สัม��าษณ์มิยาซากิ ฮิเดทากะ กับการเปลี่ยนแปลงใน Dark Souls 3
ตัวเต็มโดย polygon.com
[Link]
เกี่ยวกับการต่อสู้
"ในตอนที่ผมสร้าง Bloodborne ผมเริ่มจะคิดได้ว่าสิ่งใหม่อะไรที่ควรใส่ลงใน DS3 ที่ทำให้สไตล์กับการบิลด์ตัวละครมีทางเลือกหลากหลายมากขึ้น ซึ่งใน DS ผู้เล่นสามารถใช้ทั้งเวทมนตร์ ไอเท็ม หรืออื่น ๆ นอกจากนี้ได้ด้วย"
"เพื่อเติมอะไรที่เป็นวิวัฒนาการใหม่ ผมได้ทำสไตล์ท่าการต่อสู้สำหรับอาวุธทุกชนิด (Battle Arts เช่นเดียวกับคอมโบหรือการเปลี่ยนสไตล์ใช้อสวุธใน Bloodborne - ผู้แปล -) แล้วจะใส่อะไรที่คล้าย ๆ กันนี้ลงในเวทมนตร์ด้วย นั่นจะเป็นสิ่งใหม่ที่เห็นครั้งแรกใน DS3 ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ถูกขัดเกลาออกมาโดยมีพื้นจากสไตล์การเล่นเดิมให้ยังสมกับเป็น Dark Souls อยู่"
Battle Arts จะเป็นอิมแพ็คต์สำคัญในเกมเพลย์ โดยบอสและการเผชิญหน้ากับศัตรูในบางสถานการณ์จะถูกสร้างขึ้นโดยใช้แมคคานิคนี้แนวคิดหลัก
"จังหวะเกมเพลย์จะถูกเปลี่ยนไปอย่างมาก มันจะมอบทางเลือกสำหรับแผนสู้บอสให้กับผู้เล่น ยิ่งถ้าเพิ่งถูกบอสตบตายมา คราวหน้าก็ขอให้ลองใช้ Battle Arts บวกกับมันดู"
เกี่ยวกับบอสทั้งหลาย
ผู้สัมภาษณ์ถามคุณมิยาซากิเกี่ยวกับหลักแนวคิดในการดีไซน์บอสแต่ละตัว ทั้งในแง่สุนทรียศาสตร์ (ความงดงาม) แล้วก็ทัศนคติ หลังจากรู้สึกไม่ดีมากกับบอสแบบขอไปทีใน DS2 อะไรที่จะทำให้บอสใน DS3 น่าจดจำมากกว่า
"มีสิ่งหนึ่งที่ผมต้องการจะใส่ในการดีไซน์บอสในครั้งนี้คือความขัดแย้ง เรามีบอสชื่อ Dancer of the Frigid Valley ที่แน่นอนล่ะว่าชีนั้นน่ากลัวน่าเกรงขามมาก แต่ไม่ใช่แค่ให้ผู้เล่นกลัวเท่านั้นแต่ยังมีความรู้สึกเศร้าปนอยู่ด้วย ความขัดแย้งนี่แหละที่ผมต้องการจะสร้างขึ้นมา ไม่ใช่แค่น่าหวาดหวั่นแต่ต้องรู้สึกมากกว่านั้น"
"ในขณะเดียวกันเรื่องเกมเพลย์ตอนสู้บอส เราจะมีช่วงเครื่องร้อนใน DS3 ด้วย" เครื่องร้อนในที่นี้คือบอสจะเปลี่ยนแนวการสู้กลางทาง เช่น Dancer of the Frigid Valley เปลี่ยนเป็นดาบคู่แล้วมีท่าใหม่ออกมา
มิยาซากิพยายามหลีกเลี่ยงบอสแนว stereotypical (สูตรสำเร็จ) ในภาคนี้ด้วย
"ผมรู้ตัวดีว่าบอสบางตัวในภาคเก่าที่ผ่านมาออกแบบมาได้ขัดใจแฟน ๆ มาก ผมรู้ตัวเรื่องนั้นอยู่ครับ"
เกี่ยวกับความท้าทาย เนื้อเรื่อง และการรักษาความสดใหม่
"Dark Souls ที่ไม่ท้าทายจะไม่มีวันเกิดขึ้น" มิยาซากิตอบจากคำถามที่ว่าภาคใหม่จะยากมากน้อยขึ้นเพียงใด โดยหลีกเลี่ยงคำว่าความยากตอนที่พูดถึงตัว Dark Souls โดยแทนที่ด้วยการก้าวข้ามระดับความท้าทายของผู้เล่น
ในขณะที่คุณมิยาซากิบอกว่า From Software จะไม่พยายามสร้างอะไรที่ไม่มีผู้เล่นคนไหนจะไม่สามารถจัดการได้ แต่ความท้าทายบางอย่างที่จะใส่ลงไปจะสร้างความลำบากใจให้กับผู้เล่น บางคนอาจจะถึงขนาดพูดว่า "โอ้ พระเจ้าจอร์จที่ 18 ซอยข่อยแน"
Dark Souls 3 จะยังคงใช้การเล่าเรื่องแบบกำกวมสไตล์ Dark Souls อย่างที่เรา ๆ รู้กัน โดยมิยาซากิกล่าวว่าเขาชอบที่จะให้ผู้เล่นตีความกันเอาเองมากกว่า ส่วนเรื่อง DS3 จะเกิดขึ้นในสถานที่เดียวกันกับสองภาคก่อนหน้าหรือไม่ เขาบอกแค่ว่าแม้จะใช้ "worldview" เดียวกัน แต่เขาไม่มีความคิดที่จะเขียน DS3 ขึ้นโดยใช้ภาคเก่าเป็นรากฐาน
ตอนนี้ Souls series กลายเป็นเกมระดับคนเล่นทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว ทางผู้สัมภาษณ์ได้ถามว่าจะทำอะไรที่จะทำให้ผู้เล่นเหมือนโดนเฆี่ยนโดนตีแบบที่พ่อแม่ป๋มยังไม่เคยทำถึงขนาดนี้เลยนะ แบบที่เคยจัดการมาแล้วบน Demon's Souls ในปี 2009 หรือไม่
"แน่นอนว่าผมต้องการอะไรที่มันสดใหม่สำหรับ Dark Souls 3 แล้วก็กำลังปั่นมันออกมาอยู่ รายละเอียดมากกว่านี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ครับ"
[Link]
เกี่ยวกับการต่อสู้
"ในตอนที่ผมสร้าง Bloodborne ผมเริ่มจะคิดได้ว่าสิ่งใหม่อะไรที่ควรใส่ลงใน DS3 ที่ทำให้สไตล์กับการบิลด์ตัวละครมีทางเลือกหลากหลายมากขึ้น ซึ่งใน DS ผู้เล่นสามารถใช้ทั้งเวทมนตร์ ไอเท็ม หรืออื่น ๆ นอกจากนี้ได้ด้วย"
"เพื่อเติมอะไรที่เป็นวิวัฒนาการใหม่ ผมได้ทำสไตล์ท่าการต่อสู้สำหรับอาวุธทุกชนิด (Battle Arts เช่นเดียวกับคอมโบหรือการเปลี่ยนสไตล์ใช้อสวุธใน Bloodborne - ผู้แปล -) แล้วจะใส่อะไรที่คล้าย ๆ กันนี้ลงในเวทมนตร์ด้วย นั่นจะเป็นสิ่งใหม่ที่เห็นครั้งแรกใน DS3 ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ถูกขัดเกลาออกมาโดยมีพื้นจากสไตล์การเล่นเดิมให้ยังสมกับเป็น Dark Souls อยู่"
Battle Arts จะเป็นอิมแพ็คต์สำคัญในเกมเพลย์ โดยบอสและการเผชิญหน้ากับศัตรูในบางสถานการณ์จะถูกสร้างขึ้นโดยใช้แมคคานิคนี้แนวคิดหลัก
"จังหวะเกมเพลย์จะถูกเปลี่ยนไปอย่างมาก มันจะมอบทางเลือกสำหรับแผนสู้บอสให้กับผู้เล่น ยิ่งถ้าเพิ่งถูกบอสตบตายมา คราวหน้าก็ขอให้ลองใช้ Battle Arts บวกกับมันดู"
เกี่ยวกับบอสทั้งหลาย
ผู้สัมภาษณ์ถามคุณมิยาซากิเกี่ยวกับหลักแนวคิดในการดีไซน์บอสแต่ละตัว ทั้งในแง่สุนทรียศาสตร์ (ความงดงาม) แล้วก็ทัศนคติ หลังจากรู้สึกไม่ดีมากกับบอสแบบขอไปทีใน DS2 อะไรที่จะทำให้บอสใน DS3 น่าจดจำมากกว่า
"มีสิ่งหนึ่งที่ผมต้องการจะใส่ในการดีไซน์บอสในครั้งนี้คือความขัดแย้ง เรามีบอสชื่อ Dancer of the Frigid Valley ที่แน่นอนล่ะว่าชีนั้นน่ากลัวน่าเกรงขามมาก แต่ไม่ใช่แค่ให้ผู้เล่นกลัวเท่านั้นแต่ยังมีความรู้สึกเศร้าปนอยู่ด้วย ความขัดแย้งนี่แหละที่ผมต้องการจะสร้างขึ้นมา ไม่ใช่แค่น่าหวาดหวั่นแต่ต้องรู้สึกมากกว่านั้น"
"ในขณะเดียวกันเรื่องเกมเพลย์ตอนสู้บอส เราจะมีช่วงเครื่องร้อนใน DS3 ด้วย" เครื่องร้อนในที่นี้คือบอสจะเปลี่ยนแนวการสู้กลางทาง เช่น Dancer of the Frigid Valley เปลี่ยนเป็นดาบคู่แล้วมีท่าใหม่ออกมา
มิยาซากิพยายามหลีกเลี่ยงบอสแนว stereotypical (สูตรสำเร็จ) ในภาคนี้ด้วย
"ผมรู้ตัวดีว่าบอสบางตัวในภาคเก่าที่ผ่านมาออกแบบมาได้ขัดใจแฟน ๆ มาก ผมรู้ตัวเรื่องนั้นอยู่ครับ"
เกี่ยวกับความท้าทาย เนื้อเรื่อง และการรักษาความสดใหม่
"Dark Souls ที่ไม่ท้าทายจะไม่มีวันเกิดขึ้น" มิยาซากิตอบจากคำถามที่ว่าภาคใหม่จะยากมากน้อยขึ้นเพียงใด โดยหลีกเลี่ยงคำว่าความยากตอนที่พูดถึงตัว Dark Souls โดยแทนที่ด้วยการก้าวข้ามระดับความท้าทายของผู้เล่น
ในขณะที่คุณมิยาซากิบอกว่า From Software จะไม่พยายามสร้างอะไรที่ไม่มีผู้เล่นคนไหนจะไม่สามารถจัดการได้ แต่ความท้าทายบางอย่างที่จะใส่ลงไปจะสร้างความลำบากใจให้กับผู้เล่น บางคนอาจจะถึงขนาดพูดว่า "โอ้ พระเจ้าจอร์จที่ 18 ซอยข่อยแน"
Dark Souls 3 จะยังคงใช้การเล่าเรื่องแบบกำกวมสไตล์ Dark Souls อย่างที่เรา ๆ รู้กัน โดยมิยาซากิกล่าวว่าเขาชอบที่จะให้ผู้เล่นตีความกันเอาเองมากกว่า ส่วนเรื่อง DS3 จะเกิดขึ้นในสถานที่เดียวกันกับสองภาคก่อนหน้าหรือไม่ เขาบอกแค่ว่าแม้จะใช้ "worldview" เดียวกัน แต่เขาไม่มีความคิดที่จะเขียน DS3 ขึ้นโดยใช้ภาคเก่าเป็นรากฐาน
ตอนนี้ Souls series กลายเป็นเกมระดับคนเล่นทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว ทางผู้สัมภาษณ์ได้ถามว่าจะทำอะไรที่จะทำให้ผู้เล่นเหมือนโดนเฆี่ยนโดนตีแบบที่พ่อแม่ป๋มยังไม่เคยทำถึงขนาดนี้เลยนะ แบบที่เคยจัดการมาแล้วบน Demon's Souls ในปี 2009 หรือไม่
"แน่นอนว่าผมต้องการอะไรที่มันสดใหม่สำหรับ Dark Souls 3 แล้วก็กำลังปั่นมันออกมาอยู่ รายละเอียดมากกว่านี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ครับ"
Popular News
แสดงความคิดเห็น
ความรู้สึกสุดยอดเวลาผจญภัยเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ มาเริ่มกลับมาตอนบลัดบอน แต่ก็ยังกังวลอยู่เหมือนเดิมพอได้ยินชื่อดากโซล3
แต่พอได้อ่านบทสัมภาษณ์แล้วก็รู้สึกสบายใจครับ ว่าจะต้องมีการผจญภัยที่แปลกใหม่ท้าทายยิ่งกว่าเดิมรออยู่แน่นอนครับ
เก็บเงินรอจัดวันแรกใน PS4 แน่นอนครับ
เสน่์บอสเกมนี้คือความสังเวชในชะตากรรมที่น่าเศร้าของมัน
DS2 นี่คนละคนทำครับ DS2 นี่ ผกก คือ Yui Tanimura
สัมพาษย์อื่นๆนะครับ เอามาช่วยแปะ
เกี่ยวกับตัวเกมส์
http://fextralife.com/miyazaki-dark-souls-3-magic-info-via-pcgames/
1. อาวุธจะเยอะ พอๆกับภาค 2
2. เอาดาบแทงศพเป็นเมคคานิคอันนึงของเกมส์ แต่ตอนนี้ยังไม่บอกว่าจะเอาไปทำอะไร
3. ในเดโม่นั่นไม่ได้คิดค่าน้ำหนักนะ เล่นจริงแต่งเกราะหนักสปีดจะช้าลง
4. เวทย์มนต์ยังมีอยู่
5. ยังมีเกมส์ใหม่อีกเกมส์ อยู่ในช่วง Concept phase
6. จะพยายามทำให้ Co-op กับ PVP ง่ายขึ้น
7. เวทยนต์มนต์ก็มี Special move set เหมือนกัน (กด L2 ค้าง)
เกี่ยวกับ Bloodborne
https://www.reddit.com/r/bloodborne/comments/3ggjzs/miyazaki_i_can_handle_bloodborne_dlc_and_dark/
1. Bloodborne DLC ก็ยังทำอยู่
2. เค้าทำสองโปรเจคควบ เพราะตอนทำเดม่อนโซลเข้าก็เคยทำอาร์เมอร์ดคอร์ควบมาแล้ว
3. ตราบที่มีชื่อเขาแปะเป็น Lead Director อยู่ ขอให้เชื่อใจว่างานเนี๊ยบ (DS2 Lead director เป็นทานิมูระ ส่วน มิยาซากิเป็น Supervisor)
4. ดาร์คโซล 3 Yui Tanimura ก็มาช่วยด้วย Bloodborne ก็ Japan studio ของ Sony อ่ะแหล่ะ ฉะนั้นงานนี้ชิวๆ (อันนี้ผมเติมเอง)