"ภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งปี 2016 ?"



วินาทีแรกที่บทเพลงของ La La Land เริ่มขึ้น มันก็ทำให้เราได้เข้าใจแทบในทันทีเลยว่า เหตุใดภาพยนตร์เรื่องนี้ถึงได้เป็นพูดถึงและกวาดรางวัลลูกโลกทองคำทุกสาขาที่เข้าชิงหมด 7 สาขา

เมื่อบทเพลงเปิดเรื่องได้จบลง ชื่อภาพยนตร์ได้ปรากฏบนจอ สิ่งหนึ่งที่คอยนั่งตั้งคำถามก็คือ ตัวภาพยนตร์จะสามารถรักษาความประทับใจอันสูงลิบลิ่วหลังจากเปิดตัวได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้ตลอดทั้งเรื่องหรือไม่ และคำตอบก็คือได้ แม้จะมีช่วงเวลาน่าหวาดเสียวอยู่ชั่วครู่หนึ่งบ้างก็ตาม



แทบทุกเพลงในภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เพียงแค่เต็มไปด้วยพลังอันเหลือล้น แต่ยังไพเราะ ถ่ายทอดเรื่องราวของตัวละครต่างๆได้อย่างดิบดี ที่ติดหูจริงๆเลยคือ Another Day of Sun และ Someone in the Crowd ซึ่งเป็นเพลงที่ท่วงทำนองมันช่างน่าตื่นเต้น ลบไปจากหัวไม่ออกจริงๆ แม้จะเดินออกมาจากโรงภาพยนตร์เป็นชั่วโมงๆแล้วก็ตาม

เดเมียน ชาเซลล์ ยังคงพิสูจน์ให้ชาวโลกเห็นถึงฝีมือการกำกับที่เหนือชั้นของเขา หลังจากที่เคยฝากผลงานสุดยอดอย่าง Whiplash มาในปี 2013 ไม่ใช่แค่การเล่าเรื่องภาพรวมเท่านั้นที่ดี แต่การเปลี่ยนผ่านจากช่วงปกติเข้าสู่ช่วงขับร้องเพลงแบบละครเวทีของเขาก็ทำได้อย่างลื่นไหล ให้อารมณ์เหมือนกับการที่เราได้ไปอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวละครเหล่านี้



อีกสิ่งหนึ่งที่เนรมิต La La Land ให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ก็คือการกำกับภาพที่น่าทึ่งของ ไลนัส แซนด์เกรน (Linus Sandgren) โดยเฉพาะในช่วงที่ตัวภาพยนตร์เข้าสู่ช่วงร้องเพลง การเคลื่อนไหวของกล้องก็สอดรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ได้อย่างมีชีวิตชีวา ส่งผลให้ความรู้สึกของผู้ชมรู้สึกมีชีวิตชีวาเช่นเดียวกัน

สำหรับการร่วมแสดงกันเป็นครั้งที่สามของ ไรอัน กอสลิ่ง และเอมม่า สโตน ดูเหมือนจะยิ่งทำให้เคมีของทั้งคู่เข้ากันได้อย่างกลมกลืนยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะ เอมม่า ที่รับบทอันแสนซับซ้อนได้อย่างน่าทึ่งตลอดเวลา ส่งผลทำให้เรื่องราวการออกตามหาความฝันของตัวละครสองตัวนี้ เต็มไปด้วยสีสันและน่าคอยเอาใจช่วยอยู่ตลอดการเดินทาง



บทสรุปของ La La Land ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าประทับใจ ทรงพลัง งดงาม และคงไม่มีบทสรุปรูปแบบใดที่จะเหมาะสมกับ La La Land ไปมากกว่านี้แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าการเปิดเรื่องที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ จะยังสามารถถูกเอาชนะด้วยการปิดเรื่องที่น่าประทับใจยิ่งกว่าได้

ทุกองค์ประกอบต่างๆของ La La Land ถูกร้อยเรียงเข้าด้วยกันอย่างกลมกล่อม จากผู้ที่มีความรักและคลั่งไคล้ในเสียงดนตรี ภาพยนตร์ และศิลปะอย่างแท้จริง ก่อให้เกิดเป็นท่วงทำนองที่ทั้งคลาสสิกและทันสมัยไปพร้อมๆกัน จึงไม่มีเหตุผลใดที่เราจะไม่หลงรักการผจญภัยในดินแดนแห่งบทเพลง ความเชื่อ ความรัก และความฝันแห่งนี้

Final Score : [ 9.5 ]

ภาพ เพลง เจ๋งมาก ถึงเนื้อเรื่องจะดูราบเรียบไปหน่อย

ทั้งผมและคุณ Fallsdown ให้เกิน 9 ทั้งคู่แบบนี้ยังมัวอ่านอะไรอยู่ ไปดูหนังเรื่องนี้กันได้แล้ว ห้ามพลาดจริงๆครับ

ดีงาม ทุกสิ่ง และทุกวินาทีในหนังเลย ให้ตายเถอะ

เอมม่า สโตน ก็น่ารักไปไหน -/////-

บอกตรงๆว่าผมเสียน้ำตาให้ซีนสุดท้ายเลย มันกินใจสุดๆอ่ะ

ชอบมาก เป็นหนังที่ Hollywood ควรมี

เปิดตัวต้นปีกับหนังดีรู้สึกมีความสุข

องค์ประกอบที่โครตลงตัว ตั้งแต่เปิดเรื่องมันนำพาให้ไปสู่ฉากจบที่สมบูรณ์แบบ T-T

ดูมาแล้ว รู้สึกสะใจมากครับหนังดีมาก

ผกก.คนนี้ตอนวิปลาส (Whiplash) ทำผมขนลุกกะเพลงตอนจบไปแล้ว

มา La La Land ก็ทำผมขนลุกกับเพลงตอนจบได้อีก

คือเดาตอนจบถูกเกือบหมดนะ แต่ไอ้ตอนเพลงจบนี่มัน มัน เกินความคาดหมายมาก ทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่ในบทเพลงนั้นจริงๆ

รวมๆแล้วหนังดีมากครับ

วันนี้ได้โอกาสไปดู IMAX อีกรอบมาครับ ถ้าคนนั่งข้างๆหันมามองนี้คงนึกว่าบ้า นั่งยิ้มคนเดียวทั้งเรื่อง 555 ไม่รู้ทำไมดูรอบสองชอบมากกว่ารอบแรกอีก รอบแรกมีบางช่วงที่คิดว่ามันเริ่มอืด และน่าเบื่อนิดๆ แต่รอบสองดูแล้วรู้สึกจบไวมาก คงเป็นเพราะตั้งหน้าตั้งตารอคอยเพลงที่ชอบเลยไม่รู้สึกว่านาน

ไม่รู้จะรีวิวอะไร

ให้ 10/10 ไปเลย

หนังมีอะไรหลายๆ อย่างจริงๆ