แฟนเมก้าเทน (Megami Tensei) ครับ ธีมไหนก็ได้เล่นหมด (แต่ค่อนข้างผิดหวังมาก ๆ กับซีรีส์ Devil Survivor นะ หลัง ๆ เล่นแล้วไม่ค่อยสนุกเลย) ตอนนี้ก็กะเอาเกมนี้ไว้เล่นฆ่าเวลารอ Shin Megami Tensei IV FINAL (กุมภาพันธ์) กับ Persona 5 (สักวันหนึ่งในชาตินี้) ตอนเปิดตัวหลังจากโยนชื่อชั่วคราว Shin Megami Tensei X Fire Emblem ทิ้งแล้วกลายเป็น ♯FE ก็ทำเอาอึ้งไปสามสิบวิ ว่านี่พี่กะจะขายไอด้อลจริง ๆ เหรอ? แต่พอมาลองได้เล่นจริงแล้วไม่ใช่แค่ไอด้อลครับ มันคือ Shin Megami Tensei ที่ยืมพลังจากตัวละคร Fire Emblem มาสู้ผู้ร้าย โดยมี setting เป็นวงการบันเทิงแทบทั้งหมดของญี่ปุ่นที่อยู่ในโตเกียวเลย
สามบรรทัด
มัน
ยอดมาก
ค่ะจอร์จ
แบบตอนโดนเบิกเนตรหยั่งรู้ถึงความเป็นจริงนี่อารมณ์ประมาณนี้เลย
อยากได้เมก้าเทนแบบ HD คุณได้เมก้าเทนแบบ HD ณ บัดนาว!
แบบใหญ่ Link
ไม่อะครับ ไม่ได้ขาย idol shit หรือ moe shit แบบที่อินเตอร์เน็ตสบประมาทไว้ วงการบันเทิงมากันครบในที่นี้ก็รวมถึง ละครทีวี ละครเวที ดนตรี กราเวียร์ไอด้อล รายการทำอาหาร ฯลฯ แทบไม่มีเซอร์วิสสำหรับประชาชนชาวโอตาคุเลยแม้แต่นิดเดียว ตัวตนของโอตาคุในเรื่องก็มี แต่เป็นแบบน่ารัก ๆ ขำ ๆ เสียมากกว่าอีกต่างหาก โทนของเรื่องก็เน้นสดใสแล้วก็พลังที่ดีปะทะพลังที่ไม่ดีเป็นหลักครับ
ส่วนที่เริ่มมาก็อินได้นี่คงเพราะตัวผู้รีวิวเองก็ยืนอยู่ในจุดเดียวกันกับตัวละครเอกนะครับ คือไม่ดูทีวิเลย เรื่องดารานักร้องนี่ก็ไม่หือไม่อือแน่นอน แต่อยู่ดี ๆ ต้องมาอยู่ใกล้ ๆ กับนางเอกที่รู้ไปหมดเรื่องวงการบันเทิง แถมยังมีพรสวรรค์ที่สามารถใช้พลัง "เพอร์ฟอมาร์" อันเป็นพลังความคิดสร้างสรรค์และการแสดงออกที่มีอยู่ในแต่ละบุคคล ที่สามารถใช้ควบคุม "มิราจ" ซึ่งเป็นจิตจากอีกโลกหนึ่งที่เป็นจิตของนักรบจากโลก Fire Emblem ได้ ทีนี้จึงถูกดึงตัวเข้าไปใน Fortuna Entertainment ซึ่งนอกจากจะเป็นเอเจนซี่ของดาราแล้วยังเป็นที่รวมตัวกันของมิราจมาสเตอร์ที่สามารถหยุดยั้งพวกมิราจไม่ดีจากโลกอื่นออกมาสูบพลังของมนุษย์ในโลกฝั่งเราได้
อย่างที่กล่าวไปว่าไม่มีแฟนเซอร์วิสจำพวกโมเอ๊โมเอ้ หรืออะไรที่มันเกินเหตุทำให้ผิดคาดพอสมควร ตัวละครแต่ละตัวก็เขียนออกมาได้ค่อนข้างเคารพเพศ (โดยเฉพาะเพศสตรีที่วัฒนธรรมญี่ปุ่นไม่ค่อยบันยtบันยังเรื่องส่วนนี้เท่าไรนัก) และมีอุปนิสัยที่ค่อนข้างสมจริงสัมผัสเข้าถึงได้ง่ายแล้วก็ไม่เวอร์มาก ซึ่งถ้าเล่นไปแล้วคิดได้ว่าตัวละครเพื่อนเราพวกนี้หลายตัวก็พูดจาทำตัวเหมือนเพื่อนสมัยเรียนเราปกติ ๆ นี่คือโอเคละครับ เซอร์ไพรส์อยู่เหมือนกันจากที่ดูภาพลักษณ์ภายนอกของเกมแบบผ่าน ๆ
โดยรวมแล้วถูกใจครับ เกมมีทั้งจุดตลกและจุดน่ารัก ๆ เยอะ นางเอกก็เป็นสาวออกไฮเปอร์กับตื่นเต้นง่ายหน่อย ๆ แต่ก็กล้ามาเข้าวงการบันเทิง คนที่เหมือนจะขรึมก็ดันตัวจริงคิขุอาโนเนะ คนที่ดูเหมือนจะขรึมอีกคนก็...ไม่สปอยล์ ตัวละครเด็กผู้หญิงก็น่าเอ็นดูในขอบเขตอันมีศีลธรรมอันดีงาม ตัวละครอื่น ๆ ก็แทนคนในวงการได้ดีครับ แต่เนื่องจากผมไม่หือไม่อือเรื่องวงการบันเทิงเลยไม่รู้เรื่องว่าเขาล้ออะไรบ้าง เท่าที่อ่านมาหรือรู้จักก็มีล้อทารันทีโน่ (?) ล้อ Marty Friedman (มือกีตาร์วงเมทัลตะวันตก ผันตัวไปเป็นคุญี่ปุ่นตอนแก่) ส่วนที่เป็นพลังความดีสู้กับความชั่วก็น่าจะอิงจากซีรีส์ Fire Emblem เป็นหลัก ซึ่งไม่มีจุดติอะไรครับ คือเราเห็น RPG ที่แฟนตาซี ไซไฟ สยองขวัญ เอาตัวรอดหลังโลกแตก ชีวิตวัยเรียน ฯลฯ อะไรมาเยอะแล้ว เจอแบบใช้แบ็คกราวน์เป็นวงการบันเทิงก็รู้สึกแปลกใหม่ดีครับ
ใช้พลังเต้นกับร้องเพลง พลังการแสดงละคร พลังนางแบบนิตยสาร พลังพิธีกรรายการทำอาหาร พลังแอ๊บแบ๊ว ปราบปีศาจ แบบตั้งใจเอาจริงเอาจังนะ ไม่ใช่แบบ Omega Quintet ...เกือบลืมไปแล้วว่าเคยเล่นอะไรทำนองนั้น
เรื่องเกมเพลย์กับระบบต่าง ๆ อย่างแรกที่จะพูดถึงคือการดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างเรียบง่าย ก็คือตัวเนื้อเรื่องหลักจะแบ่งเป็นบท จบบท 1 ก็มี บท 2 บทละเรื่องราวเช่นบทนี้เกี่ยวกับการถ่ายแบบ บทนี้เกี่ยวกับการกำกับละคร แล้วก็จะมีดันเจี้ยนให้ลุยตามธีมและมิตาจตัวร้ายของบทนั้น พอจบบทก็จะมีส่วนที่เรียกว่าพักครึ่ง (Intermission) เอาไว้สำหรับเช็คว่ามีเนื้อเรื่องเสริมที่จะเกี่ยวกับตัวละครใน Fortuna Entertainment ที่ตัวเอกสังกัดว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งจะโผล่มาตามค่า stage rank ของตัวละครนั้นว่ามีมากแค่ไหน (ได้จากการเอาเข้าสู้หรือทำคอมโบร่วมด้วยบ่อย ๆ) ซึ่งในส่วนเนื้อเรื่องเสริมนี้เอาเข้าจริงแล้วก็สามารถทำระหว่างอยู่ในตัวบทเนื้อเรื่องหลักก็ได้ แล้วก็ควรทำด้วยเพราะเราจะได้รู้จักตัวละครนั้นมากขึ้นแล้วมันก็มีผลต่อความเก่งกาจของตัวละครนั้นค่อนข้างมากหลังทำเสร็จแล้วถ้าเป็นตัวละครแบบเอาเข้าฉากต่อสู้ได้ ถ้าเป็นตัวละครซัพพอร์ตก็จะมีอบิลิตี้เสริมให้ เช่นเงินตกเยอะขึ้นเป็นต้น ทำไม่ยากแล้วก้มีไม่มากครับ ที่เหลือก็จะเป็นเควสทั่วไปแบบที่ชาว RPG รู้จักกันดี เก็บของอันนั้นมาให้ ไปปราบศัตรูตัวนี้หน่อย ซึ่งมีจำนวนไม่เยอะและไม่ซับซ้อนเช่นกันกับทั้งเนื้อเรื่องหลักและเสริม ทำให้ ♯FE เป็นเกมที่เล่นแล้วไม่ปวดสมองครับ เนื้อเรื่องหลัก > เนื้อเรื่องตัวละคร > เควส จะทำให้หมดเลยก็ไม่ยาก ไม่นาน ไม่วุ่นวาย (และควรจะทำด้วย)
ด้านการพัฒนาตัวละครก็เข้าใจไม่ยาก โดยนอกจากการเก็บเลเวลตัวละคร (สเตตัสเด้งแบบสุ่มเหมือนใน Fire Emblem แต่มีทิศทางอยู่เช่นตัวเน้นเวท ก็จะขึ้นพลังเวทให้ถี่หรือมากที่สุด) แล้วก็จะมีอีกสองอย่างคือ 1. "คาร์เนจ" หรืออาวุธตัวละคร โดยแต่ละอาวุธจะมีท่าต่าง ๆ ฝังอยู่ซึ่งเราต้องเก็บ exp ให้แก่อาวุะนั้น ๆ จึงจะได้ท่าของมันมาใช้ 2. "เรเดียน ยูนิตี้" อันนี้จะเป็นสกิลที่จะติดอยู่กับตัวละครแต่ละตัวโดยเฉพาะ โดยจะแบ่งเป็นสองชนิดคือพวกพื้นฐานเช่น HP+10% อะไรทำนองนี้ กับส่วนเฉพาะตัวละครเช่นท่าพิเศษที่หาไม่ได้จากคาร์เนจหรือยูนิตี้ปกติที่หาได้มาจากการปราบศัตรูหรือเก็บไอเท็มจำนวนหนึ่งตามที่กำหนด ซึ่งพวกพิเศษ ๆ เหล่านี้จะได้จากเนื้อเรื่องเสริมเสียเป็นส่วนใหญ่ ตัวเกมจะบังคับกลาย ๆ ว่าให้ไปทำเนื้อเรื่องให้หมดทุกซอกทุกมุมซะถ้าอยากเห็นอะไรสเปเชี่ยล ๆ เกี่ยวกับตัวละครนั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรครับ ได้ดูเนื้อเรื่องเพิ่ม (full voice บางทีเป็นอนิเมชั่นด้วย) ได้ไม้ตายมาใช้ แถมทำแป๊บเดียว มีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษ ส่วนความเก่งอย่างอื่นได้จากการเปลี่ยนอาชีพจะอยู่ส่วนกลางเกมเป็นต้นไป พวกอาชีพต่าง ๆ ก็ดึงมาจากซีรีส์ Fire Emblem
พัฒนาอาวุธ + สกิล
ท่าเฉพาะของแต่ละคน
ส่วนหนึ่งที่ไม่อยากให้ง่ายก้คือความยากของระบบต่อสู้นี่แหละครับ แต่ ♯FE ดันเป็นเกมที่ไหน ๆ ก็ง่ายไปทุกอย่างแล้วศัตรูง่ายด้วยละกัน! คนรีวิวเล่น Hard แล้วนะ (ต้องจบรอบหนึ่งก่อนจึงจะได้ Lunatic หรือแบบยากสุด) อันนี้โทษตัวเกมมากคงไม่ถูกต้องเพราะว่าผมชอบเล่นโหมดยากก่อนอยู่แล้วจนเป็นนิสัยครับ คงเอาเป็นมาตรฐานไม่ได้ ตอนก่อนเกมออกมีคนไปดูคนสตรีมเล่นสดก็เห็นว่าเกมโอเวอร์บ่อยเหมือนกันทั้งที่เล่น Normal อันนี้ก็คงเป็นมาตรฐานไม่ได้อ่อนเกินไปแล้วพ่อคุณ เพราะลองเป็นเมก้าเทนแล้วไม่มีการโดนทีเดียวตายยกทีมหรือเซฟที่ไหนเมื่อไรก็ได้ถือว่าง่ายหมดเฟร่ย เกมนี้ยิ่งแล้วใหญ่เลยคือมีการปั๊มสเตตัสได้ เลเวลก็เก็บง่าย ไอเท็มพวกเติมเลือดเติมเวทชุบชีวิตก็ไม่แพงหาซื้อง่าย เรียกได้ว่าถ้าไม่ไปสดกับบอสที่เลเวลสูงกว่าเรา 5-10 เลเวลก็แทบอมตะแล้วครับ
พูดถึงระบบต่อสู้ เกิดมาไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นการร่าย Agi, Bufu, Zan. Zio แบบลีลาขนาดนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าระบบธาตุจุดอ่อน (และจุดอ่อนตามชนิดของศัตรูแบบ Fire Emblem) จะได้เกิดการต่อคอมโบในรูปแบบเดียวกับ Shin Megami Tensei: Strange Journey ที่อลังการงานสร้างขนาดนี้ ถ้าให้อธิบายแบบสั้น ๆ การต่อสู้ใน Genei Ibun Roku ♯FE คือการแสดงโชว์รูปแบบหนึ่งครับ เดี๋ยวจะลงวิดีโอไว้ให้ดูย่อหน้าถัดไปสำหรับคนที่ไม่สนใจสปอยล์พวกท่าพิเศษของตัวละครจำนวนหนึ่ง เหมือนกับว่าการต่อสู้นี่แหละเป็นอะไรที่พวกเขา (ทีมสร้าง) ใส่ใจที่สุด โมชั่นตัวละคร สีหน้าเวลาต่อสู้ ดีไซน์ศัตรู เวทีต่อสู้ ฟรุ้งฟริ้ง ปิ๊ง ๆ มิ้ง ๆ มาก ไม่ว่าไงก็ตามระบบต่อสู้ของซีรีส์เมก้าเทนถือว่าสนุกมากแทบทุกภาคอยู่แล้ว พอใส่ลีลากับสไตล์ดารานักแสดง+กายกรรมลงไปนี่เหมือนกินเปล่า ๆ ก็อร่อยน้ำจิ้มก็เด็ดดวง ก็ถือว่าทดแทนความง่ายของตัวเกมละกัน สำหรับการโจมตีจุดอ่อนหรือ weak ของศัตรูสำเร็จนี่จะถูกตามด้วยคอมโบหรือในบางครั้งจะสุ่มท่าพิเศษของตัวละครจากทั้งในปาร์ตี้และนอกปาร์ตี้เข้ามา ศัตรูก็เช่นเดียวกันก็สามารถซ้ำเราได้ถ้ามันเจอจุดอ่อนของตัวละครที่มันโจมตี ทว่าเนื่องจากบ่อยครั้งถ้าเลเวลถึงมันไม่ใช่โดนจุดอ่อนแบบทีเดียวพลาดแล้วเกมโอเวอร์แน่เลยเรา แย่จัง (แบบเกมอื่นในซีรีส์) ถ้าตัวละครเราเลเวลพอ พลังป้องกันหรือหลบพอก็ไม่ต้องกลัวว่าจะตายครับ แถมช่วงกลางเกมเป็นต้อนไปมีตัวสายป้องกันเข้ามาอีก เพราะงั้นความท้าทายถ้าคนเล่นเป็นสายเก็บเลเวลก็ตัดไปได้เลย สุดท้ายที่ชอบเป็นพิเศษระหว่างสู้บอสคือบอสมีท่าที่ออกมาเป็นฉาก cut scene เฉพาะตัวของตัวเองด้วย อยากให้ใส่ตรงนี้ลงไปใน Persona 5 จัง ดู epic เวลาสู้ดี
บาดตาเหลือเกิน
"ตาข้า! ตาข้า~!" (quote จากลาพิวต้า)
สปอยล์นะ
ในส่วนของโบนัสในเกมเช่นชุดสวมใส่ ไอเท็มลับ ของสะสม ก็อยู่ในมาตรฐาน RPG ปกติ ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป DLC ชุดว่ายน้ำโหลดทำไมในเมื่อชุดในเกมก็น่ารักอยู่แล้วเนอะ (ขอหักคะแนนการตลาดแบบนี้...ดีนะไม่ใช่เกมดังขนาดสามารถหลอกเอาเงินจาก amiibo ได้ด้วย)
มาพูดเรื่องทั่วไปกันบ้าง ดันเจี้ยนดีไซน์ อย่างน้อยก็ไม่เป็นแบบสุ่มเหมือน Persona 3, 4 หรือพัซเซิ่ลสาหัสแบบ Strange Journey กับ Persona Q หรือค่อนข้างโหดแบบพวกภาคหลัก ดีไซน์ค่อนข้างพื้นฐานไปกับปริศนากับพัซเซิ่ลแบบง่าย ๆ ครับ ความพื้น ๆ ของมันทำให้สามารถยกออกมาจากส่วนของเกมเพลย์มาส่วนของทั่วไปได้ ซึ่งนอกจากด้านฉากต่อสู้ที่สุดแสนจะ fabulous ตระการตา ที่เหลือก็ปกติ ๆ ระดับเกม PS3 แบบสีสันสดใสหน่อยแล้วก็เฟรมแทบไม่ตกเลยยกเว้นเนื้อเรื่องบางจุดที่ตัวละครมาออกันเยอะ ๆ ในจอ ตัวเมืองกับดันเจี้ยนดีไซน์ถึงจะมีธีมชัดเจนแต่ก็ไม่ได้ออกแบบโดดเด่นมากครับ ขนาดดันสุดท้ายที่ควรจะอลังการแต่ก็รู้สึกเฉย ๆ นะ ไปเน้นสวยแต่พวกตัวละคร ชุดต่าง ๆ แล้วก็ขอชมจุดหนึ่งคือฉากอนิเมชั่นค่อนข้างเยอะ มิวสิควิดีโอก็เยอะซึ่งบางอันถึงไม่ใช่แบบอนิเมก็ทำออกมาได้ดี แล้วก็พวกโมเดลอาวุธก็ชอบครับ สวย
เรื่องเพลงประกอบนี่ได้ผู้แต่ง Love Live! มา ส่วนเรื่องอะไร ๆ เกี่ยวกับวงการบันเทิงก็มี Avex Group ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่มาคอยจัดการ ขอสารภาพว่าผมไม่มีความรู้หรือสนใจทางด้านนี้เท่าที่ควรครับ (เช่นเดียวกับพระเอกในเกม) อะไรที่เกี่ยวกับ J-pop หรือวงการ มุกบางมุกที่ล้อ ตัวละครที่โดนล้อจากคนที่มีอยู่จริงหรืออะไรทำนองนั้นก็เลยเอ๋อเลย แต่เรื่องคอมมอนเซนส์อย่างถ่ายโฆษณาถ่ายชุดว่ายน้ำหรือถ่ายภาพยนตร์นี่พอเข้าใจครับ ตัวเกมก็ไม่ได้เล่นมุกเชิงลึกอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก (หรือลึกสุด ๆ วงในเน้น ๆ แบบคนรีวิวไม่รู้ตัว) ยังคงอยู่ในจุดยืนคือพลังดีปะทะพลังร้ายครับ อันนั้นก็ทำให้สามารถเล่นได้แบบเล่นเกม RPG ปกติ ๆ เพราะงั้นผู้เล่นที่สนใจแต่ไม่สนดาราไอด้อลแบบผมก็สามารถหยิบมาเล่นได้ หรือไม่รู้จักตัวละครจาก Fire Emblem มากนักก็เล่นได้นะที่จริง
ด้านเพลงประกอบนี่ถือว่ากลาง ๆ ครับ ไม่ต้องเทียบกับ Shin Megami Tensei หรือ Persona ที่เพลงประกอบล้วนอู้ฟู่ก็ได้ เทียบกับพวก RPG ปกติทั่วไปนี่แหละ ออกจะเน้นไปทางด้านเพลงร้องกับเพลงมิวสิควิดีโอเสียมากกว่า เพลงต่อสู้กับเพลงสู้บอสที่ควรทำให้ออกมาเต้นหรือขยับแข้งขยับขาเลยมาแบบเฉยสนิทครับ ละเว้นเพลงบอสใหญ่ให้เพลงนึง แต่ก็ต่ำกว่ามาตรฐานเมก้าเทนอยู่ดี สงสัยโดน Meguro สปอยล์มากไปเสียแล้วเรา
ตัว Wii U Pad สตรีมจากจอทีวีลงมาเล่นไม่ได้รับหน้าที่แทนโทรศัพท์มือถือของตัวละครกับไว้ดูแผนที่ อันนี้ไม่มีปัญหาอะไรครับแต่น่าจะทำทางเลือกไว้ให้หน่อย (ตรงกันข้าม ใช้จอย pro เล่นอย่างเดียวก็ต้องพก Pad มากดมือถือกับดูแผนที่ในเกม แบบชีวิตนี้เธอขาด Pad ไม่ได้นะจ๊ะ) แล้วก็เวลาโหลดแบบแผ่นนี่เข้าฉากต่อสู้โหลดประมาณวินาทีนึงถึงสองสามแล้วแต่สถานการณ์ก็ถือว่าในทางเทคนิคแล้วไม่ค่อยดีเท่าไรสำหรับเกมที่ต้องสู้บ่อย ๆ ครับ (เฉลี่ยต้นจนจบประมาณ 1000-2000 ครั้ง) ส่วนตัวแล้วเล่นผ่าน HDD ก็เจอบ้างแต่เร็วกว่าหน่อยนึง แต่เจนนี้เจอมาจนชินละครับ Exist Archive ที่รีวิวไปก่อนหน้านี้ยังโหลดเยอะกว่าเลย
แอป TOPIC บนจอยเป็น LINE ของเกมนี้
มีรางวัลหน้าจอสเตตัสยอดเยี่ยมแห่งปีนี่ให้ไปแล้ว
สรุปก็ตามย่อหน้าแรก แบบนี้เลยครับ Genei Ibun Roku ♯FE ออกมาได้เกินความควาดหมายพอสมควร พอเห็นแบบนี้แล้วก็ยิ่งตื่นเต้นไปกับ SMTIV: FINAL กับ Persona 5 ที่จะตามมาที่ได้ทีมทำกับ production ที่น่าจะดีกว่าพอสมควร เป็นบุญของคนที่เกิดมาเป็นสาวกเมก้าเทนจริง ๆ (พนมมือ)
8.8 คะแนน Top 5 ของคนรีวิวในปีนี้เลยครับ
หยุดปีใหม่ต้องออกไปเที่ยวทุกวันแต่ใจคิดถึงแต่ ♯FE (ถ้าไม่เที่ยวเลยเพื่อน ๆ Gconhub จะได้อ่านรีวิวเร็วกว่านี้ :P)
ก็...Megaten ของแท้และดั้งเดิม ต่อให้เอาร้องเล่นเต้นรำกับ Fire Emblem มากลบไว้ก้ตาม หลอกแฟนพันธุ์แท้ (?) ไม่ได้ร๊อก!
ถึงจะ 8.8 แต่ก็ขอสารภาพว่าใกล้เคียงกับคะแนนที่กะจะให้ Xenoblade X ตอนแรกครับ (9.1-9.5) เผอิญตอนนั้นเห็นพนันกันว่าจะให้ 10 เลยให้ 9.9 ไปเลย (หัวเราะ) เพราะงั้นถึงจะไม่ได้ขี่หุ่นบินร้องว้าว แต่ก็ว้าวไปกับความสดใสและเกมเพลย์เรียบง่ายแตสนุกสนานของ ♯FE ได้เหมือนกัน
Top 5 2015 เผื่ออยากทราบ
1. Bloodborne
2. Xenoblade X
3. Rise of Tomb Raider
4. ♯FE
5. อันนี้ตัดสินใจไม่ถูกเลยกันไว้ให้พวกที่ดองกับเล่นไม่จบอย่าง Undertale กับ The Witcher 3 เป็นต้น
แล้วก็ขึ้นปีใหม่ทั้งที เรื่องมาตรฐานคะแนนนี่ปรับความคิดใหม่นะครับ เกิน 7 นี่ก็ถือว่ายอดแล้วนะ อย่าบีบให้ต้องออก 8 ออก 9 บ่อย บางทีอยากให้ 7 ก็กลัวโดนหาว่าใจร้ายไป (ก็เคยให้ 8 แล้วโดนขู่ขม้ำมาแล้วนี่นา!) พูดกันไว้ก่อนเพราะเดี๋ยวต้องเจอกันอีกหลายเกม!!!
มีความรู้สึกอยากเล่นต้นฉบับมากกว่าฉบับแปลซะแล้ว
ปล. เกมนี้ไม่ลง Steam นะคับ
รอเซลด้าภาคหลักออก ถึงจะซื้อเครื่อง WiiU บอกไปนับ 10 รอบแล้ว แค่ตอนนี้เครื่องเกมเยอะจนเล่นไม่หมดแล้ว
แปะ
Steam_Apple Game Center_Uplay_Origin_Xbox Live: LinkWii777
Google Play Games_Google : Pattarapong Rattanakaew
PlayStation Network: LinkWii777GT
เครื่องเกมนินผมซื้อมาเกือบทุกเครื่องนะ ยกเว้น SNES, N64, GC, Virtual Boy 3D
นอกนั้นนี่เพลินดีครับ