เกมเล่าเรื่องราวได้น่าสนใจด้วยการปูเหตุการณ์ช่วงหนีออกจากคุกของ Nate กับพี่ชาย สลับไปมากับช่วงชีวิตวัยเด็ก และช่วงชีวิตประจำวัน ที่ Nate ได้ผันตัวเองมาเป็นคนทำงานประจำเต็มตัว และปลีกตัวออกจากการผจญภัยตามล่าสมบัติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ Nate ชอบเป็นชีวิตจิตใจ

 

เนื้อเรื่องภูมิหลังของ Nate กับพี่ชาย พร้อมทั้งแรงบันดาลใจ ที่ทำให้เค้าเข้าสู่การเป็นนักล่าขุมสมบัติ (รวมถึงแบ็คกราวด์บางส่วนของครอบครัว) ได้ถูกถ่ายทอดสลับกับเหตุการณ์ในช่วงปัจจุบันอย่างต่อเนื่องและลงตัว ถึงแม้ว่าจะมีบางช่วงที่มีฉากคัทซีนที่ค่อนข้างยาว แต่เรื่องราวปลีกย่อยส่วนใหญ่กลับถูกถ่ายทอดผ่านบทสนทนาระหว่างเกมเป็นหลัก ซึ่งถือว่าทางทีมงานเลือกที่จะถ่ายทอดออกมาได้ค่อนข้างดี โดยไม่เข้ามากระทบกับเกมเพลย์มากจนเกินไป

 

ตัวเกมส่วนใหญ่เราจะพบว่าเราจะมีคู่หูอยู่กับเราค่อนข้างตลอด และ Naughty Dog ก็เลือกที่จะใช้ประโยชน์จากการมีตัวละรอีกตัวเสริมเข้ามาในเกมได้อย่างฉลาดมาก เพราะไม่ใช่แค่บทสนทนาระหว่างเรากับคู่หู ที่ทำให้เรารู้เรื่องราวของเกมมากขึ้นโดยไม่กระทบกับเกมเพลย์โดยตรง แต่ตัวคู่หูเองยังถูกใช้เป็นตัวบอกใบ้การผ่านฉากหลายๆฉากอีกด้วย แถมการใส่คำพูดเสริมเข้ามาในบางจุด ทำให้เรารู้สึกได้ว่าเรากำลังเดินทางไปกับตัวละครที่มีชีวิตจริงๆมากกว่า AI (ยกตัวอย่างเช่นเวลากระโดดข้ามครั้งแรกแล้วไม่ผ่าน คู่หูของเราก็จะหัวเราะและพูดกระแนะกระแหน) ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่ทำได้ดีมากๆอย่างเห็นได้ชัด

 

ระบบเกมการเล่นส่วนใหญ่ก็ยังคงเหมือน Uncharted แบบที่เราๆรู้จักกัน ตรงนั้นคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากมาย เกมสลับระหว่างการเดินทางจากจุดนึงไปสู่จุดนึง การต่อสู้ในอาณาเขตที่มีศัตรูเฝ้าประจำการ แล้วก็การกระโดดปีนป่าย+แก้ปริศนาเพื่อเปิดทาง ที่น่าสนใจหลักๆน่าจะเป็นในเรื่องของการต่อสู้กับศัตรู ที่เราสามารถเลือกได้ว่าจะเล่นแบบแนวลอบฆ่า หรือ จะตะลุยด่ะ เข้าไปเลย ซึ่งเกมก็บาลานซ์สองจุดได้เป็นอย่างดี และไม่ได้ออกแบบเชิงบังคับ ให้ผู้เล่นต้องเลือกเล่นแบบใดแบบนึง ในส่วนของการลอบฆ่าเองก็ไม่ได้ซีเรียสหรือเซ้นซิทีฟขนาดที่ต้องระวังการขยับตัวในทุกจุด เพราะเกมออกแบบศัตรูออกมาให้ค่อนข้างฉลาดแค่ระดับนึงโดยไม่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่ายากจนเกินไป ผู้สร้างค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับความไหลลื่นของการเล่นมากกว่าการบังคับให้ผุ้เล่นต้องลดสปีดลง ดังนั้นวิธีการเล่นสองอย่างจึงผสมกันค่อนข้างลงตัว

 

จุดเด่นที่สุดในภาคนี้จริงๆคงหนีไม่พ้นกราฟฟิคและการออกแบบฉาก คือพูดได้แค่ว่า นี่คือภาพที่สวยที่สุดตั้งแต่เล่นเกมมาเลยก็ว่าได้ มันไม่ใช่แค่เรื่องของ IQ และเฟรมเรตที่ค่อนข้างนิ่งเท่านั้น แต่การออกแบบฉาก แสง เอฟเฟค และรายละเอียด ทำได้ชนิดที่ว่า คือคุณจะเสียเวลาไปกับการนั่งถ่ายรูปเยอะมาก ฉากบางฉากเห็นแล้วยังรู้สึกว่าน่าจะไปอยู่ในเกม RPG มากกว่าเกมแอคชั่นแบบนี้ซะอีก ในตัวฉากเอง แม้ว่าจะไม่ได้สำคัญกับการผ่านเกมอะไร แต่ก็ยังมีมุมเล็กๆน้อยๆที่แค่เดินผ่านไปดูเฉยๆยังรู้สึกอึ้ง กับการใส่ใจในรายละเอียดที่มากขนาดนี้ และเนื่องจากตัวเกมค่อนข้างเล่นแบบไหลลื่นมากๆ หลายครั้งเลยจำเป็นต้องหยุด แค่เพื่อดูรายละเอียดฉากรอบๆ คือถ้าคุณซื้อ PS4 มาเพื่อรู้สึกว่าอยากเล่นเกมเน็กเจน ส่วนตัวนี่คือเกมแรกของ PS4 ที่ทำให้รู้สึกว่า รีดพลัง PS4 ออกมาทุกเม็ดจริงๆ แค่ซื้อเกมมาดูภาพก็คุ้มแล้ว

 

นอกจากนี้ไม่ใช่แค่ตัวกราฟฟิคเท่านั้นที่เป็นจุดเด่น ถ้าสังเกตให้ดี เกมนี้มีความเป็น dynamic สูงมาก object แทบทุกชิ้นในเกมเคลื่อนไหวได้ และถูกคำนวนการเปลี่ยนแปลงทางฟิสิกส์แทบจะตลอดเวลา ชัดสุดเวลาต่อสู้ในฉากที่มี object มากๆ (อย่างตลาดสด) เวลายิงหรือระเบิดแต่ละที ทุกอย่างตูมตามพุ่งกระจุดทุกทิศทางได้อารมณ์มาก ไม่เคยเห็นเกมไหนโชว์การคำนวนฟิสิกของอุปกรณ์ในฉากได้เยอะแยะละลานตาเท่านี้มาก่อนเลย

 

ถ้าจะให้พูดข้อเสียของเกมนี้ จริงๆอาจจะพูดว่าแทบไม่มี (ถ้าคุณรู้อยู่แล้วว่าเกมแนว Uncharted เป็นยังไง) แต่ส่วนตัวคิดว่าเกมน่าจะมีพวกฉากลับของของลับในเกมมากกว่านี้ เพราะโดยส่วนใหญ่เราจะเน้นไปกับการเดินหน้าไปเรื่อยๆ พร้อมแอคชั่นแบบนันสต้อป เลยทำให้ดูเหมือนว่าตัวเกมใช้ฉากแต่ละฉากไม่ค่อยคุ้ม แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรมากนัก

 

ใครมี PS4 สมควรซื้อเกมนี้มาไว้ในครอบครอง ปกติเวลาเล่นเกม ตอนนี้แทบจะไม่ค่อยได้เล่นเกมไหนแบบยิงยาวเท่าไหร่ ไม่รู้เพราะแก่แล้วรึเปล่า แต่เกมนี้เป็นเกมแรกที่ซื้อมาแล้วเล่นจนต้องบอกตัวเองให้หยุด (แถวยังเจ็บนิ้วโป้งซ้ายอีก) แถมยังเป็นเกมแรกที่ทำให้รู้สึกว่า ตอนนี้เข้าสู่ยุคกราฟฟิค PS4 แบบเต็มตัวแล้วนะ คิดเอาละกัน

 

10/10