เข้าเพจของทาง Luckpim และเจอบทความนี้จาก pantip ที่ทางเพจเอามาแชร์ให้อ่านกันคิดว่าน่าสนใจดี ผมก็เพิ่งรู้จักร้านนี้ ร้านเค้าใหญ่มากๆ เปดิมานานกว่า 31 ปีแล้วมีบทสัมพากย์เจ้าของร้านด้วย ภาวะที่ยุคหนังสือไม่ได้ขายดีแบบเมื่อก่อน ในปัจจุบันธุรกิจร้านหนังสือแห่งนี้เป็นยังไงบ้าง จิ้มตามลิงค์

[Link]

สิ่งที่น่าเศร้าอย่างที่เจ้าของร้านบอกสำหรับผมก็คือ ทุกวันนี้มีแต่ลูกค้าวัยสามสิบขึ้นทั้งนั้นที่มาซื้อหนังสือเป็นประจำ (เด็กโข่ง)นอกนั้นก็เป็นเด็กวัยรุ่นกลุ่มไม่ใหญ่นักอีกกลุ่มนึง ส่วนพวกเด็กๆ และวัยรุ่นส่วนใหญ่ไม่เข้าร้านหนังสือการ์ตูนกันแล้ว

ยังไงอยากให้วงการนี้ยังอยู่ได้อาจต้องเริ่มจากตัวเราก่อนอย่างที่ จขกท.ใน pantip ได้บอกไว้ตอนท้าย

"ฝั่งนักอ่านอย่างพวกเราก็ต้องคอยช่วยและเป็นแรงผลักดันให้พวกเขามีกำลังใจที่จะไปต่อ เริ่มจากการ ลด-ละ-เลิก การอ่านการ์ตูนฟรีหรือการ์ตูนแสกนที่ผิดลิขสิทธิ์ต่างๆ แล้วหันมาอ่านจากหนังสือกันให้มากขึ้น เพิ่มจิตสำนึกและให้เกียรติตัวเองอีกนิด หากตอนนี้เรายังไม่ทำอะไรกันเลย รับรองได้ว่าในอนาคตจะไม่มีหนังสือการ์ตูนให้อ่าน ไม่มีร้านการ์ตูนให้ซื้อกันอีก และถ้าถึงตอนนั้นก็คงได้แต่โทษตัวเองว่าที่ผ่านมาเราทำอะไรลงไป เชื่อเถอะว่าไม่มีแฟนการ์ตูนคนไหนอยากให้ถึงวันนั้นหรอก"

เครดิต pantip , Luckpim

เคยบ่นไปแล้วว่าเคสนี้หลักๆ สาเหตุมันอยู่ที่ผู้บริโภค

วิธีแก้ปัญหาจริงๆ คือเลิกทำซับไทยเลย ทั้งเรื่องที่ยังไม่มี lc ด้วย เพราะพอถึงเวลามี lc พวกที่ไม่ใช่คนสะสม มันก็ไม่ซื้อเล่มแรกๆอ่านใหม่

ฮาความเห็น จขกท. จัง

ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่เห็นจะมีซักคนที่รู้สึกผิดกับการจากไปของโทรเลข

^ ถ้า e-book มังงะมันรุ่งเรื่องถึงจะพูดแบบนั้นได้
แต่นี่มีแต่ scan เถื่อน
อย่าบอกนะว่า คิดว่าคุณภาพมันแทนกันได้

แถวบ้านผมทั้งร้านเช่าหนังสือ ร้านขายหนังสือก็เลิกกิจการไปหลายร้านแล้ว

สาเหตูหลักๆ ที่ผมต้องเลิกซื้อหนังสือการ์ตูน เพราะตอนนี้ ราคาการ์ตูนลอยตัวไปแล้ว อยากจะตั้งราคาเท่าไหร่ก็ตั้ง จนผมซื้อไม่ไหว เรื่องไหนพอติดตามก็ซื้อไว้แต่เรื่องไหนอ่านก็ได้หรือนานเกินไปที่จะรอออกผมก็โละทิ้ง

ส่วนตัวหนังสือบางค่ายนี้ผมเลิกซื้อเพราะเรื่องคุณภาพนะ โดยเฉพาะ รักพิมพ์
คุณภาพงานพิมพ์ตกลงเรื่อยๆ หิมะตกไม่พอ หลังๆมานี่ พี่แกพิมพ์หมึกเป็นด่างๆ อีกต่างหาก
สุดท้ายทนไม่ไหวซื้อพิมพ์ญี่ปุ่นมาเก็บแทน

ใช่ไอ้ร้านที่อยู่ตรงหน้าไนท์บาร์ซ่าเปล่าหว่า สมัยก่อนผมอยู่โคราชผมก็เคยไปเดินหาหนังสือที่ขาดหายจากที่นี้บ่อยๆ

อ่านแล้วฟังดูเศร้า ผมก็เก็บนะ แต่เก็บของฉบับญี่ปุ่น ขอฃไทยไม่ได้ตามนานละ แต่ต่อไปอาจสูญพันธุ์ เห็นร้านประจำที่แฟชั่นก็ปิดไปละ

ไปร้านหนังสือจะเอาเรื่องนี้นั้นมีไม่เคยครบ สั่งเวปเอาดีกว่า ไม่ก็รอไปงานหนังสือ เล่มใหม่ๆชอบแห่กันไปออกในงาน

ผมก็ตามข่าวแบบนี้มานานและหลายข่าวนะ(ลองไปหาอ่านใน Akibatan ดู) หลักๆก็จะมี3ฝ่าย 1.คนอ่าน 2.ร้านขาย 3.สำนักพิมพ์ แต่ละฝ่ายก็มีเหตุผลของตนเองทั้งนั้น ร้านขายซวยหน่อยเพราะโดนทั้งขึ้นทั้งล่องจากทั้งคนอ่านและสำนักพิมพ์

ในมุมมองผมปัญหามันสะสมมานานแค่มันมาระเบิดในยุคนี้ ต้องไปมองที่ต้นเหตุอย่างสำนักพิมพ์ก่อนเลย ตั้งแต่ ราคา คุณภาพ การดอง ลอยแผ ผมโดนตั้งแต่ยุคXพลังล้างโลก(ผมทราบนะว่าที่ญี่ปุ่นเค้าหยุดเขียนที่เล่ม18 แต่ไทยก็ออกแค่16) หรืออย่างทำไมราคาสูงขึ้นก็บอกว่าต้นทุนค่าจัดส่ง(สายส่ง)สูงแต่พอเอามาขายเองหรือขายออนไลก็เห็นราคามันก็เท่าเดิมและอีก บลาๆๆๆ ถามว่าก็เข้าใจในบางจุดของสำนักพิมพ์นะเพราะเราไม่ได้เป็นประเทศผู้ผลิตรการจัดการบางอย่างมันก็เกินควบคุมเช่นโดนบอกยกเลิกสัญญาจากทางค่ายการ์ตูนเอง เป็นต้น ชะนั้นคำถามก็ย้อนกลับมาที่ "คนอ่าน" อย่างกูละ ก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดหรือจมไปกับปัญหาต่างๆด้วยหรือเปล่า? ส่วนตัวผมก็ไม่สามารถตอบแทนคนอ่านทุกคนได้และไม่สามารถบอกว่าแนวทางไหนถูกผิด แต่ทุกคนก็มีทางเลือกของต้นเอง(แบบที่สบายใจ 555 )

โลกมันหมุนไปตามกาลเวลา ทำมา 30 ปี ผมว่าแกมีเงินพอไปลงธุรกิจอื่นแล้ว คงไม่ได้ทำแค่หนังสือหรอก

เอาเข้าจริงๆ ผมว่าร้านทุกอย่างที่ไม่ได้ขายบนออนไลน์ ยอดตกหมดแหละ แต่ต้องยอมรับว่าหนังสือที่ยอดขายตกเยอะ

เพราะเด็กรุ่นใหม่ที่ควรจะเป็นลูกค้า มีทางเลือกที่เยอะขึ้น มีสิ่งที่สนุกกว่าการนั่งอ่านหนังสือ ไม่ใช่แค่การทำซับไทย หรือเรื่อง LC ของกาตูนอย่างเดียว อย่าไปเหมารวมๆ กันในเรื่องที่ใหญ่ขนาดนี้

ซื้อตั้งแต่ดราก้อนบอลช่วงเบจิต้าบุกโลกประมาณป.5

ซื้อร้านนี้มาตลอดจนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็ต้องห่างๆการ์ตูนไป

หลังๆไม่ได้เข้าร้านนี้อีกเลย

คนโคราชเรียกร้าน ช.ดวงใจเพราะติดร้านข้าวต้ม ช.ดวงใจ

มังกรอหังการผมยังไม่จบเลยยยยยย. ถึงผมจะอ่านออนไลน์แต่ถ้ารวมเล่มออกก็ซื้อน่ะ (แต่ราคาเดี่ยวนี้สุดๆเลยสองเล่มเกือบสองร้อยแล้วจะซื้อเยอะก็เกินไป)

วงการหนังสือการ์ตูนยังไงก็ไม่ตายหรอกครับ
แต่แค่จะกลายเป็นnich market แทนเท่านั้นเอง