ต่อไปเรียก Xenoblade 2 พอนะ จะใส่มาให้ชื่อเกมยาวขึ้นทำไมก็ไม่รู้

เนื้อเรื่อง

เนื้อเรื่องก็ประมาณ Boy meet girl แล้วปกป้องโลกด้วยกัน ค่อนข้างเบสิคครับ แต่มันจะเพิ่มเติมอยู่หน่อยนึงตรงที่ 1. ถ้าเคยเล่น Xenoblade มาก่อนจะทราบว่าซีรีส์นี้ชอบมีหักมุมและแต่ละตัวละครมีลับลมคมในซะเยอะ แล้วก็ 2. มาภาคนี้ทางทีมสร้างไปเอาบรรยากาศสมัยภาค Xenogears กับ Xenosaga มาด้วยอีกส่วนหนึ่งคือเริ่มกลับไปเล่นพระเล่นเจ้า (99% จะเป็นคริสต์+ยูดาห์+Gnosticism) แบบชัดเจนแล้วแล้วแต่ยังไม่หนักมากเท่าเมื่อก่อน คือมาแบบจาง ๆ ถ้ารู้คือรู้ ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร อีกอย่างก็คือ 3. ฉากมูฟวี่คัตซีนยาวมาก ใครสายเสพเนื้อเรื่องถ้าชอบนี่อิ่มแน่นอน ฉากคุยกันนี่ยังไม่เท่าไร แต่ฉากบู๊นี่กังฟู+หุ่นยนต์/ยักษ์ไคจูฟาดกันไปมาดูแล้วตื่นเต้นดี สมัยนี้ถ้าไม่ใช่เกมเงินหนาจริง ๆ jRPG ส่วนใหญ่ไม่ค่อยทำละ (เน้นภาพหน้าตัวละครกับกรอบคำพูด) แต่ Xenoblade 2 นี่มาเต็มแล้วก็มีความเป็นมืออาชีพ สมกับที่ค่าย Monolith Soft ทำแนวนี้มานาน

แล้วก็โอเค โทนของเรื่องมันโชเน็น (การ์ตูนเด็กผู้ชาย) มาก โชเน็นอย่างไม่ปิดบัง พลังมิตรภาพ พลังความรักและความอุตสาหะ มาหมดเลย น้ำเน่าสุด ๆ เล่นไปผื่นแทบขึ้นไป ไม่ใช่เพราะไม่ดีแต่ส่วนตััวผมไปทางเซย์เน็น (การ์ตูนคนมีอายุหน่อย) อย่างน้อยก็ยังดีที่ตัวเอกและพรรคพวกนี่โชเน็นแบบไม่โลกสวย ไม่อีโมเวิ่นเว้อ บางคนก็มีปมบ้างแต่ก็ไม่จับเจ่าโทษนั่นโทษนี่ ไอ้เรื่องน่าตบแบบนี้จะไปเน้นที่ตัวร้ายเสียมากกว่าแต่ส่วนใหญ่พวกตัวร้ายเกมนี้ก็น่าสงสารนิด ๆ ซึ่งทั้งหมดที่พูดมานี้ก็แสดงให้เห็นว่า Xenoblade 2 เขียนบทกับตัวละครมาได้ดีครับ ถึงจะไม่ใช่แนวแบบเจาะทุกตลาด เพราะถามจริงเถอะ เรา ๆ ที่ยังเล่นเวบนี้อยู่ยังมีใครอินกับการ์ตูนโชเน็นเบ่งพลังความรักและความถูกต้องสู้กันบ้างถามจริง? แนวทางของโทนเรื่องค่อนข้างชัดเจนแล้วก็มีมุกล้อพวกการ์ตูนหลอกเด็กตั้งแต่สมัย 90s ยัน 60s ดักคนชราได้หลายหงอก อันนี้ใครดูออกบ้างไม่ต้องโม้นะ ผมยังไม่แก่พอจะคุยด้วยรู้เรื่อง!

อีกอย่างหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ ตัวละครส่วนใหญ่วาดออกแบบมาได้ "กาม" มาก คือเล่นอยู่นี่เจอนมทิ่มหน้าไปหลายฉาก หมุนกล้องทีก็เห็นหมดทุกสิ่งทุกอย่างที่สวรรค์สรรค์สร้าง แต่เนื่องจากสงสัยคนเขียนบทกับคนวาดตลอดชีวิตไม่จำเป็นต้องได้พบหน้ากัน (เอาจริง ๆ ผู้กำกับน่าจะไปหลงรักงานเรื่อง Expelled from Paradise ของคนวาดเลยขอตัวมา อันนี้เดา) ตัวเกมจริง ๆ แล้วจึงแทบไม่ได้ขายอะไรอย่างว่าเลย โอเคล่ะมีฉากแก้ผ้าอาบน้ำพุร้อน มีฉากนอนแนบตัว ฯลฯ พวกเนื้อเรื่องซับเควสอะไรต่าง ๆ นานาก็อนิเม้อนิเมซะไม่เมียะ! แต่สมดุลระหว่างความจริงจัง มุกตลกซึ่งก็ตลกจริง ๆ ความน่ารักน่าเอ็นดู แล้วก็ตัว Lore ความเป็นมาเป็นไปของโลกในเกมก็อยู่ในระดับที่พอดีงาม มุกลามกนี่หายาก ตัวเกมได้เรต T วัยรุ่นมากหน่อยนี่จะมาจากความซีเรียสของเนื้อเรื่องหลัก ๆ กับภาษาที่ใช้ค่อนข้างมีคำหยาบแบบเล็กน้อยปะปนอยู่นิดหน่อย (ทั้งภาคภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น - มี pun ว่า "ไอ้หัวกระจู้" ทั้งคู่ด้วย เฮนไตสุด ๆ!)

สรุปก็คือถ้ารับได้กับพลังอภินิหารความรักและอนิเมก็น่าจะชอบ ถ้าจะเอาอย่างอื่นก็...

ปล. ชอบ Nia อะ ไม่ใช่เพราะจอแบนไม่ทิ่มหน้านะ ดูคนต้องดูที่นิสัยสิยะ

ซึน

ยัน

เดเระเดเระ

ซาวด์

ผม follow คนแต่งเพลงหลักอยู่ (จาก 4 กลุ่มที่มาแต่งให้เกมนี้) แกจริงจังมาก เอาเข้าจริงก็จริงจังตั้งแต่สมัย Chrono Trigger แล้วนะคนนี้ เคยเขียนถึงอยู่ ความจริงจังของแกตอนแรกเราอาจจะคิดได้ว่าเพื่อการโฆษณา pr เอาภาพลักษณ์อะไรก็ว่าไป แต่โดยการที่เข้ามาดูแลเรื่องการกำกับเสียงเองทุกเพลง จำนวนเพลงที่ต้องดูแล แล้วก็ไปลาก Anúna มาร่วมแจมด้วย เอาจริงเดะ? แนว Choral ในเกมโชเน็นนมทิ่มหน้าเนี่ยนะ?! แต่เราเห็น Marty Friedman ขึ้นไปโซโล่ Bravely Default มาแล้ว เรามีภูมิต้านทานเรื่องเซอร์ไพรส์ทำนองนี้ อะแฮ่ม

ก็ส่วนตัวคิดว่า Anúna มาคุ้มครับ แต่ละเพลงที่ขึ้น choir มานี่ อื้อหือ...ขนแขนสแตนด์อัพ ไม่อยากเล่นต่อละ กดเข้าเมนูนั่งฟังเฉย ๆ เลยละกัน (ไม่ใช่สาเหตที่รีวิวลงช้า) ทีมเก่าที่เหลืออีก 3 วง/คน ที่มาจาก Xenoblade ภาคแรกก็รักษาคุณภาพที่ดีไว้ทุกคนเลยครับ เพลงเมืองเพลงดันเจี้ยนและเพลงสู้แทบทุกเพลงเอายัดเข้า playlist ได้หมด

เรื่องเพลงนี่ผมความรู้แยะ (???) แต่เรื่องนักพากย์ที่ไม่รู้สี่รู้แปดอะไรเลยนี่ได้ยินว่าก็จัดเต็มเหมือนกัน คือเกมมีคัตซีนยาวเหยียดทั้งเนื้อเรื่องหลักและเควสเสริม ตอนต่อสู้ก็แข่งกันพากย์แข่งกันตะโกนชื่อท่า (ภาคนี้ถ้ารำคาญปิดได้) แล้วตัวละครมีร่วมร้อย นี่คือเอาเงินนินเทนโดมาผลาญไม่บันยะบันยังหรือ Monolith Soft รวยอยู่แล้วก็ยังเป็นปริศนาอยู่ ซึ่งเราในฐานะผู้บริโภคถือว่ากำไรละกันว่าคนทำเกมแกบ้านักพากย์มากในระดับหนึ่ง ไม่ใช่เฉพาะของภาษาญี่ปุ่น แต่พากย์อังกฤษเองนี่ก็รวมหม้อจิ้มจุ่มภาษาอังกฤษสำเนียงต่าง ๆ เยอะเหมือนกัน ถึงอารมณ์จะไม่ได้เท่าภาคญี่ปุ่นที่เขาจริงจังกันมากในเรื่องนี้แต่ก็น่าสนใจไปอีกแบบ สมัยเล่นภาคแรกนี่ผมก็ชอบความบริติชสุด ๆ ของงานพากย์ทั้งเกมเหมือนกัน

ในส่วนนี้ไม่มีอะไรต้องติครับ แค่เพลงของ Anúna นี่ก็คุ้มวายป่วงแล้ว

ปล. แต่สุดท้ายก็ชอบเพลงของ Kiyota Manami อยู่ดี https://www.youtube.com/watch?v=tNlWpsbdztk

MECHA!

Mecha สำหรับคนมีรสนิยม

Mecha ดักแก่

ภาพ

ซีรีส์ Xenoblade ได้สร้างอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ขึ้นมาอยู่อย่างที่น่าจะถูกใจผู้เล่นส่วนใหญ่จนคลอดสาวกขึ้นมาปริมาณหนึ่ง สิ่งนั้นก็คือการออกแบบแผนที่ในเกมที่น่าสำรวจมาก มีหลายชั้น มีรู มีทางลับ มีอะไรต่อมิอะไรน่าสนอกสนใจเต็มไปหมด! Xenoblade 2 นี่ลดสเกลของแผนที่มาในขนาดที่เรียกได้ว่าค่อนข้างเป็นผู้เป็นคนหน่อยแล้วแต่ก็ยังถือว่าเหนือชั้นกว่าเกมอื่น ๆ อีกหลายต่อหลายเกมอยู่ดี น่าเสียดายที่ไม่มีพาหนะให้ขับซิ่งหรือขับบินเล่น ดาวน์เกรดกันเห็น ๆ! ก็ว่ากันไปครับ ส่วนโมเดลตัวละครก็แทนที่หน้าประหลาดแบบภาคแรกและภาค X ด้วยหน้าตาที่ดูดีขึ้นมาหน่อยในสไตล์อนิเม ปัญหาคือสีหน้าท่าทางโมชั่นก็ยังไม่ถือว่าคุณภาพสูงมากนัก ปากขยับไม่ตรงลิปซิ้งทั้งภาคอังกฤษและภาคญี่ปุ่นเลยบางทีก็ตลกแบบขำไม่ออกดี

อีกจุดหนึ่งที่น่าเสียดายอีกประการหนึ่ง ซึ่งอันนี้ก็ไม่ได้รู้ว่าปัญหามันอยู่ที่ตรงไหนกันแน่ระหว่างงานเร่งทำ? เอนจิ้นมันเก่าไปแล้ว? หรือด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม คือภาพมันก็ไม่ได้ออกมาน่าเกลียดมากนะ เฟรมเรตก็ไม่ได้ตกหนักหนาสาหัสมากแค่ 2-3 แอเรียในเกม แต่คุณภาพของ resolution นี่ต้องบอกว่าแกว่งไปแกว่งมามากเกินไปหน่อย 720p สูงสุดตอน dock ยังไม่เท่าไร แต่ต่ำกว่า 500p-400p ตอนเล่นบนมือถือนี่เกินไป๊ แบบพวกเราในฉากตอนสู้มันหกคนบวกจำนวนศัตรูอีกใช้มะ...พี่เล่นภาพแตกละเอียดเลย ใครเป็นสายเสพกราฟิกเตรียมตัวร้องไห้ได้ อีกอย่างหนึ่งคือตัวเทกเจอร์กับระยะของ Draw distance ก็สุดจะ "เจนที่แล้ว" ฟักเย้! *กระซิก*

คือเกมที่ควรจะว้าวว่า "ลง Switch เข้าไปได้ไง?" กลายเป็น "เออ...ก็เพราะลง Switch ล่ะนะ..." ซึ่งถ้าจะสุดแค่นี้ไปอีก 5-6 ปีก็เสียดายฝีมือปั้นแมพกับกำกับคัตซีนน่อ อันนี้เราก็รอดูเกมอื่น ๆ ที่ลงเครื่องนี้กันต่อไป

ถ้าไม่คิดมากก็ยังอยู่ในจุดที่พอรับได้ 

อย่างน้อยก็ไม่เผา แล้วเกมก็มีสเกลที่ใหญ่ในระดับหนึ่ง

ที่สำคัญคือโมเดลตัวละครพัฒนาขึ้นมามากจากภาคเก่า ๆ

.............................-_- เออ

เกมเพลย์

เบสิคของเกมนี้ก็ดูเหมือนจะง่าย ๆ ครับ แต่เอาจริงค่อนข้างวุ่นอยู่เราเก็บไว้พูดย่อหน้าถัดไป ตัวละครที่เป็นไดรเวอร์คือหลัก ตัวละครที่เบลดก็ประมาณคู่หูหรือโปเกม่อนซึ่งถือเป็นส่วนระบบหลักของเกม พัฒนาไปพร้อม ๆ กันเพื่อเอาชนะศัตรู ทำเนื้อเรื่องจนจบหรือแวะออกนอกทางไปทำเควส ทำมินิเกมที่มีจากง่ายมากไปหายากมากซับซ้อนมากซึ่งของตอบแทนไม่ได้มีแค่ไอเท็มหรือค่าประสบการณ์ แต่มีเนื้อเรื่องเสริมตั้งแต่ขำ ๆ ไปจนถึงจริงจัง แล้วก็ไอเท็มอำนวยความสะดวกมากมายต่อการเล่น Xenoblade 2 ทำสมดุลระหว่างการดำเนินเรื่องหลักกับการเถลไถลได้ค่อนข้างดี

ตอนนี้ในใจมีความขัดแย้งกันอยู่สองอย่างก็คือ ประการแรก jRPG ที่เราชอบนี่ส่วนใหญ่ก็ไม่ซับซ้อนนะ เช่นพวก DQ FF เมกาเทน ฯลฯ กดปุ่มเดียวเสียวตั้งแต่ศัตรูยันบอส ตลาดกับตัวเรานี่บางทีก็ต้องการความซับซ้อนบ้างหรือเปล่า? ประการที่สอง ซับซ้อนแบบอี Xenoblade นี่มันดีแล้วเหรอ กว่าจะเล่นเป็นกว่าจะเก่งนี่ลองผิดลองถูกมั่วโง่ ๆ งม ๆ กันไปหลายอยู่ นี่ไม่นับเกมแทบไม่สอนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยนะ มั่วเองจนจบ แล้วก็ใช้พลังของอินเตอร์เน็ดจนทำให้รู้ว่าสุดท้ายก็มีบิลด์ตัวละครแบบโซโล่บอสลับเลเวล 100+++ แบบโกง ๆ ได้อยู่ดี...สรุปมันยากหรือไม่ยากวะ งง ...เอาล่ะของมันไม่ซิมเปิ้ลแน่นอน ซึ่งจะนับเป็นข้อดีหรือข้อเสียดีวะเนี่ย งงx2 ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าอดทนเล่นจนเลยจุดชินแล้วเกมสนุกครับ ส่วนจะทนเล่นให้จบไปแบบมึน ๆ ก็อยู่ในระดับที่พอเป็นไปได้ หรือเอาฮาเต็มที่ปั้นตัวให้ดีตีทีหลักหมื่นแสนคอมโบออกหลักล้านก็ตามสะดวก ข้อดีของเกมนี้อีกอย่างคือเกมนี้ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ศัตรูปกตินี่แทบไม่ต้องสู้เลย วิ่งหนีได้หมด ไปเก็บความเก่งจากการทำเควสหรือทำนั่นทำนี่ไร้สาระเอา แต่ถ้าให้สู้ก้มันดี เป็นสายชอบสแปมท่าให้เกมกระตุกเล่น (แต่มันดันเลือกที่จะไปลด resolution แทน) ต่อคอมโบตูมตามสนุกดี

จุดที่น่าเกลียดจะอยู่ในส่วนคุณภาพของการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เล่น (QOL = Quality of life) เสียมากกว่า ถ้าให้ลิสต์ออกมานี่รีวิวลงนู่นอะปีหน้า เอาที่เด่น ๆ นะ

1. แผนที่ย่อชวนงงมาก คือแมพมันมีสูงต่ำตื้นลึกหนาบางทางลับอะไรเยอะ เวลาจะหาของพวกนี้ไม่จดลงกระดาษเองก็ต้องใช้พาวเวอร์ออฟอินเตอร์เน็ต ทรมาณอยู่เหมือนกัน การแก้พัซเซิ่ลในแผนที่โดยใช้ความสามารถของเบลดต่าง ๆ เช่นการโดดสูงขึ้นไปบนที่สูงมาก ๆ หรือการพังกำแพงการละลายน้ำแข็ง ฯลฯ อะไรพวกนี้ก็น่ารำคาญไม่ใช่น้อย เพราะแทนที่จะใช้ความสามารถของเบลดที่มีอยู่ในคลังอยู่แล้ว ต้องมานั่งสลับใส่กับตัวละครที่เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

2. ระบบกาชา นี่ถ้าจะเก็บครบให้บวกเวลาเล่นไปอีก 20-30 ชั่วโมง ฟาร์มของมาเปิดหา คิดว่าเสียเวลามากไปหน่อย

3. ความยากกับความซับซ้อนอารมณ์ไล่แขกไล่ผู้เล่นใหม่หรือผู้เล่นที่ไม่ใช่แฟนซีรีส์เป็นอย่างมาก จะขายมั้ย? เกมน่ะ

4. User interface ฉากสู้ค่อนข้างรุงรัง ฉากเมนูก็แอบใช้ยากบางส่วน เช่นการจัดการไอเท็มกับจัดการเบลดเป็นต้น

5. สาราณุกรมไอเท็มกับมอนสเตอร์ไม่มี อยากหาอะไร...อินเตอร์เน็ตอีกแล้ว คือ เข้าใจว่า NPC ก็มีใบ้ ก็จดก็จำเอาเองได้นะ แต่แบบ ขอความสะดวกชีวิตบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบเกมอื่นเขาทำกันหน่อยเถอะ

เอาแค่นี้ก่อน หวังว่าคงแพทช์แก้ อยากเล่นอีกรอบ (New game+ มา 2018)

ทั้งหมดทั้งปวงแลกมากับข้อดีอย่างหนึ่งคือเกมใช้เวลาโหลดน้อยมาก วอร์ปไปมาระหว่างแมพไม่กี่วิไวดี

สุดท้ายนี้ตัวเกมค่อนข้างมีบั๊กในแบบที่ไม่น่าให้อภัยได้อยู่ ๆ หลัก ๆ เลยก็คือเกมค้างกับเกมอยู่ ๆ ปิดตัวเองซึ่งถ้าผู้เล่นไม่ได้มีนิสัยระวังตัวคอยเซฟบ่อย ๆ ก็อาจจะเวลาชีวิตหายไปหลายชั่วโมงได้ (ตอนเล่นเอง 150 ชั่วโมง เจอไป 2 รอบ บางคนเจอบ่อยกว่านี้) แล้วก็ event loop กับบั๊กเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งทุกอย่างยืนยันว่ามีแพทช์แก้แน่นอน แต่ทว่าเกมที่ทำออกมาจนเสร็จแล้วก็ไม่ควรมีอะไรแบบนี้อยู่ดี ซึ่งถ้าให้ใจร้ายนี่คือไม่ควรให้คะแนนเลย ต่อให้อ้างว่าเกมส่วนใหญ่ในตลาดก็มีเรื่องทำนองนี้เป็นประจำก็ตามที น่าเสียดายที่ดันเล่นแล้วชอบ เล่นแล้วติดนี่ดิ คือ Skyrim มันทำบั๊ก game breaking ใส่หน้าตูไปสองรอบยังให้มัน 10 ได้เลย (อันนั้นต้องเริ่มเล่นใหม่ด้วย เพราะทำเควสต่อไม่ได้ ;~;) เพราะฉะนั้น Xenoblade 2 ควรจะได้...

8.7 คะแนน

โดยส่วนตัวนี่ชอบมากว่า Persona 5 อีก แล้วก็อาจจะรอง ๆ DQ11 กับ NieR: Automata นิดหน่อย แต่ข้อเสียยาวเป็นหางว่าวแบบนี้ให้ 9 ไม่ไหว 

พบกันใหม่ภาค 3 (ไม่ก็ X2)

ปล. ปีนี้เกมดี ๆ เยอะจนหนักหนาสาหัสจริง ๆ เล่นมาเยอะมาก ๆ แต่ไม่ค่อยมีแรงมาเขียนรีวิวเท่าไร ต้องขออภัยด้วย