"The Villeneuve Hype"

ณ เวลานี้ถ้าหากพูดถึงผู้กำกับที่มาแรงมากที่สุดซักคนหนึ่งในวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูด ชื่อๆนั้นคงจะหนีไม่พ้น เดนนิส วิลเลอเนิฟ อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นผลงานแสนระทึกชวนเคร่งเครียดและตั้งคำถามกับศีลธรรมของมนุษย์อย่าง Prisoners (2013) หรือเหตุการณ์อันแสนตึงเครียดระหว่างสองประเทศใน Sicario (2015) ต่างก็เป็นผลงานที่น่าประทับใจทั้งคู่



ก่อนที่เขาพาเราไปชุบชีวิตและสานต่อผลงานระดับขึ้นหิ้งใน Blade Runner 2049 เขาก็ได้เชิญชวนเราให้ไปสัมผัสกับเอเลี่ยนในรูปแบบใหม่ที่เราอาจไม่คุ้นเคยมาก่อนอย่าง Arrival

เอาเข้าจริง Arrival เป็นภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมได้อย่างแท้จริง ก็เพราะฝีมือการกำกับ ร้อยเรียงระดับเทพของ เดนนิส แม้ตัวบทบางส่วนจะพารู้สึกขึ้โกงไปนิด แต่ก็เพราะวิธีการเล่าเรื่อง และต่อร้อยเรื่องราว อันแสนน่าทึ่งของเขาก็ทำให้เราเชื่อในสิ่งที่เราตั้งข้อสงสัยนั้น และสามารถมองข้ามไปได้อย่างรวดเร็ว พร้อมสร้างบรรยากาศอันน่าค้นหาได้ถึงขั้นลึกซึ้ง ดึงผู้ชมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งอย่างรวดเร็ว



เหล่าเอเลี่ยนนี้เป็นใคร มาที่โลกเพื่ออะไร อะไรคือสิ่งที่ตัวละครเอกของเหล่าเห็น คำถามเหล่านี้และคำถามอีกมากมายวกวนอยู่ในความคิดของเราอยู่ตลอดเวลาเสมือนเราเป็นส่วนหนึ่งในการค้นหาครั้งนี้

แต่สิ่งที่เรารู้สึกสัมผัสได้อยู่ตลอดเวลากลับเป็นพลังความเชื่อและความเป็นมนุษย์ที่ เอมี่ อดัมส์ เปล่งประกายผ่านออกมาจากจอภาพยนตร์ที่ฉายอยู่ด้านหน้าเรา และเมื่อใดก็ตามที่เราเริ่มรู้สึกตัวเหมือนจะตื่นขึ้นมาจากโลกแห่งความฝัน เราก็จะถูกเพลงประกอบที่ชวนขนลุกของ โยฮันน์ โยฮันน์สัน ดึงกลับเข้าไปอีกครั้ง



ประสบการณ์ที่เราได้รับและรู้สึกจาก Arrival จึงเป็นเหมือนการต่อจิ๊กซอว์อันซับซ้อนในความฝันอันน่าพิศวง งดงามจนเราไม่รู้สึกอยากจะให้มันจบลง

Final Score: [ 8.5 ]

อะไรเล่า ._. (คืนนี้ดู Sicario ดีกว่า ไล่เก็บหนังคนนี้ คุณ Fallsdown ดู Enemy ยังครับ สัญลักษณ์เจ๋งดีนะ)

หนังเชิง Abstract สะท้อนหลายๆอย่าง

หนังสนุกมาก ซาวด์ระทึก

ในตัวหนังมีการเฉลยที่ดี แต่การพลิกสถานการของความขัดแย้งมันหน้าด้านเกิน และตอนท้ายๆรวบรัดไปหน่อย แต่บทสรุปของหนังดี ที่จริงนางเอกสปอยแต่เริ่มเรื่อง ดูแล้วประทับใจมากภาพสวย เนื้อเรื่องซับซ้อนใช้ได้เลยดูเสร็จตอนขับรถกลับนั่งทบทวนตลอดทาง ผู้กำกับเค้าผูกเหตุการการเล่าเรื่องได้ดี ชอบมาก