Zack Snyder พูดถึงหนังฺ batman V Superman ฉบับ ULTIMATE CUT เวอร์ชั่นเรท R ยาว 3 ชั่วโมง
DC Universe Club
Zack Snyder พูดถึงหนังฉบับ ULTIMATE CUT เวอร์ชั่นเรท R ยาว 3 ชั่วโมง
[เปิดเผยเนื้อหาสำคัญด้านใน]
.
.
.
.
อย่างที่ทราบกัน Batman v Superman : Dawn of Justice จะมีเวอร์ชั่นที่เรียกว่า ULTIMATE CUT ซึ่งเป็นธรรมเนียมของ Zack Snyder มาสมัย Watchmen ว่าเขาจะมีเวอร์ชั่นพิเศษมาลงแผ่นอีกที คราวนี้ Collider ก็ได้นั่งจับเข่าคุยกับแกครับว่าเราจะได้เห็นอะไรในเวอร์ชั่นนี้บ้าง
"เราเรียกมันว่า Ultimate Cut สำหรับผมแล้วมันคือการที่คุณจะได้เข้าถึงโลกของเราลึกลงไปอีกและยาวขึ้นกว่าเดิม ผมคงต้องบอกว่าเราไม่เล่าเนื้อหา Superman กับ Batman ของแต่ละคนมากเท่าไร แต่มันก็มีเรื่องราวย่อยๆที่คั่นกลางระหว่างความขัดแย้งนั้น ซึ่งมันจะช่วยต่อเติมเรื่องราวที่โดนตัดออกมา นั่นคือสิ่งที่ผู้ชมจะได้รับครับ"
แล้วอะไรบ้างล่ะที่ผู้ชมจะได้เพิ่มเติมจากฉบับเก่า Zack ก็เผยนิดๆให้เรารู้มาหน่อยครับ
- ฉากแอคชั่นเพิ่มขึ้น
- ฉากความรุนแรงที่โดนหั่นออกโดยองค์กรจัดเรท MPAA ซึ่งจะนำกลับมาให้เต็มๆ (เช่นฉากที่ยิงหัวอาจจะได้เห็นหัวโดนยิงเป็นรูอะไรแบบนั้น)
- ความรุนแรงในฉาก Batman ในโกดังที่มากขึ้นและยาวขึ้น
- ความเข้มข้นในฉากที่ต่อสู้กับ Doomsday จะทวีคูณ
- ฉากจบนานกว่าเดิม และฉากเปิดเรื่องที่แอฟฟริกาจะเปลี่ยนไปที่แตกต่างจากฉบับฉายโรงมาก
ยังไม่นับรวมถึงฉากที่ Jena Malone ตัวละคร Barbara Gordon โดนตัดออกจากหนังด้วยครับ และด้วยฉากที่เพิ่มขึ้นมาหนังจะยาวขึ้นอีก 30 นาที
อ้าวแล้วทำไมฉากพวกนั้นถึงโดนตัดออกล่ะอาจจะลดความรุนแรงลงแต่ให้ยาว 3 ชั่วโมงก็ได้นิ Zack ก็ตอบดังนี้ครับ
"ตอนหนังเสร็จคือมันก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรครับ แต่เพราะว่ามันยาวเกิน ยาวโคตรๆ ซึ่งผมไม่ได้คิดนะว่ามันยาว แต่เมื่อพอคุณทำหนังที่ยาวมากกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง ทางค่ายก็เริ่มไม่แน่ใจล่ะ และผมก็ไม่ใช่ James Cameron ด้วยที่จะพูดใส่หน้าค่ายว่า "ไม่ ถ้ามันจะ 3 ชั่วโมงก็ต้อง 3 ชั่วโมง!" "
ใครที่ยังไม่อิ่มจากฉบับฉายโรงก็รอฉบับ Ultimate Cut ได้เลย โดยจะวางจำหน่ายวันที่ 27 กรกฎาคมครับ อีก 4 เดือน
http://collider.com/batman-v-superman-deleted-scenes-directors-cut/
Cr.DC Universe Club
####################################################################################################
แถม
ไขข้อข้องใจเกิดอะไรขึ้นกับฉาก Knightmare Batman?
เผื่อใครงงเรื่องฉากที่บรูซ เวนย์ ฝัน
Popular News
แสดงความคิดเห็น
หนึ่งในฉากที่ตัดออก ที่วอร์เนอร์เอามาโชว์ ดาร์คไซด์มาแน่ จริงๆมันก็ยืนยันตั้งแต่พาราเดมอนแล้วนะ อันนี้ก็ย้ำเข้าไปอีก แล้วดาร์คไซคงไม่กากแน่ เพราะขนาดดูมส์เดย์ยังขนาดนี้
000000000000000000000000000000000000000000000
เนื้อหาของ BVS จริงๆไม่เยอะนะครับ แต่อีสเตอร์เอ้ก+รายละเอียดมันใส่ไว้เต็ม
คือคนดูรู้เรื่องอยู่แล้ว พล็อตมันเรียบง่าย ไม่ได้ซับซ้อนแบบอินเซ็ปชั่น หรือ ต้องรอด แต่อาจไม่เข้าใจพื้นฐานของตัวละคร คือบทมันไม่มีแบ็คกราวน์ของตัวละคร ก็จะไม่เข้าใจมุกในหนัง ไม่ฟินกับบางฉาก แต่ภาพรวมนี่รู้เรื่อง+สนุก อันนี้ผมถามลุงอายุ 60+ ที่ไปดูมา แกก็บอกว่าดูรู้เรื่องไม่เห็นจะงงตรงไหน
ส่วนตัวผมชอบ BVS นะครับ โคตรชอบเลย ถึงจะมีหลายส่วนให้ติ และถ้าว่าเรื่องความสนุกแล้ว ผมก็ให้ 8-9 คะแนนอยู่ สนุกกว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่หลายเรื่องเยอะเลย นี่ขนาดผมว่าฉากจบมันจัดหนักน้อยไปนะ 5555555
ส่วนตัวผมคิดว่านี่เป็นหนังที่ผมคงดูได้หลายรอบ watchmen ผมก็ดูหลายรอบ รายละเอียดเยอะดี BVS นี่ก็เหมือนกัน ถ้าให้ผมไปดูโรงอีกรอบผมก็ดูอยู่ครับ คิดๆอยู่เหมือนกันว่าจะจัดอีกรอบ ส่วนแผ่นเวอร์ชั่นเรต R นี่รอเลยครับ
ก่อนหนังฉายผมก็เห็นคนในจีคอนที่พูดเรื่องหนังเวอร์ชั่นเต็มที่จะไม่ได้ฉายโรงกันอยู่นะครับ
เรื่องโอเครแล้วล่ะ สิ่งที่จะเล่าโอเครแล้วล่ะ
แต่พอลำดับมันเพี้ยนก็เลยกลายเป็นดูแย่ๆไป
ตัวอย่างที่ผมว่ายังไม่ควรเล่า แต่น่าจะเอาไปเป็นหลังเครดิตผมว่าน่าจะพีคกว่านี้
รีบร้อนเกินไป ทุกอย่างดูรีบร้อนไปหมด แต่หนังกลับทำให้รู้สึกอืดอาดซะยังงั้น คำจำกัดความความของหนังเรื่องนี้สำหรับผมครับ
รายละเอียดที่ตั้งใจทำ คีย์เวิร์ดต่างๆ แทรกมาตลอดเรื่อง ถ้าตามทัน หรือสะกิดใจบ้าง จะสนุกไปกับการปะติดปะต่อเรื่องราว ยิ่งการตัดฉากแบบสะเปะสะปะนั่นส่งเสริมการกระตุ้นความคิดได้ดีทีเดียว
แต่ถ้าเคยชินกับหนังแบบเคี้ยวละเอียดๆแล้วป้อน สำเร็จรูปสไตล์ฮีโร่มาเวลจนเคยตัว ก็ทำให้เกลียดเรื่องนี้ได้ไม่ยากเลย
ตัวเองเป็นคนทำตัดต่อห่วยแตกขนาดนี้ ทำให้ต้องยอมเสียตังหลายๆรอบ เพื่อให้ดูสนุกขึ้นด้วย
เพื่อนผมดู BvS รอบเดียวเข้าใจหมดทั้งๆที่มันรู้จักแค่ Batman กับ Superman
- ลูอิสดำน้ำเอาหอก มันบอกว่าเป็นธรรมชาติของคน เห็นระเบิดตูมตามอยู่ทางนั้นก็นึกถึงตอนที่ Superman สู้กับ Zod ไอ้หอกนั่นลูอิสไม่รู้หรอกว่ามันเป็นอะไร แต่มันล้ม Superman ได้ก็น่าจะล้มตัวอะไรที่สู้กับตูมตามได้
- Batman บอกแม่ Superman ว่าเป็นเพื่อนกับลูกชายคุณ มันว่าปกติคนไปช่วยตัวประกันต้องพูดทำนองนี้อยู่แล้ว ให้เขาไว้วางใจเราาที่ไปช่วย
- Superhero คนอื่นๆมันก็ไม่รู้จัก แต่รู้ว่าชุดแดงทะลุมิติมาจากอนาคต
อีกเยอะ ผมดู DC ทั้งหนังทั้งซีรี่ยังงง มันดูแล้วเข้าใจหมดเลย
ถามว่ามันจะฆ่ากันอยู่แหมบๆ ทำไมถึงเปลี่ยนใจพลิกกลับมาเป็นเพื่อนกันได้
-มันแค่สงสัยว่าซุปอาจเป็นภัยต่อโลก แต่มันก็รู้ว่าซุปเป็นฮีโร่คอยช่วยเหลือผู้คน ถึงมันจะแขวะว่าเหมือนช่วยแมวลงจากต้นไม้
-ตอนแรกมันเข้าใจว่าที่ซุปมาเพราะรับคำท้ามัน เพราะมันเปิดไฟเรียก เพราะซุปเคยบอกมันว่าคราวหลังถ้ามีคนฉายไฟเรียกอย่าออกไปอีก
แต่พอมันรู้ว่าที่แท้แล้วซุปไม่ได้มาสู้กับมัน แต่มาขอให้มันช่วยแม่ แถมยอมมาตาย แทนที่จะฆ่ามันเอาไปแลกแม่ ทั้งๆที่โดนผู้ร้ายบีบบังคับมา เป็นใครก็คงซึ้งใจล่ะครับ มันถึงพลิกกลับมาเป็นเพื่อนกัน ก็ออกแนวคุณธรรมน้ำมิตรแบบพวกพระเอกนิยายกำลังภายใน
-ที่หยุดเพราะได้ยินชื่อแม่ก็ถูกแล้ว เพราะมันก็ฝันถึงแม่มันที่ถูกฆ่ามาตลอด ภาพสร้อยไข่มุกกับปืน การไปช่วยก็เหมือนมันได้ไถ่บาปคลายปมในใจมัน จริงๆประเด็นชื่อแม่ของ 2ซูเปอร์ฮีโร่ที่เหมือนกันนี่ต้องชมแซ็คที่หยิบมาเล่นครับ
เอสเตอร์เอ้กก็เยอะเกินจนจำไม่หมด ถึงจะรู้ตัวละครของ DC อยู่บ้างก็เถอะ
ตัวเองเป็นคนทำตัดต่อห่วยแตกขนาดนี้ ทำให้ต้องยอมเสียตังหลายๆรอบ เพื่อให้ดูสนุกขึ้นด้วย
หนังมันไม่ได้ไล่ให้ไปดู 2-3 รอบ ถึงจะเข้าใจหรอกครับ คนละประเด็นไม่เกี่ยวกันครับ
หนังมันก็กะให้คนเข้าไปดูๆกันเหมือนหนังเรื่องอื่นๆทั่วไปนั่นแหละครับ แต่ใครจะดูแล้วเข้าใจอะไรแค่ไหนอันนั้นเป็นเรื่องของแต่ละคนละ ส่วนที่เป็นแฟนเซอร์วิสในหนังมันไม่ได้มีผลกับเนื้อเรื่อง หรือทำให้คนดูทั่วไปสับสนเลยครับ หนังมันก้พล็อตเรื่องเรียบง่ายจะตาย
ส่วนใครจะดูรอบที่ 2-3-4-5-6..... อันนี้ก็แล้วแต่แต่ละคนล่ะครับ เอาง่ายๆก็แบบ Interstellar น่ะครับ คนที่ไปดูในโรงก็ดูกันรอบเดียวเข้าใจ แต่คนที่ดูแล้วไม่เข้าใจก็มี ส่วนคนที่ชอบจะกลับไปดูรอบ 2-3-4 แล้วเห็นรายละเอียด หรือเห็นมุมมองใหม่ๆเพิ่มขึ้น อันนั้นก็อีกเรื่องครับ
2001: A Space Odyssey (โคตรอภิมหาหนังไซไฟอันดับหนึงของโลก) นี่ Stanley Kubrick กับ Arthur C. Clarke บอกเลยนะครับว่า ไม่มีทางที่คนดูรอบเดียวจะเก็บเกี่ยวทุกอย่างในหนังได้หมด เพราะพวกเขาใส่สัญลักษณ์ใส่รายละเอียดเข้าไปเยอะมากๆๆๆๆ ด้วยการเขียนบท+ขยายโครงเรื่องของนิยายไปพร้อมๆกับการสร้าง เสร็จพร้อมๆกันทั้งบท+นิยาย และถ่ายทำใช้เวลาถึง 5 ปี