Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
Ant-Man ( 2015 ) บทวิจารณ์��าพยนตร์โดย FallsDownz
FallsDowns at 2015-07-21 02:39:17 , Reads (33945), Comments (33) , Source :

Ant-Man ( 2015 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz



"บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาติมดตะนอย"



ถือได้ว่าเข้าสู่จุดสิ้นสุดของ Phase ที่ 2 สำหรับจักรวาลภาพยนตร์ของค่าย Marvel แล้วก็ว่าได้ จากการแนะนำตัวละครใหม่นี้อย่าง Ant-Man ซึ่งจะปูไปสู่ภาพยนตร์ใน Phase 3 อย่าง Captain America: Civil War หรือ Avengers 3 และภาพยนตร์ในอนาคตอีกมากมายที่ทางค่ายวางแผนไว้ล่วงหน้าเป็นปีๆ จะว่าไปแล้ว การมาของตัวละครนี้ถึงแม้จะดูผิดที่ผิดเวลา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายังไงก็คงต้องมาไม่ช้าก็เร็ว


Ant-Man ว่าด้วยเรื่องราวของ สก็อตต์ แลงค์ อดีตโจรกลับใจ ซึ่งได้รับชุดที่ทำให้เขามีพลังพิเศษขึ้นมาได้ เขาจึงต้องใช้พลังของเขาในการเข้าไปขโมยของบางสิ่ง ก่อนที่เหล่าวายร้ายจะได้ไป



ถึงแม้ว่านี้จะเป็นจุดสิ้นสุดของ Phase 2 แล้ว แต่ดูเหมือนว่าปัญหาของภาพยนตร์ Marvel ก็ยังมีให้เห็นกันอยู่เต็มตา โดยเฉพาะความเป็นสูตรสำเร็จ ซ้ำซากจำเจของตัวภาพยนตร์ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและปมขัดแย้งอันซ้ำซากน่าเบื่อเป็นสิ่งที่เราเคยเห็นมาแล้วในภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นๆไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนพาเอาทั้งจุดหักมุม หรือ จุดจบของเรื่องไม่น่าตื่นเต้นเอาเสียเลย ทุกอย่างมันดูแสนจะง่ายดาย ปราศจากความลำบาก ความลึกซึ้ง หรือชั้นเชิง


ซ้ำร้ายเข้าไปอีกก็คือเหล่าตัวละครทั้งหลายในเรื่องก็แบนราบอย่างกับแพนเค้ก ตั้งแต่ตัวละครเอกโจรกลับใจให้อารมณ์โรบินฮู้ดที่ดีแสนดีสวนทางกับบริบทที่เขาทำอยู่ ตัวละครร้ายที่ก็ร้ายชนิดที่แทบจะปราศจากสาเหตุ เป็นตัวละครร้ายชนิดที่ไม่ได้มีความน่าเห็นใจ หรือความน่าสนใจแม้แต่น้อย เอาแต่โหวกเหวกโวยวาย เรียกร้องบางสิ่งบางอย่างโดยปราศจากเนื้อหามารองรับ ซึ่งส่วนหนึ่งก็คงจะต้องโทษตัวภาพยนตร์เองที่ดันให้เวลาปูเรื่องราวของตัวละครร้ายค่อนข้างจะน้อย


ในขณะเดียวกัน Ant-Man ก็เป็นภาพยนตร์ที่ค่อนข้างจะเดินไปในทิศทางภาพยนตร์ตลกซะเยอะ แตกต่างจากภาพยนตร์ของ Marvel ส่วนใหญ่ในตอนนี้ที่ค่อนข้างจะไปในโทนจริงจังซะมาก โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่กำลังจะเข้าสู่ Civil War ซึ่งอารมณ์ตลกในกรณีนี้ถือว่าไม่น่าประทับใจ แต่ก็ไม่ได้แย่อะไร เนื่องจากมุขตลกที่ก็ฮาบ้าง แปกบ้างเป็นปกติ



แต่สิ่งที่ทำให้ Ant-Man รอดตายไปได้เลยจริงๆ ก็คือการกำกับ เพย์ตัน รี้ด ที่กำกับฉากแอ็คชั่น และการใช้พลังของมนุษย์มุดออกมาได้อย่างตื่นตาตื่นใจ สนุก ตื่นเต้น เปลี่ยน Ant-Man จากต้นเรื่องอันหายนะยานอนหลับชั้นเลิศ มาเป็นกลางถึงท้ายเรื่องที่สนุก เพลิดเพลินทีเดียว


ยิ่งพอผสมผสานเข้ากับการแสดงอันยอดเยี่ยมของ ไมเคิล ดั๊กลาส และ อีแวนเจไลน์ ลิลลี ก็ทำให้ตัวละครและปมขัดแย้งอันจืดชืดของภาพยนตร์ ดูน่าสนใจขึ้นมาได้บ้าง



แต่สุดท้ายแล้ว Ant-Man ก็เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่ ที่เป็นได้แค่ทางผ่านไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าในจักรวาลภาพยนตร์ของ Marvel ตอนนี้ เนื่องจากตัวภาพยนตร์ของมันเดี่ยวๆปราศจากซึ่งความน่าจดจำหรือสิ่งใดแปลกใหม่ เป็นแค่อีกหนึ่งภาพยนตร์ดาษดื่นที่เห็นได้ตามท้องตลาดทั่วไป


Final Score: 6 / 10



(Click to expand)


แสดงความคิดเห็น
13 more comments >>
ส่วนตัวคงให้สัก 7.5 ถึงจะไม่ได้ดีมากมาย แต่ก็ทำให้สนุกดูฆ่าเวลาได้อยู่

ส่วนเชื่อมอเวนเจอส์ยังคิดอยู่เสมอว่ามันไม่เข้ากับหนังซะเลย เหมือนตั้งใจยัดมาแล้วไม่ค่อยเนียน
lottapon wrote:
Review ใน Gcon โคตรกดคะแนน... ไม่เคยเห็นเรื่องไหนได้เกิน 6

หรือว่า... สมัยนี้ มันเป็นยุคที่เทพกลับสวรรค์ไปหมดแล้ว

รีวิว = วิจารณ์

การบอกว่าชอบ หรือ ไม่ชอบ ไม่ใช่วิจารณ์ครับ

การแสดงความเห็นของคนดูทั่วไปมักขึ้นอยู่กับรสนิยม ทัศนะคติส่วนตัว ความคิดเห็นส่วนตัว เป็นแบบอัตวิสัยกันซะส่วนใหญ่ ซึ่งการแสดงความเห็นในลักษณะนี้ไม่ใช่การวิจารณ์ตามความหมายที่แท้จริง

การดูหนัง มีหลายนัยยะครับ ผมขอยกนัยยะนึงที่เกี่ยวกับการวิจารณ์

แบบแรก 1./ดูหนังแบบ Projective คือเอาตัวเอาใจใส่ลงไปกับหนังที่ดู
กับแบบทีสอง 2./ ดูแบบ Perceptive คือดุแบบมีการถอยออกมาเพ่งพินิจ วิเคราะห์ เหตุและผล ฯลฯ

แบบแรกคือคนดูทั่วๆไปครับ เป็นการดูที่ขึ้นขึ้นอยู่กับความ ชอบ หรือ ไม่ชอบ (ฉันเป็นแฟนมาเวล มาเวลดีเสมอ ฉันเป็นแฟนดีซี ดีซีเลิสทุกทาง) และอยู่กับรสนิยมส่วนตัวและปล่อยใจให้เคลิบเคลิ้มไปกับบท (ภาพ+เสียง) แบบที่เรียกว่าตกหลุมพรางแห่งเวทนา (Pathelic Fallacy) และทำให้เกิดการวิจารณ์ที่ขาดความเที่ยงธรรม

การดูหนังเพื่อวิจารณ์จึงต้องเป็นอีกแบบนึงครับ แบบที่สองนั่นเอง คือถอยออกมาเพ่งพินิจวิเคราะห์ เป็นการดูด้วยใจที่เป็นกลาง และใช้หลักเกณฑ์ต่างๆเข้ามาช่วยพิจารณา ซึ่งนี่เป็นคุณสมบัติของนักวิจารณ์ครับ

(ผมเห็นพวกเพจวิจารณืหนังที่เป็นเด็กรุ่นใหม่หลายๆเจ้าที่มักจะให้คะแนนหนังที่ตัวเองชอบสูง 8-9-10คะแนน เห็นมันยกให้The Dark Knight เป็นหนังที่ดีที่สุด อันดับหนึ่งของโลก (คือไม่ใช่ว่าหนังไม่ดีนะ) แล้วก็เห็นพวกมันจัดอันดับให้ Interstellar เป็นหนังไซไฟอันดับ1 ของโลกแล้ว แบบว่า มันจะอวยโนแลนเวอร์ไปมั๊ย?)



ผมว่าหลายคนไม่เข้าใจคำว่า "วิจารณ์" ไม่รู้จักการวิจารณ์หนัง/วรรณกรรม กันนะครับ แบบเข้าใจผิดกันไปเยอะเลย ต้องไปทำความเข้าใจกันก่อนว่าวิจารณ์หนังคืออะไร วิจารณ์ไปเพื่ออะไร ทำไมต้องวิจารณ์ แล้วเค้าวิจารณ์กันยังไง ทฤษฎีการวิจารณ์มีแบบไหน ยังไงบ้าง
Like : Exfreedom, St.Valentinus, Fi, AdsXIV, Maker_Uranus, Aquaristz
ผมว่าดีกว่า กาเดี้ยน อีกอ่ะ 5 55 5 5
นับวันหนัง mv เริ่มกลายเป็นลครหลังข่าว
อัพเดต jurassic world อีก5ล้านเหรียญจะแซงอเวนเจอร์ภาคแรกไปอยู่อันดับ3ภาพยนต์ทำเงินสูงสุดตลอดกาล(รายรับทั่วโลก) อันดับ1 avatar อันดับ2 titanic
ส่วนAoUภาค2 รายได้ทั่วโลกอยู่ที่อันดับ6ภาพยนต์ทำเงินสูงสุดตลอดกาล
ป.ล.ออกตัวผมแฟนดีซีคอมมิคยอมรับตัวเลขหนังของมาร์เวล ที่ทำเงินทล่มทลายทั่วโลก
ป.ล.2 รอแบทมาซัดพี่ซุปก่อน อาจพอคุยได้บ้าง
Like : Fugo1503
View all 3 comments >
fast 7 อันดับ 3 ?
Like : akekiller
fast 7 อันดับ 3 ?
Like : akekiller
ครับ ตัวเลขที่มาboxofficemojo.comที่เดียว ผิดพลาดประการใดเตือนเลยครับ
หนังมันฮามาก ตั้งแต่ดูหนังMavelมาผมให้เรื่องนี้ฮาสุดแล้ว
โดยรวมชอบกว่าAoUมาก อันนั้นน่าผิดหวังสุดๆ
ตั้งแต่อ่านที่นี่มาถือว่าโอเคเลยนะ วิจารณ์แบบคนที่ดูหนังมาเยอะไม่ใช่เด็กที่พึ่งเกิดมาดูอย่างงั้นมันก็สนุกเต็ม10ทุกเรื่องล่ะนะ

ปีนี้ก็ปาไปเดือน7ละยังไม่มีหนังโดนใจเท่าไหร่เลย
ก็ไม่แปลกหรอกที่คนไทยจะชอบ ANT MAN คนไทยชอบดูหนังตลกบ้าๆบอๆกันเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว
ผมไม่ดูหนังไทย แต่ผมชอบ Antman

แล้วก็คนที่ดูเรื่องนี้แล้วสนุก ไม่ได้เกี่ยวเลยว่าเป็นเด็กหัดดูหนัง คือหนังมันดูแล้วสนุกเราก็บอกว่าสนุก ไม่เห็นต้องคิดไรมาก

แล้วตอนที่ผมยังเด็ก ก็ไม่ได้คิดว่าหนังทุกเรื่องสนุกเต็ม 10 หมดด้วย

Like : W!Ne, HellRaiZer
ผมว่าบางทีพวกหนัง marvel มันควรจะมีแนวตลกบ้างน่ะ มันเหมาะกับพาลูกหลานพาครอบครัวไปดู
ส่วนตัวดูพากย์ไทยอย่างฮาเลย ให้ 7.5 คะแนนละกัน
แต่สำหรับผมหนังในรอบปีที่ดูมาไม่มีเรื่องไหนสู้ Interstellar ได้แล้วล่ะ เนื้อหาเค้าดีจริงๆ แถมลุ้นไปทุกวินาทีเลย เรื่องนี้แรงค์ S ของแท้