Hitman: Agent 47 (2015) บทวิจารณ์��าพยนตร์โดย FallsDownz
Hitman: Agent 47 (2015) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz
" God Mode Activated "
ถือได้ว่าเป็นการกลับมาพบกันอีกครั้ง กับภาพยนตร์ที่มีต้นแบบมาจากวิดีโอเกม ซึ่งอย่างที่น่าจะทราบกันดี ประวัติศาสตร์ของวงการนี้นั้นค่อนข้างจะมืดมนพอสมควร จากภาพยนตร์ที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าหลายต่อหลายเรื่อง ส่วนเรื่องที่อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้แฟนๆเกมก็ตั้งคำถามถึงคุณภาพมันอยู่ทุกวัน (Reside....)
แน่ล่ะ สุดท้ายแล้วพอมีภาพยนตร์ใหม่ๆเหล่านี้ประกาศออกมาหรือมีตัวอย่างภาพยนตร์ออกมา เราก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ แถมยังมีภาพยนตร์อย่าง Warcraft หรือ Assassin's Creed ในปีหน้าที่หลายๆคนคาดหวังไว้ว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่ทำลายคำสาปนี้ให้สิ้นไป แต่สำหรับ Hitman: Agent 47 (ซึ่งจริงๆเคยเป็นภาพยนตร์มาก่อนแล้วครั้งหนึ่งในปี 2007) อนาคตนั้นดูจะลำบากเหลือเกิน
Hitman: Agent 47 ว่าด้วยเรื่องราวของเอเจนท์หมายเลข 47 ซึ่งต้องร่วมมือกับผู้หญิงปริศนาคนหนึ่งเพื่อตามหาบุคคลสำคัญที่จะนำไปสู่เป้าหมายที่เขาต้องการ
บอกตามตรงเลย ว่าถ้าหากเปลี่ยนชื่อภาพยนตร์ไปเป็นชื่ออะไรก็ได้อื่นๆ ต่อให้ชมภาพยนตร์จนจบก็แทบจะไม่รู้เลยว่านี้เป็นภาพยนตร์ที่มีต้นแบบมาจากวิดีโอเกมชื่อดังอย่าง Hitman ยิ่งโดยเฉพาะผู้ชมบางท่านที่ไม่เคยเล่นเกมมาก่อน ยิ่งแล้วใหญ่
ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะสภาพของตัวภาพยนตร์เอง ช่างจืดชืด ธรรมดา ปราศจากความสดใหม่ หรือความโดดเด่นเลยแม้แต่น้อย เสมือนเป็นแค่อีกหนึ่งภาพยนตร์แอ็คชั่นธรรมดาๆทั่วไปที่โผล่ขึ้นมาในโรงภาพยนตร์ให้ชมไม่กี่อาทิตย์แล้วเราก็ลืมๆมันไปอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่ บทภาพยนตร์ ซึ่งดาษดื่น และพูดถึงเรื่องเดิมๆที่ภาพยนตร์แนวเดียวกันเรื่องอื่นพูดมาแล้วไม่รู้กี่ล้านรอบ ไม่ว่าจะเป็น องค์กรลับอยู่เบื้องหลัง , โครงการสร้างสิ่งที่เหนือมนุษย์ สร้างกองทัพ , การท้าทายพระเจ้า , ตัวละครสูญเสียความทรงจำและต้องออกตามหาความทรงจำ บลาๆอื่นอีกมากมาย
หรือกระทั่งเหล่าฉากแอ็คชั่นเอง ก็ยังทำได้ค่อนข้างธรรมดา ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากสำหรับภาพยนตร์ที่น่าจะได้อิทธิพลมาจากเกมอย่าง Hitman โดยรวมฉากแอ็คชั่นยังถือว่าพอดูได้ สนุกได้ แต่ก็ไม่มีฉากใดน่าจดจำหรือทำให้เราร้องว้าวเลยแม้แต่ฉากเดียว
แต่ปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดของตัวภาพยนตร์จริงๆ ดูเหมือนจะเป็นตัวละครเสียมากกว่า ในขณะที่ตัวละครร้ายก็ช่างแสนจะแบนราบ ข้าร้าย ข้าอยากครองโลก ก็เพราะข้าเป็นตัวร้าย และยิงวืดมันได้ทุกนัด พระเอกของเรา เอเจนท์ 47 ก็ช่างมหาเทพเสมือนใส่สูตร เปิดโหมดพระเจ้า ปืนเล็งอัตโนมัติไม่มีวันพลาด กระสุนไม่มีจำกัด อย่างงั้นเลยทีเดียว ถ้าหากลุง เลียม นีสัน ใน Taken เปิดโหมดพระเจ้า , เอเจนท์ 47 ก็เหมือนเปิดโหมดพระเจ้าเวอร์ชั่นอัพเกรด 2.0 ซึ่งผลของตัวละครที่เป็นเช่นนี้ ก็คือภาพยนตร์ที่ปราศจากความตื่นเต้น หรือความน่าสนใจ เพราะตัวละครเอกของเราไม่เคยตกอยู่ในสภาวะลำบาก หรือสภาพที่กำลังเสี่ยงต่อชีวิตเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ทำให้สุดท้ายแล้วภาพยนตร์ที่มีต้นแบบมาจากวิดีโอเกมชื่อดังเรื่องล่าสุด Hitman: Agent 47 นี้กลายเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์แอ็คชั่นที่ปราศจากความน่าจดจำ นี้ยังคงเป็นอีกหนึ่งความล้มเหลวของฮอลลีวูดในการพยายามสร้างภาพยนตร์เหล่านี้ แต่อย่างน้อยนี้ก็ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่รู้สึกทรมาณหรือรู้สึกอยากเดินออกจากโรงระหว่างชม นี้ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่สามารถชมได้อย่างเพลินๆ เพียงแต่ว่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เราคาดหวังสำหรับสภาพของภาพยนตร์ประเภทนี้ ที่เริ่มจะสิ้นหวังเข้าไปทุกวันทุกวัน
Final Score : [ 5 / 10 ]
Related News
Popular News
แสดงความคิดเห็น
(ขอคำตอบอิงตามเกมเพื่อที่ผมจะได้เทียบว่าหนังดัดแปลงแค่ไหน)
1.พระเอกเป็นคนที่ถูกฝึกพิเศษจนเก่ง หรือถูกตัดต่อพันธุกรรมมาด้วย
2.ในเกมมีตัวเอกหญิงอื่นที่กลายพันธุหรือเก่งแบบพระเอกไหม(เอเจ้นหญิง)
3.เอเจ้นแต่ละคนนี่เป็นโคลนต่างเวอร์ชั่นหรือไม่ หรือ ต่างพ่อต่างแม่แล้วจับมาฝึก
4.องค์กรเอเจ้นมีจุดหมายอะไร รับภาระกิจฆ่าคนไปเรื่อย หรือมีเป้าหมายชัดเจน
5.ทำไมต้องเอเจ้น 47 เขามีอะไรต่างจากคนอื่นๆ
ขอบคุณครับ
แต่สิ่งที่รู้สึกว่าแตกต่างจากเกมส์คือ แม่มบู๋เป็นแรมโบ้ เดินเจอยิงๆ
ในขณะที่ตัวเกมส์เน้นการฆ่าอย่างเป็นธรรมชาติ เน้นฆ่าเฉพาะเป้าหมายจริงๆ
ในหนังน่าจะเน้นลอบเร้นให้มากกว่านี้ (เปลียนชุดให้เยอะๆไปเลย อันนี้จุดขายเลยนะในเกมก็มีให้สะสมชุดด้วย)
รึเอาแบบลอบเร้นแบบ no kill รึแบบลอบเร้นใส่ชุดดำไม่เปลียนชุด