากห้องได้พบกับเชเรียและได้บอกถึงการติดสินใจของเขา เชเรียพยายามห้ามและบอกว่าเธอจะอยู่ข้างๆเขาแทนฮิวเบิร์ทและโซฟีตลอดไป ทำให้อัสเบลโกรธ เพราะเชเรียไม่สามารถมาเป็นน้องชายของเขาได้ และเธอก็ไม่มีทางจะแทนโซฟีที่ไม่มีวันที่จะได้พบกันอีก ทำให้เชเรียเสียใจมากที่พูดออกไปแบบนั้น ทำให้อัสเบลพอจะใจเย็นลงได้ และบอกไปว่าเขาจะไม่ออกไปจากที่นี่
แต่ในที่สุด อัสเบลก็เหลือไว้แค่จดหมายถึงเชเรีย ขอโทษที่เขาจากมาจากที่แห่งนั้น แต่เพราะเขาอยากจะเข้มแข็ง เพื่อให้มีพลังในการปกป้องทุกคนๆ และไม่ให้มีเหตุการณ์แบบวันนี้เกิดขึ้นอีก
ラントの裏山 (ยอดเขาริมชายฝั่งทะเลของแลนท์)
- ทีมเริ่มต้นจะประกอบด้วย アスベル (อัสเบล) และ ヒューバート (ฮิวเบิร์ทในวัยเด็ก) ให้เดินตรงเข้าไปข้างใน (สามารถสำรวจน้ำพุเพื่อฟื้นพลังได้)
- ได้โซฟีเข้าร่วมทีม จากนั้นให้เดินย้อนกลับออกมาข้างนอก
北ラント道 (ทางเดินทิศเหนือของแลนท์)
Items: 魔法カルタNo.04 (สำรวจจุดสะท้อนแสงตามทาง มีโอกาส 10% ที่จะได้)
- เดินมาตามทางด้านตะวันออก จะกลับเข้าสู่เมืองแลนท์
ラント (เมืองแลนท์)
Items: エネミーブック (ในห้องของอัสเบล - ขวาบนของบ้าน), ディスカバリーブック (อีเวนท์)
Discovery: リンゴの木
- เดินเข้าเมืองแล้วเจออีเวนท์กับเชเรีย จากนั้นเชเรีย (วัยเด็ก) จะตามมาด้วย (ไม่ได้เข้าร่วมสู้)
- เดินไปทางขวาสุดของเมืองจะเจอบ้านหลังใหญ่ของอัสเบล คุยกับ フレデリック (เฟรเดริค) ที่หน้าบ้าน
- คุยกับบารี่ที่อยู่กลางสะพานกลางหมู่บ้าน จากนั้นเดินข้ามสะพาน แล้วเดินไปทางซ้าย
- เดินไปทางขวาสุด จะพบบ้านหลังใหญ่ของอัสเบล และพบกับบคนรับใช้ของตระกูลอยู่หน้าบ้าน
- เดินไปทางซ้ายจะพบต้นแอปเปิ้ล และได้ ディスカバリーブック และ Discovery リンゴの木
- เดินออกไปที่ทางออกด้านซ้ายมือ
西ラント道 (ทางเดินทิศตะวันตกของแลนท์)
Items: 魔法カルタNo.03 (แรนด้อมจากจุดสะท้อนแสงตามทาง)
Discovery: グミの木
Titles: 花の名の少女
- เดินไปตามทางเรื่อยๆ จะพบกับต้นกุมิ สำรวจเพื่อเก็บ Discovery Point
- เดินเลยไปอีกจนถึงานกว้าง คุยกับ かめにん (คาเมะนิน) แล้วจะสามารถใช้ระบบ デュアライズ ได้ (จะยังไม่ได้ ถ้าไม่ได้เก็บจุด Discovery ที่ผ่านมา)
- กลับเข้าเมืองแลนท์ แล้วไปยังบ้านของอัสเบล หลังอีเวนท์ เชเรียจะออกจากกลุ่ม
- คุยกับเชเรียจะพบกับซับอีเวนท์ (เฉพาะช่วงนี้เท่านั้น)
- เข้าไปในบ้าน ขึ้นห้องชั้นสองทางซ้ายเจอซับอีเวนท์
- ลงมาที่ชั้นหนึ่งห้องซ้าย คุยกับ アストン (อัสต้อน พ่อของอัสเบล และเป็นเจ้าเมืองแลนท์) เจออีเวนท์ยาวๆ โซฟีจะได้ฉายา 花の名の少女 (เด็กสาวผู้มีนามแห่งดอกไม้)
- เดินออกไปทางประตูใต้ (ข้ามสะพานลงไป) และต้องสู้กับศัตรู プレアリーイーグル
東ラント街道 (ทางเดินทิศตะวันออกของแลนท์)
Items: 魔法カルタNo.01 (แรนด้อมจากจุดเก็บของ)
Discovery: 煇石の欠片 (สำรวจหินบนแม่น้ำใกล้ๆทางเข้าออกของเมือง)
Story Synopsis
อัสเบล และฮิวเบิร์ท สองพี่น้องซึ่งมีบิดาเป็นเจ้าเมืองแห่งแลนท์ แอบแหกคอกคำสั่งห้ามของพ่อหนีออกมาเที่ยวบนภูเขา พวกเขาได้พบกับเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งนอนหลับไหลอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้บนเนินเขาที่อยู่ริมชายฝั่งทะเลของแลนท์ เธอซึ่งดูจะมีอายุมากกว่าพวกเขาทั้งสองจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใครและมาจากไหน ฮิวเบิร์ทเองก็ไม่คุ้นหน้าค่าตาเธอคนนี้ อัสเบลจึงอยากจะพาเธอกลับไปที่เมือง เผื่อว่าจะมีใครที่นั่นรู้จักเธอบ้าง
ที่เมืองนั้น ขณะที่อัสเบลกำลังคิดว่าจะทำยังไงกับเด็กผู้หญิงคนนี้ดี เชเรียซึ่งเป็นเพื่อนของพวกอัสเบลได้มาบังเอิญเจอเขาเข้าและวิ่งเข้ามาหาด้วยอาการไม่พอใจ แต่เพราะร่างกายที่อ่อนแอเลยมาได้แค่ครึ่งทาง เมืออัสเบลเข้าไปดูก็ถูกต่อว่า เพราะทั้งสองคนแอบออกที่เนินเขาซึ่งมีทุ่งดอกไม้ที่บานตลอดปีกันโดยไม่บอกเธอ แล้วอัสเบลก็นึกขึ้นได้ว่ามีเด็กสาวที่เขามาด้วย ทีแรกเชเรียก็สงสัยว่าเธอคนนี้จะเป็นแบบที่อัสเบลชอบหรือเปล่า แต่อัสเบลก็เอาตัวรอดไปได้โดยการให้ดอกไม้ที่เขาเก็บมาจากบนเนินเขานั้น เมื่อเด็กสาวผู้ไร้ความทรงจำเห็นว่าเชเรียดีใจที่ได้รับดอกไม้ เธอก็ส่งดอกไม้อีกดอกในมือเธอให้บ้าง ทำให้สามารถผูกมิตรกันได้
เชเรียเมื่อรู้ว่าเธอคนนั้นสูญเสียความทรงจำก็เลยบอกว่าน่าจะไปถามเฟรเดริคซึ่งเป็นลุงของเธอดู แต่เขาก็ไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเหมือนกัน ลงท้ายก็ต้องไปถามชาวบ้านจนทั่ว และได้ความมาว่าที่นอกเมืองฝั่งตะวันตกนั้นมีคณะนักแสดงมาพักอยู่ ซึ่งอาจจะได้เรื่องอะไรบ้างก็ได้ แต่ลงท้ายก็ยังล้มเหลว
เมื่อกลับเข้าเมือง ケリー (เครี่) แม่ของอัสเบลกำลังรออยู่หน้าบ้าน และบอกว่าแอสต้อนมีเรื่องจะพูดกับทั้งสองคน ทั้งยังเตือนว่าเชเรียมีร่างกายที่อ่อนแอ อัสเบลไม่ควรจะฝืนพาเธอไปเล่นอะไรมากนัก และก่อนที่อัสเบลจะได้แย้งอะไรกลับ ตัวเชเรียก็ไอออกมาอย่างต่อเนื่องจนต้องรียบกลับไปพักที่บ้าน ทำให้อัสเบลพูอะไรไม่ออก
อัสเบลเข้าไปหาพ่อของเขาซึ่งอยู่ในบ้าน ซึ่งเขาได้รับคำเตือนว่ากำลังจะมีแขกคนสำคัญจากนครหลวงมาพักที่นี่ อีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีความสำคัญมากในเมืองหลวง อัสต้อนไม่อยากให้อัสเบลก่อเรื่องวุ่นวายอะไรในช่วงนี้ ส่วนเรื่องของเด็กสาวที่อัสเบลพบ แต่อัสต้อนก็บอกว่าจะให้คนของเขาช่วยสืบหาข้อใูลให้เอง แต่อัสเบลก็ยังหัวรั้นไม่ยอมรับง่ายๆ และยืนกรานว่าตัวเองจะเป็นคนสืบหาความจริงเองก่อนจะเดินหนีออก เขาออกมาระบายความหงุดหงิดนอดบ้านและเห็นเชเรียที่แอบด้อมๆมองๆอยู่ เธอเข้ามาถามว่าเรื่องของเด็กหญิงคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง อัสเบลก็บอกว่าเขาจะเป็นคนสืืบหาตัวตนที่แท้จริงของเธอเอง และถ้ายังทำไม่ได้ก็จะทำไปตลอดชีวิต เชเรียจึงต้องโวบวายคัดต้านใหญ่ แต่ก็เปลี่ยนใจอัสเบลไม่ได้ จากนั้นพวกเขาจึงเริ่มคิดชื่อให้เธอ และลงท้ายที่ชื่อของดอกไม้ที่บานอยู่ ณ ที่ๆพวกเขาได้พบกัน "คุโรโซฟี" อัสเบลจึงตั้งชื่อให้เด็กสาวคนนั้นว่า "โซฟี"
ตอนนั้น อัสต้อนก็รีบร้อนออกไปพร้อมกับทหารจำนวนหนึ่ง ได้ความว่า "แขกคนสำคัญ" ที่ว่านั้นมาช้าเกินกำหนด จึงต้องออกไปตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ อัสเบลจึงตามออกไปดูและพบว่าพาหนะของแขกคนนั้นถูกปีศาจล้อมไว้อยู่ อัสต้อนเห็นลูกชายตัวแสบกำลังมา จึงบอกห้ามไม่ให้เข้ามาใกล้ แต่ด้วยนิสัยแบบอัสเบล เขาจึงยั่วเพื่อดึงดูดความสนใจของพวกปีศาจ ทำให้คนในรถสามารถหลบออกมาได้ แต่ก็ต้องถูกผู้เป็นพ่อดุด่าว่าทำอะไรไปโดยไม่ได้คิดว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งทำให้อัสเบลหงุดหงิดมาก และคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ラント (เมืองแลนท์)
- กลับไปที่บ้าน แล้วเดินไปทางขวาของบ้าน จะสามารถสำรวจเพื่อเข้าไปทางหน้าต่างได้
- พบกับริชาร์ด หลังจากอีเวนท์ ริชาร์ดจะเดินทางไปด้วย
- พาริชาร์ดไปที่ทุ่่งดอกไม้บนเนินเขา
ラントの裏山 (ยอดเขาริมชายฝั่งทะเลของแลนท์)
Discovery: 癒しの湧き水 (สำรวจที่น้ำพุ), 誓いの木 (สำรวจต้นไม้ใหญ่ริมผาที่ใช้ไต่กลับขึ้นมา)
- สู้กับ ビアス PS3: ถ้าสามารถจัดการได้ใน 1 นาที จะได้ Bronze Trophy
- จากนั้นจะสามารถใช้ริชาร์ดในฉากสู้ได้ ให้เดินตามทางกลับขึ้นมา หากเห็นว่ากำลังจะเดินตกผา ให้กด O รัวๆ
- เมื่อเดินเลยจุดเซฟไปเล็กน้อยก็จะต้องสู้กับ ベアバスタード 2 ตัว
- ไต่ต้นไม้กลับขึ้นมาข้างบน จากนั้นให้เดินทางกลับเมือง
ラント (เมืองแลนท์)
- หลังอีเวนท์ ริชาร์ดจะแยกตัวออกไป
- ออกจากเมืองทางประตูทิศใต้
Story Synopsis
อัสเบลซึ่งโดนพ่อดู จึงเกเรและเกิดความคิดว่าจะแอบเข้าไปหา "แขกตนสำคัญ" คนนั้นซึ่งก็เป็นเด็กเหมือนอัสเบล เมื่อปีนผ่านเข้าไปทางหน้าต่างก็ได้พบกับริชาร์ด อัสเบลพยายามชักชวนให้ริชาร์ดออกไปเล่นข้างนอกด้วยกัน แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ เะราัตลอดเวลาที่ผ่านมา ถ้ามีใครมาใกล้เขานั่นก็เพราะคนๆนั้นหวังสิ่งตอบแทน ตอนนั้นครูฝึกดาบของริชาร์ดชื่อ ビアス (เบียส) ก็เข้ามาบอกให้ริชาร์ดไปฝึกวิชาดาบ ซึงเจ้าตัวไม่มีอารมณ์อยากจะไป อัสเบลจึงออกหน้าไปแทน ในตอนแรกเบียสจะใช้มือเปล่าเพราะเห้นว่าไม่จำเป็นต้องเอาจริงกับเด็ก แต่อัสเบลก็ไม่อยากสูด้วย เพราะว่าอัศวินจะไม่าู้กับผู้ที่ไม่มีอาวุธ แต่เมื่อโดนหยามว่าอัสเบลกำลังกลัว เขาจึงกวัดแกว่งดาบเข้าใส่ แต่ด้วยประสบการณ์ที่ห่างกันมาก อัสเบลจึงทำอะไรไม่ได้มาก แต่อาศัยลูกฮึดพุ่งเข้าไปโจมตีใส่เบียสได้แบบถากๆ
เมื่อเห็นแบบนั้น เบียสจึงเริ่มคิดจะเอาจริงขึ้นบ้างโดยการใช้กรงเล็บที่เป็นอาวุธของเขา แต่ถูกขัดจังหวะโดยอัศวินอีกคนซะก่อน อัสเบลเองก็ประทับใจว่าอัศวินตัวจริงๆนั้นเก่งมาก และหวังว่าจะได้ประดาบกับเบียสอีกครั้ง อัศวินคนนั้นเมื่อรู้ว่าอัสเบลอยากเป็นอัศวิน จึงแนะนำให้เขาเข้าโรงเรียนฝึกอัศวินเพราะเขาเห็นว่าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์ในเชิงดาบ ขณะเดียวกันก็ตำหนิเบียสที่ทำตัวไม่สมเป็นอัศวิน และบอกว่าเขาจะเป็นครูฝึกดาบของริชาร์ดแทนนับจากวันพรุงนี้
เมื่อหนทางสะดวก อัสเบลและริชาร์ดจึงไปทีื่ทุ่งดอกไม้ในตอนแรกโดยมีโซฟีตามไปด้วย แต่มีแขกไม้ได้รับเชิญอีกคน เบียสที่แอบเดินตามมานั่นเอง ตอนนี้อัสเบลก็ได้รู้ว่า "ริชาร์ด" ก็คือ "ริชาร์ด" ที่เป็นเจ้าชายของอาณาจักรนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าเบียสมาเพื่อฆ่าริชาร์ด และสถานที่แห่งนี้ก็เหมาะสมมาก อัสเบลและโซฟีเข้าไปช่วยกันสู้เพื่อป้องกันริชาร์ด แต่ถึงแม้จะล้มเบียสลงได้ แต่ริชาร์ดที่อยู่ในอารามตกใจก็เผลอขยับเข้าใกล้หน้าผาโดยไม่รู้ตัวและพลัดตกลงไป โซฟีและอัสเบลรีบเข้าไปคว้าเอาไว้แต่ก็รับน้ำหนักไม่ไหว ต่างร่วงตกลงไปยังหาดทรายเบื้องล่างด้วยกันทั้งสามคน
เมื่อฟื้นขึ้นมา ริชาร์ดก็ได้มอบแหวนของเขาให้แก่อัสเบลเพื่อเป็นรางวัลที่ช่วยเขาเอาไว้ ซึ่งทำให้อัสเบลโกรธ เพราะที่เขาทำไปนั้นไม่ได้หวังซึ่งรางวัลใดๆ และก็ไม่ได้ทำเพราะริชาร์ดเป็นเจ้าชายด้วย หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันปีนป่ายขึ้นหน้าผากลับมาบนทุ่งดอกไม้ได้สำเร็จ ใกล้ๆกันนั้นมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งเติบโตอยู่ริมผา โซฟี,ริชาร์ดและอัสเบลจึงร่วมกันสลักชื่อไว้ร่วมกันบนผิวไม้นั้น เพื่อเป็นหลักฐานแห่งมิตรภาพที่เกิดขึ้นในวันนี้โดยมีแสงอาทิตย์ของวันใหม่เป็นพยาน จากนั้นไม่นาน เฟรเดริคและทหารยามหลายนานก็เข้ามาพบพวกเขาพอดี
ทันทีที่กลับถึงเมือง อัสต้อนก็เข้ามาตบหน้าอัสเบลเพราะได้ทำความผิดที่พาริชาร์ดออกไปเสี่ยงอันตรายข้างนอก ริชาร์ดจะช่วยออกหน้ารับความผิดไว้และยังบอกว่าอัสเบลเป้นผู้มีพระคุณของคน แต่ก็ไม่อาจลบความผิดที่แอบฝืนคำสั่งห้ามขึ้นไปบนเนินเขาได้ สุดท้ายอัสเบลจึงโดนคำสั่งกักตัวอยู่ในห้อง ตัวริชาร์ดก็ต้องเดินทางกลับนครหลวงเพราะอาการป่วยของกษัตริย์จู่ๆก็ทรุดหนักลง จากนั้น แอสตันก็เรียกให้ฮิวเบิร์ทเดินทางไปนครหลวงด้วยกัน ถึงอัสเบลจะอยากไปด้วยมากก็ทำไม่ได้เพราะอยู่ระหว่างโดนกักตัว
ก่อนที่จะจากกัน ริชาร์ดได้มอบแหวนวงที่เคยจะให้อัสเบลเป้นรางวัลเมื่อวันก่อน แต่ครั้งนี้นั้นเพื่อไว้ให้อัสเบลแสดงมันแก่ทหารแห่งวินดอลล์ และให้สัญญาว่าจะได้พบกันอีกแน่นอน ส่วนแม่ของอัสเบลก็ดูโศกเศร้ากับที่การฮิวเบิร์ทจะไปนครหลวงอย่างผิดสังเกตุ ด้วยนิสัยของอัสเบลแล้ว การจะทนโดนกักตัวอยู่ในห้องตลอดคงจะเป็นไปไม่ได้ เขาจึงขอให้โซฟีช่วย "เปิด" ประตูให้ ทั้งสองคนจึงเดินทางไปยังบาโลเนียด้วยกัน
東ラント街道 (ทางเดินทิศตะวันออกของแลนท์) + バロニアへの連絡港 (ท่าเรือไปบาโลเนีย)
Discovery: ウィンドル牛 (สำรวจวัวที่สีไม่เหมือนชาวบ้าน)
- เดินไปตามทางตะวันออก จนถึงท่าเรือ
- ถ้ายังไม่ได้ デュアライズ จะได้จากคาเมะนินที่ท่าเรือ
バロニア (บาโลเนีย) + 北バロニア道 (ทางเดินทิศเหนือของบาโลเนีย)
Discovery: 大翠緑石 (สำรวจศิลายักษ์), 免罪の水 (หลังเข้าโบสถ์ ให้สำรวจกำแพงด้านขวาภายในโบสถ์)
Item: 魔法カルタNo.02 (แรนด้อมจาจุดเก็บของบนทางเดินทิศเหนือ)
- เดินเข้ามาในเมืองจะพบเชเรีย เธอจะไปด้วย (ไม่ได้เข้าสู้)
- เดินไปถึงหน้าประตูปราสาท คุยกับทหาร
- ไปยังบัลกิเนสเคลียส์ (หินศิลายักษ์) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง จะพบอีเวนท์กับริชาร์ด
- เดินออกไปทางประตูทิศเหนือของเมือง ออกไปยัง 北バロニア道
- เดินขึ้นไปทางเหนือขึ้นไปบนเนินเขา
- เดินกลับเมือง ไปยังบริเวณหน้าโรงแรม พบกับอัสต้อนและฮิวเบิร์ท
- ริชาร์ดจะแยกตัวไปอีก ให้เข้าไปในโรงแรมแล้วนอนพัก เพื่อตื่นขึ้นมากลางดึก
- เดินไปที่โบสถ์ จะเข้าไปภายในได้
王都地下 (ทางใต้ดินแห่งนครหลวง)
- ไปตามเส้นทาง หลังพบจุดเซฟ ด้านในจะต้องสู้กับ バロンバット และ バット×2
ที่เมืองบาโลเนีย อัสเบลได้พบกับเชเรียที่มาหาหมอที่นี่พอดี เธอจึงตามเขาไปด้วย อัสเบลลองทำตามคำแนะนำของริชาร์ด และแสดงแหวนที่ได้รับมาให้กับทหารยามหน้าปราสาทดู ซึ่งก็ได้รับการบอกว่าให้ไปรอที่ของเมืองซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆกับศิลาบัลกิเนสเคลียสประจำอาณาจักรอยู่ ระหว่างที่กำลังตะลึงกับความใหญ่โตของหินนั้นและพยายามนึกถึงชื่อของมัน ริชาร์ดก็เดินเข้ามาตอบให้ว่าศิลายักษ์นี้ชื่อว่า "โกรอันดี้" และขอให้ไปที่เนินเขาทางเหนือของเมืองกับเขา ที่นั่น ริชาร์ดอวดทิวทัศน์ของอาณาจักรที่เขาชอบ และบอกว่าอยากสร้างประเทศที่ผู้คนไม่ต้องสู้รบกัน และยังบอกด้วยว่าที่กษัตริย์องค์ปัจจุบันประชวรนั้น ก็เพราะถูกยาพิษ และเขาซึ่งเป็นผู้ที่ต้องสืบทอดบัลลังก์ต่อก็คงเป็นเป้าหมายต่อไปด้วย
เมื่อกลับมาที่เมือง ขณะที่เดินผ่านหน้าโรงแรม อัสเบลก็บังเอิญเจอหน้าอัสต้อนและฮิวเบิร์ทเข้าพอดี พึงจะหลบไปก็ไม่มีความหมายเขาเลยต้องยอมเข้าไปหาแต่โดยดี แต่กลับผิดคาดแอสตันกลับไม่ได้ดุว่าเรื่องที่หนีออกมาอะไรเป็นพิเศษ มีเพียงฮิวเบิร์ทที่ดูซึมๆไป จากนั้นริชาร์ดได้ขอตัวกลับไปก่อน และบอกว่าคืนนี้ให้มาพบกันที่หน้าโบสถ์ เขาจะพาทุกคนเข้าไปเที่ยวในวังโดยผ่านเส้นทางลับ
คืนนั้น อัสเบล, โซฟี, เชเรีย และฮิวเบิรท์ตื่นขึ้นกลางดึกและออกไปตามที่ได้รับนัดเอาไว้ แต่แม้จะรอนานเท่าใด ริชาร์ดก็ไม่มาซักที อัสเบลซึ่งอยู่เฉยไม่ได้ก็เดินมองไปทั่ว และได้พบรูเล็กๆบนประตูโบสถที่พวกเขาพอจะลอดเข้าไปภายในได้ ภายในนั้นพวกเขาพบกับทางใต้ดินที่มืดมิด โซฟีรู้สึกว่าที่นี่อันตรายและบอกให้ทุกคนรีบออกไป แต่ก็ห้ามอารมณ์อยากผจญภัยอัสเบลไว้ไม่ได้
เมื่อเดินเข้าไปถึงลานกว้างภายใน ทุกคนก็เห็นว่ามีร่างของคนนอนสลบอยู่ ริชาร์ดนั่นเอง โซฟีและอัสเบลรีบเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่โดยที่ไม่มีใครคาดคิด ร่างดำมืดของปีศาจที่น่ากลัวก็ปรากฏที่เบื้องหลังของเชเรียและฮิวเบิร์ท ไม่ทันจะได้ทำอะไร ทั้งสองคนก็โดนทำร้ายอย่างรุนแรงจนกระเด็นไปคนละทิศละทาง อัสเบลวิ่งเข้าไปสู้ด้วยความโกรธ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทั้งยังโดนแทงทะลุลำตัวอย่างรุนแรงจนลอยขึ้นไปกระแทกเพดานและร่วงตกลงมา เมื่อเห็นดังนั้น ร่างของโซฟีก็มีอณูแสงลอยออกมา เธอวิ่งเข้าใส่ร่างของปีศาจนั้นด้วยความโกรธเกรี้ยว ถึงตรงนี้ ภาพเบื้องหน้าของอัสเบลก็มืดลง...
ยามที่สติกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เขาก็เห็นโซฟีในสภาพที่สะบักสะบอมกำลังประคองเขาอยู่ แต่ก็ดูเหมือนว่าเธอจะจัดการปีศาจตัวนั้นได้แล้ว แต่แล้ว... ขณะที่กำลังเบาใจ ร่างของโซฟีก็พลันสะดุ้งเฮือกขึ้น ที่ท้องของเธอนั้นถูกแทงทะลุจากด้านหลังด้วยมือของปีศาจที่นึกว่าสิ้นฤทธิไปแล้ว บาดแผลนั้นสาหัส แต่โซฟีก็ยังยันกายลุกขึ้นยืน และโผนเข้าหามันอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ยังไม่ทันจะวิ่งไปถึงตัวมัน ร่างของเธอหายไปพร้อมแสงสว่างวาบ....
เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งหนึ่ง อัสเบลก็อยู่บนเตียงที่คุ้นเคยในห้องของเขาแล้ว แอสตั้นบอกว่าทุกคนนั้นปลอดภัย แต่เมื่อถามถึงเด็กสาวคนนั้น กลับได้รับคำตอบมาว่า
"เด็กคนนั้นตายไปแล้ว"
อัสเบลตกตะลึงและเสียใจมาก เพราะการกระทำของเขาทำให้เกิดการสูญเสียครั้งนี้ขึ้น อัสเบลจึงอยากจะไปขอโทษเชเรียและฮิวเบิร์ท ทว่าเขากลับต้องตกใจซ้ำอีก
"เวลานี้ บ้านสกุลแลนท์ไม่มีบุตรชายนามว่า ฮิวเบิร์ท แลนท์อีกแล้ว"
อัสเบลได้รู้ว่าฮิวเบิร์ทได้ถูกส่งไปเป็นบุตรบุญธรรมของสกุล "ออสเวลล์" แห่งอาณาจักรสตราด้า และเขาก็ไม่พอใจในการตัดสิินใจของอัสต้อนในครั้งนี้ เขาจะไม่สืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านสกุลแลนท์ และจะออกจากบ้านไปเพื่อเข้าเรียนในโรงเรียนฝึกอัศวินของนครหลวง เพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งและสามารถปกป้องทุกๆคนได้ เขาหนีออกมาจากห้องได้พบกับเชเรียและได้บอกถึงการติดสินใจของเขา เชเรียพยายามห้ามและบอกว่าเธอจะอยู่ข้างๆเขาแทนฮิวเบิร์ทและโซฟีตลอดไป ทำให้อัสเบลโกรธ เพราะเชเรียไม่สามารถมาเป็นน้องชายของเขาได้ และเธอก็ไม่มีทางจะแทนโซฟีที่ไม่มีวันที่จะได้พบกันอีก ทำให้เชเรียเสียใจมากที่พูดออกไปแบบนั้น ทำให้อัสเบลพอจะใจเย็นลงได้ และบอกไปว่าเขาจะไม่ออกไปจากที่นี่
แต่ในที่สุด อัสเบลก็เหลือไว้แค่จดหมายถึงเชเรีย ขอโทษที่เขาจากมาจากที่แห่งนั้น แต่เพราะเขาอยากจะเข้มแข็ง เพื่อให้มีพลังในการปกป้องทุกคนๆ และไม่ให้มีเหตุการณ์แบบวันนี้เกิดขึ้นอีก
[Edited 8 times Next - Last Edit 2010-12-5 15:57:51]
# Thu 2 Dec 2010 : 8:37AM

Walkthrough : Part 2
オーレンの森 (ป่าโอเรน)
Discovery: モリノ花 (สำรวจดอกไม้ที่อยู่ใกล้ๆกับคาเมะนิน)
- เมื่อเริ่มมา อัสเบลจะอยู่กับมาริค และต้องสู้กับ ウルフ ซึ่งจะมี Tutorial สอนการใช้ท่าสาย B (Burst)
- หลังจากนั้นให้เดินลุยเดี่ยวเข้าไปจนถึงซากหมู่บ้าน และสู้กับบอส ソラヌス (โซลานุส) ในช่วงแรกจะโจมตีไม่เข้า ให้หลบๆไปก่อน ซักพักจะมีอีเวนท์ แล้วอัสเบลจะได้ท่า B 雷斬衝 (ไรซันโช - ตัดสายฟ้า) ให้เซทท่านั้นในชอทคัทแล้วใช้ใส่โซลานุส จะสามารถทำลายบาเรียและโจมตีแบบปกติได้ ถ้าโซลานุสเปิดบาเรียอีก ก็ให้ใช้ท่าไรซันโชเคลียร์ทิ้งอีก
- เดินย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นเพื่อออกจากป่า
北バロニア道 (ทางเดินทางเหนือของบาโลเนีย)
Discovery: 茶畑 (ป้ายบอกทางด้านหน้าคาเมะนิน)
Items: ワールドマップ
- เดินไปตามทางนิดหน่อยแล้วจะได้แผนที่โลกมา
- เมื่อไปถึงกระท่อมใต้เนินเขา จะมีอีเวนท์กับมาริค
- เดินไปตามทางจนถึงเมือง
バロニア (บาโลเนีย)
Discovery: アイスキャンディー (ร้านขายไอติม), 伝説の校長の像 (รูปปั้นด้านซ้ายหน้าโรงเรียนฝึกอัศวิน)
Items: 魔法カルタNo.30 (หีบใกล้ๆกับหินศิลายักษ์), ナイトリリーの種 (ม้านั่งที่อยู่ด้านซ้ายของย่านร้านค้า)), 騎士団の書類 (แสงในบาร์เหล้า), お姫様物語傑作選 (ตู้เสื้อผ้าในห้องพักด้านขวาบนชั้นสองของโรงแรม), もじくんぬいぐるみ (หีบข้างๆบาร์เหล้า)
- เมื่อมาถึงเมือง ให้ไปทางขวาสุดจนพบโรงฝึกอัศวิน (เห็นเด่นเป็นสง่า) จะพบเชเรีย
- เชเรียจะร่วมเดินทางไปด้วย (ยังไม่เป็นทางการ) ให้สำรวจหีบในห้องที่อยู่ และใส่รหัสว่า タカラバコ จะได้ エリクシール
- ไปยังท่าเรือ คุยกับกะลาสีหน้าเรือเพื่อเดินทางสู่เมืองแลนท์
東ラント街道 (ทางเดินทางตะวันออกของเมืองแลนท์)
- เดินย้อนไปตามทาง แะจะต้องสู้กับ イーグル และ フォーリストゴブリン×2
- เชเรียเข้าร่วมทีม (อย่างเป็นทางการ) แล้วให้เดินต่อไปจนถึงเมืองแลนท์
ラント (แลนท์) & 北ラント道 (ทางเดินทางเหนือของแลนท์)
Item オールディバイド (บ้านอัสเบล ชั้นหนึ่งห้องซ้ายมือ ใส่รหัส アストン), のこぐるみ (หน้าบ้านทางขวาของกังหันลม), 魔法カルタNo.29 (หีบบนกังหันลม)
- เข้าเมืองแล้วพบอีเวนท์กับทหารยาม แล้วให้ออกไปทางประตูทิศเหนือ ออกไปยังทางเดินทางเหนือของแลนท์
- เดินไปด้านซ้ายเรื่อยๆ จนเจออีเวนท์และสู้กับ フットソルジャー และ マークスマン
- เมื่ออีเวนท์จบจนมีหุ่นยนต์สี่ขาเดินมา ให้เดินหนีไปที่เนินเขาหลังเมืองแลนท์ ラントの裏山 (ที่ๆพบกับโซฟีครั้งแรก) เข้าไปยังบริเวณทุ่งดอกไม้
- เมื่ออีเวนท์จบไปอีกรอบ จะต้องสู้กับบอส アヴァクーム
- อีเวนท์ยาวๆปิดท้ายอีกรอบ
Story Synopsis
หลังจากที่เวลาผ่านล่วงเลยไปเจ็ดปี อัสเบลซึ่งได้เข้าเรียนในโรงเรียนฝึกอัศวินก็เติบโตเป็นวัยรุ่นแล้ว เขากำลังอยู่ในป่าโอเรนกับครูฝึกของเขาชื่อ マリク (มาริค) ซึ่งในวันนี้เขามาทำภารกิจสุดท้าย และหากสำเร็จก็จะถือว่าเรียนจบแล้ว เมื่อเดินสำรวจป่าไปเรื่อยๆ พวกเขาก็ไปถึงซากของหมู่บ้านโอเรน มาริคบอกให้อัสเบลไปสำรวจดูรอยๆว่าเกิดอะไรขึ้น เขาได้พบกับหมาป่าตัวหนึ่งวิ่งสวนออกมา ด้วยความมั่นใจว่าสามารถรับมือกับมันได้ อัสเบลจึงตัดสินใจไม่บอกครูของเขา
ไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตปกติ ดาบของเขาทำอะไรกับหมาป่าที่อยู่ข้างหน้าไม่ได้เลย ขณะที่กำลังหมดทางที่จะจัดการกับมันได้ มือของอัสเบลก็ส่องแสงออกมา และไม่รู่้ว่าเพราะสาเหตุอะไร การโจมตีของเขากลับสามารถทำร้ายศัตรูเบื้องหน้าได้ และช่วยให้อัสเบลปราบมันได้ในที่สุด อัศวินคนอื่นที่อยู่ที่นั่นก็ทึ่งในความสามารถของอัสเบล และหวังว่าเมื่อเขาได้เป็นอัศวินแล้วจะได้ทำงานร่วมกันอีก
ขณะที่กำลังเดินทางกลับเมือง มาริคได้เรียกอัสเบลขึ้นไปบนเนิน และพูดถึงช่วงเวลาที่เขาได้ฝึกสอนอัสเบลตลอดเจ็ดปี มาริคได้ตัดสินใจว่าจะส่งชื่ออัสเบลเพื่อเข้าร่วมเป็นอัศวินแห่งกองทัพ และให้อัสเบลไปตัดสินใจดู ซึ่งเขาก็แทบจะตอบรับในทันที จากนั้นพวกเขาก็เดินกลับเมืองบาโลเนียและได้ฉลองกันในโอกาสที่อัสเบลได้เป็นอัศวิน ขณะที่กำลังจะถึงโรงเรียนฝึกอัศวิน อัสเบลสัเกตุเห็นหญิงสาวผมสีแดงในชุดกระโปรงสั้นสีขาว-แดง ช่วงแวบหนึ่งเขารู้สึกคลับคล้ายคลับตลาว่ารู้จักเธอคนนี้จากที่ไหนหรือเปล่า เธอเรียกชือเขาด้วยความไม่แน่ใจนัก และในที่สุด อัสเบลก็แน่ใจว่าเธอคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าก็คือเชเรียนั่นเอง
เชเรียซึ่งมีท่าทางสงบเสงี่ยมได้แจ้งกับอัสเบลว่าเธอมาหาเขาเพราะว่าอัสเบลไม่ได้ตอบจดหมายที่เคธี่ส่งมาให้เลย ซึ่งนั่นเป็นเพราะอัสเบลกำลังติดภารกิจอยู่ และการที่เธอต้องมาหาเขาด้วยตัวของเธอเองนั่นก็เพื่อแจ้งข่าวร้ายให้อัสเบลทราบ ว่า อัสต้อนพ่อของอัสเบลได้เสียชีวิตลงในระหว่างการสู้รบกับอาณาจักรเฟนเดลซึ่งอยู่ทางเหนือของเมืองแลนท์
ในห้องของมาริค อัสเบลได้อ่านจดหมายฉบับนั้น เชเรียได้ร้องขอกับมาริคเพื่อให้บาโลเนียส่งกำลังทหารไปช่วยเหลือ ซึ่งมาริคก็ตอบรับว่าจะนำเรื่องเสนอเข้าไปให้ และสั่งให้อัสเบลกลับไปที่แลนท์เพื่อตรวจดูสภาพการณ์ และยังเพื่อให้ได้กลับไปพบกับผู้เป็นแม่อีกด้วย และเชเรียก็จะตามกลับไปด้วย ระหว่างที่นั่งเรือกลับนั้น เขาได้รู้ว่าเชเรียในเวลานี้ ไม่เหมือนกับเชเรียในวัยเด็กที่เป็นเด็กสาวอ่อนแอแบบเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้เธอมีร่างกายที่แข็งแรง รวมถึงนิสัยที่ดูจะเปลี่ยนไปมาก ไม่ค่อยจะพูดจามากเหมือนในอดีต และเหมือนพยายามจะรักษาระยะห่างระหว่างเธอกับเขาเอาไว้อยู่ในที
ขณะกำลังจะกลับถึงเมือง อัสเบลได้้เข้าไปป้องกันเชเรียจากปีศาจที่แอบลอบเข้ามาโจมตีด้วยมือที่มีแสงเปล่งออกมาอีก ทำให้เชเรียแสดงท่าทางตกใจออกมา เธอได้เห็นแผลที่มือของเขาที่เกิดจากการป้องกันเธอเมื่อครู่ และได้ยกมือทั้งสองข้างมาไว้ใกล้แผล ความแปลกใจเกิดกับอัสเบล เมื่อมือของเชเรียส่องแสงออกมาเหมือนกับเขา และช่วยรักษาแผลนั้นจนหมด
เชเรียบอกว่าหลังจากวันนั้นเมื่อเจ็ดปีก่อนร่างกายของเธอก็กลับแข็งแรงขึ้น ราวกับว่าอาการป่วยที่เคยๆมีมานั้นเป็นเรื่องโกหก ทั้งยังมีความสามารถทางร่างกายที่เหนือกว่าคนทั่วไป ส่วนแสงนี้ก็เริ่มปรากฏเมื่อหนึ่งปีก่อนหน้านี้ เชเรียยังบอกด้วยว่าตอนนี้เธอสามารถปกป้องตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องให้อัสเบลคอยดูแลเหมือนเมื่อก่อน
เมื่อกลับถึงเมืองแลนท์ ทหารยามก็รีบมารายงานว่าเฟรเดอริกได้ถูกทหารเฟนเดลจับตัวไป ทั้งสองคนจึงรีบตามออกไปช่วยออกมาได้ แต่กองหนุนซึ่งเป็นทหารหุ่นยนต์ติดอาวุธหนักหลายตัวก็กำลังเดินหน้าเข้ามาสมทบ ซึ่งถ้าทหารกลุ่มนี้บุกถึงเมืองก็คงจะเสียหายมากแน่ ทางเดียวที่พอจะทำได้ก็มีแต่ต้องล่อไปที่ริมผาเท่านั้น อัสเบลจึงสั่งให้ทุกคนหนีไป โดยเขาจะไปเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรูโดยใช้ชื่อของสกุลแลนท์ แต่เชเรียจะอยู่ด้สยอีกคน ทั้งสองหนีการตามล่าของศัตรูไปยังเนินเขาใกล้เมืองแลนท์และล่อศัตรูไปยังทุ่งดอกไม้ซึ่งอยู่ติดหน้าผา หุ่นตัวหนึ่งร่วงตกลงไปจากหน้าผา แต่ด้วยจำนวนที่มีมาก ทั้งสองคนก็ไม่มีพื้นที่ที่จะหลบหนีได้อีก
ในวินาทีสุดท้ายก่อนจะกระสุนปืนจะถูกป่อยออกมา ขณะที่อัสเบลกำลังเจ็บใจในความอ่อนแอของตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องใครได้ทั้งที่ได้เป็นอัศวินแล้ว ร่างของเขาและเชเรียก็มีอณูแสงลอยออกมา ตามด้วยเสาแห่งแสงปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ช่วยป้องกันทั้งสองจากกระสุนปืนใหญ่ของศัตรูไว้ได้ทั้งหมด ทั้งสองคนตกตะลึงกับภาพที่เห็น ไม่ใช่เพราะความรุนแรงของคลื่นกระแทกที่ส่งออกมาและทำลายศํตรูได้ในครั้งเดียว แต่เป็นเพราะร่างของผอมเพรียวของเด็กสาวผู้อยู่กลางลำแสงนั้น พร้อมผมสีม่วงอ่อนยาวที่มัดสูงรวมกันที่สองข้างของศีรษะ เด็กสาวผู้ไร้ความทรงจำที่อัสเบลเคยตั้งชื่อให้ตามชื่อดอกไม้ที่ออกดอกบาน ณ สถานที่ๆพวกเขาได้พบกันครั้งแรก สถานที่เดียวที่เขาได้พบกับเธออีกเป็นครั้งทีสอง
"โซฟี"
- โซฟีจะกลับเข้าร่วมกลุ่มอีกครั้ง ให้กับไปที่เมืองแลนท์
- เชเรียจะแยกตัวออกไป เดินไปที่บ้านอัสเบลเพื่อคุยกับแม่ที่หน้าบ้าน
- เดินเข้าไปในบ้าน เดินขึ้นบันไดไปที่รูปของครอบครัว พบอีเวนท์แล้วไปที่ห้องนอน (ชั้นสองห้องขวา)
- เดินกลับลงไปที่ห้องเข้าเมือง (ชั้นหนึ่งห้องซ้าย) แล้วเชเรียจะกลับเข้าทีมอีกครั้ง
- ออกจากเมืองกลับไปที่ๆช่วยเฟรเดริกคราวที่แล้ว จะมีทางแยกด้านขวาที่จะลงไปที่ถ้ำติดทะละ
海辺の洞窟 (ถ้ำติดชายทะเล)
Discovery: 光霊蟲の棲家 (ต้นไม้เรืองแสงซึ่งอยู่ในทางแยกด้านซ้ายของถ้ำ), 毒海藻 (ต้นไม้พิษซึ่งงอกอยู่หน้าจุดเซฟ)
- บางจุดจะสามารถดำน้ำลงไปเพื่อไปโผล่อีกฝั่งได้ (สังเกตุที่ไอคอนสำรวจที่โผล่ขึั้นมาเวลาเดินตามริมน้ำ)
- ด้านใน จะต้องสู้กับบอส クイーンスライム (ควีนสไลม์) ซึ่งจะคายลูกเพิ่มออกมา 3 ครั้ง ครั้งละ 1/2/3 ตัวตามลำดับ โดยจะคายตอน เริ่มสู้/พลังเหลือครึ่งหนึ่ง/หลังเหลือหนึ่งในสี และตัวลูก เมื่อพลังเหลือ 1/2 ก็จะแบ่งตัวได้อีก ดังนั้นในจังหวะที่แย่สุดๆ ก็จะมีตัวลูกถึง 6 ตัววิ่งกันเต้มฉาก หากจะเล่นให้ปลอดภัย ให้เซทให้อัสเบลเข้าไปลุยด้านหน้า และเน้นบังคับโซฟี/เชเรีย คอยฟื้นพลังและล่อตัวลูกออกมาฆ่าทีละตัว (หากใช้ท่า 双撞掌底破 รวมกับ センスフレア ของโซฟีก็จะช่วยได้มาก เพราะมีโอกาสเกิดคริติคอลที่รุนแรงมาก ท่า 双撞掌底破 สามารถใช้ได้โดยการใช้ท่า A ไปก่อน แล้วกด A ค้างอีกที เมื่อหลอดเต็มแล้วปล่อยก็จะติดท่านี้ )
เดินออกจากถ้ำ ก็จะเข้าสู่ทางเดินติดชายแดนของแลนท์
北ラント道国境 (ทางเดินติดชายแดนของแลนท์ ) & ラント
Discovery: 争いの名残り(สำรวจบริเวณที่พักแรมด้านซ้ายมือหลังออกจากถ้ำ)
- เดินออกจากถ้ำขึ้นไปทางเหนือ จะพบค่ายพักแรม และประตูกันเขตแดน
- หลังอีเวนท์ให้กลับเมืองแลน์โดยเดินลงใต้โดยไม่ต้องผ่านถ้า
- ฮิวเบิร์ทจะเข้าทีม และร่วมกันสองคนสู้กับ マークスマン×4
- หลังอีเวนท์แสนยาว จะต้องสู้กับฮิวเบิร์ท และพ่ายแพ้ และทีมก็จะเหลือแค่อัสเบลและโซฟีในที่สุด
Story Synopsis
ถึงจะดีใจที่ได้เห็นว่าคนที่พวกเขานึกว่าตายไปแล้วอยู่เบื้องหน้า แต่อัสเบลและเชเรียก็ยังรู้สึกฉงน เพราะในขณะที่ทั้งสองคนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว โซฟีกลับยังเป็นเด็กสาวเหมือนกับเมื่อ 7 ปีก่อนไม่ผิดเพี้ยน ทั้งยังไม่มีความทรงจำถึงพวกเขาเลยแม้แต่น้อย อัสเบลลองพาเธอไปที่ต้นไม้ที่เขา เธอ และริชาร์ดเคยสลักชื่อไว้ด้วยกันเพื่อเป็น "หลักฐานแห่งมิตรภาพ" แต่เธอก็นึกอะไรไม่ออก เพียงแค่รู้สึกว่าต้นไม้นี้เป็นสิ่งที่สำคัญต่อเธอมาก
ทั้งสองคนพาโซฟีกลับไปที่เมืองแลนท์ด้วย เมื่อไปถึง เชเรียก็ขอตัวเพื่อไปช่วยรักษาผู้บาดเจ็บก่อน อัสเบลจึงกลับไปหาเคธี่ที่บ้าน ซึ่งเธอดีใจมากที่ได้เห็นลูกชายของตัวเองอีกครั้งในรอบหลายปี และคาดหวังว่าเขาจะรับสืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองแลนท์ต่อจากอัสต้อนทันที แต่เขาก็ยังบ่ายเบี่ยงเพราะยังต้องการเวลาเพื่อตัดสินใจอีกครั้ง ขณะที่เขากำลังจะกลับห้องนอนเพื่อพักผ่อน เขาได้เห็นภาพวาดของครอบครัวที่ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า อัสเบลรู้สึกเสียใจที่ตัวเองกลับมาช้าเกินไป ที่งที่เขาออกไปจากบ้านก็เพื่อต้องการความแข็งแกร่งที่จะ "ปกป้อง" แต่สุดท้ายก็กลับมาช่วยพ่อของตัวเองไม่ทัน แต่ด้วยคำพูดของโซฟีว่า "ปกป้องทุกคน" ก็ช่วยให้เขารู้ว่าสิ่งที่เขาต้องทำนั้น มันมีคำตอบของมันอยู่ตั้งแต่แรกแล้้ว
จากนั้น อัสเบลเขียนหนังสือเพื่อขอถอนตัวจากโรงเรียนอัศวิน และได้ฝากให้เฟรดเดริคไปส่งที่นครหลวง ทั้งหมดนั้นก็เพื่อการเข้ารับช่วงตำแหน่งต่อจากบิดาในฐานะเจ้าเมืองแลนท์ เขาได้ไปตรวจสอบเอกสารของอัสต้อนและพบว่าการตรวจสอบถ้ำติดชายทะเลที่สามารถจะลอบจู่โจมค่ายของทหารเฟนเดลได้ ซึ่งเชเรียและโซฟีก็จะตามไปด้วย ทั้งสามคนนำกำลังทหารส่วนหนึ่งแอบลอบเข้าไปหลังแนวป้องกันของศัตรูโดยอาศัยเส้นทางผ่านถ้ำใกล้ชายทะเล แต่ก็ต้องประหลาดใจที่ไม่พบว่ามีทหารศัตรูอยู่ในค่ายเลย ตอนนั้น ทหารยามก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาแจ้งว่าเมืองกำลังโดนเฟนเดลเข้าบุกแล้ว ราวกับว่าอีกฝ่ายรู้ถึงแผนลอบโจมตีจึงอาศัยช่วงที่อัสเบลไม่อยู่เข้ามาโจมตีก่อน ทุกคนจึงรีบกลับไปที่เมืองทันที
ภายในเมืองเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ทหารเฟนเดลจำนวนมากกำลังจู่โจมเมืองจนเกิดความโกลหลไปทั่ว ตอนนั้นเองที่กองทหารในชุดสีน้ำเงินก็ตราทัพเข้ามาภายใต้ธงแห่งอาณาจักรสตราต้า โดยการนำของนายทหารหนุ่มผมสั้นสีฟ้าผู้หนึ่ง ถึงแม้เขาจะสวมแว่นตาอยู่ แต่อัสเบลก็รู้ว่านั่นก็คือฮิวเบิร์ท น้องชายของเขานั่นเอง หลังสั่งให้ทหารบุก ฮิวเบิร์ทก็เข้าต่อสู้กับทหารผู้รุกรานอย่างคล่องแคล่ว ไม่เหลือภาพของเด็กท่าทางอ่อนแออยู่แม้แต่น้อย อัสเบลจึงเข้าไปช่วยต่อสู้ด้วย แต่อีกฝ่ายกลับแสดงท่าทีไม่หยี่ระกลับมา ฮิวเบิร์ทหันไปประกาศให้ชาวเมืองรู้ว่าทัพสตราต้าได้ขับไล่ทหารเฟนเดลออกไปจนหมดแล้ว แะถึงเขาในตอนนี้จะใช้ชื่อว่า "ฮิวเบิร์ท ออสเวลล์" แต่ก็เขาก็ได้กลับมาที่แห่งนี้ด้วยแรงผลักดันแห่งสายเลือดสกุลแลนท์ เพื่อกลับมาช่วยบ้านเกิด และบอกว่าตอนนี้วินดอลล์และสตราต้าได้เป็นพันธมิตรกันแล้ว ดังนั้นทั้งสองประเทศจึงมีศัตรูเดียวกันคือเฟนเดล ซึ่งทัพสตราต้าจะช่วยต่อต้านและขับไล่ทหารเฟนเดลออกไปจากผืนแผ่นดินนี้ ชาวเมืองแลนท์ต่างประทับใจในตัวเขามาก
หลังจากนั้น อัสเบลก็ไม่มีโอกาสได้สนทนากับฮิวเบิร์ทซึ่งมีธุระหน้าที่ให้จัดการมากมายได้ จนเมื่ออะไรๆกลับเข้าสู่สภาพปกติ ฮิวเบิร์ทก็มาหาที่บ้าน เขาไม่ได้ให้ความสนใจอัสเบลอะไร แต่ก็แปลกใจที่จะมีใครคนอื่นที่เหมือนโซฟีอยู่ได้อีกคน และบอกว่าจะเป็นคนตรวจสอบเรื่องนี้เอง ซึ่งแน่นอนว่าอัสเบลจะคัดค้านและว่าเรื่องต่างๆตนจะตัดสินใจเอง แต่ก็ยิ่งหงุดหงิดเมื่อโดนตอกกลับว่าทั้งที่หนีออกไปจากเมืองแต่ตอนนี้กลับมาสวมหน้ากากเจ้าเมืองซะแล้ว
ในห้องประชุม ฮิวเบิร์ทกำลังรออัสเบลอยู่ แล้วบอกว่ามีเรื่องหนึ่งที่เขาไม่ได้บอกแก่ชาวเมือง ตามข้อตกลงระหว่างวินเดลและสตร้าต้า เมืองแลนท์จะอยู่ภายใต้การดูแลของสตราต้า และอยู่ภายใตการดูแลของเขา ทั้งยังบอกอีกว่าอัสเบลไม่สาสามารถทำอะไรได้เพราะนี่เป็นการตัดสินใจจากระดับปกครอง ซึ่งในตอนนี้นั้น "พลัง"เป็นสิ่งที่จะเป็น และเป็นสิ่งที่พี่ชายของเขาไม่มี แต่ตัวเขานั้นมีทัพสตราต้าคอยหนุนหลัง แต่ไม่มีทางที่อัสเบลจะยอมรับ ผู้เป็นน้องชายจึงเสนอให้มาสู้กับเขาเพื่อตัดสิน หากชนะก็สามารถดูแลเมืองต่อไปได้ แต่หากแพ้ ก็ต้องถูกขับไล่ออกไปจากเมืองนี้
การดวลจบลงด้วยความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับของอัสเบล ตามคำสัญญานั้น เขาจะจึงถูกลากออกไปจากเมืองบ้านเกิดนี้ แม่ของพวกเขาได้เข้าไปตัดพ้อต่อว่าฮิวเบิร์ท ว่าทำไมจึงต้องทำเช่นนี้ทั้งๆที่พึ่งจะได้เจอหน้าของลูกชายทั้งสองคน แต่ฮิวเบิร์ทพูดประชดว่าลูกชายของบ้านนี้คงมีอัสเบลคนเดียว ถึงเคธี่จะบอกว่าอัสต้อนทำไปเพราะเพื่ออนาคตของเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้
ที่นอกเมืองนั้น โซฟีได้ตามอัสเบลออกมาด้วย ถึเขาจะไล่ให้เธอกลับไปก็ไม่ยอมรับฟัง และเธอก็บอกว่าจะปกป้องอัสเบล เช่นเดียวกับที่เคยพูด ณ สถานที่เดียวกันนี้เมื่อเจ็ดปีก่อน ท่ามกลางสายฝน อัสเบลก็ต้องเจ็บแค้นตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้เลยแม้ว่าจะทุ่มเทเวลาและแรงกายในโรงเรียนอัศวินตลอดเวลาที่ผ่ผานมาก็ตาม
王都地下 (ทางใต้ดินแห่งนครหลวง)
Discovery: 大きな何かの骨 (ฟอซซิลไดโนเสาร์)
- หลังอีเวนท์จบหมดให้เดินไปยังท่าเรือสู่บาโรเนีย
- เมื่อถึงท่าเรือบาโรเนียและมาจะเจออีเวนท์อีกหน่อย
- เดินไปที่โบสถ์และลงไปยังทางใต้ดินที่เคยใช้สมัยเด็ก จะพบริชาร์ด และต้องสู้กับ ファイター และ トラッカー แล้วริชาร์ดจะเข้าทีม
- เดินจนถึงทางออก แล้วต่อไปทางซ้ายอีกนึก เมื่อเดินเข้าเนินที่มบ้านเล็กๆอยู่ก็จะพบอีเวนท์ และสู้กับ ファイター×2 (นักดาบ) และ ボウシューター (นักธนู) สำหรับนักดาบนั้นฟันแรงและแถมมีติดตัวชา หากจะให้ดีก็โยน リキュールボトル ให้ทุกคน ซึ่งจะช่วยป้องกันอาการผิดปกติทั้งหมด
- จากนั้นให้เดินลงใต้จนเข้าอีเวนท์และได้พบกับปาสคาล จากจุดนั้นให้เดินเข้าทางเดินเล็กด้านขวา ซึ่งจะเจอทางเข้าซากโบราณ (ตรงไหน)
Story Synopsis
อัสเบและโซฟีเข้าไปหลบฝนในบ้านใกล้ๆนั้น แต่อัสเบลก็เกิดไข้ขึ้นจนสลบไป มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีเสียงคนจะบุกเข้ามาจากด้านนอก และโซฟีพยายามห้ามเอาไว้ เมื่ออกไปก็พบว่าผู้บุกรุกเป็นชายในชุดเกราะสองคน ซึ่งเป้าหมายของพวกเขาคือการจับตัวอัสเบล แต่ก็โดนโซฟีสอยทิ้งจนสลบไปทั้งสองคน เมื่อเห็นแบบนั้นอัสเบลเลยคิดว่าจะปล่อยโซฟีไว้ที่นี่ก็คงไม่ปลอดภัย คนสดท้ายที่เขานึกขึ้นได้ก็คือริชาร์ดที่น่าจะช่วยดูแลโซฟีแทนแน่นอน
เมื่อมาถึงท่าเรือก็พบว่าเรือเที่ยวต่อไปจะเป็นเที่ยวสุดท้ายก่อนปิดท่าเรือ นั่นเพราะว่าเมืองบาโรเนี่ยกำลังจะปิดทางเข้าออกทุกเส้นทางแล้ว ในเวลาเดียวกัน ชายสองคนที่จะมาจับอัสเบลก็มาถึงท่าเรือพอดี อัสเบลและโซฟีจึงต้องขึ้นเรือลำนั้นไปบาโรเนีย แต่ก็ไม่พ้นโดนอีกฝ่ายตามทันในที่สุด ซึ่งพวกเขาบอกว่าริชาร์ดตายไปแล้ว ถึงจะคลางแคลงใจ อัสเบลก็หนีเข้าไปในเมือที่เต็มไปด้วยข่าวลืมเรื่องของริชาร์ด จนไปถึงหน้าวิหาร โซฟีที่เห็นรูของทางเข้าโบสถ์เลยถามถึงมัน และทั้งสองคนก็ตัดสินใจว่าจะในเมื่อไม่มีทางอื่นให้ไปแล้ว ก็ต้องไปทางใต้ดินของนครหลวงเท่านั้น โซฟีเลยจัดการ "เปิด" ประตูให้เสร็จสรรพ
เมื่อเข้ามาพวกเขาก็พบริชาร์ดนั่ทรุดอยู่ และเขาก็ดีใจมาที่เห็นว่าคนที่ตามมาคืืิออัสเบล ตอนนั้น ทหารในชุดเกราะวินดอลล์ก็ตามมาถึงและเข้ามาหมายสังหารริชาร์ด ซึ่งเขาได้บอกว่าเกิดการยึดบัลลังก์แบบเงียบๆในนครหลวง โดยกษัตริย์ได้ถูกปลงพระชนม์ ส่วนตัวริชาร์ดเองก็ต้องหนีงมาที่นี่ หากอัสเบลไม่ได้มา เขาก็คงต้องตายไปตามข่าวลือแน่ และก็ฉงนที่เป็นโซฟีที่เขาได้ยินมาว่าตายไปแล้ว ถึงอัสเบลจะบอกว่ายังไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างไรแน่ แต่ริชาร์ดก็บอกว่านี่คือโซฟีตัวจริง เพราะเขารู้สึกได้้ถึงความรู้สึกแบบเดียวกันจากโซฟีคนนี้
จากนั้น ทั้งสามคนก็หนีออกมาจากทางใต้ดินผ่านประตูหิน และออกมาสู่ด้านใต้ของบาโรเนีย ขณะที่กำลังพักกันนั้น ริชาร์ดได้เล่าว่าผู้ที่ทำการก่อกบฏก็คือ เซลติค ญาติของริชาร์ดและผู้นำแห่งอัศวินนครหลวง ซึ่งทำให้อัสเบลตกใจมาก เพราะเขาก็เคยเรียนในโรงเรียนฝึกอัศวิน และหากเขาไม่ได้ถอนตัวออกมา ตอนนี้เขาคงอาจกำลังตามล่าริชาร์ดด้วยก็ได้ ซึ่งริชารืดก็รู้เรื่องของอัสเบลดี แต่พออีกฝ่ายพูดถึงสัญญาการเป็นพันธมิตรระหว่างวินดอลล์และตราต้าแล้วริชาร์ดก็สงสัย เพราะเขาแน่ใจว่าไม่มีเรื่องแบบนั้นแน่นอน อีกทั้งช่วงเวลาก็ใกล้เคียงกับการยึดบัลลังก์อีกด้วย
ริชาร์ดได้ขอร้องให้อัสเบลร่วมมือกับเขาเพื่อยึดบัลลังก์กลับคืนมา โดยการนั้น เขาต้องไปยังเมืองเครลไซท์และขอความช่วยเหลือจากที่นั่น ซึ่งอัสเบลก็ตอบรับโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ทั้งสองได้ประสานมือด้วยกัน พอโซฟีเห็นจึงอยากจะทำบ้าง แต่พอเธอวางมือของเธอลงบนมือของริชารืด ควันสีดำกลุ่มหนึ่งก็ลอยออกมา สร้างควาเจ็บให้ทั้งสองจนสะดุ้งและผละมืออกจากกัน
จากนัั้น ทุกคนก็เดินลงไปจนถึงป้อมปราการแห่งบาโรเนียที่แข็งแกร่ง ウォールブリッジ (วอล์บรืดจ์) ซึ่งมีการดูแลหนาแน่นจนพวกเขาแอบลักลอบผ่านไปไม่ได้ ขณะที่สองหนุ่มกำลังครุ่นคิดกันอยู่ โซฟีก็เหลือไปเห็นอะไรอยู่ใต้ต้นไม้ เธอพบหญิงสาวในชุดทะมัดทะแมงผมสั้นสีขาวปลายผมสีแดงเข้มกำลังหลับอยู่ คนๆนั้นงัวเงียตื่นขึ้นมาแ้วหันมามองเธอ ก่อนจะลุกมาจ้องอย่างครุ่นคิด ก่อนจะอุทานอย่างดีใจ ยกสองมือขึ้นแปะบนไหล่ของโซฟี ผ่านไปหนึ่งวินาที ก่อนที่โซฟีจะอัดโครมเข้าใส่พุงกะทิจนปลิวไปชนเนินหินที่อีกฟาก
อัสเบลและริชาร์ดรีบมาดู และพบว่าเธอคนนั้นเด้งตัววิ่งด้าวกระโดดมาหา แะขอจับตัวโซฟีอีกที เพราะว่าโซฟีเหมือนกับ "ถาพจำลอง" ที่เธอเห็นก่อนหน้านี้ เธอแนะนำตัวว่าชื่อ "ป่าสคาล" และเมื่อรู้สึกว่าอธิบายยังไงก็คงยากจะเข้าใจ เธอจึงตัดสินใจพาทุกคนไปให้เห้นเองกับตาจะดีที่สุด
ウォールブリッジ地下遺跡 (ซากโบราณสถานใต้ดินวอลบริดจ์)
Discovery: 映像装置 (เครื่องฉายภาพ), 寡黙な石 (หินยักษ์หน้าตาประหลาด)
- ภายในจะมีหินแผ่นลอยสองสีที่จะสามารถเคลื่อนไหวได้ สีน้ำเงินจะวิ่งไปตรงๆ และสีเขียวจะขึ้นหรือลงไปชั้นถัดไป
- ในบางจุด เราจะต้องขึ้นแแผ่นสี้น้ำเงินไปชนแท่นหินสีต่างๆ ซึ่งจะทำให้พวกมันเด้งขึ้นหรือลงไปชั้นอื่นเพื่อเป็นทางเดินต่อไป
- เมื่อไปถึงเครื่องฉายภาพจะพบอีเวนท์ และต้องสู้กับบอส メルクリウス (มีการโจมตีที่ทำให้เป็นหินหมู่ในบริเวณรอบๆตัว หากจะป้องกันก็คงต้องเก็บฉายา ストーンガード (โดนท่าโจมตีเป็นหินแต่กันได้ 5 ครั้ง) หรือใส่ ストーンチェック
- เดินต่อไปตามทางจนถึงทางวาร์ปออก (ตรงนี้มีอยู่สองจุด ทางตะวันออก และทางเหนือของอันแรก ให้ไปอันแรกก่อน)
グレルサイド街道 กนนเกรลไซด์
Discovery: ジャガイモ (แปลงปลูกมัน)
Items: 魔法カルタNo.06 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ), 潤いし結晶 (หีบ)
グレルサイド เกรลไซด์ & グレル旧街道 (ถนนเก่าของเกรลไซด์)
Discovery: 栄光の鐘 (หอระฆัง อยู่ในซอยฝังซ้ายของเมือง), 流れ着いた手紙 (ทะเลหลังบ้านของผู้ว่าดีล), ニンジン (แครอท อยู่ใกล้ๆจุดเก็บฉายาของปาสตาล)
Items: 溶解の魔導書 (คนขายของข้างทาง ซ่อนอยู่ด้านซ้ายมือของป้ายสีแดงระหว่างทางไปบ้านผู้ว่า ทีแรกจะขายในราา 50000 แต่ถ้าตอบไม่ จะเหลือแค่ 3000), ナノハナの種 (จุดแสงข้างๆทาง), 魔法カルタNo.31 (ห้องเก้บของ),インプぬいぐるみ (อยูข้างคนขายหนังสืออันแรก), お姫様物語傑作選 (หีบในห้องด้านหลังของโรงแรม), 金運の魔導書 (หีบในห้องของดิล ใส่รหัส "4"), 魔法カルタ 22,24,26,27 (คนรับใช้หลังบ้านดิล)
Items @ グレル旧街道: 魔法カルタNo.07 (จุดสำรวจบนถนนเก่าของเกรลไซด์), 生い茂る結晶 (หีบ)
- หลังอีเวนท์ ให้เดินออกไปทางซ้ายของเมืองก่อน เดินไปตามทางเรื่อยๆจนเห้นคนมีสัญลักษณ์อยู่บนหัว คุยสามครั้ง แล้วจะต้องสู้กับ バンデットリーダー、バンデット×2、ハンター×2 แล้วปาสคาลจะได้ท่าฮิโอกิแรกจากฉายา ウィンドサマナー
- เดินตรงเข้าไปยังบ้านของผู้ว่าดีล และพบอีเวนท์ จากนั้นให้กลับไปที่ซากโบราณวอลบรืดจ์
- เมื่อเข้าไป ให้ขึ้นด้านบนไปตามทางเรื่อยๆ จะพบทางวาร์ปเข้าวอลบรืดจ์
ウォールブリッジ (วอลบริดจ์)
Discovery: 三百年樽 (ห้องใต้ดินฝั่งประตูเหนือ ด้านตะวันออก)
- ภายในจะแบ่งเป็นสองฝั่ง (ซ้ายและขวา) แต่ละฝั่งมีสามหอคอย หอคอยกลางที่จะมีจำนวนชั้นเยอะที่สุด และมีหอคอยหลักอีกหนึ่งที่
- ไปที่ประตูทิศเหนือฝั่งซ้ายชั้น B1 จะพบคันโยกปิดประตู
- เดินไปฝั่งขวาและเข้ามายังหอคอยหลัก หลังอีเวนท์จะได้กุญแจสำหรับไปเปิดประตูทิศใต้
- ฝั่งใต้ด้านตะวันออก จะมีร้านขายของให้เตรียมตัว
- ไปที่หอคอยสุดท้ายฝั่งใต้ด้านตะวันออก จะพบคันโยกเพื่อเปิดประตูทิศใต้ หลังจากนั้นให้ออกจากห้อง จะต้องสู้กับบอส マリク กับ ファイター×2 ถ้าไม่คุ้นกับระบบหรือเก็บเลเวลมาไม่พอจะยาก เพราะมาริคสามารถใช้เวทย์ได้อย่างรวดเร็ว ทางที่ง่ายที่สุดคือเซทแผนให้คนอื่นๆไปโจมตีตัวอื่น ส่วนตัวหลักที่เล่นก็คอยไปวิ่งล่อมาริค หากไซด์สเตปถูกวิธีก็จะหลบทั้งเวทย์และการโจมตีได้ไม่ยาก พอเหลือตัวเดียวแล้วค่อยรุมยำเอา
- หลังจากนั้นริชาร์ดจะออกจากกลุ่ม ให้เดินไปที่หอคอยกลางแล้วลงไปชั้นล่าง เดินลงใต้และเชเรียจะเข้ากลุ่ม
- เดินกลับไปที่หอคอยหลักและขึ้นไปชั้นบนสุด เมื่อจบอีเวนท์แล้วให้ออกมาแล้วไปยังประตูทิศเหนือ และให้มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปบาโลเนีย)
- คุยกับทหารที่ทางขึ้นเนิน จะได้ไอเทมค่างๆ แล้วให้เข้าถ้ำริมทะเลทางขวามือเพื่อเข้าบาโลเนีย
王都地下 (ทางใต้ดินนครหลวง)
Discovery: 名もなき者の墓標 (สุสานที่มีดาบปัก ในห้องลับที่มีหินปิดอยู่ ด้านขวาก่อนถึงจุดเซฟ)
- เดินเข้าไปยังส่วนที่เคยมาตอนช่วงวัยเด็ก และเลยเข้าไปอีก จะพบทางลับเข้าปราสาท
バロニア城 隠し通路 (ทางเดินลับใ้ต้ดินบาโลเนีย) & バロニア城
Discovery: ふたつの壺 (ไหเด่นๆที่ตั้งอยู่ในทางเดินใต้ดิน), はじまりの国旗 (ธงในปราสาท)
Items: 深遠の魔導書 (ไอเทมใหม่สำหรับเวอร์ชัน PS3 จากจุดเซฟจากก่อนเข้าปราสาทให้เดินลงห้องด้านใต้)
- ริชาร์ดจะกลับเข้าทีม จากนั้นให้หาทางเข้าปราสาท โดยต้องผลักหินเพื่อให้ลงไปเป็นทางเดินอยู่หลายจุด
- เข้าไปในปราสาท เดินไปทางขวา - ลง - ซ้าย - ขึ้น
- สู้กับบอส ヴィクトリア (วิคตอเรีย) เธอมีท่าพุ่งเสียบจากระยะไกล ดังนั้นถึงสลับมาเล่นเชเรียหรือปาสคาลก็อย่าได้อุ่นใจ พลาดเมื่อไหร่ก็โดนเสียบพุงปลิ้น
- เดินต่อไปทางซ้าย (เลี้ยวขวาก็กลับไปห้องแรกเพื่อซื้อของ) เมื่อขึ้นไปถึงห้องบัลลังก์ก็จะต้องสู้กับบอส セルディク (เซลทิค) มีการโจมคีที่รุนแรง และมีฮิโอกิที่สามารถกวาดให้ทุกคนหลับได้หากเผลอไปกระจุกกันใกล้ๆ ให้กระจายตัวกันออกไกลๆ ให้คนเดียวเข้าไปคอยเป็นโล่มนุษย์ ขณะที่คนที่เหลือก็เน้นฟื้นพลังกับซัพพอร์ทจากระยะไกลเอา (หากมีคนตายคนหนึ่งแล้วไม่รีบฟื้น จะมีคนอื่นๆตายตามกันเป็นแถวๆ)
ทุกคนถูกวาร์ปเข้ามาภายในซากโบราณโดยที่สร้างความตกใจให้กับทุกคนนอกจากปาสคาล ซึ่งเธอบอกว่าที่นี่สร้างขึ้นโดยชนเผ่า "อันมัลเทีย" ซึ่งมีความรู้ในเรื่องวิทยาการต่างๆมาก ซึ่งเธอก็ไม่ไดปฏิเสธคำถามของริชาร์ดที่ว่าเธอเป็นนักโบราณคดีหรือเปล่า เมื่อเดินเข้าไปภายในจนถึงเครื่องกลหน้าตาแปลกๆ เธอบอกว่ามันใช้งานง่ายๆและให้อัสเบลลองดู แต่ก็เหลวเป๋จนเธอต้องลงมือเอง ซึ่งปรากฏจอภาพกลางอากาศแสดงภาพของร่างที่เหมือนโซฟีไม่ผิดเพี้ยน แต่ภายในนั้นก็ไม่มีรายละเอียดมากนัก นอกจากตัวอักษรลางๆที่อ่านได้ว่า "แลมด้า"
ออกมาถึงภายนอก ก็พบว่าทางออกนั้นอยู่อีกฟากของวอลบริดจ์ ทุกคนจึงรีบเดินทางต่อไปยังเมืองเกรลไซด์ ทันทีที่เข้าไปถึงทหารก็เข้ามาขวางไว้ และก็แทบจะกลับลำไม่ทันเมื่อรู้ว่าผู้ที่มาคือเจ้าชายริชาร์ด เมื่อไปถึงบ้านผู้ว่า ดิล ผู้ว่าของเมืองเกรลไซด์ก็รีบออกมาต้อนรับริชาร์ดซึ่งเขาก็ได้เตรียมกำลังทหารไว้รอแล้ว หลังจากนั้น พวกเขาก็ได้เข้าไปในห้องทำงานเพื่อวางแผนที่จะบุกยึดบัลลังก์คืน ปัญหาหลักก็คือเส้นทางที่จะบุกบาโลเนีย เพราะมีวอลบริดจ์ขวางทางอยู่ การบุกเข้าไปจึงยากมาก โชคดีที่ปาสคาลรู้ว่ามีเส้นทางในซากโบราณสถานใต้ดินที่จะนำไปสู่ภายในได้ และอัสเบลก็เสนอตัวเป็นผู้ที่จะลอบเข้าไปในนั้นเพื่อเปิดประตูจากภายใน
คืนนั้น อัสเบลได้สนทนากับริชาร์ด และบอกว่าเขาจะเป็นดาบของริชาร์ดและคอยช่วยเหลือเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขณะเดียวกัน โซฟีก็แอบฟังทั้งสองอยู่ด้วยความเป็นห่วง เธอรู้สึกว่าละสายตาจากริชารืดไม่ได้ เธอรู้ว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน และริชาร์ดก็ไม่มีทางคิดร้ายต่อัสเบล แต่เธอกลับมีความรู้สึกแปลกๆอยู่ในอก
รุ่งเช้า ริชาร์ดได้บัญชาการทหารเพื่อเตรียมบุก ซึ่งเขาจะไปพร้อมๆกับพวกอัสเบลด้วย การลอบแทรกแซงเข้าวอลบริดจ์เป็นไปดวยดี ประตูเหนือถูกผิดเพื่อกันไม่ให้มีกองหนุนเข้ามาช่วย แต่ขณะที่ทุกคนอยู่ในหอคอยหลักเพื่อเอากุญแจที่ต้องในการเปิดประตู้ใต้ ทหารฝั่งตรงข้ามก็กระโดดลงมาจากบันได และฟาดดาบเข้าใส่ริชาร์ดเข้าอย่างจัง ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อริชาร์ดล้มลงจมกองเลือด อัสเบลรีบให้โซฟีจับทหารคนนั้นไว้ก่อนจะหนีออกไป ก่อนที่จะเข้าไปดูเพื่อนซึ่งนอนนิ่งไม่ไหวติง
ตอนที่คิดว่าคงจะสิ้นหวังแล้ว ร่างของริชาร์ดก็สะดุ้งเฮือกขึ้น ก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆยันกายลุกขึ้นมา หร้อมกับสายตาที่แฝงไว้ด้วยความดุร้าย ริชาร์ดเดินเข้าไปคว้าคอทหารผู้นั้นและเหวี่ยงึ้นไปบนโต้ะยาว เขากระโดดตามขึ้นไปยืนคร่อมร่างพร้อมอาวุธในมือ และลงมือฟันอย่างบ้าคลั่ง จนอัสเบลเรียกให้หยุด เขาจึงรู้สึกตัวและเดินลงมาด้วยความสับสน นอกจากนั้น บาดแผลที่เขามีก็ดูไม่รุนแรงนัก ผิดกับเลือดจำวนมากที่ทุกคนเห็นเมื่อครู่นี่
จากนั้น ประตูใต้ก็ถูกเปิดขึ้น ทำให้ทหารเกรลไซต์สามารถบุกเข้ามาได้สำเร็จ แต่ระหว่างที่กำลังจะออกไปสมทบกับคนอื่นๆนั้น ดาบบูมเมอแรงก็หุ่งผ่านหน้าทุกคนไปเพียงนิด ก่อนจะกลับเข้าสือของมาริคผู้เป็นเจ้าของ และผู้เป็นครูฝึกของอัสเบล ซึ่งเขาก็คาดเอาไว้อยู่แล้วว่าการจะยึกวอลบริดจ์ก็มีแต่ต้องเปิดประตูจากภายในเท่านั้น และหากเขาสามารถจัดการริชาร์ดได้ที่นี่ การบุกก็ต้องจบลงอยู่ดี อัสเบลและทุกคนจึงต้องสู้
หลังการปะทะ ทหารก็ได้เข้ามาแจ้งว่าการบุกยึดสำเร็จแล้ว มาริคจึงทิ้งอาวุธยอมแพ้ แต่ริชาร์ดกลับไม่ยอมง่ายๆและจะสังหารคนทรยศที่นี่ แม้อัสเบลจะช่วยกล่อมว่ามาริคเป็นกำลังสำคัญในการจะสร้างประเทศสงบสุข แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก แต่อาการประหลาดที่เกิดกับร่างกายก็ทำให้ริชาร์ดเปลี่ยนใจ และให้จับมาริคไปคุมขังแทน จากนั้นเขาก็แยกตัวออกไปเพื่อไปหาดิลที่กำลังรอเขาอยู่ ตอนนั้น โซฟีก็ได้เห็นเชเรียที่กำลังรักษาผู้บาดเจ็บอยู่ที่ลานข้างล่าง เมื่อเห็นโซฟีเธอก็ดีใจที่ยังปลอดภัยดี (ถึงจะไม่ได้อาบน้ำเลยก็ตาม) ที่เธอมาที่นี่ก็เพื่อช่วยเหลือคนเหล่านี้โดยเฉพาะ และเธอก็ได้ตามอัสเบลไปพบกับริชาร์ดด้วย
บนดาดฟ้าของหอคอยกลางนั้น ริชาร์ดมีท่าทางดีใจที่ได้พบกับเชเรีย และเมื่อรู้ว่าเธอมาเพื่อรักษาผู้บาดเจ็บเขาก็ยินดี แต่ก็กำชับว่าให้รักษาเฉพาะพวกเดียวกันเท่านั้น ส่วนทหารศัตรูไม่ต้องสนใจ อัสเบลแย้งว่านั่นก็เป็นชาววินดอลเหมือนกัน แต่สำหรับริชาร์ดแล้ว ใครก็ตามที่เป็นปรปักษ์กับเขา ผู้นั้นก็ไม่ใช่ประชากรในอาณาจักรวินเดล แต่เมื่อโดนอัสเบลเถียงกลับ เขาก็โกรธจัดจนชักอาวุธออกมา แต่ด้วยอาการป่วยบางอย่างจึงต้องถูกหามไปพักผ่อนก่อน ส่วนอัสเบล ดิลได้ถอดเขาออกจากภารกิจ และให้กักตัวอยุ่ในห้องจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอื่นใด
หลังจากนั้น ดิลก็ได้บอกว่าอัสเบลจะยังคงได้ร่วมภารกิจอยู่ แต่จะไม่ได้ไปกับริชาร์ดแล้ว ซึ่งเมื่อลงไปถึงจุดรวมพ เขาก็ได้รับแจ้งว่ากลุ่มของอัสเบลเป็นทีมอิสระที่ไม่มีคำสั่งพิเศษใดๆ แต่กระนั้นเมื่อบุกตามเข้าไปผ่านเส้นทางลับใต้ดิน ก็พบริชาร์ดยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางทหารผู้บาดเจ็บทั้งศัตรูและมิตร เขาบอกว่าตัวเขาคงเดียวคงไม่พอ ตอนนี้เขาต้องการพลังของอัสเบลด้วย อีกทั้งก่อนหน้านี้ริชาร์ดก็โดนวางยาพิษเช่นเดียวกับกษัตริย์องค์ก่อน มีแต่เวลานี้้ที่เขาต้อทำให้เรื่องทุกอย่างจบ
เมื่อบุกเข้าไปในปราสาทจนถึงห้องบัลลังก์ก็ได้พบกับเซลติกผู้เป็นญาติกับริชาร์ด ซึ่งเขากูดูแปลกใจกับสีหน้าและท่าทางของริชาร์ดที่ดูเปลี่ยนเป็นคนละคน หลังการปะทะคารมและการปะดาบอย่างดุเดือด เซลติคก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้และล้มลงบนเข่าทั้งสองข้าง ริชาร์ดเองก็ก้มตัวลงไปเช่นเดียวกัน แต่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อเขาลงมือฆ่าอีกฝ่ายอย่างเลือดเย็น ทั้งยังหันกลับมาใช้ดาบแทงซ้ำเพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับผู้เป็นบิดาอีกด้วย ดิลจะเข้ามาแสดงความยินดีที่สามารถยึดบัลลังก์กลับมาได้ และบอกว่าทุกอย่างจบลงแล้ว แต่ริชาร์ดว่าไม่ใช่ เพราะนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่แห่งอาณาจักรวินเดล ภายใต้การนำของกษัตริย์ริชาร์ด
- หลังจากนั้น อาณาจักรวินดอลก็มีงานฉลองพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์องค์ใหม่ ริชาร์ดได้รับการสวมมงกุฏและขึ้นครองราชย์ต่อจากบิดา แต่จะมีซักกี่คนที่สังเกตุเห็นรอยยิ้มอันน่าหวาดกลัวของเขา
オーレンの森 (ป่าโอเรน)
Discovery: モリノ花 (สำรวจดอกไม้ที่อยู่ใกล้ๆกับคาเมะนิน)
- เมื่อเริ่มมา อัสเบลจะอยู่กับมาริค และต้องสู้กับ ウルフ ซึ่งจะมี Tutorial สอนการใช้ท่าสาย B (Burst)
- หลังจากนั้นให้เดินลุยเดี่ยวเข้าไปจนถึงซากหมู่บ้าน และสู้กับบอส ソラヌス (โซลานุส) ในช่วงแรกจะโจมตีไม่เข้า ให้หลบๆไปก่อน ซักพักจะมีอีเวนท์ แล้วอัสเบลจะได้ท่า B 雷斬衝 (ไรซันโช - ตัดสายฟ้า) ให้เซทท่านั้นในชอทคัทแล้วใช้ใส่โซลานุส จะสามารถทำลายบาเรียและโจมตีแบบปกติได้ ถ้าโซลานุสเปิดบาเรียอีก ก็ให้ใช้ท่าไรซันโชเคลียร์ทิ้งอีก
- เดินย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นเพื่อออกจากป่า
北バロニア道 (ทางเดินทางเหนือของบาโลเนีย)
Discovery: 茶畑 (ป้ายบอกทางด้านหน้าคาเมะนิน)
Items: ワールドマップ
- เดินไปตามทางนิดหน่อยแล้วจะได้แผนที่โลกมา
- เมื่อไปถึงกระท่อมใต้เนินเขา จะมีอีเวนท์กับมาริค
- เดินไปตามทางจนถึงเมือง
バロニア (บาโลเนีย)
Discovery: アイスキャンディー (ร้านขายไอติม), 伝説の校長の像 (รูปปั้นด้านซ้ายหน้าโรงเรียนฝึกอัศวิน)
Items: 魔法カルタNo.30 (หีบใกล้ๆกับหินศิลายักษ์), ナイトリリーの種 (ม้านั่งที่อยู่ด้านซ้ายของย่านร้านค้า)), 騎士団の書類 (แสงในบาร์เหล้า), お姫様物語傑作選 (ตู้เสื้อผ้าในห้องพักด้านขวาบนชั้นสองของโรงแรม), もじくんぬいぐるみ (หีบข้างๆบาร์เหล้า)
- เมื่อมาถึงเมือง ให้ไปทางขวาสุดจนพบโรงฝึกอัศวิน (เห็นเด่นเป็นสง่า) จะพบเชเรีย
- เชเรียจะร่วมเดินทางไปด้วย (ยังไม่เป็นทางการ) ให้สำรวจหีบในห้องที่อยู่ และใส่รหัสว่า タカラバコ จะได้ エリクシール
- ไปยังท่าเรือ คุยกับกะลาสีหน้าเรือเพื่อเดินทางสู่เมืองแลนท์
東ラント街道 (ทางเดินทางตะวันออกของเมืองแลนท์)
- เดินย้อนไปตามทาง แะจะต้องสู้กับ イーグル และ フォーリストゴブリン×2
- เชเรียเข้าร่วมทีม (อย่างเป็นทางการ) แล้วให้เดินต่อไปจนถึงเมืองแลนท์
ラント (แลนท์) & 北ラント道 (ทางเดินทางเหนือของแลนท์)
Item オールディバイド (บ้านอัสเบล ชั้นหนึ่งห้องซ้ายมือ ใส่รหัส アストン), のこぐるみ (หน้าบ้านทางขวาของกังหันลม), 魔法カルタNo.29 (หีบบนกังหันลม)
- เข้าเมืองแล้วพบอีเวนท์กับทหารยาม แล้วให้ออกไปทางประตูทิศเหนือ ออกไปยังทางเดินทางเหนือของแลนท์
- เดินไปด้านซ้ายเรื่อยๆ จนเจออีเวนท์และสู้กับ フットソルジャー และ マークスマン
- เมื่ออีเวนท์จบจนมีหุ่นยนต์สี่ขาเดินมา ให้เดินหนีไปที่เนินเขาหลังเมืองแลนท์ ラントの裏山 (ที่ๆพบกับโซฟีครั้งแรก) เข้าไปยังบริเวณทุ่งดอกไม้
- เมื่ออีเวนท์จบไปอีกรอบ จะต้องสู้กับบอส アヴァクーム
- อีเวนท์ยาวๆปิดท้ายอีกรอบ
Story Synopsis
หลังจากที่เวลาผ่านล่วงเลยไปเจ็ดปี อัสเบลซึ่งได้เข้าเรียนในโรงเรียนฝึกอัศวินก็เติบโตเป็นวัยรุ่นแล้ว เขากำลังอยู่ในป่าโอเรนกับครูฝึกของเขาชื่อ マリク (มาริค) ซึ่งในวันนี้เขามาทำภารกิจสุดท้าย และหากสำเร็จก็จะถือว่าเรียนจบแล้ว เมื่อเดินสำรวจป่าไปเรื่อยๆ พวกเขาก็ไปถึงซากของหมู่บ้านโอเรน มาริคบอกให้อัสเบลไปสำรวจดูรอยๆว่าเกิดอะไรขึ้น เขาได้พบกับหมาป่าตัวหนึ่งวิ่งสวนออกมา ด้วยความมั่นใจว่าสามารถรับมือกับมันได้ อัสเบลจึงตัดสินใจไม่บอกครูของเขา
ไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตปกติ ดาบของเขาทำอะไรกับหมาป่าที่อยู่ข้างหน้าไม่ได้เลย ขณะที่กำลังหมดทางที่จะจัดการกับมันได้ มือของอัสเบลก็ส่องแสงออกมา และไม่รู่้ว่าเพราะสาเหตุอะไร การโจมตีของเขากลับสามารถทำร้ายศัตรูเบื้องหน้าได้ และช่วยให้อัสเบลปราบมันได้ในที่สุด อัศวินคนอื่นที่อยู่ที่นั่นก็ทึ่งในความสามารถของอัสเบล และหวังว่าเมื่อเขาได้เป็นอัศวินแล้วจะได้ทำงานร่วมกันอีก
ขณะที่กำลังเดินทางกลับเมือง มาริคได้เรียกอัสเบลขึ้นไปบนเนิน และพูดถึงช่วงเวลาที่เขาได้ฝึกสอนอัสเบลตลอดเจ็ดปี มาริคได้ตัดสินใจว่าจะส่งชื่ออัสเบลเพื่อเข้าร่วมเป็นอัศวินแห่งกองทัพ และให้อัสเบลไปตัดสินใจดู ซึ่งเขาก็แทบจะตอบรับในทันที จากนั้นพวกเขาก็เดินกลับเมืองบาโลเนียและได้ฉลองกันในโอกาสที่อัสเบลได้เป็นอัศวิน ขณะที่กำลังจะถึงโรงเรียนฝึกอัศวิน อัสเบลสัเกตุเห็นหญิงสาวผมสีแดงในชุดกระโปรงสั้นสีขาว-แดง ช่วงแวบหนึ่งเขารู้สึกคลับคล้ายคลับตลาว่ารู้จักเธอคนนี้จากที่ไหนหรือเปล่า เธอเรียกชือเขาด้วยความไม่แน่ใจนัก และในที่สุด อัสเบลก็แน่ใจว่าเธอคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าก็คือเชเรียนั่นเอง
เชเรียซึ่งมีท่าทางสงบเสงี่ยมได้แจ้งกับอัสเบลว่าเธอมาหาเขาเพราะว่าอัสเบลไม่ได้ตอบจดหมายที่เคธี่ส่งมาให้เลย ซึ่งนั่นเป็นเพราะอัสเบลกำลังติดภารกิจอยู่ และการที่เธอต้องมาหาเขาด้วยตัวของเธอเองนั่นก็เพื่อแจ้งข่าวร้ายให้อัสเบลทราบ ว่า อัสต้อนพ่อของอัสเบลได้เสียชีวิตลงในระหว่างการสู้รบกับอาณาจักรเฟนเดลซึ่งอยู่ทางเหนือของเมืองแลนท์
ในห้องของมาริค อัสเบลได้อ่านจดหมายฉบับนั้น เชเรียได้ร้องขอกับมาริคเพื่อให้บาโลเนียส่งกำลังทหารไปช่วยเหลือ ซึ่งมาริคก็ตอบรับว่าจะนำเรื่องเสนอเข้าไปให้ และสั่งให้อัสเบลกลับไปที่แลนท์เพื่อตรวจดูสภาพการณ์ และยังเพื่อให้ได้กลับไปพบกับผู้เป็นแม่อีกด้วย และเชเรียก็จะตามกลับไปด้วย ระหว่างที่นั่งเรือกลับนั้น เขาได้รู้ว่าเชเรียในเวลานี้ ไม่เหมือนกับเชเรียในวัยเด็กที่เป็นเด็กสาวอ่อนแอแบบเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้เธอมีร่างกายที่แข็งแรง รวมถึงนิสัยที่ดูจะเปลี่ยนไปมาก ไม่ค่อยจะพูดจามากเหมือนในอดีต และเหมือนพยายามจะรักษาระยะห่างระหว่างเธอกับเขาเอาไว้อยู่ในที
ขณะกำลังจะกลับถึงเมือง อัสเบลได้้เข้าไปป้องกันเชเรียจากปีศาจที่แอบลอบเข้ามาโจมตีด้วยมือที่มีแสงเปล่งออกมาอีก ทำให้เชเรียแสดงท่าทางตกใจออกมา เธอได้เห็นแผลที่มือของเขาที่เกิดจากการป้องกันเธอเมื่อครู่ และได้ยกมือทั้งสองข้างมาไว้ใกล้แผล ความแปลกใจเกิดกับอัสเบล เมื่อมือของเชเรียส่องแสงออกมาเหมือนกับเขา และช่วยรักษาแผลนั้นจนหมด
เชเรียบอกว่าหลังจากวันนั้นเมื่อเจ็ดปีก่อนร่างกายของเธอก็กลับแข็งแรงขึ้น ราวกับว่าอาการป่วยที่เคยๆมีมานั้นเป็นเรื่องโกหก ทั้งยังมีความสามารถทางร่างกายที่เหนือกว่าคนทั่วไป ส่วนแสงนี้ก็เริ่มปรากฏเมื่อหนึ่งปีก่อนหน้านี้ เชเรียยังบอกด้วยว่าตอนนี้เธอสามารถปกป้องตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องให้อัสเบลคอยดูแลเหมือนเมื่อก่อน
เมื่อกลับถึงเมืองแลนท์ ทหารยามก็รีบมารายงานว่าเฟรเดอริกได้ถูกทหารเฟนเดลจับตัวไป ทั้งสองคนจึงรีบตามออกไปช่วยออกมาได้ แต่กองหนุนซึ่งเป็นทหารหุ่นยนต์ติดอาวุธหนักหลายตัวก็กำลังเดินหน้าเข้ามาสมทบ ซึ่งถ้าทหารกลุ่มนี้บุกถึงเมืองก็คงจะเสียหายมากแน่ ทางเดียวที่พอจะทำได้ก็มีแต่ต้องล่อไปที่ริมผาเท่านั้น อัสเบลจึงสั่งให้ทุกคนหนีไป โดยเขาจะไปเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรูโดยใช้ชื่อของสกุลแลนท์ แต่เชเรียจะอยู่ด้สยอีกคน ทั้งสองหนีการตามล่าของศัตรูไปยังเนินเขาใกล้เมืองแลนท์และล่อศัตรูไปยังทุ่งดอกไม้ซึ่งอยู่ติดหน้าผา หุ่นตัวหนึ่งร่วงตกลงไปจากหน้าผา แต่ด้วยจำนวนที่มีมาก ทั้งสองคนก็ไม่มีพื้นที่ที่จะหลบหนีได้อีก
ในวินาทีสุดท้ายก่อนจะกระสุนปืนจะถูกป่อยออกมา ขณะที่อัสเบลกำลังเจ็บใจในความอ่อนแอของตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องใครได้ทั้งที่ได้เป็นอัศวินแล้ว ร่างของเขาและเชเรียก็มีอณูแสงลอยออกมา ตามด้วยเสาแห่งแสงปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ช่วยป้องกันทั้งสองจากกระสุนปืนใหญ่ของศัตรูไว้ได้ทั้งหมด ทั้งสองคนตกตะลึงกับภาพที่เห็น ไม่ใช่เพราะความรุนแรงของคลื่นกระแทกที่ส่งออกมาและทำลายศํตรูได้ในครั้งเดียว แต่เป็นเพราะร่างของผอมเพรียวของเด็กสาวผู้อยู่กลางลำแสงนั้น พร้อมผมสีม่วงอ่อนยาวที่มัดสูงรวมกันที่สองข้างของศีรษะ เด็กสาวผู้ไร้ความทรงจำที่อัสเบลเคยตั้งชื่อให้ตามชื่อดอกไม้ที่ออกดอกบาน ณ สถานที่ๆพวกเขาได้พบกันครั้งแรก สถานที่เดียวที่เขาได้พบกับเธออีกเป็นครั้งทีสอง
"โซฟี"
- โซฟีจะกลับเข้าร่วมกลุ่มอีกครั้ง ให้กับไปที่เมืองแลนท์
- เชเรียจะแยกตัวออกไป เดินไปที่บ้านอัสเบลเพื่อคุยกับแม่ที่หน้าบ้าน
- เดินเข้าไปในบ้าน เดินขึ้นบันไดไปที่รูปของครอบครัว พบอีเวนท์แล้วไปที่ห้องนอน (ชั้นสองห้องขวา)
- เดินกลับลงไปที่ห้องเข้าเมือง (ชั้นหนึ่งห้องซ้าย) แล้วเชเรียจะกลับเข้าทีมอีกครั้ง
- ออกจากเมืองกลับไปที่ๆช่วยเฟรเดริกคราวที่แล้ว จะมีทางแยกด้านขวาที่จะลงไปที่ถ้ำติดทะละ
海辺の洞窟 (ถ้ำติดชายทะเล)
Discovery: 光霊蟲の棲家 (ต้นไม้เรืองแสงซึ่งอยู่ในทางแยกด้านซ้ายของถ้ำ), 毒海藻 (ต้นไม้พิษซึ่งงอกอยู่หน้าจุดเซฟ)
- บางจุดจะสามารถดำน้ำลงไปเพื่อไปโผล่อีกฝั่งได้ (สังเกตุที่ไอคอนสำรวจที่โผล่ขึั้นมาเวลาเดินตามริมน้ำ)
- ด้านใน จะต้องสู้กับบอส クイーンスライム (ควีนสไลม์) ซึ่งจะคายลูกเพิ่มออกมา 3 ครั้ง ครั้งละ 1/2/3 ตัวตามลำดับ โดยจะคายตอน เริ่มสู้/พลังเหลือครึ่งหนึ่ง/หลังเหลือหนึ่งในสี และตัวลูก เมื่อพลังเหลือ 1/2 ก็จะแบ่งตัวได้อีก ดังนั้นในจังหวะที่แย่สุดๆ ก็จะมีตัวลูกถึง 6 ตัววิ่งกันเต้มฉาก หากจะเล่นให้ปลอดภัย ให้เซทให้อัสเบลเข้าไปลุยด้านหน้า และเน้นบังคับโซฟี/เชเรีย คอยฟื้นพลังและล่อตัวลูกออกมาฆ่าทีละตัว (หากใช้ท่า 双撞掌底破 รวมกับ センスフレア ของโซฟีก็จะช่วยได้มาก เพราะมีโอกาสเกิดคริติคอลที่รุนแรงมาก ท่า 双撞掌底破 สามารถใช้ได้โดยการใช้ท่า A ไปก่อน แล้วกด A ค้างอีกที เมื่อหลอดเต็มแล้วปล่อยก็จะติดท่านี้ )
เดินออกจากถ้ำ ก็จะเข้าสู่ทางเดินติดชายแดนของแลนท์
北ラント道国境 (ทางเดินติดชายแดนของแลนท์ ) & ラント
Discovery: 争いの名残り(สำรวจบริเวณที่พักแรมด้านซ้ายมือหลังออกจากถ้ำ)
- เดินออกจากถ้ำขึ้นไปทางเหนือ จะพบค่ายพักแรม และประตูกันเขตแดน
- หลังอีเวนท์ให้กลับเมืองแลน์โดยเดินลงใต้โดยไม่ต้องผ่านถ้า
- ฮิวเบิร์ทจะเข้าทีม และร่วมกันสองคนสู้กับ マークスマン×4
- หลังอีเวนท์แสนยาว จะต้องสู้กับฮิวเบิร์ท และพ่ายแพ้ และทีมก็จะเหลือแค่อัสเบลและโซฟีในที่สุด
Story Synopsis
ถึงจะดีใจที่ได้เห็นว่าคนที่พวกเขานึกว่าตายไปแล้วอยู่เบื้องหน้า แต่อัสเบลและเชเรียก็ยังรู้สึกฉงน เพราะในขณะที่ทั้งสองคนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว โซฟีกลับยังเป็นเด็กสาวเหมือนกับเมื่อ 7 ปีก่อนไม่ผิดเพี้ยน ทั้งยังไม่มีความทรงจำถึงพวกเขาเลยแม้แต่น้อย อัสเบลลองพาเธอไปที่ต้นไม้ที่เขา เธอ และริชาร์ดเคยสลักชื่อไว้ด้วยกันเพื่อเป็น "หลักฐานแห่งมิตรภาพ" แต่เธอก็นึกอะไรไม่ออก เพียงแค่รู้สึกว่าต้นไม้นี้เป็นสิ่งที่สำคัญต่อเธอมาก
ทั้งสองคนพาโซฟีกลับไปที่เมืองแลนท์ด้วย เมื่อไปถึง เชเรียก็ขอตัวเพื่อไปช่วยรักษาผู้บาดเจ็บก่อน อัสเบลจึงกลับไปหาเคธี่ที่บ้าน ซึ่งเธอดีใจมากที่ได้เห็นลูกชายของตัวเองอีกครั้งในรอบหลายปี และคาดหวังว่าเขาจะรับสืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองแลนท์ต่อจากอัสต้อนทันที แต่เขาก็ยังบ่ายเบี่ยงเพราะยังต้องการเวลาเพื่อตัดสินใจอีกครั้ง ขณะที่เขากำลังจะกลับห้องนอนเพื่อพักผ่อน เขาได้เห็นภาพวาดของครอบครัวที่ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า อัสเบลรู้สึกเสียใจที่ตัวเองกลับมาช้าเกินไป ที่งที่เขาออกไปจากบ้านก็เพื่อต้องการความแข็งแกร่งที่จะ "ปกป้อง" แต่สุดท้ายก็กลับมาช่วยพ่อของตัวเองไม่ทัน แต่ด้วยคำพูดของโซฟีว่า "ปกป้องทุกคน" ก็ช่วยให้เขารู้ว่าสิ่งที่เขาต้องทำนั้น มันมีคำตอบของมันอยู่ตั้งแต่แรกแล้้ว
จากนั้น อัสเบลเขียนหนังสือเพื่อขอถอนตัวจากโรงเรียนอัศวิน และได้ฝากให้เฟรดเดริคไปส่งที่นครหลวง ทั้งหมดนั้นก็เพื่อการเข้ารับช่วงตำแหน่งต่อจากบิดาในฐานะเจ้าเมืองแลนท์ เขาได้ไปตรวจสอบเอกสารของอัสต้อนและพบว่าการตรวจสอบถ้ำติดชายทะเลที่สามารถจะลอบจู่โจมค่ายของทหารเฟนเดลได้ ซึ่งเชเรียและโซฟีก็จะตามไปด้วย ทั้งสามคนนำกำลังทหารส่วนหนึ่งแอบลอบเข้าไปหลังแนวป้องกันของศัตรูโดยอาศัยเส้นทางผ่านถ้ำใกล้ชายทะเล แต่ก็ต้องประหลาดใจที่ไม่พบว่ามีทหารศัตรูอยู่ในค่ายเลย ตอนนั้น ทหารยามก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาแจ้งว่าเมืองกำลังโดนเฟนเดลเข้าบุกแล้ว ราวกับว่าอีกฝ่ายรู้ถึงแผนลอบโจมตีจึงอาศัยช่วงที่อัสเบลไม่อยู่เข้ามาโจมตีก่อน ทุกคนจึงรีบกลับไปที่เมืองทันที
ภายในเมืองเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ทหารเฟนเดลจำนวนมากกำลังจู่โจมเมืองจนเกิดความโกลหลไปทั่ว ตอนนั้นเองที่กองทหารในชุดสีน้ำเงินก็ตราทัพเข้ามาภายใต้ธงแห่งอาณาจักรสตราต้า โดยการนำของนายทหารหนุ่มผมสั้นสีฟ้าผู้หนึ่ง ถึงแม้เขาจะสวมแว่นตาอยู่ แต่อัสเบลก็รู้ว่านั่นก็คือฮิวเบิร์ท น้องชายของเขานั่นเอง หลังสั่งให้ทหารบุก ฮิวเบิร์ทก็เข้าต่อสู้กับทหารผู้รุกรานอย่างคล่องแคล่ว ไม่เหลือภาพของเด็กท่าทางอ่อนแออยู่แม้แต่น้อย อัสเบลจึงเข้าไปช่วยต่อสู้ด้วย แต่อีกฝ่ายกลับแสดงท่าทีไม่หยี่ระกลับมา ฮิวเบิร์ทหันไปประกาศให้ชาวเมืองรู้ว่าทัพสตราต้าได้ขับไล่ทหารเฟนเดลออกไปจนหมดแล้ว แะถึงเขาในตอนนี้จะใช้ชื่อว่า "ฮิวเบิร์ท ออสเวลล์" แต่ก็เขาก็ได้กลับมาที่แห่งนี้ด้วยแรงผลักดันแห่งสายเลือดสกุลแลนท์ เพื่อกลับมาช่วยบ้านเกิด และบอกว่าตอนนี้วินดอลล์และสตราต้าได้เป็นพันธมิตรกันแล้ว ดังนั้นทั้งสองประเทศจึงมีศัตรูเดียวกันคือเฟนเดล ซึ่งทัพสตราต้าจะช่วยต่อต้านและขับไล่ทหารเฟนเดลออกไปจากผืนแผ่นดินนี้ ชาวเมืองแลนท์ต่างประทับใจในตัวเขามาก
หลังจากนั้น อัสเบลก็ไม่มีโอกาสได้สนทนากับฮิวเบิร์ทซึ่งมีธุระหน้าที่ให้จัดการมากมายได้ จนเมื่ออะไรๆกลับเข้าสู่สภาพปกติ ฮิวเบิร์ทก็มาหาที่บ้าน เขาไม่ได้ให้ความสนใจอัสเบลอะไร แต่ก็แปลกใจที่จะมีใครคนอื่นที่เหมือนโซฟีอยู่ได้อีกคน และบอกว่าจะเป็นคนตรวจสอบเรื่องนี้เอง ซึ่งแน่นอนว่าอัสเบลจะคัดค้านและว่าเรื่องต่างๆตนจะตัดสินใจเอง แต่ก็ยิ่งหงุดหงิดเมื่อโดนตอกกลับว่าทั้งที่หนีออกไปจากเมืองแต่ตอนนี้กลับมาสวมหน้ากากเจ้าเมืองซะแล้ว
ในห้องประชุม ฮิวเบิร์ทกำลังรออัสเบลอยู่ แล้วบอกว่ามีเรื่องหนึ่งที่เขาไม่ได้บอกแก่ชาวเมือง ตามข้อตกลงระหว่างวินเดลและสตร้าต้า เมืองแลนท์จะอยู่ภายใต้การดูแลของสตราต้า และอยู่ภายใตการดูแลของเขา ทั้งยังบอกอีกว่าอัสเบลไม่สาสามารถทำอะไรได้เพราะนี่เป็นการตัดสินใจจากระดับปกครอง ซึ่งในตอนนี้นั้น "พลัง"เป็นสิ่งที่จะเป็น และเป็นสิ่งที่พี่ชายของเขาไม่มี แต่ตัวเขานั้นมีทัพสตราต้าคอยหนุนหลัง แต่ไม่มีทางที่อัสเบลจะยอมรับ ผู้เป็นน้องชายจึงเสนอให้มาสู้กับเขาเพื่อตัดสิน หากชนะก็สามารถดูแลเมืองต่อไปได้ แต่หากแพ้ ก็ต้องถูกขับไล่ออกไปจากเมืองนี้
การดวลจบลงด้วยความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับของอัสเบล ตามคำสัญญานั้น เขาจะจึงถูกลากออกไปจากเมืองบ้านเกิดนี้ แม่ของพวกเขาได้เข้าไปตัดพ้อต่อว่าฮิวเบิร์ท ว่าทำไมจึงต้องทำเช่นนี้ทั้งๆที่พึ่งจะได้เจอหน้าของลูกชายทั้งสองคน แต่ฮิวเบิร์ทพูดประชดว่าลูกชายของบ้านนี้คงมีอัสเบลคนเดียว ถึงเคธี่จะบอกว่าอัสต้อนทำไปเพราะเพื่ออนาคตของเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้
ที่นอกเมืองนั้น โซฟีได้ตามอัสเบลออกมาด้วย ถึเขาจะไล่ให้เธอกลับไปก็ไม่ยอมรับฟัง และเธอก็บอกว่าจะปกป้องอัสเบล เช่นเดียวกับที่เคยพูด ณ สถานที่เดียวกันนี้เมื่อเจ็ดปีก่อน ท่ามกลางสายฝน อัสเบลก็ต้องเจ็บแค้นตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้เลยแม้ว่าจะทุ่มเทเวลาและแรงกายในโรงเรียนอัศวินตลอดเวลาที่ผ่ผานมาก็ตาม
王都地下 (ทางใต้ดินแห่งนครหลวง)
Discovery: 大きな何かの骨 (ฟอซซิลไดโนเสาร์)
- หลังอีเวนท์จบหมดให้เดินไปยังท่าเรือสู่บาโรเนีย
- เมื่อถึงท่าเรือบาโรเนียและมาจะเจออีเวนท์อีกหน่อย
- เดินไปที่โบสถ์และลงไปยังทางใต้ดินที่เคยใช้สมัยเด็ก จะพบริชาร์ด และต้องสู้กับ ファイター และ トラッカー แล้วริชาร์ดจะเข้าทีม
- เดินจนถึงทางออก แล้วต่อไปทางซ้ายอีกนึก เมื่อเดินเข้าเนินที่มบ้านเล็กๆอยู่ก็จะพบอีเวนท์ และสู้กับ ファイター×2 (นักดาบ) และ ボウシューター (นักธนู) สำหรับนักดาบนั้นฟันแรงและแถมมีติดตัวชา หากจะให้ดีก็โยน リキュールボトル ให้ทุกคน ซึ่งจะช่วยป้องกันอาการผิดปกติทั้งหมด
- จากนั้นให้เดินลงใต้จนเข้าอีเวนท์และได้พบกับปาสคาล จากจุดนั้นให้เดินเข้าทางเดินเล็กด้านขวา ซึ่งจะเจอทางเข้าซากโบราณ (ตรงไหน)
Story Synopsis
อัสเบและโซฟีเข้าไปหลบฝนในบ้านใกล้ๆนั้น แต่อัสเบลก็เกิดไข้ขึ้นจนสลบไป มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีเสียงคนจะบุกเข้ามาจากด้านนอก และโซฟีพยายามห้ามเอาไว้ เมื่ออกไปก็พบว่าผู้บุกรุกเป็นชายในชุดเกราะสองคน ซึ่งเป้าหมายของพวกเขาคือการจับตัวอัสเบล แต่ก็โดนโซฟีสอยทิ้งจนสลบไปทั้งสองคน เมื่อเห็นแบบนั้นอัสเบลเลยคิดว่าจะปล่อยโซฟีไว้ที่นี่ก็คงไม่ปลอดภัย คนสดท้ายที่เขานึกขึ้นได้ก็คือริชาร์ดที่น่าจะช่วยดูแลโซฟีแทนแน่นอน
เมื่อมาถึงท่าเรือก็พบว่าเรือเที่ยวต่อไปจะเป็นเที่ยวสุดท้ายก่อนปิดท่าเรือ นั่นเพราะว่าเมืองบาโรเนี่ยกำลังจะปิดทางเข้าออกทุกเส้นทางแล้ว ในเวลาเดียวกัน ชายสองคนที่จะมาจับอัสเบลก็มาถึงท่าเรือพอดี อัสเบลและโซฟีจึงต้องขึ้นเรือลำนั้นไปบาโรเนีย แต่ก็ไม่พ้นโดนอีกฝ่ายตามทันในที่สุด ซึ่งพวกเขาบอกว่าริชาร์ดตายไปแล้ว ถึงจะคลางแคลงใจ อัสเบลก็หนีเข้าไปในเมือที่เต็มไปด้วยข่าวลืมเรื่องของริชาร์ด จนไปถึงหน้าวิหาร โซฟีที่เห็นรูของทางเข้าโบสถ์เลยถามถึงมัน และทั้งสองคนก็ตัดสินใจว่าจะในเมื่อไม่มีทางอื่นให้ไปแล้ว ก็ต้องไปทางใต้ดินของนครหลวงเท่านั้น โซฟีเลยจัดการ "เปิด" ประตูให้เสร็จสรรพ
เมื่อเข้ามาพวกเขาก็พบริชาร์ดนั่ทรุดอยู่ และเขาก็ดีใจมาที่เห็นว่าคนที่ตามมาคืืิออัสเบล ตอนนั้น ทหารในชุดเกราะวินดอลล์ก็ตามมาถึงและเข้ามาหมายสังหารริชาร์ด ซึ่งเขาได้บอกว่าเกิดการยึดบัลลังก์แบบเงียบๆในนครหลวง โดยกษัตริย์ได้ถูกปลงพระชนม์ ส่วนตัวริชาร์ดเองก็ต้องหนีงมาที่นี่ หากอัสเบลไม่ได้มา เขาก็คงต้องตายไปตามข่าวลือแน่ และก็ฉงนที่เป็นโซฟีที่เขาได้ยินมาว่าตายไปแล้ว ถึงอัสเบลจะบอกว่ายังไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างไรแน่ แต่ริชาร์ดก็บอกว่านี่คือโซฟีตัวจริง เพราะเขารู้สึกได้้ถึงความรู้สึกแบบเดียวกันจากโซฟีคนนี้
จากนั้น ทั้งสามคนก็หนีออกมาจากทางใต้ดินผ่านประตูหิน และออกมาสู่ด้านใต้ของบาโรเนีย ขณะที่กำลังพักกันนั้น ริชาร์ดได้เล่าว่าผู้ที่ทำการก่อกบฏก็คือ เซลติค ญาติของริชาร์ดและผู้นำแห่งอัศวินนครหลวง ซึ่งทำให้อัสเบลตกใจมาก เพราะเขาก็เคยเรียนในโรงเรียนฝึกอัศวิน และหากเขาไม่ได้ถอนตัวออกมา ตอนนี้เขาคงอาจกำลังตามล่าริชาร์ดด้วยก็ได้ ซึ่งริชารืดก็รู้เรื่องของอัสเบลดี แต่พออีกฝ่ายพูดถึงสัญญาการเป็นพันธมิตรระหว่างวินดอลล์และตราต้าแล้วริชาร์ดก็สงสัย เพราะเขาแน่ใจว่าไม่มีเรื่องแบบนั้นแน่นอน อีกทั้งช่วงเวลาก็ใกล้เคียงกับการยึดบัลลังก์อีกด้วย
ริชาร์ดได้ขอร้องให้อัสเบลร่วมมือกับเขาเพื่อยึดบัลลังก์กลับคืนมา โดยการนั้น เขาต้องไปยังเมืองเครลไซท์และขอความช่วยเหลือจากที่นั่น ซึ่งอัสเบลก็ตอบรับโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ทั้งสองได้ประสานมือด้วยกัน พอโซฟีเห็นจึงอยากจะทำบ้าง แต่พอเธอวางมือของเธอลงบนมือของริชารืด ควันสีดำกลุ่มหนึ่งก็ลอยออกมา สร้างควาเจ็บให้ทั้งสองจนสะดุ้งและผละมืออกจากกัน
จากนัั้น ทุกคนก็เดินลงไปจนถึงป้อมปราการแห่งบาโรเนียที่แข็งแกร่ง ウォールブリッジ (วอล์บรืดจ์) ซึ่งมีการดูแลหนาแน่นจนพวกเขาแอบลักลอบผ่านไปไม่ได้ ขณะที่สองหนุ่มกำลังครุ่นคิดกันอยู่ โซฟีก็เหลือไปเห็นอะไรอยู่ใต้ต้นไม้ เธอพบหญิงสาวในชุดทะมัดทะแมงผมสั้นสีขาวปลายผมสีแดงเข้มกำลังหลับอยู่ คนๆนั้นงัวเงียตื่นขึ้นมาแ้วหันมามองเธอ ก่อนจะลุกมาจ้องอย่างครุ่นคิด ก่อนจะอุทานอย่างดีใจ ยกสองมือขึ้นแปะบนไหล่ของโซฟี ผ่านไปหนึ่งวินาที ก่อนที่โซฟีจะอัดโครมเข้าใส่พุงกะทิจนปลิวไปชนเนินหินที่อีกฟาก
อัสเบลและริชาร์ดรีบมาดู และพบว่าเธอคนนั้นเด้งตัววิ่งด้าวกระโดดมาหา แะขอจับตัวโซฟีอีกที เพราะว่าโซฟีเหมือนกับ "ถาพจำลอง" ที่เธอเห็นก่อนหน้านี้ เธอแนะนำตัวว่าชื่อ "ป่าสคาล" และเมื่อรู้สึกว่าอธิบายยังไงก็คงยากจะเข้าใจ เธอจึงตัดสินใจพาทุกคนไปให้เห้นเองกับตาจะดีที่สุด
ウォールブリッジ地下遺跡 (ซากโบราณสถานใต้ดินวอลบริดจ์)
Discovery: 映像装置 (เครื่องฉายภาพ), 寡黙な石 (หินยักษ์หน้าตาประหลาด)
- ภายในจะมีหินแผ่นลอยสองสีที่จะสามารถเคลื่อนไหวได้ สีน้ำเงินจะวิ่งไปตรงๆ และสีเขียวจะขึ้นหรือลงไปชั้นถัดไป
- ในบางจุด เราจะต้องขึ้นแแผ่นสี้น้ำเงินไปชนแท่นหินสีต่างๆ ซึ่งจะทำให้พวกมันเด้งขึ้นหรือลงไปชั้นอื่นเพื่อเป็นทางเดินต่อไป
- เมื่อไปถึงเครื่องฉายภาพจะพบอีเวนท์ และต้องสู้กับบอส メルクリウス (มีการโจมตีที่ทำให้เป็นหินหมู่ในบริเวณรอบๆตัว หากจะป้องกันก็คงต้องเก็บฉายา ストーンガード (โดนท่าโจมตีเป็นหินแต่กันได้ 5 ครั้ง) หรือใส่ ストーンチェック
- เดินต่อไปตามทางจนถึงทางวาร์ปออก (ตรงนี้มีอยู่สองจุด ทางตะวันออก และทางเหนือของอันแรก ให้ไปอันแรกก่อน)
グレルサイド街道 กนนเกรลไซด์
Discovery: ジャガイモ (แปลงปลูกมัน)
Items: 魔法カルタNo.06 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ), 潤いし結晶 (หีบ)
グレルサイド เกรลไซด์ & グレル旧街道 (ถนนเก่าของเกรลไซด์)
Discovery: 栄光の鐘 (หอระฆัง อยู่ในซอยฝังซ้ายของเมือง), 流れ着いた手紙 (ทะเลหลังบ้านของผู้ว่าดีล), ニンジン (แครอท อยู่ใกล้ๆจุดเก็บฉายาของปาสตาล)
Items: 溶解の魔導書 (คนขายของข้างทาง ซ่อนอยู่ด้านซ้ายมือของป้ายสีแดงระหว่างทางไปบ้านผู้ว่า ทีแรกจะขายในราา 50000 แต่ถ้าตอบไม่ จะเหลือแค่ 3000), ナノハナの種 (จุดแสงข้างๆทาง), 魔法カルタNo.31 (ห้องเก้บของ),インプぬいぐるみ (อยูข้างคนขายหนังสืออันแรก), お姫様物語傑作選 (หีบในห้องด้านหลังของโรงแรม), 金運の魔導書 (หีบในห้องของดิล ใส่รหัส "4"), 魔法カルタ 22,24,26,27 (คนรับใช้หลังบ้านดิล)
Items @ グレル旧街道: 魔法カルタNo.07 (จุดสำรวจบนถนนเก่าของเกรลไซด์), 生い茂る結晶 (หีบ)
- หลังอีเวนท์ ให้เดินออกไปทางซ้ายของเมืองก่อน เดินไปตามทางเรื่อยๆจนเห้นคนมีสัญลักษณ์อยู่บนหัว คุยสามครั้ง แล้วจะต้องสู้กับ バンデットリーダー、バンデット×2、ハンター×2 แล้วปาสคาลจะได้ท่าฮิโอกิแรกจากฉายา ウィンドサマナー
- เดินตรงเข้าไปยังบ้านของผู้ว่าดีล และพบอีเวนท์ จากนั้นให้กลับไปที่ซากโบราณวอลบรืดจ์
- เมื่อเข้าไป ให้ขึ้นด้านบนไปตามทางเรื่อยๆ จะพบทางวาร์ปเข้าวอลบรืดจ์
ウォールブリッジ (วอลบริดจ์)
Discovery: 三百年樽 (ห้องใต้ดินฝั่งประตูเหนือ ด้านตะวันออก)
- ภายในจะแบ่งเป็นสองฝั่ง (ซ้ายและขวา) แต่ละฝั่งมีสามหอคอย หอคอยกลางที่จะมีจำนวนชั้นเยอะที่สุด และมีหอคอยหลักอีกหนึ่งที่
- ไปที่ประตูทิศเหนือฝั่งซ้ายชั้น B1 จะพบคันโยกปิดประตู
- เดินไปฝั่งขวาและเข้ามายังหอคอยหลัก หลังอีเวนท์จะได้กุญแจสำหรับไปเปิดประตูทิศใต้
- ฝั่งใต้ด้านตะวันออก จะมีร้านขายของให้เตรียมตัว
- ไปที่หอคอยสุดท้ายฝั่งใต้ด้านตะวันออก จะพบคันโยกเพื่อเปิดประตูทิศใต้ หลังจากนั้นให้ออกจากห้อง จะต้องสู้กับบอส マリク กับ ファイター×2 ถ้าไม่คุ้นกับระบบหรือเก็บเลเวลมาไม่พอจะยาก เพราะมาริคสามารถใช้เวทย์ได้อย่างรวดเร็ว ทางที่ง่ายที่สุดคือเซทแผนให้คนอื่นๆไปโจมตีตัวอื่น ส่วนตัวหลักที่เล่นก็คอยไปวิ่งล่อมาริค หากไซด์สเตปถูกวิธีก็จะหลบทั้งเวทย์และการโจมตีได้ไม่ยาก พอเหลือตัวเดียวแล้วค่อยรุมยำเอา
- หลังจากนั้นริชาร์ดจะออกจากกลุ่ม ให้เดินไปที่หอคอยกลางแล้วลงไปชั้นล่าง เดินลงใต้และเชเรียจะเข้ากลุ่ม
- เดินกลับไปที่หอคอยหลักและขึ้นไปชั้นบนสุด เมื่อจบอีเวนท์แล้วให้ออกมาแล้วไปยังประตูทิศเหนือ และให้มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปบาโลเนีย)
- คุยกับทหารที่ทางขึ้นเนิน จะได้ไอเทมค่างๆ แล้วให้เข้าถ้ำริมทะเลทางขวามือเพื่อเข้าบาโลเนีย
王都地下 (ทางใต้ดินนครหลวง)
Discovery: 名もなき者の墓標 (สุสานที่มีดาบปัก ในห้องลับที่มีหินปิดอยู่ ด้านขวาก่อนถึงจุดเซฟ)
- เดินเข้าไปยังส่วนที่เคยมาตอนช่วงวัยเด็ก และเลยเข้าไปอีก จะพบทางลับเข้าปราสาท
バロニア城 隠し通路 (ทางเดินลับใ้ต้ดินบาโลเนีย) & バロニア城
Discovery: ふたつの壺 (ไหเด่นๆที่ตั้งอยู่ในทางเดินใต้ดิน), はじまりの国旗 (ธงในปราสาท)
Items: 深遠の魔導書 (ไอเทมใหม่สำหรับเวอร์ชัน PS3 จากจุดเซฟจากก่อนเข้าปราสาทให้เดินลงห้องด้านใต้)
- ริชาร์ดจะกลับเข้าทีม จากนั้นให้หาทางเข้าปราสาท โดยต้องผลักหินเพื่อให้ลงไปเป็นทางเดินอยู่หลายจุด
- เข้าไปในปราสาท เดินไปทางขวา - ลง - ซ้าย - ขึ้น
- สู้กับบอส ヴィクトリア (วิคตอเรีย) เธอมีท่าพุ่งเสียบจากระยะไกล ดังนั้นถึงสลับมาเล่นเชเรียหรือปาสคาลก็อย่าได้อุ่นใจ พลาดเมื่อไหร่ก็โดนเสียบพุงปลิ้น
- เดินต่อไปทางซ้าย (เลี้ยวขวาก็กลับไปห้องแรกเพื่อซื้อของ) เมื่อขึ้นไปถึงห้องบัลลังก์ก็จะต้องสู้กับบอส セルディク (เซลทิค) มีการโจมคีที่รุนแรง และมีฮิโอกิที่สามารถกวาดให้ทุกคนหลับได้หากเผลอไปกระจุกกันใกล้ๆ ให้กระจายตัวกันออกไกลๆ ให้คนเดียวเข้าไปคอยเป็นโล่มนุษย์ ขณะที่คนที่เหลือก็เน้นฟื้นพลังกับซัพพอร์ทจากระยะไกลเอา (หากมีคนตายคนหนึ่งแล้วไม่รีบฟื้น จะมีคนอื่นๆตายตามกันเป็นแถวๆ)
ทุกคนถูกวาร์ปเข้ามาภายในซากโบราณโดยที่สร้างความตกใจให้กับทุกคนนอกจากปาสคาล ซึ่งเธอบอกว่าที่นี่สร้างขึ้นโดยชนเผ่า "อันมัลเทีย" ซึ่งมีความรู้ในเรื่องวิทยาการต่างๆมาก ซึ่งเธอก็ไม่ไดปฏิเสธคำถามของริชาร์ดที่ว่าเธอเป็นนักโบราณคดีหรือเปล่า เมื่อเดินเข้าไปภายในจนถึงเครื่องกลหน้าตาแปลกๆ เธอบอกว่ามันใช้งานง่ายๆและให้อัสเบลลองดู แต่ก็เหลวเป๋จนเธอต้องลงมือเอง ซึ่งปรากฏจอภาพกลางอากาศแสดงภาพของร่างที่เหมือนโซฟีไม่ผิดเพี้ยน แต่ภายในนั้นก็ไม่มีรายละเอียดมากนัก นอกจากตัวอักษรลางๆที่อ่านได้ว่า "แลมด้า"
ออกมาถึงภายนอก ก็พบว่าทางออกนั้นอยู่อีกฟากของวอลบริดจ์ ทุกคนจึงรีบเดินทางต่อไปยังเมืองเกรลไซด์ ทันทีที่เข้าไปถึงทหารก็เข้ามาขวางไว้ และก็แทบจะกลับลำไม่ทันเมื่อรู้ว่าผู้ที่มาคือเจ้าชายริชาร์ด เมื่อไปถึงบ้านผู้ว่า ดิล ผู้ว่าของเมืองเกรลไซด์ก็รีบออกมาต้อนรับริชาร์ดซึ่งเขาก็ได้เตรียมกำลังทหารไว้รอแล้ว หลังจากนั้น พวกเขาก็ได้เข้าไปในห้องทำงานเพื่อวางแผนที่จะบุกยึดบัลลังก์คืน ปัญหาหลักก็คือเส้นทางที่จะบุกบาโลเนีย เพราะมีวอลบริดจ์ขวางทางอยู่ การบุกเข้าไปจึงยากมาก โชคดีที่ปาสคาลรู้ว่ามีเส้นทางในซากโบราณสถานใต้ดินที่จะนำไปสู่ภายในได้ และอัสเบลก็เสนอตัวเป็นผู้ที่จะลอบเข้าไปในนั้นเพื่อเปิดประตูจากภายใน
คืนนั้น อัสเบลได้สนทนากับริชาร์ด และบอกว่าเขาจะเป็นดาบของริชาร์ดและคอยช่วยเหลือเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขณะเดียวกัน โซฟีก็แอบฟังทั้งสองอยู่ด้วยความเป็นห่วง เธอรู้สึกว่าละสายตาจากริชารืดไม่ได้ เธอรู้ว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน และริชาร์ดก็ไม่มีทางคิดร้ายต่อัสเบล แต่เธอกลับมีความรู้สึกแปลกๆอยู่ในอก
รุ่งเช้า ริชาร์ดได้บัญชาการทหารเพื่อเตรียมบุก ซึ่งเขาจะไปพร้อมๆกับพวกอัสเบลด้วย การลอบแทรกแซงเข้าวอลบริดจ์เป็นไปดวยดี ประตูเหนือถูกผิดเพื่อกันไม่ให้มีกองหนุนเข้ามาช่วย แต่ขณะที่ทุกคนอยู่ในหอคอยหลักเพื่อเอากุญแจที่ต้องในการเปิดประตู้ใต้ ทหารฝั่งตรงข้ามก็กระโดดลงมาจากบันได และฟาดดาบเข้าใส่ริชาร์ดเข้าอย่างจัง ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อริชาร์ดล้มลงจมกองเลือด อัสเบลรีบให้โซฟีจับทหารคนนั้นไว้ก่อนจะหนีออกไป ก่อนที่จะเข้าไปดูเพื่อนซึ่งนอนนิ่งไม่ไหวติง
ตอนที่คิดว่าคงจะสิ้นหวังแล้ว ร่างของริชาร์ดก็สะดุ้งเฮือกขึ้น ก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆยันกายลุกขึ้นมา หร้อมกับสายตาที่แฝงไว้ด้วยความดุร้าย ริชาร์ดเดินเข้าไปคว้าคอทหารผู้นั้นและเหวี่ยงึ้นไปบนโต้ะยาว เขากระโดดตามขึ้นไปยืนคร่อมร่างพร้อมอาวุธในมือ และลงมือฟันอย่างบ้าคลั่ง จนอัสเบลเรียกให้หยุด เขาจึงรู้สึกตัวและเดินลงมาด้วยความสับสน นอกจากนั้น บาดแผลที่เขามีก็ดูไม่รุนแรงนัก ผิดกับเลือดจำวนมากที่ทุกคนเห็นเมื่อครู่นี่
จากนั้น ประตูใต้ก็ถูกเปิดขึ้น ทำให้ทหารเกรลไซต์สามารถบุกเข้ามาได้สำเร็จ แต่ระหว่างที่กำลังจะออกไปสมทบกับคนอื่นๆนั้น ดาบบูมเมอแรงก็หุ่งผ่านหน้าทุกคนไปเพียงนิด ก่อนจะกลับเข้าสือของมาริคผู้เป็นเจ้าของ และผู้เป็นครูฝึกของอัสเบล ซึ่งเขาก็คาดเอาไว้อยู่แล้วว่าการจะยึกวอลบริดจ์ก็มีแต่ต้องเปิดประตูจากภายในเท่านั้น และหากเขาสามารถจัดการริชาร์ดได้ที่นี่ การบุกก็ต้องจบลงอยู่ดี อัสเบลและทุกคนจึงต้องสู้
หลังการปะทะ ทหารก็ได้เข้ามาแจ้งว่าการบุกยึดสำเร็จแล้ว มาริคจึงทิ้งอาวุธยอมแพ้ แต่ริชาร์ดกลับไม่ยอมง่ายๆและจะสังหารคนทรยศที่นี่ แม้อัสเบลจะช่วยกล่อมว่ามาริคเป็นกำลังสำคัญในการจะสร้างประเทศสงบสุข แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก แต่อาการประหลาดที่เกิดกับร่างกายก็ทำให้ริชาร์ดเปลี่ยนใจ และให้จับมาริคไปคุมขังแทน จากนั้นเขาก็แยกตัวออกไปเพื่อไปหาดิลที่กำลังรอเขาอยู่ ตอนนั้น โซฟีก็ได้เห็นเชเรียที่กำลังรักษาผู้บาดเจ็บอยู่ที่ลานข้างล่าง เมื่อเห็นโซฟีเธอก็ดีใจที่ยังปลอดภัยดี (ถึงจะไม่ได้อาบน้ำเลยก็ตาม) ที่เธอมาที่นี่ก็เพื่อช่วยเหลือคนเหล่านี้โดยเฉพาะ และเธอก็ได้ตามอัสเบลไปพบกับริชาร์ดด้วย
บนดาดฟ้าของหอคอยกลางนั้น ริชาร์ดมีท่าทางดีใจที่ได้พบกับเชเรีย และเมื่อรู้ว่าเธอมาเพื่อรักษาผู้บาดเจ็บเขาก็ยินดี แต่ก็กำชับว่าให้รักษาเฉพาะพวกเดียวกันเท่านั้น ส่วนทหารศัตรูไม่ต้องสนใจ อัสเบลแย้งว่านั่นก็เป็นชาววินดอลเหมือนกัน แต่สำหรับริชาร์ดแล้ว ใครก็ตามที่เป็นปรปักษ์กับเขา ผู้นั้นก็ไม่ใช่ประชากรในอาณาจักรวินเดล แต่เมื่อโดนอัสเบลเถียงกลับ เขาก็โกรธจัดจนชักอาวุธออกมา แต่ด้วยอาการป่วยบางอย่างจึงต้องถูกหามไปพักผ่อนก่อน ส่วนอัสเบล ดิลได้ถอดเขาออกจากภารกิจ และให้กักตัวอยุ่ในห้องจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอื่นใด
หลังจากนั้น ดิลก็ได้บอกว่าอัสเบลจะยังคงได้ร่วมภารกิจอยู่ แต่จะไม่ได้ไปกับริชาร์ดแล้ว ซึ่งเมื่อลงไปถึงจุดรวมพ เขาก็ได้รับแจ้งว่ากลุ่มของอัสเบลเป็นทีมอิสระที่ไม่มีคำสั่งพิเศษใดๆ แต่กระนั้นเมื่อบุกตามเข้าไปผ่านเส้นทางลับใต้ดิน ก็พบริชาร์ดยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางทหารผู้บาดเจ็บทั้งศัตรูและมิตร เขาบอกว่าตัวเขาคงเดียวคงไม่พอ ตอนนี้เขาต้องการพลังของอัสเบลด้วย อีกทั้งก่อนหน้านี้ริชาร์ดก็โดนวางยาพิษเช่นเดียวกับกษัตริย์องค์ก่อน มีแต่เวลานี้้ที่เขาต้อทำให้เรื่องทุกอย่างจบ
เมื่อบุกเข้าไปในปราสาทจนถึงห้องบัลลังก์ก็ได้พบกับเซลติกผู้เป็นญาติกับริชาร์ด ซึ่งเขากูดูแปลกใจกับสีหน้าและท่าทางของริชาร์ดที่ดูเปลี่ยนเป็นคนละคน หลังการปะทะคารมและการปะดาบอย่างดุเดือด เซลติคก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้และล้มลงบนเข่าทั้งสองข้าง ริชาร์ดเองก็ก้มตัวลงไปเช่นเดียวกัน แต่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อเขาลงมือฆ่าอีกฝ่ายอย่างเลือดเย็น ทั้งยังหันกลับมาใช้ดาบแทงซ้ำเพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับผู้เป็นบิดาอีกด้วย ดิลจะเข้ามาแสดงความยินดีที่สามารถยึดบัลลังก์กลับมาได้ และบอกว่าทุกอย่างจบลงแล้ว แต่ริชาร์ดว่าไม่ใช่ เพราะนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่แห่งอาณาจักรวินเดล ภายใต้การนำของกษัตริย์ริชาร์ด
- หลังจากนั้น อาณาจักรวินดอลก็มีงานฉลองพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์องค์ใหม่ ริชาร์ดได้รับการสวมมงกุฏและขึ้นครองราชย์ต่อจากบิดา แต่จะมีซักกี่คนที่สังเกตุเห็นรอยยิ้มอันน่าหวาดกลัวของเขา
[Edited 9 times Next - Last Edit 2010-12-6 20:22:11]
# Thu 2 Dec 2010 : 8:40AM

Walkthrough part 3
バロニア
- ออกจากห้องแล้วเดินไปทางซ้ายเข้าห้องบัลลังก์
- หลังจบอีเวนท์แล้วก็ให้กลับมาที่ห้องเดิมอีกที
- เดินออกจากปราสาทแล้วไปที่ท่าเรือ คุยกับกะลาสีเพื่อไปเมืองแลนท์ หรือจะใช้วิธีเดินอ้อมโลกโดยเดินลงใต้ไปที่เกรลไซต์ แล้วออกไปทางตะวันออก ไปตามทางเดินสายเก่าแล้วไปโผล่ที่ทางใต้ของแลนท์ก็ได้เช่นกัน แต่จะไม่มีอีเวนท์คุยกับมาริคบนเรือ
- หากเข้าบ้านหลังเล็กระหว่างทางมาแลนท์ จะมีซับอีเวนท์และได้ฉายา ナイスミドル ของมาริค
Story Synopsis
หลังจากงานพิธีการเสร็จสิ้น ริชาร์ดก็ได้เรียกตัวอัสเบลไปพบ ซึ่งนอกจากเรื่องความดีความชอบแล้ว หัวข้อสำคัญก็คือเรื่องของเมืองแลนท์ เพราะเริ่มมีการค้นพบร่องรอยของหินเครียส์ ซึ่งวินดอลล์ก็กำลังจะเริ่มการค้นหาเช่นกัน และหากปล่อยให้สตราต้าค้นหาต่อไปก็จะไม่เป็นผลดี ดังนั้นริชาร์ดจึงต้องการแก้ไขปัญหานี้โดยการบุกโจมตีเมืองแลนท์เพื่อยึดกลับมา
ไม่ต้องสงสัยว่าอัสเบลจะคัดค้าน เพราะนั่นจะเป็นการเปิดสงครามกับสตราต้าและจะส่งผลต่อชาวเมืองแลนท์แน่นอน แต่ถึงแม้จะมีข้อตกลงระหว่างอาณาจักรอยู่ แต่เพราะสนธิสัญญานั้นทำกับเซลดิกจึงนับว่าไม่มีผลอีกต่อไป และยังมีชาวเมืองแลนท์เริ่มเข้าไปเป็นพวกเดียวกับสตราต้าอีก ซึ่งนับว่าเป็นการกบฏต่อริชาร์ดและอาณาจักร ซึ่งริชาร์ดได้มอบหมายให้อัสเบลเป็นผู้นำในการบุกโจมตี และนี่จะเป็นการคืนชื่อเสียงให้กับอัสเบลด้วย
สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นการต้องรบกับฮิวเบิร์ทและชาวเมืองแลนท์ อัสเบลจึงต่อต้านคำสั่งนั้นและทำให้ริชาร์ดโกรธเพราะเป็นการท้าทายอำนาจของกษัตริย์ อัสเบลได้ขอใช้วิธีอื่นคือการเจรจา และริชาร์ดบอกว่าสุดท้ายก็จะลงเอยเช่นเดียวกับเขาและเซลติก ซึ่งสุดท้ายแล้วชื่อเสียงและอำนาจก็สำคัญมากกว่าความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ด้วยการขอร้อง อัสเบลก็ได้รับการอนุญาต และต้องรีบเร่งออกเดินทางไปทันที
อัสเบลได้กลับมาถามเชเรียถึงเรื่องที่ชาวเมืองหันไปเข้าพวกกับสตราต้า ซึ่งเธอก็ยอมรับว่ามีเหมือนกัน และเธอก็ตกใจเมื่อรู้ว่าริชาร์ดจะโจมตีแลนท์ หลังได้รับการอธิบาย มาริคก็เดินเข้ามาขอร่วมเดินทางไปด้วย
ラント
- เมื่อพบอีเวนท์ที่หน้าเมือง ให้เลี้ยวลงไปที่แม่น้ำ แล้วเข้าเมืองผ่านทางน้ำของเมือง
- เข้าไปหาฮิวเบิร์ทที่ห้องเจ้าเมือง (ชั้น 1 ซ้ายมือ) แล้วให้ออกมาจากบ้าน จะต้องสู้กับริชาร์ด ซึ่งทีมจะเหลือแค่อัสเบล, โซฟี และฮิวเบิร์ท
- สำหรับริชาร์ดนั้นจะสามารถเปิดบาเรียได้ ให้ใช้ท่า B ที่มีธาตุ 暴星 อยู่ซัดเข้าไปเพื่อทำลายทิ้งก่อน และหากพลังเหลือน้อยๆก็จะใช้ シェイドインペリアル (เจดอิมพีเรียล) ซึ่งโดนตูมเดียวอาจตายหมู่ได้
- หากสามารถจัดการได้ในหนึ่งนาที ก็จะได้ Trophy リチャード1分撃破 ! ด้วย
Story Synopsis
พวกอัสเบลเดินทางกลับไปเมืองแลนท์ และแอบเข้าไปผ่านทางน้ำของเมือง ที่ห้องของเจ้าเมืองนั้น อัสเบลได้บอกให้รู้ถึงเรื่องความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้ และขอร้องให้ฮิวเบิร์ทยกเลิกสนธิสัญญานั้น แต่ฮิวเบิร์ทกลับคิดว่าแปลกที่กษัตริย์องค์ใหม่จะส่งพี่ชายของเขามาบอก ทั้งที่น่าจะรู้ว่าแค่นี้นั้นไม่สามารถจะทำได้ แต่เมื่อได้ยินจากอัสเบลว่านี่เป็นความคิดของอัสเบลเอง ฮิวเบิร์ทก็รู้แล้วว่าผู้เป็นพี่คิดตื้นเกินไป
ตอนนั้นเสียงดังโหวกเหวกก็ดังขึ้นมา นายทหารผมส้มคนหนึ่งเข้ามารายงานว่ากองทัพวิลดอลได้บุกเข้ามาโจมตีเมืองแล้ว ทำให้ทุกคนตกใจเพราะคิดว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อระงับสงคราม ฮิวเบิร์ทคิดว่านี่เป็นแผนถ่วงเวลาสนทนากับเขาเพื่อเปิดโอกาสให้ทหารบุกเช้ามา แม้อัสเบลจะบอกว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นจริงเขาก็แค่ถูกหลอกใช้เพื่อผลลัพธ์เช่นเดียวกันเท่านั้นเอง
ทุกคนออกไปด้านนอกและพบว่าทหารทั้งสองฝ่ายกำลังรบกันอย่างรุนแรง กษัตริย์หนุ่มแห่งวินดอลได้เดินเข้ามา กล่าวว่านี่เป็นการทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับอัสเบลเพื่อให้เขาได้กลับสู่ฐานะเจ้าเมืองอีกครั้ง และถึงอัสเบลจะไม่ได้ขอร้อง เขาก็จะบุกแลนท์อยู่ดี ไม่มีสิ่งใดที่เขาอยากได้แล้วจะไม่ได้ อัสเบลบอกว่าวิ่งที่เขากำลังทำนั้นมันไม่ถูกต้อง คู่สนทนาจึงโกรธ แล้วกล่าวว่าก่อนจะยึดแลนท์ เขาคงต้องคุยกับเพื่อนคนนี้ให้รู้เรื่องเสียก่อน
อัสเบลบอกให้เชเรียและทุกคนหลบไปช่วยชาวเมืองอพยพ เพราะหากช้าไปกว่านี้แล้วอาจจะสายเกินไป โซฟีเองถึงจะอยากอยู่ที่นี่แต่ก็โดนลากออกไปเช่นกัน เหลือเพียงอัสเบลและฮิวเบิร์ท ริชาร์ดได้ถามย้ำว่าเขาทำผิดอะไร และอัสเบลเคยบอกมิใช่หรือว่าหากเป็นเขาแล้ว ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ะพร้อมจะยอมช่วยเหลือ คำตอบของอัสเบลนั้นก็คือการใช้กำลังนั้นไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ หนทางเช่นนี้ไม่สามารถนำไปสู่ความสงบได้ และขอร้องให้ทบทวนอีกครั้ง
ริชาร์ดทั้งโกรธและผิดหวังเมื่อพบว่าผู้เป็นเพื่อนสนิทนั้นได้ทรยศหักหลังตน ดาบแห่งกษัตริย์ถูกชักออกจากปลอก เล็งไปยังทั้งสองคนที่อยู่เบื้องหน้า พร้อมสายลมที่ถูกบีบอัดแน่นที่ปลายดาบพุ่งเข้าหาเป้าหมาย ฮิวเบิร์ทชักดาบคู่ของเขามาป้องกันไว้ได้แต่ก็ยังทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ ริชาร์ดไม่รอช้าที่จะโจมตีเข้ามาอีกครั้งด้วยความโกรธเกรี้ยว อัสเบลรีบพุ่งเข้าไปคว้าตัวน้องชายหลบออกมาได้แต่ก็เสียหลักตั้งตัวไม่ทัน ริชาร์ดเองก็กำลังจะโจมตีอีกครั้งโดยหมายเอาชีวิตในครั้งนี้
เสียงร้องห้ามจากเด็กสาวดังขึ้นมาก่อนเจ้าของเสียงจะถลาเข้ามาจากเบื้องบน แขนเล็กๆทั้งของเธอไขว้กันเป็นกากบาทเข้าปะทะกับดาบของริชาร์ดที่ไหวตัวตั้งรับได้ทัน ทั้งสองคนผละออกจากกัน เป็นโซฟีนั่นเอง เธอบอกว่าจะปกป้อง และพุ่งเข้าหาห่ากระสุนของอีกฝ่ายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก ได้แต่หลบหลีกไปตั้งหลัก คลื่นแสงที่เคลื่อนไหวราวกับเปลวเพลิงปรากฏขึ้นห่อหุ้มแขนทั้งสอง และทำให้ทั้งร่างของเธอเหมือนมีชั้นแสงบางๆครอบคลุมอยู่ นั่นทำให้อัสเบลนึกถึงภาพในอดีต ตอนนั้น อณูแสงก็ลอยออกมาจากตัวฮิวเบิร์ทและเข้าไปรวมกันที่โซฟี เธอกระโดดหลบการโจมตีของริชาร์ดไปอีกด้าน พร้อมๆกับที่ลำแสงพุ่งขึ้นจากพื้นจุดที่เธอยืนอยู่ เธอร้องบอกว่าจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องเหมือนในอดีตอีกแล้ว
โซฟีและริชาร์ดพุ่งเข้าปะทะกันอีกครั้ง แต่กระนั้นเธอก็สู้แรงไม่ไหวและตกอยู่สภาพเสียเปรียบ ขณะที่ริชาร์ดกำลังจะลงมือสังหาร อัสเบลซึ่งไม่ต้องการให้ทุกอย่างลงเอยเหมือนในอดีตพุ่งเข้าไปขัดขวาง ดาบของเขาตวัดใส่ริชาร์ดทำให้อีกฝ่ายต้องถอยออกไป แต่นั่นทำให้เขายิ่งโกรธมากกับการหักหลังครั้งนี้ ริชาร์ดเข้ามาโจมตีใส่ทุกคนพร้อมคลื่นพลังสีดำที่ห่อหุ้มรอบตัว
หลังริชาร์ดพ่ายแพ้ เขาโซเซลุกขึ้นด้วยความเคียดแค้นก่อนระเบิดมวลสารสีเพลิงทมิฬออกมา โซฟีรีบต่อต้านกลับด้วยพลังที่ดูราวกับเป็นด้านตรงข้าม ด้วยมวลแสงสีขาวอมรุ้ง พลังทั้งสองเข้าปะทะกันทำให้เกิดลมแรงพัดพาผู้ไร้ที่ยึดเหนี่ยวปลิวไปทั่ว โซฟีและริชาร์ดเค้นพลังสู้กันซักพักก่อนโซฟีจะปลดปล่อยครั้งสุดท้าย และกระแทกริชาร์ดกระเด็นไปชนผาหินเบื้องหลังจนบาดเจ็บหนัก ก่อนดิลและทหารวินดอลจะรีบเข้ามาพาเขาหลบหนีไป
หลังการต่อสู้ เชเรียได้วิ่งเข้าดูอาการของทุกคน ซึ่งก็ไม่มีใครเป็นอะไรมาก ตอนนี้โซฟีนึกออกทั้งหมดแล้วถึงช่วงเวลาในสมัยก่อน ฮิวเบิร์ทที่เป็นเด็กขี้อายแต่ก็เป้นห่วงทุกคนเสมอ เชเรียที่ถึงจะร่างกายอ่อนแอแต่ก็ไม่ยอมแพ้และร่าเริงเสมอ รวมถึงอัสเบลที่ใจดี เข้มแข็ง และได้ปกป้องเธอ ตอนนี้เธอได้พบพวกเขาอีกครั้งแล้ว
ฮิวเบิร์ทได้รับรายงานจากทหารว่าทัพวินดอลได้ถอยร่นไปนอกเมืองแล้ว เขาจึงสั่งการให้รีบไปเสริมการป้องกันที่ด้านนั้นทันที อัสเบลมองไปที่เมืองบ้านเกิดที่มีกลุ่มควันและร่องรอยของการสู้รบมากมาย เขารู้สึกเสียใจที่สุดท้ายเขาก็ปกป้องมันไว้ไม่ได้ แต่โซฟีบอกว่าเขาได้ปกป้องเธอแล้ว เหมือนกับเมื่อสมัยก่อน ถึงเธอจะนึกออกเพียงเล็กน้อยแต่เธอก็ดีใจ แต่กระนั้นเธอก็รู้สึกไม่สบายใจที่สามารถจำเรื่องราวต่างๆจนถึงตอนนี้ได้
- หลังจบอีเวนท์ทั้งหมดแล้ว จะเหลืออัสเบลและโซฟี ให้เดินลงมาจะพบ Attachment すいか
- เดินไปยังทุ่งดอกไม้บนยอดเขา เจออีเวนท์อีกที แล้วให้กลับไปที่แลนท์
- ที่บ้านของอัสเบลชั้นสองห้องซ้าย มีซับอีเวนท์ 母への屈託
- ไปหาฮิวเบิร์ทที่ห้องเจ้าเมือง (ชั้น 1 ซ้ายมือ) และได้ไอเทม 大統領宛の親書
- ออกมาจากห้องและไปยังลานกว้างของเมือง โซฟี, ปาสคาล และมาริคจะกลับเข้ากลุ่ม
- ข้ามสะพานออกไปยังประตูตะวันตก และออกไปยังบ้านหลังเล็กทางตะวันตกของแลนท์
- สู้กับมอนสเตอร์ แล้วเชเรียจะกลับเข้ากลุ่ม
- กลับไปที่บ้านอัสเบล เข้าห้องแขก (ชั้น 1 ทางขวามือ)
- ย้อนออกไปทางตะวันตกอีกที เดินไปตามทางตะวันตกเรื่อยๆจนพบท่าเรือ
- คุยกับกะลาสี เพื่อไปยัง ストラタ (สตราต้า)
Story Synopsis
ภายในห้องทำงานของเจ้าเมือง นายทหารผู้ช่วยได้เข้ามาสรุปสถานการณ์โดยสรุปให้ฮิวเบิร์ทฟัง ซึ่งในตอนนี้วินดอลได้ปิดเส้นทางที่จะไปยังเกรลไซด์และบาโลเนียจาอเมืองแลนท์จนหมดแล้ว ซึ่งคงไม่น่าจะมีการบุกโจมตีมาอีกเร็วๆนี้ ขณะเดียวกัน เขาก็ยังได้ถามถึงเรื่องมวลแสงที่เกิดขึ้นระหว่างการโจมต่ี ซึ่งเขาเกรงว่าจะเป็นอาวุธชนิดใหม่หรือเปล่า แต่ฮิวเบิร์ทก็ตัดบทว่าเขาไม่สนใจในเรื่องนั้น
จากนั้นก็ยังมีคำถามถึงเรื่องของหินเคลียสซึ่งตามคำสั่งแล้วฮิวเบิร์ทจะต้องทำการค้นหาแต่ก็ไม่ได้ทำตาม ซึ่งเขาก็ให้คำตอบว่าจำนวนคนนั้นไม่พอ และจะให้บังคับชาวแลนท์ไปทำก็ไม่ได้เพราะว่าเขาไม่ได้มาในฐานะเจ้านาย แต่เป็นพรรคพวกเท่านั้น แต่อีกฝ่ายก็ประชดประชันว่าเป็นเพราะฮิวเบิร์ทมีใจให้กับเมืองแลนท์มากกว่าอาณาจักร เพราะสุดท้ายแล้วถึงฮิวเบิร์ทก็เป็นสายเลือดชาวแลนท์อยู่ดี ทำให้ฮิวเบิร์ทต้องหันไปบอกว่าเขาเป็นชาวสตราต้านับตั้งแต่เจ็ดปีก่อน แต่ประโยคหนึ่งที่เขาได้แค่คิดอยู่ในใจก็คือการที่เขาถูกทิ้งนั่นเอง
ที่ประตูหน้าชายแดนแลนท์กับเฟนเดล อัสเบ มาริค โซฟีและปาสคาลได้มาสำรวจความเคลื่อนไหวของเฟนเดล ซึ่งมีการรักษาความปลอดภัยที่ประตูอย่างหนาแน่น เเ นั่นเพราะควาทวุ่นวายที่พึ่งเกิดขึ้นที่แลนท์นั่นเอง มาริคได้ถามอัสเบลถึงสิ่งที่จะทำต่อไปเรื่องหนึ่งก็คือการทำให้ไม่มีไฟแห่งสงครามที่แลนท์อีก อีกเรื่องหนึ่งก็คือโซฟี ซึ่งครั้งนี้เขาจะปกป้องเธอเอาไว้ให้ได้ มาริคกับปาสคาลก็พร้อมจะให้การสนับสนุนเต็มที่
ตามคำขอของโซฟี อัสเบลได้พาเธอไปที่ทุ่งดอกไม้แห่งนั่น เธอรู้สึกสงสัยว่าหลังจากที่เธอเคยช่วยพวกเขาในตอนนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ก่อนที่เธอจะพบพวกเธอ เธอกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ อัสเบลได้บอกว่าไม่ว่าอดีตจะเกิดอะไรขึ้นก็สำคัญที่สำคัญคือ "ตอนนี้" ทำให้โซฟีสบายใจขึ้นมาได้บ้าง
กลับมาที่เมือง อัสเบลก็พบว่ามีทหารที่บาดเจ็บมากมายโดยที่เชเรียกำลังวิ่งวุ่นกับการรักษา บารี่นำผ้าพันแผลกับยามาให้เธอและเจอกับอัสเบลพอดี เพราะความขุ่นเคืองท่ี่อัสเบลไม่อยู่ที่เมืองในเวลาที่ควรอยู่ทำให้เขาไม่สนใจอัสเบล ทำให้อัสเบลรู้สึกผิดและพูดว่าถ้าเขาไม่อยู่แลนท์คงจำดูกว่า ทำให้เชเรียบอกว่าเขาจะจากไปอีกครั้ง รวมทั้งฮิวเบิร์ทที่ต้องไปจากเมืองเช่นกันเพราะมีคำสั่งเรียกตัวกลับไปสตราต้า เมื่อรู้ดังนั้น อัสเบลจึงรีบตามไปถามเจ้าตัวทันที ขณะที่เชเรียเมื่อคิดว่าจะต้องจากทุกคนอีกครั้งก็ทนไม่ได้และวิ่งตามไปทันที
อัสเบลได้ฟังจากปาสฮิวเบิร์ทว่าคำสั่งเรียกตัวเป้นความจริง ซึ่งเป็นเพราะเขาไม่ได้ทำตามคำสั่งที่ได้รับมาจากบื้องบน และเขาคงจะไม่ได้กลับมาที่แนท์อีก แต่อัสเบลรู้ว่าฮิวเบิร์ทเป็นคนที่สำคัญกับแลนทืในเวลานี้ จึงอยากให้เขาอยู่ที่นี่ต่อไป คนที่จะปกป้องอลนท์ไม่ใช่เขาแต่เป็นน้องชายของเขา ฮิวเบิร์ทถามกลับว่ายอมให้คนอื่นมายึดตำแหน่งเจ้าเมืองแบบนี้จะดีหรือ แค่อัสเบลก็ทำให้เขาต้องอึ้งเมื่อบอกว่าไม่ใช่คนอื่น เพราะว่าฮิวเบิร์ทเป็นคนสำคัญ
อัสเบลได้บอกว่าจะไปที่สตราต้า เพื่ออธิบายว่าฮิวเบิร์ทเป็นคนที่สำคัญต่อทั้งแลนท์และสตราต้า ถึงจะไม่สำเร็จแต่อย่างน้อยก็จะช่วงซื้อเวลาให้ฮิวเบิร์ทสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ เมื่อได้ฟังดังนั้น ฮิวเบิร์ทจึงเขียนสารแนะนำตัวให้กับอัสเบล และยังเตือนให้ระวังสกุลออสเวลเอาไว้ เพราะเจ้าบ้านออสเวล พ่อบุญธรรมของเขาต้องการขยายขอบเขตอำนาจออกมานอกสตราต้า ซึ่งการเข้าควบคุมแลนท์นั้นก็เป็นความคิดของเขาผู้นั้นเช่นกัน
หลังจากที่อัสเบลออกไปจากห้อง ทหารผู้ช่วยผมส้มของฮิวเบิร์ทก็เข้ามา เขาผู้นี้จริงๆแล้วคือพี่ชายในสกุลออสเวล์ของฮิวเบิร์ทชื่อเรมอน เขาได้รับรู้เรื่องที่ฮิวเบิร์ทส่งอัสเบลไปสตราต้าเพื่อเปลี่ยนแปลงคำสั่งเรียกตัวกลับ และหากไม่สำเร็จ เขาและผู้ติดตามทั้งหมดก็ต้องตามกลับไปด้วย ทำให้อีกเรมอนรู้สึกว่านั่นเพราะฮิวเบิร์ทรู้สึกว่าตัวเขาไม่สามารถดูแลเมืองแลนท์แทนได้ แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากฮิวเบิร์ท ซ้ำยังบอกว่าเขาทำไปไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของสกุลออสเวล แต่เพื่ออาณาจักรสตราต้า
ฮิวเบิร์ทเดินออกไปจากห้องโดยไม่ทันเห็นเชเรียที่แอบฟังการสนทนาทั้งหมด เธอลองเดินเข้าไปใกล้ๆประตูอีกครั้งและได้ยินเสียงเรมอนโวยวายที่พลาดหวังเรื่องจะได้อำนาจควบคุมแลนท์อยู่ในมือแต่ก็โดนขัดขวางเสียก่อน เขาจึงคิดจะหาทางแย่งสารของฮิวเบิร์ทด้วยทางใดทางหนึ่ง ขณะที่เชเรียกำลังจะรีบกลับไปบอกอัสเบลถึงเรื่องนี้เธอก็ถูกทหารพบตัวเข้า ทำให้เรมอนรู้ว่าเธอได้ยินเรื่องที่เขาพูดทั้งหมด เรมอนรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เ)็นครู้จักของฮิวเบิร์ท ทำให้เขาได้ความคิดที่จะทำให้แผนการของเขาสำเร็จ
อัสเบลมารวมกลุ่มกับคนอื่นๆและขอให้พวกเขาไปสตราต้าด้วยกัน ซึ่งทุกคนก็พร้อมจะให้ความร่วมมือ แต่ก็ไม่มีใครเห็นเชเรียเลย ตอนนั้นเรมอนก็เข้ามาหาและบอกว่าเขาได้ควบคุมตัวเธอไว้ในข้อหาแอบฟังความลับทางการทหาร และหากอยากได้ตัวเธอกลับไปก็ต้องส่งสารของฮิวเบิร์ทมาให้เท่านั้น มิฉะนั้นก็คงมีอาหารมื้อใหญ่ให้กับเหล่าปีศาจแน่นอน
โึชคดีที่ฮิวเบิรืทได้ยินเรื่องราวทั้งหมดด้วย เขาจึงบังคับให้เรมอนส่งตัวเชเรียคืนมา เพราะนอกจากเรื่องการกระทำที่ไม่เหมาะสมแล้วยังมีข้อหาพยายามแย่งชิงเอกสารของนายทหารชั้นสูงกว่าเช่นเขาอีก เมื่อหมดหนทางจะหนีได้ เรมอนจึงชักดาบสั้นออกมาแทงตัวเพื่อฆ่าตัวตายหนีความอับอาย ฮิวเบิร์ทบอกว่าเขาจะจัดการเรื่องทางนี้เอง แล้วให้ทุกคนไปตามหาเชเรีย
ในบ้านหลังหนึ่ง เชเรียซึ่งถูกมัดไขว้หลังสามารถคลายปมเชือกออกมาได้ เธอพยายามขอให้เปิดประตู แต่ภายนอกก็เต็มไปด้วยเสียงของเหล่ามอนสเตอร์ ตอนนั้นพวกอัสเบลก็ตามมาช่วยเธอไว้ได้ทันพอดี ซึ่งเขาได้ระเบิดความโกรธที่เธอทำเรื่องอันตรายลงไป ซึ่งหากเขามาไม่ทันก็คงตายไปแล้ว ทำให้ทั้งสองคนทะเลาะกันยกใหญ่ ซึ่งเชเรียทำไปทั้งหมดก็เพราะเป็นห่วงเขา และบอกทั้งน้ำตาว่าทั้งหมดเป็นความผิดของอัสเบลที่จู่ๆก็หายตัวไป แะไม่กับมาเลยนานปลายปีทั้งๆที่เธอรออยู่ตลอดเวลา ถึงจะอยากไปพบแต่ก็ไม่อยากจะไปสร้างปัญหาให้เขา อัสเบลได้ขอโทษและบอกว่าเขาหวังว่าอยากจะเป็นอัศวินเสียก่อนจึงจะกลับไปอีกครั้ง ปาสคาลแซวทั้งสองคนทำให้เธอวีนแตกและสวนกลับไปหยุด จนอัสเบลอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เพราะเขารู้แล้วว่าเชเรียไม่ได้เปลี่ยนไปเลย และเขาก้ดีใจที่เธอปลอดภัย สุดท้ายทั้งสองจึงสามารถคืนดีกันได้ พร้อมความสัมพันธ์ที่ก้าวขึ้นไปอีกขั้น
เมื่อกลับมาที่เมือง ฮิวเบิร์ทรู้สึกโล่งอกที่เชเรียไม่เป็นอะไร ซึ่งเธอก็ดูจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นแล้ว อีกทั้งยังเข้าไปรักษาเรมอนที่เป็นตัวการด้วย และบอกให้ลืมเรื่องเหล่านั้นไปซะ ทำให้เขาซาบซึ้งใจจนพูดอะไรไม่ออก
หลังจากนั้นทุกคนก็พร้อมจะออกเดินทางไปสตราต้า ฮิวเบิร์ทได้มอบเครื่องรางให้อันหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้บอกว่าข้างในนั้นใส่อะไรเอาไว้ ระหว่างเดินทางมาริกนึกขึ้นไปว่าอัสเบลเคยพูดถึงน้อยชายเสมอๆ ทั้งกังวลว่าจะเหงาหรือเปล่า จะโดนแกล้งหรือเปล่า และยังเคยส่งจดหมายไปด้วยแต่ก็ไม่มีอะไรส่งกลับมาเลย แต่เชเรียก็มั่นใจว่าความรู้สึกของอัสเบลจะต้องส่งไปถึงฮิวเบิร์ทแน่นอน ระหว่างที่อยู่บนเรือ ฮัสเบลได้คือที่คั่นหนังสือที่ทำจากดอกคุโรโซฟีให้กับเชเรีย ซึ่งทำจากดอกไม้ที่เธอได้จากเขาในสมัยเด็กและเป็นสิ่งสำคัญต่อเธอมาก เพราะทุกๆคนจากไปกันหมดแล้ว นี่จึงเป็นสิ่งเดียวที่ไว้นึกถึงความทรงจำเหล่านั้นได้ และฌะอก็ไม่เคยคิดว่าจะได้มาอยู่ร่วมกันอีก
ขณะเดียวกัน ที่บัลลังก์ของบาโรเนีย ริชารืดซึ่งน่าจะบาดเจ็บอยู่กลับมานั่งที่บัลลังก์โดยไม่สนความเป็นห่วงของดิล บอกว่าเขาไม่เหมือนคนธรรมดา ดิลได้เห็นไอดำหมุนวนอยู่รอบๆตัวของริชาร์ด เขาบอกว่าตัวเองเป็นราชาแห่งวินดอล ราชาต้องแข็งแกร่งมากขึ้้นอีก และนึกขึ้นได้ว่าวินดอลยังมีพลังอำนาจที่สุดยอดอยู่ รวมถึงที่อื่นๆ รวมทั้งผื้นโลกนี้ด้วย
オル・レイユ (ออลเรยู)
Discovery: 真実の岩 (ใกล้ๆทางออก)
Items: 魔法カルタNo.32 (หีบใกล้ๆคาเมะนิน), アマリリスの種 (จุดแสงบนเนิน), 間食の魔導書 (หีบข้างๆโรงแรม ใส่รหัส カメニン)
ストラタ岩石砂漠 (ทะเลทรายหินสตราต้า)
Discovery: ストラタサボテン(กระบองเพชร)
Items: 羽ばたける結晶, 魔法カルタNo.08 (แรนด้อมจากจุดเก็บของ)
- เมื่อเตรียมตัวเสร็จแล้วก็ออกไปทางใต้ (ศัตรูช่วงนี้จะเก่งขึ้นมาอีกระดับ) เดินไปตามทางจนถึงจุดแยกซ้ายขวา
- หากใครอยากสดและเซฟที่จุดเซฟมาแล้ว ให้เดินไปทางขวา เพื่อเจอกับนรก แต่หากเก่งจัดก็จะเป็นจุดเก็บเลเวลและเศษหินชั้นยอด และหากถ่อไปจนถึงทางเข้าซากโบราณได้ก็จะมีสกิทพิเศษ(จำกัดช่วงเวลา)
- แต่หากไม่ ก็เดินไปทางซ้ายตามเรื่องราว และจะพบเมือง
セイブル・イゾレ (เซเบิล อิโซเร)
Discovery: お硬い本 (หนังสือเล่มยักษ์ในช่องหน้าทางเข้าศูนย์วิจัย),睡魔球 (ในศูนย์วิจัย)
Items: 小食の魔導書 (หีบบนขอบผาฝั่งซ้ายของเมือง ใส่รหัส ロックガガン), 魔法カルタNo.16&19 (จากเด็กหญิงหน้าศํูนย์วิจัฝั่งซ้าย), 魔法カルタNo.33 (หีบที่อยู่บนทางเดินเล็กด้านล่างของบ้านหลังสีแดง)
- ที่โซนร้านค้าจะมีซับอีเวนท์เล่น 魔法カルタ
- ข้ามสะพานไปฝั่งซ้ายและจะเจออีเวนท์ที่หน้าศูนย์วิจัย
- ในศูนย์วิจัย จะมีอีเวนท์ที่ปาสคาลจะได้ฉายา アクアサマナ ซึ่งมีท่าฮิโอกิที่สองด้วย
- เดินไปทางตะวันตกของเมืองแล้วออกไปทางประตูตะวันตกเฉียงใต้
ストラタ大砂漠・東 (ทะเลทรายผืนใหญ่แห่งสตราต้า ฝั่งดะวันออก)
Discovery: デザートバナナ (ต้นกล้วย แต่ต้องผ่านร็อกกากันไปก่อน)
Items: 魔法カルタNo.09 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ), 燃え盛る結晶 (ต้องผ่านร็อกกากันไปก่อน)
- เดินไปตามทางจนเจอบ้านที่มีคาเมะนินอยู่ข้างนอก แล้วไปต่อทางซ่้าย จะพบอีเวนท์กับร็อกกากัน
ロックガガン体内 (ในร่างของร็อกกากัน)
Discovery: 金色の微笑み (ทางตะวันตกจากจุดที่สู้กับแมลงป่องตัวแรก), 最大最硬単細胞 (ลูกกลมๆทางตะวันออกเฉียงเหนือสุด)
Items: 牙剥きし結晶, 先制の魔導書 (หีบบนเกาะเล็กๆ ซึ่งต้องฆ่าแมงป่องทั้งห้าตัวก่อน)
- เมื่อเข้ามาแล้วให้เดินขึ้นเหนือ ซึ่งจะต้องสู้กับ メールパラサイト
- กระโดดข้ามไปยังบ้านหลังๆเล็กๆที่เห้นในอีเวนท์ แล้วเข้าไปในนั้น จะได้ ロックガガンの笛
- ภายในนี้นั้นจะต้องฆ่า メールパラサイト อีกสี่ตัว ซึ่งพวกมันจะยืนอยู่บนแท่นแบบเดียวกับตัวแรก กระจายๆกันไปทั่วแมพ
- ในบางจุดนั้นตอนแรกๆจะเดินไปไม่ได้ แต่จะมีพื้นโผล่ขึ้นมาเมื่อเดินไปตามที่ต่างๆ ซึ่งหากหาทางไปต่อไม่เจอก็ให้ลองเดินไปดูตามทางที่เคยผ่านมาแล้ว จะมีทางใหม่ๆให้เดินเพิ่มขึ้น
- ฝั่งซ้ายของจุดเซฟด้านบนสุด จะเป็นทางไปสู้กับบอส แต่ถ้ายังฆ่า メールパラサイト ไม่ครบ ทางไปต่อก็จะยังไม่โผล่
- เข้าไปด้านในสุดเพื่อสู้กับบอส ペールパラサイトในตอนแรกนั้นจะสู้ไม่ยาก แต่พอมันตาย/ใกล้ตาย มันจะแตกตัวออกเป็น パラサイト ห้าตัว ซึ่งแต่ละตัวก็พลังไม่เบา และเน้นโจมตีด้วยเวทย์เป็นหลัก
- เมื่อปราบได้แล้วก็จะออกมาข้างนอก ให้เดินต่อไปเรื่อยๆจนถึงเมือง ユ・リベルテ
ที่เมืองออลเรยู กะลาสีคนหนึ่งบอกพวกเขาว่าช่วงนี้ "ร็อกกากัน" กำลังอาละวาดอยู่ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปเมืองหลวงได้ มาริกบอกว่ามันเป็นสัตว์ขนาดยักษ์ที่มีนิสัยขี้อายและไม่ชอบสุงสิงกับมนุษย์นัก ซึ่งก็น่าแปลกที่มันจะทำอะไรแบบตอนนี้ กะลาสียังบอกอีกว่าที่เมืองเซเบิลอิโซเรก็ได้ห้ามให้ชาวเมืองเดินทางออกไปยังด้านนั้นแล้วเพราะอาจมีอันตรายได้ อัสเบลแปลกใจที่มาริครู้เรื่องของสัตว์ของสตราต้าด้วย ซึ่งเขาก็บอกว่าก่อนจะมาที่วินดอลเขาก็เคยอยู่ที่สตราต้ามาก่อนด้วย
เมื่อเดินผ่านทะเลทรายมาจนถึงเมืองเซเบิลอิโซเร ชาวเมืองกำลังประท้วงทหารถึงเรื่องที่จะฆ่าร็อกกากันซึ่งมีชีวิตอยู่มายาวนาน รวมถึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีค่าแก่การศึกษา ถึงทหารจะบอกว่าเป็นการตัดสินใจของหัวหน้าก็ช่วยอะไรไม่ได้ ชายคนหนึ่งเข้ามาคุยกับพวกอัสเบลว่าในเมืองก็มีทั้งคนที่กำลังเดือดร้อนเพราะร็อกกากัน และคนที่อยากปกป้องมัน ทำให้เป็นเรื่องยุ่งยาก ขณะที่พวกอัสเบลก็ไปที่เมืองหลวงของสตราต้าไม่ได้เช่นกันหากสถานการณ์ยังไม่สงบ เขาจึงถามความเห็นจากคนอื่นๆดู ซึ่งทุกคนก็คิดว่าหากไปเจอมันเข้าก็แค่วิ่งหนีก็ได้
เมื่อเดินออกจากเมืองไประยะหนึ่ง ทุกคนก็รู้สึกว่าพื้นดินสั่นสะเทือน เม็ดทรายปลิวว่อนด้วยลมแรง เชเรียเรียกให้ทุกคนดูข้างหน้าซึ่งมีมือของสิ่งมีชีวิตขนาดยักไต่ขึ้นมาตามเนินซึ่งอยู่ไกลออกไ นั่นคือสัตว์ยักษ์ซึ่งมีขนสีน้ำตาล "ร็อกกากัน" นั่นเอง เมื่อมันเข้ามาใกล้และได้เห็นว่าแค่เขี้ยวก็มีขนาดใหญพอๆกับตัวคนแล้วก็สายเกินไป มันอ้าปากกว้างและกลืนกินทุกคนไปหมด
เมื่อรู้สึกตัวอีกทีทุกคนอยู่ในที่ๆแปลกประหลาดที่มีอะไรมากมายลอยอยู่เต็มไปหมด และก็คิดได้ไม่ยากว่าที่นี่คือภายในท้องของร็อกกากันนั่นเอง ทำให้เชเรียเริ่มสติแตกเมื่อเห็นว่ารอบๆนั้นเต็มไปด้วยเมือกๆเหนียวๆหนืดๆ ซึ่งคงจะเป็นน้ำย่อยของมัน ทุกคนจึงต้องรีบหาทางออกก่อนที่จะโดนย่อยกันหมด พวกเขาได้เจอแม้กระทั่งบ้านหลังเล็กๆซึ่งก็คงถูกกลืนมาเช่นกัน ภายในนั้นมีบันทึกของผู้ที่เคยอยู่ภายในนี้มาก่อน บอกว่าภายในนี้มีแมลงป่องตัวสีม่วงที่สร้างความทรมานให้ร็อกกากันอยู่ เขาได้ขอให้ผู้ที่พบบันทึกนี้ช่วยเหลือร็อกกากันด้วย
หลังจัดการปีศาจเหล่านั้นได้หมดก็นับว่าหมดเรื่อง แต่ก็ต้องหาทางออกจากที่นี่ อัสเบลพบว่าเครื่องรางที่ฮิวเบิร์ทให้มานั้นแตกแล้ว ข้างในนั้นเป็นพริกไทยนั่นเอง ผงพริกไทยลอยฟุ้งไปทั่วและทำให้ร็อกกันจามเอาพวกเขาทุกคนออกมา ซึ่งทุกคนก็แปลกใจว่าที่ฮิวเบิร์ทเอาพริกไทยใส่มานั้นเพราะอะไร จะว่าเพราะรู้ว่าจะเจอกับร็อกกากันก็ไม่ใช่ ตอนนี้ดูเหมือนว่าร็อกกากันจะสงบแล้ว ชายคนที่เจอที่เมืองก็เข้ามาขอบคุณทุกคน และถามไปว่าทำอย่างไรถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ เมื่ออัสเบลเล่าเรื่องให้ฟังและยืนเครื่องรางที่มีพริกไทยให้ดู เขาก็บอกว่านั่นเป็นเครื่องรางเคลียส และทำให้ฮิสเบลนึกได้ว่านี่เป็นของที่เขาเคยให้ฮิวเบิร์ทไปนั่นเอง จริงๆแล้วจะต้องใช้ผงทรายเคลียสทำ แต่เพราะหาไม่ได้เขาเลยใส่พริกไทยลงไปแทน ซึ่งก็ไม่นึกว่าฮิวเบิร์ทจะยังคงเก็บมันไว้ แต่ไม่จะอย่างไรก็นับว่าพวกอัสเบลได้ช่วยเหลือพวกเขาไว้ และเขาก็เดินลาจากไปพร้อมกับความสงสัยของมาริค ที่รู้สึกว่าเขาคนนั้นมีรัศมีที่ดูไม่เหมือนกันคนธรรมดา
ユ・リベルテ (ยู ริเบลเด)
Discovery: 快適deスノーマン (ตุ๊กตาหิมะในโรงแรม), 大噴水 (หน้าพุหน้าทางเข้าที่ว่าการเมือง)
Items: 水中メガネ (จุดแสงในบ้านออสเวล)
- ภายในเมืองจะแบ่งเป้นโซนร้านค้า, โซนที่อยู่อาศัย และที่ว่าการเมือง ตามลำดับ
- เข้าไปยังด้านในสุดซึ่งจะเป็นที่ว่าการเมืองยู ริเวลเด เมื่อคุยกับทหารหน้าประตูข้างใน อัสเบลจะต้องเข้าห้องไปคนเดียว จะพบประธานาธิบดี ดาวิด
- กลับออกมารวมกลุ่มข้างนอกแล้ว ย้อนไปยังเขตที่อยู่อาศัย คุยกับคนสองคนที่คุยกันอยู่
- ย้อนไปที่เขตร้านค้า คุยกับคนอีกคู่หนึ่งที่กำลังคุยกัน
- กลับไปที่โซนที่ว่าการ จะเจออีกคู่หนึ่ง
- ไปทางประตูตะวันตก แล้วจะเจออีเวนท์ จากนั้นจะมีอีเวนท์ในโรงแรมอีก
- เมื่อเหลืออัสเบลคนเดียว ให้กลับไปหาประธานาธิบดีอีกที จะได้ไอเทม 身分証
- ออกไปทางประตูตะวันตก เมื่อมุ่งหน้าสู่ด่านต่อไป
Story Synopsis
พวกอัสเบลเดินทางมาถึงเมืองหลวงของสตราต้า "ยู ริเบลเด" ซึ่งเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ทั้งที่อยู่กลางทะเลทราย ด้วยพลังของบัลกิเนสเคียร์ "ดีบบลูมัล" คู่บ้านคู่เมือง และไม่รอช้าที่จะไปยังที่ว่าการเมืองทันที ซึ่งสตราต้านั้นแตกต่างจากวินเดบลที่ปกครองด้วยระบบกษัตริย์ ที่นี่นั้นมีผู้ถือครองอำนาจสูงสุดก็คือประธานาธิบดี ซึ่งอัสเบลต้องการจะไปพบคนผู้นั้น เขาได้ยื่นหนังสือแนะนำตัวฮิวเบิร์ทให้ทหารหน่้าห้องประธานาธิบดีดู ซึ่งทีแรกก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เข้าไปพบทั้งที่มาแบบกระทันหัน แต่ทหารยามก็ออกมาบอกว่าสามารถเข้าไปได้ แต่เฉพาะอัสเบลเท่านั้น
เขาเข้าไปในห้องซึ่งประธานาธิบดีแห่งสตราต้ายืนหันหลังให้อยู่ และเมื่อหันมาก็ทำให้อัสเบลค้องแปลกใจ เมื่อรู้ว่าประธานาธิบดี "ดาวิด พาโรดี้" ก็คือชายวัยกลางคนที่พวกเขาพบที่เมืองเซเบล อิโซเร กับหลังจากออกมาจากท้องของร็อกกากันนั่นเอง ซึ่งท่านก็ได้บอกว่าตอนนั้นใส่ชุดพื้นๆโทรมๆ ถึงจะบอกไปก็คงไม่เชื่ออะไร นอกจากนั้นชายสวมแว่นอีกคนหนึ่งก็ได้เดินเข้ามา และดาวิดได้แนะนำว่านี่คือพ่อบุญธรรมของฮิวเบิร์ท "การีด ออสเวล" จากนั้นอัสเบลก็ได้ขอให้ดาวิดทบทวนคำสั่งตัวฮิวเบิร์ทกลับเมืองหลวง ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเป็นคนสำคัญทั้งสำหรับสตราต้าและแลนท์ ซึ่งถึงจะขัดคำสั่งไปก็จริง แต่หากมองในภาพรวมแล้วก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
ดาวิดได้บอกว่าเรื่องราวมันผิดไปจากที่เขาได้ยินต่จากการีด ซึ่งคำสั่งเรียกตัวนั้นเพราะว่าเขาต้องการสนทนาเรื่องที่ยุ่งยากกับฮิวเบิร์ืท เรื่องหนึ่งก็คือการค้นหาและค้นคว้าหินเคลียส เขาได้หันไปตำหนิการีดที่ออกคำสั่งให้ยกทัพไปที่เมืองแลนท์โดยไม่ขอไม่ได้รับคำอนุญาต ทั้งยังปิดเป็นความลับอีก ซึ่งทั้งหมดนั้นอาจนับเป็นข้อหาหนักถึงขั้นกบฏเลยทีเดียว และยังสำทับไปอีกว่าใครคือผู้มีอำนาจสูงสุดในสตราต้า และตั้งแต่เมื่อไหร่ที่การีดมานั่งแทนที่เขาได้
การีดพยายามแก้ตัว แต่ก็โดนกระทุ้งต่อด้วยข้อหาแอบทำสนธิสัญญาแบบลับๆกับเซลดิก และเมื่อรวมเรื่องออกคำสั่งกองทหารโดยไม่อนุญาต ดาวิดจึงอยากให้เขาวางมือจากเรื่องนี้ซะ การีดไม่พอใจเพราะว่าเข้าไปทุ่มเทไปมากมายเพื่อให้ได้อำนาจในการครองแลนท์มาอยู่ในมือ แต่ก็ไม่อาจโต้แย้งอะไรได้ จึงต้องเขม่นอัสเบลและออกไปโดยดุสดี
จากนั้นดาวิดก็กลับมาพูดถึงเรื่องฮิวเบิร์ทที่เขาก็พอจะได้ยินมาบ้างว่ามีความสามารถเป็นเช่นไร แต่เพราะฮิวเบิร์ทยังไม่มีความคืบหน้าในการหาหินเคลียส เขาจึงทำอะไรเพื่อยกเลิกคำสั่งนั้นไม่ได้ อัสเบลจึงขอว่าถ้าหากสามารถแก้ปัญหาเรื่องหินเคลียสได้ ฮิวเบิร์ทก็ไม่ต้องถูกเรียกตัวกลับ ซึ่งดาวิดลองให้อัสเบลไปคิดหาวิธีดู
อัสเบลได้มาปรึกษากับคนอื่นๆ และบอกว่าที่สตราต้าไปวางกองกำลังไว้ที่เมืองแลนท์ก็เพราะเพื่อหาทางให้ได้มาซึ่งหินเคลียสของวินดอล แต่ปาสคาลก็สงสัยว่าทำไมสตราต้าถึงต้องการหินเคลียสของวินดอลในเมืองสตราต้าก็มีหินบัลกิเนสเคลียสอยู่แล้ว และจากการสอบถามชาวเมืองดูจึงได้รู้ว่าระยะหลังๆสภาพภายในเมืองเหมือนกับจะร้อนขึ้น และพวกเขายังได้ช่วยนักวิจัยที่โดนนักเลงขู่ให้บอกเรื่องบัลกิเนสเคลียสที่ดูเหมือนจะมีการทดลองอะไรอยู่
ภายในโรงแรม อัสเบลสรุปได้ว่าบัลกิเนสเคลียสต้องเกิดสภาพผิดปกติอะไรซักอย่าง สตราต้าจึงต้องหาหินเคลียสมาเพิ่มเติม แต่เพราะยังไม่รู้สถานที่ตั้งแน่นอนจึงทำอะไรไม่ได้ แล้วปาสคาลก็ส่งภาพวาดโครงสร้างและองค์ประกอบของบัลกิเนสเคลียสที่เธอวาดขึ้นให้ทุกคนดู ทำให้ทุกคนประหลาดใจที่เธอรู้เรื่องนี้ด้วย อัสเบลจึงตัดสินใจนำภาพนี้ไปให้ดาวิดดู
เมื่อดาวิดได้ดูภาพและได้ทราบเรื่องของปาสคาลก็ยอมรับว่าบัลกิเนสเคลียสของเมืองเกิดอาการผิดปกติจริง ซึ่งนักวิจัยของอาณาจักรก็กำลังตรวจสอบอยู่ ขณะที่อีกกลุ่มนึงก็กำลังค้นหาชนเผ่าอันมัลเทีย ซึ่งเป็นเผ่าลึกลับซึ่งดูเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกับบัลกิเนสเคลียส แต่ก็ยังหาไม่เจอ แต่พวกอัสเบลมีผู้มีความรู้ในด้านนี้ จึงได้รับอนุญาตให้ไปตรวจสอบได้ และหากสามารถแก้ไขปัญหาได้ คำสั่งเรียกตัวของฮิวเบิร์ทก็จะถูกยกเลิก
ストラタ大砂漠・西 (ทะเลทรายผืนใหญ่แห่งสตราต้า ทิศตะวันตก)
Discovery: 砂人 (รูปปั้นทรายรูปคน ใกล้ๆกับคาเมะนิน)
Items: 吹き荒ぶ結晶, 魔法カルタNo.10 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
ストラタ砂漠遺跡 (ซากโบราณสถานบนทะเลทรายสตราต้า)
Discovery: 古代の残り火 (คบเพลิงที่เรียงกันเป็นทางด้านใน), 大蒼海石 (ศิลายักษ์ บัลกิเนสเคลียส ด้านในสุด)
Items: 霊憑きし結晶, 倍増の魔導書
- ออกจากเมืองแล้วเดินไปตามทางเรื่อยๆจนถึงซากโบราณสถาน ยืดอกพกบัตรแล้วเข้าไปต่อไป
- มีบางจุดที่ต้องแก้ปริศนาพื้นสี ซึ่งถ้าเหยียบสีหนึ่ง บล็อกสีเดียวกันก็จะดันขึ้นมา แต่บล็อกอีกสีก็จะยุบลงไปเช่นกัน ถ้าสามารถทำทางไปถึงอีกฝั่งได้ก็เคลียร์ สำหรับ Ver. PS3 นั้นมีจำกัดจำนวนก้าวเดินด้วย
- โซนด้านในเกือบสุด จะเห็นบันไดยาวที่อ้อมมาถึงหีบใบหนึ่ง แต่ยังเข้าไม่ได้ ให้กลับมาสำรวจอีกทีตอนผ่านอีเวนท์ทั้งหมดแล้ว
- เข้าไปถึงด้านในจะพบบัลกิเนสเคลียส "ดิวบลูมัล" และสู้กับบอส ディス・パテル สองตัว หากฆ่าได้ในหนึ่งนาทีจะได้โทรฟี่ ディス・パテル1分撃破! ด้วย อนึ่ง ทั้งสองตัวสามารถเปิดบาเรียอมตะได้ ดังนั้นก่อนสู้ก็เอาอัสเบล, เชเรีย หรือโซฟีเข้ากลุ่มตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปซะดีๆ มิฉะนั้นจะทำลายบาเรียไม่ลง
- หลังจากจบอีเวนท์แล้วก็กลับเมืองยู ริเบลเดทันที
- ตรงดิ่งไปหาประธานาธิบดีดาวิด และฮิวเบิร์ทจะเข้าร่วมกลุ่มด้วย
- ออกไปยังประตูทิศเหนือ (ฝั่งขวาของที่ว่าการเมือง)
Story Synopsis
ณ ซากโบราณสถานกลางทะเลทรายสตราต้าซึ่งเป็นที่ตั้งของ "ดิวบลูมัล" บัลกิเนสเคลียสสีน้ำทะเลแห่งสตราต้้า ปาสคาลได้เข้าไปตรวจสอบตรงนั้นตรงนี้และพึมพำอยู่คนเดียว เธอควักสว่านออกมาและเริ่มเจาะโดยไม่สนใจใคร และปิดท้ายด้วยค้อนทุบ เพียงเท่านั้น ภายในหินศิลายักษ์ก็ราวกับจะดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา แต่ไม่ทันจะชืนชม เสียงตะโกนว่าศัตรูของเหล่าทหารก็ดังขึ้นพร้อมการระเบิด สัตว์ร่างคล้ายมังกรสามตัวบินฝ่ายกลุ่มควันเข้ามา ผู้ที่ยืนอยู่บนหลังพวกมันตัวหนึ่งก็คือราชาทมิฬแห่งวินดอล ริชาร์ด
อัสเบลพยายามจะพูดคุยด้วย แต่ก็โดนโจมตีใส่จนแทบหลบไม่ทัน โซฟีเข้าไปขวางเอาไว้ แต่ไม่เหมือนครั้งที่แล้วที่เธอต้องปกป้องอัสเบล ครั้งนี้เธอไม่อาจลงมือโจมตีริชาร์ดได้ ผิดกับอีกฝ่ายที่มองโซฟีด้วยสายตาเกลียดชัง เขาให้มังกรอีกสองตัวเข้ามาโจมตีใส่ และเมื่อจัดการพวกมันลงได้ กว่าจะรู้ตัว ริชาร์ดก็ไปอยู่เหนือบัลกิเนสเคลียสแล้ว มือของเขายื่นไปยังส่วนปลายของหินศิลา พร้อมๆกับสายเอเรสที่ค่อยๆไหลเข้าสู่มือข้างนั้น เหล่านักวิจัยรีบตรวจสอบสภาพของหิน และพบว่าระดับพลังงานเอเรสในหินนั้นค่อยๆลงลงจนหมดในที่สุด จากหินสีฟ้าน้ำทะเลโปร่งใสกลับกลายเป็นสีเทาทึบเหมือนกับหินธรรมดา
ริชาร์ดหันมามองโซฟีและบอกว่าเขาเกลียดชังที่ได้เห็นหน้าของเธอ เขาจะไม่ถูกเธอกำราบเหมือนที่เคยเป็นมาอีก และให้เธอเตรียมใจเอาให้ดี โซฟีเรียกให้เขาหยุดแต่ก็ต้องทรุดลง พูดกับตัวเองว่าทำไม่ได้ ริชาร์ดเป็นเพื่อน และทุกคนจะเสียใจ ซักครู่หนึ่งเธอก็ผ่อนคลายลง หันมาบอกอัสเบลว่าหากปล่อยไว้แบบนี้ก็คงปล่อยริชาร์ดเอาไว้ไม่ได้ แต่ริชาร์ดเป็นเพื่อน การสู้กับเพื่อนคงเป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกับอัสเบลซึ่งรู้สึกเช่นเดียวกัน หากจะต้องสู้กันจริงๆ เขาก็ต้องถามถึงสาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้ก่อน
ปาสคาลตรวจสอบบัลกิเนสเคลียสอีกที และก็ยอมยกธงขาว ในสภาพนี้แม้แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้้ ทำคนจึงกลับไปที่ยู ริเวลเด เพื่อรายงานให้ดาวิดรู้ ซึ่งฮิวเบิร์ทก็อยู่ที่นั่นด้วย ดาวิดได้บอกว่าทหารวินดอลได้กลับไปตั้มั่นที่บาโรเนียแล้วด้วยสาเหตุอันแปลกประหลาด อัสเบลได้รายงานว่าริชาร์ดได้บุกไปยังที่นั่น แต่ก่อนจะพูดจบ ฮิวเบืร์ทก็แทรกว่าริชาร์ดคงจะดูดพลังงานจากหินไปจนหมด ซึ่งที่เขาและดาวิดรู้นั่นก็เพราะนี่เป็นเหตุผลเดียวกับที่ทหารวินดอลกลับเมือง บัลกิเนสเคียสของวินดอลก็ถูกสูบพลังงานไปจนหมดเช่นกันทำให้เกิดความวุ่นวายในเมืองหลวงเป็นอย่างมาก
ดาวิดถามถึงสาเหตุที่ริชาร์ดจะทำอะไรเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีใครนึกออก แต่เพราะบัลกิเนสเคลียสทั้งสองถูกดูดพลังงานไปแล้ว อีกหนึ่งที่เหลือที่อาณาจักรเฟนเดลก็คงจะไม่พ้นเป็นเป้าหมายต่อไปเช่นกัน ดาวิดจึงขอให้พวกอัสเบลไปที่นั่นเพื่อขัดขวางริชาร์ด โดยที่สตราต้าจะช่วยสนับสนุนเอง และเขาได้สั่งให้ฮิวเบิร์ทไปกับอัสเบลด้วย โดยที่เขาจะให้ผู้ช่วยของฮิวเบิร์ทช่วยดูแลเมืองแลนท์แทนไปก่อน
ระหว่างนั้นกลางทะเลทรายอันแห้งแล้ง มังกรที่ริชาร์ดขี่มากำลังบินวนอยู่รอบๆเจ้าของผู้ทรุดตัวอยู่เบื้องล่าง เขาพูดกับตัวเองว่าพลังยังไม่พออีกหรือ และถามว่า "แก" เป็นอะไรกันแน่ และหากเป็นแบบนี้ต่อไป ทั้งโซฟีทั้งอัสเบลก็คงจะต้อง...
"ไม่ใช่... พวกเขาไม่ได้หักหลัง... พวกเขาคือเพื่อนของฉัน" ริชาร์ดพูดด้วยสีหน้าที่โศกเศร้า ก่อนจะโอดครวญออกมาความเจ็บปวด
ストラタ大砂漠・北 (ทะเลทรายผืนใหญ่แห่งสตราต้า ทิศเหนือ)
Discovery: カラ井戸 (บ่อน้ำทางเหนือ) และเมื่อสำรสจแล้วจะมีสกิท ซึ่งอัสเบลต้องดวลเดี่ยวกับฮิวเบิร์ท แพ้ก็ไม่เป็นอะไร และสามารถลองใหม่ได้
Items: 魔法カルタNo.11 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
- เดินไปตามทาง จะเข้าสู่ท่าเรือทางเหนือของยู ริเวลเด จับเรือไปยังสถานที่ต่อไป
闘技島 (เกาะลานประลอง ไลออทพึต)
Discovery: 戦士の記録 (ใกล้ๆแมว)
Items: 魔法カルタNo.35 (หีบข้างๆโรงแรม), 代謝の魔導書 (ข้างๆโต้ะเจ้าหน้าที่ด้านใน ใส่รหัส ライオットピーク)
- มาถึงแล้วจะเจออีเวนท์ทันที เสร็จแล้วให้เตรียมตัวให้พร้อม
- ขึ้นบันไดไปคุยกับเจ้าหน้าที่ และ 4 คนแรกจะเข้าสู่การประลองห้ารอบ
- เมื่อสู้จบแล้ว จะสามารถขึ้นเรือทางขวามือไปเฟนเดลได้
フェンデル国境地帯 (ชายแดนเฟนเดล)
Discovery: モモの木 (ต้นท้อระหว่างทางไปเบลานิค)
Items: 魔法カルタNo.12 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ), 鱗つく結晶 (หีบใกล้ๆประตูชายแดน)
- ลงจากเรือแล้วไปตามทางตะวันตกเรื่อยๆ จนถึงสามแยก หากไปทางขวาจะสามารถกลับเมืองแลนท์ได้ โดยการคุยกับคาเมะนินชุดดำ และจ่าย 1000
- ที่สามแยก ให้ใช้ทางแยกด้่านบน ไปเนื่อยๆจะพบเมือง ベラニック (เบลานิค)
ベラニック (เบลานิค)
Discovery: カイガの台本 (ในห้องแต่งตัวหลังเวทีของโรงแรม)
Items:
魔法カルタNo.36 (หีบด้านขวามือของโค้งแรกของเมือง มุมกล้องจะบังอยู่)
ブッシュベイビー (หีบในบ้านทางตอนเหนือ),
スプーン (หีบทางขวาเมือง ต้องใช้ทางออกจากบ้านข้างๆ แต่พอเก้บแล้วต้องจ่ายเงินให้เด็ก 1000)
ニフェルムの種, お姫様物語傑作選 (ห้องแต่งตัวหลังเวทีของโรงแรม)
振込の魔導書 (หีบในโรงแรม ใส่รหัส ストラテイム)
- ไปยังลานฝั่งด้านขวาของเมือง จะพบอีเวนท์ เราต้องหา ストラテイムの角 มาห้าอัน
- ไปที่หน้าโรงแรม พบอีเวนท์แล้วให้เข้าไปในโรงแรม
- เมื่อค้างคืนแล้วให้เข้าไปยังถ้ำทางซ้ายมือของโรงแรม
フェンデル山岳トンネル (ถ้ำใต้ภูเขาเฟนเดล)
Discovery: 氷樹 (ต้นไม้น้ำแข็ง)
Item: 魔法カルタNo.13 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
- เข้าไปจนถึงจุดที่มีคนยืนกันอยู่ แล้วออกไปทางซ้าย
フェンデル高原 (ที่ราบเฟนเดล)
Discovery: キャベツ (กะหล่ำในช่องเขาด้านเหนือ)
Items: 魔法カルタNo.14 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
- ไปตามทางจนถึง ザヴェートへの連絡港 และคุยกับกะลาสีเพื่อไปยัง ザヴェート
Story Synopsis
ทั้งหกคนได้ขึ้นเรือเพื่อไปยังเฟลเดล โดยจะต้องไปยังเกาะเล็กๆในนการปกครองของเฟนเดลที่ชื่อไลออทพีคเสียก่อน โดยพวกเขาต้องไปพบกับสายลับของสตราต้าที่แอบแทรกซึมอยู่ในนั้น และให้เขาช่วยพาทุกคนเข้าไปยังเฟนเดลอีกทีหนึ่ง
บนเรือ ฮิวเบิร์ทจะไม่ค่อยชอบที่ปาสคาลมาป้วนเปี้ยนๆกับเขานัก และเขายังสงสัยที่เธอสามารถแก้ไขอาการผิดปกติของบัลกิเนสเคลียสได้ง่ายๆ ยิ่งได้ยินคำตอบแบบง่ายๆของเธอเขายิ่งไม่ชอบใจใหญ่ แต่ก็ต้องยอมตัดบทเพราะนิสัยของปาสคาลที่ร่าเริงโดยไม่สนใจอะไร เมื่อเธอขอตัวเดินอกไป อัสเบลก็พยายามกล่อมว่าถึงจะเป็นคนประหลาดๆ แต่ก็เพราะเธอทำให้พวกเขามาถึงที่นี่ได้ แต่าำหรับฮิวเบิร์ท ยั่ยยังไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้เขาเชื่อใจเธอได้
เมื่อเรือเทียบท่าที่ไลออทพีค ตอนนั้นสายลับของฮิวเบิร์ทยังไม่มาตามนัด ใกล้ๆกันนั้นมีทหารเฟนเดลถืออาวุธแปลกๆกันอยู่ ปาสคาลสนใจจึงเข้าไปด้อมๆมองๆดูอาวุธของทหารเหล่านั้น เมื่อพวกเขารำคาญก็เดินหนีออกไปตอนที่เธอสังเกตุอะไรได้พอดี เพื่อคลายความสงสัยของตน เธอจึงตามไปดูทันทีโดยไม่ฟังเสียงห้ามของฮิวเบิร์ท
ระหว่างที่มาริคและฮิวเบิร์ทอธิบายให้เชเรียฟังว่าที่แห่งนี้มีไว้เพื่อให้ผู้แข็งแกร่งได้ต่อสู้กับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตน ชายคนหน่ึ่งก็มาหาฮิวเบิร์ท และส่งจดหมายที่เขาได้รับฝากจากทหารเฟนเดลคนหนึ่ง เมื่อได้อ่าน ฮิวเบิร์ทก็บอกว่าสายลับของเขาถูกพบตัวจริงแล้ว ทำให้แผนที่วางไว้จะล่มไปกันหมด
ตอนที่กำลังปวดหัวกันนั้น ปาสคาลก็วิ่งหนีทหารสองนายมาหน้าตาตื่น ไม่รอช้าโซฟีเข้าไปขัดขวางไว้ พวกเขาได้บอกว่าปาสคาลพยายามจะมาแย่งอาวุธของพวกเขา แต่เธอก็บอกว่าแค่อยากจะขอดูเท่านั้นเอง นายทหารของเฟนเดลเดินเข้ามาและสงสัยว่าพวกเขาจะเป็นพวกเดียวกับสายลับที่พึ่งจับได้ ฮิวเบิร์ทได้เข้ามาบอกว่าไม่เข้าใจว่าพูดถึงเรื่องอะไรกันและบอกว่าที่พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อทดสอบฝีมือเหล่านักสู้แห่งไลออทพีคเท่านั้น เมื่อได้ยินแบบนั้น นายทหารเฟนเดลจึงท้าสู้ในลานประลองโดยที่มีเดิมพันเพิ่มความสนุกสนาน โดยหากทหารเฟนเดลชนะ เขาก็จะจับทุกคนไปเต้นความลับให้สิ้น ซึ่งทั้งหมดที่ฮิวเบิร์ททำนั้น ก็เพื่อช่วยเหลือสายลับของเขา ซึึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะพาพวกเขาไปถึงเฟนเดลได้
หลังการประลองด้วยชัยชนะของพวกอัสเบล ฮิวเบิร์ทได้ขอตัวทหารหญิงที่พวกเฟนเดลจับได้ว่าเป็นสายลับ นายทหารเฟนเดลไม่ยอมแพ้ง่ายๆและตั้งใจจะสังหารเธอซะ สายลับนั้นทิ้ง มาริคพยายามห้ามไว้ แต่นั่นไม่ใช่เหราะกลัวว่าสายลับจะถูกสังหาร แต่เพราะว่าที่ไลออทพีคนี้มีผู้้คุ้มกฏที่แข้งแกร่งอยู่ หากใครชักอาวุธหลังการต่อสู้ก็จะถูกลงโทษโดยไม่ละเว้น ไม่ทันขาดคำ ร่างในผ้าคลุมดำก็ออกมาสังหารนายทหารเฟนเดลคนนั้นอย่างรวดเร็วโดยที่อัสเบลแทบมองไม่เห็นความเคลื่อนไหว
จากนั้น สายลับก็พาทุกคนขึ้นเรือเข้าไปยังเฟนเดลได้อย่างปลอดภัย บนเรือนั้นอัสเบลได้ถามถึงเรื่องแสงที่มือของฮิวเบิร์ท ซึ่งมันเริ่มปรากฏเมื่อเร็วๆนี้เอง ฮิวเบิร์ทเองก็สงสัยที่ทำไมมีแค่เขา อัสเบล และเชเรียที่สามารถใช้แสงนั้นได้ และอีกเรื่องที่เขายังสงสัยก็คือมาริคที่รู้เรื่องของเฟนเดลมากผิดปกติ และเขายังรู้สึกว่าวิิชาการต่อสู้ของมาริคนั้นเขาเหมือนจะเคยเห็นมาก่อน ยิ่งเมื่อเห็นการตอบสนองที่เหมือนกับมีความลับอะไรอยู่ ยิ่งทำให้ฮิวเบิร์ทสงสัยมากขึ้นไปอีก
ที่ท่าเรือ ฮิวเบิร์ทได้รับรายงานจากสบายลับว่าเธอพบข้อมูลของหินบัลกิเนสเคลียสบ้าง แต่ก็ไม่ทราบแน่ชัด รู้เพียงว่าอยู่ที่เมืองซาเวท เมืองหลวงของสตราต้า ระหว่างทางไปนั้น พวกเขาก็เจอหลุมขนาดใหญ่ ขณะที่กำลังแปลกใจว่าเกิดจากอะไร ปาสคาลก็บอกว่านี่เป็นผลจากการระเบิดของหินเคลียส
พวกเขาไปถึงเมืองที่เสื่อมโทรมชื่อเบลานิค และเห็นเด็กพี่น้องสองคนกำลังเก็บเศษหินเล็กๆขึ้นมาจากพื้นอย่างคร่ำเคร่ง ซึ่งมาริคบอกว่าพวกเขากำลังเศษหินเคลียสเพื่อไปเป็นเชื้อเพลิงให้กับเตาผิง เด็กคนหนึ่งบอกว่าบ้านของพวกเขาเป็นโรงแรม จึงต้องเก็บไปเผื่อให้ห้องของแขกที่มาพักด้วย
มาริคเล่าว่าอาณาจักรนี้มีหินเคลียสไม่มากนัก และส่วนมากที่หาได้ก็ต้องเอาไปใช้ที่เมืองหลวง ทำให้มีปริมาณหินไม่เพียงพอที่จะเอาแจกจ่ายไปได้ทั่ว ซึ่งนี่เป็นความจริงที่ต่างจากภาพที่อัสเบลมีต่ออาณาจักรเฟนเดลมาก คืนนั้นระหว่างที่พักแรม โซฟีซึ่งนอนไม่หลับเพราะเสียงกรนของปาสคาลได้ออกมาเห็นมาริคยืนคิดอะไรอยู่คนเดียว ซึ่งเขาบอกว่ากำลังนึกถึงเพลงที่เขาเคยได้ยิน ซึ่งเกี่ยวกับผู้ชายสองคนซึ่งเต็มไปด้วยความความมุ่งหวัง แต่คนหนึ่งสูญเสียมันไป เขาจึงเดินทางไปยังประเทศอื่นเพื่อตามหาความหวังที่หายไปนั้น แต่พอถูกถามถึงผู้ชายอีกคน มาริคก็ตอบว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน
ระหว่างอยู่บนเรือเพื่อมุ่งหน้าไปซาเวท โซฟีรู้สึก กับเรื่องตัวตนที่แท้จริงของเธอ ทั้งที่อยากจะนึกให้ออกแต่ก็กลัวที่จะนึกออก อัสเบลเคยบอกว่าเธอเคยตายไปแล้ว และจากนี้หากเธอต้องตายอีกครั้ง เธอจะได้พบกับพวกอัสเบลอีกหรือเปล่า ใกล้ๆกันนั้น ฮิวเบิร์ทกำลังยืนกรานความไม่เชื่อใจที่เขามีต่อมาริคและปาสคาลเพราะทั้งสองเ)็นคนที่เขาไม่อาจจะเข้าใจได้ โซฟีเข้าไปถามว่าเกลียดเธอด้วยหรือเปล่า เพราะเธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน ฮิวเบิร์ทจึงต้องปรอบว่ากรณีโซฟีนั้นเธอไม่ได้ปิดบังอะไร เพียงแค่ลืมไปเท่านั้นเอง
ザヴェート
Items:
ねこぐるみ (ซื้อจากเด็กระหว่าทางเดินเข้าเขตร้านค้า ราคา 10G)
手練の魔導書 (หีบในโรงแรม ใส่รหัส ジレーザ
ブラッディローズの種 (ห้องชั้นสองของโรงแรม)
魔法カルタNo.37 (ทางเดินไปฟากตะวันตกของเมือง)
お姫様物語傑作選 (บ้านทางตะวันตกเฉียงเหนือ)
- เข้าไปในเมืองและจะพบอีเวนท์
- ไปยังฝั่งตะวันตกของเมือง คุยกับทหารที่นอนอู้งานอยู่
- เดินไปยังฝั่งร้านขายของ จะพบอีเวนท์ของทหารที่หน้าร้านขายอาวุธ
- เดินขึ้นมาอีกเล็กน้อย จะพบกับอีกอีเวนท์
- ไปยังประตูฝั่งตะวันตกแล้วออกไปข้างนอกเมือง
Story Synopsis
เมื่อถึงเมืองซาเวท ทหารกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาล้อมไว้เพราะทุกคนเป็นคนแปลกหน้าของที่นี่ มาริคได้เข้าไปออกหน้าบอกชื่อตัวเอง และบอกว่าพวกเขาพึ่งกลับมาจากภารกิจที่อาณาจักรวินดอล เขาได้ส่งบัตรประจำตัวให้ทหารคนหนึ่งดู ซึ่งอีกฝ่ายก็คิดว่าบัตรนั้นเป็นของจริงแต่ก็ยังสงสัยอยู่ มาริคจึงสำทับว่าหากยังสงสัยก็ให้ไปถามผู้บัญชาการทหารสูงสุดดูเหล่าทหารจึงยอมถอยไปแต่โดยดี มาริดได้บอกว่าเขาคิดว่าคงจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น จึงได้เตรียมการรอไว้ก่อนแล้ว แต่ทิ้งความแคลงใจให้ฮิวเบิร์ท
อัสเบลได้ลองหาข่าวเกี่ยวกับบัลกิเนสเคลียส และก็ได้ยินการสนทนาของทหารถึงเรื่องการวิจัยเกี่ยวกับการดึงพลังงานของบัลกิเนสเคลียสออกมาใช้โดยรับความช่วยเหลือจากชาวอันมัลเทีย ปาสคาลดูท่าทางกระวนกระวายมาก และบอกว่าการดึงพลังงานเอเรสออกมานั้นไม่ได้ทำกันง่ายขนาดนั้น ซึ่งหากเกิดผิดพลาดนิดเดียวก็จะเป็นเรื่องใหญ่แน่ ทั้งอาณาจักรเฟนเดลจะโดนเป่าหายไปเลย
เมื่อคนอื่นทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ เธอก็บอกให้นึกถึงหลุมระเบิดขนาดใหญ่ที่เห็นก่อนหน้านี้ และบอกว่านั่นเกิดจากหินเคลียสขนาดเล็กเพียงแค่ไม่ถึงนิ้ว เมื่อถูกถามว่าทำไมถึงรู้ เธอก็บอกว่านั่นเป็นเพราะเธอเป้นคนทำมันขึ้นเอง และยังคิดว่ากลไกที่ใช้เชื่อมต่อกับบัลกิเนสเคลียสก็คงจะเป็นงานค้นคว้าของเธอเอง เช่นเดียวกับอาวุธที่เธอเคยไปเดินตามขอดูจากทหารเฟนเดลที่ไลออทพีคก็ด้วย
ถึงตรงนี้อัสเบลก็เริ่มสับสน เพราะเขาได้ยินมาว่ากลไกที่กำลังพูดถึงอยู่นี้เป็นวิชาของชาวอันมัลเทีย ซึ่งปาสคาลก็ยอมรับหน้าตาเฉยว่าเธอเองก็เป้นชาวอันมัลเทีย และก็พึ่งนึกได้ว่าเธอยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครเลย จากนั้นเธอก็ขอให้ทุกคนไปที่หมู่บ้านชาวอันมัลเทียด้วยกัน ซึ่งที่นั่นเธอจะสามารถอธิบายอะไรหลายๆอย่างได้ และอาจจะรู้ที่ิอยู่ของหินบัลกิเนสเคลียสด้วย
ฮิวเบิร์ทปรามทุกคนไว้ และถามว่าทำไมปาสคาลถึงปิดบังทุกอย่างเองไว้ถึงตอนนี้ แต่เธอก็บอกแค่ไม่ได้พูดถึง นอกจากนั้นฮิวเบิร์ทยังหันไปถามมาริค และบอกว่าบัตรประจำตัวนั่นก็คงเป็นของจริงๆ ซึ่งมาริคก็ยอมรับว่าเขาเคยอยู่ในกองทัพเฟนเดล ซึ่งนันเป็นเรื่องเมื่อ 20 ปีก่อนแล้ว ทำให้ฮิวเบิร์ทซึ่งไม่ชอบคนที่ปิดบังเรื่องอะไรไว้ไม่อยากจะร่วมเดินทางไปด้วยกันกับทั้งสองคนอีก
ตอนนี้ ทหารกลุ่มเดิมก็เข้ามาล้อมทุกคนไว้อีก และบอกว่าคนที่ชื่อมาริค จีซาส์ได้ตายไปตั้งนานแล้ว ก่อนจะถูกจับกุม ทุกคนจึงรีบหนีออกไปจากเมือง พอปลอดภัยแล้วปาสคาลก็บอกว่าหมู่บ้านอันมัลเทียนั้นก็อยู่ทางนี้พอดี ทุกคนจึงตัดสินใจจะไปที่นั้นถึงฮิวเบิร์ทจะไม่เต็มใจเท่าไหร่
ザヴェート山 (ภูเขาซาเวท)
Discovery: ダイコン (หัวไชเท้าระหว่างทางไปศูนย์วิจัยสนีค), カボチャ (ฟักทองระหว่างทางไปชุมชนอันมัลเทีย)
Items: 形無き結晶 (ใกล้ๆจุดที่สู้กับบอส チムピオーンボア), 魔法カルタNo.15 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
- จากหน้าเมือง เดินไปทางตะวันออกเรื่อยๆจนพบป้ายบอกทาง ให้ใช้เส้นทางด้านบนก่อน
- ไปตามทางขึ้นเขาจนพบจุดเซฟ และเมื่อไปอีกหน่อยจะสู้กับบอส チムピオーンボア
- ไปต่อตามทางด้านจนพบคาเมะนิน สำรวจทางวาร์ปเพื่อเข้าสู่ アンマルチアの里
アンマルチアの里 (หมูบ้านอันมัลเทีย)
- จากทางเข้า ไปทางขวาบนจนพบบ้านที่มีห้องซ้ายขวาสองห้อง เข้าห้องขวาซึ่งเป็นห้องปาสคาล จะพบอีเวนท์
- ออกจากบ้านกลับไปยังกลางเมือง เดินลงบันไดและขึ้นพื้นลอยไปถึงห้องของหัวหน้าหมู่บ้าน พบอีเวนท์
- ออกจากเมือง และย้อนกลับไปยังจุุดที่เคยพบป้ายบอกทางอีกครั้ง คราวนี้ให้ไปทางซ้าย
- ระหว่างทาง จะมีทางเส้นหนึ่งที่แยกไปพบหีบสมบัติ แต่ต้องสู้กับมอนสเตอร์ フェイク แทน พอชนะแล้วปาสคาลจะได้ฮิโอกิท่าที่ 3 มาด้วย
- เดินไปจนถึง スニーク研究所
スニーク研究所 (ศูนย์วิจัยสนีค)
Discovery: 原素再装填装置 (ชั้นใต้ดินชั้นที่ 2), 冒涜の手中 (ชั้นใต้ดินชั้นที่ 3)
発見の魔導書: 発見の魔導書 (ชั้นใต้ดินที่ 5 ห้องฝั่งตะวันออก)
- ภายในจะมีบริเวณที่มีประตูกั้นเอาไว้อยู่ ต้องเข้าไปในห้องใกล้ๆกันนั้น เพื่อดันบล็อกสีแดงให้วงจรด้านบนต่อกันเป็นวงกลม แล้วไปสำรวจเครื่องปีกฟากหนึ่งเพื่อเปิดประตู
- ใต้ดินชั้นที่ 4 ถ้าขึ้นลิฟท์ทางตะวันออกเฉียงใต้ จะมาที่ใต้ดินที่ 3 เพื่อเก็บ Discovery ได้
- ใต้ดินชั้นที่ห้า เมื่อถึงห้องที่มีจุดเซฟด้านหน้า จะต้องสู้กับบอส ヴェーレス (เวเรส) ซึ่งจริงๆไม่ยาก แต่ตัวมันสามารถเรียกลูกน้องมาสร้างความวุ่นวายได้
- จบอีเวนท์แล้วให้ใช้ประตูด้านใน ซึ่งจะเป็นลิฟท์ขึ้นมาชั้น 1 แล้วให้ออกมาข้างนอก กลับไปยังเมืองซาเวท
Story Synopsis
เมื่อไปถึงบนยอดเขา หมูป่าตัวหนึ่งก็เดินเข้ามาใกล้ เมื่อฮิวเบิร์ทเห้นว่าเป้นแค่หมูป่าเขาจึงไม่สนใจและหันหลังให้มัน เปิดโอกาสให้สัตว์ร้ายวิ่งเข้าโจมตีใส่ โชคดีที่ปาสคาลเข้าไปผลักเขาออกไปแต่ตัวเองก็โดนทำร้ายแทน ทำให้ฮิวเบิร์ทรู้สึกผิดที่เธอมาช่วยเขาทั้งๆที่เขาพูดแบบนั้นใส่เธอแท้ๆ ทั้งเธอยังพูดแบบยิ้มแย้มได้อีก เขาหันไปถามมาริคว่าทำไมถึงไม่ต่อว่าเขาเลย ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าหาสามารถรรู้ข้อผิดพลาดได้ตัวเอง คำต่อว่าใดๆก็ไม่จำเป็น ฮิวเบิร์ทดูจะยังไม่พอใจที่ตัวเองได้รับการอภัยง่ายๆ ปาสคาลเลยจะให้แบกหมูป่าไปถึงหมู่บ้าน แต่คงจะไม่ไหว เธอเลยเดินเข้าไปจับมือเขาเขย่าอย่างแรงและบอกว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันแล้ว
ภายในหมู่บ้านชาวอันมัลเทีย ปาสคาลนำทุกคนไปที่ห้องของเธอ ซึ่งข้าวของเละเทะไปหมด ครั้งสุดท้ายที่เธอเข้าห้องนี้ก็เมื่อสามปีก่อนแล้ว ซักพักเธอก็บอกว่างานวิจัยเกี่ยวกับหินเคลียสของเธอหายไปหมดเลย เพื่อจะหาว่าใครเป็นคนเอาไป ปาสคาลจึงต้องไปถามนักปราชญ์ของเมืองซึ่งเป็นผู้ที่มีอาศัยอยู่ที่นี่มานานแล้ว
ที่บ้านของนักปราชญ์ซึ่งปาสคาลเรียกว่าท่านป้านั้น เะอได้พบกับพัวซอน เด็กสาวซึ่งจะได้เป้นนักปราชญ์รุ่นต่อไป ซึ่งเธอบอกว่าท่านป้านั้นจะไม่คุยกับใครตรงๆไปซํกพัก ดังนั้นการสนทนาต้องทำผ่านเธอเท่านั้น ปาสคาลได้ขอให้พัวซอนไปขอณุญาตท่านป้า เพื่อขอเข้าใช้งานห้องแห่งความรู้ แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตเพราะเป็นสถานที่พิเศษสำหรับนักปราชญ์เท่านั้น
ปาสคาลถามพัวซอนถึงที่อยู่ของบัลกิเนสเคลียสของเฟนเดล และบอกว่างานวิจัยของเธออาจจะถูกเอาไปใช้ที่นั้น แต่งานวิจัยนั้นเธอได้หยุดวิจัยกระทันหัน มันจึงเป็นผลงานที่ไม่สมบูรณ์ ถึงจะเอาไปใช้ดึงพลังงานออกมาได้แต่พอซักพักหนึ่งแล้วจะมีปัญหา ปาสคาลได้ถามถึงคนทีเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และน่าจะเป็นคนที่เอางานวิจัยของเธอไปด้วย ซึ่งพัวซอนบอกว่าคนๆนั้นก็คือ "ฟูริเอ" พี่สาวของปาสคาลนั้นเอง ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวกำลังทำงานวิจัยของเธออยู่ที่ศูนย์วิจัยสนีค
ในศูนย์วิจัยนั้น พวกอัสเบลได้ต่อสู้กับสิ่งชีวิตที่เหมือนร่างรวมของสัตว์หลายๆประเภท เมื่อปราบมันได้ฟูริเอก็เดินออกมาพูดด้วยประหลาดใจที่พวกเขาสามารถปราบสัตว์ทดลองของเธอได้ ปาสคาลเข้าถามถึงเรื่องของการทดลองบัลกิเนสเคลียสของเฟนเดล ซึ่งฟูริเอเรียกชื่อมันว่า "ฟอลกรันนิล" และบอกว่าเธอได้พัฒนางานวิจัยของปาสคาลจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่ปาสคาลบอกว่ามันเสร็จเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
แทนคำอธิบาย ปาสคาลได้นำเศษหินเคลียสแห่งไฟอันเล็กมาใส่หลอดทดลอง เธอใส่คำสังให้กับเครื่องควบคุมและบอกให้ทุกคนหลบไป เพียงชั่วครู่ หินเคลียสก็ระเบิดออกมา ปาสคาลได้อธิบายว่านี่เป็นคุณสมบัติของหินเคลียสแห่งไฟ หากดึงพลังงานออกมาเกินระดับหนึ่งก็จะเกิดการระเบิดขึ้น ซึ่งหากเอาไปใช้กับอาวุธทั่วไปก็ยังพอได้ แต่หากนำไปใช้ร่วมกับบัลกิเนสเคลียสก็คงจะเสียหายร้ายแรงแน่
ฟูริเอถามว่าที่ปาสคาลล้มเลิกการวิจัยเพราะรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้หรือเปล่า ซึ่งได้รับคำตอบว่าใช่ และยังขอให้หยุดการทดลองซะ แต่ฟูริเอบอกว่าทำไม่ได้ ปาสคาลจึงถามว่าอยู่ที่ไหนเพื่อที่เธอจะได้ไปแทน ทำให้พี่สาวโกรธเพราะรู้สึกว่าตัวเองถูกดูถูก ซึ่งเธอเองต้องพยายามอย่างมากที่จะต่อยอดงานวิจัยของปาสคาลให้สำเร็จ แต่กลับกลายเป้นว่าปาสคาลมองเห็นสิ่งที่เธอไม่เคยนึกถึง และตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วที่ปาสคาลจะเลียนแบบสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ และทำได้สำเร็จก่อนทุกครั้งไป ซึ่งทำให้ปาสคาลอึ้งและซึมลงไป
อัสเบลได้ขอร้องให้ฟูริเอช่วยเหลือเพราะมิฉะนั้นแล้วบัลกิเนสเคลียสแห่งไฟก็คงจะโดนดูดเอเรสไปเช่นเดียวกับอีกสองอันที่ผ่านมา แต่ฟูริเอเองก็ไม่รู้ที่อยู่แน่ชัด ซึ่งมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่รู้ "คาซ เบซเซล" หัวหน้าศูนย์พัฒนาเวทย์แห่งเฟนเดล และชื่อนั้นทำให้มาริคตกใจ ฟูริเอหันไปมองน้องสาวที่เงียบลงไปถนัดใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกันมากไปกว่านั้น
ออกมาข้างนอก ปาสคาลไม่เคยนึกว่าฟูริเอจะคิดกับเธอแบบนั้นและอยากจะเข้าไปขอโทษ ฮิวเบิร์ทได้ห้ามเธอไว้เพราะจะยิ่งทำให้ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก ที่ทำได้ก็มีแต่รอให้ฟูริเอยกโทษให้เองเท่านั้น อัสเบลบอกว่าที่ฟูริเอทำการทดลองไปนั้นก็เพื่อช่วยผู้คน และเพื่อไม่ให้มันกลายเป็นโศกนาฎกรรม พวกเขาจึงต้องหยุดการทดลองนั้น ฮิวเบิร์ทยังบอกอีกว่ามีแต่ปาสคาลเท่านั้นที่จะช่วยพี่สาวของเธอได้ ทำให้ปาสคาลต้องร้องไห้ออกมาเป็นครั้งแรกนับจากที่ได้พบกันมา
ザヴェート
- คุยกับคนบริเวณย่านร้านขายของ (จะรู้ว่าถูกคนเมื่อเห็นว่าตัวเราคิดอะไรขึ้นมา)
- เดินไปทางซ้าย คุยกับคนที่อยู่ระหว่างทาง (จะรู้ว่าถูกคนเมื่อเห็นว่าตัวเราคิดอะไรขึ้นมา)
- เดินต่อไปทางซ้ายอีก และลงบันไดไปถึงบ้านที่มีผู้หญงอยู่ คุยกับเธอแล้วเข้าไปในบ้านนั้น
- พบอีเวนท์แล้วจะได้บัตรผ่านมา
- จากย่านร้านค้า ให้ใช้ทางเดินด้านบนทางซ้ายมือ จะพบศูนย์วิจัย
フェンデル政府塔 (ศูนย์วิจัยเฟนเดล)
Discovery: 氷の巣 (รังนกน้ำแแข็ง ชั้น 42), 宝の山 (กองเศษเหล็ก ชั้น 32)
- ขึ้นลิฟท์ไปยังชั้น 39 (ลิฟท์จะอยู่ทางขวา เดินลอดบันไดไป)
- ชั้น 42 คุยกับทหารใกล้ๆบันได
- คุยกับทหารหน้าประตูทางซ้ายมือ เลือกข้อใดก็ได้ แล้วจะเข้าประตูไปได้
- ชั้น 41 หากเหยียบไอน้ำจะเสียพลัง ให้ปิดวาวล์บนกำแพงก่อน
- ชั้น 42 เมื่อถึงจุดที่มีทหารวิ่งสลับกันแล้ว ให้เลือกไอเทมให้ถูกกับแต่ละคนดังนี้ (ดูจากชุดเอาว่าคนไหนยศสูงกว่า) แล้วจะไปต่อได้
- ทหารธรรมดา ให้ アップルグミ, นายทหาร ให้ ピーチグミ, ทหารหญิง ให้ グレープグミ, นายทหารหญิง ให้ アップルグミ
- เข้าไปจนถึงห้องคาซ จะพบอีเวนท์แล้วทุกคนจะช่วยกันค้นหา ให้ไปสำรวจที่โต้ะ จะเข้าอีเวนท์อีกครั้ง
- หลังจากนั้นให้ใช้ลิฟท์สีแดงกลับลงมา
- กลับไปยังบ้านที่ได้ใบอนุญาตอีกที (จะข้ามไปทำที่หลังก็ได้เหมือนกัน)
- จากย่านร้านขายของ ให้ใช้ทางออกขวาบน จะออกไปยังภูเขาน้ำแข็ง
氷海への道 (ทางไปภูเขาน้ำแข็ง)
Items: 魔法カルタNo.17 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
フェンデル氷山遺跡 (ซากโบราณในภูเขาน้ำแข็ง)
Discovery: 虹の氷柱 (น้ำแข็งยักษ์ีสีรุ้ง), 大紅蓮石 (หินศิลายักษ์บัลกิเนสเคลียส)
Items: なかなかの骨, 勇猛の魔導書
- ภายใน จะต้องลากบล็อกน้ำแข็งมาปล่อยที่ทางลาด เพื่อให้มันชนกับเสาน้ำแข็งทำเป็นทางเดินต่อไป
- เข้าไปถึงข้างใน แล้วจะต้องสู้กับบอส カーツ และ ドラグーン สองตัว หากสามารถชนะได้ในหนึ่งนาทีก็จะได้โทรฟี่ カーツ1分撃破! ด้วย และหากมีมาริคในทีม ก็จะมีคัทซีนพิเศษอีกหน่อย
-หลังสู้จบให้สำรวจที่ตัวคาซ จะได้อาวุธ プラチナエッジ
- คุยกับทุกคนแล้วจะตัดเข้าอีเวนท์อีก เมื่อจบแล้วก็ให้ออกมา แล้วกลับไปยังหมู่บ้านอันมัลเทียอีกครั้ง (จะใช้คาเมะนินพาไปก็ได้)
- เข้าไปยังห้องของหัวหน้าหมู่บ้านอีกครั้ง คราวนี้จะสำรวจที่ด้านในสุดเพื่อเข้าไปอีกได้
- พบอีเวนท์ที่ด้านในนั้นอีกที แล้วให้ออกมาจากหมู่บ้าน กับไปที่เมืองซาเวท แล้วออกไปที่ท่าเรือทางใต้ของเมืองอีกที
- คุยกับกะลาสีเรือเพื่อไปยังสถานที่ต่อไป
Story Synopsis
เพื่อจะเข้าไปในศูนย์วิจัยซึ่งอยู่ในเมืองซาเวท พวกอัสเบลได้สอบถามชาวเมืองจนรู้ว่ามีชาวอันมัลเทียที่ทำงานในนั้นพักอยู่ในเมืองด้วย เมื่อเจอตัวคนๆนั้น ปาสคาลก็พบว่าเป็นเพื่อนของเธอชื่อ "เฟลม่า" ไม่รอช้า ปาสคาลก็ได้ขอยืมบัตรประจำตัวของเธอมาได้อย่างไม่ยากเย็น
ฮิวเบิร์ทได้ถามถึงอดีตของมาริคและ "คาซ เบซเซล" ซึ่งมาริคได้บอกว่าเขากับคาซได้เข้ากองทัพเฟนเดลในช่วงเวลาเดียวกัน ตอนนั้นอาณาจักรอยู่ในสถานะที่ยากจนมาก แต่ชนชั้นสูงกลับไม่ได้รู้สึกอะไรกับสภาพของคนส่วนใหญ่ของประเทศเลย มาริคและคาซจึงได้เข้าร่วมตณปฏิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงอาณาจักรแห่งนี้ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ ทำให้กลุ่มผู้ปฏิวัติถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น ช่วงนั้นเองที่มาริคหนีออกมาจากเฟนเดลเพราะคิดว่าชีวิตตัวเองคงตกอยู่ในอันตราย แต่คาซยังคงอยู่ที่นี่เพราะไม่อยากให้การปฏิวัติหายไปจากประเทศนี้ ซึ่งคาซเป็นคนประเภทที่ยอมสละชีวิตตนเองเพื่อให้ความมอุดมการณ์เป็นจริง ซึ่งมาริคก็ไม่แนใจว่าถ้าเขาซึ่งทิ้งประเทศแะอุดมการณ์ไปแล้ว ไปพูดกับคาซ เขาจะยอมรับอะไรได้หรือไม่
พวกอัสเบลสามารถเข้าไปยังศูนย์วิจัยโดยอ้างว่ามาทำงานแทนเฟลม่า ในที่สุดก็พบห้องของคาซที่เต็มไปด้วยหนังสือ แผนภาพและแผนที่ แต่เจ้าตัวไม่อยู่ที่นั่น ทุกคนจึงพยายามค้นหาข้อมูลในห้อง และพบรายละเอียดว่าบัลกิเนสเคลียสอยู่ในถ้ำน้ำแข็งใกล้ๆเมือง ซึ่งหากอยู่ใกล้ขนาดนี้และมีอะไรเกิดขึ้นกับการทดลอง เมืองทั้งเมืองก็คงจะหายไปแน่
เสียงฝีเท้าของคนที่เดินเข้ามาใกล้ประตูทำให้ทุกคนตื่นตัวและวิ่งไปหลบข้างๆประตูหวังจะศุ่มจู่โจมผู้เข้ามา แต่ทันทีที่ประตูเปิด อาวุธในมือของอีกฝ่ายก็วาดเข้่ามาจ่อที่คอของอัสเบลที่ไม่มีโอกาสขยับตัวเลย ขณะที่มาริคยังสามารถตั้งรับการโจมตีเอาไว้ได้ ผู้ที่เข้ามาก็คือคาซนั้นเอง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือมาริคเขาก็ลดอาวุธลง
คาซได้บอกว่าหลังผ่านเวลาอันยาวนาน ในที่สุดเตาพลังงานที่ใช้การดูดพลังงานเอเรสจากบัลกิเนสเคลียสก็เสร็จสิ้นแล้ว และจะช่วยให้ใช้ประโยชน์จากหินศิลายักษ์นั้นได้รวมถึงจะช่วยผู้คนของประเทศนี้ได้อีกมาย มาริคและปาสคาลกล่อมให้เขาล้มเลิกมันซะ เธอคิดว่าคาซเอางานวิจัยของฟูริเอไปใช้ทั้งๆอย่างนั้นโดยที่ไม่รู้ว่าสามารถเกิดการระเบิดขึ้นได้ แต่คาซปฏิเสธที่จะทำตาม เพราะว่าเขาก็ไม่ได้เอาผลงานของฟูริเอมาใช้เฉยๆ แต่ยังได้เอามาพัฒนาต่อจนสมบูรณ์แล้ว
คาซยังปฏิเสธที่จะฟังคำอ้างใดๆอีกเพราะเขาไม่มีเวลาอีกแล้ว และหากล้มเลิกการทดลองไป อาณาจักรนี้คงอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่กว่าเดิม เพื่อที่จะสามารถอยู่รอดต่อไปได้ เฟนเดลจะต้องทำสงครามกับประเทศที่ชั่วร้าย หรือวินดอนั่นเอง ซึ่งจะไม่ใช่การปะทะกันเล็กๆน้อยๆแบบที่ผ่านมา ครั้งนี้จะเป็นสงครามเต็มรูปแบบเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นคาซก็ให้โอกาสทุกคนกลับออกไปก่อนที่เขาจะเรียกทหารออกมาจับกุม
เมื่อออกมาแล้ว มาริคได้ถามปาสคาลว่าเป้นไปได้หรือเปล่าที่คาซจะสามารถพัฒนางานวิจัยของเธอจนเสร็จสมบูรณ์และไม่มีอันตรายจริงๆ แต่ปาสคาลก็รู้ว่าหากเกี่ยวกับการดึงพลังงานเอเรสออกจากบัลกิเนสเคลียสแล้ว ไม่มีคำว่าสมบูรณ์แบบแน่นอน ทุกคนจึงเหลือทางเลือกเดียวคือการเข้าไปหยุดยั้งการทดลองนั้นเอง
ภายในถ้ำน้ำแข็งนั้น บัลกิเนสเคลียสสีแดงฉานถูกเชื่อมต่อไปด้วยเครื่องจักรขนาดใหญ่ คาซกับทหารจำนวนหนึ่งยืนอยู่ใกล้ๆกับผู้บัญการสูงสุดแห่งเฟนเดล การเดินเครื่องเตาพลังงานเริ่มต้นขึ้นในทันที และเมื่อเห้นว่าไม่เห็นมีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจดังหวัง เขาก็สั่งให้เร่งเครื่องขึ้นไปอีก พวกอัสเบลรีบเข้าไปเพื่อจะหยุดการทดลองนั้น ซึ่งคาซก็ไม่อาจยอมได้และเข้าขวางทุกคน
ระหว่างที่กำลังวุ่นวายนั้น สิ่งที่ปาสคาลกังวลก็เป็นจริง เมื่อพลังงานเอเรสถูกดูดออกมาจนถึงขีดอันตราย บัลกิเนสเคลียสแห่งไฟก็เริ่มเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ยากจะควบคุมไว้ได้ พลังงานเริ่มหลั่งไหลออกมาจนควบคุมเอาไว้ไม่อยู่ คาซสั่งการให้หยุดเตาพลังงานซะแต่กลไกก็ขัดข้องจนทำอะไรไม่ได้ ปาสคาลจึงจะเข้าไปทำลายสายพลังงานแรงสูงเพื่อหยุดเคาพลังงานโดยตรง แต่คาซก็ขวางเธอไว้ก่อนที่ตัวเองจะเข้าไปทำลายมันด้วยตัวเอง ประกายไฟฟ้าพุ่งผ่านอาวุธเข้าสู่ร่างของเขาจนไหม้เกรียมไปทั้งตัว แลกกับการหยุดทำงานของเตาพลังงานและปฏิกิริยาเอเรสที่ค่อยสงบลงอย่างเฉียดฉิว
ทุกคนวิ่งเข้าไปดูเขาผุ้มีควันลอยออกมาจากร่าง เชเรียใช้พลังรักษาของเธออย่างเต้มที่แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก คาซได้ฝากให้ปาสคาลช่วยทำงานวิจัยของเธอให้สำเร็จเพื่อให้สามารถใช้พลังงานจากบัลกิเนสเคลียสได้ เพื่อทีจะได้ช่วยเหลือประชาชนของอาณาจักรนี้ และยังได้ฝากให้มาริคช่วยสืบสานหน้าที่ในการนำพาประเทศนี้สู่อนาคตด้วย และยังไม่ทันที่มือขอเขาทั้งสองจะได้จับกัน ชีวิตของเขาก็ขาดสิ้นลง
เพียงชั่วครู่จากนั้น ริชาร์ดบนหลังของมังกรก็บินลงมาจากเบื้องบน ไม่รอช้าเขากระโดดไปยืนอยู่ใกล้ๆกับหินศิลายักษ์และเริ่มดูดพลังงานทันที อัสเบลจะเข้าไปห้ามแต่ก็โดนริชาร์ดชักดาบยิงคลื่นพลังใส่ โซฟียังสามารถเข้าไปป้องกันไว้ได้ เธอเร่งพลังงานของเธอจนตัวเรืองแสงขึ้นมาและพุ่งเข้าไปโจมตีใส่ริชาร์ดทันที แต่ในครั้งนี้ริชารืดมีพลังเพิมมาขึ้นแล้ว เขาสามารถมีชัยเหนือได้สบายๆ กษัตริย์แห่งวินดอลจากไปที่แห่งนั้น ทิ้งทุกคนไว้เบื้องหลังพร้อมๆกับบัลกิเนสเคลียสที่สูญเสียสีแดงสดไปพร้อมๆกับพลังงานของมัน
世界の中心の孤島 (เกาะอันโดดเดี่ยวซึ่งอยู่กลางโลก)
- เข้าไปแล้วพอเดินเลยจุดเซฟไป จะต้องสู้กับบอส リチャード
Story Synopsis
ผู้บัญชาการทหารแห่งเฟนเดลได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากมาริค แต่เขาก็ยอมรับไม่ได้และสั่งให้ทหารจับตัวทุกคนไว้ แต่เสียงเล็กๆของพัวซอนห้ามเอาไว้ ซึ่งเธอได้มาส่งคำพูดจากท่านป้าผู้เป็นนักปราชญมายังผู้บัญชาการเพื่อให้ปล่อยตัวทุกคนไป เพราะเรื่องในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเฟนเดล แต่เป็นสิ่งที่มีผลกระทบกับทั้งโลก ซึ่งมีแต่พวกอัสเบลที่จะแก้ไขได้ ผู้บัญชาการทหารพยายามจะแย้ง แต่ก็โดนขู่ว่าหากไม่ทำตาม ชาวอันมัลเทียทั้งหมดก็จะถอนตัวจากการให้ความช่วยเหลือและความร่วมมือต่างๆกับเฟนเดล ทำให้เขาต้องยอมรับและกลับไปแต่โดยดี
พัวซอนได้บอกว่าที่ๆริชาร์ดโจะมุ่งหน้าไปต่อก็คือ "ลัสตาเรีย" ซึ่งเป็นศูนย์รวมของเอเรสและบัลกิเนสเคียสของโลกทั้งหมด เธอยังได้มอบกุญแจสู่ห้องแห่งความรู้ให้กับปาสคาล เพราะในห้องนั้นมีรายละเอียดเกี่ยวกับทุกสิ่งรวมถึงสัสตาเรียด้วย ซึ่งในครั้งนี้ท่านป้าอนุญาตให้เธอเข้าไปในนั้นได้แล้ว ทุกคนจึงตัดสินใจจะไปที่นั่น แต่มาริคจะขออยู่ที่นี่เพื่อสืบสานความต้องการของคาซ ฮิวเบิร์ทเข้าไปบอกว่าความต้องการของคาซก็คือการช่วยเหลือชาวเฟนเดล และก่อนจะทำสิ่งนั้นได้พวกเขาต้องหยุดริชาร์ดให้ได้เสียก่อน มาริคจึงตัดสินใจที่ไปร่วมทางไปกับทุกคนจนถึงที่สุด
ปาสคาลพาทุกคนเข้าไปยังห้องแห่งความทรงจำ เธอเริ่มหาข้อมูลของลัสตาเรีย และบอกว่ามันอาจจะเรียกได้ว่าเป็นบัลกิเนสเคลีสต้นกำเนิดก็ได้ โดยในทีแรกนั้นลัสตาเรียได้สร้างเอเรสออกมา จากนั้นบัลกิเนสเคลียสกับกินเคลียสทั่วไปจึงดูดซับเอเรสเข้าไปอีกทีหนึ่ง ซึ่งพอฟังแล้วเชเรียก็คิดว่าทั้งลัสตาเรียและบัลกิเนสดูไม่เหมือนสิ่งที่เกิดเองตามธรรมชาติ เหมือนกับว่าเ)้นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมากกว่า ซึ่งปาสคาลก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน
เมื่อลัสตาเรียเป็นที่กำเนิดของเอเรสแล้ว หากริชาร์ดสามารถเข้าถึงมันได้และดูดซับเอเรสไปทั้งหมด ปาสคาลก็คาดว่าดาวดวงนี้ก็คงจะเป็นดาวที่ตายไปแล้ว พอลองค้นหาข้อมูลเก่าๆดูต่อไปเธอก็พบว่าทางเข้าลัสตาเรียนั้นอยู่ที่เกาะใกล้ๆกับไลออทพีท และยังพบกับคำว่า "แลมด้า" ที่เคยพบมาครั้งที่แล้วด้วย รวมถึงบทกลอน"เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างที่เกิดจากฟอโดร่า ผู้ลงมาและกัดกินสามประกายแสงแห่งพื้นพิภพ ผู้ปราบเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างลงมาจากฟอโดร่า ปกปักษ์สามประกายแสงนั้น" บทกลอนนั้นเหมือนจะทำให้โซฟีปวดหัวและนึกถึงอะไรขึ้นมาได้ เชเรียจึงฟาเธอออกไปรับลมข้างนอก ส่วนปาสคาลเองก็จนปัญญาจะหาข้อมูลที่ยิ่งเก่าก็ยิ่งอ่านออกยาก
อัสเบลเชื่อมบทกลอนนั้นกับเรื่องในตอนนี้ได้ว่า "แลมด้า" ได้ดูดกลืนบัลกิเนสเคลียส และถามถึงผลลัพธ์ ซึ่งปาสคาลตอบว่าทำไม่สำเร็จโดยถูก "โปรโตสเอส" หยุดยั้งเอาไว้ได้ มาริคจึงพอจะสรุปได้ว่าสิ่งนั้นเองกำลังเกิดขึ้นกับริชาร์ดในเวลานี้ แะพวกเขาก็ต้องหยุดริชาร์ดเอาไว้ให้ได้
บนเรืือระหว่างทางไปยังเกาะสู่ลัสตาเรียนั้น โซฟีถามอัสเบลว่าครั้งที่แล้วเธอเคยทำร้ายริชาร์ดไป หากจบเรื่องทุกอย่างแล้วเธอจะสามารถคืนดีกับเขาได้อีกหรือไม่ หากเธอไปปราบริชาร์ด เธอก็รู้สึกว่าจะต้องเสียทุกคนไป แต่ริชาร์ดก็เป็นเพื่อนของเธอเช่นกัน อัสเบลจึงบอกว่าเรื่องของริชาร์ดเราจะเป็นคนจัดการให้เอง
ณ เกาะเล็กๆซึ่งตั้งอยู่กลางทะเลแะอยู่ตรงกึ่งกลางของโลก ทุกคนพบว่าริชารืดยังมาไม่ถึงที่นี่ แต่เพียงไม่นานนัก ร่างของมังกรตัวนั้นก็บินพาริชาร์ดมาถึงพอดี เขาโดดลงมายันพื้นพร้อมๆกับไอหลากสีที่ผสมผสานกันพวยพุ่งออกมาจากร่าง ซึ่งดูเหมือนว่าพลังงานมากมายในร่างนั้นมีมากเกินกว่าที่จะรับได้ไหว
ทุกคนเข้าห้ามริชารืดไม่ให้เข้าไปยังทางเข้าสู่ลัสตาเรียได้สำเร็จ เขาดูมีท่าทางทรมานและร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด มาริคจะเข้าไปช่วยให้พ้นความเจ็บปวด แต่อัสเบลก็ห้ามไว้เพราะเขาได้ยินเสียงของริชาร์ด เสียงนั้นร้องขอให้อัสเบลช่วยและบอกว่าไม่อยากจะตาย บอกว่าเขาเป็นเพื่อนมิใช่หรือ คำๆนั่นทำให้โซฟีเดินไปเข้าไปหาและคุกเข่าลงไปใกล้ๆ แต่ริชาร์ดก็เงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยสีหน้าที่เกลียดชังและเรียกเธอว่า "โปรโตสเอส" เธอพยายามต้านแรงกระตุ้นบางอย่างในกายและยื่นมือไปหาเขา ขอให้เขายอมรับ "หลักฐานแห่งมิตรภาพ"เพื่อที่จะได้เป็นเพื่อนกันอีกครั้ง
แทนคำตอบ ริชาร์ดยื่นสิ่งหนึ่งมาให้ แต่มันไม่ใช่มือของเขา เป็นปลายดาบที่อัดแน่นด้วยความมุ่งร้ายที่ยิงพลังโจมตีเข้าใส่เธอ ความรุ่นแรงของมันทำให้ทุกคนกระเด็นออกไปกันหมด ส่วนโซฟีเองนั้นก็ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจนหมดสติไป ร่างของริชารืดลอยขึ้นไปกลางอากาศอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีใครหยุดเขาได้อีกแล้ว
ไอสีดำห่อหุ้ามรอบๆตัวเขาและขยับราวกับมีชีวิต ก่อนที่ระยางสีขาวขนาดใหญ่จำนวนมากจะแผ่งพุ่งออกมา แต่ละเส้นพุ่งกระจายไปทุกทิศทางอย่างไม่เลือกเป้าหมาย ทุกคนจึงต้องรีบพาร่างของโซฟีหบหนีขึ้นเรือออกมาจากเกาะแห่งนั้น ซึ่งไม่นานระยางสีขาวก็พันถักทอกัน ก่อตัวเป็นเหมือนกับรังไหมสีขาวขนาดยักษ์
バロニア
- ออกจากห้องแล้วเดินไปทางซ้ายเข้าห้องบัลลังก์
- หลังจบอีเวนท์แล้วก็ให้กลับมาที่ห้องเดิมอีกที
- เดินออกจากปราสาทแล้วไปที่ท่าเรือ คุยกับกะลาสีเพื่อไปเมืองแลนท์ หรือจะใช้วิธีเดินอ้อมโลกโดยเดินลงใต้ไปที่เกรลไซต์ แล้วออกไปทางตะวันออก ไปตามทางเดินสายเก่าแล้วไปโผล่ที่ทางใต้ของแลนท์ก็ได้เช่นกัน แต่จะไม่มีอีเวนท์คุยกับมาริคบนเรือ
- หากเข้าบ้านหลังเล็กระหว่างทางมาแลนท์ จะมีซับอีเวนท์และได้ฉายา ナイスミドル ของมาริค
Story Synopsis
หลังจากงานพิธีการเสร็จสิ้น ริชาร์ดก็ได้เรียกตัวอัสเบลไปพบ ซึ่งนอกจากเรื่องความดีความชอบแล้ว หัวข้อสำคัญก็คือเรื่องของเมืองแลนท์ เพราะเริ่มมีการค้นพบร่องรอยของหินเครียส์ ซึ่งวินดอลล์ก็กำลังจะเริ่มการค้นหาเช่นกัน และหากปล่อยให้สตราต้าค้นหาต่อไปก็จะไม่เป็นผลดี ดังนั้นริชาร์ดจึงต้องการแก้ไขปัญหานี้โดยการบุกโจมตีเมืองแลนท์เพื่อยึดกลับมา
ไม่ต้องสงสัยว่าอัสเบลจะคัดค้าน เพราะนั่นจะเป็นการเปิดสงครามกับสตราต้าและจะส่งผลต่อชาวเมืองแลนท์แน่นอน แต่ถึงแม้จะมีข้อตกลงระหว่างอาณาจักรอยู่ แต่เพราะสนธิสัญญานั้นทำกับเซลดิกจึงนับว่าไม่มีผลอีกต่อไป และยังมีชาวเมืองแลนท์เริ่มเข้าไปเป็นพวกเดียวกับสตราต้าอีก ซึ่งนับว่าเป็นการกบฏต่อริชาร์ดและอาณาจักร ซึ่งริชาร์ดได้มอบหมายให้อัสเบลเป็นผู้นำในการบุกโจมตี และนี่จะเป็นการคืนชื่อเสียงให้กับอัสเบลด้วย
สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นการต้องรบกับฮิวเบิร์ทและชาวเมืองแลนท์ อัสเบลจึงต่อต้านคำสั่งนั้นและทำให้ริชาร์ดโกรธเพราะเป็นการท้าทายอำนาจของกษัตริย์ อัสเบลได้ขอใช้วิธีอื่นคือการเจรจา และริชาร์ดบอกว่าสุดท้ายก็จะลงเอยเช่นเดียวกับเขาและเซลติก ซึ่งสุดท้ายแล้วชื่อเสียงและอำนาจก็สำคัญมากกว่าความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ด้วยการขอร้อง อัสเบลก็ได้รับการอนุญาต และต้องรีบเร่งออกเดินทางไปทันที
อัสเบลได้กลับมาถามเชเรียถึงเรื่องที่ชาวเมืองหันไปเข้าพวกกับสตราต้า ซึ่งเธอก็ยอมรับว่ามีเหมือนกัน และเธอก็ตกใจเมื่อรู้ว่าริชาร์ดจะโจมตีแลนท์ หลังได้รับการอธิบาย มาริคก็เดินเข้ามาขอร่วมเดินทางไปด้วย
ラント
- เมื่อพบอีเวนท์ที่หน้าเมือง ให้เลี้ยวลงไปที่แม่น้ำ แล้วเข้าเมืองผ่านทางน้ำของเมือง
- เข้าไปหาฮิวเบิร์ทที่ห้องเจ้าเมือง (ชั้น 1 ซ้ายมือ) แล้วให้ออกมาจากบ้าน จะต้องสู้กับริชาร์ด ซึ่งทีมจะเหลือแค่อัสเบล, โซฟี และฮิวเบิร์ท
- สำหรับริชาร์ดนั้นจะสามารถเปิดบาเรียได้ ให้ใช้ท่า B ที่มีธาตุ 暴星 อยู่ซัดเข้าไปเพื่อทำลายทิ้งก่อน และหากพลังเหลือน้อยๆก็จะใช้ シェイドインペリアル (เจดอิมพีเรียล) ซึ่งโดนตูมเดียวอาจตายหมู่ได้
- หากสามารถจัดการได้ในหนึ่งนาที ก็จะได้ Trophy リチャード1分撃破 ! ด้วย
Story Synopsis
พวกอัสเบลเดินทางกลับไปเมืองแลนท์ และแอบเข้าไปผ่านทางน้ำของเมือง ที่ห้องของเจ้าเมืองนั้น อัสเบลได้บอกให้รู้ถึงเรื่องความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้ และขอร้องให้ฮิวเบิร์ทยกเลิกสนธิสัญญานั้น แต่ฮิวเบิร์ทกลับคิดว่าแปลกที่กษัตริย์องค์ใหม่จะส่งพี่ชายของเขามาบอก ทั้งที่น่าจะรู้ว่าแค่นี้นั้นไม่สามารถจะทำได้ แต่เมื่อได้ยินจากอัสเบลว่านี่เป็นความคิดของอัสเบลเอง ฮิวเบิร์ทก็รู้แล้วว่าผู้เป็นพี่คิดตื้นเกินไป
ตอนนั้นเสียงดังโหวกเหวกก็ดังขึ้นมา นายทหารผมส้มคนหนึ่งเข้ามารายงานว่ากองทัพวิลดอลได้บุกเข้ามาโจมตีเมืองแล้ว ทำให้ทุกคนตกใจเพราะคิดว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อระงับสงคราม ฮิวเบิร์ทคิดว่านี่เป็นแผนถ่วงเวลาสนทนากับเขาเพื่อเปิดโอกาสให้ทหารบุกเช้ามา แม้อัสเบลจะบอกว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นจริงเขาก็แค่ถูกหลอกใช้เพื่อผลลัพธ์เช่นเดียวกันเท่านั้นเอง
ทุกคนออกไปด้านนอกและพบว่าทหารทั้งสองฝ่ายกำลังรบกันอย่างรุนแรง กษัตริย์หนุ่มแห่งวินดอลได้เดินเข้ามา กล่าวว่านี่เป็นการทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับอัสเบลเพื่อให้เขาได้กลับสู่ฐานะเจ้าเมืองอีกครั้ง และถึงอัสเบลจะไม่ได้ขอร้อง เขาก็จะบุกแลนท์อยู่ดี ไม่มีสิ่งใดที่เขาอยากได้แล้วจะไม่ได้ อัสเบลบอกว่าวิ่งที่เขากำลังทำนั้นมันไม่ถูกต้อง คู่สนทนาจึงโกรธ แล้วกล่าวว่าก่อนจะยึดแลนท์ เขาคงต้องคุยกับเพื่อนคนนี้ให้รู้เรื่องเสียก่อน
อัสเบลบอกให้เชเรียและทุกคนหลบไปช่วยชาวเมืองอพยพ เพราะหากช้าไปกว่านี้แล้วอาจจะสายเกินไป โซฟีเองถึงจะอยากอยู่ที่นี่แต่ก็โดนลากออกไปเช่นกัน เหลือเพียงอัสเบลและฮิวเบิร์ท ริชาร์ดได้ถามย้ำว่าเขาทำผิดอะไร และอัสเบลเคยบอกมิใช่หรือว่าหากเป็นเขาแล้ว ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ะพร้อมจะยอมช่วยเหลือ คำตอบของอัสเบลนั้นก็คือการใช้กำลังนั้นไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ หนทางเช่นนี้ไม่สามารถนำไปสู่ความสงบได้ และขอร้องให้ทบทวนอีกครั้ง
ริชาร์ดทั้งโกรธและผิดหวังเมื่อพบว่าผู้เป็นเพื่อนสนิทนั้นได้ทรยศหักหลังตน ดาบแห่งกษัตริย์ถูกชักออกจากปลอก เล็งไปยังทั้งสองคนที่อยู่เบื้องหน้า พร้อมสายลมที่ถูกบีบอัดแน่นที่ปลายดาบพุ่งเข้าหาเป้าหมาย ฮิวเบิร์ทชักดาบคู่ของเขามาป้องกันไว้ได้แต่ก็ยังทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ ริชาร์ดไม่รอช้าที่จะโจมตีเข้ามาอีกครั้งด้วยความโกรธเกรี้ยว อัสเบลรีบพุ่งเข้าไปคว้าตัวน้องชายหลบออกมาได้แต่ก็เสียหลักตั้งตัวไม่ทัน ริชาร์ดเองก็กำลังจะโจมตีอีกครั้งโดยหมายเอาชีวิตในครั้งนี้
เสียงร้องห้ามจากเด็กสาวดังขึ้นมาก่อนเจ้าของเสียงจะถลาเข้ามาจากเบื้องบน แขนเล็กๆทั้งของเธอไขว้กันเป็นกากบาทเข้าปะทะกับดาบของริชาร์ดที่ไหวตัวตั้งรับได้ทัน ทั้งสองคนผละออกจากกัน เป็นโซฟีนั่นเอง เธอบอกว่าจะปกป้อง และพุ่งเข้าหาห่ากระสุนของอีกฝ่ายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก ได้แต่หลบหลีกไปตั้งหลัก คลื่นแสงที่เคลื่อนไหวราวกับเปลวเพลิงปรากฏขึ้นห่อหุ้มแขนทั้งสอง และทำให้ทั้งร่างของเธอเหมือนมีชั้นแสงบางๆครอบคลุมอยู่ นั่นทำให้อัสเบลนึกถึงภาพในอดีต ตอนนั้น อณูแสงก็ลอยออกมาจากตัวฮิวเบิร์ทและเข้าไปรวมกันที่โซฟี เธอกระโดดหลบการโจมตีของริชาร์ดไปอีกด้าน พร้อมๆกับที่ลำแสงพุ่งขึ้นจากพื้นจุดที่เธอยืนอยู่ เธอร้องบอกว่าจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องเหมือนในอดีตอีกแล้ว
โซฟีและริชาร์ดพุ่งเข้าปะทะกันอีกครั้ง แต่กระนั้นเธอก็สู้แรงไม่ไหวและตกอยู่สภาพเสียเปรียบ ขณะที่ริชาร์ดกำลังจะลงมือสังหาร อัสเบลซึ่งไม่ต้องการให้ทุกอย่างลงเอยเหมือนในอดีตพุ่งเข้าไปขัดขวาง ดาบของเขาตวัดใส่ริชาร์ดทำให้อีกฝ่ายต้องถอยออกไป แต่นั่นทำให้เขายิ่งโกรธมากกับการหักหลังครั้งนี้ ริชาร์ดเข้ามาโจมตีใส่ทุกคนพร้อมคลื่นพลังสีดำที่ห่อหุ้มรอบตัว
หลังริชาร์ดพ่ายแพ้ เขาโซเซลุกขึ้นด้วยความเคียดแค้นก่อนระเบิดมวลสารสีเพลิงทมิฬออกมา โซฟีรีบต่อต้านกลับด้วยพลังที่ดูราวกับเป็นด้านตรงข้าม ด้วยมวลแสงสีขาวอมรุ้ง พลังทั้งสองเข้าปะทะกันทำให้เกิดลมแรงพัดพาผู้ไร้ที่ยึดเหนี่ยวปลิวไปทั่ว โซฟีและริชาร์ดเค้นพลังสู้กันซักพักก่อนโซฟีจะปลดปล่อยครั้งสุดท้าย และกระแทกริชาร์ดกระเด็นไปชนผาหินเบื้องหลังจนบาดเจ็บหนัก ก่อนดิลและทหารวินดอลจะรีบเข้ามาพาเขาหลบหนีไป
หลังการต่อสู้ เชเรียได้วิ่งเข้าดูอาการของทุกคน ซึ่งก็ไม่มีใครเป็นอะไรมาก ตอนนี้โซฟีนึกออกทั้งหมดแล้วถึงช่วงเวลาในสมัยก่อน ฮิวเบิร์ทที่เป็นเด็กขี้อายแต่ก็เป้นห่วงทุกคนเสมอ เชเรียที่ถึงจะร่างกายอ่อนแอแต่ก็ไม่ยอมแพ้และร่าเริงเสมอ รวมถึงอัสเบลที่ใจดี เข้มแข็ง และได้ปกป้องเธอ ตอนนี้เธอได้พบพวกเขาอีกครั้งแล้ว
ฮิวเบิร์ทได้รับรายงานจากทหารว่าทัพวินดอลได้ถอยร่นไปนอกเมืองแล้ว เขาจึงสั่งการให้รีบไปเสริมการป้องกันที่ด้านนั้นทันที อัสเบลมองไปที่เมืองบ้านเกิดที่มีกลุ่มควันและร่องรอยของการสู้รบมากมาย เขารู้สึกเสียใจที่สุดท้ายเขาก็ปกป้องมันไว้ไม่ได้ แต่โซฟีบอกว่าเขาได้ปกป้องเธอแล้ว เหมือนกับเมื่อสมัยก่อน ถึงเธอจะนึกออกเพียงเล็กน้อยแต่เธอก็ดีใจ แต่กระนั้นเธอก็รู้สึกไม่สบายใจที่สามารถจำเรื่องราวต่างๆจนถึงตอนนี้ได้
- หลังจบอีเวนท์ทั้งหมดแล้ว จะเหลืออัสเบลและโซฟี ให้เดินลงมาจะพบ Attachment すいか
- เดินไปยังทุ่งดอกไม้บนยอดเขา เจออีเวนท์อีกที แล้วให้กลับไปที่แลนท์
- ที่บ้านของอัสเบลชั้นสองห้องซ้าย มีซับอีเวนท์ 母への屈託
- ไปหาฮิวเบิร์ทที่ห้องเจ้าเมือง (ชั้น 1 ซ้ายมือ) และได้ไอเทม 大統領宛の親書
- ออกมาจากห้องและไปยังลานกว้างของเมือง โซฟี, ปาสคาล และมาริคจะกลับเข้ากลุ่ม
- ข้ามสะพานออกไปยังประตูตะวันตก และออกไปยังบ้านหลังเล็กทางตะวันตกของแลนท์
- สู้กับมอนสเตอร์ แล้วเชเรียจะกลับเข้ากลุ่ม
- กลับไปที่บ้านอัสเบล เข้าห้องแขก (ชั้น 1 ทางขวามือ)
- ย้อนออกไปทางตะวันตกอีกที เดินไปตามทางตะวันตกเรื่อยๆจนพบท่าเรือ
- คุยกับกะลาสี เพื่อไปยัง ストラタ (สตราต้า)
Story Synopsis
ภายในห้องทำงานของเจ้าเมือง นายทหารผู้ช่วยได้เข้ามาสรุปสถานการณ์โดยสรุปให้ฮิวเบิร์ทฟัง ซึ่งในตอนนี้วินดอลได้ปิดเส้นทางที่จะไปยังเกรลไซด์และบาโลเนียจาอเมืองแลนท์จนหมดแล้ว ซึ่งคงไม่น่าจะมีการบุกโจมตีมาอีกเร็วๆนี้ ขณะเดียวกัน เขาก็ยังได้ถามถึงเรื่องมวลแสงที่เกิดขึ้นระหว่างการโจมต่ี ซึ่งเขาเกรงว่าจะเป็นอาวุธชนิดใหม่หรือเปล่า แต่ฮิวเบิร์ทก็ตัดบทว่าเขาไม่สนใจในเรื่องนั้น
จากนั้นก็ยังมีคำถามถึงเรื่องของหินเคลียสซึ่งตามคำสั่งแล้วฮิวเบิร์ทจะต้องทำการค้นหาแต่ก็ไม่ได้ทำตาม ซึ่งเขาก็ให้คำตอบว่าจำนวนคนนั้นไม่พอ และจะให้บังคับชาวแลนท์ไปทำก็ไม่ได้เพราะว่าเขาไม่ได้มาในฐานะเจ้านาย แต่เป็นพรรคพวกเท่านั้น แต่อีกฝ่ายก็ประชดประชันว่าเป็นเพราะฮิวเบิร์ทมีใจให้กับเมืองแลนท์มากกว่าอาณาจักร เพราะสุดท้ายแล้วถึงฮิวเบิร์ทก็เป็นสายเลือดชาวแลนท์อยู่ดี ทำให้ฮิวเบิร์ทต้องหันไปบอกว่าเขาเป็นชาวสตราต้านับตั้งแต่เจ็ดปีก่อน แต่ประโยคหนึ่งที่เขาได้แค่คิดอยู่ในใจก็คือการที่เขาถูกทิ้งนั่นเอง
ที่ประตูหน้าชายแดนแลนท์กับเฟนเดล อัสเบ มาริค โซฟีและปาสคาลได้มาสำรวจความเคลื่อนไหวของเฟนเดล ซึ่งมีการรักษาความปลอดภัยที่ประตูอย่างหนาแน่น เเ นั่นเพราะควาทวุ่นวายที่พึ่งเกิดขึ้นที่แลนท์นั่นเอง มาริคได้ถามอัสเบลถึงสิ่งที่จะทำต่อไปเรื่องหนึ่งก็คือการทำให้ไม่มีไฟแห่งสงครามที่แลนท์อีก อีกเรื่องหนึ่งก็คือโซฟี ซึ่งครั้งนี้เขาจะปกป้องเธอเอาไว้ให้ได้ มาริคกับปาสคาลก็พร้อมจะให้การสนับสนุนเต็มที่
ตามคำขอของโซฟี อัสเบลได้พาเธอไปที่ทุ่งดอกไม้แห่งนั่น เธอรู้สึกสงสัยว่าหลังจากที่เธอเคยช่วยพวกเขาในตอนนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ก่อนที่เธอจะพบพวกเธอ เธอกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ อัสเบลได้บอกว่าไม่ว่าอดีตจะเกิดอะไรขึ้นก็สำคัญที่สำคัญคือ "ตอนนี้" ทำให้โซฟีสบายใจขึ้นมาได้บ้าง
กลับมาที่เมือง อัสเบลก็พบว่ามีทหารที่บาดเจ็บมากมายโดยที่เชเรียกำลังวิ่งวุ่นกับการรักษา บารี่นำผ้าพันแผลกับยามาให้เธอและเจอกับอัสเบลพอดี เพราะความขุ่นเคืองท่ี่อัสเบลไม่อยู่ที่เมืองในเวลาที่ควรอยู่ทำให้เขาไม่สนใจอัสเบล ทำให้อัสเบลรู้สึกผิดและพูดว่าถ้าเขาไม่อยู่แลนท์คงจำดูกว่า ทำให้เชเรียบอกว่าเขาจะจากไปอีกครั้ง รวมทั้งฮิวเบิร์ทที่ต้องไปจากเมืองเช่นกันเพราะมีคำสั่งเรียกตัวกลับไปสตราต้า เมื่อรู้ดังนั้น อัสเบลจึงรีบตามไปถามเจ้าตัวทันที ขณะที่เชเรียเมื่อคิดว่าจะต้องจากทุกคนอีกครั้งก็ทนไม่ได้และวิ่งตามไปทันที
อัสเบลได้ฟังจากปาสฮิวเบิร์ทว่าคำสั่งเรียกตัวเป้นความจริง ซึ่งเป็นเพราะเขาไม่ได้ทำตามคำสั่งที่ได้รับมาจากบื้องบน และเขาคงจะไม่ได้กลับมาที่แนท์อีก แต่อัสเบลรู้ว่าฮิวเบิร์ทเป็นคนที่สำคัญกับแลนทืในเวลานี้ จึงอยากให้เขาอยู่ที่นี่ต่อไป คนที่จะปกป้องอลนท์ไม่ใช่เขาแต่เป็นน้องชายของเขา ฮิวเบิร์ทถามกลับว่ายอมให้คนอื่นมายึดตำแหน่งเจ้าเมืองแบบนี้จะดีหรือ แค่อัสเบลก็ทำให้เขาต้องอึ้งเมื่อบอกว่าไม่ใช่คนอื่น เพราะว่าฮิวเบิร์ทเป็นคนสำคัญ
อัสเบลได้บอกว่าจะไปที่สตราต้า เพื่ออธิบายว่าฮิวเบิร์ทเป็นคนที่สำคัญต่อทั้งแลนท์และสตราต้า ถึงจะไม่สำเร็จแต่อย่างน้อยก็จะช่วงซื้อเวลาให้ฮิวเบิร์ทสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ เมื่อได้ฟังดังนั้น ฮิวเบิร์ทจึงเขียนสารแนะนำตัวให้กับอัสเบล และยังเตือนให้ระวังสกุลออสเวลเอาไว้ เพราะเจ้าบ้านออสเวล พ่อบุญธรรมของเขาต้องการขยายขอบเขตอำนาจออกมานอกสตราต้า ซึ่งการเข้าควบคุมแลนท์นั้นก็เป็นความคิดของเขาผู้นั้นเช่นกัน
หลังจากที่อัสเบลออกไปจากห้อง ทหารผู้ช่วยผมส้มของฮิวเบิร์ทก็เข้ามา เขาผู้นี้จริงๆแล้วคือพี่ชายในสกุลออสเวล์ของฮิวเบิร์ทชื่อเรมอน เขาได้รับรู้เรื่องที่ฮิวเบิร์ทส่งอัสเบลไปสตราต้าเพื่อเปลี่ยนแปลงคำสั่งเรียกตัวกลับ และหากไม่สำเร็จ เขาและผู้ติดตามทั้งหมดก็ต้องตามกลับไปด้วย ทำให้อีกเรมอนรู้สึกว่านั่นเพราะฮิวเบิร์ทรู้สึกว่าตัวเขาไม่สามารถดูแลเมืองแลนท์แทนได้ แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากฮิวเบิร์ท ซ้ำยังบอกว่าเขาทำไปไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของสกุลออสเวล แต่เพื่ออาณาจักรสตราต้า
ฮิวเบิร์ทเดินออกไปจากห้องโดยไม่ทันเห็นเชเรียที่แอบฟังการสนทนาทั้งหมด เธอลองเดินเข้าไปใกล้ๆประตูอีกครั้งและได้ยินเสียงเรมอนโวยวายที่พลาดหวังเรื่องจะได้อำนาจควบคุมแลนท์อยู่ในมือแต่ก็โดนขัดขวางเสียก่อน เขาจึงคิดจะหาทางแย่งสารของฮิวเบิร์ทด้วยทางใดทางหนึ่ง ขณะที่เชเรียกำลังจะรีบกลับไปบอกอัสเบลถึงเรื่องนี้เธอก็ถูกทหารพบตัวเข้า ทำให้เรมอนรู้ว่าเธอได้ยินเรื่องที่เขาพูดทั้งหมด เรมอนรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เ)็นครู้จักของฮิวเบิร์ท ทำให้เขาได้ความคิดที่จะทำให้แผนการของเขาสำเร็จ
อัสเบลมารวมกลุ่มกับคนอื่นๆและขอให้พวกเขาไปสตราต้าด้วยกัน ซึ่งทุกคนก็พร้อมจะให้ความร่วมมือ แต่ก็ไม่มีใครเห็นเชเรียเลย ตอนนั้นเรมอนก็เข้ามาหาและบอกว่าเขาได้ควบคุมตัวเธอไว้ในข้อหาแอบฟังความลับทางการทหาร และหากอยากได้ตัวเธอกลับไปก็ต้องส่งสารของฮิวเบิร์ทมาให้เท่านั้น มิฉะนั้นก็คงมีอาหารมื้อใหญ่ให้กับเหล่าปีศาจแน่นอน
โึชคดีที่ฮิวเบิรืทได้ยินเรื่องราวทั้งหมดด้วย เขาจึงบังคับให้เรมอนส่งตัวเชเรียคืนมา เพราะนอกจากเรื่องการกระทำที่ไม่เหมาะสมแล้วยังมีข้อหาพยายามแย่งชิงเอกสารของนายทหารชั้นสูงกว่าเช่นเขาอีก เมื่อหมดหนทางจะหนีได้ เรมอนจึงชักดาบสั้นออกมาแทงตัวเพื่อฆ่าตัวตายหนีความอับอาย ฮิวเบิร์ทบอกว่าเขาจะจัดการเรื่องทางนี้เอง แล้วให้ทุกคนไปตามหาเชเรีย
ในบ้านหลังหนึ่ง เชเรียซึ่งถูกมัดไขว้หลังสามารถคลายปมเชือกออกมาได้ เธอพยายามขอให้เปิดประตู แต่ภายนอกก็เต็มไปด้วยเสียงของเหล่ามอนสเตอร์ ตอนนั้นพวกอัสเบลก็ตามมาช่วยเธอไว้ได้ทันพอดี ซึ่งเขาได้ระเบิดความโกรธที่เธอทำเรื่องอันตรายลงไป ซึ่งหากเขามาไม่ทันก็คงตายไปแล้ว ทำให้ทั้งสองคนทะเลาะกันยกใหญ่ ซึ่งเชเรียทำไปทั้งหมดก็เพราะเป็นห่วงเขา และบอกทั้งน้ำตาว่าทั้งหมดเป็นความผิดของอัสเบลที่จู่ๆก็หายตัวไป แะไม่กับมาเลยนานปลายปีทั้งๆที่เธอรออยู่ตลอดเวลา ถึงจะอยากไปพบแต่ก็ไม่อยากจะไปสร้างปัญหาให้เขา อัสเบลได้ขอโทษและบอกว่าเขาหวังว่าอยากจะเป็นอัศวินเสียก่อนจึงจะกลับไปอีกครั้ง ปาสคาลแซวทั้งสองคนทำให้เธอวีนแตกและสวนกลับไปหยุด จนอัสเบลอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เพราะเขารู้แล้วว่าเชเรียไม่ได้เปลี่ยนไปเลย และเขาก้ดีใจที่เธอปลอดภัย สุดท้ายทั้งสองจึงสามารถคืนดีกันได้ พร้อมความสัมพันธ์ที่ก้าวขึ้นไปอีกขั้น
เมื่อกลับมาที่เมือง ฮิวเบิร์ทรู้สึกโล่งอกที่เชเรียไม่เป็นอะไร ซึ่งเธอก็ดูจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นแล้ว อีกทั้งยังเข้าไปรักษาเรมอนที่เป็นตัวการด้วย และบอกให้ลืมเรื่องเหล่านั้นไปซะ ทำให้เขาซาบซึ้งใจจนพูดอะไรไม่ออก
หลังจากนั้นทุกคนก็พร้อมจะออกเดินทางไปสตราต้า ฮิวเบิร์ทได้มอบเครื่องรางให้อันหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้บอกว่าข้างในนั้นใส่อะไรเอาไว้ ระหว่างเดินทางมาริกนึกขึ้นไปว่าอัสเบลเคยพูดถึงน้อยชายเสมอๆ ทั้งกังวลว่าจะเหงาหรือเปล่า จะโดนแกล้งหรือเปล่า และยังเคยส่งจดหมายไปด้วยแต่ก็ไม่มีอะไรส่งกลับมาเลย แต่เชเรียก็มั่นใจว่าความรู้สึกของอัสเบลจะต้องส่งไปถึงฮิวเบิร์ทแน่นอน ระหว่างที่อยู่บนเรือ ฮัสเบลได้คือที่คั่นหนังสือที่ทำจากดอกคุโรโซฟีให้กับเชเรีย ซึ่งทำจากดอกไม้ที่เธอได้จากเขาในสมัยเด็กและเป็นสิ่งสำคัญต่อเธอมาก เพราะทุกๆคนจากไปกันหมดแล้ว นี่จึงเป็นสิ่งเดียวที่ไว้นึกถึงความทรงจำเหล่านั้นได้ และฌะอก็ไม่เคยคิดว่าจะได้มาอยู่ร่วมกันอีก
ขณะเดียวกัน ที่บัลลังก์ของบาโรเนีย ริชารืดซึ่งน่าจะบาดเจ็บอยู่กลับมานั่งที่บัลลังก์โดยไม่สนความเป็นห่วงของดิล บอกว่าเขาไม่เหมือนคนธรรมดา ดิลได้เห็นไอดำหมุนวนอยู่รอบๆตัวของริชาร์ด เขาบอกว่าตัวเองเป็นราชาแห่งวินดอล ราชาต้องแข็งแกร่งมากขึ้้นอีก และนึกขึ้นได้ว่าวินดอลยังมีพลังอำนาจที่สุดยอดอยู่ รวมถึงที่อื่นๆ รวมทั้งผื้นโลกนี้ด้วย
オル・レイユ (ออลเรยู)
Discovery: 真実の岩 (ใกล้ๆทางออก)
Items: 魔法カルタNo.32 (หีบใกล้ๆคาเมะนิน), アマリリスの種 (จุดแสงบนเนิน), 間食の魔導書 (หีบข้างๆโรงแรม ใส่รหัส カメニン)
ストラタ岩石砂漠 (ทะเลทรายหินสตราต้า)
Discovery: ストラタサボテン(กระบองเพชร)
Items: 羽ばたける結晶, 魔法カルタNo.08 (แรนด้อมจากจุดเก็บของ)
- เมื่อเตรียมตัวเสร็จแล้วก็ออกไปทางใต้ (ศัตรูช่วงนี้จะเก่งขึ้นมาอีกระดับ) เดินไปตามทางจนถึงจุดแยกซ้ายขวา
- หากใครอยากสดและเซฟที่จุดเซฟมาแล้ว ให้เดินไปทางขวา เพื่อเจอกับนรก แต่หากเก่งจัดก็จะเป็นจุดเก็บเลเวลและเศษหินชั้นยอด และหากถ่อไปจนถึงทางเข้าซากโบราณได้ก็จะมีสกิทพิเศษ(จำกัดช่วงเวลา)
- แต่หากไม่ ก็เดินไปทางซ้ายตามเรื่องราว และจะพบเมือง
セイブル・イゾレ (เซเบิล อิโซเร)
Discovery: お硬い本 (หนังสือเล่มยักษ์ในช่องหน้าทางเข้าศูนย์วิจัย),睡魔球 (ในศูนย์วิจัย)
Items: 小食の魔導書 (หีบบนขอบผาฝั่งซ้ายของเมือง ใส่รหัส ロックガガン), 魔法カルタNo.16&19 (จากเด็กหญิงหน้าศํูนย์วิจัฝั่งซ้าย), 魔法カルタNo.33 (หีบที่อยู่บนทางเดินเล็กด้านล่างของบ้านหลังสีแดง)
- ที่โซนร้านค้าจะมีซับอีเวนท์เล่น 魔法カルタ
- ข้ามสะพานไปฝั่งซ้ายและจะเจออีเวนท์ที่หน้าศูนย์วิจัย
- ในศูนย์วิจัย จะมีอีเวนท์ที่ปาสคาลจะได้ฉายา アクアサマナ ซึ่งมีท่าฮิโอกิที่สองด้วย
- เดินไปทางตะวันตกของเมืองแล้วออกไปทางประตูตะวันตกเฉียงใต้
ストラタ大砂漠・東 (ทะเลทรายผืนใหญ่แห่งสตราต้า ฝั่งดะวันออก)
Discovery: デザートバナナ (ต้นกล้วย แต่ต้องผ่านร็อกกากันไปก่อน)
Items: 魔法カルタNo.09 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ), 燃え盛る結晶 (ต้องผ่านร็อกกากันไปก่อน)
- เดินไปตามทางจนเจอบ้านที่มีคาเมะนินอยู่ข้างนอก แล้วไปต่อทางซ่้าย จะพบอีเวนท์กับร็อกกากัน
ロックガガン体内 (ในร่างของร็อกกากัน)
Discovery: 金色の微笑み (ทางตะวันตกจากจุดที่สู้กับแมลงป่องตัวแรก), 最大最硬単細胞 (ลูกกลมๆทางตะวันออกเฉียงเหนือสุด)
Items: 牙剥きし結晶, 先制の魔導書 (หีบบนเกาะเล็กๆ ซึ่งต้องฆ่าแมงป่องทั้งห้าตัวก่อน)
- เมื่อเข้ามาแล้วให้เดินขึ้นเหนือ ซึ่งจะต้องสู้กับ メールパラサイト
- กระโดดข้ามไปยังบ้านหลังๆเล็กๆที่เห้นในอีเวนท์ แล้วเข้าไปในนั้น จะได้ ロックガガンの笛
- ภายในนี้นั้นจะต้องฆ่า メールパラサイト อีกสี่ตัว ซึ่งพวกมันจะยืนอยู่บนแท่นแบบเดียวกับตัวแรก กระจายๆกันไปทั่วแมพ
- ในบางจุดนั้นตอนแรกๆจะเดินไปไม่ได้ แต่จะมีพื้นโผล่ขึ้นมาเมื่อเดินไปตามที่ต่างๆ ซึ่งหากหาทางไปต่อไม่เจอก็ให้ลองเดินไปดูตามทางที่เคยผ่านมาแล้ว จะมีทางใหม่ๆให้เดินเพิ่มขึ้น
- ฝั่งซ้ายของจุดเซฟด้านบนสุด จะเป็นทางไปสู้กับบอส แต่ถ้ายังฆ่า メールパラサイト ไม่ครบ ทางไปต่อก็จะยังไม่โผล่
- เข้าไปด้านในสุดเพื่อสู้กับบอส ペールパラサイトในตอนแรกนั้นจะสู้ไม่ยาก แต่พอมันตาย/ใกล้ตาย มันจะแตกตัวออกเป็น パラサイト ห้าตัว ซึ่งแต่ละตัวก็พลังไม่เบา และเน้นโจมตีด้วยเวทย์เป็นหลัก
- เมื่อปราบได้แล้วก็จะออกมาข้างนอก ให้เดินต่อไปเรื่อยๆจนถึงเมือง ユ・リベルテ
ที่เมืองออลเรยู กะลาสีคนหนึ่งบอกพวกเขาว่าช่วงนี้ "ร็อกกากัน" กำลังอาละวาดอยู่ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปเมืองหลวงได้ มาริกบอกว่ามันเป็นสัตว์ขนาดยักษ์ที่มีนิสัยขี้อายและไม่ชอบสุงสิงกับมนุษย์นัก ซึ่งก็น่าแปลกที่มันจะทำอะไรแบบตอนนี้ กะลาสียังบอกอีกว่าที่เมืองเซเบิลอิโซเรก็ได้ห้ามให้ชาวเมืองเดินทางออกไปยังด้านนั้นแล้วเพราะอาจมีอันตรายได้ อัสเบลแปลกใจที่มาริครู้เรื่องของสัตว์ของสตราต้าด้วย ซึ่งเขาก็บอกว่าก่อนจะมาที่วินดอลเขาก็เคยอยู่ที่สตราต้ามาก่อนด้วย
เมื่อเดินผ่านทะเลทรายมาจนถึงเมืองเซเบิลอิโซเร ชาวเมืองกำลังประท้วงทหารถึงเรื่องที่จะฆ่าร็อกกากันซึ่งมีชีวิตอยู่มายาวนาน รวมถึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีค่าแก่การศึกษา ถึงทหารจะบอกว่าเป็นการตัดสินใจของหัวหน้าก็ช่วยอะไรไม่ได้ ชายคนหนึ่งเข้ามาคุยกับพวกอัสเบลว่าในเมืองก็มีทั้งคนที่กำลังเดือดร้อนเพราะร็อกกากัน และคนที่อยากปกป้องมัน ทำให้เป็นเรื่องยุ่งยาก ขณะที่พวกอัสเบลก็ไปที่เมืองหลวงของสตราต้าไม่ได้เช่นกันหากสถานการณ์ยังไม่สงบ เขาจึงถามความเห็นจากคนอื่นๆดู ซึ่งทุกคนก็คิดว่าหากไปเจอมันเข้าก็แค่วิ่งหนีก็ได้
เมื่อเดินออกจากเมืองไประยะหนึ่ง ทุกคนก็รู้สึกว่าพื้นดินสั่นสะเทือน เม็ดทรายปลิวว่อนด้วยลมแรง เชเรียเรียกให้ทุกคนดูข้างหน้าซึ่งมีมือของสิ่งมีชีวิตขนาดยักไต่ขึ้นมาตามเนินซึ่งอยู่ไกลออกไ นั่นคือสัตว์ยักษ์ซึ่งมีขนสีน้ำตาล "ร็อกกากัน" นั่นเอง เมื่อมันเข้ามาใกล้และได้เห็นว่าแค่เขี้ยวก็มีขนาดใหญพอๆกับตัวคนแล้วก็สายเกินไป มันอ้าปากกว้างและกลืนกินทุกคนไปหมด
เมื่อรู้สึกตัวอีกทีทุกคนอยู่ในที่ๆแปลกประหลาดที่มีอะไรมากมายลอยอยู่เต็มไปหมด และก็คิดได้ไม่ยากว่าที่นี่คือภายในท้องของร็อกกากันนั่นเอง ทำให้เชเรียเริ่มสติแตกเมื่อเห็นว่ารอบๆนั้นเต็มไปด้วยเมือกๆเหนียวๆหนืดๆ ซึ่งคงจะเป็นน้ำย่อยของมัน ทุกคนจึงต้องรีบหาทางออกก่อนที่จะโดนย่อยกันหมด พวกเขาได้เจอแม้กระทั่งบ้านหลังเล็กๆซึ่งก็คงถูกกลืนมาเช่นกัน ภายในนั้นมีบันทึกของผู้ที่เคยอยู่ภายในนี้มาก่อน บอกว่าภายในนี้มีแมลงป่องตัวสีม่วงที่สร้างความทรมานให้ร็อกกากันอยู่ เขาได้ขอให้ผู้ที่พบบันทึกนี้ช่วยเหลือร็อกกากันด้วย
หลังจัดการปีศาจเหล่านั้นได้หมดก็นับว่าหมดเรื่อง แต่ก็ต้องหาทางออกจากที่นี่ อัสเบลพบว่าเครื่องรางที่ฮิวเบิร์ทให้มานั้นแตกแล้ว ข้างในนั้นเป็นพริกไทยนั่นเอง ผงพริกไทยลอยฟุ้งไปทั่วและทำให้ร็อกกันจามเอาพวกเขาทุกคนออกมา ซึ่งทุกคนก็แปลกใจว่าที่ฮิวเบิร์ทเอาพริกไทยใส่มานั้นเพราะอะไร จะว่าเพราะรู้ว่าจะเจอกับร็อกกากันก็ไม่ใช่ ตอนนี้ดูเหมือนว่าร็อกกากันจะสงบแล้ว ชายคนที่เจอที่เมืองก็เข้ามาขอบคุณทุกคน และถามไปว่าทำอย่างไรถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ เมื่ออัสเบลเล่าเรื่องให้ฟังและยืนเครื่องรางที่มีพริกไทยให้ดู เขาก็บอกว่านั่นเป็นเครื่องรางเคลียส และทำให้ฮิสเบลนึกได้ว่านี่เป็นของที่เขาเคยให้ฮิวเบิร์ทไปนั่นเอง จริงๆแล้วจะต้องใช้ผงทรายเคลียสทำ แต่เพราะหาไม่ได้เขาเลยใส่พริกไทยลงไปแทน ซึ่งก็ไม่นึกว่าฮิวเบิร์ทจะยังคงเก็บมันไว้ แต่ไม่จะอย่างไรก็นับว่าพวกอัสเบลได้ช่วยเหลือพวกเขาไว้ และเขาก็เดินลาจากไปพร้อมกับความสงสัยของมาริค ที่รู้สึกว่าเขาคนนั้นมีรัศมีที่ดูไม่เหมือนกันคนธรรมดา
ユ・リベルテ (ยู ริเบลเด)
Discovery: 快適deスノーマン (ตุ๊กตาหิมะในโรงแรม), 大噴水 (หน้าพุหน้าทางเข้าที่ว่าการเมือง)
Items: 水中メガネ (จุดแสงในบ้านออสเวล)
- ภายในเมืองจะแบ่งเป้นโซนร้านค้า, โซนที่อยู่อาศัย และที่ว่าการเมือง ตามลำดับ
- เข้าไปยังด้านในสุดซึ่งจะเป็นที่ว่าการเมืองยู ริเวลเด เมื่อคุยกับทหารหน้าประตูข้างใน อัสเบลจะต้องเข้าห้องไปคนเดียว จะพบประธานาธิบดี ดาวิด
- กลับออกมารวมกลุ่มข้างนอกแล้ว ย้อนไปยังเขตที่อยู่อาศัย คุยกับคนสองคนที่คุยกันอยู่
- ย้อนไปที่เขตร้านค้า คุยกับคนอีกคู่หนึ่งที่กำลังคุยกัน
- กลับไปที่โซนที่ว่าการ จะเจออีกคู่หนึ่ง
- ไปทางประตูตะวันตก แล้วจะเจออีเวนท์ จากนั้นจะมีอีเวนท์ในโรงแรมอีก
- เมื่อเหลืออัสเบลคนเดียว ให้กลับไปหาประธานาธิบดีอีกที จะได้ไอเทม 身分証
- ออกไปทางประตูตะวันตก เมื่อมุ่งหน้าสู่ด่านต่อไป
Story Synopsis
พวกอัสเบลเดินทางมาถึงเมืองหลวงของสตราต้า "ยู ริเบลเด" ซึ่งเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ทั้งที่อยู่กลางทะเลทราย ด้วยพลังของบัลกิเนสเคียร์ "ดีบบลูมัล" คู่บ้านคู่เมือง และไม่รอช้าที่จะไปยังที่ว่าการเมืองทันที ซึ่งสตราต้านั้นแตกต่างจากวินเดบลที่ปกครองด้วยระบบกษัตริย์ ที่นี่นั้นมีผู้ถือครองอำนาจสูงสุดก็คือประธานาธิบดี ซึ่งอัสเบลต้องการจะไปพบคนผู้นั้น เขาได้ยื่นหนังสือแนะนำตัวฮิวเบิร์ทให้ทหารหน่้าห้องประธานาธิบดีดู ซึ่งทีแรกก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เข้าไปพบทั้งที่มาแบบกระทันหัน แต่ทหารยามก็ออกมาบอกว่าสามารถเข้าไปได้ แต่เฉพาะอัสเบลเท่านั้น
เขาเข้าไปในห้องซึ่งประธานาธิบดีแห่งสตราต้ายืนหันหลังให้อยู่ และเมื่อหันมาก็ทำให้อัสเบลค้องแปลกใจ เมื่อรู้ว่าประธานาธิบดี "ดาวิด พาโรดี้" ก็คือชายวัยกลางคนที่พวกเขาพบที่เมืองเซเบล อิโซเร กับหลังจากออกมาจากท้องของร็อกกากันนั่นเอง ซึ่งท่านก็ได้บอกว่าตอนนั้นใส่ชุดพื้นๆโทรมๆ ถึงจะบอกไปก็คงไม่เชื่ออะไร นอกจากนั้นชายสวมแว่นอีกคนหนึ่งก็ได้เดินเข้ามา และดาวิดได้แนะนำว่านี่คือพ่อบุญธรรมของฮิวเบิร์ท "การีด ออสเวล" จากนั้นอัสเบลก็ได้ขอให้ดาวิดทบทวนคำสั่งตัวฮิวเบิร์ทกลับเมืองหลวง ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเป็นคนสำคัญทั้งสำหรับสตราต้าและแลนท์ ซึ่งถึงจะขัดคำสั่งไปก็จริง แต่หากมองในภาพรวมแล้วก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
ดาวิดได้บอกว่าเรื่องราวมันผิดไปจากที่เขาได้ยินต่จากการีด ซึ่งคำสั่งเรียกตัวนั้นเพราะว่าเขาต้องการสนทนาเรื่องที่ยุ่งยากกับฮิวเบิร์ืท เรื่องหนึ่งก็คือการค้นหาและค้นคว้าหินเคลียส เขาได้หันไปตำหนิการีดที่ออกคำสั่งให้ยกทัพไปที่เมืองแลนท์โดยไม่ขอไม่ได้รับคำอนุญาต ทั้งยังปิดเป็นความลับอีก ซึ่งทั้งหมดนั้นอาจนับเป็นข้อหาหนักถึงขั้นกบฏเลยทีเดียว และยังสำทับไปอีกว่าใครคือผู้มีอำนาจสูงสุดในสตราต้า และตั้งแต่เมื่อไหร่ที่การีดมานั่งแทนที่เขาได้
การีดพยายามแก้ตัว แต่ก็โดนกระทุ้งต่อด้วยข้อหาแอบทำสนธิสัญญาแบบลับๆกับเซลดิก และเมื่อรวมเรื่องออกคำสั่งกองทหารโดยไม่อนุญาต ดาวิดจึงอยากให้เขาวางมือจากเรื่องนี้ซะ การีดไม่พอใจเพราะว่าเข้าไปทุ่มเทไปมากมายเพื่อให้ได้อำนาจในการครองแลนท์มาอยู่ในมือ แต่ก็ไม่อาจโต้แย้งอะไรได้ จึงต้องเขม่นอัสเบลและออกไปโดยดุสดี
จากนั้นดาวิดก็กลับมาพูดถึงเรื่องฮิวเบิร์ทที่เขาก็พอจะได้ยินมาบ้างว่ามีความสามารถเป็นเช่นไร แต่เพราะฮิวเบิร์ทยังไม่มีความคืบหน้าในการหาหินเคลียส เขาจึงทำอะไรเพื่อยกเลิกคำสั่งนั้นไม่ได้ อัสเบลจึงขอว่าถ้าหากสามารถแก้ปัญหาเรื่องหินเคลียสได้ ฮิวเบิร์ทก็ไม่ต้องถูกเรียกตัวกลับ ซึ่งดาวิดลองให้อัสเบลไปคิดหาวิธีดู
อัสเบลได้มาปรึกษากับคนอื่นๆ และบอกว่าที่สตราต้าไปวางกองกำลังไว้ที่เมืองแลนท์ก็เพราะเพื่อหาทางให้ได้มาซึ่งหินเคลียสของวินดอล แต่ปาสคาลก็สงสัยว่าทำไมสตราต้าถึงต้องการหินเคลียสของวินดอลในเมืองสตราต้าก็มีหินบัลกิเนสเคลียสอยู่แล้ว และจากการสอบถามชาวเมืองดูจึงได้รู้ว่าระยะหลังๆสภาพภายในเมืองเหมือนกับจะร้อนขึ้น และพวกเขายังได้ช่วยนักวิจัยที่โดนนักเลงขู่ให้บอกเรื่องบัลกิเนสเคลียสที่ดูเหมือนจะมีการทดลองอะไรอยู่
ภายในโรงแรม อัสเบลสรุปได้ว่าบัลกิเนสเคลียสต้องเกิดสภาพผิดปกติอะไรซักอย่าง สตราต้าจึงต้องหาหินเคลียสมาเพิ่มเติม แต่เพราะยังไม่รู้สถานที่ตั้งแน่นอนจึงทำอะไรไม่ได้ แล้วปาสคาลก็ส่งภาพวาดโครงสร้างและองค์ประกอบของบัลกิเนสเคลียสที่เธอวาดขึ้นให้ทุกคนดู ทำให้ทุกคนประหลาดใจที่เธอรู้เรื่องนี้ด้วย อัสเบลจึงตัดสินใจนำภาพนี้ไปให้ดาวิดดู
เมื่อดาวิดได้ดูภาพและได้ทราบเรื่องของปาสคาลก็ยอมรับว่าบัลกิเนสเคลียสของเมืองเกิดอาการผิดปกติจริง ซึ่งนักวิจัยของอาณาจักรก็กำลังตรวจสอบอยู่ ขณะที่อีกกลุ่มนึงก็กำลังค้นหาชนเผ่าอันมัลเทีย ซึ่งเป็นเผ่าลึกลับซึ่งดูเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกับบัลกิเนสเคลียส แต่ก็ยังหาไม่เจอ แต่พวกอัสเบลมีผู้มีความรู้ในด้านนี้ จึงได้รับอนุญาตให้ไปตรวจสอบได้ และหากสามารถแก้ไขปัญหาได้ คำสั่งเรียกตัวของฮิวเบิร์ทก็จะถูกยกเลิก
ストラタ大砂漠・西 (ทะเลทรายผืนใหญ่แห่งสตราต้า ทิศตะวันตก)
Discovery: 砂人 (รูปปั้นทรายรูปคน ใกล้ๆกับคาเมะนิน)
Items: 吹き荒ぶ結晶, 魔法カルタNo.10 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
ストラタ砂漠遺跡 (ซากโบราณสถานบนทะเลทรายสตราต้า)
Discovery: 古代の残り火 (คบเพลิงที่เรียงกันเป็นทางด้านใน), 大蒼海石 (ศิลายักษ์ บัลกิเนสเคลียส ด้านในสุด)
Items: 霊憑きし結晶, 倍増の魔導書
- ออกจากเมืองแล้วเดินไปตามทางเรื่อยๆจนถึงซากโบราณสถาน ยืดอกพกบัตรแล้วเข้าไปต่อไป
- มีบางจุดที่ต้องแก้ปริศนาพื้นสี ซึ่งถ้าเหยียบสีหนึ่ง บล็อกสีเดียวกันก็จะดันขึ้นมา แต่บล็อกอีกสีก็จะยุบลงไปเช่นกัน ถ้าสามารถทำทางไปถึงอีกฝั่งได้ก็เคลียร์ สำหรับ Ver. PS3 นั้นมีจำกัดจำนวนก้าวเดินด้วย
- โซนด้านในเกือบสุด จะเห็นบันไดยาวที่อ้อมมาถึงหีบใบหนึ่ง แต่ยังเข้าไม่ได้ ให้กลับมาสำรวจอีกทีตอนผ่านอีเวนท์ทั้งหมดแล้ว
- เข้าไปถึงด้านในจะพบบัลกิเนสเคลียส "ดิวบลูมัล" และสู้กับบอส ディス・パテル สองตัว หากฆ่าได้ในหนึ่งนาทีจะได้โทรฟี่ ディス・パテル1分撃破! ด้วย อนึ่ง ทั้งสองตัวสามารถเปิดบาเรียอมตะได้ ดังนั้นก่อนสู้ก็เอาอัสเบล, เชเรีย หรือโซฟีเข้ากลุ่มตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปซะดีๆ มิฉะนั้นจะทำลายบาเรียไม่ลง
- หลังจากจบอีเวนท์แล้วก็กลับเมืองยู ริเบลเดทันที
- ตรงดิ่งไปหาประธานาธิบดีดาวิด และฮิวเบิร์ทจะเข้าร่วมกลุ่มด้วย
- ออกไปยังประตูทิศเหนือ (ฝั่งขวาของที่ว่าการเมือง)
Story Synopsis
ณ ซากโบราณสถานกลางทะเลทรายสตราต้าซึ่งเป็นที่ตั้งของ "ดิวบลูมัล" บัลกิเนสเคลียสสีน้ำทะเลแห่งสตราต้้า ปาสคาลได้เข้าไปตรวจสอบตรงนั้นตรงนี้และพึมพำอยู่คนเดียว เธอควักสว่านออกมาและเริ่มเจาะโดยไม่สนใจใคร และปิดท้ายด้วยค้อนทุบ เพียงเท่านั้น ภายในหินศิลายักษ์ก็ราวกับจะดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา แต่ไม่ทันจะชืนชม เสียงตะโกนว่าศัตรูของเหล่าทหารก็ดังขึ้นพร้อมการระเบิด สัตว์ร่างคล้ายมังกรสามตัวบินฝ่ายกลุ่มควันเข้ามา ผู้ที่ยืนอยู่บนหลังพวกมันตัวหนึ่งก็คือราชาทมิฬแห่งวินดอล ริชาร์ด
อัสเบลพยายามจะพูดคุยด้วย แต่ก็โดนโจมตีใส่จนแทบหลบไม่ทัน โซฟีเข้าไปขวางเอาไว้ แต่ไม่เหมือนครั้งที่แล้วที่เธอต้องปกป้องอัสเบล ครั้งนี้เธอไม่อาจลงมือโจมตีริชาร์ดได้ ผิดกับอีกฝ่ายที่มองโซฟีด้วยสายตาเกลียดชัง เขาให้มังกรอีกสองตัวเข้ามาโจมตีใส่ และเมื่อจัดการพวกมันลงได้ กว่าจะรู้ตัว ริชาร์ดก็ไปอยู่เหนือบัลกิเนสเคลียสแล้ว มือของเขายื่นไปยังส่วนปลายของหินศิลา พร้อมๆกับสายเอเรสที่ค่อยๆไหลเข้าสู่มือข้างนั้น เหล่านักวิจัยรีบตรวจสอบสภาพของหิน และพบว่าระดับพลังงานเอเรสในหินนั้นค่อยๆลงลงจนหมดในที่สุด จากหินสีฟ้าน้ำทะเลโปร่งใสกลับกลายเป็นสีเทาทึบเหมือนกับหินธรรมดา
ริชาร์ดหันมามองโซฟีและบอกว่าเขาเกลียดชังที่ได้เห็นหน้าของเธอ เขาจะไม่ถูกเธอกำราบเหมือนที่เคยเป็นมาอีก และให้เธอเตรียมใจเอาให้ดี โซฟีเรียกให้เขาหยุดแต่ก็ต้องทรุดลง พูดกับตัวเองว่าทำไม่ได้ ริชาร์ดเป็นเพื่อน และทุกคนจะเสียใจ ซักครู่หนึ่งเธอก็ผ่อนคลายลง หันมาบอกอัสเบลว่าหากปล่อยไว้แบบนี้ก็คงปล่อยริชาร์ดเอาไว้ไม่ได้ แต่ริชาร์ดเป็นเพื่อน การสู้กับเพื่อนคงเป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกับอัสเบลซึ่งรู้สึกเช่นเดียวกัน หากจะต้องสู้กันจริงๆ เขาก็ต้องถามถึงสาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้ก่อน
ปาสคาลตรวจสอบบัลกิเนสเคลียสอีกที และก็ยอมยกธงขาว ในสภาพนี้แม้แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้้ ทำคนจึงกลับไปที่ยู ริเวลเด เพื่อรายงานให้ดาวิดรู้ ซึ่งฮิวเบิร์ทก็อยู่ที่นั่นด้วย ดาวิดได้บอกว่าทหารวินดอลได้กลับไปตั้มั่นที่บาโรเนียแล้วด้วยสาเหตุอันแปลกประหลาด อัสเบลได้รายงานว่าริชาร์ดได้บุกไปยังที่นั่น แต่ก่อนจะพูดจบ ฮิวเบืร์ทก็แทรกว่าริชาร์ดคงจะดูดพลังงานจากหินไปจนหมด ซึ่งที่เขาและดาวิดรู้นั่นก็เพราะนี่เป็นเหตุผลเดียวกับที่ทหารวินดอลกลับเมือง บัลกิเนสเคียสของวินดอลก็ถูกสูบพลังงานไปจนหมดเช่นกันทำให้เกิดความวุ่นวายในเมืองหลวงเป็นอย่างมาก
ดาวิดถามถึงสาเหตุที่ริชาร์ดจะทำอะไรเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีใครนึกออก แต่เพราะบัลกิเนสเคลียสทั้งสองถูกดูดพลังงานไปแล้ว อีกหนึ่งที่เหลือที่อาณาจักรเฟนเดลก็คงจะไม่พ้นเป็นเป้าหมายต่อไปเช่นกัน ดาวิดจึงขอให้พวกอัสเบลไปที่นั่นเพื่อขัดขวางริชาร์ด โดยที่สตราต้าจะช่วยสนับสนุนเอง และเขาได้สั่งให้ฮิวเบิร์ทไปกับอัสเบลด้วย โดยที่เขาจะให้ผู้ช่วยของฮิวเบิร์ทช่วยดูแลเมืองแลนท์แทนไปก่อน
ระหว่างนั้นกลางทะเลทรายอันแห้งแล้ง มังกรที่ริชาร์ดขี่มากำลังบินวนอยู่รอบๆเจ้าของผู้ทรุดตัวอยู่เบื้องล่าง เขาพูดกับตัวเองว่าพลังยังไม่พออีกหรือ และถามว่า "แก" เป็นอะไรกันแน่ และหากเป็นแบบนี้ต่อไป ทั้งโซฟีทั้งอัสเบลก็คงจะต้อง...
"ไม่ใช่... พวกเขาไม่ได้หักหลัง... พวกเขาคือเพื่อนของฉัน" ริชาร์ดพูดด้วยสีหน้าที่โศกเศร้า ก่อนจะโอดครวญออกมาความเจ็บปวด
ストラタ大砂漠・北 (ทะเลทรายผืนใหญ่แห่งสตราต้า ทิศเหนือ)
Discovery: カラ井戸 (บ่อน้ำทางเหนือ) และเมื่อสำรสจแล้วจะมีสกิท ซึ่งอัสเบลต้องดวลเดี่ยวกับฮิวเบิร์ท แพ้ก็ไม่เป็นอะไร และสามารถลองใหม่ได้
Items: 魔法カルタNo.11 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
- เดินไปตามทาง จะเข้าสู่ท่าเรือทางเหนือของยู ริเวลเด จับเรือไปยังสถานที่ต่อไป
闘技島 (เกาะลานประลอง ไลออทพึต)
Discovery: 戦士の記録 (ใกล้ๆแมว)
Items: 魔法カルタNo.35 (หีบข้างๆโรงแรม), 代謝の魔導書 (ข้างๆโต้ะเจ้าหน้าที่ด้านใน ใส่รหัส ライオットピーク)
- มาถึงแล้วจะเจออีเวนท์ทันที เสร็จแล้วให้เตรียมตัวให้พร้อม
- ขึ้นบันไดไปคุยกับเจ้าหน้าที่ และ 4 คนแรกจะเข้าสู่การประลองห้ารอบ
- เมื่อสู้จบแล้ว จะสามารถขึ้นเรือทางขวามือไปเฟนเดลได้
フェンデル国境地帯 (ชายแดนเฟนเดล)
Discovery: モモの木 (ต้นท้อระหว่างทางไปเบลานิค)
Items: 魔法カルタNo.12 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ), 鱗つく結晶 (หีบใกล้ๆประตูชายแดน)
- ลงจากเรือแล้วไปตามทางตะวันตกเรื่อยๆ จนถึงสามแยก หากไปทางขวาจะสามารถกลับเมืองแลนท์ได้ โดยการคุยกับคาเมะนินชุดดำ และจ่าย 1000
- ที่สามแยก ให้ใช้ทางแยกด้่านบน ไปเนื่อยๆจะพบเมือง ベラニック (เบลานิค)
ベラニック (เบลานิค)
Discovery: カイガの台本 (ในห้องแต่งตัวหลังเวทีของโรงแรม)
Items:
魔法カルタNo.36 (หีบด้านขวามือของโค้งแรกของเมือง มุมกล้องจะบังอยู่)
ブッシュベイビー (หีบในบ้านทางตอนเหนือ),
スプーン (หีบทางขวาเมือง ต้องใช้ทางออกจากบ้านข้างๆ แต่พอเก้บแล้วต้องจ่ายเงินให้เด็ก 1000)
ニフェルムの種, お姫様物語傑作選 (ห้องแต่งตัวหลังเวทีของโรงแรม)
振込の魔導書 (หีบในโรงแรม ใส่รหัส ストラテイム)
- ไปยังลานฝั่งด้านขวาของเมือง จะพบอีเวนท์ เราต้องหา ストラテイムの角 มาห้าอัน
- ไปที่หน้าโรงแรม พบอีเวนท์แล้วให้เข้าไปในโรงแรม
- เมื่อค้างคืนแล้วให้เข้าไปยังถ้ำทางซ้ายมือของโรงแรม
フェンデル山岳トンネル (ถ้ำใต้ภูเขาเฟนเดล)
Discovery: 氷樹 (ต้นไม้น้ำแข็ง)
Item: 魔法カルタNo.13 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
- เข้าไปจนถึงจุดที่มีคนยืนกันอยู่ แล้วออกไปทางซ้าย
フェンデル高原 (ที่ราบเฟนเดล)
Discovery: キャベツ (กะหล่ำในช่องเขาด้านเหนือ)
Items: 魔法カルタNo.14 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
- ไปตามทางจนถึง ザヴェートへの連絡港 และคุยกับกะลาสีเพื่อไปยัง ザヴェート
Story Synopsis
ทั้งหกคนได้ขึ้นเรือเพื่อไปยังเฟลเดล โดยจะต้องไปยังเกาะเล็กๆในนการปกครองของเฟนเดลที่ชื่อไลออทพีคเสียก่อน โดยพวกเขาต้องไปพบกับสายลับของสตราต้าที่แอบแทรกซึมอยู่ในนั้น และให้เขาช่วยพาทุกคนเข้าไปยังเฟนเดลอีกทีหนึ่ง
บนเรือ ฮิวเบิร์ทจะไม่ค่อยชอบที่ปาสคาลมาป้วนเปี้ยนๆกับเขานัก และเขายังสงสัยที่เธอสามารถแก้ไขอาการผิดปกติของบัลกิเนสเคลียสได้ง่ายๆ ยิ่งได้ยินคำตอบแบบง่ายๆของเธอเขายิ่งไม่ชอบใจใหญ่ แต่ก็ต้องยอมตัดบทเพราะนิสัยของปาสคาลที่ร่าเริงโดยไม่สนใจอะไร เมื่อเธอขอตัวเดินอกไป อัสเบลก็พยายามกล่อมว่าถึงจะเป็นคนประหลาดๆ แต่ก็เพราะเธอทำให้พวกเขามาถึงที่นี่ได้ แต่าำหรับฮิวเบิร์ท ยั่ยยังไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้เขาเชื่อใจเธอได้
เมื่อเรือเทียบท่าที่ไลออทพีค ตอนนั้นสายลับของฮิวเบิร์ทยังไม่มาตามนัด ใกล้ๆกันนั้นมีทหารเฟนเดลถืออาวุธแปลกๆกันอยู่ ปาสคาลสนใจจึงเข้าไปด้อมๆมองๆดูอาวุธของทหารเหล่านั้น เมื่อพวกเขารำคาญก็เดินหนีออกไปตอนที่เธอสังเกตุอะไรได้พอดี เพื่อคลายความสงสัยของตน เธอจึงตามไปดูทันทีโดยไม่ฟังเสียงห้ามของฮิวเบิร์ท
ระหว่างที่มาริคและฮิวเบิร์ทอธิบายให้เชเรียฟังว่าที่แห่งนี้มีไว้เพื่อให้ผู้แข็งแกร่งได้ต่อสู้กับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตน ชายคนหน่ึ่งก็มาหาฮิวเบิร์ท และส่งจดหมายที่เขาได้รับฝากจากทหารเฟนเดลคนหนึ่ง เมื่อได้อ่าน ฮิวเบิร์ทก็บอกว่าสายลับของเขาถูกพบตัวจริงแล้ว ทำให้แผนที่วางไว้จะล่มไปกันหมด
ตอนที่กำลังปวดหัวกันนั้น ปาสคาลก็วิ่งหนีทหารสองนายมาหน้าตาตื่น ไม่รอช้าโซฟีเข้าไปขัดขวางไว้ พวกเขาได้บอกว่าปาสคาลพยายามจะมาแย่งอาวุธของพวกเขา แต่เธอก็บอกว่าแค่อยากจะขอดูเท่านั้นเอง นายทหารของเฟนเดลเดินเข้ามาและสงสัยว่าพวกเขาจะเป็นพวกเดียวกับสายลับที่พึ่งจับได้ ฮิวเบิร์ทได้เข้ามาบอกว่าไม่เข้าใจว่าพูดถึงเรื่องอะไรกันและบอกว่าที่พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อทดสอบฝีมือเหล่านักสู้แห่งไลออทพีคเท่านั้น เมื่อได้ยินแบบนั้น นายทหารเฟนเดลจึงท้าสู้ในลานประลองโดยที่มีเดิมพันเพิ่มความสนุกสนาน โดยหากทหารเฟนเดลชนะ เขาก็จะจับทุกคนไปเต้นความลับให้สิ้น ซึ่งทั้งหมดที่ฮิวเบิร์ททำนั้น ก็เพื่อช่วยเหลือสายลับของเขา ซึึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะพาพวกเขาไปถึงเฟนเดลได้
หลังการประลองด้วยชัยชนะของพวกอัสเบล ฮิวเบิร์ทได้ขอตัวทหารหญิงที่พวกเฟนเดลจับได้ว่าเป็นสายลับ นายทหารเฟนเดลไม่ยอมแพ้ง่ายๆและตั้งใจจะสังหารเธอซะ สายลับนั้นทิ้ง มาริคพยายามห้ามไว้ แต่นั่นไม่ใช่เหราะกลัวว่าสายลับจะถูกสังหาร แต่เพราะว่าที่ไลออทพีคนี้มีผู้้คุ้มกฏที่แข้งแกร่งอยู่ หากใครชักอาวุธหลังการต่อสู้ก็จะถูกลงโทษโดยไม่ละเว้น ไม่ทันขาดคำ ร่างในผ้าคลุมดำก็ออกมาสังหารนายทหารเฟนเดลคนนั้นอย่างรวดเร็วโดยที่อัสเบลแทบมองไม่เห็นความเคลื่อนไหว
จากนั้น สายลับก็พาทุกคนขึ้นเรือเข้าไปยังเฟนเดลได้อย่างปลอดภัย บนเรือนั้นอัสเบลได้ถามถึงเรื่องแสงที่มือของฮิวเบิร์ท ซึ่งมันเริ่มปรากฏเมื่อเร็วๆนี้เอง ฮิวเบิร์ทเองก็สงสัยที่ทำไมมีแค่เขา อัสเบล และเชเรียที่สามารถใช้แสงนั้นได้ และอีกเรื่องที่เขายังสงสัยก็คือมาริคที่รู้เรื่องของเฟนเดลมากผิดปกติ และเขายังรู้สึกว่าวิิชาการต่อสู้ของมาริคนั้นเขาเหมือนจะเคยเห็นมาก่อน ยิ่งเมื่อเห็นการตอบสนองที่เหมือนกับมีความลับอะไรอยู่ ยิ่งทำให้ฮิวเบิร์ทสงสัยมากขึ้นไปอีก
ที่ท่าเรือ ฮิวเบิร์ทได้รับรายงานจากสบายลับว่าเธอพบข้อมูลของหินบัลกิเนสเคลียสบ้าง แต่ก็ไม่ทราบแน่ชัด รู้เพียงว่าอยู่ที่เมืองซาเวท เมืองหลวงของสตราต้า ระหว่างทางไปนั้น พวกเขาก็เจอหลุมขนาดใหญ่ ขณะที่กำลังแปลกใจว่าเกิดจากอะไร ปาสคาลก็บอกว่านี่เป็นผลจากการระเบิดของหินเคลียส
พวกเขาไปถึงเมืองที่เสื่อมโทรมชื่อเบลานิค และเห็นเด็กพี่น้องสองคนกำลังเก็บเศษหินเล็กๆขึ้นมาจากพื้นอย่างคร่ำเคร่ง ซึ่งมาริคบอกว่าพวกเขากำลังเศษหินเคลียสเพื่อไปเป็นเชื้อเพลิงให้กับเตาผิง เด็กคนหนึ่งบอกว่าบ้านของพวกเขาเป็นโรงแรม จึงต้องเก็บไปเผื่อให้ห้องของแขกที่มาพักด้วย
มาริคเล่าว่าอาณาจักรนี้มีหินเคลียสไม่มากนัก และส่วนมากที่หาได้ก็ต้องเอาไปใช้ที่เมืองหลวง ทำให้มีปริมาณหินไม่เพียงพอที่จะเอาแจกจ่ายไปได้ทั่ว ซึ่งนี่เป็นความจริงที่ต่างจากภาพที่อัสเบลมีต่ออาณาจักรเฟนเดลมาก คืนนั้นระหว่างที่พักแรม โซฟีซึ่งนอนไม่หลับเพราะเสียงกรนของปาสคาลได้ออกมาเห็นมาริคยืนคิดอะไรอยู่คนเดียว ซึ่งเขาบอกว่ากำลังนึกถึงเพลงที่เขาเคยได้ยิน ซึ่งเกี่ยวกับผู้ชายสองคนซึ่งเต็มไปด้วยความความมุ่งหวัง แต่คนหนึ่งสูญเสียมันไป เขาจึงเดินทางไปยังประเทศอื่นเพื่อตามหาความหวังที่หายไปนั้น แต่พอถูกถามถึงผู้ชายอีกคน มาริคก็ตอบว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน
ระหว่างอยู่บนเรือเพื่อมุ่งหน้าไปซาเวท โซฟีรู้สึก กับเรื่องตัวตนที่แท้จริงของเธอ ทั้งที่อยากจะนึกให้ออกแต่ก็กลัวที่จะนึกออก อัสเบลเคยบอกว่าเธอเคยตายไปแล้ว และจากนี้หากเธอต้องตายอีกครั้ง เธอจะได้พบกับพวกอัสเบลอีกหรือเปล่า ใกล้ๆกันนั้น ฮิวเบิร์ทกำลังยืนกรานความไม่เชื่อใจที่เขามีต่อมาริคและปาสคาลเพราะทั้งสองเ)็นคนที่เขาไม่อาจจะเข้าใจได้ โซฟีเข้าไปถามว่าเกลียดเธอด้วยหรือเปล่า เพราะเธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน ฮิวเบิร์ทจึงต้องปรอบว่ากรณีโซฟีนั้นเธอไม่ได้ปิดบังอะไร เพียงแค่ลืมไปเท่านั้นเอง
ザヴェート
Items:
ねこぐるみ (ซื้อจากเด็กระหว่าทางเดินเข้าเขตร้านค้า ราคา 10G)
手練の魔導書 (หีบในโรงแรม ใส่รหัส ジレーザ
ブラッディローズの種 (ห้องชั้นสองของโรงแรม)
魔法カルタNo.37 (ทางเดินไปฟากตะวันตกของเมือง)
お姫様物語傑作選 (บ้านทางตะวันตกเฉียงเหนือ)
- เข้าไปในเมืองและจะพบอีเวนท์
- ไปยังฝั่งตะวันตกของเมือง คุยกับทหารที่นอนอู้งานอยู่
- เดินไปยังฝั่งร้านขายของ จะพบอีเวนท์ของทหารที่หน้าร้านขายอาวุธ
- เดินขึ้นมาอีกเล็กน้อย จะพบกับอีกอีเวนท์
- ไปยังประตูฝั่งตะวันตกแล้วออกไปข้างนอกเมือง
Story Synopsis
เมื่อถึงเมืองซาเวท ทหารกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาล้อมไว้เพราะทุกคนเป็นคนแปลกหน้าของที่นี่ มาริคได้เข้าไปออกหน้าบอกชื่อตัวเอง และบอกว่าพวกเขาพึ่งกลับมาจากภารกิจที่อาณาจักรวินดอล เขาได้ส่งบัตรประจำตัวให้ทหารคนหนึ่งดู ซึ่งอีกฝ่ายก็คิดว่าบัตรนั้นเป็นของจริงแต่ก็ยังสงสัยอยู่ มาริคจึงสำทับว่าหากยังสงสัยก็ให้ไปถามผู้บัญชาการทหารสูงสุดดูเหล่าทหารจึงยอมถอยไปแต่โดยดี มาริดได้บอกว่าเขาคิดว่าคงจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น จึงได้เตรียมการรอไว้ก่อนแล้ว แต่ทิ้งความแคลงใจให้ฮิวเบิร์ท
อัสเบลได้ลองหาข่าวเกี่ยวกับบัลกิเนสเคลียส และก็ได้ยินการสนทนาของทหารถึงเรื่องการวิจัยเกี่ยวกับการดึงพลังงานของบัลกิเนสเคลียสออกมาใช้โดยรับความช่วยเหลือจากชาวอันมัลเทีย ปาสคาลดูท่าทางกระวนกระวายมาก และบอกว่าการดึงพลังงานเอเรสออกมานั้นไม่ได้ทำกันง่ายขนาดนั้น ซึ่งหากเกิดผิดพลาดนิดเดียวก็จะเป็นเรื่องใหญ่แน่ ทั้งอาณาจักรเฟนเดลจะโดนเป่าหายไปเลย
เมื่อคนอื่นทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ เธอก็บอกให้นึกถึงหลุมระเบิดขนาดใหญ่ที่เห็นก่อนหน้านี้ และบอกว่านั่นเกิดจากหินเคลียสขนาดเล็กเพียงแค่ไม่ถึงนิ้ว เมื่อถูกถามว่าทำไมถึงรู้ เธอก็บอกว่านั่นเป็นเพราะเธอเป้นคนทำมันขึ้นเอง และยังคิดว่ากลไกที่ใช้เชื่อมต่อกับบัลกิเนสเคลียสก็คงจะเป็นงานค้นคว้าของเธอเอง เช่นเดียวกับอาวุธที่เธอเคยไปเดินตามขอดูจากทหารเฟนเดลที่ไลออทพีคก็ด้วย
ถึงตรงนี้อัสเบลก็เริ่มสับสน เพราะเขาได้ยินมาว่ากลไกที่กำลังพูดถึงอยู่นี้เป็นวิชาของชาวอันมัลเทีย ซึ่งปาสคาลก็ยอมรับหน้าตาเฉยว่าเธอเองก็เป้นชาวอันมัลเทีย และก็พึ่งนึกได้ว่าเธอยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครเลย จากนั้นเธอก็ขอให้ทุกคนไปที่หมู่บ้านชาวอันมัลเทียด้วยกัน ซึ่งที่นั่นเธอจะสามารถอธิบายอะไรหลายๆอย่างได้ และอาจจะรู้ที่ิอยู่ของหินบัลกิเนสเคลียสด้วย
ฮิวเบิร์ทปรามทุกคนไว้ และถามว่าทำไมปาสคาลถึงปิดบังทุกอย่างเองไว้ถึงตอนนี้ แต่เธอก็บอกแค่ไม่ได้พูดถึง นอกจากนั้นฮิวเบิร์ทยังหันไปถามมาริค และบอกว่าบัตรประจำตัวนั่นก็คงเป็นของจริงๆ ซึ่งมาริคก็ยอมรับว่าเขาเคยอยู่ในกองทัพเฟนเดล ซึ่งนันเป็นเรื่องเมื่อ 20 ปีก่อนแล้ว ทำให้ฮิวเบิร์ทซึ่งไม่ชอบคนที่ปิดบังเรื่องอะไรไว้ไม่อยากจะร่วมเดินทางไปด้วยกันกับทั้งสองคนอีก
ตอนนี้ ทหารกลุ่มเดิมก็เข้ามาล้อมทุกคนไว้อีก และบอกว่าคนที่ชื่อมาริค จีซาส์ได้ตายไปตั้งนานแล้ว ก่อนจะถูกจับกุม ทุกคนจึงรีบหนีออกไปจากเมือง พอปลอดภัยแล้วปาสคาลก็บอกว่าหมู่บ้านอันมัลเทียนั้นก็อยู่ทางนี้พอดี ทุกคนจึงตัดสินใจจะไปที่นั้นถึงฮิวเบิร์ทจะไม่เต็มใจเท่าไหร่
ザヴェート山 (ภูเขาซาเวท)
Discovery: ダイコン (หัวไชเท้าระหว่างทางไปศูนย์วิจัยสนีค), カボチャ (ฟักทองระหว่างทางไปชุมชนอันมัลเทีย)
Items: 形無き結晶 (ใกล้ๆจุดที่สู้กับบอส チムピオーンボア), 魔法カルタNo.15 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
- จากหน้าเมือง เดินไปทางตะวันออกเรื่อยๆจนพบป้ายบอกทาง ให้ใช้เส้นทางด้านบนก่อน
- ไปตามทางขึ้นเขาจนพบจุดเซฟ และเมื่อไปอีกหน่อยจะสู้กับบอส チムピオーンボア
- ไปต่อตามทางด้านจนพบคาเมะนิน สำรวจทางวาร์ปเพื่อเข้าสู่ アンマルチアの里
アンマルチアの里 (หมูบ้านอันมัลเทีย)
- จากทางเข้า ไปทางขวาบนจนพบบ้านที่มีห้องซ้ายขวาสองห้อง เข้าห้องขวาซึ่งเป็นห้องปาสคาล จะพบอีเวนท์
- ออกจากบ้านกลับไปยังกลางเมือง เดินลงบันไดและขึ้นพื้นลอยไปถึงห้องของหัวหน้าหมู่บ้าน พบอีเวนท์
- ออกจากเมือง และย้อนกลับไปยังจุุดที่เคยพบป้ายบอกทางอีกครั้ง คราวนี้ให้ไปทางซ้าย
- ระหว่างทาง จะมีทางเส้นหนึ่งที่แยกไปพบหีบสมบัติ แต่ต้องสู้กับมอนสเตอร์ フェイク แทน พอชนะแล้วปาสคาลจะได้ฮิโอกิท่าที่ 3 มาด้วย
- เดินไปจนถึง スニーク研究所
スニーク研究所 (ศูนย์วิจัยสนีค)
Discovery: 原素再装填装置 (ชั้นใต้ดินชั้นที่ 2), 冒涜の手中 (ชั้นใต้ดินชั้นที่ 3)
発見の魔導書: 発見の魔導書 (ชั้นใต้ดินที่ 5 ห้องฝั่งตะวันออก)
- ภายในจะมีบริเวณที่มีประตูกั้นเอาไว้อยู่ ต้องเข้าไปในห้องใกล้ๆกันนั้น เพื่อดันบล็อกสีแดงให้วงจรด้านบนต่อกันเป็นวงกลม แล้วไปสำรวจเครื่องปีกฟากหนึ่งเพื่อเปิดประตู
- ใต้ดินชั้นที่ 4 ถ้าขึ้นลิฟท์ทางตะวันออกเฉียงใต้ จะมาที่ใต้ดินที่ 3 เพื่อเก็บ Discovery ได้
- ใต้ดินชั้นที่ห้า เมื่อถึงห้องที่มีจุดเซฟด้านหน้า จะต้องสู้กับบอส ヴェーレス (เวเรส) ซึ่งจริงๆไม่ยาก แต่ตัวมันสามารถเรียกลูกน้องมาสร้างความวุ่นวายได้
- จบอีเวนท์แล้วให้ใช้ประตูด้านใน ซึ่งจะเป็นลิฟท์ขึ้นมาชั้น 1 แล้วให้ออกมาข้างนอก กลับไปยังเมืองซาเวท
Story Synopsis
เมื่อไปถึงบนยอดเขา หมูป่าตัวหนึ่งก็เดินเข้ามาใกล้ เมื่อฮิวเบิร์ทเห้นว่าเป้นแค่หมูป่าเขาจึงไม่สนใจและหันหลังให้มัน เปิดโอกาสให้สัตว์ร้ายวิ่งเข้าโจมตีใส่ โชคดีที่ปาสคาลเข้าไปผลักเขาออกไปแต่ตัวเองก็โดนทำร้ายแทน ทำให้ฮิวเบิร์ทรู้สึกผิดที่เธอมาช่วยเขาทั้งๆที่เขาพูดแบบนั้นใส่เธอแท้ๆ ทั้งเธอยังพูดแบบยิ้มแย้มได้อีก เขาหันไปถามมาริคว่าทำไมถึงไม่ต่อว่าเขาเลย ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าหาสามารถรรู้ข้อผิดพลาดได้ตัวเอง คำต่อว่าใดๆก็ไม่จำเป็น ฮิวเบิร์ทดูจะยังไม่พอใจที่ตัวเองได้รับการอภัยง่ายๆ ปาสคาลเลยจะให้แบกหมูป่าไปถึงหมู่บ้าน แต่คงจะไม่ไหว เธอเลยเดินเข้าไปจับมือเขาเขย่าอย่างแรงและบอกว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันแล้ว
ภายในหมู่บ้านชาวอันมัลเทีย ปาสคาลนำทุกคนไปที่ห้องของเธอ ซึ่งข้าวของเละเทะไปหมด ครั้งสุดท้ายที่เธอเข้าห้องนี้ก็เมื่อสามปีก่อนแล้ว ซักพักเธอก็บอกว่างานวิจัยเกี่ยวกับหินเคลียสของเธอหายไปหมดเลย เพื่อจะหาว่าใครเป็นคนเอาไป ปาสคาลจึงต้องไปถามนักปราชญ์ของเมืองซึ่งเป็นผู้ที่มีอาศัยอยู่ที่นี่มานานแล้ว
ที่บ้านของนักปราชญ์ซึ่งปาสคาลเรียกว่าท่านป้านั้น เะอได้พบกับพัวซอน เด็กสาวซึ่งจะได้เป้นนักปราชญ์รุ่นต่อไป ซึ่งเธอบอกว่าท่านป้านั้นจะไม่คุยกับใครตรงๆไปซํกพัก ดังนั้นการสนทนาต้องทำผ่านเธอเท่านั้น ปาสคาลได้ขอให้พัวซอนไปขอณุญาตท่านป้า เพื่อขอเข้าใช้งานห้องแห่งความรู้ แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตเพราะเป็นสถานที่พิเศษสำหรับนักปราชญ์เท่านั้น
ปาสคาลถามพัวซอนถึงที่อยู่ของบัลกิเนสเคลียสของเฟนเดล และบอกว่างานวิจัยของเธออาจจะถูกเอาไปใช้ที่นั้น แต่งานวิจัยนั้นเธอได้หยุดวิจัยกระทันหัน มันจึงเป็นผลงานที่ไม่สมบูรณ์ ถึงจะเอาไปใช้ดึงพลังงานออกมาได้แต่พอซักพักหนึ่งแล้วจะมีปัญหา ปาสคาลได้ถามถึงคนทีเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และน่าจะเป็นคนที่เอางานวิจัยของเธอไปด้วย ซึ่งพัวซอนบอกว่าคนๆนั้นก็คือ "ฟูริเอ" พี่สาวของปาสคาลนั้นเอง ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวกำลังทำงานวิจัยของเธออยู่ที่ศูนย์วิจัยสนีค
ในศูนย์วิจัยนั้น พวกอัสเบลได้ต่อสู้กับสิ่งชีวิตที่เหมือนร่างรวมของสัตว์หลายๆประเภท เมื่อปราบมันได้ฟูริเอก็เดินออกมาพูดด้วยประหลาดใจที่พวกเขาสามารถปราบสัตว์ทดลองของเธอได้ ปาสคาลเข้าถามถึงเรื่องของการทดลองบัลกิเนสเคลียสของเฟนเดล ซึ่งฟูริเอเรียกชื่อมันว่า "ฟอลกรันนิล" และบอกว่าเธอได้พัฒนางานวิจัยของปาสคาลจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่ปาสคาลบอกว่ามันเสร็จเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
แทนคำอธิบาย ปาสคาลได้นำเศษหินเคลียสแห่งไฟอันเล็กมาใส่หลอดทดลอง เธอใส่คำสังให้กับเครื่องควบคุมและบอกให้ทุกคนหลบไป เพียงชั่วครู่ หินเคลียสก็ระเบิดออกมา ปาสคาลได้อธิบายว่านี่เป็นคุณสมบัติของหินเคลียสแห่งไฟ หากดึงพลังงานออกมาเกินระดับหนึ่งก็จะเกิดการระเบิดขึ้น ซึ่งหากเอาไปใช้กับอาวุธทั่วไปก็ยังพอได้ แต่หากนำไปใช้ร่วมกับบัลกิเนสเคลียสก็คงจะเสียหายร้ายแรงแน่
ฟูริเอถามว่าที่ปาสคาลล้มเลิกการวิจัยเพราะรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้หรือเปล่า ซึ่งได้รับคำตอบว่าใช่ และยังขอให้หยุดการทดลองซะ แต่ฟูริเอบอกว่าทำไม่ได้ ปาสคาลจึงถามว่าอยู่ที่ไหนเพื่อที่เธอจะได้ไปแทน ทำให้พี่สาวโกรธเพราะรู้สึกว่าตัวเองถูกดูถูก ซึ่งเธอเองต้องพยายามอย่างมากที่จะต่อยอดงานวิจัยของปาสคาลให้สำเร็จ แต่กลับกลายเป้นว่าปาสคาลมองเห็นสิ่งที่เธอไม่เคยนึกถึง และตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วที่ปาสคาลจะเลียนแบบสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ และทำได้สำเร็จก่อนทุกครั้งไป ซึ่งทำให้ปาสคาลอึ้งและซึมลงไป
อัสเบลได้ขอร้องให้ฟูริเอช่วยเหลือเพราะมิฉะนั้นแล้วบัลกิเนสเคลียสแห่งไฟก็คงจะโดนดูดเอเรสไปเช่นเดียวกับอีกสองอันที่ผ่านมา แต่ฟูริเอเองก็ไม่รู้ที่อยู่แน่ชัด ซึ่งมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่รู้ "คาซ เบซเซล" หัวหน้าศูนย์พัฒนาเวทย์แห่งเฟนเดล และชื่อนั้นทำให้มาริคตกใจ ฟูริเอหันไปมองน้องสาวที่เงียบลงไปถนัดใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกันมากไปกว่านั้น
ออกมาข้างนอก ปาสคาลไม่เคยนึกว่าฟูริเอจะคิดกับเธอแบบนั้นและอยากจะเข้าไปขอโทษ ฮิวเบิร์ทได้ห้ามเธอไว้เพราะจะยิ่งทำให้ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก ที่ทำได้ก็มีแต่รอให้ฟูริเอยกโทษให้เองเท่านั้น อัสเบลบอกว่าที่ฟูริเอทำการทดลองไปนั้นก็เพื่อช่วยผู้คน และเพื่อไม่ให้มันกลายเป็นโศกนาฎกรรม พวกเขาจึงต้องหยุดการทดลองนั้น ฮิวเบิร์ทยังบอกอีกว่ามีแต่ปาสคาลเท่านั้นที่จะช่วยพี่สาวของเธอได้ ทำให้ปาสคาลต้องร้องไห้ออกมาเป็นครั้งแรกนับจากที่ได้พบกันมา
ザヴェート
- คุยกับคนบริเวณย่านร้านขายของ (จะรู้ว่าถูกคนเมื่อเห็นว่าตัวเราคิดอะไรขึ้นมา)
- เดินไปทางซ้าย คุยกับคนที่อยู่ระหว่างทาง (จะรู้ว่าถูกคนเมื่อเห็นว่าตัวเราคิดอะไรขึ้นมา)
- เดินต่อไปทางซ้ายอีก และลงบันไดไปถึงบ้านที่มีผู้หญงอยู่ คุยกับเธอแล้วเข้าไปในบ้านนั้น
- พบอีเวนท์แล้วจะได้บัตรผ่านมา
- จากย่านร้านค้า ให้ใช้ทางเดินด้านบนทางซ้ายมือ จะพบศูนย์วิจัย
フェンデル政府塔 (ศูนย์วิจัยเฟนเดล)
Discovery: 氷の巣 (รังนกน้ำแแข็ง ชั้น 42), 宝の山 (กองเศษเหล็ก ชั้น 32)
- ขึ้นลิฟท์ไปยังชั้น 39 (ลิฟท์จะอยู่ทางขวา เดินลอดบันไดไป)
- ชั้น 42 คุยกับทหารใกล้ๆบันได
- คุยกับทหารหน้าประตูทางซ้ายมือ เลือกข้อใดก็ได้ แล้วจะเข้าประตูไปได้
- ชั้น 41 หากเหยียบไอน้ำจะเสียพลัง ให้ปิดวาวล์บนกำแพงก่อน
- ชั้น 42 เมื่อถึงจุดที่มีทหารวิ่งสลับกันแล้ว ให้เลือกไอเทมให้ถูกกับแต่ละคนดังนี้ (ดูจากชุดเอาว่าคนไหนยศสูงกว่า) แล้วจะไปต่อได้
- ทหารธรรมดา ให้ アップルグミ, นายทหาร ให้ ピーチグミ, ทหารหญิง ให้ グレープグミ, นายทหารหญิง ให้ アップルグミ
- เข้าไปจนถึงห้องคาซ จะพบอีเวนท์แล้วทุกคนจะช่วยกันค้นหา ให้ไปสำรวจที่โต้ะ จะเข้าอีเวนท์อีกครั้ง
- หลังจากนั้นให้ใช้ลิฟท์สีแดงกลับลงมา
- กลับไปยังบ้านที่ได้ใบอนุญาตอีกที (จะข้ามไปทำที่หลังก็ได้เหมือนกัน)
- จากย่านร้านขายของ ให้ใช้ทางออกขวาบน จะออกไปยังภูเขาน้ำแข็ง
氷海への道 (ทางไปภูเขาน้ำแข็ง)
Items: 魔法カルタNo.17 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
フェンデル氷山遺跡 (ซากโบราณในภูเขาน้ำแข็ง)
Discovery: 虹の氷柱 (น้ำแข็งยักษ์ีสีรุ้ง), 大紅蓮石 (หินศิลายักษ์บัลกิเนสเคลียส)
Items: なかなかの骨, 勇猛の魔導書
- ภายใน จะต้องลากบล็อกน้ำแข็งมาปล่อยที่ทางลาด เพื่อให้มันชนกับเสาน้ำแข็งทำเป็นทางเดินต่อไป
- เข้าไปถึงข้างใน แล้วจะต้องสู้กับบอส カーツ และ ドラグーン สองตัว หากสามารถชนะได้ในหนึ่งนาทีก็จะได้โทรฟี่ カーツ1分撃破! ด้วย และหากมีมาริคในทีม ก็จะมีคัทซีนพิเศษอีกหน่อย
-หลังสู้จบให้สำรวจที่ตัวคาซ จะได้อาวุธ プラチナエッジ
- คุยกับทุกคนแล้วจะตัดเข้าอีเวนท์อีก เมื่อจบแล้วก็ให้ออกมา แล้วกลับไปยังหมู่บ้านอันมัลเทียอีกครั้ง (จะใช้คาเมะนินพาไปก็ได้)
- เข้าไปยังห้องของหัวหน้าหมู่บ้านอีกครั้ง คราวนี้จะสำรวจที่ด้านในสุดเพื่อเข้าไปอีกได้
- พบอีเวนท์ที่ด้านในนั้นอีกที แล้วให้ออกมาจากหมู่บ้าน กับไปที่เมืองซาเวท แล้วออกไปที่ท่าเรือทางใต้ของเมืองอีกที
- คุยกับกะลาสีเรือเพื่อไปยังสถานที่ต่อไป
Story Synopsis
เพื่อจะเข้าไปในศูนย์วิจัยซึ่งอยู่ในเมืองซาเวท พวกอัสเบลได้สอบถามชาวเมืองจนรู้ว่ามีชาวอันมัลเทียที่ทำงานในนั้นพักอยู่ในเมืองด้วย เมื่อเจอตัวคนๆนั้น ปาสคาลก็พบว่าเป็นเพื่อนของเธอชื่อ "เฟลม่า" ไม่รอช้า ปาสคาลก็ได้ขอยืมบัตรประจำตัวของเธอมาได้อย่างไม่ยากเย็น
ฮิวเบิร์ทได้ถามถึงอดีตของมาริคและ "คาซ เบซเซล" ซึ่งมาริคได้บอกว่าเขากับคาซได้เข้ากองทัพเฟนเดลในช่วงเวลาเดียวกัน ตอนนั้นอาณาจักรอยู่ในสถานะที่ยากจนมาก แต่ชนชั้นสูงกลับไม่ได้รู้สึกอะไรกับสภาพของคนส่วนใหญ่ของประเทศเลย มาริคและคาซจึงได้เข้าร่วมตณปฏิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงอาณาจักรแห่งนี้ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ ทำให้กลุ่มผู้ปฏิวัติถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น ช่วงนั้นเองที่มาริคหนีออกมาจากเฟนเดลเพราะคิดว่าชีวิตตัวเองคงตกอยู่ในอันตราย แต่คาซยังคงอยู่ที่นี่เพราะไม่อยากให้การปฏิวัติหายไปจากประเทศนี้ ซึ่งคาซเป็นคนประเภทที่ยอมสละชีวิตตนเองเพื่อให้ความมอุดมการณ์เป็นจริง ซึ่งมาริคก็ไม่แนใจว่าถ้าเขาซึ่งทิ้งประเทศแะอุดมการณ์ไปแล้ว ไปพูดกับคาซ เขาจะยอมรับอะไรได้หรือไม่
พวกอัสเบลสามารถเข้าไปยังศูนย์วิจัยโดยอ้างว่ามาทำงานแทนเฟลม่า ในที่สุดก็พบห้องของคาซที่เต็มไปด้วยหนังสือ แผนภาพและแผนที่ แต่เจ้าตัวไม่อยู่ที่นั่น ทุกคนจึงพยายามค้นหาข้อมูลในห้อง และพบรายละเอียดว่าบัลกิเนสเคลียสอยู่ในถ้ำน้ำแข็งใกล้ๆเมือง ซึ่งหากอยู่ใกล้ขนาดนี้และมีอะไรเกิดขึ้นกับการทดลอง เมืองทั้งเมืองก็คงจะหายไปแน่
เสียงฝีเท้าของคนที่เดินเข้ามาใกล้ประตูทำให้ทุกคนตื่นตัวและวิ่งไปหลบข้างๆประตูหวังจะศุ่มจู่โจมผู้เข้ามา แต่ทันทีที่ประตูเปิด อาวุธในมือของอีกฝ่ายก็วาดเข้่ามาจ่อที่คอของอัสเบลที่ไม่มีโอกาสขยับตัวเลย ขณะที่มาริคยังสามารถตั้งรับการโจมตีเอาไว้ได้ ผู้ที่เข้ามาก็คือคาซนั้นเอง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือมาริคเขาก็ลดอาวุธลง
คาซได้บอกว่าหลังผ่านเวลาอันยาวนาน ในที่สุดเตาพลังงานที่ใช้การดูดพลังงานเอเรสจากบัลกิเนสเคลียสก็เสร็จสิ้นแล้ว และจะช่วยให้ใช้ประโยชน์จากหินศิลายักษ์นั้นได้รวมถึงจะช่วยผู้คนของประเทศนี้ได้อีกมาย มาริคและปาสคาลกล่อมให้เขาล้มเลิกมันซะ เธอคิดว่าคาซเอางานวิจัยของฟูริเอไปใช้ทั้งๆอย่างนั้นโดยที่ไม่รู้ว่าสามารถเกิดการระเบิดขึ้นได้ แต่คาซปฏิเสธที่จะทำตาม เพราะว่าเขาก็ไม่ได้เอาผลงานของฟูริเอมาใช้เฉยๆ แต่ยังได้เอามาพัฒนาต่อจนสมบูรณ์แล้ว
คาซยังปฏิเสธที่จะฟังคำอ้างใดๆอีกเพราะเขาไม่มีเวลาอีกแล้ว และหากล้มเลิกการทดลองไป อาณาจักรนี้คงอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่กว่าเดิม เพื่อที่จะสามารถอยู่รอดต่อไปได้ เฟนเดลจะต้องทำสงครามกับประเทศที่ชั่วร้าย หรือวินดอนั่นเอง ซึ่งจะไม่ใช่การปะทะกันเล็กๆน้อยๆแบบที่ผ่านมา ครั้งนี้จะเป็นสงครามเต็มรูปแบบเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นคาซก็ให้โอกาสทุกคนกลับออกไปก่อนที่เขาจะเรียกทหารออกมาจับกุม
เมื่อออกมาแล้ว มาริคได้ถามปาสคาลว่าเป้นไปได้หรือเปล่าที่คาซจะสามารถพัฒนางานวิจัยของเธอจนเสร็จสมบูรณ์และไม่มีอันตรายจริงๆ แต่ปาสคาลก็รู้ว่าหากเกี่ยวกับการดึงพลังงานเอเรสออกจากบัลกิเนสเคลียสแล้ว ไม่มีคำว่าสมบูรณ์แบบแน่นอน ทุกคนจึงเหลือทางเลือกเดียวคือการเข้าไปหยุดยั้งการทดลองนั้นเอง
ภายในถ้ำน้ำแข็งนั้น บัลกิเนสเคลียสสีแดงฉานถูกเชื่อมต่อไปด้วยเครื่องจักรขนาดใหญ่ คาซกับทหารจำนวนหนึ่งยืนอยู่ใกล้ๆกับผู้บัญการสูงสุดแห่งเฟนเดล การเดินเครื่องเตาพลังงานเริ่มต้นขึ้นในทันที และเมื่อเห้นว่าไม่เห็นมีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจดังหวัง เขาก็สั่งให้เร่งเครื่องขึ้นไปอีก พวกอัสเบลรีบเข้าไปเพื่อจะหยุดการทดลองนั้น ซึ่งคาซก็ไม่อาจยอมได้และเข้าขวางทุกคน
ระหว่างที่กำลังวุ่นวายนั้น สิ่งที่ปาสคาลกังวลก็เป็นจริง เมื่อพลังงานเอเรสถูกดูดออกมาจนถึงขีดอันตราย บัลกิเนสเคลียสแห่งไฟก็เริ่มเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ยากจะควบคุมไว้ได้ พลังงานเริ่มหลั่งไหลออกมาจนควบคุมเอาไว้ไม่อยู่ คาซสั่งการให้หยุดเตาพลังงานซะแต่กลไกก็ขัดข้องจนทำอะไรไม่ได้ ปาสคาลจึงจะเข้าไปทำลายสายพลังงานแรงสูงเพื่อหยุดเคาพลังงานโดยตรง แต่คาซก็ขวางเธอไว้ก่อนที่ตัวเองจะเข้าไปทำลายมันด้วยตัวเอง ประกายไฟฟ้าพุ่งผ่านอาวุธเข้าสู่ร่างของเขาจนไหม้เกรียมไปทั้งตัว แลกกับการหยุดทำงานของเตาพลังงานและปฏิกิริยาเอเรสที่ค่อยสงบลงอย่างเฉียดฉิว
ทุกคนวิ่งเข้าไปดูเขาผุ้มีควันลอยออกมาจากร่าง เชเรียใช้พลังรักษาของเธออย่างเต้มที่แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก คาซได้ฝากให้ปาสคาลช่วยทำงานวิจัยของเธอให้สำเร็จเพื่อให้สามารถใช้พลังงานจากบัลกิเนสเคลียสได้ เพื่อทีจะได้ช่วยเหลือประชาชนของอาณาจักรนี้ และยังได้ฝากให้มาริคช่วยสืบสานหน้าที่ในการนำพาประเทศนี้สู่อนาคตด้วย และยังไม่ทันที่มือขอเขาทั้งสองจะได้จับกัน ชีวิตของเขาก็ขาดสิ้นลง
เพียงชั่วครู่จากนั้น ริชาร์ดบนหลังของมังกรก็บินลงมาจากเบื้องบน ไม่รอช้าเขากระโดดไปยืนอยู่ใกล้ๆกับหินศิลายักษ์และเริ่มดูดพลังงานทันที อัสเบลจะเข้าไปห้ามแต่ก็โดนริชาร์ดชักดาบยิงคลื่นพลังใส่ โซฟียังสามารถเข้าไปป้องกันไว้ได้ เธอเร่งพลังงานของเธอจนตัวเรืองแสงขึ้นมาและพุ่งเข้าไปโจมตีใส่ริชาร์ดทันที แต่ในครั้งนี้ริชารืดมีพลังเพิมมาขึ้นแล้ว เขาสามารถมีชัยเหนือได้สบายๆ กษัตริย์แห่งวินดอลจากไปที่แห่งนั้น ทิ้งทุกคนไว้เบื้องหลังพร้อมๆกับบัลกิเนสเคลียสที่สูญเสียสีแดงสดไปพร้อมๆกับพลังงานของมัน
世界の中心の孤島 (เกาะอันโดดเดี่ยวซึ่งอยู่กลางโลก)
- เข้าไปแล้วพอเดินเลยจุดเซฟไป จะต้องสู้กับบอส リチャード
Story Synopsis
ผู้บัญชาการทหารแห่งเฟนเดลได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากมาริค แต่เขาก็ยอมรับไม่ได้และสั่งให้ทหารจับตัวทุกคนไว้ แต่เสียงเล็กๆของพัวซอนห้ามเอาไว้ ซึ่งเธอได้มาส่งคำพูดจากท่านป้าผู้เป็นนักปราชญมายังผู้บัญชาการเพื่อให้ปล่อยตัวทุกคนไป เพราะเรื่องในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเฟนเดล แต่เป็นสิ่งที่มีผลกระทบกับทั้งโลก ซึ่งมีแต่พวกอัสเบลที่จะแก้ไขได้ ผู้บัญชาการทหารพยายามจะแย้ง แต่ก็โดนขู่ว่าหากไม่ทำตาม ชาวอันมัลเทียทั้งหมดก็จะถอนตัวจากการให้ความช่วยเหลือและความร่วมมือต่างๆกับเฟนเดล ทำให้เขาต้องยอมรับและกลับไปแต่โดยดี
พัวซอนได้บอกว่าที่ๆริชาร์ดโจะมุ่งหน้าไปต่อก็คือ "ลัสตาเรีย" ซึ่งเป็นศูนย์รวมของเอเรสและบัลกิเนสเคียสของโลกทั้งหมด เธอยังได้มอบกุญแจสู่ห้องแห่งความรู้ให้กับปาสคาล เพราะในห้องนั้นมีรายละเอียดเกี่ยวกับทุกสิ่งรวมถึงสัสตาเรียด้วย ซึ่งในครั้งนี้ท่านป้าอนุญาตให้เธอเข้าไปในนั้นได้แล้ว ทุกคนจึงตัดสินใจจะไปที่นั่น แต่มาริคจะขออยู่ที่นี่เพื่อสืบสานความต้องการของคาซ ฮิวเบิร์ทเข้าไปบอกว่าความต้องการของคาซก็คือการช่วยเหลือชาวเฟนเดล และก่อนจะทำสิ่งนั้นได้พวกเขาต้องหยุดริชาร์ดให้ได้เสียก่อน มาริคจึงตัดสินใจที่ไปร่วมทางไปกับทุกคนจนถึงที่สุด
ปาสคาลพาทุกคนเข้าไปยังห้องแห่งความทรงจำ เธอเริ่มหาข้อมูลของลัสตาเรีย และบอกว่ามันอาจจะเรียกได้ว่าเป็นบัลกิเนสเคลีสต้นกำเนิดก็ได้ โดยในทีแรกนั้นลัสตาเรียได้สร้างเอเรสออกมา จากนั้นบัลกิเนสเคลียสกับกินเคลียสทั่วไปจึงดูดซับเอเรสเข้าไปอีกทีหนึ่ง ซึ่งพอฟังแล้วเชเรียก็คิดว่าทั้งลัสตาเรียและบัลกิเนสดูไม่เหมือนสิ่งที่เกิดเองตามธรรมชาติ เหมือนกับว่าเ)้นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมากกว่า ซึ่งปาสคาลก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน
เมื่อลัสตาเรียเป็นที่กำเนิดของเอเรสแล้ว หากริชาร์ดสามารถเข้าถึงมันได้และดูดซับเอเรสไปทั้งหมด ปาสคาลก็คาดว่าดาวดวงนี้ก็คงจะเป็นดาวที่ตายไปแล้ว พอลองค้นหาข้อมูลเก่าๆดูต่อไปเธอก็พบว่าทางเข้าลัสตาเรียนั้นอยู่ที่เกาะใกล้ๆกับไลออทพีท และยังพบกับคำว่า "แลมด้า" ที่เคยพบมาครั้งที่แล้วด้วย รวมถึงบทกลอน"เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างที่เกิดจากฟอโดร่า ผู้ลงมาและกัดกินสามประกายแสงแห่งพื้นพิภพ ผู้ปราบเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างลงมาจากฟอโดร่า ปกปักษ์สามประกายแสงนั้น" บทกลอนนั้นเหมือนจะทำให้โซฟีปวดหัวและนึกถึงอะไรขึ้นมาได้ เชเรียจึงฟาเธอออกไปรับลมข้างนอก ส่วนปาสคาลเองก็จนปัญญาจะหาข้อมูลที่ยิ่งเก่าก็ยิ่งอ่านออกยาก
อัสเบลเชื่อมบทกลอนนั้นกับเรื่องในตอนนี้ได้ว่า "แลมด้า" ได้ดูดกลืนบัลกิเนสเคลียส และถามถึงผลลัพธ์ ซึ่งปาสคาลตอบว่าทำไม่สำเร็จโดยถูก "โปรโตสเอส" หยุดยั้งเอาไว้ได้ มาริคจึงพอจะสรุปได้ว่าสิ่งนั้นเองกำลังเกิดขึ้นกับริชาร์ดในเวลานี้ แะพวกเขาก็ต้องหยุดริชาร์ดเอาไว้ให้ได้
บนเรืือระหว่างทางไปยังเกาะสู่ลัสตาเรียนั้น โซฟีถามอัสเบลว่าครั้งที่แล้วเธอเคยทำร้ายริชาร์ดไป หากจบเรื่องทุกอย่างแล้วเธอจะสามารถคืนดีกับเขาได้อีกหรือไม่ หากเธอไปปราบริชาร์ด เธอก็รู้สึกว่าจะต้องเสียทุกคนไป แต่ริชาร์ดก็เป็นเพื่อนของเธอเช่นกัน อัสเบลจึงบอกว่าเรื่องของริชาร์ดเราจะเป็นคนจัดการให้เอง
ณ เกาะเล็กๆซึ่งตั้งอยู่กลางทะเลแะอยู่ตรงกึ่งกลางของโลก ทุกคนพบว่าริชารืดยังมาไม่ถึงที่นี่ แต่เพียงไม่นานนัก ร่างของมังกรตัวนั้นก็บินพาริชาร์ดมาถึงพอดี เขาโดดลงมายันพื้นพร้อมๆกับไอหลากสีที่ผสมผสานกันพวยพุ่งออกมาจากร่าง ซึ่งดูเหมือนว่าพลังงานมากมายในร่างนั้นมีมากเกินกว่าที่จะรับได้ไหว
ทุกคนเข้าห้ามริชารืดไม่ให้เข้าไปยังทางเข้าสู่ลัสตาเรียได้สำเร็จ เขาดูมีท่าทางทรมานและร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด มาริคจะเข้าไปช่วยให้พ้นความเจ็บปวด แต่อัสเบลก็ห้ามไว้เพราะเขาได้ยินเสียงของริชาร์ด เสียงนั้นร้องขอให้อัสเบลช่วยและบอกว่าไม่อยากจะตาย บอกว่าเขาเป็นเพื่อนมิใช่หรือ คำๆนั่นทำให้โซฟีเดินไปเข้าไปหาและคุกเข่าลงไปใกล้ๆ แต่ริชาร์ดก็เงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยสีหน้าที่เกลียดชังและเรียกเธอว่า "โปรโตสเอส" เธอพยายามต้านแรงกระตุ้นบางอย่างในกายและยื่นมือไปหาเขา ขอให้เขายอมรับ "หลักฐานแห่งมิตรภาพ"เพื่อที่จะได้เป็นเพื่อนกันอีกครั้ง
แทนคำตอบ ริชาร์ดยื่นสิ่งหนึ่งมาให้ แต่มันไม่ใช่มือของเขา เป็นปลายดาบที่อัดแน่นด้วยความมุ่งร้ายที่ยิงพลังโจมตีเข้าใส่เธอ ความรุ่นแรงของมันทำให้ทุกคนกระเด็นออกไปกันหมด ส่วนโซฟีเองนั้นก็ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจนหมดสติไป ร่างของริชารืดลอยขึ้นไปกลางอากาศอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีใครหยุดเขาได้อีกแล้ว
ไอสีดำห่อหุ้ามรอบๆตัวเขาและขยับราวกับมีชีวิต ก่อนที่ระยางสีขาวขนาดใหญ่จำนวนมากจะแผ่งพุ่งออกมา แต่ละเส้นพุ่งกระจายไปทุกทิศทางอย่างไม่เลือกเป้าหมาย ทุกคนจึงต้องรีบพาร่างของโซฟีหบหนีขึ้นเรือออกมาจากเกาะแห่งนั้น ซึ่งไม่นานระยางสีขาวก็พันถักทอกัน ก่อตัวเป็นเหมือนกับรังไหมสีขาวขนาดยักษ์
[Edited 12 times Next - Last Edit 2010-12-18 23:44:16]
# Thu 2 Dec 2010 : 8:41AM

Walkthrough Part4
- เมื่อกลับมาถึงท่าเรือซาเวทและจบอีเวนท์แล้ว จะเอาโซฟีเข้าสู้ไม่ได้ ให้กลับเข้าเมืองซาเวท
- เข้าไปในโรงแรมและพักที่นั่น
- กลับไปที่ท่าเรือ แล้วไปยัง ออล เรยู (オル・レイユ)
- ออกจากเมืองไปยังเซเบิล อิโซเร (セイブル・イゾレ) และไปยังหน้าศูนย์วิจัยของเมือง
- เข้าไปภายในศูนย์วิจัย และสำรวจที่แท่นตรงกลาง ซึ่งจะมีอีเวนท์ลงไปห้องข้างล่าง
- กลับไปยังท่าเรือ และนั่งไปยังท่าเรือเบลานิค (ベラニック南の港 )
- ออกจากท่าเรือไปทางขวาเรื่อยๆ ซึ่งจะกลับเข้าเขตเมืองแลนท์
- เดินผ่าประตูกั้นชายแดนมาเล็กน้อย แล้วใช้ทางแยกทางขวามือเพื่อเข้าสู่่ถ้ำริมชายฝั่งทะเล (海辺の洞窟)
- เดินเข้าไปยังลานกว้างที่มีจุดเซฟอยู่ใกล้ๆแอ่งน้ำ สำรวจที่กำแพงหินอีกฟากหนึ่งซึ่งจะเห็นเป็นรอยแปลกๆอยู่ จะเปิดเข้าไปข้างในได้ และพบอากาศยาน ชาโทล
- ออกจากถ้ำและกลับไปยังเมืองแลนท์ (ラント) ซึ่งจะพบอีเวนท์อีก
- ไปที่บ้านของอัสเบล และเข้าไปที่ห้องของอัสเบล (ขวาบน)
- เมื่อทุกคนแยกออกจากกลุ่มแล้ว ให้ไปยังห้องทำงาน (ซ้ายล่าง)
- กลับไปที่ห้องอัสเบล แล้วทุกคนจะกลับเข้าทีมอีกที จากนั้นให้ออกมาพบอีเวนท์ที่หน้าบ้านอีกที
- จากนั้นให้กลับไปที่เบลานิค (ベラニック) จะคุยกับคาเมะนินที่หน้าบ้านเพื่อมาเบลานิคเลย หรือจะเดินเอาก็ได้
- เมื่อมาถึงเบลานิค ให้เข้าไปที่ถ้ำด้านบนของเมือง แะเมื่อเข้าไปจนถึงจุดที่มีทหารยืนกันอยู่ ให้เลี้ยวขวาออกไปอีกทาง
Story Synopsis
ที่ท่าเรือซาเวท เชเรียและฮิวเบิร์ทกำลังพยายามรักษาอาการบาดเจ็บของโซฟีซึ่งยังคงหมดสติอยู่ เมื่อฟื้นขึ้นมาเธอก็ดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมาน ทั้งร่างเหมือนจะส่งแสงเรื่อๆออกมา เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งเธอก็มองไม่เห็นอะไรเลย เชเรียและฮิวเบิร์ทพยายามรักษาต่อก็แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย ทุกคนจึงพาโซฟีไปหาที่พักก่อน
ในห้องพักในโรงแรมของซาเวท อาการของโซฟีได้สงบลงแล้ว ปาสคาลได้เอ่ยถึงความสงสัยของเธอที่ว่าโซฟีอาจจะไม่ใช่มนุษย์แบบคนอื่น ดังนั้นอาการที่โซฟีเป้นอยุ่นันมนุษย์คงไม่สามารถรักษาได้ นั่นทำให้อัสเบลโกรธ เพราะจะเป็นมนุษย์หรือไม่ก็ตาม แต่ความทรมานที่เห็นอยู่นั้นก็เป้นเรื่องจริง
ปาสคาลก็บอกว่าเธอก็หมายถึงเรื่องนั้น และบอกถึงตอนที่เธอไปหาข้อมูลที่ห้องแห่งความทรงจำในหมู่บ้านอันมัลเทีย ซึ่งมีข้อความที่พูดถึงฟอโดร่า และโปรโตสเฮส ซึ่งเป็นชื่อที่ริชาร์ดใช้เรียกโซฟีก่อนหน้านี้ ซึ่งหากนั่นเป็นจริงก็หมายความโซฟีมาจากฟอโดร่านั่นเอง แต่ก็ติดที่ไมรู้ว่าริชาร์ดพูดจริงหรือเปล่า และบันทึกที่ได้อ่านนั้นก็เป็นของที่เก่ามากแล้วด้วย ทำให้ไม่รู้สถานที่ตั้งของฟอโดร่า แต่ก็น่าจะเป็นไปได้ที่จะหาฟอโดร่าได้เจอ
ทุกคนเห็นด้วยที่จะไปฟอโดร่าด้วยกัน มาริคก็ถามถึงสาเหตุของอาการบ้าคลั่งของริชาร์ด ซึ่งปาสคาลก็คาดว่าริชาร์ดคงเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า "แลมด้า" ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะทางใด พวกเธอก็ต้องไปที่ฟอโดร่าเพื่อค้นหาความจริงอยู่ดี ซึ่งปาสคาลอยากจะไปที่ห้องแห่ความทรงจำอีกครั้ง แต่พัวซอนก็เดินเข้ามาพร้อมกับท่านป้าแห่งอันมัลเทีย ซึ่งท่านป้าก็บอกว่าเรื่องที่ปาสคาลต้องการจะค้นหานั้นไม่อยู่ในห้องแห่งความรู้ของหมู่บ้านอันมัลเทีย แต่อยู่ที่อีกที่หนึ่งซึ่งชาวอันมัลเทียเคยอาศัยมาก่อนที่จะด้ย้ายมาอยู่ที่นี่กันหมด ที่แห่งนั้นจึงถูกผนึกเอาไว้ ซึ่งคือเมืองเซเบิล อิโซเรนั่นเอง
พัวซอนได้อาสาที่จะคอยดูและโซฟีให้จนกว่าทุกคนจะกับมาพร้อมทางรักษา ทุกคนจึงตัดสินใจไปที่ท่าเรือเพื่อไปยังเซเบิล อิโซเร แต่ก่อนที่จะขึ้นเรือ พัวซอนก็พยุงโซฟีมาหาทุกคน เพราะเธอบอกว่าอยากจะไปกับทุกคนด้วยและจะพยายามไม่เป็นตัวถ่วงของทุกคน พัวซอนได้มอบสารจากเฟนเดลถึงสตราต้า เธอยังได้มอบเครื่องมือสื่อสารให้กับปาสคาลเพื่อใช้ส่งข่าวหากมีอะไรเกิดขึ้นด้วย
เรือได้เทียบท่าที่ออล เรยู ซึ่งทหารสตราต้าก็มาล้อมทุกคนเอาไว้ทันที เพราะทุกคนมากับเรือของเฟนเดลที่มีปัญหากันมาก่อน แต่เมื่อได้เห็นฮิวเบิร์ท เหล่าทหารก็ถอนตัวกลับไป และฮิวเบิร์ทยังได้รู้จากนายทหารว่าประธานาธิบดีดาวิดได้เดินทางมาที่นี่เพื่อดูสถานการณ์ของนรังไหมที่เกิดขึ้น และตอนนี้อยู่ที่เมืองเซเบิล อิโซเร
ทุกคนไปที่นั้นและพบดาวิดที่หน้าศูนย์วิจัย ฮิวเบิร์ทได้มอบสารจากเฟนเดลให้กับท่าน ทำให้ได้รู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ฮิวเบิร์ทยังได้แจ้งว่าพวกเขามาที่เมืองนี้เพื่อค้นหาบันทึกความทรงจำของอันมัลเทีย ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจใช้เพื่อต่อต้านริชาร์ดได้ นักวิจัยได้บอกว่าพวกเขาได้พบสถานที่แห่งนั้นข้างใต้ศูนย์วิจัย และสามารถคลายผนึกได้ก็จริง แต่ก็ไม่มีใครสามารถใช้งานอะไรข้างในได้เลย ซึ่งประธานาธิบดีก็อนุญาตให้เข้าไปลองดูกันได้ โดยที่เขากับนักวิจัยก็จะขอเข้าไปด้วย
พวกเขาลงไปยังข้างใต้ศูนย์วิจัยซึ่งเป็นห้องบันทึกความทรงจำอีกแห่ง ปาสคาลเปิดใช้งานเครื่องทันที เมื่อค้นหาข้อมูลซักพักเธอก็บอกถึงเรื่องที่ทำให้ทุกคนแปลกใจ ดาวดวงนี้มีนั้นทะเลล้อมรอบอยู่ทุกทิศ และการจะผ่านทะเลนั้นออกไปได้นั้นก็ต้องมียานที่ชื่อว่า "ชาโทล" ซึ่งหากมุ่งหน้าเป็นแนวทะแยงสู่ทะเลภายนอกนั้นทันทีที่ออกตัว ก็น่าจะสามารถพุ่งผ่านออกไปได้ และยาน"ชาโทล" ที่ว่านั้นก็อยู่ที่ถ้ำริมชายฝั่งทะเลของแลนท์นั่นเอง
ทันทีที่ออกมานอกศูนย์วิจัย ทหารคนหนึ่งก็รีบวิ่งมาแจ้งประธานาธิบดีว่าทัพเรือที่มุ่งหน้าไปยังรังไหมได้ถูกศัตรูโจมตี ไม่ใช่จากเฟนเดลหรือสตราต้า แต่เป็นเหล่าปีศาจที่ออกมาจากรังไหมทันทีที่ทัพเรือได้เข้าไปไกล้ ซึ่งนอกจากปริมาณที่มากแล้ว แต่ละตัวก็เก่งกาจเกินกว่าที่ทหารจะรับมือกันได้ง่าย ดาวิดจึงสั่งให้ปิดท่าเรือทั้งหมด และให้เฉพาะเรือของกองทัพแล่นออกไปได้เท่านั้น ส่วนพวกอัสเบลได้อาศัยเรือของทัพเรือ เพื่อโดยสารไปยังเฟนเดล และกลับเข้าเขตเมืองแลนท์ในที่สุด
พวกอัสเบลได้พบประตูลับริมผาหินภายในถ้ำ และพบกับโรงจอดยานชาโทล ปาสคาลได้ลองตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆและเห็นว่ายานอยู่ในสภาพดี และยังพบว่าที่สตราต้าและเฟนเดลนั้นมีอุปกรณ์ยิงคลื่นพลังอยู่ฝั่งละที่ หากยิงพลังงานจากสองแห่งนั้นพร้อมกันก็จะสามารถแหวกทะเลที่ล้อมดาวดวงนี้ได้ และชาโทลก็จะพุ่งผ่านรูนั้นไปได้ ปาสคาลได้ลองเปิดการทำงานของระบบทั้งหมดดู แต่ก็พบว่าอุปกรณที่อยู่ฝั่งเฟนเดลนั้นไม่ทำงาน ซึ่งคงต้องไปที่นั่นเพื่อตรวจสอบอีกที ปัญหาอีกหนึ่งก็คือการจะส่งยานออกไปนั้น จะต้องมีคนหนึ่งอยู่ที่นี่เพื่อทำการปล่อยยาน ซึ่งคนที่จะทำได้ก็ต้องมีความรู้พอตัว ซึ่งฟูริเอ พี่สาวของปาสคาลน่าจะทำได้ แต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าจะขอร้องให้มาช่วยได้หรือเปล่า ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องหลังจากนี้
เมื่อออกมาจากโรงเก็บยาน นกส่งสารสรพัวซอนก็บินมาแจ้งว่าปีศาจที่ออกมาจากรังไหมเริ่มอาละวาดไปทั่ว จนแม้แต่เฟนเดลก็ได้สั่งปิดท่าเรือแล้ว จากนั้นเธอก็ได้ส่งข้อความตอบกลับไป พบดีกับที่ฝูงปีศาจได้บินผ่านทุกคน และทิศทางที่พวกมันมุ่งไปนั้นก็คือเมืองแลนท์
ภายในเมืองนั้นเต็มไปด้วยความโกลาหลจากเหล่าปีศาจมากมาย อัสเบลได้เข้าไปช่วยบารี่สู้กับพวกมัน ส่วนคนอื่นๆก็ถูกล้อมเอาไว้หมด โซฟีได้ก้าวออกมาแะใช้พลังของตนกำจัดปีศาจไปหมดในพริบตาเดียว แต่ก็ทำให้อาการของเธอทรุดลงทันตาเห็น พวกเขาจึงรีบพาเธอไปพักผ่อนที่บ้านก่อน
ขณะที่โซฟีพักผ่อน อัสเบลและฮิวเบิร์ทได้ไปพบกับบารี่, เครี่ และเรมอนที่ห้องทำงาน เขาได้ขอบคุณทุกคนที่ช่วยปราบปีศาจให้ และรู้สึกเป็นหนี้โซฟีที่ช่วยเหลือพวกเขาจนตัวเองต้องเป็นแบบนั้น ซึ่งอัสเบลบอกว่าไม่ใช่เพราะพวกบารี่ ซึ่งอัสเบเองก็กำลัจะไปที่แห่งหนึ่งเพื่อหาทางช่วยเธอ
เมื่อเดินผ่านหน้ารูปของครอบครัว อัสเบลได้คิดถึงเรื่องพ่อ และตอนที่ตัวเองออกจากบ้านเพราะอยากเป็นอัศวิน เพื่อปกป้องผู้อื่น แต่ทั้งหมดนั้นก็ยังไม่เพียงพอ เขาสงสัยว่าพ่อเคยคิดอย่างไรกับการที่ต้องใช้ชีวิตในฐานะเจ้าเมือง และตายในฐานะนั้น เครี่ แม่ของพวกเขาได้เดินเข้ามาบอกว่าอัสต้อนเองก็เหมือนกับอัสเบล เขาจะคิดเสมอว่าจะทำอย่างใรเพื่อคนอื่น และหากคนอื่นสิ้นหวัง เขาก็จะพยายามเป็นกำลังให้ การที่อัสเบลและฮิวเบิร์ทออกไปจากบ้านนั้น พ่อของพวกขาเป็นคนที่เป็นห่วงมากที่สุด เพราะว่าพ่อเป็นคนที่พูดไม่เก่งจึงไม่สามารถสื่อความรู้สึกถึงลูกๆทั้งสองคนได้ ตอนนี้พวกเขาก็คงจะยังมีความข้องใจอะไรอยู่ แต่เครี่ก็เชื่อว่าลูกๆของเธอซึ่งมีสายเลือดของอัสต้อนจะสามารถค้นหาคำตอบได้ และเธอก็อยากให้กำลังใจพวกเขาให้มุ่งหน้าไปตามทางที่พวกเขาเชื่อต่อไป
未開の雪道 (แดนหิมะรกร้าง)
Discovery: 氷沈花 (แผน่น้ำแข็งซึ่งจะต้องใช้ทางเดินทางขวามือจากซากโบราณน้ำแข็ง)
Item: 魔法カルタNo.18 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
- เดินไปตามทาง ซึ่งจะพบทางเข้าซากโบราณน้ำแข็ง (มีคาเมะนินไว้ให้คอยเติมเสบียงด้วย)
- หากอยากจะเก็บเลเวลหรือปั้มหินตีบวกอาวุธ จุดนี่จะเหมาะสมที่สุด เพราะมีจุดเกิดศัตรูใกล้ๆคาเมะนินสองตัว หากใช้ Dark Bottle ก็จะสามารถเดินวนไปวนมาแถวนั้น สู้ได้ไม่รู้จบ และเติมเสบียงได้ง่าย
雪に閉ざされた遺跡 (ซากโบราณซึ่งถูกปิดผนึกไว้ด้วยน้ำแข็ง)
Discovery: 故郷への想い (ประตูขวาหลังจากเข้ามาทีแรก), 朽ちた機械の墓場 (อ่านต่อข้างล่าง)
- ในห้องแรก ให้เข้าประตูกลางและลงไปกดเปิดสวิตช์พลังงานข้างล่างก่อน
- ประตูฝั่งซ้ายแะขวา จะต้องหมุนหัวลูกศรให้หันไปหาประตู เพื่อให้พลังงานเข้าไปได้ก่อน (ทั้งด่านจะเป็นแนวนี้หมด)
- เข้าประตูกลางข้างบนและไปตามทางเรื่อยๆ ถึงจุดแยกพลังงานแรก ซ้ายจะไปเก็บของ ขวาจะเป็นทางไปต่อ
- จุดแยกพลังงานที่สอง ขวาไปเก็บของ ซ้ายไปต่อ
- ไปตามทางเรื่อยๆ จนถึงจะแยกพลังงานที่สาม (A) ไปทางซ้ายก่อน
- เจอจุดแยกพลังงานที่สี่ ซ้ายจะไปเก็บ Discovery ขวาบนไปต่อ
- เข้าไปจนถึงประตูใหญ่ ให้หันหัวลูกศรเข้าหาประตูเช่นเคย แล้วเดินย้อนกลับไปจุด A
- จุด A ใ้ห้ไปทางขวาบ้าง เจอจุดแยกพลังงานที่ห้า ขวาไปเก็บของ ซ้ายไปต่อ
- ถึงหน้าประตูแล้วก็หันลูกศรชี้เข้าไปเช่นเคย แล้วผ่านประตูเข้าไป
- ถึงห้องใหญ่ หากเบนพลังงานไปทางขวาก็จะไปเก็บของ
- ทำให้พลังงานทั้งสองสายชี้ไปหาประตูข้างบนให้ได้ เดินเข้าไปแล้วจะเจอกับบอส ポリュカルポス (มีโทรฟี่ปราบในหนึ่งนาที ポリュカルポス1分撃破)
- ออกมานอกซากโบราณแล้วจะสู้กับมอนสเตอร์ข้างนอก เสร็จแล้วให้เดินย้อนกลับไปที่ถ้ำริมชายฝั่งทะเล (จะใช้คาเมะนินก็ได้อีกเช่นกัน)
- เข้าไปยังถ้ำที่พบยานชาโทล และพบอีเวนท์อีกที แล้วให้ออกมา ใช้ทางออกข้างล่าง และเมื่อเจอจุดแยกแรกก็ให้เลี้ยวไปทาวซ้าย จะพบอีเวนท์กับเชเรีย
- เสร็จแล้วก็ให้กลีบไปที่ยานอีกครั้ง เมื่ออีเวนท์จบอีกครั้ง ให้ออกมาอีกที คราวนี้ให้ใช้ทางออกซ้ายบน จะต้องสู้กับปีศาจอีกกลุ่ม
- กลับไปที่ชาโทลอีกที จะเข้าอีเวนท์ออกบินสู่ฟอโดร่า (フォドラ)
Story Synopsis
ก่อนจะถึงที่หมาย พัวซอนก็ได้ส่งข่าวมาบอกว่าเธอได้ไปหาฟูริเอเพื่อพยายามอธิบายเรื่องที่ปาสคาลต้องการคนมาควบคุมการปล่อยยานชาโทลให้ฟังแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ไม่อยู่ที่ศูนย์วิจัย แต่พัวซอนก็ได้ทิ้งจดหมายไว้แล้ว ซึ่งปาสคาลก็คิดว่าถ้าฟูริเอไม่มาจริงๆ เธอก็คงต้องหาทางแก้ระบบส่งยานให้สามารถควบคุมจากในยานได้ แต่นั่นก็ต้องหลังจากจัดการเปิดระบบยิงหลังงานที่นี่ก่อน
เมื่อเปิดระบบพลังงานได้แล้ว ทุกคนก็รีบกลับไปยังโรงจอดยานชาโทล พัวซอนได้รออยู่ที่นั่นแล้วและขอให้ตัวเองได้ช่วยเหลือการปล่อยยานแทนฟูริเอ ซึ่งทำให้ปาสคาลใจแป้วไปเหมือนกันที่สุดท้ายแล้วพี่สาวของเธอก็ไม่ได้มา ทั้งสองคนเริ่มลงมือเตรียมการปล่อยยานซึ่งต้องใช้เวลาอยู่บ้าง ซึ่งเชเรียได้เดินออกไปข้างนอก
เชเรียรู้สึกกังวลถึงเรื่องที่กำลังจะขึ้นยานเพื่อฝ่าทะเลที่ล้อมรอบโลกออกไป รวมถึงดาวที่เป็นที่มาขอวโซฟี ซึ่งเธอก็กลัวบ้าง แต่นั่นก็เพื่อโซฟี ซึ่งเป็นคนสำคัญที่ทำให้เธอได้พบกับทุกคนอีก ถึงตอนเป็นเด็กเชเรียจะเห็นว่าเป็นคู่แข่งก็ตาม ทั้งโตกว่าและแข็งแรงกว่ามาก ตอนแรกก็คิดว่าเป็นคนแปลกๆ แต่พอคิดว่ามาจากอีกฟากหนึ่งของดวงดาวแล้วก็คงไมแปลกที่จะทำอะไรแบบนั้นได้ อัสเบลเองก็คิดแบบนั้น ต่ไม่ว่าจะมาจากที่ไหน เรื่องที่โซฟีเป็นคนสำคัญของพวกเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลง และพวกเขาก็จะไม่ยอมให้เรื่องจบลงแบบนี้แน่นอน
ในที่สุด การเตรียมการปล่อยยานก็เสร็จสิ้น ระบบต่างๆถูกเปิดอย่างสมบูรณ์ พัวซอนได้เริ่มนับถอยหลังเตรียมปล่อยยาน แต่ก่อนทุกคนจะได้เข้าไปรอนยาน เสียงปีศาจก็ดังออกมาจากข้างนอก ซึ่งการเตรียมปล่อยยานได้เริ่มไปแล้วและยากที่จะหยุดได้ ทุกคนจึงต้องไปต้านปีศาจเหล่านั้นก่อน และก็ได้ความช่วยเหลือจากบารี่และทหารของแลนท์ พวกอัสเบลจึงสามารถกลีบไปเตรียมตัวในชาโทลได้
เมื่อยานชาโทลถูกปล่อยออกไป อีกฟากหนึ่งของแท่นปล่อยก็มีปีศาจจำนวนมากดักรออยู่ แต่ฟูริเอก็มาพร้อมกับอสูรทดลองจำนวนมากมายของเธอ และเข้าเปิดทางให้ยานชาโทลสามารถผ่านออกไปได้ พัวซอนได้สั่งยิงพลังงานจากฐานทั้งสองที่เฟนเดลแะสตราด้า ซึ่งได้บรรจบกันตรงกลางเป็นลำเดียวและเจาะทะลุทะเลที่ล้อมรอบดาวได้สำเร็จ ยานชาโทลพุ่งผ่านรูนั้นออกสู่อวกาศ และมุ่งหน้าสู่ดาวสีแดงขนาดยักษ์เบื้องหน้า
13号地区 (เขตที่ 13)
Discovery: 秘密基地 (ทางเดินทางใต้จากจุดที่ชาโทลตก)
Item: 魔法カルタNo.21 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
- ตอนนี้จะกลับไปที่เมืองอื่นๆไม่ได้แล้ว หากอยากซื้อของหรือพัก ก็สามารถสำรวจเครื่องในชาโทลได้
- จากจุดตก ให้เดินไปทางซ้ายมือเรื่อยๆ ผ่านทางแยกแรกไปก่อน ซึ่งจะพบกับจุดวาร์ปเข้าเมืองเทลอสแอสทิว) อยู่อีกฝั่ง
テロスアステュ (เทลอสแอสทิว)
Discovery: 大きなオケ (เครื่องจักรกลางชั้น 1F), 緑の希望 (ห้อง 記録区 ที่ชั้น 2F), 魔法カルタNo.39 (ห้อง 居住区 ชั้นใต้ดิน)
Items: ナモナキハナの種 (ชั้นใต้ดิน), 熱血の魔導書 (หีบในโรงเก็บชาโทลชั้นใต้ดิน - ห้องทางเหนือ ใส่รหัส エフィネア)
- ในเมือง ให้ใช้ลิฟท์ (มีซ้ายกับขวา) ลง ไปชั้นใต้ดิน (地下1階) เข้าห้องทางตะวันตก จะพบเอเมโรด (エメロード)
- ออกจากเมืองแล้วเดินย้อนไปยันจุดยานตก แต่เมื่อพบแยกแรกให้เดินเข้่าทางด้านบนแทน จะพบทางวาร์ปเข้าศูนย์วิจัยโคเนล
コーネル研究施設 (ศูนย์วิจัยโคเนล)
Discovery: 古ぼけた積み木 (ชั้นใต้ดิน 2 -地下2階 สำรวจทางขวาบนของห้องทดลอที่เจออีเวนท์แรก), タルロウX (ชั้นใต้ดิน 3 ห้องทางขวาบน)
Items: 置換の魔導書 (ชั้นใต้ดิน 1 ห้องทางซ้ายล่าง)
- เข้ามาภายใน เดินจนถึงจุดที่มีประตูกั้น ให้เข้าทางวาร์ปใกล้ๆนั้นเพื่อกดสวิตช์เปิด
- เมื่อผ่านประตูมาจะพบห้องสองห้อง A และ B ซึ่งแต่ละห้องจะมีแบตเตอรี่สองก้อน ให้สำรวจเอามาก่อนก้อนหนึ่งจาก A
- หน้าห้อง B จะมีแท่นให้สำรวจเพื่อวางแบตเตอรี่ จากนั้นให้กลับไปที่ห้อง A เพื่อเอาแบตอีกก้อนมาด้วย
- เข้าลิฟท์ใกล้ๆห้อง B จะลงไปยังชั้นใต้ดิน 1 เดินไปจนเจอประตู เข้าทางวาร์ปใกล้ๆเพื่อลงไปเปิดสวิตช์
- วางแบตเตอรี่ที่แท่นหน้าลิฟท์ตัวต่อไป ใช้ลิฟท์กลับไปชั้น 1 เพื่อเอาแบตเตอรี่ก้อนใหม่จากห้อง B แล้วให้ลงไปยังชั้นใต้ดิน 1 แล้วลงไปชั้นใต้ดิน 2 ทันที
- เข้าไปจนถึงห้องทดลองแรก จะพบอีเวนท์
- เดินต่อมาจนถึงลิฟท์ตัวต่อมา วางแบตเตอรี่แล้วขึ้ลิฟท์กลับไปชั้น 1 หยิบแบตเตอรี่จาก B มาอีกที กลับเข้าลิฟท์ลงมายังชั้นใต้ดิน 3
- เดินจนเจอประตูขวาง เข้าจุดวาร์ปไปเปิดสวิตช์อีก
- วางแบตเตอรี่เข้าลิฟท์ ลงไปยังชั้นใต้ดิน 4 ได้เลย
- ถึงจุดเซฟแล้วจะพบห้องทดลองที่สอง จะพบอีเวนท์และมีภาพฉายของแต่ละคนออกมา สำรวจภาพของแต่ละคน และเมื่อสำรวจภาพของริชาร์ด จะต้องสู้กับบอส แลมด้า (ラムダ) มีโทรฟี่ "ปราบแลมด้าในหนึ่งนาที" (ラムダ1分撃破!)
- ย้อนกลับไปที่ห้องทดลองที่ 1 ชั้นใต้ดิน 2 แล้วโซฟีจะกลับเข้าร่วมทีมอีกครั้ง
- ขึ้นลิฟท์กลับมาชั้น 1 และออกจากศูนย์ทดอง
- เดินออกมาและใช้เส้นทางตะวันออก เพื่อเข้าไปยังเขตที่ 66
Story Synopsis
ยานชาโทลได้ลงจอดอย่างไม่งามนักบนดาวฟอโดร่า ทันทีที่ออกมาจากยาน ทุกคนก็ไม่เห็นอะไรอื่นนอกจากพื้นดินสีแดงที่แตกระแหงและความแห้งแล้งไร้ซึ่งสีเขียวของต้นไม้ บนฟ้าไกลออกไปปาสคาลเห็นดาวที่ทุกคนพึ่งจากมาอยู่ลิบๆ ซึ่งเธอเองก็ไม่แน่ใจว่ายานชาโทลจะสามารถบินขึ้นอีกได้หรือเปล่า แต่ถ้าพบที่ๆสามารถรักษาโซฟีได้ ก็อาจจะหาทางซ่อมยานได้ ทุกคนจึงมุ่งหน้าไปยังสิ่งปลูกสร้างที่ลอยอยู่กลางอากาศที่อยู่ไกลออกไปในระยะสายตา
ภายในนั้นซึ่งเป็นเมืองที่ไร้ผู้คนอยู่เลย ทุกคนได้เห็นร่างเล็กๆร่างหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ ซึ่งทีแรกอัสเบลก็นึกว่าเป็นโซฟีเพราะมีลักษณะคล้ายๆกัน ทันทีที่ปาสคาลลองแตะๆดู ร่างนั้นก็สลายกลายเป็นอณูแสงไปหมด พวกเขายังได้พบอีกคนนึงยืนอยู่ไกลๆ และได้วิ่งนำพาพวกเขาเข้าไปในห้องหนึ่งซึ่งมีผู้หญิงผมสีเขียวคนนึงนอนอยู่บนแท่น
เชเรียได้ลองตรวจสอบดูและก็ไม่พบว่ามีสัญญาณชีพเลย แต่ก็ไม่เหมือนว่าตายแล้วเช่นกัน ตอนนั้นเธอคนนั้นก็ลืมตาตื่นขึ้น เมื่อเธอได้ยินว่าพวกอัสเบลมาจากดาวอีกดวง เธอก็ถามว่าพวกเขาได้ทำลายเขตแดนออกมาจากเอฟีเนียได้หรือ ทำให้ทุกคนงงกับชื่อที่เคยได้ยิน
เธอยังได้ถามอีกว่าทำอย่างไรจึงทำลายเขตแดนออกมาได้ ซึ่งปาสคาลได้ตอบว่าบรรพบุรุษของเธอได้สร้างยานชาโทลเพื่อให้ออกมาได้ เมื่ออีกฝ่ายได้ยินเช่นนั้นก็รู้ว่าปาสคาลเป็นชาวอันมัลเทีย ซึ่งทำให้ปาสคาลคิดว่าชาวอันมัลเทียมีส่วนเกี่ยวข้องกับฟอโดร่าหรือเปล่า
เธอคนนั้นได้แนะนำตัวเองว่าชื่อ "เอเมโรด" และบอกว่าตัวเองคงหลับไปนานมากถึงเป็นพันปี ซึ่งที่จริงเธอคาดว่าจะหลับไปจนกว่าความวุ่นวายบนดาวดวงนี้จะสงบเท่านั้น อัสเบลได้ถามเอเมโรดว่ารู้จักโซฟีหรือไม่ ซึ่งเธอก็ตอบว่านั่นคือโปรโตสเฮสและบอกว่าดูจะเสียหายมาก ทำให้เชเรียแปลกใจที่เอเมโรดใช้คำพูดแบบนั้น
เอเมโรดได้บอกว่าโปรโตสเฮสไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นมนุษย์เทียมที่ชาวฟอโดร่าได้ทำการวิจัยขึ้นเพื่อการสู้รบเรียกว่า "ฮิวมานอยด์" หรือสิ่งที่ทำเลียนแบบมนุษย์ ทำให้ฮิวเบิร์ทหายแปลกใจที่โซฟีไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อเจ็ดปีก่อนเลย แต่สำหรับอัสเบลแล้วโซฟีก็คือโซฟี เขาจึงถามเธอถึงวิธีการรักษา
เธอได้บอกว่าโปรโตสเฮสมีระบบรักษาตัวเองซึ่งตอนนีิ้ดูเหมือนจะหยุดทำงาน และการจะซ่อมแซมนั้นก็ต้องไปยังศูนย์วิจัยฮิวมานอยด์ แต่ภายนอกนั้นดูเหมือนจะวุ่นวายยิ่งกว่าก่อน ทำให้ทุกคนอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ อาการของโซฟีเองก็ไม่ดีนัก และถึงจะซ่อมแซมได้เธอก็ไม่อาจรับประกันว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก แต่อัสเบลก็ยังยืนยันที่จะช่วยโซฟีเพื่อเธอเป็นเพื่อนของพวกเขา
ที่ศูนย์วิจัยฮิวมานอยด เอเมโรดได้พาทุกคนไปยังห้องวิจัยแรกซึ่งมีเครื่องกลที่เหมือนกับที่เคยฉายภาพโซฟีเมื่อก่อนหน้านี้ เธอได้เปิดใช้งานระบบซึ่งปาสคาลก็ได้เห็นว่ามีชื่อของ "แลมด้า" ปรากฏออกมาอีก เอเมโรดบอกว่านั่นเป็นชื่อของฝันร้ายของพวกเธอ ซึ่งแต่เดิมนั้น แลมด้าเป็นรูปแบบชีวิตที่พวกเธอพบโดยบังเอิญระหว่างทำการวิจัยลัสตาเรีย และ "ศาสตราจาร์ยโคเนล"ได้ทำการวิจัยที่ศูนย์วิจัยนี้ แลมด้ามีความสามารถที่น่าประหลาดใจหลายอย่าง และอันหนึ่งก็คือการให้กำเนิดปีศาจออกจากร่างกาย ซึ่งพวกปีศาจเหล่านั้นได้ทำให้เกิดความวุ่นวายบนฟอโดร่า และทำให้เกิดความวิบัติที่เป็นอยู่ที่ในตอนนี้
ตอนนั้น เครื่ิองฉายภาพก็แสดงภาพของรังไหมให้ดู ซึ่งเป็นรังไหมแบบเดียวกับที่กำลังก่อตัวบนเอฟีเนีย เอเมโรดได้บอกว่าหลังจากสร้างหายนะบนฟอโดร่าแล้ว แลมด้าก็ได้หลบไปยังเอฟีเนีย พวกเธอจึงได้สร้างฮิวมานอยด์ที่สามารถต่อต้านแลมด้าได้และส่งตามไปที่เอฟีเนียเช่นกัน ซึ่งนั่นก็คือตัวตนที่แท้จริงของโปรโตสเฮสที่พวกเขาเรียกว่าโซฟี แต่พวกของเธอซึ่งตามไปด้วยก็ได้แจ้งกลับมาว่าภารกิจนั้นไม่สำเร็จ เธอจึงต้องยอมสละเพื่อนๆเพื่อผนึกแลมด้า โดยการผนึกเอฟีเนียทั้งดวงไว้ภายใต้เขตแดนนั้น
ขณะกำลังจะไปต่อกันนั้น ร่างของโซฟีก็เริ่มมีอณูแสงลอยออกมา เอเมโรดบอกว่าการสลายตัวได้เริ่มขึ้นแล้ว สิ่งที่กำลังเรืองแสงอยู่นี้ก็คืออณูสสารขนาดเล็กที่รวมตัวกันเป็นร่างของโปรโตสเฮส แต่ละอณูนั้นมีขนาดเล็กกว่าเม็ดทราย แต่เมื่อรวมกันมากๆเข้าก็สามารถกลายเป็นร่างมนุษย์ได้
ตอนนั้น ร่างของอัสเบล เชเรีย และฮิวเบิร์ท ก็มีอณูแสงลอยออกมาบ้าง ซึ่งเอเมโรดมองด้วยความแปลกใจ พร้อมบอกว่านี่เป็นอณูแบบเดียวกับของโปรโตสเฮส ซึ่งดูเหมือนจะเกิดจากการแบ่งสสารจากโปรโตสเฮสไปให้พวกเขา ตัวของโซฟีนั้นเกิดจากการก่อตัวของสสารเพื่อให้ได้ร่างมนุษย์ และมีความสามารถในการรักษาและฟื้นตัวเช่นกัน แต่การแบ่งสสารนั้น จะเป็นการแบ่งแยกอณูของร่างกายตัวเองไปไว้กับสิ่งอื่น ซึ่งในกรณีนี้ สิ่งอื่นที่ว่าก็คือทั้งสามคนนั่นเอง ซึ่งเอเมโรดได้ถามว่าโซฟีเคยทำสิ่งดังกล่าวให้พวกเขาหรือเปล่า ทำให้พวกอัสเบลนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเจ็ดปีก่อนขึ้นมา
เอเมโรดพูดด้วยความฉงน เพราะการแบ่งสสารซึ่งตรงข้ามกับการก่อตัวของสสารนั้เกิดขึ้นได้ยากมาก ซึ่งหากผิดพลาดขึ้นมา ตัวโปรโตสเฮสก็อาจจะไม่สามารถกลับคืนสภาพได้อีกเลยก็ได้ ปาสคาลได้ถามถึงความสามารถในการฟื้นตัวของอณูสสารนั้นในกรณีที่ถูกแบ่งไปอยู่ในสิ่งรองรับอื่น เอเมโรดก็คาดว่าสิ่งรองรับอื่นนั้นก็คงจะได้ความสามารถในการฟื้นตัวนั้นไปด้วยเช่นกัน ปาสคาลจึงคิดได้ว่าโซฟีอาจจะแบ่งชีวิตของตัวเองออกเป็นสามส่วนเพื่อช่วยชีวิตของพวกอัสเบลก็ได้ พวกเขาจึงเข้าใจว่าเจ็ดปีก่อนนั้นโซฟีไม่ได้หายไปไหน แต่อยู่ในตัวพวกเขานั่นเอง ซึ่งที่พวกเขามีพลังเหมือนกับโซฟีก็คงเพราะเรื่องนี้เช่นกัน
ปาสคาลได้ถามเอเมโรตถึงสภาพของอณูสสารในเวลานี้หากเกิดการแบ่งสสารอีกจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งคำตอบก็คืออณูสสารจะไม่สามารถกลับไปรวมตัวกันเพื่อสร้างร่างเนื้อไ้ด้อีก ซึ่งเอเมโรดก็นึกอยู่ในใจว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่โปรโตสเฮสจะทำเรื่องแบบนี้ด้วยการตัดสินใจของตัวเอง
เมื่อถึงห้องวิจัยหลัก เอเมโรดก็ให้พวกเขาพาโซฟีขึ้นไปนอนบนเตียงทดลอง เธอได้เปิดระบบตัวสอบอาการปกติในร่างโปรโตสเฮส ซึ่งโซฟีก็เหมือนจะรู้สึกตัวขึ้นมา แต่ก็กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อณูสสารส่วนหนึ่งลอยออกจากร่างและไปจำแลงเป็นร่างของเธอ และคนอื่นๆ และแสดงออกถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อคนนั้นๆ แต่กับริชาร์ด ร่างจำแลงเธอกลับสู้กับเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย เธอพึมพัมชื่อของแลมด้าออกมา ก่อนที่อณูสสารของเธอจะก่อตัวกลายเป็นร่างของปีศาจที่พวกอัสเบลเคยเจอเมื่อสมัยยังเด็ก เอเมโรดตกตะลึงเมื่อเห็นว่าสิ่งนั้นก็คือแลมด้า
เมื่อร่างจำแลงของแลมด้าถูกปราบลง อณูแสงก็กลับเข้าสู่ร่างของโซฟีและทำให้เธอได้สติพร้อมอาการบาดเจ็บต่างๆที่หายดีเป็นปลิดทิ้ง แต่เธอก็ยังมีความสับสนถึงเรื่องหน้าที่ที่เธอต้องทำ ซึ่งเอเมโรดได้โซฟีไปเข้ากระบวนการรื้อฟื้นความทรงจำเสียก่อน ทำให้โซฟีสามารถจำได้ถึงหน้าที่ของตนที่ต้องกำจัดแลมด้า แต่หน้าที่นั้นก็ดูจะผลักดันเธอจนผิดสังเกตุ
ตอนนั้น เครื่องกลก็ฉายภาพของฉายวัยกลางคนในชุดนักวิจัยคนนึงกับเด็กอีกคน ซึ่งเขาเรียกเด็กคนนั้นว่าแลมด้าและมีท่าทางอ่อนโยนกับเด็กคนนั้นมาก ทำให้ทุกคนงงเพราะดูยังไงเด็กคนนั้นก็เป็นมนุษย์ ซึ่งเอเมโรดก็ยืนยันว่าแลมด้าไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสิ่งที่สามารถใช้ร่างเนื้อของสิ่งอื่นได้ ทำให้คิดกันได้ว่าบางทีริชาร์ดอาจจะถูกแลมด้าเข้าสิงอยู่ ซึ่งถ้าล้มแลมด้าได้ ก็อาจจะช่วยริชาร์ดได้
โซฟีเองยังสับสนระหว่างหน้าที่ของตนกับสิ่งที่ต้องทำจริง เพราะเธอต้องกำจัดแลมด้า แต่ตอนนี้แลมด้าก็คือริชาร์ด ซึ่งเอเมโรดก็บอกเธอว่าหน้าที่ของโซฟีก็คือการกำจัดแลมด้าโดยไม่ต้องสนใจถึงว่าแลมด้าใช้ใครเป็นร่างอยู่ แต่อัสเบลแย้งขึ้นมา เพราะเขารู้ว่าโซฟีไม่อยากจะสู้กับริชาร์ด เขาเชื่อว่าริชาร์ดยังไม่ได้ถูกแลมด้ากลืนไปอย่างสมบูรณ์ และขอให้เธออย่าคิดว่าเป็นเรื่องของตัวเองคนเดียว เพราะทุกคนก็อยู่ที่นี่กับเธอด้วย
ปาสคาลได้เริ่มคิดถึงการหาทางเจาะทะลวงเข้าไปในรังไหมเพื่อหาตัวริชาร์ด ซึ่งเอเมรอดก็บอกว่าสามารถดัดแปลงยานชาโทลให้สามารถทำงานนั้นได้ แต่ก็ต้องใช้ชิ้นส่วนพิเศษซึ่งถูกเก็บไว้ในฐานทัพบาจิสเท่านั้น นอกจากนั้นที่นั่นก็อาจมีทางทำให้มาริคและปาสคาลสามารถใช้พลังของโซฟีได้เหมือนกับพวกอัสเบลด้วย
66号地区 (เขตที่ 66)
Discovery: 叶わぬ願い (ทางแยกทางขวามือก่อนจะเข้าสู่บริเวณฐานบาจิส)
Item: 魔法カルタNo.28 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
คำเตือน: ความยากของศัตรูแถวนี้จะเริ่มโดดขึ้นอีกครั้ง โปรดระวัง
- เดินไปตามทางเรื่อยๆ หากเดินไปทางตะวันออกสุดโดยไม่เลี้ยวก็จะพบ Discovery
- ทางขวาบนสุด จะพบฐานทัพบาจิส
バシス軍事基地 (ฐานทัพบาจิส)
Discovery: 階級章, アンマルチアの鍵 (อ่านด้านล่าง)
Items: 強運の魔導書 (อ่านด้านล่าง)
- ภายในจะมีกลไกบล็อกที่สามารถสำรวจเพื่อเลื่อนซ้ายขวาได้ และในบางห้อง เมื่อเลื่อนบล็อกหนึ่งแล้ว บล็อกที่สีเดียวกันก็จะขยับด้วย
- ห้องบล็อกแรก เลื่อนบล็อกล่างไปทางขวา
- ห้องบล็อกสอง เลื่อนบล็อกด้านหน้าลงมาข้างล่าง
- ห้องบล็อกสาม เลื่อนบล็อกมาทางซ้ายสองครั้ง แล้วไปต่อทางขวา สำรวจลิฟท์ขึ้นมาข้างบน
- จะพบห้องบล็อกสี่ เลื่อนบล็อกซ้ายสุดลงล่างสุด ส่วนบล็อกสองอันที่เหลือให้ขยับไปทางขวาอันละหนึ่ง
- ออกไปทางซ้ายเพื่อเก็บ Discovery 階級章 แล้วกลับมาทางขวาเข้าประตูที่อยู่ใกล้ๆ (เคยโดนบล็อกบังไว้)
- พบห้องบล็อกที่ห้า เลื่อนบล็อกล่างสุดไปซ้ายสุด และบล็อกอันกลางไปขวาสุด แล้วอ้อมไปทางขวา จะพบลิฟท์เพื่อขึ้นต่อไปอีก
- เข้าห้องไปพบห้องบล็อกที่หก เลื่อนบล็อกที่มีอันเดียวไปทางซ้ายสามครั้ง และใช้ประตูทางซ้ายเดินออกไป (ถ้าไม่มีทางไป ให้ไปเช็คที่ห้องบล็อก 5 อีกที บล็อกเชื่อมกันอยู่)
- ห้องบล็อกที่เจ็ด (บล็อกแนวตั้งหนึ่ง แนวนอนสอง) เลื่อนบล็อกแนวนอนอันบนไปทางขวาสองครั้ง ส่วนอันล่างก็ให้เลื่อนมาทางซ้าย ให้เท่ากับบล็อกบน ส่วนบล็อกแนวตั้งให้เลื่อนขึ้นไป แล้วให้ไปทางขวา ขึ้นลิฟท์ไปข้างบน
- มาทางซ้ายพบห้องบล็อกแปด เลื่อนบล็อกแนวตั้งอันขวาขึ้นไป แล้วเข้าประตูที่อยู่ข้างบน
- พบ Discovery アンマルチアの鍵 และห้องบล็อกแปด
- เลื่อนบล็อกอันบนมาทางซ้ายหนึ่งครั้ง อันล่างไปทางขวาหนึ่งครั้ง
- ออกไปทางซ้าย ไปจนถึงทางแยกแล้วเดินลงล่าง จะกลับมายังห้องบล็อกแปด ให้เข้าประตูฝั่งขวามือ
- จะพบจุดเซฟ แต่หากเข้าไปไม่ได้ให้กลับไปเช็คที่ห้อง 6 และ 9
- เข้าไปแล้วจะต้องสู่กับบอส ケントゥリオ (มีลูกน้องและสามารถเรียกลูกน้องเพิ่มได้)
- ใช้จุดวาร์ปบนพื้นกลับออกมาที่เขต 66 แล้วเดินย้อนไปที่เขต 13 แล้วยิงยาวกลับเทลอสแอสทิว
- จุดเซฟหน้าเทลอสแอสทิว จะมีสกิทซึ่งอัสเบต้องดวลเดียวกับมาริค (จะแพ้ก็ได้เพราะสามารถลองใหม่ได้อีก แต่ถ้าชนะทีเดียวเลยจะได้สกิทครบกว่า)
- กลับเข้าเทลอสแอสทิว ไปยังโรงเก็บชาโทลชั้นใต้ดืน 1F (地下1階) หลังจบอีเวนท์แล้วให้คุยกับเอเมโรดเพื่อขึ้นยาน
Story Synopsis
Story Synopsis
ภายในฐานทัพบาจิสซึ่งเป็นที่ๆชาวฟอโดร่าสร้างให้เพื่อเป็นฐานทัพในการสู้กับปีศาจที่เกิดจากแลมด้า ปาสคาลได้สังเกตุเห็นสิ่งที่ส่องแสงออกมาระหว่างที่โซฟีกำลังใช้พลังของตนต่อสู้กับฮิวมานอยด์ที่อยู่ในนั้น เมื่อเธอได้ฟังเอเมโรดอธิบายว่าสิงที่ตามหา "เดริคคอร์" นั้นเป็นโลหะที่มีธาตุที่สามารถต่อต้านแลมด้าได้ และจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกับพลังของโซฟี ปาสคาลก็เลยถือโอกาสไปเปิดเครื่องจักร และสร้าง "เดริสบิท" ออกมาตามที่เอเมโรดพึ่งอธิบายไปโดยไม่ผิดเพี้ยน ทำให้เจ้าตัวประทับใจกับสายเลือดอันมัลเทียคนนี้มาก
นอกจากนั้น ปาสคาลยังได้สร้างแหวนอีกคู่หนึ่งจากวัตถุดิบที่เหลือ เธอได้ส่งอันหนึ่งให้กับมาริค (ทำให้เชเรียตกใจ เพราะนึกว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่เธอนึกไม่ถึงอยู่) และบอกว่าแหวนนี้น่าจะช่วยให้ทั้งสองคนสามารถใช้พลังงานได้เหมือนกับพวกอัสเบล ซึ่งก็ไม่ผิดพลาดจากที่เธอคาดไว้เลย
เอเมโรดอยากจะถามเรื่องของเอฟีเนียจากทุกคน เธอเคยคิดว่าทั้งที่นี่และเอฟีเนียคงจะพินาศไปพร้อมๆกันแล้ว แต่ก็ผิดไปถนัด เพราะเอฟีเนียกลับมีมนุษย์และสิ่งมีชีวิตต่างๆอยู่มากมาย ทำให้เธอใจชื้นที่เหล่าชีวิตที่เคยมีอยู่ที่นี่ ตอนนี้ได้ปรากฏอยู่บนอีกที่หนึ่งแล้ว แต่เธอก็ไม่มั่นใจว่าจะเป็นอย่างไรต่อในเมื่อมีแลมด้าอยู่ด้วย
อัสเบลได้อธิบายว่าแลมด้าได้ดูดกลืนเอเรสจากบัลกิเนสเคลียสไปหมดแล้ว และตอนนี้ก็ได้สร้างรังไหมอยู่บนสถานที่ที่สามารถลงไปถึงลัสตาเรียที่อยู่ ณ ใจกลางของเอฟีเนีย ซึ่งเอเมโรดก็บอกถึงจุดมุ่งหมายสูงสุดของแลมด้าก็ืคือการรวมตัวกับลัสตาเรีย รังไหมนั้นเป็นการเตรียมการในขั้นสุดท้ายก่อนที่แลมด้าจะลงไปยังลัสตาเรีย เพื่อจะได้ "จุติใหม่" เปลี่ยนแปลงร่างเนื้อที่ตนใช้อยู่ในตอนนี้ ให้สามารถรวมตัวกับลัสตาเรียได้ง่ายขึ้น
หากแลมด้าสามารถรวมตัวกับลัสตาเรียได้ เอฟีเนียก็จะกลายเป็น "ภาชนะ" ใหม่ของแลมด้า และจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่ในที่สุด หรือจะพูดว่าเอฟีเนียจะกลายเป็นแลมด้าก็ได้ ซึ่งบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกเพราะเอเรสทั้งหมดได้สูญสิ้นไปหมดแล้ว เอฟีเนียจะกลายเป็นดาวที่ตายแล้วเหมือนฟอโดร่าในตอนนี้
เมื่อกลับไปที่เทลอสแอสทิว ยานชาโทลก็ได้ถูกเก็บกู้กลับเข้าไว้ที่โรงเก็บยานแล้ว เอเมโรดก็ได้ติดตั้งเดริสบิทเข้ากับส่วนหัวของยานเป็นที่เรียบร้อย และเธอยังได้ขอไปยังเอฟีเนียกับทุกคนด้วยเพราะเธอคิดว่าเป็นหน้าที่ของเธอในฐานะชาวฟอโดร่าที่จะได้กำจัดแลมด้า ซึ่งอัสเบลก็ไม่ปฏิเสธคำร้องขอนั้น
ラムダ繭 (ดักแด้ของแลมด้า)
Discovery: 石の心臓 (จุดเซฟที่สอง)
Items: 鍛冶の魔導書 (ทางออกทางขวามือของห้องปริศนาที่สาม),
- ออกจากชาโทล (เป็นจุดพักและซื้อของด้วย) ไปทางขวาจนถึงจุดแยกเข้าห้องสองห้อง ให้ไปทางขวา จะเป็นจุดลงไปข้างล่าง
- เดินไปตามทางด้านซ้าย จะพบจุดที่สามารถกลับขึ้นไปด้านบนได้ ให้เดินทะลุต่อไปทางซ้าย
- ไปตามทางจนถึงจุดเซฟที่สอง และไปต่อจนถึงห้องปริศนาแรก (มีจุดสีแดงน้ำเงินอยู่เยอะๆ)
- สำรวจจุดแดงใกล้ๆ แล้วลงมาสำรวจจุดน้ำเงินข้างล่าง
- เดินขึ้นไปสำรวจจุุดน้ำเงินด้านบน แล้วต่อด้วยจุดแดงซ้ายบน แท่นลอยจะมาต่อเป็นทางข้ามไปอีกฝั่ง
- ไปถึงทางแยกแล้วเข้าห้องซ้ายล่าง จะเจอปริศนาที่สอง
- สำรวจจุดน้ำเงินใกล้ๆ แล้วไปที่จุดแดงซ้ายล่าง ตามด้วยจุดแดงและน้ำเงินด้านซ้ายบนตามลำดับ
- สำรวจจุดแดงและน้ำเงินด้านบน แล้วแท่นลอยจะลอยไปอีกฟาก
- กลับออกไปทางขวา แล้วเข้าห้องซ้ายบน ออกมาทางซ้ายแล้วเข้าห้องขวาบน จะตกลงไปยังปริศนาที่สาม
- สำรวจจุดน้ำเงินด้านบน (ใกล้ๆ) แล้วขึ้นไปสำรวจจุดแดงและน้ำเงินทางซ้าบนตามลำดับ
- ลงมาสำรวจจุดแดงและน้ำเงินที่ด้านล่างสุด จะสร้างทางเชื่อมไปอีกฝั่งได้
- สำรวจจุดแดงและน้ำเงินทางฝั่งขวาตามลำดับ แล้วออกไปทางซ้าย เข้าจุดตกลงไปอีกชั้น
- ออกมาทางขวา แล้วกลับไปที่ห้องซ้ายล่าง ซึ่งเป็นห้องปริศนาที่สอง จะมีทางเชื่อมข้ามไปอีกฝั่งได้แล้ว
- เข้าไปตามทางจนสุด จะเข้าอีเวนท์และสู้กับบอส ริชาร์ด (リチャード)
- ชนะแล้วเจออีเวนท์อีกหน่อย จากนั้นจะสู้กับเอเมโรด (エメロード) ต่อทันที
- หลังจากกลับขึ้นมาที่ยานชาโทล ให้เลือกบินไปที่เมืองแลนท์ (ラント) และไปยังห่องทำงานเจ้าเมืองในบ้านอัสเบล
- เมื่อทุกคนออกไปจากลุ่ม ให้ออกไปหน้าบ้านเพื่อเจออีเวนท์อีกที แล้วกลับเข้าห้องทำงาน
- ออกจากเมืองไปทางเหนือ และไปยังเนินเขาแลนท์ (ラントの裏山) เดินไปยังทุ่งดอกไม้ด้านใน
- จบอีเวนท์แล้วกลับเข้าเมืองแลนท์ ทุกคนจะแยกออกจากกลุ่มอีกที และอัสเบลจะไปอยู่ในห้องของตัวเอง
- ไปที่ห้องทำงานคุยกับฮิวเบิร์ท
- ไปที่สะพานข้ามแม่น้ำคุยกับมาริค (จะคุยกับโซฟีที่หน้าบ้านก่อนก็ได้ แต่ถ้าคุยสุดท้ายจะมีอีเวนท์มากกว่า)
- ไปที่ลานกลางเมือง คุยกับปาสคาล
- ทางซ้ายของประตูทิศเหนือ พบอีเวนท์ของเชเรีย
- กลับไปคุยกับโซฟีที่หน้าบ้าน
- กลับเข้าห้องนอน สำรวจเตียงเพื่อพักผ่อน
- กลับขึ้นยานชาโทล (กด R3) แล้วเลือกไปยังด่านสุดท้าย ガルディアシャフト
Story Synopsis
ยานชาโทลพาทุกคนกลับสู่เอฟีเนีย และพุ่งทะลวงผ่านเปลือกนอกของรังไหมไปได้ โซฟีรู้สึกได้ว่าแลมด้านั้นอยู่ข้างล่างลึกลงไป เอเมโรดได้บอกว่ารังไหมนี้ถูกสร้างเพื่อเป็นเปลือกคุ้มครองแลมด้า และภายในจะเต็มไปด้วยปีศาจที่เกิดจากแลมด้ามากมาย แต่เธอเองก็ประหลาดใจที่พบว่าภายในนี้นั้นมีรูปแบบชีวิตต่างๆอยู่มากมาย แสดงว่าแลมด้าได้เปลี่ยนแปลงไปจากที่เธอคิดไว้มาก หากสามารถเอาสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากแลมด้าไปควบคุมโดยมนุษย์ได้ บางทีการจะสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นใหม่ที่ฟอโดร่าก็น่าจะเป็นไปได้ ทำให้เธอตัดสินใจที่จะทำบางสิ่ง
เมื่อลงไปถึงข้างล่างสุด พวกเขาก็ได้พบริชาร์ดที่นั่น แต่ในรูปแบบที่เปลี่ยนไปจนเหมือนกับเป็นปีศาจ อัสเบลพยายามจะเข้าไปคุยโดยดี แต่ก็หลีกเลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้ ทันทีที่หยุดเขาไว้ได้สำเร็จไอสีดำก็ลอยออกมาจากร่างนั้นรวมกันกลายเป็นมวลสารสีดำ ก่อนจะกลายเป็นรูปร่างของคนเล็กๆ
โซฟีก้าวเข้าไปหาสิ่งนั้น เธอหันมาเหลือบมองคนอื่นๆครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มใช้พลังของตนและกล่าวลาทุกคน เพราะการจะกำจัดแลมด้านั้นเธอก็จะต้องหายไปด้วยเช่นกัน แต่ประกายสายฟ้าจากผู้ที่คาดไม่ถึงก็พุ่งเข้าโจมตีเธอบาดเจ็บ เป็นเอเมโรดนั่นเอง ซึ่งเธอบอกว่าเป็นการหยุดการสลายตัวที่โซฟีกำลังจะทำ โซฟีพุ่งเข้าไปโจมตีใส่ แต่ก็โดนดีดกลับมาอีก
โซฟีได้ถามว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้ ทั้งที่คนที่สร้างเธอมาเพื่อให้ใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อสลายแลมด้านั้นก็คือเอเมโรด ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมรับว่าสร้างโปรโตสเฮสมาเพื่อการนั้นอยู่แล้ว แต่ตอนนี้นั้นไม่จำเป็นแล้ว เพราะแลมด้าได้กลายเป็นสิ่งที่ไม่ควรถูกสลายไปแล้ว เธอหันไปหาร่างของแลมด้าและเรียกให้มันเข้ามาสู่ร่างของเธ
เอเมโรดรู้สีกได้ถึงพลังที่ออกมาจากภายในร่าง เธอจะใช้พลังในการสร้างชีวิตใหม่ของแลมด้ารวมกับความรู้ของเธอเพื่อคืนชีวิตและความหวังให้กับฟอโดร่าอีกครั้ง และในที่สุดแผนการฟื้นคืนฟอโดร่าของเธอก็จะสำเร็จในที่สุด แต่เดิมเอฟีเนียก็ถูกสร้่างขึ้นเป็นดาวตัวแทนของฟอโดร่า เพราะความวุ่นวายบน เอเรสทั้งหมดจึงถูกย้ายมาไว้ที่นี่ และตัวเอกของเรื่องนี้ก็คือเธอ ในที่สุดเธอก็จะกลายเป็นพระเจ้าผู้ควบคุมทั้งฟอโดร่า ทั้งเอฟีเนีย และแลมด้่า
แม้จะคิดว่าปราบเธอลงได้แล้ว แต่พลังของเอเมโรดก็แผ่พุ่งขึ้นมาอีกจนเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด เธอรู้สึกลำพองใจที่สามารถควบคุมแลมด้าได้ แต่จู่ๆเสียงของเธอก็เปลี่ยนไป เป็นแลมด้านนั่นเอง มันไม่ยอมให้เธอควบคุมมันต่อไปได้อีก และระเบิดร่างของเอเมโรดจนแหลกเป็นเสี่ยงๆ
แลมด้าได้เป็นอิสระอีกครั้ง คราวนี้มันกลับสู่รูปลักษณ์ของเด็กเหมือนที่พวกอัสเบลเคยเห็นมาก่อน ริชาร์ดซึ่งรู้สึกตัวแล้วก็ยื่นมือเข้าหา เรียกให้แลมด้ากลับเข้าหาเขาอีกครั้ง และกลับสู่สภาพของร่างรวมกับแลมด้า โดยไม่รอช้า เขาต่อยพื้นอย่างรุนแรงจนพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ พื้นด้านล่างมีแสงสีเขียวพุ่งแทรกขึ้นมา นั่นเพราะทางเข้าสู่ลัสตาเรียได้เปิดออกแล้ว เพดานและพื้นโดยรอบเริ่มพังลงมา แต่โซฟีก็ยังจะพยายามเข้าไปโจมตีแลมด้าอีกจนแอัสเบลต้องลากเธอออกมา
ทุกคนออกมาจากที่แห่งนั้นด้วยนานชาโทลที่ร่วงหล่นลงมาพอดี โซฟียังคงยืนยันที่จะไปกำจัดแลมด้าทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าต้องเอาชีวิตตัวเองเข้าแลก ทุกคนอยากที่จะหาทางอื่นที่จะไม่ต้องเจอกับเรื่องน่าเศร้าเช่นนั้น แต่โซฟีก็ว่าไม่มีทางอื่นอีก พวกอัสเบลไม่มีทางที่จะปราบแลมด้าได้ ทำให้อัสเบลโมโหที่เธอคิดว่ามีแต่ตัวเองที่ทำได้จนไม่ฟังอะไรเลย
เพื่อวางแผนและคิดหาหนทาง ทุกคนจึงกลับไปตั้งหลักที่แลนท์ เชเรียได้ดึงตัวโซฟีไปคุยกันที่นอกบ้านกันสองคนก่อน เธอดีใจที่โซฟียังไม่ได้จากไป ซึ่งหากตอนนั้นโซฟีปราบแลมด้าได้จริงก็คงไม่มีโอกาสแบบเวลานี้ และคงจะเศร้ามาก ทำให้โซฟีถามว่าเชเรียจะเศร้าหรือหากเธอไม่อยู่ เชเรียจึงลองให้คิดดูว่าหากพวกเธอไม่อยู่โซฟีจะรู้สึกอย่างไร ทำให้เธอพอจะเข้าใจขึ้นบ้าง นั่นรวมถึงอัสเบลที่จะเศร้าที่สุด เลยทำให้เขาโกรธแบบนั้น
เชเรียได้บอกว่าในอดีตตอนที่โซฟีไม่อยู่ อัสเบลก็เคยเป็นแบบตอนนี้ พอมาคิดดีๆแล้วเธอถึงเข้าใจว่าตอนนั้นเขาคงไม่ได้โกรธแต่คงเศร้าและเสียใจมาก แต่เพราะแสดงออกไม่เก่งเลยดูเหมือนกับโกรธแบบนั้น ซึ่งโซฟีเองก็เหมือนกัน เชเรียบอกให้ไปคุยกับอัสเบลดูซักทีจะได้เข้าใจว่าทำไมอัสเบลถึงโกรธทั้งๆที่เศร้าแบบนั้น
พอดีกับที่อัสเบลออกมาตามหาพอดี เชเรียจึงชิ่งขอตัวไปเปิดโอกาสให้ทั้งสองคนได้คุยกัน อัสเบลบอกว่าถึงโซฟีจะว่าไม่มีทางอื่นที่จะปราบแลมด้าได้อีก แต่เขาก็จะไม่ยอมแพ้ เพราะเขาเห็นว่าโซฟียังมีสิ่งที่อยากทำและอยากรู้อีกมากมาย เธอบอกว่าเธออยากเห็นดอกคุโระโซฟีกลายเป็นดอกไม้แห่งสายลม ซึ่งอัสเบลก็เน้นว่ายังมีสิ่งที่เธออยากเห็นอีกมากมาย เธอจึงยังตายไม่ได้ โซฟีจึงรู้สึกดีใจที่รู้ว่าเขาไม่ได้โกรธเธอ สำหรับเธอแล้ว เธออยากให้เขาหัวเราะทั้งตอนนี้และตลอดไป
ガルディアシャフト (กัลเดียแชฟท์)
Discovery: 巨大ドリル, 忘れられた存在
Items: 鉄壁の魔導書
- จากยาน เดินเข้าจุดวาร์ปตรงกลาง เดินต่อไปเรื่อยๆและเข้าลิฟท์ทางขวาสุด
- เดินมาถึงจุดที่มีลิฟท์สองตัวใกล้ๆกัน ให้ใช้ตัวล่างเพื่อลงไปเก็บ アリトモス・コア (อาริโทมอส คอร์) ก้อนแรก แล้วกลับมาเข้าลิฟท์ตัวซ้ายมือ
- เดินไปตามทางจนถึงโซนที่มีพื้นสลับสีเรียงกันเป็นตาราง ซึ่งตรงนี้ต้องเดินสลับสีเรียงกันไปเรื่อยๆ (เช่นแดง เหลือง น้ำเงิน แดง เหลือง น้ำเงิน) หากเดินผิดก็จะถูกวาร์ปกลับช่องแรก ไม่ก็เจอศัตรู
- จากช่องแรก (ไม่นับลิฟท์) เดินลง - ขวา - ลง - ขวา - ขึ้น - ขวา - ขึ้น - ขวา - ขึ้น - ซ้าย - ซ้าย - ขึ้น จะเก็บหีบได้หมด และได้ アリトモス・コア ก้อนที่สอง
- กลับมาที่ช่องแรก เดินลง - ขวา - ลง - ขวา - ขึ้น - ขวา - ขึ้น - ขวา - ขึ้น - ซ้าย - ขึ้น - ขวา - ขวา จะถึงลิฟท์ และช่องแรกกับช่องสุดท้ายจะกลายเป็นจุดวาร์ปเชื่อมถึงกันโดยตรงได้
- ขึ้นลิฟท์มา จะสู้กับบอส パウォル สองตัว แล้วเดินไปลงลิฟท์ต่อ
- เดินมาจนเจอลิฟท์สองตัว ใช้ตัวล่าง ไปสำรวจชุดซากสิ่งของและใส่ アリトモス・コア จะกลายเป็นบอส プロートン จะไม่สู้ก็ได้ แต่บอสเหล่านี้ซึ่งมีหกตัว จะให้อาวุธสุดยอดเท่าที่จะหาได้ก่อนจบเกม ส่วนตัวนี้จะให้ アルゴ・イリス ซึ่งเอาไปทำดาบของอัสเบล
- ย้อนกลับมาขึ้นลิฟท์ และใช้ลิฟท์ตัวซ้าย เดินไปเรื่อยๆจนเจอโซนที่มีจุดเซฟ ให้ใช้ลิฟท์ทางขวา
- ลงไปแปะ アリトモス・コア เพื่อสู้กับ デウテロン และจะได้ ゴッドウェポン ของโซฟี
- กลับไปที่จุดเซฟ เดินไปขึ้นที่อยู๋โซนล่างของฉาก จะเจอโซนพื้นสลับสีช่วงที่สอง
- (เฉพาะเส้นทางเก็บของสำคัญ) จากช่องแรกไม่รวมลิฟท์ เดิน ขึ้น - ซ้าย - ขึ้น - ขึ้น - ซ้าย - ขึ้น - ขึ้น - ซ้าย - ลง - ลง (ได้ アリトモス・コア อันที่สาม) - ลง - ลง - ซ้าย - ขึ้น - ขึ้น - ซ้าย - ขึ้น - ซ้าย แล้วเข้าลิฟท์
- เดินไปเก็บ Discovery 巨大ドリル ที่เห็นด้านบน แล้วเดินเข้าจุดวาร์ปอันต่อไป จะเข้าสู่โซนใหม่ ส่วนจุดวาร์ปที่ใช้ จะสามารถวาร์ปกลับไปที่ชั้นบนสุดได้
- ในโซนนี้ เราต้องเอาผลึกสีต่างๆ ไปวางลงบนแท่นของมันเอง ซึ่งจะเป็นการเชื่อมทางใหม่ๆให้ไปต่อได้ แต่จะมีลูกกลมสองสีขวางทางอยู่ด้วย ต้องใช้เครื่องบังคับหมุนพวกมันให้ไปพ้นทาง
- จากทางเดินหลัก (จุดที่วาร์ปลงมาทีแรก) ให้ไปฝั่งซ้ายมือ จะมีเครื่องหมุนลูกกลมสีเขียว สำรวจสองครั้งเพื่อหมุนไปสองที
- เดินไปทีี่จุดวาร์ปสองอันด้านบน เข้าอันซ้าย จะเก็บ アリトモス・コア ได้ เดินเข้าไปอีกหน่อย และให้เก็บผลึกสีเขียวจากแท่นสีชมพู
- กลับไปที่จุดหมุนสีเขียว หมุนหนึ่งครั้ง
- ไปที่จุดวาร์ปด้านบนอีก คราวนี้ไปทางขวา วางผลึกสีเขียวไว้ที่แท่นสีเขียว และจะได้ผลึกสีเหลืองมาแทน เดินต่อมาทางซ้ายล่าง เข้าจุดวาร์ปไป แล้วเข้าจุดวาร์ปทางขวาอีกที
- ไปทางขวาสุด วางผลึกสีเหลืองบนแท่นสีเหลือ และได้ผลึกสีชมพูมา และใกล้ๆจะมีจุดหมุนลูกสีส้มอยู่ แต่ยังไม่ต้องสนใจ
- เดินย้อนไปที่จุดหมุนสีเขียว หมุนมันอีกสองครั้ง
- เข้าจุดวาร์ปด้านบนอันขวา เอาผลึกสีชมพูไปวางที่แท่นสีชมพู แล้วเข้าจุดวาร์ปที่อยูใกล้ๆกัน
- แปะ アリトモス・コア เพื่อสู้กับ テタルトン และได้ クリスタイガー ของเชเรีย
- กลับไปที่จุดหมุนสีเขียว หมุนมันไปอีกที
- เข้าจุดวาร์ปด้านบนอันซ้าย เพื่อเดินกลับไปที่จุดหมุนสีส้ม หมุนหนึ่งครั้ง
- เดินย้อนกลับเข้าจุดวาร์ปไปทีหนึ่ง และไปทางขวาสุด เพื่อแปะ アリトモス・コア เพื่อสู้กับ トリトン และเก็บ ロザリオペイン ของฮิวเบิร์ท
- กลับเข้าจุดวาร์ปทางซ้ายมือสุด และเดินไปทางซ้ายบน เพื่อเข้าวาร์ปเข้าโซนต่อไป
- โซนนี้ก็เช่นเดียวกับโซนที่แล้ว แต่หนักกว่าเพราะมีถึงห้าสี โดยที่ทางเดิน/จุดวาร์ปจะแยกเป็น 12 ทางตามเข็มนาฬิกา (ขอเรียกตามเข็มนาฬิกาเพื่อความสะดวก)
- ไป 1 นาฬิกา เพื่อเก็บผลึกม่วงจากแท่นดำ
- ไป 4 นาฬิกา เก็บ アリトモス・コア
- ไป 5 นาฬิกา สำรวจจุดหมุนสีฟ้าหนึ่งครั้ง
- ไป 2 นาฬิกา วางผลึกม่วงใส่แท่นม่วง และเก็บผลึกฟ้ากลับมา
- ไป 7 นาฬิกา วางผลึกฟ้าใส่แท่นฟ้า เก็บผลึกแดงกลับมา
- ไป 5 นาฬิกา สำรวจจุดหมุนสีฟ้าหนึ่งครั้ง
- ไป 8 นาฬิกา สำรวจจุดหมุนสีเหลือหนึ่งครั้ง
- ไป 11 นาฬิกา วางผลึกแดงใส่แท่นแดง เก็บสีขาวกลับมา
- ไป 6 นาฬิกา วางผลึกขาวใ่ส่แท่นขาว เก็บสีดำกลับมา
- ไป 1 นาฬิกา วางผลึกดำใส่แท่นดำ
- ไป 10 นาฬิกา ขวาสุดแปะ アリトモス・コア เพื่อสู้กับ ヘクトン และได้ ウロボロス ของปาสคาล
- ไป 9 นาฬิกา ซ้ายสุดแปะ アリトモス・コア เพื่อสู้กับ ペンプトン และได้ アンダーテイカー ของมาริค (ตรงนี้จะต้องไปเก็บ アリトモス・コア มาจากโซนถัดไปก่อน แล้วค่อยย้อนมาที่นี่อีกที)
- ขึ้นไป 12 นาฬิกา และสู้กับบอส プロセルピナ 2 ตัว จากนั้นให้เข้าจุดวาร์ปไป
- จากจุดวาร์ป (สามารถวาร์ปกลับไปยังโซนต่างๆก่อนหน้านี้ได้) เข้าจุดวาร์ปด้านซ้าย แล้วเดินลงมาเข้าจุดวาร์ปข้างล่าง จะเก็บ アリトモス・コア อันสุดท้ายได้ ให้ย้อนไปสู้กับ ペンプトン ที่บอกไว้ด้านบนก่อนก็ได้
- ไปตามทางเรื่อยๆ จะได้สู้กับบอส リチャード
- จากนั้นจะต้องสู้กับบอสสุดท้าย ラムダ・アンゲルス (แลมด้า อันเกลส์) และเข้าสู่ Ending....
Story Synopsis
[spoiler]
ทุกคนได้ประชุมและสรุปสถานการณ์กันว่าตอนนี้แลมด้ากำลังเตรียมตัวเพื่อรวมตัวกับลัสตาเรียอยู่ ซึ่งถ้าถึงตอนนั้นแล้วก็คงจะหยุดได้ยาก ปาสคาลพูดถึงตอนที่เอเมโรดรวมตัวกับแลมด้า ซึ่งแลมด้าก็ได้แยกออกมาจากร่างของริชาร์ดแล้ว ถ้าสามารถทำได้อีกครั้งก็อาจจะช่วยริชาร์ดได้
โซฟีบอกว่ามีสิ่งที่ต้องทำก่อนที่จะไปที่นั่น การไปยืนต่อหน้าลัสตาเรียนั้นก็เหมือนกันการเข้าไปในตัวของแลมด้าซึ่งอาจจะถูกแนงกดดันจากจิตของแลมด้าทำลายเอาได้ ทุกคนจึงต้องไปทำการเตรียมตัวก่อน โดยที่ต้องไปที่ทุ่งดอกไม้ที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งนั้น เพราะที่นั่นเป็นจุดรวมของเอเรสทั้งหลาย ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ที่นั่นมีดอกไม้บานตลอดปี ก่อนหน้านี้หลังจากที่เธอสู้กับแลมด้าครั้งสุดท้่ายโซฟีก็หลับไหลอยู่ที่นั่น เพราะว่าเธอเสียเอเรสไปมาก ที่ทุ่งดอกไม้ โซฟีได้รวมรวมเอเรส ณ ที่แห่งนั้นและแบ่งปันให้กับทุกคนซึ่งจะช่วงให้สามารถรับมือกับแลมด้าได้ อัสเบลได้ขอให้เธอสัญญาว่าจะไม่ลงมือทำอะไรด้วยตัวคนเดียว เพราะพวกเขาทุกคนก็อยู่กับเธอด้วย
Tales of Graces, FIN.
- เมื่อกลับมาถึงท่าเรือซาเวทและจบอีเวนท์แล้ว จะเอาโซฟีเข้าสู้ไม่ได้ ให้กลับเข้าเมืองซาเวท
- เข้าไปในโรงแรมและพักที่นั่น
- กลับไปที่ท่าเรือ แล้วไปยัง ออล เรยู (オル・レイユ)
- ออกจากเมืองไปยังเซเบิล อิโซเร (セイブル・イゾレ) และไปยังหน้าศูนย์วิจัยของเมือง
- เข้าไปภายในศูนย์วิจัย และสำรวจที่แท่นตรงกลาง ซึ่งจะมีอีเวนท์ลงไปห้องข้างล่าง
- กลับไปยังท่าเรือ และนั่งไปยังท่าเรือเบลานิค (ベラニック南の港 )
- ออกจากท่าเรือไปทางขวาเรื่อยๆ ซึ่งจะกลับเข้าเขตเมืองแลนท์
- เดินผ่าประตูกั้นชายแดนมาเล็กน้อย แล้วใช้ทางแยกทางขวามือเพื่อเข้าสู่่ถ้ำริมชายฝั่งทะเล (海辺の洞窟)
- เดินเข้าไปยังลานกว้างที่มีจุดเซฟอยู่ใกล้ๆแอ่งน้ำ สำรวจที่กำแพงหินอีกฟากหนึ่งซึ่งจะเห็นเป็นรอยแปลกๆอยู่ จะเปิดเข้าไปข้างในได้ และพบอากาศยาน ชาโทล
- ออกจากถ้ำและกลับไปยังเมืองแลนท์ (ラント) ซึ่งจะพบอีเวนท์อีก
- ไปที่บ้านของอัสเบล และเข้าไปที่ห้องของอัสเบล (ขวาบน)
- เมื่อทุกคนแยกออกจากกลุ่มแล้ว ให้ไปยังห้องทำงาน (ซ้ายล่าง)
- กลับไปที่ห้องอัสเบล แล้วทุกคนจะกลับเข้าทีมอีกที จากนั้นให้ออกมาพบอีเวนท์ที่หน้าบ้านอีกที
- จากนั้นให้กลับไปที่เบลานิค (ベラニック) จะคุยกับคาเมะนินที่หน้าบ้านเพื่อมาเบลานิคเลย หรือจะเดินเอาก็ได้
- เมื่อมาถึงเบลานิค ให้เข้าไปที่ถ้ำด้านบนของเมือง แะเมื่อเข้าไปจนถึงจุดที่มีทหารยืนกันอยู่ ให้เลี้ยวขวาออกไปอีกทาง
Story Synopsis
ที่ท่าเรือซาเวท เชเรียและฮิวเบิร์ทกำลังพยายามรักษาอาการบาดเจ็บของโซฟีซึ่งยังคงหมดสติอยู่ เมื่อฟื้นขึ้นมาเธอก็ดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมาน ทั้งร่างเหมือนจะส่งแสงเรื่อๆออกมา เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งเธอก็มองไม่เห็นอะไรเลย เชเรียและฮิวเบิร์ทพยายามรักษาต่อก็แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย ทุกคนจึงพาโซฟีไปหาที่พักก่อน
ในห้องพักในโรงแรมของซาเวท อาการของโซฟีได้สงบลงแล้ว ปาสคาลได้เอ่ยถึงความสงสัยของเธอที่ว่าโซฟีอาจจะไม่ใช่มนุษย์แบบคนอื่น ดังนั้นอาการที่โซฟีเป้นอยุ่นันมนุษย์คงไม่สามารถรักษาได้ นั่นทำให้อัสเบลโกรธ เพราะจะเป็นมนุษย์หรือไม่ก็ตาม แต่ความทรมานที่เห็นอยู่นั้นก็เป้นเรื่องจริง
ปาสคาลก็บอกว่าเธอก็หมายถึงเรื่องนั้น และบอกถึงตอนที่เธอไปหาข้อมูลที่ห้องแห่งความทรงจำในหมู่บ้านอันมัลเทีย ซึ่งมีข้อความที่พูดถึงฟอโดร่า และโปรโตสเฮส ซึ่งเป็นชื่อที่ริชาร์ดใช้เรียกโซฟีก่อนหน้านี้ ซึ่งหากนั่นเป็นจริงก็หมายความโซฟีมาจากฟอโดร่านั่นเอง แต่ก็ติดที่ไมรู้ว่าริชาร์ดพูดจริงหรือเปล่า และบันทึกที่ได้อ่านนั้นก็เป็นของที่เก่ามากแล้วด้วย ทำให้ไม่รู้สถานที่ตั้งของฟอโดร่า แต่ก็น่าจะเป็นไปได้ที่จะหาฟอโดร่าได้เจอ
ทุกคนเห็นด้วยที่จะไปฟอโดร่าด้วยกัน มาริคก็ถามถึงสาเหตุของอาการบ้าคลั่งของริชาร์ด ซึ่งปาสคาลก็คาดว่าริชาร์ดคงเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า "แลมด้า" ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะทางใด พวกเธอก็ต้องไปที่ฟอโดร่าเพื่อค้นหาความจริงอยู่ดี ซึ่งปาสคาลอยากจะไปที่ห้องแห่ความทรงจำอีกครั้ง แต่พัวซอนก็เดินเข้ามาพร้อมกับท่านป้าแห่งอันมัลเทีย ซึ่งท่านป้าก็บอกว่าเรื่องที่ปาสคาลต้องการจะค้นหานั้นไม่อยู่ในห้องแห่งความรู้ของหมู่บ้านอันมัลเทีย แต่อยู่ที่อีกที่หนึ่งซึ่งชาวอันมัลเทียเคยอาศัยมาก่อนที่จะด้ย้ายมาอยู่ที่นี่กันหมด ที่แห่งนั้นจึงถูกผนึกเอาไว้ ซึ่งคือเมืองเซเบิล อิโซเรนั่นเอง
พัวซอนได้อาสาที่จะคอยดูและโซฟีให้จนกว่าทุกคนจะกับมาพร้อมทางรักษา ทุกคนจึงตัดสินใจไปที่ท่าเรือเพื่อไปยังเซเบิล อิโซเร แต่ก่อนที่จะขึ้นเรือ พัวซอนก็พยุงโซฟีมาหาทุกคน เพราะเธอบอกว่าอยากจะไปกับทุกคนด้วยและจะพยายามไม่เป็นตัวถ่วงของทุกคน พัวซอนได้มอบสารจากเฟนเดลถึงสตราต้า เธอยังได้มอบเครื่องมือสื่อสารให้กับปาสคาลเพื่อใช้ส่งข่าวหากมีอะไรเกิดขึ้นด้วย
เรือได้เทียบท่าที่ออล เรยู ซึ่งทหารสตราต้าก็มาล้อมทุกคนเอาไว้ทันที เพราะทุกคนมากับเรือของเฟนเดลที่มีปัญหากันมาก่อน แต่เมื่อได้เห็นฮิวเบิร์ท เหล่าทหารก็ถอนตัวกลับไป และฮิวเบิร์ทยังได้รู้จากนายทหารว่าประธานาธิบดีดาวิดได้เดินทางมาที่นี่เพื่อดูสถานการณ์ของนรังไหมที่เกิดขึ้น และตอนนี้อยู่ที่เมืองเซเบิล อิโซเร
ทุกคนไปที่นั้นและพบดาวิดที่หน้าศูนย์วิจัย ฮิวเบิร์ทได้มอบสารจากเฟนเดลให้กับท่าน ทำให้ได้รู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ฮิวเบิร์ทยังได้แจ้งว่าพวกเขามาที่เมืองนี้เพื่อค้นหาบันทึกความทรงจำของอันมัลเทีย ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจใช้เพื่อต่อต้านริชาร์ดได้ นักวิจัยได้บอกว่าพวกเขาได้พบสถานที่แห่งนั้นข้างใต้ศูนย์วิจัย และสามารถคลายผนึกได้ก็จริง แต่ก็ไม่มีใครสามารถใช้งานอะไรข้างในได้เลย ซึ่งประธานาธิบดีก็อนุญาตให้เข้าไปลองดูกันได้ โดยที่เขากับนักวิจัยก็จะขอเข้าไปด้วย
พวกเขาลงไปยังข้างใต้ศูนย์วิจัยซึ่งเป็นห้องบันทึกความทรงจำอีกแห่ง ปาสคาลเปิดใช้งานเครื่องทันที เมื่อค้นหาข้อมูลซักพักเธอก็บอกถึงเรื่องที่ทำให้ทุกคนแปลกใจ ดาวดวงนี้มีนั้นทะเลล้อมรอบอยู่ทุกทิศ และการจะผ่านทะเลนั้นออกไปได้นั้นก็ต้องมียานที่ชื่อว่า "ชาโทล" ซึ่งหากมุ่งหน้าเป็นแนวทะแยงสู่ทะเลภายนอกนั้นทันทีที่ออกตัว ก็น่าจะสามารถพุ่งผ่านออกไปได้ และยาน"ชาโทล" ที่ว่านั้นก็อยู่ที่ถ้ำริมชายฝั่งทะเลของแลนท์นั่นเอง
ทันทีที่ออกมานอกศูนย์วิจัย ทหารคนหนึ่งก็รีบวิ่งมาแจ้งประธานาธิบดีว่าทัพเรือที่มุ่งหน้าไปยังรังไหมได้ถูกศัตรูโจมตี ไม่ใช่จากเฟนเดลหรือสตราต้า แต่เป็นเหล่าปีศาจที่ออกมาจากรังไหมทันทีที่ทัพเรือได้เข้าไปไกล้ ซึ่งนอกจากปริมาณที่มากแล้ว แต่ละตัวก็เก่งกาจเกินกว่าที่ทหารจะรับมือกันได้ง่าย ดาวิดจึงสั่งให้ปิดท่าเรือทั้งหมด และให้เฉพาะเรือของกองทัพแล่นออกไปได้เท่านั้น ส่วนพวกอัสเบลได้อาศัยเรือของทัพเรือ เพื่อโดยสารไปยังเฟนเดล และกลับเข้าเขตเมืองแลนท์ในที่สุด
พวกอัสเบลได้พบประตูลับริมผาหินภายในถ้ำ และพบกับโรงจอดยานชาโทล ปาสคาลได้ลองตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆและเห็นว่ายานอยู่ในสภาพดี และยังพบว่าที่สตราต้าและเฟนเดลนั้นมีอุปกรณ์ยิงคลื่นพลังอยู่ฝั่งละที่ หากยิงพลังงานจากสองแห่งนั้นพร้อมกันก็จะสามารถแหวกทะเลที่ล้อมดาวดวงนี้ได้ และชาโทลก็จะพุ่งผ่านรูนั้นไปได้ ปาสคาลได้ลองเปิดการทำงานของระบบทั้งหมดดู แต่ก็พบว่าอุปกรณที่อยู่ฝั่งเฟนเดลนั้นไม่ทำงาน ซึ่งคงต้องไปที่นั่นเพื่อตรวจสอบอีกที ปัญหาอีกหนึ่งก็คือการจะส่งยานออกไปนั้น จะต้องมีคนหนึ่งอยู่ที่นี่เพื่อทำการปล่อยยาน ซึ่งคนที่จะทำได้ก็ต้องมีความรู้พอตัว ซึ่งฟูริเอ พี่สาวของปาสคาลน่าจะทำได้ แต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าจะขอร้องให้มาช่วยได้หรือเปล่า ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องหลังจากนี้
เมื่อออกมาจากโรงเก็บยาน นกส่งสารสรพัวซอนก็บินมาแจ้งว่าปีศาจที่ออกมาจากรังไหมเริ่มอาละวาดไปทั่ว จนแม้แต่เฟนเดลก็ได้สั่งปิดท่าเรือแล้ว จากนั้นเธอก็ได้ส่งข้อความตอบกลับไป พบดีกับที่ฝูงปีศาจได้บินผ่านทุกคน และทิศทางที่พวกมันมุ่งไปนั้นก็คือเมืองแลนท์
ภายในเมืองนั้นเต็มไปด้วยความโกลาหลจากเหล่าปีศาจมากมาย อัสเบลได้เข้าไปช่วยบารี่สู้กับพวกมัน ส่วนคนอื่นๆก็ถูกล้อมเอาไว้หมด โซฟีได้ก้าวออกมาแะใช้พลังของตนกำจัดปีศาจไปหมดในพริบตาเดียว แต่ก็ทำให้อาการของเธอทรุดลงทันตาเห็น พวกเขาจึงรีบพาเธอไปพักผ่อนที่บ้านก่อน
ขณะที่โซฟีพักผ่อน อัสเบลและฮิวเบิร์ทได้ไปพบกับบารี่, เครี่ และเรมอนที่ห้องทำงาน เขาได้ขอบคุณทุกคนที่ช่วยปราบปีศาจให้ และรู้สึกเป็นหนี้โซฟีที่ช่วยเหลือพวกเขาจนตัวเองต้องเป็นแบบนั้น ซึ่งอัสเบลบอกว่าไม่ใช่เพราะพวกบารี่ ซึ่งอัสเบเองก็กำลัจะไปที่แห่งหนึ่งเพื่อหาทางช่วยเธอ
เมื่อเดินผ่านหน้ารูปของครอบครัว อัสเบลได้คิดถึงเรื่องพ่อ และตอนที่ตัวเองออกจากบ้านเพราะอยากเป็นอัศวิน เพื่อปกป้องผู้อื่น แต่ทั้งหมดนั้นก็ยังไม่เพียงพอ เขาสงสัยว่าพ่อเคยคิดอย่างไรกับการที่ต้องใช้ชีวิตในฐานะเจ้าเมือง และตายในฐานะนั้น เครี่ แม่ของพวกเขาได้เดินเข้ามาบอกว่าอัสต้อนเองก็เหมือนกับอัสเบล เขาจะคิดเสมอว่าจะทำอย่างใรเพื่อคนอื่น และหากคนอื่นสิ้นหวัง เขาก็จะพยายามเป็นกำลังให้ การที่อัสเบลและฮิวเบิร์ทออกไปจากบ้านนั้น พ่อของพวกขาเป็นคนที่เป็นห่วงมากที่สุด เพราะว่าพ่อเป็นคนที่พูดไม่เก่งจึงไม่สามารถสื่อความรู้สึกถึงลูกๆทั้งสองคนได้ ตอนนี้พวกเขาก็คงจะยังมีความข้องใจอะไรอยู่ แต่เครี่ก็เชื่อว่าลูกๆของเธอซึ่งมีสายเลือดของอัสต้อนจะสามารถค้นหาคำตอบได้ และเธอก็อยากให้กำลังใจพวกเขาให้มุ่งหน้าไปตามทางที่พวกเขาเชื่อต่อไป
未開の雪道 (แดนหิมะรกร้าง)
Discovery: 氷沈花 (แผน่น้ำแข็งซึ่งจะต้องใช้ทางเดินทางขวามือจากซากโบราณน้ำแข็ง)
Item: 魔法カルタNo.18 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
- เดินไปตามทาง ซึ่งจะพบทางเข้าซากโบราณน้ำแข็ง (มีคาเมะนินไว้ให้คอยเติมเสบียงด้วย)
- หากอยากจะเก็บเลเวลหรือปั้มหินตีบวกอาวุธ จุดนี่จะเหมาะสมที่สุด เพราะมีจุดเกิดศัตรูใกล้ๆคาเมะนินสองตัว หากใช้ Dark Bottle ก็จะสามารถเดินวนไปวนมาแถวนั้น สู้ได้ไม่รู้จบ และเติมเสบียงได้ง่าย
雪に閉ざされた遺跡 (ซากโบราณซึ่งถูกปิดผนึกไว้ด้วยน้ำแข็ง)
Discovery: 故郷への想い (ประตูขวาหลังจากเข้ามาทีแรก), 朽ちた機械の墓場 (อ่านต่อข้างล่าง)
- ในห้องแรก ให้เข้าประตูกลางและลงไปกดเปิดสวิตช์พลังงานข้างล่างก่อน
- ประตูฝั่งซ้ายแะขวา จะต้องหมุนหัวลูกศรให้หันไปหาประตู เพื่อให้พลังงานเข้าไปได้ก่อน (ทั้งด่านจะเป็นแนวนี้หมด)
- เข้าประตูกลางข้างบนและไปตามทางเรื่อยๆ ถึงจุดแยกพลังงานแรก ซ้ายจะไปเก็บของ ขวาจะเป็นทางไปต่อ
- จุดแยกพลังงานที่สอง ขวาไปเก็บของ ซ้ายไปต่อ
- ไปตามทางเรื่อยๆ จนถึงจะแยกพลังงานที่สาม (A) ไปทางซ้ายก่อน
- เจอจุดแยกพลังงานที่สี่ ซ้ายจะไปเก็บ Discovery ขวาบนไปต่อ
- เข้าไปจนถึงประตูใหญ่ ให้หันหัวลูกศรเข้าหาประตูเช่นเคย แล้วเดินย้อนกลับไปจุด A
- จุด A ใ้ห้ไปทางขวาบ้าง เจอจุดแยกพลังงานที่ห้า ขวาไปเก็บของ ซ้ายไปต่อ
- ถึงหน้าประตูแล้วก็หันลูกศรชี้เข้าไปเช่นเคย แล้วผ่านประตูเข้าไป
- ถึงห้องใหญ่ หากเบนพลังงานไปทางขวาก็จะไปเก็บของ
- ทำให้พลังงานทั้งสองสายชี้ไปหาประตูข้างบนให้ได้ เดินเข้าไปแล้วจะเจอกับบอส ポリュカルポス (มีโทรฟี่ปราบในหนึ่งนาที ポリュカルポス1分撃破)
- ออกมานอกซากโบราณแล้วจะสู้กับมอนสเตอร์ข้างนอก เสร็จแล้วให้เดินย้อนกลับไปที่ถ้ำริมชายฝั่งทะเล (จะใช้คาเมะนินก็ได้อีกเช่นกัน)
- เข้าไปยังถ้ำที่พบยานชาโทล และพบอีเวนท์อีกที แล้วให้ออกมา ใช้ทางออกข้างล่าง และเมื่อเจอจุดแยกแรกก็ให้เลี้ยวไปทาวซ้าย จะพบอีเวนท์กับเชเรีย
- เสร็จแล้วก็ให้กลีบไปที่ยานอีกครั้ง เมื่ออีเวนท์จบอีกครั้ง ให้ออกมาอีกที คราวนี้ให้ใช้ทางออกซ้ายบน จะต้องสู้กับปีศาจอีกกลุ่ม
- กลับไปที่ชาโทลอีกที จะเข้าอีเวนท์ออกบินสู่ฟอโดร่า (フォドラ)
Story Synopsis
ก่อนจะถึงที่หมาย พัวซอนก็ได้ส่งข่าวมาบอกว่าเธอได้ไปหาฟูริเอเพื่อพยายามอธิบายเรื่องที่ปาสคาลต้องการคนมาควบคุมการปล่อยยานชาโทลให้ฟังแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ไม่อยู่ที่ศูนย์วิจัย แต่พัวซอนก็ได้ทิ้งจดหมายไว้แล้ว ซึ่งปาสคาลก็คิดว่าถ้าฟูริเอไม่มาจริงๆ เธอก็คงต้องหาทางแก้ระบบส่งยานให้สามารถควบคุมจากในยานได้ แต่นั่นก็ต้องหลังจากจัดการเปิดระบบยิงหลังงานที่นี่ก่อน
เมื่อเปิดระบบพลังงานได้แล้ว ทุกคนก็รีบกลับไปยังโรงจอดยานชาโทล พัวซอนได้รออยู่ที่นั่นแล้วและขอให้ตัวเองได้ช่วยเหลือการปล่อยยานแทนฟูริเอ ซึ่งทำให้ปาสคาลใจแป้วไปเหมือนกันที่สุดท้ายแล้วพี่สาวของเธอก็ไม่ได้มา ทั้งสองคนเริ่มลงมือเตรียมการปล่อยยานซึ่งต้องใช้เวลาอยู่บ้าง ซึ่งเชเรียได้เดินออกไปข้างนอก
เชเรียรู้สึกกังวลถึงเรื่องที่กำลังจะขึ้นยานเพื่อฝ่าทะเลที่ล้อมรอบโลกออกไป รวมถึงดาวที่เป็นที่มาขอวโซฟี ซึ่งเธอก็กลัวบ้าง แต่นั่นก็เพื่อโซฟี ซึ่งเป็นคนสำคัญที่ทำให้เธอได้พบกับทุกคนอีก ถึงตอนเป็นเด็กเชเรียจะเห็นว่าเป็นคู่แข่งก็ตาม ทั้งโตกว่าและแข็งแรงกว่ามาก ตอนแรกก็คิดว่าเป็นคนแปลกๆ แต่พอคิดว่ามาจากอีกฟากหนึ่งของดวงดาวแล้วก็คงไมแปลกที่จะทำอะไรแบบนั้นได้ อัสเบลเองก็คิดแบบนั้น ต่ไม่ว่าจะมาจากที่ไหน เรื่องที่โซฟีเป็นคนสำคัญของพวกเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลง และพวกเขาก็จะไม่ยอมให้เรื่องจบลงแบบนี้แน่นอน
ในที่สุด การเตรียมการปล่อยยานก็เสร็จสิ้น ระบบต่างๆถูกเปิดอย่างสมบูรณ์ พัวซอนได้เริ่มนับถอยหลังเตรียมปล่อยยาน แต่ก่อนทุกคนจะได้เข้าไปรอนยาน เสียงปีศาจก็ดังออกมาจากข้างนอก ซึ่งการเตรียมปล่อยยานได้เริ่มไปแล้วและยากที่จะหยุดได้ ทุกคนจึงต้องไปต้านปีศาจเหล่านั้นก่อน และก็ได้ความช่วยเหลือจากบารี่และทหารของแลนท์ พวกอัสเบลจึงสามารถกลีบไปเตรียมตัวในชาโทลได้
เมื่อยานชาโทลถูกปล่อยออกไป อีกฟากหนึ่งของแท่นปล่อยก็มีปีศาจจำนวนมากดักรออยู่ แต่ฟูริเอก็มาพร้อมกับอสูรทดลองจำนวนมากมายของเธอ และเข้าเปิดทางให้ยานชาโทลสามารถผ่านออกไปได้ พัวซอนได้สั่งยิงพลังงานจากฐานทั้งสองที่เฟนเดลแะสตราด้า ซึ่งได้บรรจบกันตรงกลางเป็นลำเดียวและเจาะทะลุทะเลที่ล้อมรอบดาวได้สำเร็จ ยานชาโทลพุ่งผ่านรูนั้นออกสู่อวกาศ และมุ่งหน้าสู่ดาวสีแดงขนาดยักษ์เบื้องหน้า
13号地区 (เขตที่ 13)
Discovery: 秘密基地 (ทางเดินทางใต้จากจุดที่ชาโทลตก)
Item: 魔法カルタNo.21 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
- ตอนนี้จะกลับไปที่เมืองอื่นๆไม่ได้แล้ว หากอยากซื้อของหรือพัก ก็สามารถสำรวจเครื่องในชาโทลได้
- จากจุดตก ให้เดินไปทางซ้ายมือเรื่อยๆ ผ่านทางแยกแรกไปก่อน ซึ่งจะพบกับจุดวาร์ปเข้าเมืองเทลอสแอสทิว) อยู่อีกฝั่ง
テロスアステュ (เทลอสแอสทิว)
Discovery: 大きなオケ (เครื่องจักรกลางชั้น 1F), 緑の希望 (ห้อง 記録区 ที่ชั้น 2F), 魔法カルタNo.39 (ห้อง 居住区 ชั้นใต้ดิน)
Items: ナモナキハナの種 (ชั้นใต้ดิน), 熱血の魔導書 (หีบในโรงเก็บชาโทลชั้นใต้ดิน - ห้องทางเหนือ ใส่รหัส エフィネア)
- ในเมือง ให้ใช้ลิฟท์ (มีซ้ายกับขวา) ลง ไปชั้นใต้ดิน (地下1階) เข้าห้องทางตะวันตก จะพบเอเมโรด (エメロード)
- ออกจากเมืองแล้วเดินย้อนไปยันจุดยานตก แต่เมื่อพบแยกแรกให้เดินเข้่าทางด้านบนแทน จะพบทางวาร์ปเข้าศูนย์วิจัยโคเนล
コーネル研究施設 (ศูนย์วิจัยโคเนล)
Discovery: 古ぼけた積み木 (ชั้นใต้ดิน 2 -地下2階 สำรวจทางขวาบนของห้องทดลอที่เจออีเวนท์แรก), タルロウX (ชั้นใต้ดิน 3 ห้องทางขวาบน)
Items: 置換の魔導書 (ชั้นใต้ดิน 1 ห้องทางซ้ายล่าง)
- เข้ามาภายใน เดินจนถึงจุดที่มีประตูกั้น ให้เข้าทางวาร์ปใกล้ๆนั้นเพื่อกดสวิตช์เปิด
- เมื่อผ่านประตูมาจะพบห้องสองห้อง A และ B ซึ่งแต่ละห้องจะมีแบตเตอรี่สองก้อน ให้สำรวจเอามาก่อนก้อนหนึ่งจาก A
- หน้าห้อง B จะมีแท่นให้สำรวจเพื่อวางแบตเตอรี่ จากนั้นให้กลับไปที่ห้อง A เพื่อเอาแบตอีกก้อนมาด้วย
- เข้าลิฟท์ใกล้ๆห้อง B จะลงไปยังชั้นใต้ดิน 1 เดินไปจนเจอประตู เข้าทางวาร์ปใกล้ๆเพื่อลงไปเปิดสวิตช์
- วางแบตเตอรี่ที่แท่นหน้าลิฟท์ตัวต่อไป ใช้ลิฟท์กลับไปชั้น 1 เพื่อเอาแบตเตอรี่ก้อนใหม่จากห้อง B แล้วให้ลงไปยังชั้นใต้ดิน 1 แล้วลงไปชั้นใต้ดิน 2 ทันที
- เข้าไปจนถึงห้องทดลองแรก จะพบอีเวนท์
- เดินต่อมาจนถึงลิฟท์ตัวต่อมา วางแบตเตอรี่แล้วขึ้ลิฟท์กลับไปชั้น 1 หยิบแบตเตอรี่จาก B มาอีกที กลับเข้าลิฟท์ลงมายังชั้นใต้ดิน 3
- เดินจนเจอประตูขวาง เข้าจุดวาร์ปไปเปิดสวิตช์อีก
- วางแบตเตอรี่เข้าลิฟท์ ลงไปยังชั้นใต้ดิน 4 ได้เลย
- ถึงจุดเซฟแล้วจะพบห้องทดลองที่สอง จะพบอีเวนท์และมีภาพฉายของแต่ละคนออกมา สำรวจภาพของแต่ละคน และเมื่อสำรวจภาพของริชาร์ด จะต้องสู้กับบอส แลมด้า (ラムダ) มีโทรฟี่ "ปราบแลมด้าในหนึ่งนาที" (ラムダ1分撃破!)
- ย้อนกลับไปที่ห้องทดลองที่ 1 ชั้นใต้ดิน 2 แล้วโซฟีจะกลับเข้าร่วมทีมอีกครั้ง
- ขึ้นลิฟท์กลับมาชั้น 1 และออกจากศูนย์ทดอง
- เดินออกมาและใช้เส้นทางตะวันออก เพื่อเข้าไปยังเขตที่ 66
Story Synopsis
ยานชาโทลได้ลงจอดอย่างไม่งามนักบนดาวฟอโดร่า ทันทีที่ออกมาจากยาน ทุกคนก็ไม่เห็นอะไรอื่นนอกจากพื้นดินสีแดงที่แตกระแหงและความแห้งแล้งไร้ซึ่งสีเขียวของต้นไม้ บนฟ้าไกลออกไปปาสคาลเห็นดาวที่ทุกคนพึ่งจากมาอยู่ลิบๆ ซึ่งเธอเองก็ไม่แน่ใจว่ายานชาโทลจะสามารถบินขึ้นอีกได้หรือเปล่า แต่ถ้าพบที่ๆสามารถรักษาโซฟีได้ ก็อาจจะหาทางซ่อมยานได้ ทุกคนจึงมุ่งหน้าไปยังสิ่งปลูกสร้างที่ลอยอยู่กลางอากาศที่อยู่ไกลออกไปในระยะสายตา
ภายในนั้นซึ่งเป็นเมืองที่ไร้ผู้คนอยู่เลย ทุกคนได้เห็นร่างเล็กๆร่างหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ ซึ่งทีแรกอัสเบลก็นึกว่าเป็นโซฟีเพราะมีลักษณะคล้ายๆกัน ทันทีที่ปาสคาลลองแตะๆดู ร่างนั้นก็สลายกลายเป็นอณูแสงไปหมด พวกเขายังได้พบอีกคนนึงยืนอยู่ไกลๆ และได้วิ่งนำพาพวกเขาเข้าไปในห้องหนึ่งซึ่งมีผู้หญิงผมสีเขียวคนนึงนอนอยู่บนแท่น
เชเรียได้ลองตรวจสอบดูและก็ไม่พบว่ามีสัญญาณชีพเลย แต่ก็ไม่เหมือนว่าตายแล้วเช่นกัน ตอนนั้นเธอคนนั้นก็ลืมตาตื่นขึ้น เมื่อเธอได้ยินว่าพวกอัสเบลมาจากดาวอีกดวง เธอก็ถามว่าพวกเขาได้ทำลายเขตแดนออกมาจากเอฟีเนียได้หรือ ทำให้ทุกคนงงกับชื่อที่เคยได้ยิน
เธอยังได้ถามอีกว่าทำอย่างไรจึงทำลายเขตแดนออกมาได้ ซึ่งปาสคาลได้ตอบว่าบรรพบุรุษของเธอได้สร้างยานชาโทลเพื่อให้ออกมาได้ เมื่ออีกฝ่ายได้ยินเช่นนั้นก็รู้ว่าปาสคาลเป็นชาวอันมัลเทีย ซึ่งทำให้ปาสคาลคิดว่าชาวอันมัลเทียมีส่วนเกี่ยวข้องกับฟอโดร่าหรือเปล่า
เธอคนนั้นได้แนะนำตัวเองว่าชื่อ "เอเมโรด" และบอกว่าตัวเองคงหลับไปนานมากถึงเป็นพันปี ซึ่งที่จริงเธอคาดว่าจะหลับไปจนกว่าความวุ่นวายบนดาวดวงนี้จะสงบเท่านั้น อัสเบลได้ถามเอเมโรดว่ารู้จักโซฟีหรือไม่ ซึ่งเธอก็ตอบว่านั่นคือโปรโตสเฮสและบอกว่าดูจะเสียหายมาก ทำให้เชเรียแปลกใจที่เอเมโรดใช้คำพูดแบบนั้น
เอเมโรดได้บอกว่าโปรโตสเฮสไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นมนุษย์เทียมที่ชาวฟอโดร่าได้ทำการวิจัยขึ้นเพื่อการสู้รบเรียกว่า "ฮิวมานอยด์" หรือสิ่งที่ทำเลียนแบบมนุษย์ ทำให้ฮิวเบิร์ทหายแปลกใจที่โซฟีไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อเจ็ดปีก่อนเลย แต่สำหรับอัสเบลแล้วโซฟีก็คือโซฟี เขาจึงถามเธอถึงวิธีการรักษา
เธอได้บอกว่าโปรโตสเฮสมีระบบรักษาตัวเองซึ่งตอนนีิ้ดูเหมือนจะหยุดทำงาน และการจะซ่อมแซมนั้นก็ต้องไปยังศูนย์วิจัยฮิวมานอยด์ แต่ภายนอกนั้นดูเหมือนจะวุ่นวายยิ่งกว่าก่อน ทำให้ทุกคนอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ อาการของโซฟีเองก็ไม่ดีนัก และถึงจะซ่อมแซมได้เธอก็ไม่อาจรับประกันว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก แต่อัสเบลก็ยังยืนยันที่จะช่วยโซฟีเพื่อเธอเป็นเพื่อนของพวกเขา
ที่ศูนย์วิจัยฮิวมานอยด เอเมโรดได้พาทุกคนไปยังห้องวิจัยแรกซึ่งมีเครื่องกลที่เหมือนกับที่เคยฉายภาพโซฟีเมื่อก่อนหน้านี้ เธอได้เปิดใช้งานระบบซึ่งปาสคาลก็ได้เห็นว่ามีชื่อของ "แลมด้า" ปรากฏออกมาอีก เอเมโรดบอกว่านั่นเป็นชื่อของฝันร้ายของพวกเธอ ซึ่งแต่เดิมนั้น แลมด้าเป็นรูปแบบชีวิตที่พวกเธอพบโดยบังเอิญระหว่างทำการวิจัยลัสตาเรีย และ "ศาสตราจาร์ยโคเนล"ได้ทำการวิจัยที่ศูนย์วิจัยนี้ แลมด้ามีความสามารถที่น่าประหลาดใจหลายอย่าง และอันหนึ่งก็คือการให้กำเนิดปีศาจออกจากร่างกาย ซึ่งพวกปีศาจเหล่านั้นได้ทำให้เกิดความวุ่นวายบนฟอโดร่า และทำให้เกิดความวิบัติที่เป็นอยู่ที่ในตอนนี้
ตอนนั้น เครื่ิองฉายภาพก็แสดงภาพของรังไหมให้ดู ซึ่งเป็นรังไหมแบบเดียวกับที่กำลังก่อตัวบนเอฟีเนีย เอเมโรดได้บอกว่าหลังจากสร้างหายนะบนฟอโดร่าแล้ว แลมด้าก็ได้หลบไปยังเอฟีเนีย พวกเธอจึงได้สร้างฮิวมานอยด์ที่สามารถต่อต้านแลมด้าได้และส่งตามไปที่เอฟีเนียเช่นกัน ซึ่งนั่นก็คือตัวตนที่แท้จริงของโปรโตสเฮสที่พวกเขาเรียกว่าโซฟี แต่พวกของเธอซึ่งตามไปด้วยก็ได้แจ้งกลับมาว่าภารกิจนั้นไม่สำเร็จ เธอจึงต้องยอมสละเพื่อนๆเพื่อผนึกแลมด้า โดยการผนึกเอฟีเนียทั้งดวงไว้ภายใต้เขตแดนนั้น
ขณะกำลังจะไปต่อกันนั้น ร่างของโซฟีก็เริ่มมีอณูแสงลอยออกมา เอเมโรดบอกว่าการสลายตัวได้เริ่มขึ้นแล้ว สิ่งที่กำลังเรืองแสงอยู่นี้ก็คืออณูสสารขนาดเล็กที่รวมตัวกันเป็นร่างของโปรโตสเฮส แต่ละอณูนั้นมีขนาดเล็กกว่าเม็ดทราย แต่เมื่อรวมกันมากๆเข้าก็สามารถกลายเป็นร่างมนุษย์ได้
ตอนนั้น ร่างของอัสเบล เชเรีย และฮิวเบิร์ท ก็มีอณูแสงลอยออกมาบ้าง ซึ่งเอเมโรดมองด้วยความแปลกใจ พร้อมบอกว่านี่เป็นอณูแบบเดียวกับของโปรโตสเฮส ซึ่งดูเหมือนจะเกิดจากการแบ่งสสารจากโปรโตสเฮสไปให้พวกเขา ตัวของโซฟีนั้นเกิดจากการก่อตัวของสสารเพื่อให้ได้ร่างมนุษย์ และมีความสามารถในการรักษาและฟื้นตัวเช่นกัน แต่การแบ่งสสารนั้น จะเป็นการแบ่งแยกอณูของร่างกายตัวเองไปไว้กับสิ่งอื่น ซึ่งในกรณีนี้ สิ่งอื่นที่ว่าก็คือทั้งสามคนนั่นเอง ซึ่งเอเมโรดได้ถามว่าโซฟีเคยทำสิ่งดังกล่าวให้พวกเขาหรือเปล่า ทำให้พวกอัสเบลนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเจ็ดปีก่อนขึ้นมา
เอเมโรดพูดด้วยความฉงน เพราะการแบ่งสสารซึ่งตรงข้ามกับการก่อตัวของสสารนั้เกิดขึ้นได้ยากมาก ซึ่งหากผิดพลาดขึ้นมา ตัวโปรโตสเฮสก็อาจจะไม่สามารถกลับคืนสภาพได้อีกเลยก็ได้ ปาสคาลได้ถามถึงความสามารถในการฟื้นตัวของอณูสสารนั้นในกรณีที่ถูกแบ่งไปอยู่ในสิ่งรองรับอื่น เอเมโรดก็คาดว่าสิ่งรองรับอื่นนั้นก็คงจะได้ความสามารถในการฟื้นตัวนั้นไปด้วยเช่นกัน ปาสคาลจึงคิดได้ว่าโซฟีอาจจะแบ่งชีวิตของตัวเองออกเป็นสามส่วนเพื่อช่วยชีวิตของพวกอัสเบลก็ได้ พวกเขาจึงเข้าใจว่าเจ็ดปีก่อนนั้นโซฟีไม่ได้หายไปไหน แต่อยู่ในตัวพวกเขานั่นเอง ซึ่งที่พวกเขามีพลังเหมือนกับโซฟีก็คงเพราะเรื่องนี้เช่นกัน
ปาสคาลได้ถามเอเมโรตถึงสภาพของอณูสสารในเวลานี้หากเกิดการแบ่งสสารอีกจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งคำตอบก็คืออณูสสารจะไม่สามารถกลับไปรวมตัวกันเพื่อสร้างร่างเนื้อไ้ด้อีก ซึ่งเอเมโรดก็นึกอยู่ในใจว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่โปรโตสเฮสจะทำเรื่องแบบนี้ด้วยการตัดสินใจของตัวเอง
เมื่อถึงห้องวิจัยหลัก เอเมโรดก็ให้พวกเขาพาโซฟีขึ้นไปนอนบนเตียงทดลอง เธอได้เปิดระบบตัวสอบอาการปกติในร่างโปรโตสเฮส ซึ่งโซฟีก็เหมือนจะรู้สึกตัวขึ้นมา แต่ก็กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อณูสสารส่วนหนึ่งลอยออกจากร่างและไปจำแลงเป็นร่างของเธอ และคนอื่นๆ และแสดงออกถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อคนนั้นๆ แต่กับริชาร์ด ร่างจำแลงเธอกลับสู้กับเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย เธอพึมพัมชื่อของแลมด้าออกมา ก่อนที่อณูสสารของเธอจะก่อตัวกลายเป็นร่างของปีศาจที่พวกอัสเบลเคยเจอเมื่อสมัยยังเด็ก เอเมโรดตกตะลึงเมื่อเห็นว่าสิ่งนั้นก็คือแลมด้า
เมื่อร่างจำแลงของแลมด้าถูกปราบลง อณูแสงก็กลับเข้าสู่ร่างของโซฟีและทำให้เธอได้สติพร้อมอาการบาดเจ็บต่างๆที่หายดีเป็นปลิดทิ้ง แต่เธอก็ยังมีความสับสนถึงเรื่องหน้าที่ที่เธอต้องทำ ซึ่งเอเมโรดได้โซฟีไปเข้ากระบวนการรื้อฟื้นความทรงจำเสียก่อน ทำให้โซฟีสามารถจำได้ถึงหน้าที่ของตนที่ต้องกำจัดแลมด้า แต่หน้าที่นั้นก็ดูจะผลักดันเธอจนผิดสังเกตุ
ตอนนั้น เครื่องกลก็ฉายภาพของฉายวัยกลางคนในชุดนักวิจัยคนนึงกับเด็กอีกคน ซึ่งเขาเรียกเด็กคนนั้นว่าแลมด้าและมีท่าทางอ่อนโยนกับเด็กคนนั้นมาก ทำให้ทุกคนงงเพราะดูยังไงเด็กคนนั้นก็เป็นมนุษย์ ซึ่งเอเมโรดก็ยืนยันว่าแลมด้าไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสิ่งที่สามารถใช้ร่างเนื้อของสิ่งอื่นได้ ทำให้คิดกันได้ว่าบางทีริชาร์ดอาจจะถูกแลมด้าเข้าสิงอยู่ ซึ่งถ้าล้มแลมด้าได้ ก็อาจจะช่วยริชาร์ดได้
โซฟีเองยังสับสนระหว่างหน้าที่ของตนกับสิ่งที่ต้องทำจริง เพราะเธอต้องกำจัดแลมด้า แต่ตอนนี้แลมด้าก็คือริชาร์ด ซึ่งเอเมโรดก็บอกเธอว่าหน้าที่ของโซฟีก็คือการกำจัดแลมด้าโดยไม่ต้องสนใจถึงว่าแลมด้าใช้ใครเป็นร่างอยู่ แต่อัสเบลแย้งขึ้นมา เพราะเขารู้ว่าโซฟีไม่อยากจะสู้กับริชาร์ด เขาเชื่อว่าริชาร์ดยังไม่ได้ถูกแลมด้ากลืนไปอย่างสมบูรณ์ และขอให้เธออย่าคิดว่าเป็นเรื่องของตัวเองคนเดียว เพราะทุกคนก็อยู่ที่นี่กับเธอด้วย
ปาสคาลได้เริ่มคิดถึงการหาทางเจาะทะลวงเข้าไปในรังไหมเพื่อหาตัวริชาร์ด ซึ่งเอเมรอดก็บอกว่าสามารถดัดแปลงยานชาโทลให้สามารถทำงานนั้นได้ แต่ก็ต้องใช้ชิ้นส่วนพิเศษซึ่งถูกเก็บไว้ในฐานทัพบาจิสเท่านั้น นอกจากนั้นที่นั่นก็อาจมีทางทำให้มาริคและปาสคาลสามารถใช้พลังของโซฟีได้เหมือนกับพวกอัสเบลด้วย
66号地区 (เขตที่ 66)
Discovery: 叶わぬ願い (ทางแยกทางขวามือก่อนจะเข้าสู่บริเวณฐานบาจิส)
Item: 魔法カルタNo.28 (แรนด้อมจากจุดสำรวจ)
คำเตือน: ความยากของศัตรูแถวนี้จะเริ่มโดดขึ้นอีกครั้ง โปรดระวัง
- เดินไปตามทางเรื่อยๆ หากเดินไปทางตะวันออกสุดโดยไม่เลี้ยวก็จะพบ Discovery
- ทางขวาบนสุด จะพบฐานทัพบาจิส
バシス軍事基地 (ฐานทัพบาจิส)
Discovery: 階級章, アンマルチアの鍵 (อ่านด้านล่าง)
Items: 強運の魔導書 (อ่านด้านล่าง)
- ภายในจะมีกลไกบล็อกที่สามารถสำรวจเพื่อเลื่อนซ้ายขวาได้ และในบางห้อง เมื่อเลื่อนบล็อกหนึ่งแล้ว บล็อกที่สีเดียวกันก็จะขยับด้วย
- ห้องบล็อกแรก เลื่อนบล็อกล่างไปทางขวา
- ห้องบล็อกสอง เลื่อนบล็อกด้านหน้าลงมาข้างล่าง
- ห้องบล็อกสาม เลื่อนบล็อกมาทางซ้ายสองครั้ง แล้วไปต่อทางขวา สำรวจลิฟท์ขึ้นมาข้างบน
- จะพบห้องบล็อกสี่ เลื่อนบล็อกซ้ายสุดลงล่างสุด ส่วนบล็อกสองอันที่เหลือให้ขยับไปทางขวาอันละหนึ่ง
- ออกไปทางซ้ายเพื่อเก็บ Discovery 階級章 แล้วกลับมาทางขวาเข้าประตูที่อยู่ใกล้ๆ (เคยโดนบล็อกบังไว้)
- พบห้องบล็อกที่ห้า เลื่อนบล็อกล่างสุดไปซ้ายสุด และบล็อกอันกลางไปขวาสุด แล้วอ้อมไปทางขวา จะพบลิฟท์เพื่อขึ้นต่อไปอีก
- เข้าห้องไปพบห้องบล็อกที่หก เลื่อนบล็อกที่มีอันเดียวไปทางซ้ายสามครั้ง และใช้ประตูทางซ้ายเดินออกไป (ถ้าไม่มีทางไป ให้ไปเช็คที่ห้องบล็อก 5 อีกที บล็อกเชื่อมกันอยู่)
- ห้องบล็อกที่เจ็ด (บล็อกแนวตั้งหนึ่ง แนวนอนสอง) เลื่อนบล็อกแนวนอนอันบนไปทางขวาสองครั้ง ส่วนอันล่างก็ให้เลื่อนมาทางซ้าย ให้เท่ากับบล็อกบน ส่วนบล็อกแนวตั้งให้เลื่อนขึ้นไป แล้วให้ไปทางขวา ขึ้นลิฟท์ไปข้างบน
- มาทางซ้ายพบห้องบล็อกแปด เลื่อนบล็อกแนวตั้งอันขวาขึ้นไป แล้วเข้าประตูที่อยู่ข้างบน
- พบ Discovery アンマルチアの鍵 และห้องบล็อกแปด
- เลื่อนบล็อกอันบนมาทางซ้ายหนึ่งครั้ง อันล่างไปทางขวาหนึ่งครั้ง
- ออกไปทางซ้าย ไปจนถึงทางแยกแล้วเดินลงล่าง จะกลับมายังห้องบล็อกแปด ให้เข้าประตูฝั่งขวามือ
- จะพบจุดเซฟ แต่หากเข้าไปไม่ได้ให้กลับไปเช็คที่ห้อง 6 และ 9
- เข้าไปแล้วจะต้องสู่กับบอส ケントゥリオ (มีลูกน้องและสามารถเรียกลูกน้องเพิ่มได้)
- ใช้จุดวาร์ปบนพื้นกลับออกมาที่เขต 66 แล้วเดินย้อนไปที่เขต 13 แล้วยิงยาวกลับเทลอสแอสทิว
- จุดเซฟหน้าเทลอสแอสทิว จะมีสกิทซึ่งอัสเบต้องดวลเดียวกับมาริค (จะแพ้ก็ได้เพราะสามารถลองใหม่ได้อีก แต่ถ้าชนะทีเดียวเลยจะได้สกิทครบกว่า)
- กลับเข้าเทลอสแอสทิว ไปยังโรงเก็บชาโทลชั้นใต้ดืน 1F (地下1階) หลังจบอีเวนท์แล้วให้คุยกับเอเมโรดเพื่อขึ้นยาน
Story Synopsis
Story Synopsis
ภายในฐานทัพบาจิสซึ่งเป็นที่ๆชาวฟอโดร่าสร้างให้เพื่อเป็นฐานทัพในการสู้กับปีศาจที่เกิดจากแลมด้า ปาสคาลได้สังเกตุเห็นสิ่งที่ส่องแสงออกมาระหว่างที่โซฟีกำลังใช้พลังของตนต่อสู้กับฮิวมานอยด์ที่อยู่ในนั้น เมื่อเธอได้ฟังเอเมโรดอธิบายว่าสิงที่ตามหา "เดริคคอร์" นั้นเป็นโลหะที่มีธาตุที่สามารถต่อต้านแลมด้าได้ และจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกับพลังของโซฟี ปาสคาลก็เลยถือโอกาสไปเปิดเครื่องจักร และสร้าง "เดริสบิท" ออกมาตามที่เอเมโรดพึ่งอธิบายไปโดยไม่ผิดเพี้ยน ทำให้เจ้าตัวประทับใจกับสายเลือดอันมัลเทียคนนี้มาก
นอกจากนั้น ปาสคาลยังได้สร้างแหวนอีกคู่หนึ่งจากวัตถุดิบที่เหลือ เธอได้ส่งอันหนึ่งให้กับมาริค (ทำให้เชเรียตกใจ เพราะนึกว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่เธอนึกไม่ถึงอยู่) และบอกว่าแหวนนี้น่าจะช่วยให้ทั้งสองคนสามารถใช้พลังงานได้เหมือนกับพวกอัสเบล ซึ่งก็ไม่ผิดพลาดจากที่เธอคาดไว้เลย
เอเมโรดอยากจะถามเรื่องของเอฟีเนียจากทุกคน เธอเคยคิดว่าทั้งที่นี่และเอฟีเนียคงจะพินาศไปพร้อมๆกันแล้ว แต่ก็ผิดไปถนัด เพราะเอฟีเนียกลับมีมนุษย์และสิ่งมีชีวิตต่างๆอยู่มากมาย ทำให้เธอใจชื้นที่เหล่าชีวิตที่เคยมีอยู่ที่นี่ ตอนนี้ได้ปรากฏอยู่บนอีกที่หนึ่งแล้ว แต่เธอก็ไม่มั่นใจว่าจะเป็นอย่างไรต่อในเมื่อมีแลมด้าอยู่ด้วย
อัสเบลได้อธิบายว่าแลมด้าได้ดูดกลืนเอเรสจากบัลกิเนสเคลียสไปหมดแล้ว และตอนนี้ก็ได้สร้างรังไหมอยู่บนสถานที่ที่สามารถลงไปถึงลัสตาเรียที่อยู่ ณ ใจกลางของเอฟีเนีย ซึ่งเอเมโรดก็บอกถึงจุดมุ่งหมายสูงสุดของแลมด้าก็ืคือการรวมตัวกับลัสตาเรีย รังไหมนั้นเป็นการเตรียมการในขั้นสุดท้ายก่อนที่แลมด้าจะลงไปยังลัสตาเรีย เพื่อจะได้ "จุติใหม่" เปลี่ยนแปลงร่างเนื้อที่ตนใช้อยู่ในตอนนี้ ให้สามารถรวมตัวกับลัสตาเรียได้ง่ายขึ้น
หากแลมด้าสามารถรวมตัวกับลัสตาเรียได้ เอฟีเนียก็จะกลายเป็น "ภาชนะ" ใหม่ของแลมด้า และจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่ในที่สุด หรือจะพูดว่าเอฟีเนียจะกลายเป็นแลมด้าก็ได้ ซึ่งบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกเพราะเอเรสทั้งหมดได้สูญสิ้นไปหมดแล้ว เอฟีเนียจะกลายเป็นดาวที่ตายแล้วเหมือนฟอโดร่าในตอนนี้
เมื่อกลับไปที่เทลอสแอสทิว ยานชาโทลก็ได้ถูกเก็บกู้กลับเข้าไว้ที่โรงเก็บยานแล้ว เอเมโรดก็ได้ติดตั้งเดริสบิทเข้ากับส่วนหัวของยานเป็นที่เรียบร้อย และเธอยังได้ขอไปยังเอฟีเนียกับทุกคนด้วยเพราะเธอคิดว่าเป็นหน้าที่ของเธอในฐานะชาวฟอโดร่าที่จะได้กำจัดแลมด้า ซึ่งอัสเบลก็ไม่ปฏิเสธคำร้องขอนั้น
ラムダ繭 (ดักแด้ของแลมด้า)
Discovery: 石の心臓 (จุดเซฟที่สอง)
Items: 鍛冶の魔導書 (ทางออกทางขวามือของห้องปริศนาที่สาม),
- ออกจากชาโทล (เป็นจุดพักและซื้อของด้วย) ไปทางขวาจนถึงจุดแยกเข้าห้องสองห้อง ให้ไปทางขวา จะเป็นจุดลงไปข้างล่าง
- เดินไปตามทางด้านซ้าย จะพบจุดที่สามารถกลับขึ้นไปด้านบนได้ ให้เดินทะลุต่อไปทางซ้าย
- ไปตามทางจนถึงจุดเซฟที่สอง และไปต่อจนถึงห้องปริศนาแรก (มีจุดสีแดงน้ำเงินอยู่เยอะๆ)
- สำรวจจุดแดงใกล้ๆ แล้วลงมาสำรวจจุดน้ำเงินข้างล่าง
- เดินขึ้นไปสำรวจจุุดน้ำเงินด้านบน แล้วต่อด้วยจุดแดงซ้ายบน แท่นลอยจะมาต่อเป็นทางข้ามไปอีกฝั่ง
- ไปถึงทางแยกแล้วเข้าห้องซ้ายล่าง จะเจอปริศนาที่สอง
- สำรวจจุดน้ำเงินใกล้ๆ แล้วไปที่จุดแดงซ้ายล่าง ตามด้วยจุดแดงและน้ำเงินด้านซ้ายบนตามลำดับ
- สำรวจจุดแดงและน้ำเงินด้านบน แล้วแท่นลอยจะลอยไปอีกฟาก
- กลับออกไปทางขวา แล้วเข้าห้องซ้ายบน ออกมาทางซ้ายแล้วเข้าห้องขวาบน จะตกลงไปยังปริศนาที่สาม
- สำรวจจุดน้ำเงินด้านบน (ใกล้ๆ) แล้วขึ้นไปสำรวจจุดแดงและน้ำเงินทางซ้าบนตามลำดับ
- ลงมาสำรวจจุดแดงและน้ำเงินที่ด้านล่างสุด จะสร้างทางเชื่อมไปอีกฝั่งได้
- สำรวจจุดแดงและน้ำเงินทางฝั่งขวาตามลำดับ แล้วออกไปทางซ้าย เข้าจุดตกลงไปอีกชั้น
- ออกมาทางขวา แล้วกลับไปที่ห้องซ้ายล่าง ซึ่งเป็นห้องปริศนาที่สอง จะมีทางเชื่อมข้ามไปอีกฝั่งได้แล้ว
- เข้าไปตามทางจนสุด จะเข้าอีเวนท์และสู้กับบอส ริชาร์ด (リチャード)
- ชนะแล้วเจออีเวนท์อีกหน่อย จากนั้นจะสู้กับเอเมโรด (エメロード) ต่อทันที
- หลังจากกลับขึ้นมาที่ยานชาโทล ให้เลือกบินไปที่เมืองแลนท์ (ラント) และไปยังห่องทำงานเจ้าเมืองในบ้านอัสเบล
- เมื่อทุกคนออกไปจากลุ่ม ให้ออกไปหน้าบ้านเพื่อเจออีเวนท์อีกที แล้วกลับเข้าห้องทำงาน
- ออกจากเมืองไปทางเหนือ และไปยังเนินเขาแลนท์ (ラントの裏山) เดินไปยังทุ่งดอกไม้ด้านใน
- จบอีเวนท์แล้วกลับเข้าเมืองแลนท์ ทุกคนจะแยกออกจากกลุ่มอีกที และอัสเบลจะไปอยู่ในห้องของตัวเอง
- ไปที่ห้องทำงานคุยกับฮิวเบิร์ท
- ไปที่สะพานข้ามแม่น้ำคุยกับมาริค (จะคุยกับโซฟีที่หน้าบ้านก่อนก็ได้ แต่ถ้าคุยสุดท้ายจะมีอีเวนท์มากกว่า)
- ไปที่ลานกลางเมือง คุยกับปาสคาล
- ทางซ้ายของประตูทิศเหนือ พบอีเวนท์ของเชเรีย
- กลับไปคุยกับโซฟีที่หน้าบ้าน
- กลับเข้าห้องนอน สำรวจเตียงเพื่อพักผ่อน
- กลับขึ้นยานชาโทล (กด R3) แล้วเลือกไปยังด่านสุดท้าย ガルディアシャフト
Story Synopsis
ยานชาโทลพาทุกคนกลับสู่เอฟีเนีย และพุ่งทะลวงผ่านเปลือกนอกของรังไหมไปได้ โซฟีรู้สึกได้ว่าแลมด้านั้นอยู่ข้างล่างลึกลงไป เอเมโรดได้บอกว่ารังไหมนี้ถูกสร้างเพื่อเป็นเปลือกคุ้มครองแลมด้า และภายในจะเต็มไปด้วยปีศาจที่เกิดจากแลมด้ามากมาย แต่เธอเองก็ประหลาดใจที่พบว่าภายในนี้นั้นมีรูปแบบชีวิตต่างๆอยู่มากมาย แสดงว่าแลมด้าได้เปลี่ยนแปลงไปจากที่เธอคิดไว้มาก หากสามารถเอาสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากแลมด้าไปควบคุมโดยมนุษย์ได้ บางทีการจะสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นใหม่ที่ฟอโดร่าก็น่าจะเป็นไปได้ ทำให้เธอตัดสินใจที่จะทำบางสิ่ง
เมื่อลงไปถึงข้างล่างสุด พวกเขาก็ได้พบริชาร์ดที่นั่น แต่ในรูปแบบที่เปลี่ยนไปจนเหมือนกับเป็นปีศาจ อัสเบลพยายามจะเข้าไปคุยโดยดี แต่ก็หลีกเลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้ ทันทีที่หยุดเขาไว้ได้สำเร็จไอสีดำก็ลอยออกมาจากร่างนั้นรวมกันกลายเป็นมวลสารสีดำ ก่อนจะกลายเป็นรูปร่างของคนเล็กๆ
โซฟีก้าวเข้าไปหาสิ่งนั้น เธอหันมาเหลือบมองคนอื่นๆครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มใช้พลังของตนและกล่าวลาทุกคน เพราะการจะกำจัดแลมด้านั้นเธอก็จะต้องหายไปด้วยเช่นกัน แต่ประกายสายฟ้าจากผู้ที่คาดไม่ถึงก็พุ่งเข้าโจมตีเธอบาดเจ็บ เป็นเอเมโรดนั่นเอง ซึ่งเธอบอกว่าเป็นการหยุดการสลายตัวที่โซฟีกำลังจะทำ โซฟีพุ่งเข้าไปโจมตีใส่ แต่ก็โดนดีดกลับมาอีก
โซฟีได้ถามว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้ ทั้งที่คนที่สร้างเธอมาเพื่อให้ใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อสลายแลมด้านั้นก็คือเอเมโรด ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมรับว่าสร้างโปรโตสเฮสมาเพื่อการนั้นอยู่แล้ว แต่ตอนนี้นั้นไม่จำเป็นแล้ว เพราะแลมด้าได้กลายเป็นสิ่งที่ไม่ควรถูกสลายไปแล้ว เธอหันไปหาร่างของแลมด้าและเรียกให้มันเข้ามาสู่ร่างของเธ
เอเมโรดรู้สีกได้ถึงพลังที่ออกมาจากภายในร่าง เธอจะใช้พลังในการสร้างชีวิตใหม่ของแลมด้ารวมกับความรู้ของเธอเพื่อคืนชีวิตและความหวังให้กับฟอโดร่าอีกครั้ง และในที่สุดแผนการฟื้นคืนฟอโดร่าของเธอก็จะสำเร็จในที่สุด แต่เดิมเอฟีเนียก็ถูกสร้่างขึ้นเป็นดาวตัวแทนของฟอโดร่า เพราะความวุ่นวายบน เอเรสทั้งหมดจึงถูกย้ายมาไว้ที่นี่ และตัวเอกของเรื่องนี้ก็คือเธอ ในที่สุดเธอก็จะกลายเป็นพระเจ้าผู้ควบคุมทั้งฟอโดร่า ทั้งเอฟีเนีย และแลมด้่า
แม้จะคิดว่าปราบเธอลงได้แล้ว แต่พลังของเอเมโรดก็แผ่พุ่งขึ้นมาอีกจนเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด เธอรู้สึกลำพองใจที่สามารถควบคุมแลมด้าได้ แต่จู่ๆเสียงของเธอก็เปลี่ยนไป เป็นแลมด้านนั่นเอง มันไม่ยอมให้เธอควบคุมมันต่อไปได้อีก และระเบิดร่างของเอเมโรดจนแหลกเป็นเสี่ยงๆ
แลมด้าได้เป็นอิสระอีกครั้ง คราวนี้มันกลับสู่รูปลักษณ์ของเด็กเหมือนที่พวกอัสเบลเคยเห็นมาก่อน ริชาร์ดซึ่งรู้สึกตัวแล้วก็ยื่นมือเข้าหา เรียกให้แลมด้ากลับเข้าหาเขาอีกครั้ง และกลับสู่สภาพของร่างรวมกับแลมด้า โดยไม่รอช้า เขาต่อยพื้นอย่างรุนแรงจนพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ พื้นด้านล่างมีแสงสีเขียวพุ่งแทรกขึ้นมา นั่นเพราะทางเข้าสู่ลัสตาเรียได้เปิดออกแล้ว เพดานและพื้นโดยรอบเริ่มพังลงมา แต่โซฟีก็ยังจะพยายามเข้าไปโจมตีแลมด้าอีกจนแอัสเบลต้องลากเธอออกมา
ทุกคนออกมาจากที่แห่งนั้นด้วยนานชาโทลที่ร่วงหล่นลงมาพอดี โซฟียังคงยืนยันที่จะไปกำจัดแลมด้าทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าต้องเอาชีวิตตัวเองเข้าแลก ทุกคนอยากที่จะหาทางอื่นที่จะไม่ต้องเจอกับเรื่องน่าเศร้าเช่นนั้น แต่โซฟีก็ว่าไม่มีทางอื่นอีก พวกอัสเบลไม่มีทางที่จะปราบแลมด้าได้ ทำให้อัสเบลโมโหที่เธอคิดว่ามีแต่ตัวเองที่ทำได้จนไม่ฟังอะไรเลย
เพื่อวางแผนและคิดหาหนทาง ทุกคนจึงกลับไปตั้งหลักที่แลนท์ เชเรียได้ดึงตัวโซฟีไปคุยกันที่นอกบ้านกันสองคนก่อน เธอดีใจที่โซฟียังไม่ได้จากไป ซึ่งหากตอนนั้นโซฟีปราบแลมด้าได้จริงก็คงไม่มีโอกาสแบบเวลานี้ และคงจะเศร้ามาก ทำให้โซฟีถามว่าเชเรียจะเศร้าหรือหากเธอไม่อยู่ เชเรียจึงลองให้คิดดูว่าหากพวกเธอไม่อยู่โซฟีจะรู้สึกอย่างไร ทำให้เธอพอจะเข้าใจขึ้นบ้าง นั่นรวมถึงอัสเบลที่จะเศร้าที่สุด เลยทำให้เขาโกรธแบบนั้น
เชเรียได้บอกว่าในอดีตตอนที่โซฟีไม่อยู่ อัสเบลก็เคยเป็นแบบตอนนี้ พอมาคิดดีๆแล้วเธอถึงเข้าใจว่าตอนนั้นเขาคงไม่ได้โกรธแต่คงเศร้าและเสียใจมาก แต่เพราะแสดงออกไม่เก่งเลยดูเหมือนกับโกรธแบบนั้น ซึ่งโซฟีเองก็เหมือนกัน เชเรียบอกให้ไปคุยกับอัสเบลดูซักทีจะได้เข้าใจว่าทำไมอัสเบลถึงโกรธทั้งๆที่เศร้าแบบนั้น
พอดีกับที่อัสเบลออกมาตามหาพอดี เชเรียจึงชิ่งขอตัวไปเปิดโอกาสให้ทั้งสองคนได้คุยกัน อัสเบลบอกว่าถึงโซฟีจะว่าไม่มีทางอื่นที่จะปราบแลมด้าได้อีก แต่เขาก็จะไม่ยอมแพ้ เพราะเขาเห็นว่าโซฟียังมีสิ่งที่อยากทำและอยากรู้อีกมากมาย เธอบอกว่าเธออยากเห็นดอกคุโระโซฟีกลายเป็นดอกไม้แห่งสายลม ซึ่งอัสเบลก็เน้นว่ายังมีสิ่งที่เธออยากเห็นอีกมากมาย เธอจึงยังตายไม่ได้ โซฟีจึงรู้สึกดีใจที่รู้ว่าเขาไม่ได้โกรธเธอ สำหรับเธอแล้ว เธออยากให้เขาหัวเราะทั้งตอนนี้และตลอดไป
ガルディアシャフト (กัลเดียแชฟท์)
Discovery: 巨大ドリル, 忘れられた存在
Items: 鉄壁の魔導書
- จากยาน เดินเข้าจุดวาร์ปตรงกลาง เดินต่อไปเรื่อยๆและเข้าลิฟท์ทางขวาสุด
- เดินมาถึงจุดที่มีลิฟท์สองตัวใกล้ๆกัน ให้ใช้ตัวล่างเพื่อลงไปเก็บ アリトモス・コア (อาริโทมอส คอร์) ก้อนแรก แล้วกลับมาเข้าลิฟท์ตัวซ้ายมือ
- เดินไปตามทางจนถึงโซนที่มีพื้นสลับสีเรียงกันเป็นตาราง ซึ่งตรงนี้ต้องเดินสลับสีเรียงกันไปเรื่อยๆ (เช่นแดง เหลือง น้ำเงิน แดง เหลือง น้ำเงิน) หากเดินผิดก็จะถูกวาร์ปกลับช่องแรก ไม่ก็เจอศัตรู
- จากช่องแรก (ไม่นับลิฟท์) เดินลง - ขวา - ลง - ขวา - ขึ้น - ขวา - ขึ้น - ขวา - ขึ้น - ซ้าย - ซ้าย - ขึ้น จะเก็บหีบได้หมด และได้ アリトモス・コア ก้อนที่สอง
- กลับมาที่ช่องแรก เดินลง - ขวา - ลง - ขวา - ขึ้น - ขวา - ขึ้น - ขวา - ขึ้น - ซ้าย - ขึ้น - ขวา - ขวา จะถึงลิฟท์ และช่องแรกกับช่องสุดท้ายจะกลายเป็นจุดวาร์ปเชื่อมถึงกันโดยตรงได้
- ขึ้นลิฟท์มา จะสู้กับบอส パウォル สองตัว แล้วเดินไปลงลิฟท์ต่อ
- เดินมาจนเจอลิฟท์สองตัว ใช้ตัวล่าง ไปสำรวจชุดซากสิ่งของและใส่ アリトモス・コア จะกลายเป็นบอส プロートン จะไม่สู้ก็ได้ แต่บอสเหล่านี้ซึ่งมีหกตัว จะให้อาวุธสุดยอดเท่าที่จะหาได้ก่อนจบเกม ส่วนตัวนี้จะให้ アルゴ・イリス ซึ่งเอาไปทำดาบของอัสเบล
- ย้อนกลับมาขึ้นลิฟท์ และใช้ลิฟท์ตัวซ้าย เดินไปเรื่อยๆจนเจอโซนที่มีจุดเซฟ ให้ใช้ลิฟท์ทางขวา
- ลงไปแปะ アリトモス・コア เพื่อสู้กับ デウテロン และจะได้ ゴッドウェポン ของโซฟี
- กลับไปที่จุดเซฟ เดินไปขึ้นที่อยู๋โซนล่างของฉาก จะเจอโซนพื้นสลับสีช่วงที่สอง
- (เฉพาะเส้นทางเก็บของสำคัญ) จากช่องแรกไม่รวมลิฟท์ เดิน ขึ้น - ซ้าย - ขึ้น - ขึ้น - ซ้าย - ขึ้น - ขึ้น - ซ้าย - ลง - ลง (ได้ アリトモス・コア อันที่สาม) - ลง - ลง - ซ้าย - ขึ้น - ขึ้น - ซ้าย - ขึ้น - ซ้าย แล้วเข้าลิฟท์
- เดินไปเก็บ Discovery 巨大ドリル ที่เห็นด้านบน แล้วเดินเข้าจุดวาร์ปอันต่อไป จะเข้าสู่โซนใหม่ ส่วนจุดวาร์ปที่ใช้ จะสามารถวาร์ปกลับไปที่ชั้นบนสุดได้
- ในโซนนี้ เราต้องเอาผลึกสีต่างๆ ไปวางลงบนแท่นของมันเอง ซึ่งจะเป็นการเชื่อมทางใหม่ๆให้ไปต่อได้ แต่จะมีลูกกลมสองสีขวางทางอยู่ด้วย ต้องใช้เครื่องบังคับหมุนพวกมันให้ไปพ้นทาง
- จากทางเดินหลัก (จุดที่วาร์ปลงมาทีแรก) ให้ไปฝั่งซ้ายมือ จะมีเครื่องหมุนลูกกลมสีเขียว สำรวจสองครั้งเพื่อหมุนไปสองที
- เดินไปทีี่จุดวาร์ปสองอันด้านบน เข้าอันซ้าย จะเก็บ アリトモス・コア ได้ เดินเข้าไปอีกหน่อย และให้เก็บผลึกสีเขียวจากแท่นสีชมพู
- กลับไปที่จุดหมุนสีเขียว หมุนหนึ่งครั้ง
- ไปที่จุดวาร์ปด้านบนอีก คราวนี้ไปทางขวา วางผลึกสีเขียวไว้ที่แท่นสีเขียว และจะได้ผลึกสีเหลืองมาแทน เดินต่อมาทางซ้ายล่าง เข้าจุดวาร์ปไป แล้วเข้าจุดวาร์ปทางขวาอีกที
- ไปทางขวาสุด วางผลึกสีเหลืองบนแท่นสีเหลือ และได้ผลึกสีชมพูมา และใกล้ๆจะมีจุดหมุนลูกสีส้มอยู่ แต่ยังไม่ต้องสนใจ
- เดินย้อนไปที่จุดหมุนสีเขียว หมุนมันอีกสองครั้ง
- เข้าจุดวาร์ปด้านบนอันขวา เอาผลึกสีชมพูไปวางที่แท่นสีชมพู แล้วเข้าจุดวาร์ปที่อยูใกล้ๆกัน
- แปะ アリトモス・コア เพื่อสู้กับ テタルトン และได้ クリスタイガー ของเชเรีย
- กลับไปที่จุดหมุนสีเขียว หมุนมันไปอีกที
- เข้าจุดวาร์ปด้านบนอันซ้าย เพื่อเดินกลับไปที่จุดหมุนสีส้ม หมุนหนึ่งครั้ง
- เดินย้อนกลับเข้าจุดวาร์ปไปทีหนึ่ง และไปทางขวาสุด เพื่อแปะ アリトモス・コア เพื่อสู้กับ トリトン และเก็บ ロザリオペイン ของฮิวเบิร์ท
- กลับเข้าจุดวาร์ปทางซ้ายมือสุด และเดินไปทางซ้ายบน เพื่อเข้าวาร์ปเข้าโซนต่อไป
- โซนนี้ก็เช่นเดียวกับโซนที่แล้ว แต่หนักกว่าเพราะมีถึงห้าสี โดยที่ทางเดิน/จุดวาร์ปจะแยกเป็น 12 ทางตามเข็มนาฬิกา (ขอเรียกตามเข็มนาฬิกาเพื่อความสะดวก)
- ไป 1 นาฬิกา เพื่อเก็บผลึกม่วงจากแท่นดำ
- ไป 4 นาฬิกา เก็บ アリトモス・コア
- ไป 5 นาฬิกา สำรวจจุดหมุนสีฟ้าหนึ่งครั้ง
- ไป 2 นาฬิกา วางผลึกม่วงใส่แท่นม่วง และเก็บผลึกฟ้ากลับมา
- ไป 7 นาฬิกา วางผลึกฟ้าใส่แท่นฟ้า เก็บผลึกแดงกลับมา
- ไป 5 นาฬิกา สำรวจจุดหมุนสีฟ้าหนึ่งครั้ง
- ไป 8 นาฬิกา สำรวจจุดหมุนสีเหลือหนึ่งครั้ง
- ไป 11 นาฬิกา วางผลึกแดงใส่แท่นแดง เก็บสีขาวกลับมา
- ไป 6 นาฬิกา วางผลึกขาวใ่ส่แท่นขาว เก็บสีดำกลับมา
- ไป 1 นาฬิกา วางผลึกดำใส่แท่นดำ
- ไป 10 นาฬิกา ขวาสุดแปะ アリトモス・コア เพื่อสู้กับ ヘクトン และได้ ウロボロス ของปาสคาล
- ไป 9 นาฬิกา ซ้ายสุดแปะ アリトモス・コア เพื่อสู้กับ ペンプトン และได้ アンダーテイカー ของมาริค (ตรงนี้จะต้องไปเก็บ アリトモス・コア มาจากโซนถัดไปก่อน แล้วค่อยย้อนมาที่นี่อีกที)
- ขึ้นไป 12 นาฬิกา และสู้กับบอส プロセルピナ 2 ตัว จากนั้นให้เข้าจุดวาร์ปไป
- จากจุดวาร์ป (สามารถวาร์ปกลับไปยังโซนต่างๆก่อนหน้านี้ได้) เข้าจุดวาร์ปด้านซ้าย แล้วเดินลงมาเข้าจุดวาร์ปข้างล่าง จะเก็บ アリトモス・コア อันสุดท้ายได้ ให้ย้อนไปสู้กับ ペンプトン ที่บอกไว้ด้านบนก่อนก็ได้
- ไปตามทางเรื่อยๆ จะได้สู้กับบอส リチャード
- จากนั้นจะต้องสู้กับบอสสุดท้าย ラムダ・アンゲルス (แลมด้า อันเกลส์) และเข้าสู่ Ending....
Story Synopsis
[spoiler]
ทุกคนได้ประชุมและสรุปสถานการณ์กันว่าตอนนี้แลมด้ากำลังเตรียมตัวเพื่อรวมตัวกับลัสตาเรียอยู่ ซึ่งถ้าถึงตอนนั้นแล้วก็คงจะหยุดได้ยาก ปาสคาลพูดถึงตอนที่เอเมโรดรวมตัวกับแลมด้า ซึ่งแลมด้าก็ได้แยกออกมาจากร่างของริชาร์ดแล้ว ถ้าสามารถทำได้อีกครั้งก็อาจจะช่วยริชาร์ดได้
โซฟีบอกว่ามีสิ่งที่ต้องทำก่อนที่จะไปที่นั่น การไปยืนต่อหน้าลัสตาเรียนั้นก็เหมือนกันการเข้าไปในตัวของแลมด้าซึ่งอาจจะถูกแนงกดดันจากจิตของแลมด้าทำลายเอาได้ ทุกคนจึงต้องไปทำการเตรียมตัวก่อน โดยที่ต้องไปที่ทุ่งดอกไม้ที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งนั้น เพราะที่นั่นเป็นจุดรวมของเอเรสทั้งหลาย ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ที่นั่นมีดอกไม้บานตลอดปี ก่อนหน้านี้หลังจากที่เธอสู้กับแลมด้าครั้งสุดท้่ายโซฟีก็หลับไหลอยู่ที่นั่น เพราะว่าเธอเสียเอเรสไปมาก ที่ทุ่งดอกไม้ โซฟีได้รวมรวมเอเรส ณ ที่แห่งนั้นและแบ่งปันให้กับทุกคนซึ่งจะช่วงให้สามารถรับมือกับแลมด้าได้ อัสเบลได้ขอให้เธอสัญญาว่าจะไม่ลงมือทำอะไรด้วยตัวคนเดียว เพราะพวกเขาทุกคนก็อยู่กับเธอด้วย
Tales of Graces, FIN.
[Edited 11 times Next - Last Edit 2011-2-7 14:56:48]
# Thu 2 Dec 2010 : 8:43AM

Walkthrough 未来への系譜編 (บทเส้นทางสู่อนาคต)
หลังจบเกมในเนื้อเรืองปกติแล้ว เลือก エキストラ และ 未来への系譜編 เพื่อเริ่มเกม
ラント領
Discovery: 領主の墓 (ป้ายหลุมศพเจ้าเมืองในตอนแรกสุด)
- ออกจากเขตสุสาน จะกลับเข้าเมืองแลนท์ ไปที่สวนหน้าบ้านจะเจออีเวนท์
- ออกจากเมืองไปทางประตูตะวันออกเฉียงใต้ และไปยังบ้านหลังเล็กทางตะวันออก สู้กับ マルキシオスデーモン สองตัว แล้วกลับหมู่บ้าน
- กลับไปที่บ้าน เจออีเวนท์ที่สวนแล้วเข้าไปในบ้า เจออีเวนท์อีกที
- ออกจากห้อง ลงไปที่ห้องแขกทางขวาล่าง
- ไปบาโลเนีย (バロニア) หากเดินไปก็จะมีแชทให้ดูด้วย
- ถึงเมืองบาโลเนียแล้วให้เข้าไปที่ปราสาท เชเรียจะเข้ากลุ่ม
- เข้าไปยังห้องบัลลังก์ ฮิวเบิร์ท มาริค และริชาร์ดจะเข้ากลุ่ม
- ไปที่ทางเดินใต้ดินของปราสาทบาโลเนีย (王都地下) ซึ่งจะมีจุดหนึ่ที่มีทหารยืนอยู่ เดินลงไปตามทางลาด จะมีที่วาร์ปอยู่ในซอกด้านซ้าย
- ในทางใต้ดินจะมีหีบสมบัติใหม่ๆโผล่มาด้วย จะลองไปเดินวนเก็บก่อนก็ได้
風機遺跡
Discovery: 雄弁な石, 風機の礎
- เข้าไปแล้วจะเจออีเวนท์ ทีมจะแตกเป็นสองกลุ่มคือ อัสเบลกับริชาร์ด และ เชเรีย, ฮิวเบิร์ท กับมาริค ซึ่กลุ่มหลังจะสู้กับศัตรู ウィルビウス
- ภายในนั้นจะเหมือนกันซากโบราณใต้ป้อมปราการวอลล์บริดจ์ แต่จะมีแท่นให้สำรวจเพื่อสลับไปอีกกลุ่มด้วย ซึ่งต้องสลับไปเพื่อทำทางเดินต่อให้อีกกลุ่ม
- ฝั่งอัสเบล จะเจอ Discovery 雄弁な石 ซึ่งเป็นหินสีเขียว ที่มีเศษหินหมุนวนอยู่รอบๆ
- เมื่อรวมกลุ่มกันแล้ว เดินต่อไปอีกหน่อยจะเห็นแท่นสีเขียว ซึ่งจะขึ้นไปเจอ Discovery 風機の礎 ทางฝั่งซ้ายมือ (ถ้าปาสคาลเข้าทีมแล้ว จะสามารถเข้าไปเก็บของข้างในได้)
- ด้านในสุด จะได้สู้กับบอส レジェンドワイバーン สามตัว ซึ่งพอสู้ไปซํกพักจะเข้าอีเวนท์ และเริ่มสู้ใหม่อีกครั้ง ซึ่งอัสเบลจะได้ Accel Mode ให้ใช้โดยการกด R2 ตอนที่ Accel Gauge มีเกินครึ่งหลอด
- เมื่อปราบได้แล้วให้กลับออกมา แล้วให้ไปที่หมู่บ้านอันมัลเทีย (アンマルチアの里)
- เข้าเมืองเจออีเวนท์แล้วไปที่ถ้ำใต้ภูเขาน้ำแข็งเฟนเดล (フェンデル氷山遺跡) ต่อ
- ภายในถ้ำจะมีหีบใส่อาวุธใหม่ๆ ให้เดินเก็บให่้ทั่วๆ
- เข้าไปถึงหน้าบัลกิเนสเคลียส จะเจออีเวนท์และสู้กับ ティノトス สี่ตัว แล้วปาสคาลจะกลับเข้าร่วมกลุ่ม
- กลับไปที่หมู่บ้านอันมัลเทีย (アンマルチアの里) เข้าไปยังบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน จะเจออีเวนท์
- เดินกลับออกมาแล้วจะเจออีเวนท์อีก แล้วทีมจะเหลือแค่ผู้ชายสี่คน
- ไปยัง ทำการประธานาธิบดีของ ยู ริเวลเด (ユ・リベルテ) ะพบอีเวนท์แล้วเข้าไปถายใน เจออีเวนท์อีก
- ไปยังซากโบราณกลางทะเลทรายสตราต้า (ストラタ砂漠遺跡)
- เข้าไปแล้วสู้กับ ゲラーンゴーレム สี่ตัว
- เดินต่อเข้าไปยังบัลกิเนสเคลียสด้านใน สู้กับบอส シエルトレント และ ヴィザビー 4 ตัว
- กลับไปยังหมู่บ้านอันมัลเทีย (アンマルチアの里) ไปหาพวกโซฟีที่หน้าบ้านปาสตาล แล้วทุกคนจะเข้าทีมเหมือนเดิม
- ไปยังเทลอส แอสทิว テロスアステュ ซึ่งจะต้องสู้กับ テューポースハーピー 4 ตัวทันที จากนั้นจะต้องปราบปีศาจในฉากให้หมด (ราวๆสามสี่ชุด)
- ลงไปยั้งชั้นใต้ดินที่ 1 (地下1階) เข้าไปห้องซ้ายบน จากนั้น ชาโทลจะมีด่านใหม่ 原素研究所 ให้เลือก
NOTE: ตรงนี้ จะไปสดเดินเล่นข้างนอกก็ได้ ศัตรูทั่วไปยังพอจะสู้ได้บ้าง แต่เลยไปนิด จะมีมังกร レジェンドワイバーン บินกันให้ว่อน (พลังราวๆ 150000 ต่อตัว และอาจมาสี่ตัวพร้อมกัน) หรือเลยไปอีกหน่อยก็จะมีแองเกอร์ดราก้อนพลังสองแสนอัพบินมาให้สู้กันเล่นๆ ซึ่งหากชินแล้วก็จะสู้ได้สนุกอยู่ ซึ่งจะให้ SP และ EXP เยอะมาก (หมื่นอัพ)
原素研究所 (ศูนย์วิจัยองค์ประกอบธาตุ)
Discovery: サンプル観察記録 (ห้องใกล้ๆจุดเซฟ)
- ภายในจะมีพื้นที่เรียงจากบล็อกสีต่างๆ ซึ่งเราต้องบังคับให้บล็อกวางเป็นทางเดินไปต่อ แต่จะมีลิมิทอยู่ว่าสามารถขยับบล็อกได้กี่ครั้ง
- จุดแรก เหลืองลง 1, น้ำเงินลง 1, แดงขึ้น 1 เพื่อเก็บหีบ
- น้ำเงินลง 1,แดงขึ้น 2, เหลืองขึ้น 1 เพื่ือไปต่อ
- จุดที่สอง (มีเครื่องควบคุมสองฟาก) น้ำเงินขึ้น 1, แดงขึ้น 1, เหลืองลง 2
- เดินเข้าไปยังเครื่องควบคุมข้างใน น้ำเงินลง 2, แดงลง 1, เหลืองขึ้นหนึ่ง จะเก็บหีบได้ ガス管制御レバ สามารถเอาไปยัดใส่จุดที่มีแก๊สรั่วทางด้านล่างได้
- เดินไปเรื่อยๆลงผ่านห้องทดลองซึ่งจะพบอีเวนท์ แล้วเข้าไปต่อจนสุดทาง จะพบอีเวนท์และสู้กับบอส リリティーナ
- เมื่อจบอีเวนท์แล้ว ยานชาโทลจะมาลงจอดในป่า
異界の楽園 (สวนสวรรค์โลกวิญญาณ)
- เดินจากยานไปตามทางและพบอีเวนท์ที่สวนดอกไม้
- เดินไปทางขวา จะเข้าสู่โซนป่า
- ภายในจะเป็นป่าวงกต หากเราเดินผ่านผิดจุดก็จะโดนจับวาร์ปไปจุดอื่นในป่า หรือไม่ก็เดินวนอยู่ที่เดิม แต่จะมีจุดสังเกตุคือผีเสื้อกับขนนกสีสาวซึ่งจะลอยอยู่ตามทางแยก ซึ่งจะเป็นทางที่ถูกต้อง
- จุดหนึ่งจะมีหมียักษ์ ซึ่งเราต้องให้ไอเทม 異界の実 (เก็บได้ตามหีบในป่านี้) 5 อัน แล้วมันจะหลบไปให้เราเก็บหีบได้เกราะ フォドラメモリー
- เดินตามผีเสื้อไปจนถึงจุดเซฟ แล้วให้ลงล่าง เข้าไปเรื่อยๆและจะพบอีเวนท์ และสู้กับบอส リトルクイーン (ลิตเติ้ลควีน) 10 คน
- ถึงจะเป็นสิบคน แต่ก็จะมาทีละสาม ตัวใหม่จะเข้ามาเพื่อให้มี 3 ตลอดเวลา แต่ที่จะโหดก็คือตอนช่วง Eres Break ที่ลิตเติ้ลควันแต่ละคนวามารถใช้ฮิโอกิได้ติดต่อกัน ซึ่งจริงๆโดนไปทีเดียวก็เกือบตายแล้ว สองครั้งก็เหลือ 1 กันหมด ดังนั้นหากมีเชเรียอยู่ในทีม ก็ให้เซฟ Accel Mode เอาไว้ และพอเห็นว่าบอสเข้า Eres Break ก็ให้เปิด Accel Mode หยุดเวลาทันที หากมีเต็มหลอดก็น่าจะหยุดได้นานอยู่
- เมื่อสู้เสร็จแล้วให้เดินออกมาด้านล่าง จะอ้อมมาโผล่ที่ใกล้ๆกับชาโทล ให้กลับไปที่เทลอสแอสทิว (テロスアステュ)
- ไปชั้นใต้ดิน เข้าห้องทางด้านซ้าย เมื่อจบอีเวนท์แล้วจะเหลืออัสเบลคนเดียว ให้เดินคุยกับทุกคนที่จะกระจายอยู่ทั่วๆไปในเมือง
- เมื่อครบหมดแล้วให้กลับไปชั้น 2 เข้าห้อง 休憩室 เพื่อพักผ่อน จากนั้นยานชาโทลจะมีด่านสุดท้าย ラスタ・カナン ปรากฏขึ้นมา
ラスタ・カナン (ลัสตา คานัน)
-ลงล่าง แล้วไปทางขวาจนสุดแล้วลงล่าง1บล็อค จะเจอกล่องได้ ブレイクデスティニー
-กลับไปจุดเริ่มต้น เดินขึ้นไปตามทาง(บน-ขวา) พอสุดให้เดินลงล่างจนสุดจะได้ リバースクルセイダー
-จากนั้นเดินขึ้นบนไปเรื่อยๆจนถึง4แยก ใ้ห้ไปทางล่างจะเจอลิฟท์ ลงลิฟท์แล้วเดินไปขวาสุดจะได้ デス・アビス
-ย้อนกลับไปลงลิฟท์ จะได้ไพ่No.51 แล้ววาปกลับมาชั้นบนใหม่
-วิ่งกลับไปทางเดิมแต่พอถึง4แยกให้ไปทางซ้ายตามทาง เดินลงล่างจะเจอลิฟท์
-ลงลิฟท์มา เดินไปทางขวาแล้วขึ้นบน จะเจอลิฟท์อีกตัว พอลงลิฟท์มา ก็ไปกดสวิตช์ และบันไดซ้ายมีกล่องแอบได้ ザ・ワールド จากนั้นก็วาปกลับ
-กลับมาชั้นบน เดินไำปลิฟท์ตัวเดิมของเมื่อกี้ พอลงลิฟท์ให้ไปทางล่างแทน แล้วจะเจอวาป
-วาปมาเดินมาจะเจอกล่องที่แยกบนได้ ソードレジェンディア จากนั้นไปทางขวาลงลิฟท์
-พอลงมาให้เดินไปซ้ายบนสุดจะเจอกล่องได้ イノセントシャイン แล้วให้ไปเดินไปทางขวาจนสุด(ขวาบน)เข้าลิฟท์ตัวขวาบน
-ถึงแล้ว เดินตามทาง เจอดิสคอฟเวอรี่ กับกล่องได้เงิน จุดเซฟ และลิฟท์ลงไปโซนถัดไป
- เข้ามาเจอจุดเซฟ แล้วจะได้สู้กับ リトルクイーン และ エグレゴロイ×3 จากนั้นก็เข้าจุดวาร์ปเพื่อเข้าโซนใหม่
- เข้าโซนที่สอง จะแบ่งเป็นชั้นๆ ซึ่งแต่ละชั้นจะมีสภาพผิดปกติที่เราจะโดนเมื่อเข้าฉากสู้ ซึ่งต้องไปฆ่าโกเลมที่ยืนอยู่ในชั้นนั้นๆ เพื่อเอาน้ำยามาโยนใส่น้ำพุที่มีคริสตัลอยู่ (ปราบบอส - โยนใส่คริสตัล โปรดอย่าลืม มิฉะนั้นต้องเดินย้อนใหม่)
- ชั้น 2 สู้กับ ベルナルド・カルピオ (ทางใต้) แล้ว เดินไปทางขวา แล้วล่าง จะมีแท่งคริสตัล ให้สำรวจเพื่อทำให้มันตกไปเป็นทางบนชัั้น 4 แล้วใช้ลิฟท์ทางขวาลงไปต่อ
- ชั้น 3 ทางตะวันตกสู้กับ ダイダラボッチ、ガレーネードラゴン×2
- ชั้น 4 ไปทางซ้ายตามทางสู้กับ ギラ・ダッガー、プディンガローパー×2 และชั้นนี้จะมีคริสตัลให้สำรวจเพื่อทำเป็นทางชั้น 5 ด้วย จากนั้นลงลิฟท์ทางตะวันออกข้ามไปชั้น 6
- ชั้น 6 ทางตะวันตก สู้กับ キナメツィン、パイオンスライム×2 จากนั้นขึ้นลิฟท์ที่เห็นอยู่ใกล้ๆบอสเพื่อเก็บ Discovery 観測装置
- กลับลงมาที่ชั้น 6 อีกที เดินไปทางใต้ๆ จะมีจุดลิฟท์ (ที่เป็นสัญลักษณ์กลมๆทั่วๆไป) แต่ไม่มีลิฟท์ ให้ไปกดสำรวจเพื่อเรียกลิฟท์ลงมาได้
- ขึ้นไปชั้น 5 สู้กับ チェベルディ、シグマ×2
- กลับไปชั้น 6 เดินไปตามทางเข้าชั้น 7 เจอจุดเซฟแล้วเดินลงล่างไปเรื่อยๆ (จุดวาร์ปจะพากลับยานชาโทล)
- สู้กับบอส リトルクイーン 10 คน เช่นเคย จากนั้นเข้าจุดวาร์ปสู่ด่านสุดท้าย
フォドラの核 (แกนกลางฟอโดร่า)
- ศํตรูในนี้จะเป็นบรรดาโกเลมที่เราสู้ๆมาในโซนที่แล้วทั้งหมด และจะมีดรอปอาวุธพิเศษของแต่ละคน รวมถึง EXP & SP มากมาย
- จากจุดเริ่ม ซ้ายสุด ได้ 魔法カルタNo.55 ขวาได้ ねこにんのふく
- เดินไปแถวสอง ซ้ายสุดได้ デュアリティ ขวาได้ アワーグラス×5
- เดินไปแถวสาม ซ้ายสุดได้ エリクシール×5 ขวาสุดได้ 黄金の彫像
- เดินไปแถวสี่ ซ้ายสุดได้ 魔法カルタNo.56 และขวาสุดได้ アルカナボトル×3
- เข้าไปจนถึงจุดเซฟ ส่วนวงเวทย์สีเขียวใกล้ๆจะพากลับยานชาโทล
- เดินเข้าไปเพื่อสู้กับบอสใหญ่ フォドラクイーン ซึ่งเมื่อพลังเหลือ 1/6 ก็จะใช้ デュアル・ザ・サン โดยอัติโนมัติ และจะเรียก リトルクイーン มาช่วยป่วนได้ด้วย
- End.
- เซฟจบเกม ซึ่งหากโหลดมาก็จะไปโผล่ที่เซฟก่อนจะสู้กับบอสใหญ่ของเนื้อเรื่องปกติ
หลังจบเกมในเนื้อเรืองปกติแล้ว เลือก エキストラ และ 未来への系譜編 เพื่อเริ่มเกม
ラント領
Discovery: 領主の墓 (ป้ายหลุมศพเจ้าเมืองในตอนแรกสุด)
- ออกจากเขตสุสาน จะกลับเข้าเมืองแลนท์ ไปที่สวนหน้าบ้านจะเจออีเวนท์
- ออกจากเมืองไปทางประตูตะวันออกเฉียงใต้ และไปยังบ้านหลังเล็กทางตะวันออก สู้กับ マルキシオスデーモン สองตัว แล้วกลับหมู่บ้าน
- กลับไปที่บ้าน เจออีเวนท์ที่สวนแล้วเข้าไปในบ้า เจออีเวนท์อีกที
- ออกจากห้อง ลงไปที่ห้องแขกทางขวาล่าง
- ไปบาโลเนีย (バロニア) หากเดินไปก็จะมีแชทให้ดูด้วย
- ถึงเมืองบาโลเนียแล้วให้เข้าไปที่ปราสาท เชเรียจะเข้ากลุ่ม
- เข้าไปยังห้องบัลลังก์ ฮิวเบิร์ท มาริค และริชาร์ดจะเข้ากลุ่ม
- ไปที่ทางเดินใต้ดินของปราสาทบาโลเนีย (王都地下) ซึ่งจะมีจุดหนึ่ที่มีทหารยืนอยู่ เดินลงไปตามทางลาด จะมีที่วาร์ปอยู่ในซอกด้านซ้าย
- ในทางใต้ดินจะมีหีบสมบัติใหม่ๆโผล่มาด้วย จะลองไปเดินวนเก็บก่อนก็ได้
風機遺跡
Discovery: 雄弁な石, 風機の礎
- เข้าไปแล้วจะเจออีเวนท์ ทีมจะแตกเป็นสองกลุ่มคือ อัสเบลกับริชาร์ด และ เชเรีย, ฮิวเบิร์ท กับมาริค ซึ่กลุ่มหลังจะสู้กับศัตรู ウィルビウス
- ภายในนั้นจะเหมือนกันซากโบราณใต้ป้อมปราการวอลล์บริดจ์ แต่จะมีแท่นให้สำรวจเพื่อสลับไปอีกกลุ่มด้วย ซึ่งต้องสลับไปเพื่อทำทางเดินต่อให้อีกกลุ่ม
- ฝั่งอัสเบล จะเจอ Discovery 雄弁な石 ซึ่งเป็นหินสีเขียว ที่มีเศษหินหมุนวนอยู่รอบๆ
- เมื่อรวมกลุ่มกันแล้ว เดินต่อไปอีกหน่อยจะเห็นแท่นสีเขียว ซึ่งจะขึ้นไปเจอ Discovery 風機の礎 ทางฝั่งซ้ายมือ (ถ้าปาสคาลเข้าทีมแล้ว จะสามารถเข้าไปเก็บของข้างในได้)
- ด้านในสุด จะได้สู้กับบอส レジェンドワイバーン สามตัว ซึ่งพอสู้ไปซํกพักจะเข้าอีเวนท์ และเริ่มสู้ใหม่อีกครั้ง ซึ่งอัสเบลจะได้ Accel Mode ให้ใช้โดยการกด R2 ตอนที่ Accel Gauge มีเกินครึ่งหลอด
- เมื่อปราบได้แล้วให้กลับออกมา แล้วให้ไปที่หมู่บ้านอันมัลเทีย (アンマルチアの里)
- เข้าเมืองเจออีเวนท์แล้วไปที่ถ้ำใต้ภูเขาน้ำแข็งเฟนเดล (フェンデル氷山遺跡) ต่อ
- ภายในถ้ำจะมีหีบใส่อาวุธใหม่ๆ ให้เดินเก็บให่้ทั่วๆ
- เข้าไปถึงหน้าบัลกิเนสเคลียส จะเจออีเวนท์และสู้กับ ティノトス สี่ตัว แล้วปาสคาลจะกลับเข้าร่วมกลุ่ม
- กลับไปที่หมู่บ้านอันมัลเทีย (アンマルチアの里) เข้าไปยังบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน จะเจออีเวนท์
- เดินกลับออกมาแล้วจะเจออีเวนท์อีก แล้วทีมจะเหลือแค่ผู้ชายสี่คน
- ไปยัง ทำการประธานาธิบดีของ ยู ริเวลเด (ユ・リベルテ) ะพบอีเวนท์แล้วเข้าไปถายใน เจออีเวนท์อีก
- ไปยังซากโบราณกลางทะเลทรายสตราต้า (ストラタ砂漠遺跡)
- เข้าไปแล้วสู้กับ ゲラーンゴーレム สี่ตัว
- เดินต่อเข้าไปยังบัลกิเนสเคลียสด้านใน สู้กับบอส シエルトレント และ ヴィザビー 4 ตัว
- กลับไปยังหมู่บ้านอันมัลเทีย (アンマルチアの里) ไปหาพวกโซฟีที่หน้าบ้านปาสตาล แล้วทุกคนจะเข้าทีมเหมือนเดิม
- ไปยังเทลอส แอสทิว テロスアステュ ซึ่งจะต้องสู้กับ テューポースハーピー 4 ตัวทันที จากนั้นจะต้องปราบปีศาจในฉากให้หมด (ราวๆสามสี่ชุด)
- ลงไปยั้งชั้นใต้ดินที่ 1 (地下1階) เข้าไปห้องซ้ายบน จากนั้น ชาโทลจะมีด่านใหม่ 原素研究所 ให้เลือก
NOTE: ตรงนี้ จะไปสดเดินเล่นข้างนอกก็ได้ ศัตรูทั่วไปยังพอจะสู้ได้บ้าง แต่เลยไปนิด จะมีมังกร レジェンドワイバーン บินกันให้ว่อน (พลังราวๆ 150000 ต่อตัว และอาจมาสี่ตัวพร้อมกัน) หรือเลยไปอีกหน่อยก็จะมีแองเกอร์ดราก้อนพลังสองแสนอัพบินมาให้สู้กันเล่นๆ ซึ่งหากชินแล้วก็จะสู้ได้สนุกอยู่ ซึ่งจะให้ SP และ EXP เยอะมาก (หมื่นอัพ)
原素研究所 (ศูนย์วิจัยองค์ประกอบธาตุ)
Discovery: サンプル観察記録 (ห้องใกล้ๆจุดเซฟ)
- ภายในจะมีพื้นที่เรียงจากบล็อกสีต่างๆ ซึ่งเราต้องบังคับให้บล็อกวางเป็นทางเดินไปต่อ แต่จะมีลิมิทอยู่ว่าสามารถขยับบล็อกได้กี่ครั้ง
- จุดแรก เหลืองลง 1, น้ำเงินลง 1, แดงขึ้น 1 เพื่อเก็บหีบ
- น้ำเงินลง 1,แดงขึ้น 2, เหลืองขึ้น 1 เพื่ือไปต่อ
- จุดที่สอง (มีเครื่องควบคุมสองฟาก) น้ำเงินขึ้น 1, แดงขึ้น 1, เหลืองลง 2
- เดินเข้าไปยังเครื่องควบคุมข้างใน น้ำเงินลง 2, แดงลง 1, เหลืองขึ้นหนึ่ง จะเก็บหีบได้ ガス管制御レバ สามารถเอาไปยัดใส่จุดที่มีแก๊สรั่วทางด้านล่างได้
- เดินไปเรื่อยๆลงผ่านห้องทดลองซึ่งจะพบอีเวนท์ แล้วเข้าไปต่อจนสุดทาง จะพบอีเวนท์และสู้กับบอส リリティーナ
- เมื่อจบอีเวนท์แล้ว ยานชาโทลจะมาลงจอดในป่า
異界の楽園 (สวนสวรรค์โลกวิญญาณ)
- เดินจากยานไปตามทางและพบอีเวนท์ที่สวนดอกไม้
- เดินไปทางขวา จะเข้าสู่โซนป่า
- ภายในจะเป็นป่าวงกต หากเราเดินผ่านผิดจุดก็จะโดนจับวาร์ปไปจุดอื่นในป่า หรือไม่ก็เดินวนอยู่ที่เดิม แต่จะมีจุดสังเกตุคือผีเสื้อกับขนนกสีสาวซึ่งจะลอยอยู่ตามทางแยก ซึ่งจะเป็นทางที่ถูกต้อง
- จุดหนึ่งจะมีหมียักษ์ ซึ่งเราต้องให้ไอเทม 異界の実 (เก็บได้ตามหีบในป่านี้) 5 อัน แล้วมันจะหลบไปให้เราเก็บหีบได้เกราะ フォドラメモリー
- เดินตามผีเสื้อไปจนถึงจุดเซฟ แล้วให้ลงล่าง เข้าไปเรื่อยๆและจะพบอีเวนท์ และสู้กับบอส リトルクイーン (ลิตเติ้ลควีน) 10 คน
- ถึงจะเป็นสิบคน แต่ก็จะมาทีละสาม ตัวใหม่จะเข้ามาเพื่อให้มี 3 ตลอดเวลา แต่ที่จะโหดก็คือตอนช่วง Eres Break ที่ลิตเติ้ลควันแต่ละคนวามารถใช้ฮิโอกิได้ติดต่อกัน ซึ่งจริงๆโดนไปทีเดียวก็เกือบตายแล้ว สองครั้งก็เหลือ 1 กันหมด ดังนั้นหากมีเชเรียอยู่ในทีม ก็ให้เซฟ Accel Mode เอาไว้ และพอเห็นว่าบอสเข้า Eres Break ก็ให้เปิด Accel Mode หยุดเวลาทันที หากมีเต็มหลอดก็น่าจะหยุดได้นานอยู่
- เมื่อสู้เสร็จแล้วให้เดินออกมาด้านล่าง จะอ้อมมาโผล่ที่ใกล้ๆกับชาโทล ให้กลับไปที่เทลอสแอสทิว (テロスアステュ)
- ไปชั้นใต้ดิน เข้าห้องทางด้านซ้าย เมื่อจบอีเวนท์แล้วจะเหลืออัสเบลคนเดียว ให้เดินคุยกับทุกคนที่จะกระจายอยู่ทั่วๆไปในเมือง
- เมื่อครบหมดแล้วให้กลับไปชั้น 2 เข้าห้อง 休憩室 เพื่อพักผ่อน จากนั้นยานชาโทลจะมีด่านสุดท้าย ラスタ・カナン ปรากฏขึ้นมา
ラスタ・カナン (ลัสตา คานัน)
-ลงล่าง แล้วไปทางขวาจนสุดแล้วลงล่าง1บล็อค จะเจอกล่องได้ ブレイクデスティニー
-กลับไปจุดเริ่มต้น เดินขึ้นไปตามทาง(บน-ขวา) พอสุดให้เดินลงล่างจนสุดจะได้ リバースクルセイダー
-จากนั้นเดินขึ้นบนไปเรื่อยๆจนถึง4แยก ใ้ห้ไปทางล่างจะเจอลิฟท์ ลงลิฟท์แล้วเดินไปขวาสุดจะได้ デス・アビス
-ย้อนกลับไปลงลิฟท์ จะได้ไพ่No.51 แล้ววาปกลับมาชั้นบนใหม่
-วิ่งกลับไปทางเดิมแต่พอถึง4แยกให้ไปทางซ้ายตามทาง เดินลงล่างจะเจอลิฟท์
-ลงลิฟท์มา เดินไปทางขวาแล้วขึ้นบน จะเจอลิฟท์อีกตัว พอลงลิฟท์มา ก็ไปกดสวิตช์ และบันไดซ้ายมีกล่องแอบได้ ザ・ワールド จากนั้นก็วาปกลับ
-กลับมาชั้นบน เดินไำปลิฟท์ตัวเดิมของเมื่อกี้ พอลงลิฟท์ให้ไปทางล่างแทน แล้วจะเจอวาป
-วาปมาเดินมาจะเจอกล่องที่แยกบนได้ ソードレジェンディア จากนั้นไปทางขวาลงลิฟท์
-พอลงมาให้เดินไปซ้ายบนสุดจะเจอกล่องได้ イノセントシャイン แล้วให้ไปเดินไปทางขวาจนสุด(ขวาบน)เข้าลิฟท์ตัวขวาบน
-ถึงแล้ว เดินตามทาง เจอดิสคอฟเวอรี่ กับกล่องได้เงิน จุดเซฟ และลิฟท์ลงไปโซนถัดไป
- เข้ามาเจอจุดเซฟ แล้วจะได้สู้กับ リトルクイーン และ エグレゴロイ×3 จากนั้นก็เข้าจุดวาร์ปเพื่อเข้าโซนใหม่
- เข้าโซนที่สอง จะแบ่งเป็นชั้นๆ ซึ่งแต่ละชั้นจะมีสภาพผิดปกติที่เราจะโดนเมื่อเข้าฉากสู้ ซึ่งต้องไปฆ่าโกเลมที่ยืนอยู่ในชั้นนั้นๆ เพื่อเอาน้ำยามาโยนใส่น้ำพุที่มีคริสตัลอยู่ (ปราบบอส - โยนใส่คริสตัล โปรดอย่าลืม มิฉะนั้นต้องเดินย้อนใหม่)
- ชั้น 2 สู้กับ ベルナルド・カルピオ (ทางใต้) แล้ว เดินไปทางขวา แล้วล่าง จะมีแท่งคริสตัล ให้สำรวจเพื่อทำให้มันตกไปเป็นทางบนชัั้น 4 แล้วใช้ลิฟท์ทางขวาลงไปต่อ
- ชั้น 3 ทางตะวันตกสู้กับ ダイダラボッチ、ガレーネードラゴン×2
- ชั้น 4 ไปทางซ้ายตามทางสู้กับ ギラ・ダッガー、プディンガローパー×2 และชั้นนี้จะมีคริสตัลให้สำรวจเพื่อทำเป็นทางชั้น 5 ด้วย จากนั้นลงลิฟท์ทางตะวันออกข้ามไปชั้น 6
- ชั้น 6 ทางตะวันตก สู้กับ キナメツィン、パイオンスライム×2 จากนั้นขึ้นลิฟท์ที่เห็นอยู่ใกล้ๆบอสเพื่อเก็บ Discovery 観測装置
- กลับลงมาที่ชั้น 6 อีกที เดินไปทางใต้ๆ จะมีจุดลิฟท์ (ที่เป็นสัญลักษณ์กลมๆทั่วๆไป) แต่ไม่มีลิฟท์ ให้ไปกดสำรวจเพื่อเรียกลิฟท์ลงมาได้
- ขึ้นไปชั้น 5 สู้กับ チェベルディ、シグマ×2
- กลับไปชั้น 6 เดินไปตามทางเข้าชั้น 7 เจอจุดเซฟแล้วเดินลงล่างไปเรื่อยๆ (จุดวาร์ปจะพากลับยานชาโทล)
- สู้กับบอส リトルクイーン 10 คน เช่นเคย จากนั้นเข้าจุดวาร์ปสู่ด่านสุดท้าย
フォドラの核 (แกนกลางฟอโดร่า)
- ศํตรูในนี้จะเป็นบรรดาโกเลมที่เราสู้ๆมาในโซนที่แล้วทั้งหมด และจะมีดรอปอาวุธพิเศษของแต่ละคน รวมถึง EXP & SP มากมาย
- จากจุดเริ่ม ซ้ายสุด ได้ 魔法カルタNo.55 ขวาได้ ねこにんのふく
- เดินไปแถวสอง ซ้ายสุดได้ デュアリティ ขวาได้ アワーグラス×5
- เดินไปแถวสาม ซ้ายสุดได้ エリクシール×5 ขวาสุดได้ 黄金の彫像
- เดินไปแถวสี่ ซ้ายสุดได้ 魔法カルタNo.56 และขวาสุดได้ アルカナボトル×3
- เข้าไปจนถึงจุดเซฟ ส่วนวงเวทย์สีเขียวใกล้ๆจะพากลับยานชาโทล
- เดินเข้าไปเพื่อสู้กับบอสใหญ่ フォドラクイーン ซึ่งเมื่อพลังเหลือ 1/6 ก็จะใช้ デュアル・ザ・サン โดยอัติโนมัติ และจะเรียก リトルクイーン มาช่วยป่วนได้ด้วย
- End.
- เซฟจบเกม ซึ่งหากโหลดมาก็จะไปโผล่ที่เซฟก่อนจะสู้กับบอสใหญ่ของเนื้อเรื่องปกติ
[Edited 3 times Next - Last Edit 2011-2-7 14:55:26]
# Thu 2 Dec 2010 : 8:45AM

[Placeholder Extra Chapter]
ของใหม่
ของใหม่
# Thu 2 Dec 2010 : 8:47AM

[Placeholder Extra Chapter part 2]
เล่น 20 ชั่วโมงนี่ เผื่อไว้อีกอันดีกว่า
เล่น 20 ชั่วโมงนี่ เผื่อไว้อีกอันดีกว่า
# Thu 2 Dec 2010 : 8:54AM

[Placeholder for something]
[Edited 2 times Next - Last Edit 2010-12-25 09:19:18]
# Thu 2 Dec 2010 : 9:08AM

แผ่นเข้าไทยยังครับใครรู้มั่ง
# Thu 2 Dec 2010 : 9:18AM

ขออณุญาติเพิ่มคำว่า Walkthrough ที่หัวกระทู้น๊ะครับ ^^
ลุยเลยท่าน Next ผมรอแผ่นอยู่
ลุยเลยท่าน Next ผมรอแผ่นอยู่
# Thu 2 Dec 2010 : 9:26AM

ลงชื่อครับ รอของมาส่งบ้าน
/me แอบลงแดงเล็กน้อย

/me แอบลงแดงเล็กน้อย

# Thu 2 Dec 2010 : 9:33AM

เจิมครับ
ต่อให้ได้แผ่นก็คงต้องรอแพลทเกมค้างก่อน TwT
ต่อให้ได้แผ่นก็คงต้องรอแพลทเกมค้างก่อน TwT
# Thu 2 Dec 2010 : 10:09AM

ลุยกันเลย เดี๋ยวผมรอให้มีคนได้ถ้วยครบก่อนค่อยเริ่ม ไม่อยากเล่นหลายรอบจัด เวลาไม่พอ
<<
<
1
2
3
4
5
6
>
>>
Reply
Vote
Popular Thread
1 online users
Logged In :
Logged In :
member
Since 2/12/2005
(4452 post)