[ไม่ใช่ OT] เนื้อเรื่อง Star Ocean 5 ตั้งแต่ต้น-จบ
<<
<
1
2
3
>
>>
Reply
Vote
# Tue 5 Apr 2016 : 2:30PM
Part 1
1. หมู่บ้านสตาลที่ตั้งอยู่ในเขตแดนอาณาจักรเรสเรีย เช้าวันหนึ่งหลังจาก “ฟิเดล” ฝึกซ้อมวิชาดาบตอนเช้ากับเพื่อนสมัยเด็กในหมู่บ้าน “เท็ด” เสร็จ ขณะเดินทางกลับฟิเดลได้พบกับ “มิกิ” เธอเห็นเงาของคนแปลกหน้าที่ต้องสงสัย ฟิเดลจึงรีบไปรายงานให้ผู้ใหญ่บ้านรู้ เพราะ กลุ่มคนที่พบเห็นนั้น คือ กลุ่มโจรเอทารอน กลุ่มโจรที่ลือชื่อมานานกว่า 5 ปี ครั้งนี้มันจะมาปล้นหมู่บ้านสตาล ฟิเดลอาสาเป็นคนออกแนวคิดป้องกันหมู่บ้านและสอนผู้คนจับอาวุธ และแล้วคืนนั้นกลุ่มโจรเอทารอนก็บุกโจมตีหมู่บ้าน จากการช่วยเหลือของมิกิทำให้ฟิเดลขับไล่กลุ่มโจรออกไปได้หมด
2. ฟิเดลจึงไปรายงานให้ผู้ใหญ่บ้านเกี่ยวกับการถูกบุกรุกครั้งนี้ เขาจึงอาสาจะไปขอความช่วยเหลือจากอาณาจักรเรสเรียให้ส่งกองหนุนมาช่วยดูแลหมู่บ้าน โดยมีมิกิที่ตื้อจะตามไปด้วย ระหว่างทางไปอาณาจักรเรสเรียฟิเดลได้กับกับอัศวินที่ใช้เพลงดาบคามิวส์“วิคทอล” ซึ่งเป็นเพลงดาบแบบเดียวกับเขา วิคทอลได้รับการสั่งสอนวิชาดาบมาจาก “ดาริล” พ่อของฟิเดลนั่นเอง ฟิเดลได้ขอร้องให้วิคทอลช่วยพาเขาไปที่เรสเรียเพื่อไปขอความช่วยเหลือ ซึ่งวิคทอลเองก็ไม่กล้ารับปากว่าจะได้กำลังพลมาช่วยเหลือไหม
3. ระยะทางกว่าจะไปถึงเรสเรีย ยังต้องใช้เวลาอีกซักพัก วิคทอลเลยชวนพวกฟิเดลไปพักผ่อนที่หมู่บ้านมีดอค หลังพักผ่อนในโรงแรมที่หมู่บ้านมีดอค วิคทอลได้แนะนำ “ฟิโอเร่” ให้พวกฟิเดลรู้จัก
4. เนื่องจากปัจจุบันอาณาจักรเรสเรียกำลังทำสงครามกับอาณาจักรเทรคูลอยู่ ฝั่งอาณาจักรเทรคูลมีการใช้เครื่องจักรเป็นอาวุธแบบใหม่ซึ่งใช้กลไกของพลังมนตรา ใช้งานจากระยะไกลได้ ทางอาณาจักรเรสเรียไม่มีผู้ที่เชี่ยวชาญด้านมนตราอย่างแท้จริง จึงขอความร่วมมือจากอาณาจักรแลนดอคที่เป็นพันธมิตร ฟิโอเร่จึงถูกส่งตัวมาที่เรสเรียเพื่อช่วยเหลือด้านพลังมนตรา
5. ในที่สุดฟิเดลก็เดินทางมาถึงเรสเรียและได้พบกับดาริล ที่เป็นอัศวินคนใหญ่คนโตของอาณาจักร ฟิเดลบอกเรื่องราวให้หมู่บ้านสตาลที่ถูกกลุ่มโจรเอทารอนบุกรุก แต่พ่อของเขาปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากอยู่ในภาวะสงคราม ฟิเดลจึงจำใจกลับหมู่บ้านเพื่อหาทางป้องกันเอง ส่วนฟิโอเร่ก็ตามไปกับดาริล ก่อนออกจากเรสเรีย วิคทอลได้แนะนำทางลัดไปยังหมู่บ้านสตาล โดยไปทางตอนใต้ของเรสเรียไปยังทางเดินภูเขาดาคาฟ
6. ระหว่างทางฟิเดลได้พบกับกลุ่มโจรเอทาลอนที่กบดานอยู่ในภูเขานี้ จำนวนกลุ่มโจรมีมากกว่าแต่ฟิเดลก็เอาตัวรอดมาได้ จนกระทั่งท้องฟ้าบริเวณที่พวกเขายืนอยู่ มียานอวกาศกำลังตกลงมา มิกิจึงชวนให้ไปดูที่เกิดเหตุ
7. จุดที่ยานอวกาศตกลงมานั้น ฟิเดลได้พบกับเด็กผู้หญิงที่ไม่มีเรี่ยวแรงใกล้จะหมดสติ มิกิเป็นห่วงเด็กคนนี้จึงจะช่วยดูแล แต่ในยานอวกาศกลับมีกลุ่มชายพกอาวุธแล้วสั่งให้พวกฟิเดลส่งตัวเด็กผู้หญิงคนนี้มา ฟิเดลจึงต่อสู้กับชายกลุ่มนี้ แต่ชายกลุ่มนี้กลับใช้บางสิ่งบางอย่าง ทำให้การโจมตีของพวกฟิเดลไม่เป็นผล จนกระทั่งเด็กผู้หญิงลุกขึ้นมาร่ายมนตราบางอย่าง ทำให้เวลารอบๆหยุดนิ่ง แน่นอนว่ารวมถึงกลุ่มชายเหล่านั้นด้วย หลังจากนั้นเธอก็หมดสติ พวกฟิเดลจึงรีบพาเธอหนีไปยังหมู่บ้านสตาล
8. หมู่บ้านสตาลในช่วงเวลาที่ฟิเดลไม่อยู่ ถูกกลุ่มโจรเอมารอนรุกรานอีกครั้ง ชาวบ้านบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก แทบไม่เหลือคนที่จะต่อสู้ได้เลยเท็ดที่เห็นฟิเดลกลับมาจึงรีบถามข่าวคราวกองหนุนจากอาณาจักรเรสเรีย แต่ฟิเดลบอกว่าไว้คุยทีหลัง เขาต้องพาเด็กผู้หญิงคนนี้ไปรักษาก่อน เช้าวันต่อมามิกิคอยดูแลอาการของเธอจนอยู่ตัว เหลือแค่รอเธอฟื้นขึ้นมา ฟิเดลจึงไปรายงานข่าวคราวให้ผู้ใหญ่บ้าน ที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน ฟิเดลได้พบกับวิคทอลที่มาพร้อมกับลูกน้องในกลุ่มของเขา“กุนต้าและฮานะ”วิคทอลได้ถูกส่งตัวมารักษาการที่หมู่บ้านสตาล ตามคำสั่งของดาริล เขาเตรียมจะเผด็จศึกกลุ่มโจรเอมารอน จึงอยากได้ความช่วยเหลือของคนในหมู่บ้าน ฟิเดลกับมิกิจึงร่วมเดินทางไปยังแหล่งกบดานของกลุ่มโจรเอมารอนที่อยู่ในภูเขาดาคาฟ
9. วิคทอลได้พบกับ“ดัคส์”สายสืบในกลุ่มของเขาและนำทางไปยังแหล่งกบดานของกลุ่มโจรได้สำเร็จ ที่ซ่อนด้านในสุดของแหล่งกบดาน พวกฟิเดลได้พบกับหัวหน้ากลุ่มโจรที่ใช้อาวุธปืน ท้ายที่สุดหัวหน้ากลุ่มโจรพลาดท่าตกภูเขาไป ทำให้ยากแก่การเก็บกู้ศพและอาวุธที่เขาใช้ ฟิเดลจึงกลับไปยังหมู่บ้านเพื่อบอกว่าตอนนี้หมู่บ้านกลับมาสงบสุขปลอดภัยอีกครั้ง เท็ดจึงบอกกับฟิเดลว่าเด็กผู้หญิงที่พวกฟิเดลพามาตอนนี้ฟื้นแล้วกำลังรอฟิเดลอยู่
10. ที่บ้านของฟิเดลได้พบกับเด็กผู้หญิงที่ศูนย์เสียความทรงจำ จำได้แต่ชื่อของเธอ คือ “ริเรีย”ด้วยความเป็นห่วงอยากรู้ที่มาที่ไปของริเรีย เพื่อที่จะพาเธอกลับบ้าน อีกทั้งความลึกลับในตัวของริเรียที่ใช้มนตราขนาดนั้นได้ ฟิเดลตั้งใจจะไปขอความช่วยเหลือจากฟิโอเร่ เขาจึงไปหาวิคทอลที่กำลังจะกลับเรสเรีย วิคทอลยินดีให้ความช่วยเหลือฟิเดล มิกิจึงเดินทางตามฟิเดลไปด้วย เพราะ คิดว่าฟิเดลคงดูแลริเรียไม่ได้
Part 2
11. เมื่อมาถึงเรสเรีย พบว่าสงครามใกล้จะเริ่มแล้ว ดาริลกับฟิโอเร่ก็ออกไปที่แนวหน้าของสงคราม พวกฟิเดลจึงรีบไปยังสถานที่ที่ทำสงคราม และได้พบกับดาริลและฟิโอเร่ สถานการณ์ค่อนข้างลำบาก จนกระทั่งริเรียใช้มนตราของเธออีกครั้งแล้วหมดสติตามเดิม ฟิเดลจึงใช้โอกาสนี้เอาชนะสงครามครั้งนี้ได้
12. ฟิเดลได้เล่าเรื่องราวต่างๆของริเรียให้ฟิโอเร่ฟัง ฟิโอเร่ไม่สามารถช่วยเหลือได้เนื่องจากเกินความสามารถของเธอ เพราะเหตุใดเธอถึงใช้มนตราระดับสูงขนาดนี้ได้ ทำไมเธอถึงได้รับสัญลักษณ์มนตรา ซึ่งโดยปกติจะไม่ได้รับการสลักตราตั้งแต่เด็กๆ ที่สำคัญคือความรุนแรงของมนตรานี้ถึงกับทำให้เธอหมดสติลงได้ ฟิโอเร่จึงแนะนำให้พาริเรียไปยังเมืองแห่งการวิจัยมนตรา “ซันเทโรล” ที่อยู่ในอาณาจักรแลนดอค วิคทอลไม่เห็นด้วยที่จะให้ฟิโอเร่กลับไปยังอาณาจักรของเธอ เนื่องจากฟิโอเร่ถูกส่งตัวมาช่วยเหลืออาณาจักรเรสเรียทำสงคราม แต่ดาริลที่เป็นคนทำเรื่องขอส่งตัวฟิโอเร่มาที่นี่ก็อนุญาตให้ฟิโอเร่พาริเรียไปที่ซันเทโรล เพราะ ในภายหลังริเรียอาจจะมีประโยชน์กับสงครามครั้งนี้ส่วนวิคทอลก็อยู่ทำสงครามต่อ
13. ซันเทโรลอยู่ทางตะวันออกของอาณาจักรเรสเรีย การเดินทางจะเริ่มต้นที่หมู่บ้านมีดอค เนื่องจากมืดค่ำแล้ว ฟิโอเร่จึงให้พวกฟิเดลพักค้างคืนที่นี่ แต่คืนนั้นกลับมีกลุ่มคนต้องสงสัยจะเข้ามาจับพวกฟิเดล แต่ฟิเดลไหวตัวทัน จึงสั่งให้ทุกคนออกเดินทางเดี่ยวนี้ มิกิรู้ว่าเป็นกลุ่มคนที่จะตามจับริเรีย พวกเขาออกจากหมู่บ้านเข้ามาที่เทือกเขาเอฮิดตะวันออก
14. ระหว่างทางกลุ่มชายที่ไล่ตามพวกเขาใช้เทคโนโลยีบางอย่าง เคลื่อนที่มาปรากฏตรงหน้าพวกฟิเดล ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นวิทยาการหรือศาสตร์แบบไหน กระทั่งฟิโอเร่ก็ไม่รู้ พวกเขาเรียกร้องให้ฟิเดลส่งตัวริเรียมาถ้าไม่อยากตาย แน่นอนว่าพวกฟิเดลปฎิเสธแล้วต่อสู้กับชายกลุ่มนี้ แต่การโจมตีของพวกฟิเดลก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี จนกระทั่งมีชายหญิง 2 คน มาช่วยพวกฟิเดลโดยทำอะไรบางอย่าง จนกลุ่มชายเหล่านั้นตกใจที่เกราะป้องกันของพวกเขาหายไป ในที่สุดฟิเดลก็เอาชนะชายเหล่านี้ได้
15. “เอเมอสัน” และ “แอนนุ” ชายหญิง 2 คนที่เข้ามาช่วยเหลือได้แนะนำตัวให้พวกฟิเดลรู้จักและขอร่วมทางไปกับพวกฟิเดล เพราะเขาถูกกลุ่มคนแบบเดียวกันกับฟิเดลตามไล่ล่าอยู่ (เสริม ตอนที่เอเมอสันคะยั้นคะยอขอร่วมทางด้วย แอนนุหลุดปากเรียกเอเมอสันว่ากัปตัน)
16. หลังจากผ่านเทือกเขามาได้ก็พบกับเมืองซันเทโรล ที่นั่นเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวิทยาการขั้นสูง ฟิโอเร่จึงพาทุกคนไปที่สถาบันวิจัยและได้พบกับ “เคซัส” นักวิจัยมนตราอัจฉริยะ เคซัสสนใจเกี่ยวกับมนตราในตัวริเรียแต่เขาไม่รู้เกี่ยวกับมนตราในตัวของเธอเลย เขาได้ให้เบาะแสอย่างหนึ่งว่ามันอาจเกี่ยวกับมนตราในอดีตที่เคยมีก็ได้
17. ฟิโอเร่จึงพาทุกคนไปยังสถาบันวิจัยมนตราโบราณที่อยู่ตอนเหนือตอนซันเทโรล ที่นั่นไม่มีผู้คนทำงานอยู่ มีเพียงแค่ผู้เฝ้าเท่านั้น ที่แห่งนี้ถูกปล่อยรกร้างเป็นได้แค่โกดังเก็บเอกสาร เมื่อไปถึงห้องวิจัยด้านใน ริเรียนึกบางสิ่งบางอย่างออกว่า เธอเคยอยู่ที่สถาบันวิจัย ที่มีทราย ซึ่งภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยทราย คือ อาณาจักรเทรคูล ซึ่งน่าจะมีการทดลองวิจัยลับๆอยู่ ฟิโอเร่ไม่เชื่อในเรื่องนี้เนื่องจากงานวิจัยมนตราทุกอย่างบนโลกนี้ เธอรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้รับการเผยแพร่ แต่แอนนุได้ให้เหตุผลว่า ถ้าการทดลองนั้นไม่ได้เผยแพร่ ไม่ได้เป็นการทดลองที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม แต่นำไปใช้ในทางสงครามหรือก่อความวุ่นวายจะเป็นยังไง
18. ฟิเดลตัดสินใจจะไปยังอาณาจักรเทรคูลเพื่อหาเบาะแสเรื่องราวของริเรีย โดยจะไปขอความช่วยเหลือจากวิคทอล เมื่อกลับไปที่เรสเรียฟิเดลขอทหารเข้าพบวิคทอลแต่ได้รับการปฏิเสธ จนฟิโอเร่ใช้สิทธิว่า ตัวเธอถูกส่งตัวมาที่อาณาจักรเรสเรียเพื่อช่วยเหลือด้านมนตรา ส่วนฟิเดลก็เป็นถึงลูกชายของดาริลที่เป็นอัศวินของอาณาจักรนี้ ทหารที่เฝ้ายามหน้าปราสาท จึงเริ่มเกรงใจ ทันใดนั้นวิคทอลก็ออกมาพอดี ฟิเดลจึงขอร้องวิคทอลให้พาพวกเขาไปที่อาณาจักรเทรคูล แต่สถานการณ์ปัจจุบันเป็นไปได้ยากเนื่องจาก กองกำลังของเทรคูลเข้ามาประชิดตัวเมืองแล้ว พวกฟิเดลจึงให้ความร่วมมือในการต่อสู้กับข้าศึก แลกกับการพาพวกเขาไปยังเทรคูล
19. ในคืนนั้นข้าศึกได้บุกเข้ามาในอาณาจักรเรสเรีย พวกฟิเดลได้ต่อสู้สะกัดกั้นจนพบกับกลุ่มคนที่ใช้อาวุธประเภทปืนอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้พวกเขาคิดว่ากลุ่มโจรเอทารอนอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับอาณาจักรเทรคูล เมื่อฝ่าไปถึงลานกว้างพวกฟิเดลได้พบกับ “พาวินู” ชายผู้นำกองทัพติดอาวุธประเภทปืนมา
20. เอเมอสันไม่รอช้าหยิบปืนของเขามายิงใส่กองกำลังกลุ่มนี้ จนแอนนุ ต้องมาห้ามเอมเมอสันว่า การกระทำของเขากำลังทำผิดกฎสนธิสัญญาข้อที่ 1 ว่าด้วยการใช้อาวุธที่มีเทคโนโลยีที่สูงในดาวที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา แต่ฝั่งนั้นก็โต้กลับถล่มด้วยอาวุธปืน ราวกับห่าฝน เพราะ ทางนั้นเริ่มก่อนตั้งแต่แรก เค้าก็ต้องยิงด้วยสิ เอเมอสันได้ตอบกลับ พาวินูได้ยื่นข้อเสนอให้พวกฟิเดลส่งตัวริเรียกลับคืนมา การโต้เถียงของเอเมอสันก็เริ่มขึ้น ทำไมพวกพาวินูถึงต้องทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ว่ายังไงก็ไม่ส่งตัวริเรียให้หรอก
Part 3
21. จนกระทั่งที่ท้องฟ้าได้มียานอวกาศลอยอยู่เหนือน่านฟ้านี้ เอเมอสันเห็นท่าไม่ดี จึงยอมจำนาน แล้วจะส่งตัวริเรียให้ แน่นอนว่าฟิเดลโกรธมากจึงขัดขืน ทางฝั่งนั้นจึงให้ยานอวกาศยิงลงมาที่เมืองเพื่อเป็นการเตือน แต่ริเรียก็ได้ปลดปล่อยพลังมนตราของเธอ แล้วพาทุกคนเคลื่อนย้ายหนีออกมาได้ พวกพาวินูจึงไล่ตามหาต่อ
22. พวกฟิเดลถูกวาร์ปมาที่เทือกเขาเอฮิดเขตแดนนอสโซม่า ที่อยู่ทางตอนเหนือของอาณาจักรเรสเรีย ที่แห่งนี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสถานที่ที่มีสัญลักษณ์มนตราเป็นจำนวนมาก แถมยังมีวิหารมนตราอีกด้วย ส่วนอาณาจักรแลนดอคจะเป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการวิจัยมนตราเอเมอสันจะแนะนำทางไปยังอาณาจักรเทรคูล แต่ทุกคนสงสัยในการกระทำของเอเมอสันและแอนนุ เพราะเขามีอาวุธเหมือนกับคนพวกนั้น ไหนจะปรากฏตัวช่วงเวลาเดียวกันกับพวกนั้น โดยเฉพาะมิกิที่โกรธเป็นพิเศษเนื่องจากเขาจะส่งตัวริเรียให้กับคนกลุ่มนั้นฟิเดลจึงขอให้ทุกคนใจเย็นๆก่อน ตัวเขาก็สงสัยในตัวเอเมอสันเหมือนกัน แต่ตอนนี้เขาเชื่อในตัวเอเมอสัน เพราะเอเมอสันได้ช่วยริเรียมาตลอดในการเดินทางนี้เมื่อมาถึงนอสโซม่าริเรียก็นึกความทรงจำบางอย่างออก ที่ๆเธออยู่ก็ใกล้ๆกับภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ
23. ระหว่างทางวิคทอลได้ขอแยกตัวกลับอาณาจักรเรสเรียก่อน เพราะสงครามยังมีอยู่ เอเมอสันจึงนำทางไปยังเทรคูล จนพบกับพาวินูที่ดักรออยู่ พวกมันคิดจะใช้ยานอวกาศจากนอกดาวเข้าโจมตี แต่ถูกกลุ่มของเมอสันสกัดไว้ได้ ซึ่งเอเมอสันได้สั่งการไว้ตั้งแต่แรกเมื่อมาที่นอสโซม่า แถมเอเมอสันยังสั่งให้ลูกน้องของเขาลงมาช่วยต่อสู้กับพวกเขา ด้วยเทคโนโลยีเคลื่อนย้ายมวลสาร สร้างความโกรธแค้นให้กับพาวินูอย่างมาก เขาต้องการให้พวกฟิเดลส่งตัวริเรียคืนมา ระหว่างการต่อสู้มิกิได้เอาตัวบังกระสุนให้ริเรีย
24. หลังจากกำจัดพาวินูได้สำเร็จ แอนนุได้เข้ามาดูอาการของมิกิ อาการของเธอไม่ค่อยดีนักด้วยวิทยาการของดาวดวงนี้จะรักษาเธอไม่ได้ เธอจึงละเมิดการทำผิดกฎสนธิสัญญาด้วยการพามิกิขึ้นไปยังยานของเอเมอสัน เมอสันจึงสั่งให้ลูกน้องของเขาทำการเคลื่อนย้ายทุกคนไปยังยานของเขา
25. ทุกคนถูกส่งตัวมาที่ยานชาลส์ดีโกลเอเมอสันจึงแนะนำอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาคือสมาชิกของกลุ่มสหพันธ์ทางช้างเผือกทำหน้าที่ดูแลความสงบสุขของดวงดาวต่างๆ ภายใต้กฏสนธิสัญญาว่าด้วยการบุกเบิกดวงดาวที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา ดวงดาวของพวกฟิเดลได้รับการตั้งชื่อว่าดาวเฟครีดนอกจากกลุ่มสหพันธ์แล้วก็ยังมีองค์กรอีกหนึ่ง คือ องค์กรโครนอส ที่พวกฟิเดลได้ต่อสู้มา หลังจากพามิกิไปยังห้องพยาบาลแล้ว เอเมอสันจึงค้นหาสถานที่พิกัดจากความทรงจำของริเรีย สถาบันวิจัย ทราย ใกล้ภูเขาหิมะ ทางเอเมอสันจึงให้ลูกเรือส่งตัวพวกเขาไปที่เนินทรายเทรคูล
26. ที่นั่นพวกเขาได้พบกับสถาบันวิจัยปริศนาที่ถูกซ่อนอยู่ ภายในนั้นจะพบกับห้องที่ริเรียเคยอาศัยอยู่ แต่ทั้งหมดนั่นเป็นกับดัก เมื่อมาถึงห้องนี้ได้มีเครื่องจักรออกมาต่อสู้ แอนนุจึงรีบไปเก็บกู้ข้อมูล โดยมีพวกฟิเดลคอยรับมืออยู่ หลังจากกำจัดเสร็จ แอนนุได้ข้อมูลออกมาแล้ว แต่สถาบันวิจัยแห่งนี้จะระเบิดตัวเองในไม่ช้า พวกเขาจึงรีบหนีออกมา แล้วกลับไปยังยานชาลส์ดีโกล
27. เมื่อมาถึงยาน มิกิได้รับการรักษาจนฟื้นเป็นปกติ เอเมอสันจึงขอพวกฟิเดลให้ส่งตัวริเรียมาให้พวกเขาดูแล เนื่องจากพวกฟิเดลไม่สามารถรับมือกับกลุ่มโรนอสได้เหมือนพวกเขา พวกฟิเดลจึงยินยอม แล้วเอเมอสันจึงส่งตัวพวกฟิเดลกลับดาวเฟครีด
28. กองยานของเอเมอสันได้ปะทะกับกองยานของโครนอส แต่จบลงด้วยชัยชนะของกลุ่มโครนอส ทางโครนอสได้สั่งให้เอเมอสันส่งตัวริเรียกลับ เอเมอสันจึงยินยอมข้อเสนอนั้น โดยยื่นเงื่อนไขให้เขาส่งตัวลูกเรือออกไป ทางโครนอสจึงยินยอมให้ส่งลูกเรือมาที่ยานของโครนอส แต่หารู้ไม่ว่าทั้งหมดเป็นแผนการของเอเมอสันคืออพยพลูกเรือไปที่ยานกู้ชีพ จากนั้นจึงสั่งยานชาลส์ดีโกลระเบิดตัวเอง ซึ่งการกระทำของเขาผิดกฏของสหพันธ์อย่างรุนแรง เอเมอสันและลูกเรือจึงหนีรอดออกมาได้ โดยตัวเอเมอสัน แอนนุ และริเรียได้กลับมาที่นอสโซม่า แต่ร่องรอยการเคลื่อนย้ายของทางเอเมอสันยังอยู่ ทำให้โครนอสแกะพิกัดไล่ตามได้ทัน แล้วทำการลักพาตัวริเรียด้วยการเคลื่อนย้ายมวลสาร
29. ตัดมาที่อาณาจักรเรสเรียที่ได้ชัยชนะจากการรุกรานของอาณาจักรเทรคูล พอไม่มีกำลังรบของโครสนอสแล้ว อาณาจักรเรสเรียก็สามารถเอาชนะอาณาจักรเทรคูลได้ไม่ยาก เรสเรียต้องการจะชนะสงครามในครั้งนี้ จึงวางแผนออกอุบายตีประกบอาณาจักรเทรคูล โดยดาริล พ่อของฟิเดลจะนำทัพหลักไปทางตะวันออก ส่วนกลุ่มของวิคทอลจะนำกำลังส่วนหนึ่งเข้าบุกรุกทางตะวันตก พวกฟิเดลจึงเดินทางไปที่อุโมงค์ดาคาฟตะวันตก
30. เมื่อผ่านอุโมงค์ดาคาฟมาได้ก็จะไปถึงเนินทรายเทรคูลและไปรวมกลุ่มกับลูกน้องของวิคทอลทุกคน เพื่อเตรียมบุกเทรคูล เมื่อเข้าไปในเทรคูลจะพบกับเมืองที่เสื่อมโทรม เต็มไปด้วยทะเลทราย ที่นั่นเราจะได้พบกับเอเมอสันและแอนนุ แต่ไร้วี่แววของริเรีย ทำให้ฟิเดลและมิกิสงสัยเป็นอย่างมากและด้านในจะพบกับ “เดลซูล” แม่ทัพของเทรคูล ระหว่างต่อสู้นั้นเทรคูลได้หลบหนีออกไปได้
1. หมู่บ้านสตาลที่ตั้งอยู่ในเขตแดนอาณาจักรเรสเรีย เช้าวันหนึ่งหลังจาก “ฟิเดล” ฝึกซ้อมวิชาดาบตอนเช้ากับเพื่อนสมัยเด็กในหมู่บ้าน “เท็ด” เสร็จ ขณะเดินทางกลับฟิเดลได้พบกับ “มิกิ” เธอเห็นเงาของคนแปลกหน้าที่ต้องสงสัย ฟิเดลจึงรีบไปรายงานให้ผู้ใหญ่บ้านรู้ เพราะ กลุ่มคนที่พบเห็นนั้น คือ กลุ่มโจรเอทารอน กลุ่มโจรที่ลือชื่อมานานกว่า 5 ปี ครั้งนี้มันจะมาปล้นหมู่บ้านสตาล ฟิเดลอาสาเป็นคนออกแนวคิดป้องกันหมู่บ้านและสอนผู้คนจับอาวุธ และแล้วคืนนั้นกลุ่มโจรเอทารอนก็บุกโจมตีหมู่บ้าน จากการช่วยเหลือของมิกิทำให้ฟิเดลขับไล่กลุ่มโจรออกไปได้หมด
2. ฟิเดลจึงไปรายงานให้ผู้ใหญ่บ้านเกี่ยวกับการถูกบุกรุกครั้งนี้ เขาจึงอาสาจะไปขอความช่วยเหลือจากอาณาจักรเรสเรียให้ส่งกองหนุนมาช่วยดูแลหมู่บ้าน โดยมีมิกิที่ตื้อจะตามไปด้วย ระหว่างทางไปอาณาจักรเรสเรียฟิเดลได้กับกับอัศวินที่ใช้เพลงดาบคามิวส์“วิคทอล” ซึ่งเป็นเพลงดาบแบบเดียวกับเขา วิคทอลได้รับการสั่งสอนวิชาดาบมาจาก “ดาริล” พ่อของฟิเดลนั่นเอง ฟิเดลได้ขอร้องให้วิคทอลช่วยพาเขาไปที่เรสเรียเพื่อไปขอความช่วยเหลือ ซึ่งวิคทอลเองก็ไม่กล้ารับปากว่าจะได้กำลังพลมาช่วยเหลือไหม
3. ระยะทางกว่าจะไปถึงเรสเรีย ยังต้องใช้เวลาอีกซักพัก วิคทอลเลยชวนพวกฟิเดลไปพักผ่อนที่หมู่บ้านมีดอค หลังพักผ่อนในโรงแรมที่หมู่บ้านมีดอค วิคทอลได้แนะนำ “ฟิโอเร่” ให้พวกฟิเดลรู้จัก
4. เนื่องจากปัจจุบันอาณาจักรเรสเรียกำลังทำสงครามกับอาณาจักรเทรคูลอยู่ ฝั่งอาณาจักรเทรคูลมีการใช้เครื่องจักรเป็นอาวุธแบบใหม่ซึ่งใช้กลไกของพลังมนตรา ใช้งานจากระยะไกลได้ ทางอาณาจักรเรสเรียไม่มีผู้ที่เชี่ยวชาญด้านมนตราอย่างแท้จริง จึงขอความร่วมมือจากอาณาจักรแลนดอคที่เป็นพันธมิตร ฟิโอเร่จึงถูกส่งตัวมาที่เรสเรียเพื่อช่วยเหลือด้านพลังมนตรา
5. ในที่สุดฟิเดลก็เดินทางมาถึงเรสเรียและได้พบกับดาริล ที่เป็นอัศวินคนใหญ่คนโตของอาณาจักร ฟิเดลบอกเรื่องราวให้หมู่บ้านสตาลที่ถูกกลุ่มโจรเอทารอนบุกรุก แต่พ่อของเขาปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากอยู่ในภาวะสงคราม ฟิเดลจึงจำใจกลับหมู่บ้านเพื่อหาทางป้องกันเอง ส่วนฟิโอเร่ก็ตามไปกับดาริล ก่อนออกจากเรสเรีย วิคทอลได้แนะนำทางลัดไปยังหมู่บ้านสตาล โดยไปทางตอนใต้ของเรสเรียไปยังทางเดินภูเขาดาคาฟ
6. ระหว่างทางฟิเดลได้พบกับกลุ่มโจรเอทาลอนที่กบดานอยู่ในภูเขานี้ จำนวนกลุ่มโจรมีมากกว่าแต่ฟิเดลก็เอาตัวรอดมาได้ จนกระทั่งท้องฟ้าบริเวณที่พวกเขายืนอยู่ มียานอวกาศกำลังตกลงมา มิกิจึงชวนให้ไปดูที่เกิดเหตุ
7. จุดที่ยานอวกาศตกลงมานั้น ฟิเดลได้พบกับเด็กผู้หญิงที่ไม่มีเรี่ยวแรงใกล้จะหมดสติ มิกิเป็นห่วงเด็กคนนี้จึงจะช่วยดูแล แต่ในยานอวกาศกลับมีกลุ่มชายพกอาวุธแล้วสั่งให้พวกฟิเดลส่งตัวเด็กผู้หญิงคนนี้มา ฟิเดลจึงต่อสู้กับชายกลุ่มนี้ แต่ชายกลุ่มนี้กลับใช้บางสิ่งบางอย่าง ทำให้การโจมตีของพวกฟิเดลไม่เป็นผล จนกระทั่งเด็กผู้หญิงลุกขึ้นมาร่ายมนตราบางอย่าง ทำให้เวลารอบๆหยุดนิ่ง แน่นอนว่ารวมถึงกลุ่มชายเหล่านั้นด้วย หลังจากนั้นเธอก็หมดสติ พวกฟิเดลจึงรีบพาเธอหนีไปยังหมู่บ้านสตาล
8. หมู่บ้านสตาลในช่วงเวลาที่ฟิเดลไม่อยู่ ถูกกลุ่มโจรเอมารอนรุกรานอีกครั้ง ชาวบ้านบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก แทบไม่เหลือคนที่จะต่อสู้ได้เลยเท็ดที่เห็นฟิเดลกลับมาจึงรีบถามข่าวคราวกองหนุนจากอาณาจักรเรสเรีย แต่ฟิเดลบอกว่าไว้คุยทีหลัง เขาต้องพาเด็กผู้หญิงคนนี้ไปรักษาก่อน เช้าวันต่อมามิกิคอยดูแลอาการของเธอจนอยู่ตัว เหลือแค่รอเธอฟื้นขึ้นมา ฟิเดลจึงไปรายงานข่าวคราวให้ผู้ใหญ่บ้าน ที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน ฟิเดลได้พบกับวิคทอลที่มาพร้อมกับลูกน้องในกลุ่มของเขา“กุนต้าและฮานะ”วิคทอลได้ถูกส่งตัวมารักษาการที่หมู่บ้านสตาล ตามคำสั่งของดาริล เขาเตรียมจะเผด็จศึกกลุ่มโจรเอมารอน จึงอยากได้ความช่วยเหลือของคนในหมู่บ้าน ฟิเดลกับมิกิจึงร่วมเดินทางไปยังแหล่งกบดานของกลุ่มโจรเอมารอนที่อยู่ในภูเขาดาคาฟ
9. วิคทอลได้พบกับ“ดัคส์”สายสืบในกลุ่มของเขาและนำทางไปยังแหล่งกบดานของกลุ่มโจรได้สำเร็จ ที่ซ่อนด้านในสุดของแหล่งกบดาน พวกฟิเดลได้พบกับหัวหน้ากลุ่มโจรที่ใช้อาวุธปืน ท้ายที่สุดหัวหน้ากลุ่มโจรพลาดท่าตกภูเขาไป ทำให้ยากแก่การเก็บกู้ศพและอาวุธที่เขาใช้ ฟิเดลจึงกลับไปยังหมู่บ้านเพื่อบอกว่าตอนนี้หมู่บ้านกลับมาสงบสุขปลอดภัยอีกครั้ง เท็ดจึงบอกกับฟิเดลว่าเด็กผู้หญิงที่พวกฟิเดลพามาตอนนี้ฟื้นแล้วกำลังรอฟิเดลอยู่
10. ที่บ้านของฟิเดลได้พบกับเด็กผู้หญิงที่ศูนย์เสียความทรงจำ จำได้แต่ชื่อของเธอ คือ “ริเรีย”ด้วยความเป็นห่วงอยากรู้ที่มาที่ไปของริเรีย เพื่อที่จะพาเธอกลับบ้าน อีกทั้งความลึกลับในตัวของริเรียที่ใช้มนตราขนาดนั้นได้ ฟิเดลตั้งใจจะไปขอความช่วยเหลือจากฟิโอเร่ เขาจึงไปหาวิคทอลที่กำลังจะกลับเรสเรีย วิคทอลยินดีให้ความช่วยเหลือฟิเดล มิกิจึงเดินทางตามฟิเดลไปด้วย เพราะ คิดว่าฟิเดลคงดูแลริเรียไม่ได้
Part 2
11. เมื่อมาถึงเรสเรีย พบว่าสงครามใกล้จะเริ่มแล้ว ดาริลกับฟิโอเร่ก็ออกไปที่แนวหน้าของสงคราม พวกฟิเดลจึงรีบไปยังสถานที่ที่ทำสงคราม และได้พบกับดาริลและฟิโอเร่ สถานการณ์ค่อนข้างลำบาก จนกระทั่งริเรียใช้มนตราของเธออีกครั้งแล้วหมดสติตามเดิม ฟิเดลจึงใช้โอกาสนี้เอาชนะสงครามครั้งนี้ได้
12. ฟิเดลได้เล่าเรื่องราวต่างๆของริเรียให้ฟิโอเร่ฟัง ฟิโอเร่ไม่สามารถช่วยเหลือได้เนื่องจากเกินความสามารถของเธอ เพราะเหตุใดเธอถึงใช้มนตราระดับสูงขนาดนี้ได้ ทำไมเธอถึงได้รับสัญลักษณ์มนตรา ซึ่งโดยปกติจะไม่ได้รับการสลักตราตั้งแต่เด็กๆ ที่สำคัญคือความรุนแรงของมนตรานี้ถึงกับทำให้เธอหมดสติลงได้ ฟิโอเร่จึงแนะนำให้พาริเรียไปยังเมืองแห่งการวิจัยมนตรา “ซันเทโรล” ที่อยู่ในอาณาจักรแลนดอค วิคทอลไม่เห็นด้วยที่จะให้ฟิโอเร่กลับไปยังอาณาจักรของเธอ เนื่องจากฟิโอเร่ถูกส่งตัวมาช่วยเหลืออาณาจักรเรสเรียทำสงคราม แต่ดาริลที่เป็นคนทำเรื่องขอส่งตัวฟิโอเร่มาที่นี่ก็อนุญาตให้ฟิโอเร่พาริเรียไปที่ซันเทโรล เพราะ ในภายหลังริเรียอาจจะมีประโยชน์กับสงครามครั้งนี้ส่วนวิคทอลก็อยู่ทำสงครามต่อ
13. ซันเทโรลอยู่ทางตะวันออกของอาณาจักรเรสเรีย การเดินทางจะเริ่มต้นที่หมู่บ้านมีดอค เนื่องจากมืดค่ำแล้ว ฟิโอเร่จึงให้พวกฟิเดลพักค้างคืนที่นี่ แต่คืนนั้นกลับมีกลุ่มคนต้องสงสัยจะเข้ามาจับพวกฟิเดล แต่ฟิเดลไหวตัวทัน จึงสั่งให้ทุกคนออกเดินทางเดี่ยวนี้ มิกิรู้ว่าเป็นกลุ่มคนที่จะตามจับริเรีย พวกเขาออกจากหมู่บ้านเข้ามาที่เทือกเขาเอฮิดตะวันออก
14. ระหว่างทางกลุ่มชายที่ไล่ตามพวกเขาใช้เทคโนโลยีบางอย่าง เคลื่อนที่มาปรากฏตรงหน้าพวกฟิเดล ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นวิทยาการหรือศาสตร์แบบไหน กระทั่งฟิโอเร่ก็ไม่รู้ พวกเขาเรียกร้องให้ฟิเดลส่งตัวริเรียมาถ้าไม่อยากตาย แน่นอนว่าพวกฟิเดลปฎิเสธแล้วต่อสู้กับชายกลุ่มนี้ แต่การโจมตีของพวกฟิเดลก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี จนกระทั่งมีชายหญิง 2 คน มาช่วยพวกฟิเดลโดยทำอะไรบางอย่าง จนกลุ่มชายเหล่านั้นตกใจที่เกราะป้องกันของพวกเขาหายไป ในที่สุดฟิเดลก็เอาชนะชายเหล่านี้ได้
15. “เอเมอสัน” และ “แอนนุ” ชายหญิง 2 คนที่เข้ามาช่วยเหลือได้แนะนำตัวให้พวกฟิเดลรู้จักและขอร่วมทางไปกับพวกฟิเดล เพราะเขาถูกกลุ่มคนแบบเดียวกันกับฟิเดลตามไล่ล่าอยู่ (เสริม ตอนที่เอเมอสันคะยั้นคะยอขอร่วมทางด้วย แอนนุหลุดปากเรียกเอเมอสันว่ากัปตัน)
16. หลังจากผ่านเทือกเขามาได้ก็พบกับเมืองซันเทโรล ที่นั่นเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวิทยาการขั้นสูง ฟิโอเร่จึงพาทุกคนไปที่สถาบันวิจัยและได้พบกับ “เคซัส” นักวิจัยมนตราอัจฉริยะ เคซัสสนใจเกี่ยวกับมนตราในตัวริเรียแต่เขาไม่รู้เกี่ยวกับมนตราในตัวของเธอเลย เขาได้ให้เบาะแสอย่างหนึ่งว่ามันอาจเกี่ยวกับมนตราในอดีตที่เคยมีก็ได้
17. ฟิโอเร่จึงพาทุกคนไปยังสถาบันวิจัยมนตราโบราณที่อยู่ตอนเหนือตอนซันเทโรล ที่นั่นไม่มีผู้คนทำงานอยู่ มีเพียงแค่ผู้เฝ้าเท่านั้น ที่แห่งนี้ถูกปล่อยรกร้างเป็นได้แค่โกดังเก็บเอกสาร เมื่อไปถึงห้องวิจัยด้านใน ริเรียนึกบางสิ่งบางอย่างออกว่า เธอเคยอยู่ที่สถาบันวิจัย ที่มีทราย ซึ่งภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยทราย คือ อาณาจักรเทรคูล ซึ่งน่าจะมีการทดลองวิจัยลับๆอยู่ ฟิโอเร่ไม่เชื่อในเรื่องนี้เนื่องจากงานวิจัยมนตราทุกอย่างบนโลกนี้ เธอรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้รับการเผยแพร่ แต่แอนนุได้ให้เหตุผลว่า ถ้าการทดลองนั้นไม่ได้เผยแพร่ ไม่ได้เป็นการทดลองที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม แต่นำไปใช้ในทางสงครามหรือก่อความวุ่นวายจะเป็นยังไง
18. ฟิเดลตัดสินใจจะไปยังอาณาจักรเทรคูลเพื่อหาเบาะแสเรื่องราวของริเรีย โดยจะไปขอความช่วยเหลือจากวิคทอล เมื่อกลับไปที่เรสเรียฟิเดลขอทหารเข้าพบวิคทอลแต่ได้รับการปฏิเสธ จนฟิโอเร่ใช้สิทธิว่า ตัวเธอถูกส่งตัวมาที่อาณาจักรเรสเรียเพื่อช่วยเหลือด้านมนตรา ส่วนฟิเดลก็เป็นถึงลูกชายของดาริลที่เป็นอัศวินของอาณาจักรนี้ ทหารที่เฝ้ายามหน้าปราสาท จึงเริ่มเกรงใจ ทันใดนั้นวิคทอลก็ออกมาพอดี ฟิเดลจึงขอร้องวิคทอลให้พาพวกเขาไปที่อาณาจักรเทรคูล แต่สถานการณ์ปัจจุบันเป็นไปได้ยากเนื่องจาก กองกำลังของเทรคูลเข้ามาประชิดตัวเมืองแล้ว พวกฟิเดลจึงให้ความร่วมมือในการต่อสู้กับข้าศึก แลกกับการพาพวกเขาไปยังเทรคูล
19. ในคืนนั้นข้าศึกได้บุกเข้ามาในอาณาจักรเรสเรีย พวกฟิเดลได้ต่อสู้สะกัดกั้นจนพบกับกลุ่มคนที่ใช้อาวุธประเภทปืนอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้พวกเขาคิดว่ากลุ่มโจรเอทารอนอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับอาณาจักรเทรคูล เมื่อฝ่าไปถึงลานกว้างพวกฟิเดลได้พบกับ “พาวินู” ชายผู้นำกองทัพติดอาวุธประเภทปืนมา
20. เอเมอสันไม่รอช้าหยิบปืนของเขามายิงใส่กองกำลังกลุ่มนี้ จนแอนนุ ต้องมาห้ามเอมเมอสันว่า การกระทำของเขากำลังทำผิดกฎสนธิสัญญาข้อที่ 1 ว่าด้วยการใช้อาวุธที่มีเทคโนโลยีที่สูงในดาวที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา แต่ฝั่งนั้นก็โต้กลับถล่มด้วยอาวุธปืน ราวกับห่าฝน เพราะ ทางนั้นเริ่มก่อนตั้งแต่แรก เค้าก็ต้องยิงด้วยสิ เอเมอสันได้ตอบกลับ พาวินูได้ยื่นข้อเสนอให้พวกฟิเดลส่งตัวริเรียกลับคืนมา การโต้เถียงของเอเมอสันก็เริ่มขึ้น ทำไมพวกพาวินูถึงต้องทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ว่ายังไงก็ไม่ส่งตัวริเรียให้หรอก
Part 3
21. จนกระทั่งที่ท้องฟ้าได้มียานอวกาศลอยอยู่เหนือน่านฟ้านี้ เอเมอสันเห็นท่าไม่ดี จึงยอมจำนาน แล้วจะส่งตัวริเรียให้ แน่นอนว่าฟิเดลโกรธมากจึงขัดขืน ทางฝั่งนั้นจึงให้ยานอวกาศยิงลงมาที่เมืองเพื่อเป็นการเตือน แต่ริเรียก็ได้ปลดปล่อยพลังมนตราของเธอ แล้วพาทุกคนเคลื่อนย้ายหนีออกมาได้ พวกพาวินูจึงไล่ตามหาต่อ
22. พวกฟิเดลถูกวาร์ปมาที่เทือกเขาเอฮิดเขตแดนนอสโซม่า ที่อยู่ทางตอนเหนือของอาณาจักรเรสเรีย ที่แห่งนี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสถานที่ที่มีสัญลักษณ์มนตราเป็นจำนวนมาก แถมยังมีวิหารมนตราอีกด้วย ส่วนอาณาจักรแลนดอคจะเป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการวิจัยมนตราเอเมอสันจะแนะนำทางไปยังอาณาจักรเทรคูล แต่ทุกคนสงสัยในการกระทำของเอเมอสันและแอนนุ เพราะเขามีอาวุธเหมือนกับคนพวกนั้น ไหนจะปรากฏตัวช่วงเวลาเดียวกันกับพวกนั้น โดยเฉพาะมิกิที่โกรธเป็นพิเศษเนื่องจากเขาจะส่งตัวริเรียให้กับคนกลุ่มนั้นฟิเดลจึงขอให้ทุกคนใจเย็นๆก่อน ตัวเขาก็สงสัยในตัวเอเมอสันเหมือนกัน แต่ตอนนี้เขาเชื่อในตัวเอเมอสัน เพราะเอเมอสันได้ช่วยริเรียมาตลอดในการเดินทางนี้เมื่อมาถึงนอสโซม่าริเรียก็นึกความทรงจำบางอย่างออก ที่ๆเธออยู่ก็ใกล้ๆกับภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ
23. ระหว่างทางวิคทอลได้ขอแยกตัวกลับอาณาจักรเรสเรียก่อน เพราะสงครามยังมีอยู่ เอเมอสันจึงนำทางไปยังเทรคูล จนพบกับพาวินูที่ดักรออยู่ พวกมันคิดจะใช้ยานอวกาศจากนอกดาวเข้าโจมตี แต่ถูกกลุ่มของเมอสันสกัดไว้ได้ ซึ่งเอเมอสันได้สั่งการไว้ตั้งแต่แรกเมื่อมาที่นอสโซม่า แถมเอเมอสันยังสั่งให้ลูกน้องของเขาลงมาช่วยต่อสู้กับพวกเขา ด้วยเทคโนโลยีเคลื่อนย้ายมวลสาร สร้างความโกรธแค้นให้กับพาวินูอย่างมาก เขาต้องการให้พวกฟิเดลส่งตัวริเรียคืนมา ระหว่างการต่อสู้มิกิได้เอาตัวบังกระสุนให้ริเรีย
24. หลังจากกำจัดพาวินูได้สำเร็จ แอนนุได้เข้ามาดูอาการของมิกิ อาการของเธอไม่ค่อยดีนักด้วยวิทยาการของดาวดวงนี้จะรักษาเธอไม่ได้ เธอจึงละเมิดการทำผิดกฎสนธิสัญญาด้วยการพามิกิขึ้นไปยังยานของเอเมอสัน เมอสันจึงสั่งให้ลูกน้องของเขาทำการเคลื่อนย้ายทุกคนไปยังยานของเขา
25. ทุกคนถูกส่งตัวมาที่ยานชาลส์ดีโกลเอเมอสันจึงแนะนำอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาคือสมาชิกของกลุ่มสหพันธ์ทางช้างเผือกทำหน้าที่ดูแลความสงบสุขของดวงดาวต่างๆ ภายใต้กฏสนธิสัญญาว่าด้วยการบุกเบิกดวงดาวที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา ดวงดาวของพวกฟิเดลได้รับการตั้งชื่อว่าดาวเฟครีดนอกจากกลุ่มสหพันธ์แล้วก็ยังมีองค์กรอีกหนึ่ง คือ องค์กรโครนอส ที่พวกฟิเดลได้ต่อสู้มา หลังจากพามิกิไปยังห้องพยาบาลแล้ว เอเมอสันจึงค้นหาสถานที่พิกัดจากความทรงจำของริเรีย สถาบันวิจัย ทราย ใกล้ภูเขาหิมะ ทางเอเมอสันจึงให้ลูกเรือส่งตัวพวกเขาไปที่เนินทรายเทรคูล
26. ที่นั่นพวกเขาได้พบกับสถาบันวิจัยปริศนาที่ถูกซ่อนอยู่ ภายในนั้นจะพบกับห้องที่ริเรียเคยอาศัยอยู่ แต่ทั้งหมดนั่นเป็นกับดัก เมื่อมาถึงห้องนี้ได้มีเครื่องจักรออกมาต่อสู้ แอนนุจึงรีบไปเก็บกู้ข้อมูล โดยมีพวกฟิเดลคอยรับมืออยู่ หลังจากกำจัดเสร็จ แอนนุได้ข้อมูลออกมาแล้ว แต่สถาบันวิจัยแห่งนี้จะระเบิดตัวเองในไม่ช้า พวกเขาจึงรีบหนีออกมา แล้วกลับไปยังยานชาลส์ดีโกล
27. เมื่อมาถึงยาน มิกิได้รับการรักษาจนฟื้นเป็นปกติ เอเมอสันจึงขอพวกฟิเดลให้ส่งตัวริเรียมาให้พวกเขาดูแล เนื่องจากพวกฟิเดลไม่สามารถรับมือกับกลุ่มโรนอสได้เหมือนพวกเขา พวกฟิเดลจึงยินยอม แล้วเอเมอสันจึงส่งตัวพวกฟิเดลกลับดาวเฟครีด
28. กองยานของเอเมอสันได้ปะทะกับกองยานของโครนอส แต่จบลงด้วยชัยชนะของกลุ่มโครนอส ทางโครนอสได้สั่งให้เอเมอสันส่งตัวริเรียกลับ เอเมอสันจึงยินยอมข้อเสนอนั้น โดยยื่นเงื่อนไขให้เขาส่งตัวลูกเรือออกไป ทางโครนอสจึงยินยอมให้ส่งลูกเรือมาที่ยานของโครนอส แต่หารู้ไม่ว่าทั้งหมดเป็นแผนการของเอเมอสันคืออพยพลูกเรือไปที่ยานกู้ชีพ จากนั้นจึงสั่งยานชาลส์ดีโกลระเบิดตัวเอง ซึ่งการกระทำของเขาผิดกฏของสหพันธ์อย่างรุนแรง เอเมอสันและลูกเรือจึงหนีรอดออกมาได้ โดยตัวเอเมอสัน แอนนุ และริเรียได้กลับมาที่นอสโซม่า แต่ร่องรอยการเคลื่อนย้ายของทางเอเมอสันยังอยู่ ทำให้โครนอสแกะพิกัดไล่ตามได้ทัน แล้วทำการลักพาตัวริเรียด้วยการเคลื่อนย้ายมวลสาร
29. ตัดมาที่อาณาจักรเรสเรียที่ได้ชัยชนะจากการรุกรานของอาณาจักรเทรคูล พอไม่มีกำลังรบของโครสนอสแล้ว อาณาจักรเรสเรียก็สามารถเอาชนะอาณาจักรเทรคูลได้ไม่ยาก เรสเรียต้องการจะชนะสงครามในครั้งนี้ จึงวางแผนออกอุบายตีประกบอาณาจักรเทรคูล โดยดาริล พ่อของฟิเดลจะนำทัพหลักไปทางตะวันออก ส่วนกลุ่มของวิคทอลจะนำกำลังส่วนหนึ่งเข้าบุกรุกทางตะวันตก พวกฟิเดลจึงเดินทางไปที่อุโมงค์ดาคาฟตะวันตก
30. เมื่อผ่านอุโมงค์ดาคาฟมาได้ก็จะไปถึงเนินทรายเทรคูลและไปรวมกลุ่มกับลูกน้องของวิคทอลทุกคน เพื่อเตรียมบุกเทรคูล เมื่อเข้าไปในเทรคูลจะพบกับเมืองที่เสื่อมโทรม เต็มไปด้วยทะเลทราย ที่นั่นเราจะได้พบกับเอเมอสันและแอนนุ แต่ไร้วี่แววของริเรีย ทำให้ฟิเดลและมิกิสงสัยเป็นอย่างมากและด้านในจะพบกับ “เดลซูล” แม่ทัพของเทรคูล ระหว่างต่อสู้นั้นเทรคูลได้หลบหนีออกไปได้
Like : Davichi Rebecca
[Edited 1 times bank-Ultima - Last Edit 2016-04-19 15:19:42]
# Tue 5 Apr 2016 : 2:33PM
Part 4
31. หลังจากนั้นฟิเดลได้ทะเลาะเบาะแว้งกับเอเมอสัน เนื่องจากเอเมอสันไม่ปกป้องดูแลริเรียตามที่สัญญาไว้ ทุกคนจึงตัดสินใจตามหาริเรียจากข้อมูลที่แอนนุได้มาจากสถาบันวิจัยปริศนา หลังจากแอนนุไขข้อมูลเบื้องต้นได้ พบว่าองค์กรโครนอสกำลังทดลองบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับตราสัญลักษณ์อยู่ ตราสัญลักษณ์ คือ สิ่งที่เกิดจากการใช้วิทยาศาสตร์และมนตรารวมเข้าด้วยกัน ทำให้บุคคลต่างๆใช้เวทมนตราได้ผ่านตราสัญลักษณ์ แอนนุจึงขอความช่วยเหลือจากฟิโอเร่เนื่องจากเธอมีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ ส่วนฟิโอเร่มีความรู้ด้านมนตรา เธอจะสร้างอุปกรณ์เพื่อตรวจจับคลื่นพลังจากตราสัญลักษณ์เพื่อหาที่ตั้งศูนย์วิจัยตราสัญลักษณ์
32. ในคืนนั้นเอเมอสันได้ขอโทษฟิเดลที่ไม่สามารถปกป้องริเรียไว้ได้ ตัวฟิเดลเองก็เช่นกัน หากมองจากสถานการณ์นั้นแล้ว จะโทษเอเมอสันก็ไม่ได้ เอเมอสันจึงให้สัญญาอีกครั้งว่าจะปกป้องริเรีย เช้าวันต่อมาแอนนุได้สร้างสิ่งประดิษฐ์ที่ใช้จับคลื่นพลังจากตราสัญลักษณ์ได้สำเร็จ เธอพบว่าสถาบันวิจัยอยู่ใกล้กับแม่น้ำไอซอค ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเทรคูล
33. พวกฟิเดลจึงออกเดินทางตามรอยจากอุปกรณ์จนพบกับศูนย์วิจัยตราสัญลักษณ์ ภายในนั้นจะพบกับการทดลองตราสัญลักษณ์ที่ใช้กับสัตว์มนตราหรือแม้แต่กระทั่งมนุษย์ ภายในจะพบกับเด็กผู้หญิงที่คล้ายคลึงกับริเรียอยู่ในหลอดทดลอง แต่ไม่ใช่ริเรีย ในจุดนี้เราจะทราบแล้วว่าริเรียนั้นเป็นร่างทดลองสำหรับการวิจัย พวกฟิเดลจึงลงไปยังชั้นล่างสุดของสถาบันวิจัยแล้วได้พบกับริเรียในสภาพตื่นกลัวเหมือนกับตอนที่ผมกันครั้งแรก และยังถูกตัดผมสั้นอีกด้วย พวกฟิเดลจึงฝ่าวงล้อมออกมาจากศูนย์วิจัยได้สำเร็จ
34. เมื่ออกมาโลกภายนอก มิกิได้ตั้งข้อสงสัยว่า องค์กรโครนอสให้ความสำคัญกับตัวริเรียหรือตราสัญลักษณ์ของริเรียกันแน่ ถ้าต้องการแค่ตราสัญลักษณ์ ก็แค่หาทางนำออกไปก็พอ ฟิโอเร่จึงแนะนำว่าให้ไปที่ซันเทโรลเพื่อไปนำตราสัญลักษณ์ของริเรียออกจากตัว ซึ่งริเรียเห็นด้วย เพราะ พวกเธอ ไม่ต้องการตราสัญลักษณ์นี้ (พวกเธอ?)
35. ฟิเดลได้กลับมาที่เทรคูลอีกครั้งเพื่อพักผ่อน ในคืนนั้นฟิเดลได้คุยกับดาริล ดาริลมองเห็นลูกชายของเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เนื่องจากฟิเดลมีความคิดที่จะปกป้องริเรีย ดาริลจึงได้บอกกับฟิเดลว่า “ฟิเดลเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ความรู้สึกที่อยากจะปกป้องเด็กๆ ไม่ได้มาจากการเป็นพ่อแม่ แต่เป็นการที่ผู้ใหญ่มีความรู้สึกที่อยากจะปกป้องเด็กๆต่างหาก”หลังจากนั้นข้าศึกก็บุกในเมืองเทรคูลอีกครั้ง นำโดยเดลซูลที่ได้รับพลังจากสัญลักษณ์มนตรา เดลซูลได้เห็นริเรียจึงนึกได้ว่าทางองค์กรโครนอสต้องการตัวเธอ จึงคิดจะจับตัวไป แต่ดาริลเข้ามารับการโจมตีจากมนตราและได้รับบาดเจ็บ เดลซูลและลูกสมุนจึงจับตัวดาริลและริเรียไป
36. ฟิเดลจึงเตรียมการออกเดินทางไปช่วยเหลือพ่อของเขา จากร่องรอยเบาะแสของดัคส์ที่สืบได้ว่า พวกเดลซูลไปกบดานอยู่ที่หอคอยประหารของเทรคูล ที่ถูกปล่อยทิ้งรกร้างไว้ ลูกน้องของวิคทอลก็จะขอร่วมทางไปด้วย แต่วิคทอลไม่อนุญาตเนื่องจากผิดกฎของทหาร เค้ายอมที่จะรับผิดคนเดียว เมื่อเข้าไปถึงหอคอยด้านใน ฟิเดลก็ได้พบกับดาริลและริเรีย ช่วยเหลือพวกเขาออกมาได้สำเร็จ แต่ทั้งหมดเป็นกับดักที่เดลซูลวางไว้ ดาริลสั่งให้เดลซูลยอมจำนนซะ แต่เดลซูลได้สั่งให้ลูกสมุนใช้ปืนที่ได้รับจากโครนอส กำจัดพวกฟิเดลให้หมด แต่กระสุนนัดนึงจะไปถูกริเรีย ดาริลจึงเสียสละตนเข้าปกป้องริเรียและเสียชีวิตลง
37. หลังจากนำศพของดาริลกลับมาที่เทรคูลฟิเดลเศร้าโศกเป็นอย่างมาก แต่ยังไม่ทันไรพวกเดลซูลก็ยกกองกำลังเข้าโจมตีกลุ่มเรสเรียในเทรคูลฟิเดลจึงออกไปต่อสู้และกำจัดเดลซูลได้สำเร็จ เขาได้ล้างแค้นให้พ่อของเขาได้ แต่พ่อของเขาก็ไม่มีวันฟื้นขึ้นมาแล้ว หลังจากฟิเดลได้ปฏิญาณตนว่าจะสืบทอดเจตนารมณ์ของพ่อเขาต่อไป (ความรู้สึกที่อยากจะปกป้องเด็กๆ ไม่ได้มาจากการเป็นพ่อแม่ แต่เป็นการที่ผู้ใหญ่มีความรู้สึกที่อยากจะปกป้องเด็กๆต่างหาก) แล้ววิคทอลได้นำดาบของดาริลมามอบให้ฟิเดลฟิเดลเตรียมออกเดินทางอีกครั้งเพื่อไปยังซันเทโรลโดยมีวิคทอลร่วมเดินทางไปด้วย
38. ฟิเดลเดินทางไปยังซันเทโรล เพื่อไปใช้เครื่องมือในการลบล้างสัญลักษณ์มนตราให้กับริเรีย แต่เกิดอุบัติเหตุขึ้นเนื่องจากอุปกรณ์กำลังเสียหายอยู่ เคซัสจึงให้ฟิโอเร่ไปใช้อุปกรณ์ที่สถาบันวิจัยเก่า
39. แต่เมื่อไปถึงพวกเฟเดลได้พบกับกลุ่มโครนอส ที่นำโดย “นายพลอัลม่า” หนึ่งในสมาชิกองค์กรระดับสูงของโครนอส ที่มาพร้อมกับริเรียที่ผมยังยาวอยู่!? ตลอดเวลาที่เราพาตัวริเรียที่ผมสั้นมาจากสถาบันวิจัยตราสัญลักษณ์ เด็กคนนี้ไม่ใช่ริเรีย แต่เป็นพี่สาวของริเรีย ชื่อว่า “เฟเรีย” เฟเรียเป็นกุญแจสำคัญขององค์กรโครนอสอัลม่าจึงสั่งให้ส่งตัวเฟเรียมา เอเมอสันสั่งให้เฟเดลยอมทำตาม เพราะ ทางนั้นมียุทโธปกรณ์ที่มากกว่า หนำซ้ำอัลม่ายังขู่อีกด้วยว่าถ้าไม่ส่งตัวเฟเรียมา เขาจะทำร้ายริเรีย เมื่อทหารของอัลม่าจะเข้าไปจับเฟเรีย แต่มิกิมาขวางไว้ ฟิเดลได้เอาตัวเข้าบังแทนจนถูกทหารทำร้าย เฟเรียจึงเริ่มต้นใช้มนตราของเธอ แต่ถูกอัลม่าขัดขวางไว้โดยใช้ระบบควบคุมเฟเรียระงับการกระทำของเธอจนหมดสติ อัลม่าดีใจอย่างมากที่เฟเรียเปิดใช้พลังของตัวเองได้สำเร็จทีนี้เป้าหมายการทดลองของโครนอสก็สำเร็จผล เพราะ ปัจจัยหลักเกิดจากฟิเดลนั่นเอง หลังจากที่อัลม่าได้ตัวเฟเรียไป พวกเขาก็วาร์ปออกไปนอกดาว และทำลายสถาบันวิจัยเก่าจนพินาศ
40. สมาชิกที่เหลือตัดสินใจจะไปช่วยริเรียและเฟเรีย แต่ทางแอนนุได้ห้ามไว้ เพราะนี่เป็นปัญหาของสหพันธ์อวกาศกับองค์กรโครนอส พวกเธอไม่ต้องการให้คนอื่นมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่ทุกคนก็ยังดื้อดึงจะไป จนเอเมอสันต้องยื่นคำขาดไว้ว่า ถ้าหากจะไปช่วยริเรียและเฟเรีย พวกฟิเดลอาจจะไม่มีทางกลับมาที่ดวงดาวเฟครีดได้อีก เขาจึงให้เวลาทุกคนไปตัดสินใจว่าจะเอายังไง อย่างเร็วกว่าที่สหพันธ์อวกาศจะส่งยานอวกาศลำใหม่มาให้ก็ใช้เวลา 1 วัน หรืออย่างช้า 2 วัน ฟิโอเร่และวิคทอลจึงขอกลับไปคิดก่อน ส่วนฟิเดลและมิกิก็กลับไปที่หมู่บ้านสตาล
Part 5
41. ฟิโอเร่ได้นึกถึงคนรักของเธอ ที่หลงใหลกับการวิจัยมากจนถอนตัวไม่ขึ้น ในตอนนี้เธอเข้าใจการกระทำของคนที่เธอรักแล้ว เธอตัดสินใจจะทำเหมือนกับคนที่เธอรักเช่นกันในตอนนี้
42. วิคทอลลังเลกับการตัดสินใจ เนื่องจากหากเขาไปยังอวกาศ ก็เหมือนกับเขาละทิ้งหน้าที่และลูกน้องของเขา แต่คำไหว้วานของดาริลอาจารย์ที่เคารพรักได้บอกกับเขาว่า ให้ช่วยดูแลฟิเดล
43. ส่วนมิกิได้พูดคุยกับฟิเดลถึงเรื่องราวในอดีตตอนที่เธอมายังหมู่บ้านสตาล ตอนนั้นเกิดโรคระบาดทำให้พ่อแม่ของมิกิและแม่ของฟิเดลต้องเสียชีวิตลง ในตอนนั้นฟิเดลได้เข้ามาปลอบมิกิและเสนอตัวจะเป็นพี่ชายให้กับเธอ แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นอีกแล้ว มิกิได้ขอยกเลิกการเป็นพี่น้องกับฟิเดล และเปิดใจไปกับความรักระหว่างชายหญิงแทน ในที่สุดฟิเดลกับมิกิก็ตัดสินใจจะไปช่วยริเรียและเฟเรีย พวกเขาจึงเดินทางไปหาเอเมอสันที่ซันเทโรล
44. เมื่อมาถึงซันเทโรลจะพบกับฟิโอเร่ที่มารอก่อนแล้ว เอเมอสันจึงให้ลูกเรือทำการเคลื่อนย้ายพวกเขา 5 คน (เอเมอสัน แอนนุ ฟิเดล มิกิ และ ฟิโอเร่) แต่ทันใดนั้นวิคทอลก็วิ่งตามมาทีหลัง พร้อมกับลาออกจากกองทัพของเรสเรียแล้ว
45. หลังจากเคลื่อนย้ายพวกเขามาที่ยานลำใหม่ของเอเมอสัน ยานลำนี้มีชื่อว่า ชาลส์ดีโกล เหมือนลำก่อนของเขา แต่ยานลำใหม่นี้เป็นยานสำหรับใช้ในการรบ เรียกว่ารูปแบบ G ส่วนลำเก่านั้นเป็นยานที่เน้นสำหรับการสำรวจ
46. รองกัปตันยาน “ดราโค” ได้ทำการสำรวจรูปแบบยานของโครนอส พบว่าเครื่องยนต์ของทางโรนอสสามารถเร่งอัตราการวาร์ปได้ถึงระดับที่ 14.3 ซึ่งมากกว่ายานของพวกเขาที่เร่งได้สูงสุดแค่ 12.9 ถึงแม้ว่าอัตราการวาร์ปจะต่างกันแค่ 1.4 แต่อัตราความเร็วของเครื่องอาจจะห่างกันถึง 2 เท่า ขืนเป็นแบบนี้ทางสหพันธ์ก็จะไล่ตามโครนอสได้ไม่ทันตลอดไป เอเมอสันจึงมีความคิดที่จะยกเลิกการวาร์ปแบบปกติ แต่จะไปใช้การวาร์ปแบบแรงโน้มถ่วงแทน แอนนุไม่เห็นด้วยเนื่องจากยังไม่ได้รับการทดลองที่เพียงพอ หนำซ้ำการวาร์ปแบบแรงโน้มถ่วงจะใช้เชื้อเพลิงที่ต่างจากการวาร์ปแบบธรรมดา ซึ่งอาจทำให้เกิดระเบิดขึ้นได้
47. เอเมอสันจึงตัดสินใจปรึกษากับ ดร.กรุ๊ป จากสหพันธ์ เพื่อขอความคิดเห็นในการใช้การวาร์ปแบบแรงโน้มถ่วง แน่นอนว่าถูกปฏิเสธทันที แอนนุจึงนำข้อมูลที่ได้จากสถาบันวิจัยปริศนาส่งให้ ดร.กรุ๊ป การที่องค์กรโครนอสมีเทคโนโลยีที่เร่งอัตราการวาร์ปได้ถึง 14.3 เป็นผลมาจากการใช้ตราสัญลักษณ์เข้ากับเครื่องยนต์ ดร.กรุ๊ปเริ่มสนใจที่จะเริ่มพัฒนาความเร็ว แต่เขาไม่คุ้นเคยกับตราสัญลักษณ์หรือมนตรา เขาจึงต้องการคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ ฟิโอเร่จึงแนะนำให้ไปคุยกับเคซัส ซึ่งเธอจะพาเขามาคุยด้วย
48. หลังการพูดคุยกันระหว่างเคซัสและ ดร.กรุ๊ป ทำให้ได้ข้อสรุปในการพัฒนาเครื่องยนต์ 2 ข้อ คือ 1.การปรับเปลี่ยน Software ของเครื่องยนต์ซึ่ง ดร.กรุ๊ปจะเป็นคนทำเอง 2. คือการสลักตราสัญลักษณ์ลงบนเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ฟิโอเร่เสนอตัวเป็นคนทำตราสัญลักษณ์ขึ้นเอง โดยดูจากแบบอ้างอิงที่ ดร.กรุ๊ปถอดจากไฟล์ที่ได้รับ เธอต้องสลักตราสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนให้เหมือนกันกับของโครนอส
49. แอนนุจึงนำทางฟิโอเร่ไปที่ห้องเครื่องยนต์ หลังจากนั้นเธอจึงเริ่มสลักตราสัญลักษณ์ ตราสัญลักษณ์มีความซับซ้อนมาก ถ้าจะพูดเปรียบเทียบก็คือ การสลักสัญลักษณ์ของมนตรา (ดาวเฟครีด) หลายๆอัน รวมกันเป็นสัญลักษณ์มนตราที่ซับซ้อน หลังจากนั้นนำสัญลักษณ์มนตราที่ซับซ้อนหลายๆอันมาวาดรวมกันเป็นตราสัญลักษณ์ขึ้น 1 อัน ในที่สุดฟิโอเร่ก็ทำได้สำเร็จ และเริ่มต้นทดสอบเครื่องยนต์ต่อทันที
50. ตราสัญลักษณ์ที่ฟิโอเร่สลักขึ้น กับ Software ใหม่ของ ดร.กรุ๊ป ทำให้เร่งอัตราการวาร์ปได้สูงสุดถึง 15.0 ซึ่งเร็วกว่าของทางโครสนอสถึง 0.7 ดีไม่ดีสามารถเร่งได้สูงสุดถึง 16.0 แต่เนื่องจากข้อมูบยังมีไม่เพียงพอ แต่แค่นี้ก็ใช้ไล่ตามโครนอสได้แล้ว เอเมอสันจึงสั่งให้ทุกคนเตรียมตัวพักผ่อนก่อนเริ่มการต่อสู้ จนในที่สุดก็พบกับพิกัดของยานโครนอส ชัยชนะตกเป็นของสหพันธ์แต่ยานโรนอสกำลังจะตกไปที่ดาวเคราะห์น้อย เอเมอสันจึงสั่งให้ลูกเรือ ส่งตัวพวกเขาเข้าไปในยาน “กาวาเรโร่” ยานของพวกโครนอส เพื่อเริ่มต้นการชิงตัวริเรียกลับคืนมา
Part 6
51. หลังจากฝ่ากองทัพลูกเรือของยานเข้าไปด้านในสุดจะพบกับริเรียโดนผู้บัญชาการยานจับอยู่ แต่วิคทอลก็เข้าไปชิงตัวช่วยออกมาได้ หลังจากนั้นก็ทำการต่อสู้กับโครนอสกลุ่มสุดท้ายของยาน ซึ่งก่อนผู้บัญชาการตายมันได้บอกขึ้นมาว่าหลังจากนี้จะเกิดสงครามขึ้น จะเป็นยังไงมันก็ไม่รู้ด้วยแล้ว
52. ฟิเดลเลยบอกกับริเรียว่าพวกเขาจะไปช่วยเฟเรียกันต่อ หลังจากนี้เอเมอสันจึงสั่งให้ลูกเรือทำการเคลื่อนย้ายพวกเขากลับยาน แต่ทำไมได้เนื่องจากเกราะป้องกันการเคลื่อนย้ายของยานโครนอสกำลังทำงานอยู่ แถมตอนนี้ยานของโรสนอสก็กำลังจะระเบิดตัวเองใน 27:19 นาที ซึ่งไม่สามารถปลดชนวนระเบิดได้เนื่องจากต้องใช้คำสั่งระดับสูงของเรือในการ Hack ส่วนการปลดเกราะป้องกันการเคลื่อนย้ายก็ต้องใช้คำสั่งระดับเดียวกัน แถมยังเชื่อมโยงกับชีวิตของผู้บัญชาการยานลำนี้อีก เอเมอสันจึงสั่งให้ดราโคนำกระสวยอวกาศมารอรับพวกเขา เดี่ยวเขาจะทำการเปิดประตูให้นำยานเข้ามาให้ โชคดีที่ระบบเปิดปิดประตูไม่ได้ถูกล๊อค เมื่อไปถึงแอนนุจึงทำการเปิดประตูแล้วนำยานเข้ามารับพวกเขา หลบหนีออกมาได้สำเร็จ
53. หลังจากแยกย้ายกันไปพักผ่อน ฟิเดลจึงออกตามหาริเรียเพื่อพูดคุย หลังจากนั้นจึงชวนเธอไปเดินเล่นบนยานโดยมีมิกิตามไปด้วย แอนนุกับเอเมอสันกำลังพูดถึงสถานที่กำลังตึงเครียด เพราะองค์กรโครนอสตั้งใจจะทำสงครามอย่างเต็มรูปแบบ เอเมอสันจึงถามกับแอนนุเรื่อง การลบตราสัญลักษณ์ของริเรียว่าลบแล้วจะทำให้ใช้ตราสัญลักษณ์ไมได้ใช่ไหม แต่แอนนุให้เหตุผลไปว่าถึงลบไปก็ไม่ช่วยอะไร เพราะ เรื่องต่างๆมันเกิดขึ้นไปหมดแล้ว ทีนี้เอเมอสันดันหลุดปากบอกไปว่า ถ้าไม่มีแม่หนูตัวเล็กอยู่คงจะดี แต่จังหวะที่พูดนั้นพวกฟิเดลเดินเข้ามาพอดี แน่นอนว่าริเรียได้ยินจึงรีบวิ่งหนีออกไป
54. ฟิเดลจึงไล่ตามริเรียจนไปพบเธอที่ลานจอดกระสวยอวกาศ ริเรียคร่ำครวญว่าไม่มีเธออยู่ก็คงจะดี แต่ฟิเดลไม่เห็นด้วย เขาให้สัญญาไว้แล้วว่าจะปกป้องริเรีย ถ้าไม่มีริเรียอยู่ เขาก็ไม่สามารถมีชีวิตต่อไปได้ ความเจ็บปวดของริเรียอาจจะลบออกไปไมได้ มันอาจจะค้างคาอยู่ในใจ แต่เขาต้องการให้ริเรียมีชีวิตต่อไปเพื่อความสุขของเขา เขาจำเป็นต้องมีริเรียอยู่ด้วย ถ้าหากริเรียไม่เชื่อมั่นในตัวเอง ก็ขอให้เชื่อมันในตัวเขา หลังจากนั้นเอเมอสันกับแอนนุก็เข้ามาขอโทษ
55. หลังจากนั้นทุกคนจึงเตรียมการตามหาเฟเรียกันต่อ จากการฟังผู้บัญชาการยานของโครนอส ได้ยินมาว่าพวกเขาใช้กระสวยอวกาศส่งตัวเฟเรียไปยังสถาบันวิจัยตราสัญลักษณ์ของโครนอส ซึ่งพวกเอเมอสันสืบมาว่ามีทั้งหมด 2 ที่ ที่แรกคือที่ๆเลี้ยงดูริเรีย ซึ่งปัจจุบันระเบิดไปแล้ว ส่วนอีกสถานที่นึงอยู่ใกล้กับแม่น้ำไอซอค ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอาณาจักรเทรคูล ซึ่งเป็นสถาบันใหญ่ เอเมอสันจึงสั่งให้ลุกเรือเตรียมส่งตัวพวกเขาไป
56. เมื่อมาถึงทางเข้าสถาบันปรากฏว่าทางศัตรูได้ปรับเปลี่ยนระบบรักษาความปลอดภัยใหม่ แต่แอนนุได้ทำการ Hack โดยใช้เมนคอมพิวเตอร์จากบนยาน โดยทำการเขียนข้อมูลการเคลื่อนย้ายของสถาบันวิจัยนี้ใหม่ หลังจากนั้นจึงทำการเคลื่อนย้ายทุกคนไปชั้นล่างของสถาบันวิจัย เมื่อไปถึงด้านในแอนนุได้ทำการสำรวจข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ของที่นี่ แต่กลับไม่พบข้อมูลของเฟเรียเลย ทุกคนจึงตัดสินใจลงไปส่วนลึกของสถาบันเพื่อหาข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น
57. เมื่อลงไปชั้นล่างสุดของสถาบันจะพบกับ “ลาฟิเน่” นักวิจัยผู้ดูแลสถาบันแห่งนี้ เธอยินดีที่จะนำทางให้พวกฟิเดลไปพบกับเฟเรีย เหตุผลที่ลาฟิเน่ให้ความร่วมมือด้วยก็เพราะว่าพวกฟิเดลท่าทางแข็งแกร่ง เนื่องจากนักวิจัยทุกคนในสถาบันนี้ไม่ได้ทำงานกันด้วยความเต็มใจ ซึ่งพวกเธอไม่ต้องการให้ริเรียและเฟเรียมาเกี่ยวข้องกับการทดลองของพวกเธอไปมากกว่านี้ แต่ถึงแม้ว่าจะทำการปลดปล่อยพวกริเรียได้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นของพวกเธอก็จะถูกตามล่าต่อไป จึงจำเป็นต้องมีผู้ที่ปกป้องพวกเธอจากสหพันธ์หรือโครนอสได้
58. ห้องถัดไปจะพบกับสัตว์ที่คลุ้มคลั่ง ซึ่งสาเหตุทั้งหมดเกิดจากนักวิจัยแห่งนี้ ซึ่งนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของงานวิจัย เมื่อลาฟิเน่นำทางไปจนถึงห้องในสุดจะพบกับ “โพรมิเนนท์คิเมล่า” ซึ่งสามารถฟื้นฟูร่างกายได้เอง เป็นผลงานของหัวหน้าสถาบันวิจัยที่ปรับแต่งขึ้นมาและเหมือนกับมีคนบังคับมันอยู่ เพราะ มันจะเล็งโจมตีฟิเดลเป็นหลัก ในระหว่างที่กำลังขับคัน ริเรียอยากจะช่วยฟิเดลจึงใช้พลังของเธอเข้าช่วยเหลือ ทำให้เวลารอบๆตัวของคิเมล่าตัวนี้ช้าลง
59. หลังจากนั้นเราจะพบกับนายพลอัลม่า “ทอลัส” หัวหน้าสถาบันวิจัยและเฟเรีย คอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ด้านบน ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามแผนการของอัลม่า จะมีแค่เรื่องที่ลาฟิเน่ทรยศที่อยู่นอกเหนือแผนการ เป็นเพราะ พวกฟิเดลทำให้พวกเขาได้รับข้อมูลที่ล้ำค่ามา นั่นก็คือการทำงานของตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลา ที่มีความเกี่ยวข้องกันกับฮอร์โมนในสมอง นั่นก็หมายความว่าการช่วยริเรียออกจากยานโดยใช้สมาชิกขององค์กรเป็นนกต่อก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการ แล้วจากการต่อสู้เมื่อกี้ ก็คอยเฝ้าสังเกตร่างกายของริเรียและตรวจวัดค่าต่างๆในตัวริเรียไว้เมื่อเธอใช้ตราสัญลักษณ์
60. ในตอนนี้ทางโครนอสสามารถสร้างร่างได้แค่ 2 ร่างนั่นก็คือ ริเรียและเฟเรีย แต่หลังจากที่ได้รับข้อมูลของตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาที่สำเร็จแล้ว พวกเขาก็จะสร้างร่างทดลองจำนวนมากขึ้นมา แล้วพวกอัลม่าก็เคลื่อนย้ายออกไปจากสถาบันวิจัย
31. หลังจากนั้นฟิเดลได้ทะเลาะเบาะแว้งกับเอเมอสัน เนื่องจากเอเมอสันไม่ปกป้องดูแลริเรียตามที่สัญญาไว้ ทุกคนจึงตัดสินใจตามหาริเรียจากข้อมูลที่แอนนุได้มาจากสถาบันวิจัยปริศนา หลังจากแอนนุไขข้อมูลเบื้องต้นได้ พบว่าองค์กรโครนอสกำลังทดลองบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับตราสัญลักษณ์อยู่ ตราสัญลักษณ์ คือ สิ่งที่เกิดจากการใช้วิทยาศาสตร์และมนตรารวมเข้าด้วยกัน ทำให้บุคคลต่างๆใช้เวทมนตราได้ผ่านตราสัญลักษณ์ แอนนุจึงขอความช่วยเหลือจากฟิโอเร่เนื่องจากเธอมีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ ส่วนฟิโอเร่มีความรู้ด้านมนตรา เธอจะสร้างอุปกรณ์เพื่อตรวจจับคลื่นพลังจากตราสัญลักษณ์เพื่อหาที่ตั้งศูนย์วิจัยตราสัญลักษณ์
32. ในคืนนั้นเอเมอสันได้ขอโทษฟิเดลที่ไม่สามารถปกป้องริเรียไว้ได้ ตัวฟิเดลเองก็เช่นกัน หากมองจากสถานการณ์นั้นแล้ว จะโทษเอเมอสันก็ไม่ได้ เอเมอสันจึงให้สัญญาอีกครั้งว่าจะปกป้องริเรีย เช้าวันต่อมาแอนนุได้สร้างสิ่งประดิษฐ์ที่ใช้จับคลื่นพลังจากตราสัญลักษณ์ได้สำเร็จ เธอพบว่าสถาบันวิจัยอยู่ใกล้กับแม่น้ำไอซอค ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเทรคูล
33. พวกฟิเดลจึงออกเดินทางตามรอยจากอุปกรณ์จนพบกับศูนย์วิจัยตราสัญลักษณ์ ภายในนั้นจะพบกับการทดลองตราสัญลักษณ์ที่ใช้กับสัตว์มนตราหรือแม้แต่กระทั่งมนุษย์ ภายในจะพบกับเด็กผู้หญิงที่คล้ายคลึงกับริเรียอยู่ในหลอดทดลอง แต่ไม่ใช่ริเรีย ในจุดนี้เราจะทราบแล้วว่าริเรียนั้นเป็นร่างทดลองสำหรับการวิจัย พวกฟิเดลจึงลงไปยังชั้นล่างสุดของสถาบันวิจัยแล้วได้พบกับริเรียในสภาพตื่นกลัวเหมือนกับตอนที่ผมกันครั้งแรก และยังถูกตัดผมสั้นอีกด้วย พวกฟิเดลจึงฝ่าวงล้อมออกมาจากศูนย์วิจัยได้สำเร็จ
34. เมื่ออกมาโลกภายนอก มิกิได้ตั้งข้อสงสัยว่า องค์กรโครนอสให้ความสำคัญกับตัวริเรียหรือตราสัญลักษณ์ของริเรียกันแน่ ถ้าต้องการแค่ตราสัญลักษณ์ ก็แค่หาทางนำออกไปก็พอ ฟิโอเร่จึงแนะนำว่าให้ไปที่ซันเทโรลเพื่อไปนำตราสัญลักษณ์ของริเรียออกจากตัว ซึ่งริเรียเห็นด้วย เพราะ พวกเธอ ไม่ต้องการตราสัญลักษณ์นี้ (พวกเธอ?)
35. ฟิเดลได้กลับมาที่เทรคูลอีกครั้งเพื่อพักผ่อน ในคืนนั้นฟิเดลได้คุยกับดาริล ดาริลมองเห็นลูกชายของเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เนื่องจากฟิเดลมีความคิดที่จะปกป้องริเรีย ดาริลจึงได้บอกกับฟิเดลว่า “ฟิเดลเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ความรู้สึกที่อยากจะปกป้องเด็กๆ ไม่ได้มาจากการเป็นพ่อแม่ แต่เป็นการที่ผู้ใหญ่มีความรู้สึกที่อยากจะปกป้องเด็กๆต่างหาก”หลังจากนั้นข้าศึกก็บุกในเมืองเทรคูลอีกครั้ง นำโดยเดลซูลที่ได้รับพลังจากสัญลักษณ์มนตรา เดลซูลได้เห็นริเรียจึงนึกได้ว่าทางองค์กรโครนอสต้องการตัวเธอ จึงคิดจะจับตัวไป แต่ดาริลเข้ามารับการโจมตีจากมนตราและได้รับบาดเจ็บ เดลซูลและลูกสมุนจึงจับตัวดาริลและริเรียไป
36. ฟิเดลจึงเตรียมการออกเดินทางไปช่วยเหลือพ่อของเขา จากร่องรอยเบาะแสของดัคส์ที่สืบได้ว่า พวกเดลซูลไปกบดานอยู่ที่หอคอยประหารของเทรคูล ที่ถูกปล่อยทิ้งรกร้างไว้ ลูกน้องของวิคทอลก็จะขอร่วมทางไปด้วย แต่วิคทอลไม่อนุญาตเนื่องจากผิดกฎของทหาร เค้ายอมที่จะรับผิดคนเดียว เมื่อเข้าไปถึงหอคอยด้านใน ฟิเดลก็ได้พบกับดาริลและริเรีย ช่วยเหลือพวกเขาออกมาได้สำเร็จ แต่ทั้งหมดเป็นกับดักที่เดลซูลวางไว้ ดาริลสั่งให้เดลซูลยอมจำนนซะ แต่เดลซูลได้สั่งให้ลูกสมุนใช้ปืนที่ได้รับจากโครนอส กำจัดพวกฟิเดลให้หมด แต่กระสุนนัดนึงจะไปถูกริเรีย ดาริลจึงเสียสละตนเข้าปกป้องริเรียและเสียชีวิตลง
37. หลังจากนำศพของดาริลกลับมาที่เทรคูลฟิเดลเศร้าโศกเป็นอย่างมาก แต่ยังไม่ทันไรพวกเดลซูลก็ยกกองกำลังเข้าโจมตีกลุ่มเรสเรียในเทรคูลฟิเดลจึงออกไปต่อสู้และกำจัดเดลซูลได้สำเร็จ เขาได้ล้างแค้นให้พ่อของเขาได้ แต่พ่อของเขาก็ไม่มีวันฟื้นขึ้นมาแล้ว หลังจากฟิเดลได้ปฏิญาณตนว่าจะสืบทอดเจตนารมณ์ของพ่อเขาต่อไป (ความรู้สึกที่อยากจะปกป้องเด็กๆ ไม่ได้มาจากการเป็นพ่อแม่ แต่เป็นการที่ผู้ใหญ่มีความรู้สึกที่อยากจะปกป้องเด็กๆต่างหาก) แล้ววิคทอลได้นำดาบของดาริลมามอบให้ฟิเดลฟิเดลเตรียมออกเดินทางอีกครั้งเพื่อไปยังซันเทโรลโดยมีวิคทอลร่วมเดินทางไปด้วย
38. ฟิเดลเดินทางไปยังซันเทโรล เพื่อไปใช้เครื่องมือในการลบล้างสัญลักษณ์มนตราให้กับริเรีย แต่เกิดอุบัติเหตุขึ้นเนื่องจากอุปกรณ์กำลังเสียหายอยู่ เคซัสจึงให้ฟิโอเร่ไปใช้อุปกรณ์ที่สถาบันวิจัยเก่า
39. แต่เมื่อไปถึงพวกเฟเดลได้พบกับกลุ่มโครนอส ที่นำโดย “นายพลอัลม่า” หนึ่งในสมาชิกองค์กรระดับสูงของโครนอส ที่มาพร้อมกับริเรียที่ผมยังยาวอยู่!? ตลอดเวลาที่เราพาตัวริเรียที่ผมสั้นมาจากสถาบันวิจัยตราสัญลักษณ์ เด็กคนนี้ไม่ใช่ริเรีย แต่เป็นพี่สาวของริเรีย ชื่อว่า “เฟเรีย” เฟเรียเป็นกุญแจสำคัญขององค์กรโครนอสอัลม่าจึงสั่งให้ส่งตัวเฟเรียมา เอเมอสันสั่งให้เฟเดลยอมทำตาม เพราะ ทางนั้นมียุทโธปกรณ์ที่มากกว่า หนำซ้ำอัลม่ายังขู่อีกด้วยว่าถ้าไม่ส่งตัวเฟเรียมา เขาจะทำร้ายริเรีย เมื่อทหารของอัลม่าจะเข้าไปจับเฟเรีย แต่มิกิมาขวางไว้ ฟิเดลได้เอาตัวเข้าบังแทนจนถูกทหารทำร้าย เฟเรียจึงเริ่มต้นใช้มนตราของเธอ แต่ถูกอัลม่าขัดขวางไว้โดยใช้ระบบควบคุมเฟเรียระงับการกระทำของเธอจนหมดสติ อัลม่าดีใจอย่างมากที่เฟเรียเปิดใช้พลังของตัวเองได้สำเร็จทีนี้เป้าหมายการทดลองของโครนอสก็สำเร็จผล เพราะ ปัจจัยหลักเกิดจากฟิเดลนั่นเอง หลังจากที่อัลม่าได้ตัวเฟเรียไป พวกเขาก็วาร์ปออกไปนอกดาว และทำลายสถาบันวิจัยเก่าจนพินาศ
40. สมาชิกที่เหลือตัดสินใจจะไปช่วยริเรียและเฟเรีย แต่ทางแอนนุได้ห้ามไว้ เพราะนี่เป็นปัญหาของสหพันธ์อวกาศกับองค์กรโครนอส พวกเธอไม่ต้องการให้คนอื่นมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่ทุกคนก็ยังดื้อดึงจะไป จนเอเมอสันต้องยื่นคำขาดไว้ว่า ถ้าหากจะไปช่วยริเรียและเฟเรีย พวกฟิเดลอาจจะไม่มีทางกลับมาที่ดวงดาวเฟครีดได้อีก เขาจึงให้เวลาทุกคนไปตัดสินใจว่าจะเอายังไง อย่างเร็วกว่าที่สหพันธ์อวกาศจะส่งยานอวกาศลำใหม่มาให้ก็ใช้เวลา 1 วัน หรืออย่างช้า 2 วัน ฟิโอเร่และวิคทอลจึงขอกลับไปคิดก่อน ส่วนฟิเดลและมิกิก็กลับไปที่หมู่บ้านสตาล
Part 5
41. ฟิโอเร่ได้นึกถึงคนรักของเธอ ที่หลงใหลกับการวิจัยมากจนถอนตัวไม่ขึ้น ในตอนนี้เธอเข้าใจการกระทำของคนที่เธอรักแล้ว เธอตัดสินใจจะทำเหมือนกับคนที่เธอรักเช่นกันในตอนนี้
42. วิคทอลลังเลกับการตัดสินใจ เนื่องจากหากเขาไปยังอวกาศ ก็เหมือนกับเขาละทิ้งหน้าที่และลูกน้องของเขา แต่คำไหว้วานของดาริลอาจารย์ที่เคารพรักได้บอกกับเขาว่า ให้ช่วยดูแลฟิเดล
43. ส่วนมิกิได้พูดคุยกับฟิเดลถึงเรื่องราวในอดีตตอนที่เธอมายังหมู่บ้านสตาล ตอนนั้นเกิดโรคระบาดทำให้พ่อแม่ของมิกิและแม่ของฟิเดลต้องเสียชีวิตลง ในตอนนั้นฟิเดลได้เข้ามาปลอบมิกิและเสนอตัวจะเป็นพี่ชายให้กับเธอ แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นอีกแล้ว มิกิได้ขอยกเลิกการเป็นพี่น้องกับฟิเดล และเปิดใจไปกับความรักระหว่างชายหญิงแทน ในที่สุดฟิเดลกับมิกิก็ตัดสินใจจะไปช่วยริเรียและเฟเรีย พวกเขาจึงเดินทางไปหาเอเมอสันที่ซันเทโรล
44. เมื่อมาถึงซันเทโรลจะพบกับฟิโอเร่ที่มารอก่อนแล้ว เอเมอสันจึงให้ลูกเรือทำการเคลื่อนย้ายพวกเขา 5 คน (เอเมอสัน แอนนุ ฟิเดล มิกิ และ ฟิโอเร่) แต่ทันใดนั้นวิคทอลก็วิ่งตามมาทีหลัง พร้อมกับลาออกจากกองทัพของเรสเรียแล้ว
45. หลังจากเคลื่อนย้ายพวกเขามาที่ยานลำใหม่ของเอเมอสัน ยานลำนี้มีชื่อว่า ชาลส์ดีโกล เหมือนลำก่อนของเขา แต่ยานลำใหม่นี้เป็นยานสำหรับใช้ในการรบ เรียกว่ารูปแบบ G ส่วนลำเก่านั้นเป็นยานที่เน้นสำหรับการสำรวจ
46. รองกัปตันยาน “ดราโค” ได้ทำการสำรวจรูปแบบยานของโครนอส พบว่าเครื่องยนต์ของทางโรนอสสามารถเร่งอัตราการวาร์ปได้ถึงระดับที่ 14.3 ซึ่งมากกว่ายานของพวกเขาที่เร่งได้สูงสุดแค่ 12.9 ถึงแม้ว่าอัตราการวาร์ปจะต่างกันแค่ 1.4 แต่อัตราความเร็วของเครื่องอาจจะห่างกันถึง 2 เท่า ขืนเป็นแบบนี้ทางสหพันธ์ก็จะไล่ตามโครนอสได้ไม่ทันตลอดไป เอเมอสันจึงมีความคิดที่จะยกเลิกการวาร์ปแบบปกติ แต่จะไปใช้การวาร์ปแบบแรงโน้มถ่วงแทน แอนนุไม่เห็นด้วยเนื่องจากยังไม่ได้รับการทดลองที่เพียงพอ หนำซ้ำการวาร์ปแบบแรงโน้มถ่วงจะใช้เชื้อเพลิงที่ต่างจากการวาร์ปแบบธรรมดา ซึ่งอาจทำให้เกิดระเบิดขึ้นได้
47. เอเมอสันจึงตัดสินใจปรึกษากับ ดร.กรุ๊ป จากสหพันธ์ เพื่อขอความคิดเห็นในการใช้การวาร์ปแบบแรงโน้มถ่วง แน่นอนว่าถูกปฏิเสธทันที แอนนุจึงนำข้อมูลที่ได้จากสถาบันวิจัยปริศนาส่งให้ ดร.กรุ๊ป การที่องค์กรโครนอสมีเทคโนโลยีที่เร่งอัตราการวาร์ปได้ถึง 14.3 เป็นผลมาจากการใช้ตราสัญลักษณ์เข้ากับเครื่องยนต์ ดร.กรุ๊ปเริ่มสนใจที่จะเริ่มพัฒนาความเร็ว แต่เขาไม่คุ้นเคยกับตราสัญลักษณ์หรือมนตรา เขาจึงต้องการคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ ฟิโอเร่จึงแนะนำให้ไปคุยกับเคซัส ซึ่งเธอจะพาเขามาคุยด้วย
48. หลังการพูดคุยกันระหว่างเคซัสและ ดร.กรุ๊ป ทำให้ได้ข้อสรุปในการพัฒนาเครื่องยนต์ 2 ข้อ คือ 1.การปรับเปลี่ยน Software ของเครื่องยนต์ซึ่ง ดร.กรุ๊ปจะเป็นคนทำเอง 2. คือการสลักตราสัญลักษณ์ลงบนเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ฟิโอเร่เสนอตัวเป็นคนทำตราสัญลักษณ์ขึ้นเอง โดยดูจากแบบอ้างอิงที่ ดร.กรุ๊ปถอดจากไฟล์ที่ได้รับ เธอต้องสลักตราสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนให้เหมือนกันกับของโครนอส
49. แอนนุจึงนำทางฟิโอเร่ไปที่ห้องเครื่องยนต์ หลังจากนั้นเธอจึงเริ่มสลักตราสัญลักษณ์ ตราสัญลักษณ์มีความซับซ้อนมาก ถ้าจะพูดเปรียบเทียบก็คือ การสลักสัญลักษณ์ของมนตรา (ดาวเฟครีด) หลายๆอัน รวมกันเป็นสัญลักษณ์มนตราที่ซับซ้อน หลังจากนั้นนำสัญลักษณ์มนตราที่ซับซ้อนหลายๆอันมาวาดรวมกันเป็นตราสัญลักษณ์ขึ้น 1 อัน ในที่สุดฟิโอเร่ก็ทำได้สำเร็จ และเริ่มต้นทดสอบเครื่องยนต์ต่อทันที
50. ตราสัญลักษณ์ที่ฟิโอเร่สลักขึ้น กับ Software ใหม่ของ ดร.กรุ๊ป ทำให้เร่งอัตราการวาร์ปได้สูงสุดถึง 15.0 ซึ่งเร็วกว่าของทางโครสนอสถึง 0.7 ดีไม่ดีสามารถเร่งได้สูงสุดถึง 16.0 แต่เนื่องจากข้อมูบยังมีไม่เพียงพอ แต่แค่นี้ก็ใช้ไล่ตามโครนอสได้แล้ว เอเมอสันจึงสั่งให้ทุกคนเตรียมตัวพักผ่อนก่อนเริ่มการต่อสู้ จนในที่สุดก็พบกับพิกัดของยานโครนอส ชัยชนะตกเป็นของสหพันธ์แต่ยานโรนอสกำลังจะตกไปที่ดาวเคราะห์น้อย เอเมอสันจึงสั่งให้ลูกเรือ ส่งตัวพวกเขาเข้าไปในยาน “กาวาเรโร่” ยานของพวกโครนอส เพื่อเริ่มต้นการชิงตัวริเรียกลับคืนมา
Part 6
51. หลังจากฝ่ากองทัพลูกเรือของยานเข้าไปด้านในสุดจะพบกับริเรียโดนผู้บัญชาการยานจับอยู่ แต่วิคทอลก็เข้าไปชิงตัวช่วยออกมาได้ หลังจากนั้นก็ทำการต่อสู้กับโครนอสกลุ่มสุดท้ายของยาน ซึ่งก่อนผู้บัญชาการตายมันได้บอกขึ้นมาว่าหลังจากนี้จะเกิดสงครามขึ้น จะเป็นยังไงมันก็ไม่รู้ด้วยแล้ว
52. ฟิเดลเลยบอกกับริเรียว่าพวกเขาจะไปช่วยเฟเรียกันต่อ หลังจากนี้เอเมอสันจึงสั่งให้ลูกเรือทำการเคลื่อนย้ายพวกเขากลับยาน แต่ทำไมได้เนื่องจากเกราะป้องกันการเคลื่อนย้ายของยานโครนอสกำลังทำงานอยู่ แถมตอนนี้ยานของโรสนอสก็กำลังจะระเบิดตัวเองใน 27:19 นาที ซึ่งไม่สามารถปลดชนวนระเบิดได้เนื่องจากต้องใช้คำสั่งระดับสูงของเรือในการ Hack ส่วนการปลดเกราะป้องกันการเคลื่อนย้ายก็ต้องใช้คำสั่งระดับเดียวกัน แถมยังเชื่อมโยงกับชีวิตของผู้บัญชาการยานลำนี้อีก เอเมอสันจึงสั่งให้ดราโคนำกระสวยอวกาศมารอรับพวกเขา เดี่ยวเขาจะทำการเปิดประตูให้นำยานเข้ามาให้ โชคดีที่ระบบเปิดปิดประตูไม่ได้ถูกล๊อค เมื่อไปถึงแอนนุจึงทำการเปิดประตูแล้วนำยานเข้ามารับพวกเขา หลบหนีออกมาได้สำเร็จ
53. หลังจากแยกย้ายกันไปพักผ่อน ฟิเดลจึงออกตามหาริเรียเพื่อพูดคุย หลังจากนั้นจึงชวนเธอไปเดินเล่นบนยานโดยมีมิกิตามไปด้วย แอนนุกับเอเมอสันกำลังพูดถึงสถานที่กำลังตึงเครียด เพราะองค์กรโครนอสตั้งใจจะทำสงครามอย่างเต็มรูปแบบ เอเมอสันจึงถามกับแอนนุเรื่อง การลบตราสัญลักษณ์ของริเรียว่าลบแล้วจะทำให้ใช้ตราสัญลักษณ์ไมได้ใช่ไหม แต่แอนนุให้เหตุผลไปว่าถึงลบไปก็ไม่ช่วยอะไร เพราะ เรื่องต่างๆมันเกิดขึ้นไปหมดแล้ว ทีนี้เอเมอสันดันหลุดปากบอกไปว่า ถ้าไม่มีแม่หนูตัวเล็กอยู่คงจะดี แต่จังหวะที่พูดนั้นพวกฟิเดลเดินเข้ามาพอดี แน่นอนว่าริเรียได้ยินจึงรีบวิ่งหนีออกไป
54. ฟิเดลจึงไล่ตามริเรียจนไปพบเธอที่ลานจอดกระสวยอวกาศ ริเรียคร่ำครวญว่าไม่มีเธออยู่ก็คงจะดี แต่ฟิเดลไม่เห็นด้วย เขาให้สัญญาไว้แล้วว่าจะปกป้องริเรีย ถ้าไม่มีริเรียอยู่ เขาก็ไม่สามารถมีชีวิตต่อไปได้ ความเจ็บปวดของริเรียอาจจะลบออกไปไมได้ มันอาจจะค้างคาอยู่ในใจ แต่เขาต้องการให้ริเรียมีชีวิตต่อไปเพื่อความสุขของเขา เขาจำเป็นต้องมีริเรียอยู่ด้วย ถ้าหากริเรียไม่เชื่อมั่นในตัวเอง ก็ขอให้เชื่อมันในตัวเขา หลังจากนั้นเอเมอสันกับแอนนุก็เข้ามาขอโทษ
55. หลังจากนั้นทุกคนจึงเตรียมการตามหาเฟเรียกันต่อ จากการฟังผู้บัญชาการยานของโครนอส ได้ยินมาว่าพวกเขาใช้กระสวยอวกาศส่งตัวเฟเรียไปยังสถาบันวิจัยตราสัญลักษณ์ของโครนอส ซึ่งพวกเอเมอสันสืบมาว่ามีทั้งหมด 2 ที่ ที่แรกคือที่ๆเลี้ยงดูริเรีย ซึ่งปัจจุบันระเบิดไปแล้ว ส่วนอีกสถานที่นึงอยู่ใกล้กับแม่น้ำไอซอค ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอาณาจักรเทรคูล ซึ่งเป็นสถาบันใหญ่ เอเมอสันจึงสั่งให้ลุกเรือเตรียมส่งตัวพวกเขาไป
56. เมื่อมาถึงทางเข้าสถาบันปรากฏว่าทางศัตรูได้ปรับเปลี่ยนระบบรักษาความปลอดภัยใหม่ แต่แอนนุได้ทำการ Hack โดยใช้เมนคอมพิวเตอร์จากบนยาน โดยทำการเขียนข้อมูลการเคลื่อนย้ายของสถาบันวิจัยนี้ใหม่ หลังจากนั้นจึงทำการเคลื่อนย้ายทุกคนไปชั้นล่างของสถาบันวิจัย เมื่อไปถึงด้านในแอนนุได้ทำการสำรวจข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ของที่นี่ แต่กลับไม่พบข้อมูลของเฟเรียเลย ทุกคนจึงตัดสินใจลงไปส่วนลึกของสถาบันเพื่อหาข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น
57. เมื่อลงไปชั้นล่างสุดของสถาบันจะพบกับ “ลาฟิเน่” นักวิจัยผู้ดูแลสถาบันแห่งนี้ เธอยินดีที่จะนำทางให้พวกฟิเดลไปพบกับเฟเรีย เหตุผลที่ลาฟิเน่ให้ความร่วมมือด้วยก็เพราะว่าพวกฟิเดลท่าทางแข็งแกร่ง เนื่องจากนักวิจัยทุกคนในสถาบันนี้ไม่ได้ทำงานกันด้วยความเต็มใจ ซึ่งพวกเธอไม่ต้องการให้ริเรียและเฟเรียมาเกี่ยวข้องกับการทดลองของพวกเธอไปมากกว่านี้ แต่ถึงแม้ว่าจะทำการปลดปล่อยพวกริเรียได้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นของพวกเธอก็จะถูกตามล่าต่อไป จึงจำเป็นต้องมีผู้ที่ปกป้องพวกเธอจากสหพันธ์หรือโครนอสได้
58. ห้องถัดไปจะพบกับสัตว์ที่คลุ้มคลั่ง ซึ่งสาเหตุทั้งหมดเกิดจากนักวิจัยแห่งนี้ ซึ่งนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของงานวิจัย เมื่อลาฟิเน่นำทางไปจนถึงห้องในสุดจะพบกับ “โพรมิเนนท์คิเมล่า” ซึ่งสามารถฟื้นฟูร่างกายได้เอง เป็นผลงานของหัวหน้าสถาบันวิจัยที่ปรับแต่งขึ้นมาและเหมือนกับมีคนบังคับมันอยู่ เพราะ มันจะเล็งโจมตีฟิเดลเป็นหลัก ในระหว่างที่กำลังขับคัน ริเรียอยากจะช่วยฟิเดลจึงใช้พลังของเธอเข้าช่วยเหลือ ทำให้เวลารอบๆตัวของคิเมล่าตัวนี้ช้าลง
59. หลังจากนั้นเราจะพบกับนายพลอัลม่า “ทอลัส” หัวหน้าสถาบันวิจัยและเฟเรีย คอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ด้านบน ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามแผนการของอัลม่า จะมีแค่เรื่องที่ลาฟิเน่ทรยศที่อยู่นอกเหนือแผนการ เป็นเพราะ พวกฟิเดลทำให้พวกเขาได้รับข้อมูลที่ล้ำค่ามา นั่นก็คือการทำงานของตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลา ที่มีความเกี่ยวข้องกันกับฮอร์โมนในสมอง นั่นก็หมายความว่าการช่วยริเรียออกจากยานโดยใช้สมาชิกขององค์กรเป็นนกต่อก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการ แล้วจากการต่อสู้เมื่อกี้ ก็คอยเฝ้าสังเกตร่างกายของริเรียและตรวจวัดค่าต่างๆในตัวริเรียไว้เมื่อเธอใช้ตราสัญลักษณ์
60. ในตอนนี้ทางโครนอสสามารถสร้างร่างได้แค่ 2 ร่างนั่นก็คือ ริเรียและเฟเรีย แต่หลังจากที่ได้รับข้อมูลของตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาที่สำเร็จแล้ว พวกเขาก็จะสร้างร่างทดลองจำนวนมากขึ้นมา แล้วพวกอัลม่าก็เคลื่อนย้ายออกไปจากสถาบันวิจัย
Like : Davichi Rebecca
[Edited 1 times bank-Ultima - Last Edit 2016-04-19 15:19:22]
# Tue 5 Apr 2016 : 2:36PM
Part 7
61. หลังจากนั้นจะพบกับพ่อแม่ของริเรีย ที่เป็นนักวิจัยทำหน้าที่เป็นพ่อแม่ให้กับเธอ พวกเขาได้เล่าเรื่องราวให้ฟังว่า พวกเขามีวิทยาการณ์ตราสัญลักษณ์ที่สูงส่งกว่าสหพันธ์และได้ทำการวิจัยตราสัญลักษณ์ขั้นสุดท้ายอยู่ นั่นก็คือ ตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลา โดยเมื่อ 16 ปีก่อน ทางสหพันธ์ทางช้างเผือกได้ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าองค์กรโครนอส เพื่อต่อกรกับสหพันธ์ พวกเขาจึงทำการวิจัยสิ่งชีวิตที่มีตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาขึ้นมา จนกระทั่งปีศกราชอวกาศที่ 526 โครนอสถูก CFNZบังคับใช้ขึ้นมาซึ่ง CFNZ คือการร่วมมือกันเพื่อสันติภาพ แต่นั่นเป็นเพียงทฤษฎีขอทางสหพันธ์เท่านั้น โครนอสจึงเป็นฝ่ายที่ต้องรับเงื่อนไข โดยไม่มีสิทธ์เลือก นักทดลองได้สร้างร่างทดลองออกมาเป็นจำนวนมาก แต่มีเพียงแค่ริเรียและเฟเรีย 2 คนเท่านั้น ที่เติบโตมาได้ถึงตอนนี้
62. ความเป็นไปได้ที่จะทดลองสิ่งมีทีชิวตที่มีสัญลักษณ์มนตราแห่งกาลเวลา ก็คือที่ดาวเฟครีดดวงนี้ จากการทดลองต่างๆจึงทำการปลดปล่อยสัตว์ทดลองออกมาโลกภายนอกของดาวดวงนี้เพื่อเก็บข้อมูลโดยเก็บเป็นความลับต่อคนบนดาวดวงนี้ ทั้งหมดเป็นสิ่งจำในการต่อกรกับสหพันธ์ เอเมอสันก็โกรธว่าแบบนี้ก็เหมือนกล่าวมาว่าทางสหพันธ์เป็นฝ่ายผิด แต่ลาฟิเน่ได้แย้งว่าเหมือนจะใช่ แต่ไม่ใช่ เพราะพวกนักวิจัยทำการทดลองเพื่อสันติภาพจริงๆ แต่พวกเธอก็รู้สึกผิดจึงทำการช่วยเหลือริเรียหลบหนีออกมาช่วยกระสวยอวกาศ นั่นคือเหตุการณ์ที่ฟิเดลและมิกิพบในตอนแรก แต่แผนการทั้งหมดทอลัสหัวหน้าศูนย์วิจัยได้เฝ้าจับตามองอยู่ และสั่งโจมตีกระสวยอวกาศจนตก
63. หลังจากนี้พวกนักวิจัยจะใช้ข้อมูลที่ได้จากริเรียทำการปลดปล่อยพลังจากตราสัญลักษณ์ของเฟเรีย เนื่องจากการปรากฏตัวของสหพันธ์ทำให้นายพลอัลม่าเร่งรีบขึ้นไปอีก ลาฟิเน่จึงขอร้องให้พวกฟิเดลช่วยปลดปล่อยริเรียและเฟเรียออกจากการเป็นเครื่องมือด้วย ผู้รับหน้าที่เป็นพ่อของริเรียได้มอบการ์ดที่ใช้เขาวิหารมนตราที่อยู่ทางตอนเหนือของนอสโซม่า โดยด้านในสุดของวิหารจะทำให้ทราบเรื่องราวทั้งหมดว่าทำไมองค์กรโครนอสถึงเลือกดวงดาวแห่งนี้เป็นสถานที่ทดลอง หลังจากนี้พ่อแม่ของริเรียก็ได้บอกลาริเรีย เนื่องจากสหพันธ์ได้ตรวจพบการวิจัยนี้แล้ว ทำให้พวกเขาทำการวิจัยต่อไปไม่ได้ เอเมอสันจึงสั่งให้ทำการเคลื่อนย้ายกลับยานของเขาทันที
64. เมื่อมาถึงยานเอเมอสันจึงสั่งให้ลูกเรือทำการค้นหาอัลม่าทันที ส่วนแอนนุมาตรวจสอบวิหารมนตรา แล้วพบว่าหลังจากที่เธอทำการสแกนวิหารนี้ ได้พบอุปกรณ์บางอย่างซึ่งไม่ใช่ของโครนอส โดยรอบๆนี้มีสัญญาณรบกวนหลากหลายประเภทปิดกั้นอยู่รอบๆไปหมด ซึ่งไม่น่าจะมีวิทยาการที่สูงส่งอยู่บนดาวดวงนี้ และทางสหพันธ์ก็ไม่เคยมีบันทึกไว้ด้วย พวกฟิเดลจึงตัดสินใจออกเดินทางไปยังวิหารมนตราแห่งนี้
65. วิหารมนตราตั้งอยู่บนทิศเหนือของเทือกเขาเอฮิด เขตพื้นที่นอสโซม่า ที่ด้านในสุดเป็นทางตัน จะพบกับรูปปั้นของ “พาลาฟิทอส” ผู้ที่ค้นพบวิหารมนตราและทำการตีความมนตราที่สลักอยู่บนผนังของวิหารนี้ได้สำเร็จ แอนนุจึงทำการตรวจสอบห้องด้านในนี้พบว่ามีคลื่นไฟฟ้าไหลเวียนอยู่ แอนนุเลยขอให้ฟิเดลนำการ์ดที่ได้รับมาทดสอบบางอย่างกับรูปปั้น ปรากฏว่ามีทางลับซ่อนอยู่ด้านในไม่รู้ว่ามีกับดักหรือเปล่า แต่ริเรียก็วิ่งเข้าไปก่อนใคร
66. เมื่อพ้นจากทางลับที่ซ่อนอยู่ในวิหาร พวกฟิเดลหลุดออกมาอีกสถานที่หนึ่ง เป็นสถานที่ที่แปลกมาก แทนที่จะเรียกว่ายืนอยู่บนถ้ำใต้ดิน แต่เป็นยืนอยู่บนดาวเคราะห์น้อยที่ไม่มีอากาศเสียมากกว่า ทันใดนั้นริเรียบอกว่าเธอรู้จักที่นี่ แล้วเธอก็วิ่งขึ้นไปด้านบนของสถานที่นี้พบกับอุปกรณ์บางอย่าง
67. อุปกรณ์ที่อยู่ด้านใน เป็นอุปกรณ์ที่เอเมอสันกับแอนนุเคยเห็นแค่ในวีดีโอ ทันใดนั้นอุปกรณ์นี้ก็ทำงานขึ้น และทำการฉายภาพประวัติศาสตร์ต่างๆตั้งแต่เหตุการณ์ปีคริสต์ศักราชจนขึ้นศักราชอวกาศ มาจนถึงเหตุการณ์ทดลองสิ่งมีชีวิตที่มีตราสัญลักษณ์และจากผลการทดลองทำให้สร้างตัวริเรียขึ้นมา
68. ในที่สุดริเรียก็จำเรื่องราวได้ทั้งหมดแล้ว เธอไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นร่างทดลองที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นอาวุธใช้สำหรับการฆ่าผู้คน แต่ฟิเดลไม่สนใจเรื่องนั้น ถึงผู้คนที่เกิดมาจะมีความทุกข์ แต่สิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าเกิดมาได้ยังไง แต่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไรต่างหาก ริเรียเลยขอบคุณทุกคน และขอความช่วยเหลือจากทุกคนให้ช่วยเหลือเฟเรีย เนื่องจากริเรียมีทุกคนอยู่ด้วย แต่พี่ของเธอไม่มีใครเลย แน่นอนว่าทุกคนยินดีให้ความช่วยเหลือริเรีย
69. แอนนุรู้สาเหตุที่โครนอสทำการเลือกดาวเฟครีดลำดับที่ 4 เป็นสถานที่ในการทดลองแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ทราบว่าทำไมถึงมีสถานที่แบบนี้อยู่บนดาวดวงนี้ เอเมอสันจึงสั่งให้ทุกคนรีบออกจากที่นี่ เนื่องจากพอเข้ามาที่สถานที่นี้ทำให้สัญญาณสื่อสารถูกตัดขาด เนื่องจากอุปกรณ์ที่อยู่ด้านในนี้ หลังกลับมาที่ด้านในของวิหาร เอเมอสันได้รับการติดต่อมาว่ากองยานของโครนอสกำลังจะมาถึงอาณาเขตที่ยานชาลส์ดีโกลอยู่ภายในอีก 12 ชั่วโมง โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นกองยานของนายพลอัลม่าหรือไม่ ให้รีบออกจากวิหารนี้เพื่อเตรียมทำการเคลื่อนย้ายกลับขึ้นยาน
70. เมื่อมาถึงยานดราโค่ได้รายงานว่ากองยานของโครนอส4 ลำ กำลังเคลื่อนที่มาทางนี้ และจะใช้เวลา 7 ชม มาถึงยานของเอเมอสัน ทันใดนั้นก็มีสัญญาณติดต่อเข้ามาที่ชาลส์ดีโกล เมื่อฉายภาพขึ้นจอพบว่าเป็นสัญญาณจาก “มูทัล” ประธานาธิบดีของโครนอส ซึ่งทางมูทัลไม่สามารถติดต่อกับกองทัพส่วนหนึ่งได้ นั่นก็คือนายพลอัลม่า และเขายังบอกอีกว่าทางโครนอสไม่คิดที่จะละเมิดสนธิสัญญา CFNZ ที่ทำร่วมกันกับสหพันธ์เลย เหตุการ์ความไม่สงบนี้เกิดจากนายพลอัลม่าและกองทัพภายในส่วนหนึ่งที่ต้องการเป็นปรปักษ์กับสหพันธ์ จึงได้ตั้งแผนการ “คูเดต้า” ขึ้นมา
Part 8
71. มูทัลไม่ต้องการให้เกิดสงครามขึ้นระหว่างโครนอสกับสหพันธ์ เพราะ มันจะเป็นการตัดอนาคตของโครนอส เขาต้องการร่วมมือกันระหว่างโครนอสกับสหพันธ์เพื่อระงับแผนการคูเดต้าของนายพลอัลม่า เอเมอสันจึงรับเรื่องไว้แล้วจะนำไปแจ้งให้กับผู้บัญชาการ “ดีน”
72. วิคทอลไม่เห็นด้วยกับการกระทำของมูล จึงโต้แย้งกับเอเมอสัน เอเมอสันได้ให้เหตุผลว่า ถึงนายพลอัลม่าจะเป็นโครนอส แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโครนอสจะเป็นศัตรูของเราทั้งหมด นี่อาจจะเป็นกับดักของมูทัลก็ได้ วิทยาการที่ได้พัฒนาเรื่อยมาหากนำไปใช้ผิดวิธีการแล้ว จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้คนหมู่มาก ในกรณีที่เลวร้ายสุดก็จะเกิดการล่มสลายของอารยธรรมขึ้น และถึงเราจะมีวิทยาการที่สูงส่ง ก็ไม่คิดที่จะทำสงครามง่ายๆขึ้นมา ทำให้วิคทอลโกรธเมื่อนึกถึงดวงดาวเฟครีดของเขาที่กำลังทำสงครามกันอยู่ระหว่างอาณาจักรเรสเรียและอาณาจักรเทรคูล แต่เอเมอสันไม่ได้จะสื่อถึงแบบนั้น ท้ายสุดวิคทอลก็ขอโทษเอเมอสัน และขอเชื่อมั่นในสิ่งที่สหพันธ์เป็นคนตัดสินใจ
73. ในที่สุดการพูดคุยกันระหว่างประธานาธิบดีมูทัลจากโครนอสกับผู้บัญชาการดีนแห่งสหพันธ์ก็เริ่มตึ้นขึ้น ดีนจึงประกาศว่าทางสหพันธ์เพ่งเล็งถึงสันติภาพเป็นหลัก จึงตัดสินใจให้ความร่วมมือกับโครนอส และมอบหมายหน้าที่ให้กับเอเมอสันเป็นทูตไปเจรจากับนายพลอัลม่า เนื่องจากมีเพียงยานชาลส์ดีโกลอยู่ใกล้อาณาเขตที่สุดส่วนมูทัลได้ส่งพิกัดตำแหน่งฐานลับของนายพลมูทัลที่ซ่อนอยู่ในดาวเคราะห์น้อยให้กับเอเมอสัน แต่กองยานของอัลม่ามีมากกว่า 10 ลำ ซึ่งอาจจะกลายเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก
74. ในระหว่างที่ชาลส์ดีโกลกำลังวาร์ปอยู่นั้น ได้มีช่องสัญญาณปริศนาของนายพลอัลม่าทำการติดต่อเข้ามา เอเมอสันจึงทำการเจรจาต่อรองเพื่อไม่ให้เกิดสงครามขึ้น นายพลอัลม่าจึงโกรธขึ้นมาเนื่องจากสหพันธ์ได้ลิดรอนสิทธิต่างๆ โดยไม่มีข้อเสนอใดๆทั้งสิ้น เอเมอสันจึงให้เหตุผลว่าทางสหพันธ์ทำไปเพื่อให้เกิดสันติภาพที่แท้จริง ไม่ได้บังคับให้ทางโครนอสเป็นฝ่ายเข้าร่วมกับสหพันธ์เลย (เรื่อง CFNZ) นายพลอัลม่าจึงประกาศสงครามกับสหพันธ์และกลุ่มโครนอสที่ทรยศเข้าร่วมกับสหพันธ์ หลังจากนี้นายพลอัลม่าจะสถาปนาโครนอสขึ้นมาใหม่ และนี่จะเป็นการต่อสู้กันระหว่างผู้ครอบครองร่างทดลองที่มีพลังของตราสัญลักษณ์ ฟิเดลและนายพลอัลม่าเอเมอสันจึงให้ทุกคนไปพักผ่อน เตรียมรับศึกครั้งใหญ่ที่กำลังจะมา
75. ในคืนนั้นมิกิได้พูดคุยกับฟิเดลว่า พวกเธอเดินทางมาไกล ต่างจากเรื่องราวในอดีตที่เคยอยู่แต่หมู่บ้านสตาล ไม่เพียงแค่นั้นเธอยังรู้สึกว่าหมู่นี้เธอค่อนข้างห่างเหินกับฟิเดลอีกด้วย เพราะว่ามีเรื่องของสงครามและเรื่องของเฟเรียเข้ามา มิหิเลยบอกกับฟิเดลว่าอย่าทิ้งเธอไปเด็ดขาดนะ ไม่งั้นไม่ให้อภัยด้วย พรุ่งนี้เธอจะตั้งใจต่อสู้เพื่อเฟเรีย เพราะฉะนั้นช่วยอยู่ข้างๆเธอด้วย (SO5.5)
76. ก่อนเริ่มต้นสงคราม นายพลอัลม่าต่อว่ามูทัลว่าทำอะไรหละหลวม ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นำของโครนอส เขาจะกำจัดทั้งพวกสภาของโคนอสและสหพันธ์ให้พินาศเอง เอเมอสันจึงสั่งให้ยานของมูทัลถอยห่างจากแนวสงคราม ส่วนกองยานอื่นๆของมูทัลและยานของเขา เขาจะเป็นคนบัญชาการรบเอง
77. ในที่สุดสงครามก็เริ่มต้นขึ้นกองทัพของอัลม่าเป็นฝ่ายได้เปรียบ กองยานของสหพันธ์เสียหายหนักขึ้นเรื่อยๆ วิคทอลได้สั่งให้เอเมอสันทำการถอยทัพไปตั้งหลัก แต่เอเมอสันปฏิเสธเนื่องจากเป็นการยืดเวลาให้กับศัตรู ฟิเดลจึงเสนอความคิดให้พวกเขาบุกเข้าไปในฐานเองโดยใช้ความสามารถของริเรียฝ่าเข้าไป แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เนื่องจากอัลม่าหลบซ่อนอยู่ในฐานลับข้างในดาวเคราะห์น้อยโดมีเกราะกำบังอยู่ ทำให้เข้าไปใกล้ไม่ได้ แต่แอนนุได้ทำการวิเคราะห์ไว้แล้วว่าระยะห่างระหว่างจากยานไปยังอาณาเขต หากใช้ตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาจะทำให้ลอดผ่านไปได้ โดยพลังตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาของริเรียจะทำให้เกราะกำบังนั้นไร้ผล หากได้รับการฝึกฝนมาเพียงพอ แต่พลังของเธอในตอนนี้แค่ส่วนหนึ่งก็เพียงพอจะทำให้บุกเข้าไปได้
78. แต่ริเรียไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำได้ แต่แอนนุจะคอยช่วยเหลือเอง ฟิเดลจึงพูดปลุกใจริเรีย เพื่อไปช่วยเฟเรีย
79. เอเมอสันจึงนำทางทุกคนไปยังเครื่องย้ายมวลสาร โดยก่อนอื่นต้องทำให้เกราะกำบังไร้ผลเสียก่อน แต่เมื่อริเรียลองใช้ตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาเพื่อสร้างฟิลด์ของตัวเองขึ้นมา กลับได้รับความเสียหายเองเนื่องจากฟิลด์ของเฟเรียกำลังกางอยู่
80. แอนนุจึงทำการแสกนผลลัพธ์ออกมาว่า หากริเรียเปิดใช้ฟิลด์ในบริเวณใกล้ๆจะมีความเป็นไปได้มากกว่าที่อยู่ในยานเอเมอสันจึงตัดสินใจให้ทุกคนไปขึ้นกระสวยอวกาศ ซึ่งเป็นวิธีที่อันตรายมาก เนื่องจากอาจถูกยิงตกก่อนได้
Part 9
81. ในที่สุดพวกฟิเดลก็ใช้ฟิลด์ของริเรีย บินฝ่าฟิลด์ของเฟเรียมาได้ โดยวิคทอลได้มองเห็นฐานลับของนายพลอัลม่า พวกเขาจึงบุกเข้าไปข้างในฐานลับได้สำเร็จ อัลม่าชื่นชมพวกฟิเดลเป็นอย่างมากที่ใช้พลังจากตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาฝ่าเข้ามา และได้ท้าทายให้มาหาเขา จะได้ตัดสินว่าใครเป็นผู้ใช้ตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาที่เหมาะสมกว่ากัน และจะเป็นการตีแผ่ประวัติศาสตร์ความถูกต้องที่เหมาะสมของนายพลอัลม่า
82. ระหว่างทางที่บุกเข้าไปข้างในฐานลับ “ฟอเทรส ออฟ ไทรดอล” จะพบกับโทลัสและรองหัวหน้าสถาบันวิจัยของโครนอส ได้ปล่อยสัตว์ทดลองที่มีตราสัญลักษณ์เข้ามาต่อสู้กับพวกฟิเดล เพื่อทำการเก็บข้อมูลนำไปปรับแต่งสัตว์ทดลองที่มีตราสัญลักษณ์ให้ดีขึ้น ซึ่งระหว่างต่อสู้พวกโทลัสสังเกตเห็นถึงความแตกต่างระหว่างมนตรา (ของดาวเฟครีดที่มิกิและฟิโอเร่มี) มันแตกต่างจากตราสัญลักษณ์สร้างความสนใจให้พวกเขา แต่สิ่งที่ทำให้โทลัสต้องตกตะลึงคือการพัฒนาความสามารถในการต่อสู้ของพวกฟิเดลที่มากขึ้น ทำให้พวกโทลัสหนีออกไป
83. พวกฟิเดลจึงไล่ตามเข้าไปข้างในและได้พบกับโทลัสอีกครั้ง ครั้งนี้เขาได้เตรียมตัวอย่างของการทดลองชั้นเลิศไว้ให้ พวกฟิเดลไม่ต้องการที่จะเสียเวลา แต่โทลัสได้ถ่วงเวลาไม่ให้ไปหานายพลอัลม่า เนื่องจากนายพลอัลม่าเป็นสปอนเซอร์หลักให้กับการทดลองของโทลัสนั่นเอง
84. ร่างทดลองต่อไปที่โทลัสนำมาใช้ คือ ร่างโคลนของเฟเรีย ถึงแม้จะไม่ใช่ร่างจริงแต่ก็มีพลังที่พอทัดเทียมกับตัวจริงอยู่ โทลัสจึงยั่วไปว่า กล้าพอไหมที่จะหันคมดาบเข้าใส่ร่างโคลนของเฟเรีย แต่ว่ารองหัวหน้าสถาบันวิจัยของโครนอสได้พูดเตือนกับโทลัสไว้ว่า ร่างโคลนนี้เป็นร่างเดียวที่ทำการโคลนออกมาได้สำเร็จ ถ้าหากนำมาใช้โดยไม่บอกนายพลอัลม่าก่อนจะไม่ดี แต่โทลัสก็ไม่สนใจ ขอแค่เอาชนะพวกฟิเดลได้ก็พอ
85. หลังจากที่เราเอาชนะร่างโคลนของเฟเรียได้ ในระหว่างที่เราต่อสู้อยู่ โทลัสมันจะจำร่างทดลองอื่นมาใช้ต่อ แต่มอนิเตอร์ก็ฉายภาพนายพลอัลม่ากับเฟเรียขึ้นมา นายพลอัลม่าโมโหกับการกระทำของโทลัสอย่างมาก ที่นำร่างโคลนที่สำคัญมาใช้โดยพลการ ถึงแม้ว่าโทลัสจะแก้ตัวด้วยการจะสร้างร่างโคลนขึ้นใหม่ แต่นายพลอัลม่าก็มองการกระทำของโทลัสออกว่า การทดลองทุกอย่างที่ทำไป ไม่ได้ทำเพื่อโครนอส แต่ทำเพื่อส่วนตัว คนแบบนี้ไม่เป็นที่ต้องการสำหรับเขา แต่เมื่อมองย้อนคุณงามความดีที่โทลัสเคยทำมา นายพลอัลม่าจึงมอบโอกาสให้กับโทลัสอีกครั้ง
86. ทันใดนั้นร่างของสัตว์ทดลองตัวหนึ่งถูกส่งตัวมาตรงหน้าโทลัส อยู่ๆเวลาโดยรอบก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ทำให้พวกฟิเดลหลุดมายังอีกมิติหนึ่งที่เรียกว่า “โครนอสพาเลซ” แอนนุจึงตรวจสอบพบว่ามิติสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลา และได้พบกับโทลัสที่รวมเป็นหนึ่งกับสัตว์ทดลองตัวนั้น โทลัสดูจะถูกอกถูกใจกับร่างนี้มาก ด้วยร่างนี้เขาไม่จำเป็นต้องไปพึ่งพานายพลอัลม่าอีกต่อไป เขาจะแสวงหาสัจธรรมที่แท้จริงด้วยตัวเขาเอง
87. หลังจากกำจัดโทลัสแล้ว มอนิเตอร์ได้ฉายภาพนายพลอัลม่า เขาพูดจาถากถางเอเมอสันว่านี่หรือคนที่จะมาตัดสินให้รู้แล้วรู้รอดกับเขา สภาพดูไม่เอาอ่าวแบบนี้ แล้วได้ท้าทายทุกคนให้มาหาเขา
88. หลังจากเอาชนะบอสตามทางก็มาพบกับนายพลอัลม่าและเฟเรียอยู่ด้านใน นายพลอัลม่าได้ชักชวนให้ฟิเดลกับริเรียมาร่วมมือกับเขา แต่ริเรียอยากอยู่กับฟิเดลและมิกิ ส่วนฟิเดลได้ต่อว่านายพลอัลม่า“ใครมันจะไปร่วมมือกับคนที่ใช้เด็กเป็นเครื่องมือกัน ชีวิตไม่ใช่ของเล่นของแก” นายพลอัลม่าจึงสั่งให้รองหัวหน้าสถาบันวิจัยของโครนอสทำการลบความทรงจำของเฟเรีย แล้วให้เฟเรียมอบพลังให้กับนายพลอัลม่า
89. การโจมตีทางกายภาพรวมถึงการโจมตีด้วยมนตรา ไม่สามารถทำอะไรนายพลอัลม่าได้ เนื่องจากรอบๆตัวเขามีเกราะบางอย่างห่อหุ้มอยู่ด้วยพลังจากตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลา เป็นเพราะฟิเดลทำให้เขาไขความลับอีกหนึ่งอย่างของตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาได้สำเร็จ เมื่อร่างทดลองทำการปลดปล่อยพลังของตราสัญลักษณ์ (ปกติ) จะมีการหลั่งฮอร์โมนบางชนิดในสมอง ฮอร์โมนนั้น คือความรู้สึก ความเชื่อใจ ของร่างทดลองที่มีต่อฟิเดล รวมกันเป็นความรู้สึกที่แรงกล้าผสมเข้าด้วยกัน ถ้าหากเข้าใจถึงขั้นตอนกระบวนการแล้ว ก็เป็นไปได้ที่จะทดแทนฮอร์โมนที่ขาดไปด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เบื้องต้นก็เริ่มจากการล้างสมอง ถ้าหากยังไม่เพียงพอ ก็ทำการกระตุ้นฮอร์โมนเข้าไปตรงๆ ซึ่งวิธีการเหล่านี้ คือ ทำให้นายพลอัลม่าได้พลังที่แท้จริงของตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลามา
90. ริเรียเกิดอาการกลัว แต่ฟิเดลก็ให้กำลังใจริเรียจนเธอลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง และทำการช่วยเหลือจิตใจของเฟเรียให้กลับมา เมื่อเฟเรียได้สติอีกครั้ง เกราะที่เกิดจากพลังของตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาของนายพลอัลม่าก็หายไป พวกฟิเดลจึงทำการต่อสู้ต่อจนนายพลอัลม่าเสียท่า
61. หลังจากนั้นจะพบกับพ่อแม่ของริเรีย ที่เป็นนักวิจัยทำหน้าที่เป็นพ่อแม่ให้กับเธอ พวกเขาได้เล่าเรื่องราวให้ฟังว่า พวกเขามีวิทยาการณ์ตราสัญลักษณ์ที่สูงส่งกว่าสหพันธ์และได้ทำการวิจัยตราสัญลักษณ์ขั้นสุดท้ายอยู่ นั่นก็คือ ตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลา โดยเมื่อ 16 ปีก่อน ทางสหพันธ์ทางช้างเผือกได้ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าองค์กรโครนอส เพื่อต่อกรกับสหพันธ์ พวกเขาจึงทำการวิจัยสิ่งชีวิตที่มีตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาขึ้นมา จนกระทั่งปีศกราชอวกาศที่ 526 โครนอสถูก CFNZบังคับใช้ขึ้นมาซึ่ง CFNZ คือการร่วมมือกันเพื่อสันติภาพ แต่นั่นเป็นเพียงทฤษฎีขอทางสหพันธ์เท่านั้น โครนอสจึงเป็นฝ่ายที่ต้องรับเงื่อนไข โดยไม่มีสิทธ์เลือก นักทดลองได้สร้างร่างทดลองออกมาเป็นจำนวนมาก แต่มีเพียงแค่ริเรียและเฟเรีย 2 คนเท่านั้น ที่เติบโตมาได้ถึงตอนนี้
62. ความเป็นไปได้ที่จะทดลองสิ่งมีทีชิวตที่มีสัญลักษณ์มนตราแห่งกาลเวลา ก็คือที่ดาวเฟครีดดวงนี้ จากการทดลองต่างๆจึงทำการปลดปล่อยสัตว์ทดลองออกมาโลกภายนอกของดาวดวงนี้เพื่อเก็บข้อมูลโดยเก็บเป็นความลับต่อคนบนดาวดวงนี้ ทั้งหมดเป็นสิ่งจำในการต่อกรกับสหพันธ์ เอเมอสันก็โกรธว่าแบบนี้ก็เหมือนกล่าวมาว่าทางสหพันธ์เป็นฝ่ายผิด แต่ลาฟิเน่ได้แย้งว่าเหมือนจะใช่ แต่ไม่ใช่ เพราะพวกนักวิจัยทำการทดลองเพื่อสันติภาพจริงๆ แต่พวกเธอก็รู้สึกผิดจึงทำการช่วยเหลือริเรียหลบหนีออกมาช่วยกระสวยอวกาศ นั่นคือเหตุการณ์ที่ฟิเดลและมิกิพบในตอนแรก แต่แผนการทั้งหมดทอลัสหัวหน้าศูนย์วิจัยได้เฝ้าจับตามองอยู่ และสั่งโจมตีกระสวยอวกาศจนตก
63. หลังจากนี้พวกนักวิจัยจะใช้ข้อมูลที่ได้จากริเรียทำการปลดปล่อยพลังจากตราสัญลักษณ์ของเฟเรีย เนื่องจากการปรากฏตัวของสหพันธ์ทำให้นายพลอัลม่าเร่งรีบขึ้นไปอีก ลาฟิเน่จึงขอร้องให้พวกฟิเดลช่วยปลดปล่อยริเรียและเฟเรียออกจากการเป็นเครื่องมือด้วย ผู้รับหน้าที่เป็นพ่อของริเรียได้มอบการ์ดที่ใช้เขาวิหารมนตราที่อยู่ทางตอนเหนือของนอสโซม่า โดยด้านในสุดของวิหารจะทำให้ทราบเรื่องราวทั้งหมดว่าทำไมองค์กรโครนอสถึงเลือกดวงดาวแห่งนี้เป็นสถานที่ทดลอง หลังจากนี้พ่อแม่ของริเรียก็ได้บอกลาริเรีย เนื่องจากสหพันธ์ได้ตรวจพบการวิจัยนี้แล้ว ทำให้พวกเขาทำการวิจัยต่อไปไม่ได้ เอเมอสันจึงสั่งให้ทำการเคลื่อนย้ายกลับยานของเขาทันที
64. เมื่อมาถึงยานเอเมอสันจึงสั่งให้ลูกเรือทำการค้นหาอัลม่าทันที ส่วนแอนนุมาตรวจสอบวิหารมนตรา แล้วพบว่าหลังจากที่เธอทำการสแกนวิหารนี้ ได้พบอุปกรณ์บางอย่างซึ่งไม่ใช่ของโครนอส โดยรอบๆนี้มีสัญญาณรบกวนหลากหลายประเภทปิดกั้นอยู่รอบๆไปหมด ซึ่งไม่น่าจะมีวิทยาการที่สูงส่งอยู่บนดาวดวงนี้ และทางสหพันธ์ก็ไม่เคยมีบันทึกไว้ด้วย พวกฟิเดลจึงตัดสินใจออกเดินทางไปยังวิหารมนตราแห่งนี้
65. วิหารมนตราตั้งอยู่บนทิศเหนือของเทือกเขาเอฮิด เขตพื้นที่นอสโซม่า ที่ด้านในสุดเป็นทางตัน จะพบกับรูปปั้นของ “พาลาฟิทอส” ผู้ที่ค้นพบวิหารมนตราและทำการตีความมนตราที่สลักอยู่บนผนังของวิหารนี้ได้สำเร็จ แอนนุจึงทำการตรวจสอบห้องด้านในนี้พบว่ามีคลื่นไฟฟ้าไหลเวียนอยู่ แอนนุเลยขอให้ฟิเดลนำการ์ดที่ได้รับมาทดสอบบางอย่างกับรูปปั้น ปรากฏว่ามีทางลับซ่อนอยู่ด้านในไม่รู้ว่ามีกับดักหรือเปล่า แต่ริเรียก็วิ่งเข้าไปก่อนใคร
66. เมื่อพ้นจากทางลับที่ซ่อนอยู่ในวิหาร พวกฟิเดลหลุดออกมาอีกสถานที่หนึ่ง เป็นสถานที่ที่แปลกมาก แทนที่จะเรียกว่ายืนอยู่บนถ้ำใต้ดิน แต่เป็นยืนอยู่บนดาวเคราะห์น้อยที่ไม่มีอากาศเสียมากกว่า ทันใดนั้นริเรียบอกว่าเธอรู้จักที่นี่ แล้วเธอก็วิ่งขึ้นไปด้านบนของสถานที่นี้พบกับอุปกรณ์บางอย่าง
67. อุปกรณ์ที่อยู่ด้านใน เป็นอุปกรณ์ที่เอเมอสันกับแอนนุเคยเห็นแค่ในวีดีโอ ทันใดนั้นอุปกรณ์นี้ก็ทำงานขึ้น และทำการฉายภาพประวัติศาสตร์ต่างๆตั้งแต่เหตุการณ์ปีคริสต์ศักราชจนขึ้นศักราชอวกาศ มาจนถึงเหตุการณ์ทดลองสิ่งมีชีวิตที่มีตราสัญลักษณ์และจากผลการทดลองทำให้สร้างตัวริเรียขึ้นมา
68. ในที่สุดริเรียก็จำเรื่องราวได้ทั้งหมดแล้ว เธอไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นร่างทดลองที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นอาวุธใช้สำหรับการฆ่าผู้คน แต่ฟิเดลไม่สนใจเรื่องนั้น ถึงผู้คนที่เกิดมาจะมีความทุกข์ แต่สิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าเกิดมาได้ยังไง แต่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไรต่างหาก ริเรียเลยขอบคุณทุกคน และขอความช่วยเหลือจากทุกคนให้ช่วยเหลือเฟเรีย เนื่องจากริเรียมีทุกคนอยู่ด้วย แต่พี่ของเธอไม่มีใครเลย แน่นอนว่าทุกคนยินดีให้ความช่วยเหลือริเรีย
69. แอนนุรู้สาเหตุที่โครนอสทำการเลือกดาวเฟครีดลำดับที่ 4 เป็นสถานที่ในการทดลองแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ทราบว่าทำไมถึงมีสถานที่แบบนี้อยู่บนดาวดวงนี้ เอเมอสันจึงสั่งให้ทุกคนรีบออกจากที่นี่ เนื่องจากพอเข้ามาที่สถานที่นี้ทำให้สัญญาณสื่อสารถูกตัดขาด เนื่องจากอุปกรณ์ที่อยู่ด้านในนี้ หลังกลับมาที่ด้านในของวิหาร เอเมอสันได้รับการติดต่อมาว่ากองยานของโครนอสกำลังจะมาถึงอาณาเขตที่ยานชาลส์ดีโกลอยู่ภายในอีก 12 ชั่วโมง โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นกองยานของนายพลอัลม่าหรือไม่ ให้รีบออกจากวิหารนี้เพื่อเตรียมทำการเคลื่อนย้ายกลับขึ้นยาน
70. เมื่อมาถึงยานดราโค่ได้รายงานว่ากองยานของโครนอส4 ลำ กำลังเคลื่อนที่มาทางนี้ และจะใช้เวลา 7 ชม มาถึงยานของเอเมอสัน ทันใดนั้นก็มีสัญญาณติดต่อเข้ามาที่ชาลส์ดีโกล เมื่อฉายภาพขึ้นจอพบว่าเป็นสัญญาณจาก “มูทัล” ประธานาธิบดีของโครนอส ซึ่งทางมูทัลไม่สามารถติดต่อกับกองทัพส่วนหนึ่งได้ นั่นก็คือนายพลอัลม่า และเขายังบอกอีกว่าทางโครนอสไม่คิดที่จะละเมิดสนธิสัญญา CFNZ ที่ทำร่วมกันกับสหพันธ์เลย เหตุการ์ความไม่สงบนี้เกิดจากนายพลอัลม่าและกองทัพภายในส่วนหนึ่งที่ต้องการเป็นปรปักษ์กับสหพันธ์ จึงได้ตั้งแผนการ “คูเดต้า” ขึ้นมา
Part 8
71. มูทัลไม่ต้องการให้เกิดสงครามขึ้นระหว่างโครนอสกับสหพันธ์ เพราะ มันจะเป็นการตัดอนาคตของโครนอส เขาต้องการร่วมมือกันระหว่างโครนอสกับสหพันธ์เพื่อระงับแผนการคูเดต้าของนายพลอัลม่า เอเมอสันจึงรับเรื่องไว้แล้วจะนำไปแจ้งให้กับผู้บัญชาการ “ดีน”
72. วิคทอลไม่เห็นด้วยกับการกระทำของมูล จึงโต้แย้งกับเอเมอสัน เอเมอสันได้ให้เหตุผลว่า ถึงนายพลอัลม่าจะเป็นโครนอส แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโครนอสจะเป็นศัตรูของเราทั้งหมด นี่อาจจะเป็นกับดักของมูทัลก็ได้ วิทยาการที่ได้พัฒนาเรื่อยมาหากนำไปใช้ผิดวิธีการแล้ว จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้คนหมู่มาก ในกรณีที่เลวร้ายสุดก็จะเกิดการล่มสลายของอารยธรรมขึ้น และถึงเราจะมีวิทยาการที่สูงส่ง ก็ไม่คิดที่จะทำสงครามง่ายๆขึ้นมา ทำให้วิคทอลโกรธเมื่อนึกถึงดวงดาวเฟครีดของเขาที่กำลังทำสงครามกันอยู่ระหว่างอาณาจักรเรสเรียและอาณาจักรเทรคูล แต่เอเมอสันไม่ได้จะสื่อถึงแบบนั้น ท้ายสุดวิคทอลก็ขอโทษเอเมอสัน และขอเชื่อมั่นในสิ่งที่สหพันธ์เป็นคนตัดสินใจ
73. ในที่สุดการพูดคุยกันระหว่างประธานาธิบดีมูทัลจากโครนอสกับผู้บัญชาการดีนแห่งสหพันธ์ก็เริ่มตึ้นขึ้น ดีนจึงประกาศว่าทางสหพันธ์เพ่งเล็งถึงสันติภาพเป็นหลัก จึงตัดสินใจให้ความร่วมมือกับโครนอส และมอบหมายหน้าที่ให้กับเอเมอสันเป็นทูตไปเจรจากับนายพลอัลม่า เนื่องจากมีเพียงยานชาลส์ดีโกลอยู่ใกล้อาณาเขตที่สุดส่วนมูทัลได้ส่งพิกัดตำแหน่งฐานลับของนายพลมูทัลที่ซ่อนอยู่ในดาวเคราะห์น้อยให้กับเอเมอสัน แต่กองยานของอัลม่ามีมากกว่า 10 ลำ ซึ่งอาจจะกลายเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก
74. ในระหว่างที่ชาลส์ดีโกลกำลังวาร์ปอยู่นั้น ได้มีช่องสัญญาณปริศนาของนายพลอัลม่าทำการติดต่อเข้ามา เอเมอสันจึงทำการเจรจาต่อรองเพื่อไม่ให้เกิดสงครามขึ้น นายพลอัลม่าจึงโกรธขึ้นมาเนื่องจากสหพันธ์ได้ลิดรอนสิทธิต่างๆ โดยไม่มีข้อเสนอใดๆทั้งสิ้น เอเมอสันจึงให้เหตุผลว่าทางสหพันธ์ทำไปเพื่อให้เกิดสันติภาพที่แท้จริง ไม่ได้บังคับให้ทางโครนอสเป็นฝ่ายเข้าร่วมกับสหพันธ์เลย (เรื่อง CFNZ) นายพลอัลม่าจึงประกาศสงครามกับสหพันธ์และกลุ่มโครนอสที่ทรยศเข้าร่วมกับสหพันธ์ หลังจากนี้นายพลอัลม่าจะสถาปนาโครนอสขึ้นมาใหม่ และนี่จะเป็นการต่อสู้กันระหว่างผู้ครอบครองร่างทดลองที่มีพลังของตราสัญลักษณ์ ฟิเดลและนายพลอัลม่าเอเมอสันจึงให้ทุกคนไปพักผ่อน เตรียมรับศึกครั้งใหญ่ที่กำลังจะมา
75. ในคืนนั้นมิกิได้พูดคุยกับฟิเดลว่า พวกเธอเดินทางมาไกล ต่างจากเรื่องราวในอดีตที่เคยอยู่แต่หมู่บ้านสตาล ไม่เพียงแค่นั้นเธอยังรู้สึกว่าหมู่นี้เธอค่อนข้างห่างเหินกับฟิเดลอีกด้วย เพราะว่ามีเรื่องของสงครามและเรื่องของเฟเรียเข้ามา มิหิเลยบอกกับฟิเดลว่าอย่าทิ้งเธอไปเด็ดขาดนะ ไม่งั้นไม่ให้อภัยด้วย พรุ่งนี้เธอจะตั้งใจต่อสู้เพื่อเฟเรีย เพราะฉะนั้นช่วยอยู่ข้างๆเธอด้วย (SO5.5)
76. ก่อนเริ่มต้นสงคราม นายพลอัลม่าต่อว่ามูทัลว่าทำอะไรหละหลวม ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นำของโครนอส เขาจะกำจัดทั้งพวกสภาของโคนอสและสหพันธ์ให้พินาศเอง เอเมอสันจึงสั่งให้ยานของมูทัลถอยห่างจากแนวสงคราม ส่วนกองยานอื่นๆของมูทัลและยานของเขา เขาจะเป็นคนบัญชาการรบเอง
77. ในที่สุดสงครามก็เริ่มต้นขึ้นกองทัพของอัลม่าเป็นฝ่ายได้เปรียบ กองยานของสหพันธ์เสียหายหนักขึ้นเรื่อยๆ วิคทอลได้สั่งให้เอเมอสันทำการถอยทัพไปตั้งหลัก แต่เอเมอสันปฏิเสธเนื่องจากเป็นการยืดเวลาให้กับศัตรู ฟิเดลจึงเสนอความคิดให้พวกเขาบุกเข้าไปในฐานเองโดยใช้ความสามารถของริเรียฝ่าเข้าไป แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เนื่องจากอัลม่าหลบซ่อนอยู่ในฐานลับข้างในดาวเคราะห์น้อยโดมีเกราะกำบังอยู่ ทำให้เข้าไปใกล้ไม่ได้ แต่แอนนุได้ทำการวิเคราะห์ไว้แล้วว่าระยะห่างระหว่างจากยานไปยังอาณาเขต หากใช้ตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาจะทำให้ลอดผ่านไปได้ โดยพลังตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาของริเรียจะทำให้เกราะกำบังนั้นไร้ผล หากได้รับการฝึกฝนมาเพียงพอ แต่พลังของเธอในตอนนี้แค่ส่วนหนึ่งก็เพียงพอจะทำให้บุกเข้าไปได้
78. แต่ริเรียไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำได้ แต่แอนนุจะคอยช่วยเหลือเอง ฟิเดลจึงพูดปลุกใจริเรีย เพื่อไปช่วยเฟเรีย
79. เอเมอสันจึงนำทางทุกคนไปยังเครื่องย้ายมวลสาร โดยก่อนอื่นต้องทำให้เกราะกำบังไร้ผลเสียก่อน แต่เมื่อริเรียลองใช้ตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาเพื่อสร้างฟิลด์ของตัวเองขึ้นมา กลับได้รับความเสียหายเองเนื่องจากฟิลด์ของเฟเรียกำลังกางอยู่
80. แอนนุจึงทำการแสกนผลลัพธ์ออกมาว่า หากริเรียเปิดใช้ฟิลด์ในบริเวณใกล้ๆจะมีความเป็นไปได้มากกว่าที่อยู่ในยานเอเมอสันจึงตัดสินใจให้ทุกคนไปขึ้นกระสวยอวกาศ ซึ่งเป็นวิธีที่อันตรายมาก เนื่องจากอาจถูกยิงตกก่อนได้
Part 9
81. ในที่สุดพวกฟิเดลก็ใช้ฟิลด์ของริเรีย บินฝ่าฟิลด์ของเฟเรียมาได้ โดยวิคทอลได้มองเห็นฐานลับของนายพลอัลม่า พวกเขาจึงบุกเข้าไปข้างในฐานลับได้สำเร็จ อัลม่าชื่นชมพวกฟิเดลเป็นอย่างมากที่ใช้พลังจากตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาฝ่าเข้ามา และได้ท้าทายให้มาหาเขา จะได้ตัดสินว่าใครเป็นผู้ใช้ตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาที่เหมาะสมกว่ากัน และจะเป็นการตีแผ่ประวัติศาสตร์ความถูกต้องที่เหมาะสมของนายพลอัลม่า
82. ระหว่างทางที่บุกเข้าไปข้างในฐานลับ “ฟอเทรส ออฟ ไทรดอล” จะพบกับโทลัสและรองหัวหน้าสถาบันวิจัยของโครนอส ได้ปล่อยสัตว์ทดลองที่มีตราสัญลักษณ์เข้ามาต่อสู้กับพวกฟิเดล เพื่อทำการเก็บข้อมูลนำไปปรับแต่งสัตว์ทดลองที่มีตราสัญลักษณ์ให้ดีขึ้น ซึ่งระหว่างต่อสู้พวกโทลัสสังเกตเห็นถึงความแตกต่างระหว่างมนตรา (ของดาวเฟครีดที่มิกิและฟิโอเร่มี) มันแตกต่างจากตราสัญลักษณ์สร้างความสนใจให้พวกเขา แต่สิ่งที่ทำให้โทลัสต้องตกตะลึงคือการพัฒนาความสามารถในการต่อสู้ของพวกฟิเดลที่มากขึ้น ทำให้พวกโทลัสหนีออกไป
83. พวกฟิเดลจึงไล่ตามเข้าไปข้างในและได้พบกับโทลัสอีกครั้ง ครั้งนี้เขาได้เตรียมตัวอย่างของการทดลองชั้นเลิศไว้ให้ พวกฟิเดลไม่ต้องการที่จะเสียเวลา แต่โทลัสได้ถ่วงเวลาไม่ให้ไปหานายพลอัลม่า เนื่องจากนายพลอัลม่าเป็นสปอนเซอร์หลักให้กับการทดลองของโทลัสนั่นเอง
84. ร่างทดลองต่อไปที่โทลัสนำมาใช้ คือ ร่างโคลนของเฟเรีย ถึงแม้จะไม่ใช่ร่างจริงแต่ก็มีพลังที่พอทัดเทียมกับตัวจริงอยู่ โทลัสจึงยั่วไปว่า กล้าพอไหมที่จะหันคมดาบเข้าใส่ร่างโคลนของเฟเรีย แต่ว่ารองหัวหน้าสถาบันวิจัยของโครนอสได้พูดเตือนกับโทลัสไว้ว่า ร่างโคลนนี้เป็นร่างเดียวที่ทำการโคลนออกมาได้สำเร็จ ถ้าหากนำมาใช้โดยไม่บอกนายพลอัลม่าก่อนจะไม่ดี แต่โทลัสก็ไม่สนใจ ขอแค่เอาชนะพวกฟิเดลได้ก็พอ
85. หลังจากที่เราเอาชนะร่างโคลนของเฟเรียได้ ในระหว่างที่เราต่อสู้อยู่ โทลัสมันจะจำร่างทดลองอื่นมาใช้ต่อ แต่มอนิเตอร์ก็ฉายภาพนายพลอัลม่ากับเฟเรียขึ้นมา นายพลอัลม่าโมโหกับการกระทำของโทลัสอย่างมาก ที่นำร่างโคลนที่สำคัญมาใช้โดยพลการ ถึงแม้ว่าโทลัสจะแก้ตัวด้วยการจะสร้างร่างโคลนขึ้นใหม่ แต่นายพลอัลม่าก็มองการกระทำของโทลัสออกว่า การทดลองทุกอย่างที่ทำไป ไม่ได้ทำเพื่อโครนอส แต่ทำเพื่อส่วนตัว คนแบบนี้ไม่เป็นที่ต้องการสำหรับเขา แต่เมื่อมองย้อนคุณงามความดีที่โทลัสเคยทำมา นายพลอัลม่าจึงมอบโอกาสให้กับโทลัสอีกครั้ง
86. ทันใดนั้นร่างของสัตว์ทดลองตัวหนึ่งถูกส่งตัวมาตรงหน้าโทลัส อยู่ๆเวลาโดยรอบก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ทำให้พวกฟิเดลหลุดมายังอีกมิติหนึ่งที่เรียกว่า “โครนอสพาเลซ” แอนนุจึงตรวจสอบพบว่ามิติสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลา และได้พบกับโทลัสที่รวมเป็นหนึ่งกับสัตว์ทดลองตัวนั้น โทลัสดูจะถูกอกถูกใจกับร่างนี้มาก ด้วยร่างนี้เขาไม่จำเป็นต้องไปพึ่งพานายพลอัลม่าอีกต่อไป เขาจะแสวงหาสัจธรรมที่แท้จริงด้วยตัวเขาเอง
87. หลังจากกำจัดโทลัสแล้ว มอนิเตอร์ได้ฉายภาพนายพลอัลม่า เขาพูดจาถากถางเอเมอสันว่านี่หรือคนที่จะมาตัดสินให้รู้แล้วรู้รอดกับเขา สภาพดูไม่เอาอ่าวแบบนี้ แล้วได้ท้าทายทุกคนให้มาหาเขา
88. หลังจากเอาชนะบอสตามทางก็มาพบกับนายพลอัลม่าและเฟเรียอยู่ด้านใน นายพลอัลม่าได้ชักชวนให้ฟิเดลกับริเรียมาร่วมมือกับเขา แต่ริเรียอยากอยู่กับฟิเดลและมิกิ ส่วนฟิเดลได้ต่อว่านายพลอัลม่า“ใครมันจะไปร่วมมือกับคนที่ใช้เด็กเป็นเครื่องมือกัน ชีวิตไม่ใช่ของเล่นของแก” นายพลอัลม่าจึงสั่งให้รองหัวหน้าสถาบันวิจัยของโครนอสทำการลบความทรงจำของเฟเรีย แล้วให้เฟเรียมอบพลังให้กับนายพลอัลม่า
89. การโจมตีทางกายภาพรวมถึงการโจมตีด้วยมนตรา ไม่สามารถทำอะไรนายพลอัลม่าได้ เนื่องจากรอบๆตัวเขามีเกราะบางอย่างห่อหุ้มอยู่ด้วยพลังจากตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลา เป็นเพราะฟิเดลทำให้เขาไขความลับอีกหนึ่งอย่างของตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาได้สำเร็จ เมื่อร่างทดลองทำการปลดปล่อยพลังของตราสัญลักษณ์ (ปกติ) จะมีการหลั่งฮอร์โมนบางชนิดในสมอง ฮอร์โมนนั้น คือความรู้สึก ความเชื่อใจ ของร่างทดลองที่มีต่อฟิเดล รวมกันเป็นความรู้สึกที่แรงกล้าผสมเข้าด้วยกัน ถ้าหากเข้าใจถึงขั้นตอนกระบวนการแล้ว ก็เป็นไปได้ที่จะทดแทนฮอร์โมนที่ขาดไปด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เบื้องต้นก็เริ่มจากการล้างสมอง ถ้าหากยังไม่เพียงพอ ก็ทำการกระตุ้นฮอร์โมนเข้าไปตรงๆ ซึ่งวิธีการเหล่านี้ คือ ทำให้นายพลอัลม่าได้พลังที่แท้จริงของตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลามา
90. ริเรียเกิดอาการกลัว แต่ฟิเดลก็ให้กำลังใจริเรียจนเธอลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง และทำการช่วยเหลือจิตใจของเฟเรียให้กลับมา เมื่อเฟเรียได้สติอีกครั้ง เกราะที่เกิดจากพลังของตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาของนายพลอัลม่าก็หายไป พวกฟิเดลจึงทำการต่อสู้ต่อจนนายพลอัลม่าเสียท่า
Like : Davichi Rebecca
[Edited 1 times bank-Ultima - Last Edit 2016-04-19 15:19:07]
# Tue 5 Apr 2016 : 2:38PM
Part 10 [END]
91. นายพลอัลม่าจึงแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ของการทดลองตราสัญลักษณ์แบบใหม่ของเขาให้ดู นั่นคือการ Copy มนตราในตัวของเฟเรีย เนื่องจากนายพลอัลม่ายังไม่ชินกับการใช้ร่างนี้ก็อาจจะเผลอพลั้งมือฆ่าตายโดยไม่รู้ตัวได้
92. แต่นายพลอัลม่าก็ไม่สามารถเอาชนะพวกฟิเดลได้ เขาเลยไปสั่งให้รองหัวหน้าสถาบันวิจัยทำการเร่งปฏิกิริยาในตัวเฟเรีย แต่รองหัวหน้าได้ปฏิเสธเพราะขืนทำไปมากกว่านี้จะทำให้จิตใจของเฟเรียแตกสลาย รองหัวหน้ายังคงปฏิเสธเลยถูกนายพลอัลม่าจัดการไม่พอ เขายังเป็นคนลงมือทำเอง ผลก็คือ ร่างของนายพลอัลม่าได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับเฟเรีย เหมือนกับโทลัส
93. เนื่องจากรวมเป็นหนึ่งกับเฟเรีย ทำให้นายพลอัลม่ามีเกราะที่เกิดจากตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาอยู่ ทุกคนจึงขอร้องให้ริเรียช่วยทำการคลายเกราะนี้ออก แต่ริเรียไม่ทำเนื่องจากหากคลายเกราะออกแล้ว ทุกคนก็จะโจมตีใส่เฟเรีย แต่ก็สายไปแล้ว นายพลอัลม่าได้โจมตีใส่ทุกคนจนหมดสภาพ
94. แต่ฟิเดลก็ยังลุกขึ้นมาได้อีก ฟิเดลจึงบอกให้เฟเรียฟื้นขึ้นมา เฟเรียตอบรับความรู้สึกของฟิเดล และขอให้ริเรียช่วยฆ่าเธอ ฟิเดลเลยบอกว่า “อย่าหนีสิ ลุกขึ้นสู้แล้วหนีออกจากการควบคุมของนายพลอัลม่าซะ” ริเรียเลยเชิญชวนให้เฟเรียมาสู้ด้วยกันกับเธอ จนในที่สุดเฟเรียก็หลุดจากการควบคุมของนายพลอัลม่า ทำให้เกราะที่เกิดจากตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาหายไป นายพลอัลม่าถึงได้รู้สึกเสียทีว่าศัตรูที่แท้จริงของเขาคือฟิเดลนั่นเอง
95. ในที่สุดนายพลอัลม่าก็ถูกกำจัด การเปลี่ยนแปลงของตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาก็ค่อยๆหายไป ก่อนที่ร่างของนายพลอัลม่าจะสลายไป เขาได้บอกทิ้งท้ายไว้ว่าจะคอยเฝ้าดูการล่มสลายของสหพันธ์
96. ร่างของเฟเรียที่ยังหลงเหลืออยู่ไม่สามารถคงสภาพต่อไปได้ เธอจึงฝากฝังริเรียไว้กับฟิเดล ให้คอยดูแลริเรียตลอดไป ฟิเดลจึงให้สัญญาว่าจะเลี้ยงดูริเรียเหมือนที่พ่อของเขาเคยเลี้ยงดูเขามา
97. ไม่ต้องโศกเศร้าไปนะ ฉันจะอยู่กับเธอตลอดไป
98. ปีศักราชอวกาศที่ 537 วันที่ 7 เดือน 11 เอเมอสันได้ปฏิบัติภารกิจสำเร็จรุร่วง จากการเสียชีวิตของนายพลอัลม่าทำให้ส่งผลกระทบต่อโครนอสกลุ่มต่อต้าน ทำให้แผนการคูเดต้าต้องสิ้นสุดลง และทางสภาของโครนอสได้รับสิทธิคืนมา และไม่นานหลังจากนั้นประธานาธิบดีมูทัลได้เข้าร่วมกับสหพันธ์ เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ทราบว่ามีผู้ไม่หวังดีกับสหพันธ์อยู่ (ความคิดของเอเมอสัน)
99. ดาวเฟครีด (ลำดับที่ 4) ได้รับการเลื่อนขั้นของดาวจากดาวที่ยังไม่ได้รับการสำรวจเป็นดาวที่ได้รับการสอดส่อง โดยมีวิคทอลเป็นผู้ตรวจการ (เนื่องจากข้างในวิหารมนตรา มีสถานที่แห่งนั้นอยู่ เลยทำให้สหพันธ์รู้สึกสนใจ) (ความคิดของเอเมอสัน)
100. มิกิตั้งเป้าหมายจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ โดยมีแอนนุเป็นคนคอยช่วยเหลือ ตอนนี้เธอเรียนรู้พื้นฐานของตราสัญลักษณ์ไปได้อย่างราบรื่น จะมีปัญหาในตอนนี้ก็แค่เรื่องภาษาของโลกที่ใช้ (ความคิดของเอเมอสัน)
101. วิคทอลได้รับการแต่งตั้งเป็นทหารของสหพันธ์ โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญดาบ แต่ในความเห็นของเอเมอสันแล้ว เขาอยากให้วิคทอลทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจการบนดาวเฟครีดมากกว่า แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวต้องการแบบไหน (ความคิดของเอเมอสัน)
102. ฟิโอเร่ตอบรับคำเชิญชวนของ ดร.กรุ๊ป แล้วไปทำการวิจัยเรื่อง ตราสัญลักษณ์ DNAอยู่บนฐานดวงจันทร์ที่ก่อตั้งขึ้นใหม่จะว่าไปแล้วงานวิจัยต่างๆเหมือนสร้างไว้ให้เธอ สำหรับมุมมองของเธอแล้ววิทยาการของสหพันธ์คงเป็นส่วนหนึ่งของการไคว่ขว้าวิทยาการอื่นที่สูงกว่านี้ก็เป็นได้ (ความคิดของเอเมอสัน)
103. แอนนุก็ยังคงทำหน้าที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ประจำอยู่บนยานชาลส์ดีโกลเหมือนเดิม สาเหตุที่เขาเลือกแอนนุขึ้นมาประจำการนั้น เพราะ หน้าตาของเธอ แต่เธอก็ได้พิสูจน์ความสามารถต่างๆออกมา จนเขายอมรับเธอเข้าประจำการณ์ (ความคิดของเอเมอสัน)
104. ส่วนตัวเอเมอสัน หลังจากเรื่องราวกลุ่มต่อต้านของโครนอส แม้จะยังไม่เป็นทางการ แต่เขาก็ได้ปรับตำแหน่งจากกัปตันเป็นผู้การ (ความคิดของเอเมอสัน)
105. เป็นอันจบเนื้อเรื่องหลักของ Star Ocean 5 ทั้งหมดละครับ จากนี้จะพูดถึงรายละเอียดฉากจบต่างๆของในเกม
การทำฉากจบต่างๆ
106. ฉากจบของภาคนี้จะจบโดยฟิเดลคู่กับตัวละครอื่นๆครับ ส่วนริเรียจะแยกต่างหากไว้ โดยฉากจบภาคนี้จะดูได้แค่รอบละคน ถ้าอยากดูครบก็ต้องทำการจบเกมอีกรอบ ใช้ Save เดิม ก่อนจบเกมหรือหลังจบเกมก็ได้
วิธีการปรับฉากจบเกม คือ ใช้ไอเทม
(1) スーパー媚薬 เอ่อ แปลเลยก็ได้ ยาปลุกอารมณ์ครับ... ใช้แล้วจะทำให้ตัวละครที่เราเลือกค่าความชอบลดลง
(2) 惚れ薬シチリンX ยาสเน่ห์ ใช้แล้วจะทำให้ตัวละครที่เราเลือกค่าความชอบเพิ่มขึ้น
วิธีสังเกตว่าจะจบกับใคร หลังจากอัลม่าร่างที่ 3 ปรากฏตัวออกมาแล้วทำการโจมตีจนขึ้น Event ตรงนี้แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน จะมีบทตัวละครพูดขึ้นมา 2 คน สำคัญยังไง สำคัญตรงที่จะเป็นตัวกำหนดฉากจบนั่นเอง คนแรกที่ขึ้นมาจะ Fix ว่าเราจะจบเกมกับตัวละครตัวนี้ ส่วนคนที่ 2 ที่พูดต่อ จะบอกว่า ถ้าเราลดความชอบตัวละครตัวแรกลง (แล้วเป็นไปได้ เพิ่มค่าความชอบตัวละครที่ 2 ต่อ) เราจะจบกับตัวละครที่ 2 ได้ ซึ่งเราก็ต้องทำรอบต่อไปนั่นเอง
วิธีทำของผมหลังจบเกมรอบแรก คือ
(1) เลือกเซฟ มา จากนั้นทำการยัดยาปลุกอารมณ์ 20 อัน ให้ตัวละครที่ขึ้นตัวแรก จากนั้นทำการยัดยาสเน่ห์ให้ตัวละครที่ 2 อีก 20 อัน
(2) ไปสู้กับอัลม่าร่างที่ 3 จะเห็นการเปลี่ยนแปลง คือ ตัวละครที่ 2 จะเป็นคนพูดคนแรก แล้วตัวละครคนอื่นจะกลายเป็นคนพูดที่ 2 แทน
(3) จากนั้นก็ดูฉากจบตัวละครใหม่
วน Loop
107. ทุกฉากจบยกเว้น เอเมอสัน, แอนนุกับริเรียจะขึ้นต้นเหมือนกันหมดครับ
- ฟิเดลกำลังตั้งใจเรียนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหพันธ์ เขามีความสามารถทางการต่อสู้ในระดับสูงแต่เขาดูเหมือนเขาจะมุ่งมั่นเป็นกัปตัน ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะคอยช่วยเหลือเป็นประจำ แต่ตอนนี้สิ่งจำเป็นคือความพยายาม เวลายังมีอยู่ตอนนี้ จะคอยดูแลนายอยู่ห่างๆเอง เพราะฉะนั้นรีบๆขึ้นมายังตำแหน่งที่สูงให้ได้ละ
ฉากจบมิกิ
มิกิ : อาหารมื้อค่ำเสร็จแล้วนะ
ฟิเดล : ขอบคุณนะ อีกเดี่ยวก็จะไปแล้ว
มิกิ : อย่าพยายามมากเกินไปละ
ฟิเดล : มิกิต่างหากที่ไม่ค่อยพยายามเลย อยากจะเป็นเหมือนคุณเอเมอสันกับคุณแอนนุไม่ใช่เหรอ
มิกิ : แค่เค้าเป็นเจ้าสาวก็พอแล้วนี่
ฟิเดล : เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ
มิกิ : ไม่มีอะไรจ๊ะ มาพยายามด้วยกันนะ
ฟิเดล : นั่นสิ เอาละเสร็จแล้ว ไปทานข้าวเย็นกันเถอะ
ฉากจบวิคทอล
วิคทอล : เวลาที่สัญญาไว้มาถึงแล้วนะ
ฟิเดล : จะเป็นคู่มือให้ด้วยกายและใจอย่างเต็มที่
วิคทอล : ขอความกรุณาด้วย
วิคทอล & ฟิเดล : ขอบคุณครับ
วิคทอล : วันนี้ให้หลังอีก 1 ปี มาประลองกันอีกไหม
ฟิเดล : จะฝึกฝนฝีมือไว้รอชมละกัน
ฉากจบฟิโอเร่
ฟิโอเร่ : สบายดีหรือเปล่า
ฟิเดล : สบายดีครับ ครั้งนี้อยากจะให้สอนเรื่องเรียนให้ผมหน่อย
ฟิโอเร่ : นั่นสิ ถ้างั้นก่อนอื่นไปกินมื้อเย็น จากนั้นก็ไปซื้อของ แล้วก็ต้องไปสวนสาธารณะที่มองเห็นโลกได้ด้วย
ฟิเดล : ได้ยินที่ผมบอกไหม อยากจะให้สอนเรื่องเรียน
ฟิโอเร่ : แน่นอน
ฟิเดล : งั้น
ฟิโอเร่ : เวลาที่เสียไป จะสอนชดเชยจนโต้รุ่งให้เอง
ฟิเดล : ครับๆ
ฉากจบเอเมอสัน
- ฟิเดลกำลังตั้งใจเรียนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหพันธ์ เขามีความสามารถทางการต่อสู้ในระดับสูงแต่เขาดูเหมือนเขาจะมุ่งมั่นเป็นกัปตัน
เอเมอสัน : นี่คือยานลำใหม่ที่ฉันต้องมาเป็นกัปตัน
ฟิเดล : ยอดไปเลยครับ
เอเมอสัน : ไม่ใช่แค่สุดยอดหรอก แต่นายก็ต้องมาประจำด้วยเหมือนกัน
ฟิเดล : เอ๋
เอเมอสัน : ไม่พอใจเหรอ
ฟิเดล : เปล่าครับ จะดีเหรอ
เอเมอสัน : ในตอนนี้ทันทีอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่ยังไงฉันก็จะเรียกนายมา เพราะฉะนั้นตั้งใจสอบให้ผ่านละ
ฟิเดล : ผมจะพยายามครับ
เอเมอสัน : จะตั้งหน้าตั้งตารอนายละกัน
ฉากจบแอนนุ
- ฟิเดลกำลังตั้งใจเรียนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหพันธ์ เขามีความสามารถทางการต่อสู้ในระดับสูงแต่เขาดูเหมือนเขาจะมุ่งมั่นเป็นกัปตัน ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะคอยช่วยเหลือเป็นประจำ แต่ถ้าแกไปยุ่มย่ามกับแอนนุละก็อีกเรื่องนึง ได้เป็นคู่ปรับของฉันแน่ แล้วก็ไม่เรียกแกมาเข้าร่วมกองเรือของฉันด้วย (เอเมอสันพูด)
ฟิเดล : อย่างนี้นี่เอง สมแล้วที่คุณแอนนุสอนหนังสือเก่งจริงๆ
แอนนุ : เหรอ
แอนนุ : วันนี้จะเรียนถึงกี่โมงละ
ฟิเดล : อาจจะใช้เวลานานหน่อย ก็จนกว่าจะทำโจทย์ข้อนี้เสร็จละกันครับ
แอนนุ : เหรอ
แอนนุ : ดื่มกาแฟหน่อยไหม แล้วมื้อเย็นละ
ฟิเดล : ตอนนี้ไม่ต้องหรอกครับ
แอนนุ : เหรอ
แอนนุ : เข้าใจโจทย์ตรงนี้หรือเปล่า
ฟิเดล : เข้าใจแล้วครับ ไม่เป็นไร
แอนนุ : แล้วโจทย์ข้อนี้ละ
ผมอวยคู่นี้ครับ....
ฉากจบของริเรีย
จะมี 2 แบบครับ คือ มีมิกิอยู่ด้วยกับไม่มี ถ้าเราจบกับมิกิก็จะมีมิกิอยู่ในฉากจบของริเรียด้วย บทพูดจะเหมือนกันแค่ไม่มีมิกิ โดยจะขึ้นต่อจากฉากจบตัวละครคนอื่น
- และริเรีย ดูเหมือนเธอจะถูกกักขังจากการแอบอ้างชื่อสถาบันวิทยาศาสตร์ของสหพันธ์ เพื่อการทดสอบ เกรงว่าฟิเดลและมิกิจะเข้าไปชิงตัวริเรียกลับมา แต่ก่อนที่จะเกิดปัญหานั้นฟิโอเร่กับ ดร.กรุ๊ป ได้ลงนามยื่นคำร้องขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะไม่มีเจ้าตัวน้อย (ริเรีย) ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการวิจัย จนกระทั่งเธอได้รับอิสระ (เอเมอสันพูด)
- ตอนนี้ฟิเดลรับเธอไปเลี้ยงดูและอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข ก็ขอให้เธอมีความสุขในฐานะที่เป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง (เอเมอสันพูด)
ริเรีย : ขอบคุณค่ะฟิเดล
ริเรีย : ขอบคุณค่ะมิกิ
ริเรีย : พี่ค่ะ ตอนนี้ฉันมีความสุขที่สุดเลยค่ะ
หมดแล้วครับ สำหรับเนื้อเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ + ฉากจบตัวละครต่างๆ แปลฉากจบแบบทุกประโยค
91. นายพลอัลม่าจึงแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ของการทดลองตราสัญลักษณ์แบบใหม่ของเขาให้ดู นั่นคือการ Copy มนตราในตัวของเฟเรีย เนื่องจากนายพลอัลม่ายังไม่ชินกับการใช้ร่างนี้ก็อาจจะเผลอพลั้งมือฆ่าตายโดยไม่รู้ตัวได้
92. แต่นายพลอัลม่าก็ไม่สามารถเอาชนะพวกฟิเดลได้ เขาเลยไปสั่งให้รองหัวหน้าสถาบันวิจัยทำการเร่งปฏิกิริยาในตัวเฟเรีย แต่รองหัวหน้าได้ปฏิเสธเพราะขืนทำไปมากกว่านี้จะทำให้จิตใจของเฟเรียแตกสลาย รองหัวหน้ายังคงปฏิเสธเลยถูกนายพลอัลม่าจัดการไม่พอ เขายังเป็นคนลงมือทำเอง ผลก็คือ ร่างของนายพลอัลม่าได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับเฟเรีย เหมือนกับโทลัส
93. เนื่องจากรวมเป็นหนึ่งกับเฟเรีย ทำให้นายพลอัลม่ามีเกราะที่เกิดจากตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาอยู่ ทุกคนจึงขอร้องให้ริเรียช่วยทำการคลายเกราะนี้ออก แต่ริเรียไม่ทำเนื่องจากหากคลายเกราะออกแล้ว ทุกคนก็จะโจมตีใส่เฟเรีย แต่ก็สายไปแล้ว นายพลอัลม่าได้โจมตีใส่ทุกคนจนหมดสภาพ
94. แต่ฟิเดลก็ยังลุกขึ้นมาได้อีก ฟิเดลจึงบอกให้เฟเรียฟื้นขึ้นมา เฟเรียตอบรับความรู้สึกของฟิเดล และขอให้ริเรียช่วยฆ่าเธอ ฟิเดลเลยบอกว่า “อย่าหนีสิ ลุกขึ้นสู้แล้วหนีออกจากการควบคุมของนายพลอัลม่าซะ” ริเรียเลยเชิญชวนให้เฟเรียมาสู้ด้วยกันกับเธอ จนในที่สุดเฟเรียก็หลุดจากการควบคุมของนายพลอัลม่า ทำให้เกราะที่เกิดจากตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาหายไป นายพลอัลม่าถึงได้รู้สึกเสียทีว่าศัตรูที่แท้จริงของเขาคือฟิเดลนั่นเอง
95. ในที่สุดนายพลอัลม่าก็ถูกกำจัด การเปลี่ยนแปลงของตราสัญลักษณ์แห่งกาลเวลาก็ค่อยๆหายไป ก่อนที่ร่างของนายพลอัลม่าจะสลายไป เขาได้บอกทิ้งท้ายไว้ว่าจะคอยเฝ้าดูการล่มสลายของสหพันธ์
96. ร่างของเฟเรียที่ยังหลงเหลืออยู่ไม่สามารถคงสภาพต่อไปได้ เธอจึงฝากฝังริเรียไว้กับฟิเดล ให้คอยดูแลริเรียตลอดไป ฟิเดลจึงให้สัญญาว่าจะเลี้ยงดูริเรียเหมือนที่พ่อของเขาเคยเลี้ยงดูเขามา
97. ไม่ต้องโศกเศร้าไปนะ ฉันจะอยู่กับเธอตลอดไป
98. ปีศักราชอวกาศที่ 537 วันที่ 7 เดือน 11 เอเมอสันได้ปฏิบัติภารกิจสำเร็จรุร่วง จากการเสียชีวิตของนายพลอัลม่าทำให้ส่งผลกระทบต่อโครนอสกลุ่มต่อต้าน ทำให้แผนการคูเดต้าต้องสิ้นสุดลง และทางสภาของโครนอสได้รับสิทธิคืนมา และไม่นานหลังจากนั้นประธานาธิบดีมูทัลได้เข้าร่วมกับสหพันธ์ เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ทราบว่ามีผู้ไม่หวังดีกับสหพันธ์อยู่ (ความคิดของเอเมอสัน)
99. ดาวเฟครีด (ลำดับที่ 4) ได้รับการเลื่อนขั้นของดาวจากดาวที่ยังไม่ได้รับการสำรวจเป็นดาวที่ได้รับการสอดส่อง โดยมีวิคทอลเป็นผู้ตรวจการ (เนื่องจากข้างในวิหารมนตรา มีสถานที่แห่งนั้นอยู่ เลยทำให้สหพันธ์รู้สึกสนใจ) (ความคิดของเอเมอสัน)
100. มิกิตั้งเป้าหมายจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ โดยมีแอนนุเป็นคนคอยช่วยเหลือ ตอนนี้เธอเรียนรู้พื้นฐานของตราสัญลักษณ์ไปได้อย่างราบรื่น จะมีปัญหาในตอนนี้ก็แค่เรื่องภาษาของโลกที่ใช้ (ความคิดของเอเมอสัน)
101. วิคทอลได้รับการแต่งตั้งเป็นทหารของสหพันธ์ โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญดาบ แต่ในความเห็นของเอเมอสันแล้ว เขาอยากให้วิคทอลทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจการบนดาวเฟครีดมากกว่า แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวต้องการแบบไหน (ความคิดของเอเมอสัน)
102. ฟิโอเร่ตอบรับคำเชิญชวนของ ดร.กรุ๊ป แล้วไปทำการวิจัยเรื่อง ตราสัญลักษณ์ DNAอยู่บนฐานดวงจันทร์ที่ก่อตั้งขึ้นใหม่จะว่าไปแล้วงานวิจัยต่างๆเหมือนสร้างไว้ให้เธอ สำหรับมุมมองของเธอแล้ววิทยาการของสหพันธ์คงเป็นส่วนหนึ่งของการไคว่ขว้าวิทยาการอื่นที่สูงกว่านี้ก็เป็นได้ (ความคิดของเอเมอสัน)
103. แอนนุก็ยังคงทำหน้าที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ประจำอยู่บนยานชาลส์ดีโกลเหมือนเดิม สาเหตุที่เขาเลือกแอนนุขึ้นมาประจำการนั้น เพราะ หน้าตาของเธอ แต่เธอก็ได้พิสูจน์ความสามารถต่างๆออกมา จนเขายอมรับเธอเข้าประจำการณ์ (ความคิดของเอเมอสัน)
104. ส่วนตัวเอเมอสัน หลังจากเรื่องราวกลุ่มต่อต้านของโครนอส แม้จะยังไม่เป็นทางการ แต่เขาก็ได้ปรับตำแหน่งจากกัปตันเป็นผู้การ (ความคิดของเอเมอสัน)
105. เป็นอันจบเนื้อเรื่องหลักของ Star Ocean 5 ทั้งหมดละครับ จากนี้จะพูดถึงรายละเอียดฉากจบต่างๆของในเกม
การทำฉากจบต่างๆ
106. ฉากจบของภาคนี้จะจบโดยฟิเดลคู่กับตัวละครอื่นๆครับ ส่วนริเรียจะแยกต่างหากไว้ โดยฉากจบภาคนี้จะดูได้แค่รอบละคน ถ้าอยากดูครบก็ต้องทำการจบเกมอีกรอบ ใช้ Save เดิม ก่อนจบเกมหรือหลังจบเกมก็ได้
วิธีการปรับฉากจบเกม คือ ใช้ไอเทม
(1) スーパー媚薬 เอ่อ แปลเลยก็ได้ ยาปลุกอารมณ์ครับ... ใช้แล้วจะทำให้ตัวละครที่เราเลือกค่าความชอบลดลง
(2) 惚れ薬シチリンX ยาสเน่ห์ ใช้แล้วจะทำให้ตัวละครที่เราเลือกค่าความชอบเพิ่มขึ้น
วิธีสังเกตว่าจะจบกับใคร หลังจากอัลม่าร่างที่ 3 ปรากฏตัวออกมาแล้วทำการโจมตีจนขึ้น Event ตรงนี้แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน จะมีบทตัวละครพูดขึ้นมา 2 คน สำคัญยังไง สำคัญตรงที่จะเป็นตัวกำหนดฉากจบนั่นเอง คนแรกที่ขึ้นมาจะ Fix ว่าเราจะจบเกมกับตัวละครตัวนี้ ส่วนคนที่ 2 ที่พูดต่อ จะบอกว่า ถ้าเราลดความชอบตัวละครตัวแรกลง (แล้วเป็นไปได้ เพิ่มค่าความชอบตัวละครที่ 2 ต่อ) เราจะจบกับตัวละครที่ 2 ได้ ซึ่งเราก็ต้องทำรอบต่อไปนั่นเอง
วิธีทำของผมหลังจบเกมรอบแรก คือ
(1) เลือกเซฟ มา จากนั้นทำการยัดยาปลุกอารมณ์ 20 อัน ให้ตัวละครที่ขึ้นตัวแรก จากนั้นทำการยัดยาสเน่ห์ให้ตัวละครที่ 2 อีก 20 อัน
(2) ไปสู้กับอัลม่าร่างที่ 3 จะเห็นการเปลี่ยนแปลง คือ ตัวละครที่ 2 จะเป็นคนพูดคนแรก แล้วตัวละครคนอื่นจะกลายเป็นคนพูดที่ 2 แทน
(3) จากนั้นก็ดูฉากจบตัวละครใหม่
วน Loop
107. ทุกฉากจบยกเว้น เอเมอสัน, แอนนุกับริเรียจะขึ้นต้นเหมือนกันหมดครับ
- ฟิเดลกำลังตั้งใจเรียนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหพันธ์ เขามีความสามารถทางการต่อสู้ในระดับสูงแต่เขาดูเหมือนเขาจะมุ่งมั่นเป็นกัปตัน ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะคอยช่วยเหลือเป็นประจำ แต่ตอนนี้สิ่งจำเป็นคือความพยายาม เวลายังมีอยู่ตอนนี้ จะคอยดูแลนายอยู่ห่างๆเอง เพราะฉะนั้นรีบๆขึ้นมายังตำแหน่งที่สูงให้ได้ละ
ฉากจบมิกิ
มิกิ : อาหารมื้อค่ำเสร็จแล้วนะ
ฟิเดล : ขอบคุณนะ อีกเดี่ยวก็จะไปแล้ว
มิกิ : อย่าพยายามมากเกินไปละ
ฟิเดล : มิกิต่างหากที่ไม่ค่อยพยายามเลย อยากจะเป็นเหมือนคุณเอเมอสันกับคุณแอนนุไม่ใช่เหรอ
มิกิ : แค่เค้าเป็นเจ้าสาวก็พอแล้วนี่
ฟิเดล : เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ
มิกิ : ไม่มีอะไรจ๊ะ มาพยายามด้วยกันนะ
ฟิเดล : นั่นสิ เอาละเสร็จแล้ว ไปทานข้าวเย็นกันเถอะ
ฉากจบวิคทอล
วิคทอล : เวลาที่สัญญาไว้มาถึงแล้วนะ
ฟิเดล : จะเป็นคู่มือให้ด้วยกายและใจอย่างเต็มที่
วิคทอล : ขอความกรุณาด้วย
วิคทอล & ฟิเดล : ขอบคุณครับ
วิคทอล : วันนี้ให้หลังอีก 1 ปี มาประลองกันอีกไหม
ฟิเดล : จะฝึกฝนฝีมือไว้รอชมละกัน
ฉากจบฟิโอเร่
ฟิโอเร่ : สบายดีหรือเปล่า
ฟิเดล : สบายดีครับ ครั้งนี้อยากจะให้สอนเรื่องเรียนให้ผมหน่อย
ฟิโอเร่ : นั่นสิ ถ้างั้นก่อนอื่นไปกินมื้อเย็น จากนั้นก็ไปซื้อของ แล้วก็ต้องไปสวนสาธารณะที่มองเห็นโลกได้ด้วย
ฟิเดล : ได้ยินที่ผมบอกไหม อยากจะให้สอนเรื่องเรียน
ฟิโอเร่ : แน่นอน
ฟิเดล : งั้น
ฟิโอเร่ : เวลาที่เสียไป จะสอนชดเชยจนโต้รุ่งให้เอง
ฟิเดล : ครับๆ
ฉากจบเอเมอสัน
- ฟิเดลกำลังตั้งใจเรียนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหพันธ์ เขามีความสามารถทางการต่อสู้ในระดับสูงแต่เขาดูเหมือนเขาจะมุ่งมั่นเป็นกัปตัน
เอเมอสัน : นี่คือยานลำใหม่ที่ฉันต้องมาเป็นกัปตัน
ฟิเดล : ยอดไปเลยครับ
เอเมอสัน : ไม่ใช่แค่สุดยอดหรอก แต่นายก็ต้องมาประจำด้วยเหมือนกัน
ฟิเดล : เอ๋
เอเมอสัน : ไม่พอใจเหรอ
ฟิเดล : เปล่าครับ จะดีเหรอ
เอเมอสัน : ในตอนนี้ทันทีอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่ยังไงฉันก็จะเรียกนายมา เพราะฉะนั้นตั้งใจสอบให้ผ่านละ
ฟิเดล : ผมจะพยายามครับ
เอเมอสัน : จะตั้งหน้าตั้งตารอนายละกัน
ฉากจบแอนนุ
- ฟิเดลกำลังตั้งใจเรียนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหพันธ์ เขามีความสามารถทางการต่อสู้ในระดับสูงแต่เขาดูเหมือนเขาจะมุ่งมั่นเป็นกัปตัน ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะคอยช่วยเหลือเป็นประจำ แต่ถ้าแกไปยุ่มย่ามกับแอนนุละก็อีกเรื่องนึง ได้เป็นคู่ปรับของฉันแน่ แล้วก็ไม่เรียกแกมาเข้าร่วมกองเรือของฉันด้วย (เอเมอสันพูด)
ฟิเดล : อย่างนี้นี่เอง สมแล้วที่คุณแอนนุสอนหนังสือเก่งจริงๆ
แอนนุ : เหรอ
แอนนุ : วันนี้จะเรียนถึงกี่โมงละ
ฟิเดล : อาจจะใช้เวลานานหน่อย ก็จนกว่าจะทำโจทย์ข้อนี้เสร็จละกันครับ
แอนนุ : เหรอ
แอนนุ : ดื่มกาแฟหน่อยไหม แล้วมื้อเย็นละ
ฟิเดล : ตอนนี้ไม่ต้องหรอกครับ
แอนนุ : เหรอ
แอนนุ : เข้าใจโจทย์ตรงนี้หรือเปล่า
ฟิเดล : เข้าใจแล้วครับ ไม่เป็นไร
แอนนุ : แล้วโจทย์ข้อนี้ละ
ผมอวยคู่นี้ครับ....
ฉากจบของริเรีย
จะมี 2 แบบครับ คือ มีมิกิอยู่ด้วยกับไม่มี ถ้าเราจบกับมิกิก็จะมีมิกิอยู่ในฉากจบของริเรียด้วย บทพูดจะเหมือนกันแค่ไม่มีมิกิ โดยจะขึ้นต่อจากฉากจบตัวละครคนอื่น
- และริเรีย ดูเหมือนเธอจะถูกกักขังจากการแอบอ้างชื่อสถาบันวิทยาศาสตร์ของสหพันธ์ เพื่อการทดสอบ เกรงว่าฟิเดลและมิกิจะเข้าไปชิงตัวริเรียกลับมา แต่ก่อนที่จะเกิดปัญหานั้นฟิโอเร่กับ ดร.กรุ๊ป ได้ลงนามยื่นคำร้องขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะไม่มีเจ้าตัวน้อย (ริเรีย) ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการวิจัย จนกระทั่งเธอได้รับอิสระ (เอเมอสันพูด)
- ตอนนี้ฟิเดลรับเธอไปเลี้ยงดูและอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข ก็ขอให้เธอมีความสุขในฐานะที่เป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง (เอเมอสันพูด)
ริเรีย : ขอบคุณค่ะฟิเดล
ริเรีย : ขอบคุณค่ะมิกิ
ริเรีย : พี่ค่ะ ตอนนี้ฉันมีความสุขที่สุดเลยค่ะ
หมดแล้วครับ สำหรับเนื้อเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ + ฉากจบตัวละครต่างๆ แปลฉากจบแบบทุกประโยค
Like : Davichi Rebecca, 238
[Edited 2 times bank-Ultima - Last Edit 2016-04-19 15:18:51]
# Tue 5 Apr 2016 : 2:38PM
Iseria Queen;1998382 wrote:
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง เพื่อเสริมความเข้าใจ
สนธิสัญญาคุ้มครองดวงดาวที่ยังไม่ถูกบุกเบิก (UP3 : Undeveloped Planet Preservation Pact)
ในซีรีย์ Star Ocean มักมีกล่าวถึงสิ่งนี้บ่อยๆ ภาค 5 เองก็เช่นกัน ที่ทั้งฝ่ายเอมเมอสันและโครนอส ต่างกล่าวหากันว่าละเมิดข้อตกลง ว่าแต่มันคืออะไร ในภาค 5 ไม่ได้มีอธิบายไว้ชัดเจนเท่าไหร่ คนไม่เคยเล่นอาจจะงง
สรุปสั้นๆ คือ เป็นสนธิสัญญาที่ทางสหพันธรัฐทางช้างเผือก นำโดยเอจด์ มาเวอริค (พระเอกภาค 4) ร่างขึ้นมาตั้งแต่ยุคแรกๆของการเริ่มสำรวจอวกาศ เป็นข้อตกลงกันในหมู่ดวงดาวต่างๆที่มีอารยธรรมก้าวล้ำ ว่าจะไม่เข้าแทรกแซง เผยแพร่ และแพร่งพราย เทคโนโลยีต่างๆที่ตนถือครองอยู่ ให้แก่ดวงดาวที่วิทยาการยังล้าหลังและยังไม่มีเทคโนโลยีในการสำรวจอวกาศ (เรียกรวมๆว่า ดวงดาวที่ยังไม่ถูกบุกเบิก ซึ่งรวมถึงดาวเคราะห์ในภาค 5 ด้วย) ซึ่งรวมไปถึงการใช้อาวุธหรือวิทยาการสมัยใหม่กับผู้คนในดาวดวงนั้นๆ
และการต้องปกปิดตัวตนไม่ให้ผู้คนรับรู้ด้วย
ทั้งนี้เกิดจากโศกนาฏกรรมในอดีต ที่มีผู้คนจากดวงดาวที่มีวิทยาการก้าวล้ำ เข้าไปแทรกแซง เผยแพร่เทคโนโลยี ในดวงดาวที่ยังไม่ถูกบุกเบิก วิทยาการที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด เมื่ออยู่ในมือของผู้ที่กระหายอำนาจ และไร้ซึ่งความรู้เท่าทันเทคโนโลยี ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นเครื่องมือในการทำสงครามเพื่อแย่งชิงอำนาจ (ดังที่เกิดกับอาณาจักรฝ่ายศัตรูใน Star Ocean 5 ที่พอเมื่อได้วิทยาการจากโ๕รนอสก็บุกประเทศเพื่อบ้านเฉยเลย) และจบลงด้วยความพินาศย่อยยับของอารยธรรมตนเองทั้งดวงดาว
เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว จึงได้มีการร่างและประกาศใช้ UP3 ขึ้นมา ตั้งแต่หลังเหตุการณ์ใน Star Ocean 4 (หรือก็คือ เหตุการณ์ในภาค 4 คือจุดเริ่มต้นและได้ขยายความว่า UP3 มีความเป็นม่อย่างไร)
(อย่าสับสนไทม์ไลน์ ไทม์ไลน์ซีรีย์นี้เริมจากภาค 4>1> 2>5>3)
ตระกูลเคนนี่ และตัวตนที่แท้จริงของเอมเมอสัน
อื่นๆ
ไว้แค่นี้ก่อน เดี๋ยวมาต่อ
สนธิสัญญาคุ้มครองดวงดาวที่ยังไม่ถูกบุกเบิก (UP3 : Undeveloped Planet Preservation Pact)
ในซีรีย์ Star Ocean มักมีกล่าวถึงสิ่งนี้บ่อยๆ ภาค 5 เองก็เช่นกัน ที่ทั้งฝ่ายเอมเมอสันและโครนอส ต่างกล่าวหากันว่าละเมิดข้อตกลง ว่าแต่มันคืออะไร ในภาค 5 ไม่ได้มีอธิบายไว้ชัดเจนเท่าไหร่ คนไม่เคยเล่นอาจจะงง
สรุปสั้นๆ คือ เป็นสนธิสัญญาที่ทางสหพันธรัฐทางช้างเผือก นำโดยเอจด์ มาเวอริค (พระเอกภาค 4) ร่างขึ้นมาตั้งแต่ยุคแรกๆของการเริ่มสำรวจอวกาศ เป็นข้อตกลงกันในหมู่ดวงดาวต่างๆที่มีอารยธรรมก้าวล้ำ ว่าจะไม่เข้าแทรกแซง เผยแพร่ และแพร่งพราย เทคโนโลยีต่างๆที่ตนถือครองอยู่ ให้แก่ดวงดาวที่วิทยาการยังล้าหลังและยังไม่มีเทคโนโลยีในการสำรวจอวกาศ (เรียกรวมๆว่า ดวงดาวที่ยังไม่ถูกบุกเบิก ซึ่งรวมถึงดาวเคราะห์ในภาค 5 ด้วย) ซึ่งรวมไปถึงการใช้อาวุธหรือวิทยาการสมัยใหม่กับผู้คนในดาวดวงนั้นๆ
และการต้องปกปิดตัวตนไม่ให้ผู้คนรับรู้ด้วย
ทั้งนี้เกิดจากโศกนาฏกรรมในอดีต ที่มีผู้คนจากดวงดาวที่มีวิทยาการก้าวล้ำ เข้าไปแทรกแซง เผยแพร่เทคโนโลยี ในดวงดาวที่ยังไม่ถูกบุกเบิก วิทยาการที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด เมื่ออยู่ในมือของผู้ที่กระหายอำนาจ และไร้ซึ่งความรู้เท่าทันเทคโนโลยี ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นเครื่องมือในการทำสงครามเพื่อแย่งชิงอำนาจ (ดังที่เกิดกับอาณาจักรฝ่ายศัตรูใน Star Ocean 5 ที่พอเมื่อได้วิทยาการจากโ๕รนอสก็บุกประเทศเพื่อบ้านเฉยเลย) และจบลงด้วยความพินาศย่อยยับของอารยธรรมตนเองทั้งดวงดาว
เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว จึงได้มีการร่างและประกาศใช้ UP3 ขึ้นมา ตั้งแต่หลังเหตุการณ์ใน Star Ocean 4 (หรือก็คือ เหตุการณ์ในภาค 4 คือจุดเริ่มต้นและได้ขยายความว่า UP3 มีความเป็นม่อย่างไร)
(อย่าสับสนไทม์ไลน์ ไทม์ไลน์ซีรีย์นี้เริมจากภาค 4>1> 2>5>3)
ตระกูลเคนนี่ และตัวตนที่แท้จริงของเอมเมอสัน
เหมือนซิดใน FF ตระกูลเคนนี่ เป็นตัวละครที่ปรากฏใน Star Ocean มาทุกภาค แต่ละภาคก็บทบาทแตกต่างกันไป เด่นบ้าง ตัวประกอบบ้าง แต่ทุกคนในตระกูลนี้ ได้เป็นกัปตัณคุมยานอวกาศเก่งๆทั้งนั้น เรียกได้ว่าเป็นกัปตัณมาตั้งแต่ยุคบรรพบุรุษยันลูกหลานเลยทีเดียว เคนนี่คนสำคัญๆในซีรีย์นี้ก็ไม่พ้นโรนิกซ์ เจ. เคนนี่ หนึ่งในสมาชิกคนสำคัญในภาค 1 และยังเป็นพ่อของ คล็อด ซี. เคนนี่ พระเอกในภาค 2 อีกด้วย (ที่คล็อดหัวทอง เพราะได้เชื้อแม่ อิเลีย มา5555)
เรามาดูเคนนี่ในภาคต่างๆกัน
โรนิกซ์ เจ. เคนนี่ Star Ocean 1 : The First Departure
คล็อด ซี. เคนนี่ Star Ocean 2 : The Second Evolution
เคนนี่ใน Star Ocean 3 : Till the End of Time
ไม่มีรูป = = ไม่รู้ชื่อถ้าจำไม่ผิด โผล่มาแว๊บเดียว แล้วโดน The Executioner สอยยานดับอนาถ
สตีเฟ่น ดี. เคนนี่ Star Ocean 4 : The Last Hope
และล่าสุด เคนนี่แห่ง Star Ocean 5 : Integrity and Faithlessness นั้น ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน ก็คือลุงเอมเมอสัน ผู้ลึกลับนั่นเอง!!
ชื่อจริงๆของเขาก็คือ เอมเมอสัน ที. เคนนี่ เป็นกัปตัณยานอวกาศผู้เก่งกาจ ในภาคนี้เราจะได้เห็นลีลาความสามารถในการบัญชาการยานของคนตระกูลเคนนี่อย่างเต็มอิ่มจุใจเลยทีเดียว (ดูจนเซ็ง 555)
เครดิตรูปจาก starocean.wikia.com
เรามาดูเคนนี่ในภาคต่างๆกัน
โรนิกซ์ เจ. เคนนี่ Star Ocean 1 : The First Departure
คล็อด ซี. เคนนี่ Star Ocean 2 : The Second Evolution
เคนนี่ใน Star Ocean 3 : Till the End of Time
ไม่มีรูป = = ไม่รู้ชื่อถ้าจำไม่ผิด โผล่มาแว๊บเดียว แล้วโดน The Executioner สอยยานดับอนาถ
สตีเฟ่น ดี. เคนนี่ Star Ocean 4 : The Last Hope
และล่าสุด เคนนี่แห่ง Star Ocean 5 : Integrity and Faithlessness นั้น ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน ก็คือลุงเอมเมอสัน ผู้ลึกลับนั่นเอง!!
ชื่อจริงๆของเขาก็คือ เอมเมอสัน ที. เคนนี่ เป็นกัปตัณยานอวกาศผู้เก่งกาจ ในภาคนี้เราจะได้เห็นลีลาความสามารถในการบัญชาการยานของคนตระกูลเคนนี่อย่างเต็มอิ่มจุใจเลยทีเดียว (ดูจนเซ็ง 555)
เครดิตรูปจาก starocean.wikia.com
อื่นๆ
- Star Ocean ภาคเลขคี่ จะมีพระเอกผมสีฟ้า ส่วนภาคเลขคู่จะมีพระเอกผมสีทอง และไม่รู้ทำไม ผมเล่นจบแต่ภาคเลขคี่ ภาคเลขคู่ดองจนทุกวันนี้
- ระบบวาร์ปแรงโน้มถ่วง ซึ่งทำให้การเดินทางเร็วกว่าวาร์ปแบบธรรมดา ที่เราเห็นใช้กันทั่วไปในภาค 3 ในตอนนั้นมีเกริ่นๆไว้นิดหน่อยว่าใครเป็นผู้คิดค้น คิดค้นเมื่อไหร่ เราจะได้เห็นต้นกำเนิดของมันในภาค 5 นี้เอง
- อิเซเรียควีนมีมาทุกภาค แต่ละภาคก็โมเอะและโหดสุดๆ หวังว่าภาคนี้จะโมเอะเหมือนเดิมนะ
- ระบบวาร์ปแรงโน้มถ่วง ซึ่งทำให้การเดินทางเร็วกว่าวาร์ปแบบธรรมดา ที่เราเห็นใช้กันทั่วไปในภาค 3 ในตอนนั้นมีเกริ่นๆไว้นิดหน่อยว่าใครเป็นผู้คิดค้น คิดค้นเมื่อไหร่ เราจะได้เห็นต้นกำเนิดของมันในภาค 5 นี้เอง
- อิเซเรียควีนมีมาทุกภาค แต่ละภาคก็โมเอะและโหดสุดๆ หวังว่าภาคนี้จะโมเอะเหมือนเดิมนะ
ไว้แค่นี้ก่อน เดี๋ยวมาต่อ
Like : Davichi Rebecca
[Edited 1 times bank-Ultima - Last Edit 2016-04-08 08:03:13]
# Tue 5 Apr 2016 : 3:08PM
member
เจ้าสำนักหลังเขารุ่นที่ 1
ส่องหาแต่นม #5
Since 17/11/2007
(16564 post)
เพิ่งเล่นถึงตอนพ่อพระเอกตาย
Like : Gorrilaz
# Tue 5 Apr 2016 : 3:35PM
ขอบคุณมากๆครับ ยังไม่อ่านละกันรอเล่นก่อน
# Tue 5 Apr 2016 : 3:39PM
มาเสพต่อให้ลึกซึ้ง
# Tue 5 Apr 2016 : 3:43PM
เข้ามาแอบดู เพราะกว่าจะได้ซื้อเครื่องคงอีกพักใหญ่ๆ
# Tue 5 Apr 2016 : 3:50PM
รอเล่นENGเลยยังไม่ขออ่าน แต่ก็ของคุณครับรอเล่นENGก่อนอิๆๆ ^3^
# Tue 5 Apr 2016 : 5:25PM
lv50
เพิ่มาได้ครึ่งทาง
เพิ่มาได้ครึ่งทาง
Like : Iseria Queen
View all 2 comments >
Tue 5 Apr 2016 : 6:05PM
member
เจ้าสำนักหลังเขารุ่นที่ 1
ส่องหาแต่นม #5
Since 17/11/2007
(16564 post)
เกมนี้เลเวลเต็ม 255 ยังอีกยาวไกล
Like : Gorrilaz
[Edited 1 times Iseria Queen - Last Edit 2016-04-05 18:05:33]
Tue 5 Apr 2016 : 9:23PM
Iseria Queen;1998147 wrote:
เกมนี้เลเวลเต็ม 255 ยังอีกยาวไกล
# Tue 5 Apr 2016 : 5:28PM
ภาพสวยงามแหะ
จะมีภาค ENG มั้ยครับ และต้องตามภาคก่อนๆ หรือเปล่าเอ่ย
จะมีภาค ENG มั้ยครับ และต้องตามภาคก่อนๆ หรือเปล่าเอ่ย
View all 1 comments >
<<
<
1
2
3
>
>>
Reply
Vote
Related Thread
Popular Thread
1 online users
Logged In :
Logged In :
member
Since 7/4/2006
(17267 post)