Menu
[--mobilemenu--]
บราวเซอร์ของท่านไม่สนับสนุนหรือปิดการใช้งาน javascript ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานไซต์บางส่วนเช่นการเข้าลิ้งค์ หรือโพสข้อความได้ตามปกติ, กรุณาเปิดการใช้งาน javascript เพื่อที่จะใช้งานเว็บ gconhubม หากมีปัญหาในการใช้งาน หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]
Cinderella ( 2015 ) บทวิจารณ์��าพยนตร์ โดย FallsDownz
FallsDowns at 2015-03-18 16:02:23 , Reads (16946), Comments (8) , Source :

Cinderella ( 2015 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์ โดย FallsDownz



"รองเท้าแก้วปัดฝุ่น"



ณ ตอนนี้ ดูเหมือนค่ายและสตูดิโอผู้สร้าง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นค่ายเจ้าหนู ดิสนีย์ ตั้งแต่การซื้อ Marvel , Star Wars แล้วยังจะภาพยนตร์อนิเมชั่นของตนเอง ที่ช่วงนี้ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จเป็นพิเศษอย่าง Frozen ( 2013 ) และ Big Hero 6 ( 2014 ) นี้ยังไม่นับถึงการประกาศสร้างภาพยนตร์จำนวนมากแบบล่วงหน้า เสมือนไม่กลัวว่าจะเจ๊งแต่อย่างใดเลย โดยเฉพาะสตูดิโอของ Marvel ที่ประกาศกันที 5-6 เรื่องติดกัน


ซึ่งอีกหนึ่งแนวทาง ที่ทางดิสนีย์กำลังตั้งใจสร้างอยู่ในขณะนี้ ก็คือการชุบชีวิตภาพยนตร์อนิเมชั่นคลาสสิคทั้งหลาย มาทำเป็นภาพยนตร์ Live-Action เช่นปีที่แล้ว Maleficent ( 2014 ) ปีนี้ Cinderella ( 2015 ) และ Beauty and the Beast ที่ได้นักแสดงสาวขวัญใจวัยรุ่นอย่าง เอ็มม่า วัตสัน มารับบทเป็นเบลล่าในปี 2017 อีกด้วย


Cinderella ยังคงเรื่องราวแบบเดิม ที่ว่าด้วยเรื่องราวของซินเดอเรลล่า ผู้ซึ่งถูกใช้งานเยี่ยงทาสจากแม่เลี้ยง และพี่สาวใจร้ายทั้งสองของเธอ แต่อยู่มาวันหนึ่งเธอก็ได้พบกับเจ้าชายที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล




ที่น่าแปลกใจในภาพยนตร์ Live-Action ของดิสนีย์เรื่องนี้เลยก็คือ การที่คราวนี้ไม่มีการปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงส่วนใดๆของบทภาพยนตร์เลย หมายความว่าเราจำได้ว่าภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง Cinderella ในปี 1950 เป็นอย่างไร ตัวภาพยนตร์ก็เป็นแบบนั้นเปะๆ


ที่น่าแปลกก็เพราะว่า ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของดิสนีย์อย่าง Maleficent ถึงแม้ว่าจะมีต้นแบบมาจาก Sleeping Beauty (1959 ) ก็จริง แต่ตัวภาพยนตร์ก็เปลี่ยนมาเล่าในมุมมองของตัวละคร มาเลฟิเซนต์ แทนซึ่งทำให้เกิดมุมมองใหม่ของตัวภาพยนตร์ ในขณะที่ Cinderella ( 2015 ) กลับเล่าเหมือนเดิมเปะๆ และการทำเช่นนั้นมันก็ทำให้เกิดปัญหาอยู่เหมือนกัน


เนื่องจากมันจะทำให้ตัวภาพยนตร์จะออกมาไม่น่าติดตามหรือน่าสนใจเท่าที่ควร เพราะผู้ชมส่วนใหญ่ก็น่าจะทราบถึงเรื่องราวของ Cinderella ( 1950 )ไม่มากก็น้อยอยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรในภาพยนตร์ที่จะสามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความสดใหม่ได้อีก
ไม่แน่ใจว่าเพราะด้วยภาพยนตร์เรื่อง Into the Woods ( 2014 ) เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งก็นำเรื่องราวของซินเดอเรลล่ามาเล่า แต่ปรับเปลี่ยนให้เหมือนต้นฉบับมากขึ้นด้วยรึเปล่า ทางดิสนีย์จึงตัดสินใจที่จะไม่ปรับเปลี่ยนอะไรในซินเดอเรลล่าฉบับนี้




ถึงกระนั้นก็ตาม สิ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คือด้านโปรดัคชั่นดีไซน์ การสร้างฉาก อุปกรณ์ เสื้อผ้า และสิ่งของต่างๆในภาพยนตร์ ที่อลังการงานสร้างชนิดที่สาวกดิสนีย์คนไหนไปชมก็คงจะฟินไปตามๆกัน โดยเฉพาะรถฟักทองและรองเท้าแก้วของซินเดอเรลล่าที่มองทีไรก็พาขนลุกไปทุกทีเพราะมันช่างงดงามเหลือเกิน


แต่ถ้าหากจะมีสิ่งหนึ่ง ที่ผู้เขียนรู้สึกเสียดายมากที่สุดในการนำภาพยนตร์ Cinderella ( 1950 ) กลับมาสร้างใหม่ในครั้งนี้ ก็คือการเล่าถึงความสัมพันธ์ของสองตัวละคร ซินเดอเรลล่า กับ แม่เลี้ยงใจร้ายของเธอ โดยเฉพาะในด้านตัวละครแม่เลี้ยงใจร้าย ที่น่าจะมีการพูดถึงสาเหตุที่เธอเป็นเช่นนี้และทำไมเธอถึงทำกับซินเดอเรลล่าเช่นนี้ได้ แต่ตัวภาพยนตร์ยังให้เวลาในส่วนนี้น้อยเกินไป จนทำให้เรื่องราวในจุดนี้ไปได้ไม่ไกลเท่าที่ควร และได้แตะเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น


กลายเป็นว่าอีกหนึ่งความสัมพันธ์ อย่างความสัมพันธ์พ่อ-ลูกของเจ้าชายกับพระราชา กลับน่าสนใจและสรุปออกมาได้ดีมากกว่าเสียอีก
ซึ่งเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากทีเดียว โดยเฉพาะถ้าหากคิดถึงนักแสดง เคต บลานเชตต์ ก็นำแสดงเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายได้แซ่บสุดๆเลยทีเดียว




สรุปแล้ว Cinderella ในฉบับปี 2015 นี้ ก็ไม่สามารถที่จะนำเสนอสิ่งใหม่อะไรได้เลยนอกจากโปรดัคชั่นดีไซน์อันตระการตา ถึงแม้ว่านั่นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่แย่เสมอไป แต่เราก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธถึงความรู้สึกอันเฉยชา ค่อนไปทางเบื่อหน่ายเมื่อใดก็ตามที่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่งดงามพอที่จะดึงดูดความสนใจเราไปได้

แต่ในท้ายที่สุด Cinderella ( 2015 ) ก็ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่สอนข้อคิดที่น่าสนใจให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการให้เราพยายามมองข้ามเรื่องชนชั้นและฐานะของบุคคลไป แต่มองไปที่จิตใจของคนผู้นั้นที่อาจจะดีและสวยงามยิ่งกว่ารองเท้าแก้วไหนๆนั้นเอง


Final Score : [ B - , 6.75 / 10 ]



(Click to expand)


แสดงความคิดเห็น
ผมว่าสนุกมากนะ ทำมาได้ใกล้เคียงต้นฉบับมาก แทบไม่ได้โม้เนื้อหาใหม่แบบหลายๆเรื่อง

สนุกแบบคลาสสิคเลยแหละ ดีมากๆ ใครแฟนดิสนี่ เคยดูเรื่องพวกนี้มากก่อน พลาดดูเสียดายตายเลย
ไอ้ฉากที่เฉกรถม้า มันก็อปช็อตต่อช็อตจากการ์ตูนเลยมั้ง คุ้นตามาก
ดูจบรู้สึกว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้เด็กผู้หญิง สาวๆ หรือเด็กรุ่นไหม่ๆ ฟิน มากกว่า
นางเอกเอวคอดมาก นั่นเอวเหรอนั่น
ผมชอบตรงหลายๆฉากมันเอามาจากการ์ตูนเนี่ยแหล่ะ แบบฉากต่อฉากเลย
ดูแล้วคิดถึงอดีตตอนเป็นเด็กที่ดูเรื่องนี้มากๆ
อยากถามว่า มีฉากร้องเพลงแบบการ์ตูนไหมครับ แล้วเพลงแบบเดิมหรือเพลงใหม่ ขอบคุณครับ
Maker_Uranus wrote:
อยากถามว่า มีฉากร้องเพลงแบบการ์ตูนไหมครับ แล้วเพลงแบบเดิมหรือเพลงใหม่ ขอบคุณครับ


ไม่มีนะครับผม
ขอบคุณครับ นึกว่าจะมี
ผมรู้สึกมานานแล้ว ว่านิยายเรื่องซินเดอเรลล่า ที่มันโดนใจคน เพราะมัน "เพ้อฝัน"
เนื่องจากในโลกของความเป็นจริง ผู้ชาย ก็อยากได้ผู้หญิงสวย ๆ นิสัยดี มาเป็นแม่ของลูก
ส่วนผู้หญิงก็อยากได้ผู้ชาย หล่อ ... และที่สำคัญ "รวย" (เอาเป็นว่า มั่นคงพอให้พึ่งพิงได้น่ะนะ)

คือ มันเป็นอะไรที่ทำให้คนเพ้อฝันน่ะ

แบบว่า ผู้หญิงดูแล้วก็ฟิน... อยากเป็นน้องซิน ที่จับพลัดจับผลูได้แต่งกะเจ้าชาย (ทั้งหล่อ ทั้งรวย)
ส่วนผู้ชายที่ดู ก็จะแบบว่า... เอิ่ม... เจอน้องซิน ทั้งสวย ทั้งแสนดีแบบนี้ เจอะแบบนี้ ใครไม่รักก็บร้าแว้ว

เจอกันแปร๊บ ๆ ยังไม่ทันรู้จักนิสัยใจคอของกันและกัน ก็แต่งกันละ (แบบนี้ มันรักกันที่เปลือกนอกชัด ๆ)... คนเราจะบอกว่ารักกันแรกพบก็มีนะ แต่น้อย เพราะบางคนเจอกันตอนแรกก็ปิ๊ง แต่พออยู่ ๆ กันไป ได้รู้ถึงนิสัยแย่ ๆ ของแต่ละคนแล้วรับไม่ได้ ก็มาทะเลาะกัน เลิกลากัน

...

ซึ่งในโลกของความเป็นจริง การที่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับใคร... มันช่างเป็นเรื่องยากเสียเหลือเกิน
ผู้ชายรวย ส่วนใหญ่ก็ไม่ดี (เพราะผู้ชายดี ๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้ร่ำรวยมาจากไหน พอจะอยากได้คนสวย ๆ ... คนสวย ๆ ก็ไม่แลตามอง)
ผู้หญิงสวยส่วนใหญ่ ก็หวังแต่จะจับผู้ชายรวย ๆ ... พอจับไม่ได้ซักที ก็มาบ่นว่า "หาผู้ชายดี ๆ ไม่เจอ"... (ก็ผู้ชายดี ๆ ไม่หล่อ ไม่รวย ... แต่นิสัยดีม๊ากมาก ก็ไม่เอา)

หากันไป หากันมา... ไม่เจอซักที

สุดท้าย ... การได้ฟิน.. แม้จะแค่ในนิยาย ก็ยังดีเนอะ ^^

(เขียนขำ ๆ นะครับ... อย่าซีเรียส)
Like : Sorrowkung