ถ้าไม่ติดว่าต้องช่วยคน พี่แกคงไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
ภาคต่อน้องโคลอี้ยังอยู่ด้วย แหล่มไปเลย คราวนี้บทคงเยอะขึ้น

โดนเทรเล่อหลอกอะนะ นึกว่าจะเข้ม

นึกว่าหนังเครื่องเสียง น่าจะเปลี่ยนจากถือปืน มาถือไมค์

เรื่องนี้ ตอนผมจะซื้อแผ่น พนักงานร้าน Boom... นายหนึ่ง บอกผมว่า
อย่าดูเลยพี่ ไม่สนุกเลย ไม่ค่อยยิงกันหรอก ดูจอห์น วิคดีกว่า มันส์แน่นอน


คือ ท่าทาง เขาจะเข้าใจแต่ว่า หนังแอคชั่น ต้องบู๊ล้างผลาญอย่างเดียวล่ะมั้ง
แล้วก็ พระเอก มาคนละแนว กับจอห์น วิคเลย
Equilizer ดูมีคลาส มีศิลปะการฆ่ามากกว่า วิค ที่ถือปืนยิงแหลก

เรื่องนี้ ผมว่า อารมณ์คล้ายๆ เรื่อง Man on Fire ที่ Denzel Washington นำแสดงเหมือนกัน
แรกๆก็อาจจะเนิบๆ พอช่วงไคลแมกซ์ ก็เริ่มลุ้น ดูมันฆ่าอย่างสะใจ

ใครว่าไม่สนุก ผมว่าสนุก

ต่างกัน ผมดูเทรเล่อหน้าโรงของทั้งสองเรื่อง ผมก็ว่าจอห์นวิคเห่ยแตกสุดๆ เนื้อเรื่องน่าขันอย่างแรง
แล้วมันก็เป็นงั้นจริง

แต่เชื่อไหม พอดูจบเทียบกะ eq ผมว่าเนื้อเรื่องจอนวิคให้อะไรกลับมามากกว่า
อย่างน้อยก็ได้ดูเซตติ้งโซไซตี้นักฆ่าของมันขำๆ เป็นการ์ตูนดี 555
แต่ก็ไม่แนะนำทั้งคู่อะนะ ป้อนความสะใจฆ่าผู้ร้ายสาสมจิมๆ ผมว่าcheap ชี้นำสังคมผิดๆอีก

มันสร้างมาจากหนังทีวีซีรี่ย์ในยุค 80 น่ะครับ แต่ส่วนใหญ่ไม่เข้าใจไง (แต่หนังก็ต่างจากต้นฉบับอยู่นะ) ส่วนใหญ่คนหวังว่าแอ็คชั่นในหนังเรื่องนี้คงจะแบบยิงกระหน่ำ แต่จริงๆแอ็คชั่นเรื่องนี้คือมาด สไคล์ของพระเอก (จริงๆหนังขายแฟนเก่าๆของซีรี่ย์ ที่ป่านนี้ไปไหนกันแล้วไม่รู้) ผมว่าแอ็คชั่นของ จอห์น วิค ส่วนที่เจ๋งที่สุดคือโลกนักฆ่าของจอห์น วิคนะ เรื่องนี้ของแดนเซลก็คล้ายๆกัน (แต่ไม่ลึกลับเท่าจอห์น วิค)

คำเตือนเม้นนี้ค่อนข้างสปอย

ความคิดเห็นส่วนตัวในเเง่เนื้อหาของหนัง ตัวละครที่ค่อนข้างคล้ายกันในเเง่การล้างเเค้นเเต่ก็ไม่เหมือนกัน
หนังของ คีอานู นำเสนอเกี่ยวกับอดีตนักฆ่า ที่ถอนตัวไปเมียตายเหลือหมาเเสนรักไว้ให้เลี้ยงจนเป็นเสมือนของขวัญจากเมียให้ดูต่างหน้า หมาโดนฆ่ารถโดนขโมย เป็นเเรงผลักดันให้ตัวละคนปลุกผีนักฆ่าในตัวขึ้นมาอีกครั้ง ล่าล้างตัวต้นเรื่องถึงไหนถึงกันเเบบเอาเป็นเอาตายเเต่สุดท้ายจบเเบบว่านะ..ซึ่งทั้งเรื่องจะเห็นได้ว่าทั้งทุบทั้งต่อยสาดกระสุนตามสไตร์หนังเเนวนี้

กับอีกเรื่อง ซึ่งส่วนตัวผมดูว่ามันลึกกว่าหนังของคีอานู เยอะ ประเด้นการล้างเเค้นให้กับคนที่รู้จักผ่านๆเท่านั้น เอาเหอะถึงเเม้ว่ามันจะดูว่าประเด็นตรงนี้มันยังส่งพลังไม่มากพอต่อการกระทำของตัวเอกที่ล่าล้างตัวร้าย ก็ตาม ในเเง่ของงานเเอคชั่นพระเอกถูกเขียนสคริปให้มีความสามารถรอบด้านจบเรียกได้ว่ามันคือ เเบทเเมนในคราบของชายผิวดำ เพราะเอกค่อนข้างจะคิดเเละประเมินสถานะการณ์ในการต่อสู้เเละวางเเผนอยู่เสมอ เเทบตะตลอดเรื่องจะเห็นพระเอก ใช้เทคนิคต่างๆในการหลบหลีกหรือสืบหาขอมูลต่างๆในเเบบที่ว่ามันดูมีชั้นเชิงมากกว่าจะเอากระสุนสาดกันอย่างเดียว ฉากที่ตัวร้ายมาหาที่บ้านพระเอกเเละอ้างว่าเป็นตำรวจที่พี่เเกซักประวัติตำรวจเก๋ซะจน ง่อย หรือหลายๆฉากที่ใช้อุปกรณ์รอบตัว เป็นอาวุธ ที่ใช้ห่ำหั่นกับตัวร้าย

ถ้าคนชอบหนังเเนว เจสัน บอร์น EQ นี่น่าจะตอบโจทย์ เเต่หากคนชอบ หนังของ ไมเคิล เบย์ หรือ เจอรี่ บรั๊คไฮเมอร์ JW น่าจะเป็นคำตอบ

ยังไงทั้ง The Equalizer กับ John Wick ก็มีภาคต่อด้วยกันทั้งคู่ แต่หนังไม่ได้เป็นคู่แข่งกันนะครับ อย่างที่รู้กัน Chad Stahelski กับ David Leitch เคยเป็นสตั๊นแมนในหนัง The Matrix มาก่อน หนังเรื่อง John Wick เลยออกมาแนวแอ็คชั่นสตั๊นไฟท์ติ้ง เห็นล่าสุดสองคนนี้ไปคุยกับจา พนมด้วยนะ แอบลุ้นให้จาได้ไปโผล่ใน John Wick เหมือนกัน

เรื่องนี้ สนุกดีครับ ถึงแม้จะมี ฉายบูี ไม่ได้เยอะแยะ เหมือนพวกหนังสายบูีแบบคิดไม่ต้องมาก แต่ ตัวหนัง มี ศิลปะ การทำเนินเรื่อง รวมทั้ง การใช้ กลยุทธ และ การ บีบบังคับ เป้าหมาย ผมนี่ ดูละชอบเลย

โดยส่วนตัว ผมว่า Equalizer ดูลงรายละเอียดบทตัวเอกลึกมากกว่า John Wick นะ John Wick พูดถึงที่มาพระเอกแบบลวกๆไป เลยดูไม่ค่อยยิ่งใหญ่สักเท่าไหร่ มีดีแค่คิวบู๊จริงๆนั้นแหละ