Review รักไร้เสียง ��าพยนตร์อนิเมะเรื่องล่าสุดของ kyoto animation
วันที่ 23 มี.ค.2560 ก็เป็นวันที่ Koe no Katachi หรือรักไร้เสียงได้เข้าฉายในประเทศไทย ไปดูมาแล้วก็เลยลองเขียน Review ดู เรื่องสปอยก็จะพยายามเลี่ยงมากที่สุดแต่ถ้าเป็นเนื้อหาที่สปอยก็จะปิดไว้
ความสำเร็จของ Koe no Katachi
คราวนี้ก็มา Review ซะทีโดยแบ่งเป็นด้านภาพ,บทอนิเมะและเพลง
ภาพ 8/10
งานภาพถึงจะไม่เท่ากับเรื่อง your name กับ in this corner of the world แต่ก็ถือว่าสวยใช้ได้ตามสไตล์เกียวอนิ
บทอนิเมะ 8.5/10
ถือเป็นโจทย์ยากสำหรับทั้งคุณ Yamada Naoko และคุณ Reiko Yoshida ที่จะทำยังไงในการที่จะยัดเนื้อหา Manga ถึง 7 เล่มมารวมในภาพยนตร์อนิเมะที่มีความยาวเพียงแค่ 2 ช.ม. ก่อนหน้านี้ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าจะทำออกมาได้ลงตัวหรือเปล่า แต่พอได้ดูแล้วก็ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว คือจะใช้วิธีนำเนื้อหาจาก Manga มาเล่าใหม่ แต่เนื้อหาหลักของ Manga ก็ยังมีอยู่ครบ มีบางฉากที่ใส่มาไม่เหมือนกับต้นฉบับและบางฉากในภาพยนตร์ก็ลดความรุนแรงลงเพื่อความเหมาะสมเช่น
จุดที่เด่นที่สุดสำหรับฉบับอนิเมะก็คือโชโกะนางเอกของเรื่องเธอจะพูดเยอะกว่าในฉบับมังงะเยอะมาก ถึงจะพูดออกเสียงไม่ชัดก็เหอะ ซึ่งสำหรับผมก็ถือว่าเป็นข้อดีเพราะมันสื่อถึงความรู้สึกของโชโกะออกมาได้มากยิ่งขึ้น ฉากตอนสะพานก็ทำได้ดีจริงๆ
จุดเสียของบทอนิเมะก็คือการที่ต้องตัดหลายๆสิ่งออกไปเนื่องจากเวลาไม่พอซึ่งมีจุดนึงที่เป็นเนื้อหาสำคัญสำหรับผม แต่ผมไม่ได้ตัดคะแนนในส่วนนี้มากนะเพราะเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องตัดเนื้อหาบางส่วนออกไป รวมถึงฉากจบของอนิเมะจะตัดจบไม่ได้จบตรงที่เดียวกับกับมังงะ
อันนี้เดาส่วนตัวเกี่ยวกับความรักของโชโกะ
เพลง 8.5/10
เรื่องนี้จะไม่เน้นใส่เพลงลงไปมากนะแต่จะเน้นพวกเสียงประกอบฉากมากกว่าเช่นเสียงลม,เสียงรถ,เสียงคนคุยกัน แต่พอใส่มาทีนี่ทำเอาขนลุกเลยพีคสุดก็ตอนจบน่ะแหละ ก็ถือว่าดีเหมือนกัน
สรุป 8.5/10 เป็นอนิเมะน้ำดีที่ควรที่จะไปดูและอุดหนุนกันเยอะๆ เรื่องนี้จำนวนโรงที่ฉายเยอะไม่เท่า Your name แต่ตอนเข้าไปดูก็ดีใจที่คนดูกันเต็มโรงเลยได้นั่งไกล้ๆกลุ่มสาวๆนี่ยิ่งดีใจใหญ่อิอิ
Popular News
แสดงความคิดเห็น
เรื่องนี้ดูสนุกนะ เนื้อเรื่องพีคขึ้นเรื่อยๆ แต่จู่ๆก็จบเหมือนตัดจบ อารมณ์กำลังได้แล้วแบบ เฮ้ย อะไรจบแล้วเหรอ
แล้วก็ตรรกะตัวละครบางคนออกแนวเพี้ยน ดูไปก็คิดว่ามันทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรฟะ
คือดูแล้วอยากไปเที่ยว
รักไร้เสียงมีแต่ตัวเมือง
แต่ผมดูในฐานาะคนที่ยังไม่ได้อ่านแบบหนังสือมาก่อน โดยรวมรูสึกประทับใจมากครับ ยิ่งซีนดราม่านี่ โคตรขยี้ใจมาก น้ำตาไหลเลย
แต่รักไร้เสียงนี่ผมไม่โอเคกะเสียงไทยจริงๆคือนอกจากซับจะแปลแปลกๆก็ถามตัวเองว่าทำไมต้องมานั่งทนฟังเสียงไทยอะไรแบบนี้ด้วย แต่เท่าที่มีคนไปดูมาก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสนุกดี ภาพสวย เอาง่ายๆสั้นๆคือคุ้มค่าตั๋วแบบที่ Your name เคยทำไว้ แต่ผมกล้ายืนยันกะตัวเองเลยว่าถ้าไม่มีเสียง JP จะไม่มีทางไปดูเด็ดขาด
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่ทำรอบ Soundtrack ล้วนไปเลยทั้งๆที่น่าจะรู้ว่าคนที่เขามาดูเขาหวังเสียง JP กันแทบทั้งนั้น
ส่วนอนิเมะตอนสมัย kimi no nawa เขาทำซับอย่างเดียว ตจว. เลยได้ดูซับกะเค้าด้วยครับ ตอนแรกตั้งใจจะไปอุดหนุน รักไร้เสียงเต็มที่เพราะ Hype มากหวังว่าเขาจะปราณีเอาซับมาฉายที่ไหนได้ นอกจากจะมีแค่ 2 รอบยังเป็นรอบเสียงไทยล้วนอีก แม้ว่าจะอยากดูแค่ไหนผมทำใจไปอุดหนุนไม่ได้จริงๆ คือไม่ได้เกี่ยงค่าตั๋วเลเยนะ เมเจอร์จังหวัดผมแค่ 120 ก็ดูได้แล้ว จริงๆถ้าฉายเสียงญี่ปุ่น ตั๋วเท่ากรุงเทพผมก็จ่ายได้ 2-300
บางทีก็ไม่เข้าใจว่าเขารู้ว่ามันเป็นหนังเฉพาะกลุ่มทำไมเขาไม่ฉายเสียง JP ให้คนเฉพาะกลุ่มพวกนี้ดูไปเลย ไม่เข้าใจจริงๆแล้วทีมพากย์นี่เสียงไม่ถูกจริตผมมาก จะหาว่าผมงอแงก็ได้ล่ะนะ แต่ขนาดดถามเพื่อนผมมาทุกคนยังไม่มีใครอยากดูเสียงไทยสักคน ทุกคนที่ไปดูนี่มีแต่ดูซับทั้งนั้น คือผมค่อนข้างแน่ใจว่าเมะโรงเนื้อเรื่องดีๆ คุณภาพระดับนี้ คงไม่มีใครพิศวาศอยากดูเสียงไทยหรอกนะ โรงหนังใส่มาเองล้วนๆแล้วยัดเยียดโรงฉายแบบตจว.ยังงี้แหละครับ
ผมถือว่าผมมีทางเลือกนะไม่ใช่ว่าเอาพากย์ไทยมาแกมบังคับแล้วคิดว่าคุณต้องไปดู คนอื่นอาจจะมีแต่ตราบใดที่ยังอยู่ในโรงแล้วไม่มีเสียง JP ผมก็ไม่ดูแน่นอน
ฝ่ายนึงก็บอกว่า เสียงเงินมาดูหนัง ไม่ได้มาอ่านตัวหนังสือ
อีกฝ่ายก็บอกว่า เสียงไทยยังไม่ถึงอารมณ์
ส่วนโรงหนังเขาทำเป็นธุรกิจหลักล้าน เขาก็น่าจะมีข้อมูลคนดูเทียบมั่งแหละ
[Link]
แล้วจะรู้ว่าการเอาเสียงไทยเข้ามาให้ดูนี่มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดเกินกว่าจะเข้าไปดูจริงๆ มันไม่ไกล้เคียงกับต้นฉบับเเลยสักนิด
เอาเอาตรงๆที่ผมไม่ชอบที่สุดคงเป็นเสียงนางเอกนี่แหละ ต้นฉบับเขาทำไว้ดีเกินไป แถมนักพากย์บ้านเราคงไม่มีใครกล่องเสียงเทพเทียบเท่าฮายามินด้วยแหละครับ
อาทิตย์นี้ไว้ไปดูผีเปลือกแทน เพราะยืนยันคำเดิมว่ายังทำใจดูเสียงไทยไม่ได้จริงๆ แต่แค่ไไล่อ่านรีวิวก็พอจะเข้าใจแล้วว่ามันน่าดูตรงไหน เพราะอะไร ไว้ออกแผ่นค่อยว่ากันอีกที หรือไม่ก็ถ้าทางโรงตาสว่างเพิ่มรอบซาวด์แทร็คก็จะยอมนั่งรถไปดูเลยเอ้า
แต่จะมีเซอร์ไพซ์แบบงง ๆ
ให้คิดออกว่าแต่ละคนคิดยังไงในใจเมื่อเหตุการณ์เกิด
เหมือนบอกกันว่าในมังงะแรงกว่านี้
แต่ผมกลับมองว่าด้วยพล็อตแค่นี้ระดับที่หนังทำก็สมเหตุสมผลแล้ว
(ไม่งั้นจะเป็นแนวคลั่งไปหน่อย)
ให้คะแนนความกลมกล่อม และ จบแบบที่เรื่องนำเสนอ
(เน้นประเด็นมากกว่าผู้คน)
ไม่โรแมนติค แต่พอดีเป็นสายดราม่าชีวิต
(ที่ดูไม่จิตตกกำลังสดใสได้)
เลยชอบมา